2

ตอนที่ 2



คำถามนั้นทำให้เดหลีหรี่ตาลงช้าๆ พลางช้อนตาขึ้นมองเจ้าของใบหน้าคมคายตรงหน้าอย่างหมั่นไส้ระคนค้นคว้า

“คุณอยากได้จริงหรือคะ”

“คุณกล้าให้หรือเปล่าล่ะ”

ชายหนุ่มย้อน พร้อมจ้องหน้าเธอคล้ายจะท้าทายแกมล้อเลียน ก่อนจะถอยไปนั่งเอนหลังพิงโซฟาตัวยาวในห้องรับแขกอย่างรอคอย

เขาคงคิดว่าเธอไม่กล้าเอาตัวเองผูกโบส่งให้เขาแทนของขวัญล่ะสิ ถึงได้ถามอะไรแบบนี้

แต่...

ขอโทษนะ เดหลีคนนี้ผ่านฝนผ่านหนาวเป็นสาวมาตั้งไม่รู้กี่ปีแล้ว หรือพูดง่ายๆ คือถ้ารออีกหน่อยก็คงแก่จนปีนลงคานไม่ไหว มิหนำซ้ำก็เพิ่งได้รับตำแหน่งป้ามาครองหมาดๆ และทำท่าจะได้ตำแหน่ง อาตามมาในไม่ช้า เพราะทั้งน้องชายและพี่ชายพากันแต่งงานแซงหน้า ซ้ำยังเร่งผลิตทายาทเป็นแฝดสอง แฝดสาม ราวกับจะแข่งกันตั้งทีมฟุตบอลเร็วๆ นี้

และขืนเธอหน้าบางนักก็คงต้องอยู่บนคานโดยมีพวกเกิร์ลแก๊งที่เคยแฮงก์เอาต์ด้วยกันมาตลอดหลายปีนี้เป็นเพื่อน และเป็นได้แค่ มนุษย์ป้าหรือ มนุษย์อา ไม่มีทางเป็น มนุษย์เมีย หรือ มนุษย์แม่ อย่างใครๆ

ยิ่งกว่านั้น วนิษาเพิ่งบอกว่าจะไม่กลับมาจนกว่าจะเช้าวันพรุ่งนี้

ตอนนี้ในบ้านมีแค่เธอกับเขาเท่านั้น หญิงสาวจึงเชิดปลายคางมน บอกตัวเองให้มั่นใจเข้าไว้

บทนางแมวยั่วสวาทง่ายๆ แค่นี้ เธอทำได้สบายมาก!

แต่ถึงอย่างนั้นมือเรียวก็ไม่วายสั่นเทาตอนหญิงสาวเลื่อนไปแตะซิปกางเกงผ้าสีเข้มเนื้อนิ่มแบบเรียบแต่หรูและสวมสบาย

“ให้ผมถอดให้ไหม” เสียงห้าวกระเซ้าขึ้น คงเพราะเห็นท่าทางงกๆ เงิ่นๆ ของเธอนั่นเอง

เดหลีขึงตาใส่อีกฝ่ายอย่างดุเดือด “ไม่ต้อง”

จากนั้นเธอก็รูดซิปกางเกงลงอย่างรวดเร็ว แล้วปล่อยให้ผ้าเนื้อนิ่มลงไปกองเป็นวงที่รอบข้อเท้าเรียว ช่วงขาเพรียวเย็นวาบพร้อมๆ กับได้ยินเสียงแหบห้าวครางในลำคอเบาๆ ดังแผ่วมาเข้าหู และพอเหลือบมองไปก็เห็นชายหนุ่มมองมาด้วยสายตาเข้มจัด...เหมือนจะกลืนกินเธอผ่านดวงตาคมคู่นั้น เลยนึกดีใจไม่น้อยที่สามารถสร้างความรู้สึกหวั่นไหวให้อีกฝ่ายได้ถึงเพียงนี้ ทั้งที่เธอเองก็กำลังย่ำแย่ไม่แพ้กัน

ดวงตาคู่นั้นช่างมีอานุภาพแรงกล้า ทำให้มือทั้งสองข้างของเธอสั่นระริกจนแกะกระดุมไม่ออก

หลังจากงุ่มง่ามแกะกระดุมอยู่เกือบนาที ร่างระหงของหญิงสาวก็ถูกคนที่เฝ้ามองกระชากให้เข้าไปหาเสียแล้ว

“ใจคอคุณจะยั่วผมให้เลือดออกเจ็ดทวารตายเลยหรือไง” เขาถามเสียงเข้ม ประกายแห่งความปรารถนาเรืองรองในดวงตา

“ใครว่ายั่วคะ ฉันก็แค่อยากให้เหลือโบเส้นนี้แค่เส้นเดียวอย่างที่คุณบอกไง” เธอตอบเสียงขึงขัง แต่เนื้อตัวกลับอ่อนเปลี้ยเต็มที เป็นอาการที่เกิดขึ้นทุกครั้งเมื่ออยู่ใกล้อีกฝ่าย

เหมือนเขาเป็นกองไฟ แล้วเธอคือก้อนน้ำแข็ง...แค่โดนไอความร้อนก็พร้อมจะละลายกลายเป็นหยดน้ำเสียแล้ว

“ผมไม่สนใจโบอะไรนั่นหรอก” เขมวันต์ตอบเสียงห้าวติดกระด้างเล็กน้อย ทำให้รู้ว่าหมดเวลาสำหรับการยั่วเย้ากระเซ้าแหย่ในค่ำคืนนี้แล้ว

ชายหนุ่มต้องการของขวัญวันเกิดของเขาเดี๋ยวนี้!

และเธอเองก็พร้อมจะมอบให้ แต่ไม่รู้ว่าควรจะให้อย่างไร เพราะสิ่งเดียวที่เดหลีเจนจัดคือเรื่องงาน ไม่ใช่เรื่องรัก ยิ่งกว่านั้น ความหวาดกลัวที่ซ่อนไว้ลึกๆ ในใจก็ทำให้มือทั้งสองข้างลูบไล้สะเปะสะปะไปบนแผ่นหลังกว้างที่ตึงแน่นของชายหนุ่มอย่างไร้เดียงสา แต่นั่นกลับทำให้เขมวันต์ครางกระหึ่มในลำคอ และบดเบียดริมฝีปากลงมาทวงจูบจากเธออย่างไม่รีรอ

จุมพิตของเขาลึกซึ้งและแทบดูดกลืนจิตวิญญาณของเธอเข้าไปด้วย ขณะที่ปลายลิ้นก็อุกอาจและกล้าหยอกล้อกับปลายลิ้นอ่อนนุ่มของเธออย่างไม่เกรงใจ

เขาทำให้เสียงครวญครางของเธอถูกกลืนหายไปในลำคอ และเสียงหวีดร้องด้วยความตกใจกลับกลายเป็นเสียงงึมงำแทนเมื่อบราเซียร์ที่สวมอยู่ถูกปลดลงจากหัวไหล่มน เพื่อให้มือหนาได้ฟอนเฟ้นทรวงอกเต็มตึงอย่างถนัดถนี่ และทำให้บริเวณปลายยอดคัดขึ้นเป็นไตแข็ง จากนั้นริมฝีปากกระด้างของชายหนุ่มก็เลื่อนลงมาหาอย่างอ้อยอิ่ง เขาขบเล็มผิวอ่อนๆ ตรงลำคอระหงของเธออย่างช้าๆ และเปล่งเสียงหัวเราะเบาๆ ด้วยความพึงพอใจ เมื่อกำปั้นน้อยๆ ของหญิงสาวทุบเข้าที่ต้นแขนเป็นเชิงเร่งเร้า

เดหลีไม่รู้ว่าเธอต้องการอะไร หรืออยากให้เขาทำอะไร รู้แค่ว่าเขมวันต์เล่นเกมนี้ช้าไป...เธออยากให้เขารุกอย่างรวดเร็วและหนักมือกว่านี้ แต่ยังไม่ทันได้เอ่ยคำประท้วงออกไปก็ได้ยินเสียงกระซิบเหมือนปลอบประโลมดังขึ้น พร้อมๆ กับรู้สึกอุ่นจัดและเปียกชื้นตรงยอดทรวงซึ่งไวต่อความรู้สึก เพราะถูกริมฝีปากอีกฝ่ายครอบครองอย่างหิวโหย

เขมวันต์ทำเหมือนเธอคือแหล่งน้ำกลางทะเลทรายที่ดูดกลืนเท่าไรก็ไม่มีวันพอ ขณะที่เดหลีรู้สึกราวกับมีกระแสไฟแล่นปราดไปทั่วร่างทำให้เนื้อตัวชา และสมองคล้ายมีม่านหมอกบดบังจนคิดอะไรไม่ออก รู้แต่ว่าเธอปรารถนาให้อีกฝ่ายกอดรัดให้แนบสนิทยิ่งกว่านี้ ทั้งยังรู้สึกปรีดิ์เปรมไม่น้อยเมื่อถูกปลายฟันขาวคมขบย้ำลงมาเบาๆ ตรงส่วนปลายยอด และรู้สึกดียิ่งกว่านั้นเมื่อฝ่ามือของเขากระทำอุกอาจซอกซอนไปจนทั่ว

หญิงสาวไม่รู้ด้วยซ้ำว่าชายหนุ่มผละไปถอดเสื้อออกตอนไหน มารู้สึกตัวก็ตอนที่แผ่นหลังแตะเข้ากับเบาะโซฟาหนังแท้ โดยมีร่างหนาที่เปลือยแผงอกกว้างของอีกฝ่ายทาบทับอยู่ด้านบน พร้อมกับได้ยินเสียงห้าวพึมพำที่ข้างหู ขณะที่เขากำลังไล้ปลายลิ้นวนไปมาเพื่อหยอกล้อติ่งหูขาวสะอาดของเธอ เลยต้องตั้งสติอยู่นานกว่าจะจับคำได้ว่า

“คุณโอเคไหม”

“คะ...” ถามซ้ำด้วยความงุนงง

“ถ้าคุณไม่โอเค ผมจะหยุด”

เขมวันต์ตอบพร้อมเงยหน้าขึ้นมองมาด้วยสายตาคมกล้า สีหน้าเขาจริงจังบอกให้รู้ว่าเธอยังมีโอกาสตัดสินใจอีกครั้ง ก่อนก้าวผ่านค่ำคืนนี้ไปกับเขา

เดหลีอดไม่ได้ที่จะตัวสั่นน้อยๆ แม้ก่อนหน้านี้จะบอกตัวเองว่าได้ตัดสินใจมาดีแล้ว

เธอรอเวลานี้มาเกือบปี และควรจะได้สานต่อสิ่งที่ควรจะเกิดขึ้นเมื่อสิบห้าปีก่อนเสียที แต่ถึงอย่างนั้น หญิงสาวก็ยังคงหวาดหวั่นไม่น้อย ต้องบอกตัวเองให้ฝืนทำใจกล้าตอนประสานตากับคนตรงหน้าแล้วเอื้อมมือไปโอบรั้งลำคอหนา ให้ใบหน้าคมคายของชายหนุ่มก้มต่ำลงมาหา พร้อมกับกลั้นใจแอ่นหยัดเรือนร่างขึ้นไปหาลำตัวแกร่งอย่างยั่วยวนแทนคำตอบ

“คุณคิดว่ายังไงล่ะ”

ถามจบก็ได้ยินเสียงแหบห้าวครางออกมา พร้อมกับสะโพกหนาหนักที่กดทับลงมาอย่างเจตนาให้เธอได้ตระหนักถึงองคาพยพที่แข็งแกร่งและอุ่นจัดราวท่อนเหล็กอังไฟ บ่งบอกให้รู้ว่าเขมวันต์พร้อมยิ่งกว่าพร้อม

เดหลีอยากจะร้องกรี๊ด เมื่อจินตนาการถึงสิ่งที่ซุกซ่อนอยู่ภายใต้กางเกงของอีกฝ่าย เลยสั่งตัวเองให้รีบปิดเปลือกตาลง แล้วหยุดคิดให้วุ่นวายไป จากนั้นก็ยื่นริมฝีปากไปทาบทับริมฝีปากของเขาก่อนเป็นครั้งแรก

แต่...จูบนี้ไม่เหมือนเวลาที่เขาเป็นคนจูบแม้แต่น้อย

ไม่รู้เพราะเธองุ่มง่ามหรือเกร็งเกินไปกันแน่ แทนที่ปากจะประกบปากอย่างดูดดื่มซาบซ่าน กลับกลายเป็นว่าฟันของเธอไปกระแทกริมฝีปากเขาอย่างจัง

ได้ยินเสียงสูดปากเบาๆ ดังขึ้น พร้อมเสียงห้าวหัวเราะแผ่วๆ ตามมา

“ผมว่าเรามาเริ่มกันใหม่ตั้งแต่จูบเลยดีกว่า”

“ฉันก็คิดว่า...ฉันควรไปเตรียมตัวมาใหม่เหมือนกัน”

“หือ” มีเครื่องหมายในดวงตาคมของอีกฝ่าย ขณะที่เธอคลี่ยิ้มหวานส่งให้เขา แต่รู้ดีว่าคงเป็นรอยยิ้มที่ฝืดเฝื่อนเต็มที

“ฉัน...ฉันขอไปเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ” เดหลีกลั้นใจบอกไปอย่างนั้น แต่ยังไม่ทันได้พลิกตัวหนีไปจากชายหนุ่ม มือแข็งแรงของเขาก็คว้าข้อมือเธอไว้แน่น และดึงให้เข้าไปหาอย่างรวดเร็ว

“คุณสวยพอแล้ว ไม่ต้องไปแต่งหน้าทำผมใหม่อีกแล้ว”

“ใครบอกว่าฉันจะไปแต่งหน้าทำผมกันคะ”

“งั้นคุณจะไปทำอะไร” เขมวันต์ถามพร้อมก้มหน้าต่ำลงมา ขณะที่เดหลีอึกอัก ไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรดี

และก่อนที่กลีบปากหนาจะทาบทับลงมาเพื่อสอนให้รู้จักวิถีแห่งจุมพิต ก็มีเสียงบางอย่างดังแทรกเสียก่อน หญิงสาวได้ยินไม่ถนัดในตอนแรก เนื่องด้วยเสียงหอบหายใจของชายหนุ่มดังกว่า ขณะที่เขมวันต์ก็คงไม่ได้ใส่ใจเหมือนกัน เพราะปลายฟันขาวคมของเขากำลังขบเล็มริมฝีปากล่างของเธออย่างหิวโหย

ทว่ากลับมีเสียงเหมือนหินกระทบกระจกหน้าต่างดังขึ้นในตอนนั้นเอง

ทั้งสองต่างสะดุ้งโหยง ผละจากกันโดยไม่รู้ตัวและหันไปมองแหล่งกำเนิดเสียงเป็นทางเดียว จากนั้นเดหลีก็พบว่าไฟในห้องรับแขกยังคงสว่างจ้า ซ้ำโซฟาตัวนี้ยังหันหน้าเข้าหาหน้าต่างห้องเสียด้วย เธอเลยรีบคว้าเสื้อผ้าที่กองอยู่บนพื้นมาปิดร่างเปล่าเปลือยไว้แทบไม่ทัน ใบหน้าร้อนผ่าวไปหมด พร้อมภาวนาให้พุ่มไม้ใบดกหนาด้านนอกช่วยพรางสายตาคนที่อยู่ด้านนอกไว้ได้

ส่วนเขมวันต์ก็หงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัด เขาก้าวสวบๆ ตรงไปที่หน้าต่าง แล้วตะโกนถามเสียงกระด้างออกไป “ใครน่ะ”

“ผมเองหมอ ช่วยผมที นังลออมันตกเลือด”

เสียงสั่นๆ ที่ตะโกนตอบกลับมาเดาได้ว่าคงเป็นชาวสวนคนหนึ่งที่อาศัยอยู่ในละแวกนี้ เพราะเขมวันต์เปลี่ยนท่าทีไปในทันที เขาเหลือบมองเธอด้วยสายตาลุแก่โทษ

“เดี๋ยวผมจะรีบกลับมานะคุณเดย์” เขมวันต์วิ่งพรวดออกไปจากห้องทั้งๆ ที่เพิ่งใส่แขนเสื้อได้แค่ข้างเดียว

เหมือนอย่างคืนนั้นที่เธอเคยชวนเขาไปตีกลองให้ฟังที่ห้อง แต่เขมวันต์เลือกที่จะบรรเลงเพลงรักแทน ทว่าบทเพลงเพิ่งเริ่มต้น จังหวะยังไม่ทันได้เข้ากันดีก็มีโทรศัพท์มาตามตัวเขาด่วน คนไข้ที่เขมวันต์รับฝากท้องมีอาการไม่ดี และเขาก็ไม่ไว้ใจให้หมอคนอื่นดูแลแทน จึงต้องรีบบึ่งรถกลับไปคลองหมาแหงนในทันที

ขณะที่เดหลีไม่รู้เหมือนกันว่าเธอควรจะเสียใจหรือโล่งใจกันแน่ แต่สุดท้ายหญิงสาวก็ได้แต่ดุด่าตัวเองว่าต้องเสียใจถึงจะถูก แต่ขณะเดียวกันก็ต้องทำใจด้วย เพราะอาชีพของเขมวันต์เกี่ยวข้องกับความเป็นความตายของคน และไม่ใช่คนเดียวด้วย แต่เป็นสองคน! เธอจึงไม่ควรทำให้เขาต้องลำบากใจหรือพะวักพะวนด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่องแบบนี้ แต่ขณะเดียวกันความสับสนที่ก่อตัวขึ้นในใจก็ทำให้เดหลีนึกอยากร้องกรี๊ดขึ้นมา

นี่สินะ...

ชะตากรรมของเมียสูตินรีแพทย์!

 

นี่เป็นครั้งแรกที่เดหลีอยู่ในบ้านของเขมวันต์เกินเที่ยงคืน และเป็นครั้งแรกอีกเช่นกันที่เธอผล็อยหลับไปก่อน

ชายหนุ่มเองก็เหนื่อยเกินกว่าจะสานต่อกิจกรรมที่ค้างคาอยู่ช่วงหัวค่ำ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะคนไข้ของเขาตกเลือดหลังจากไปทำแท้งเถื่อนมา เด็กสาวเนื้อตัวซีดเซียวเพราะเสียเลือดไปมาก และความดันลดต่ำจนน่ากลัวตอนที่มาถึงมือเขา กว่าชายหนุ่มจะยื้อยุดฝ่ายนั้นออกจากยมโลกได้ก็กินเวลานานหลายชั่วโมง

เพราะเหตุนี้เอง เขาจึงไม่คิดจะปลุกเธอให้ตื่น เพื่อขับรถกลับบ้านหรือเข้าไปนอนที่ในตัวอำเภออย่างทุกครั้ง แต่กลับเลือกที่จะอุ้มหญิงสาวขึ้นไปบนห้องนอน แล้วรีบอาบน้ำเปลี่ยนชุดลงมานอนสวมกอดเธอไว้แต่เพียงหลวมๆ

สำหรับเขมวันต์ที่หลงรักเดหลีมาตั้งแต่แวบแรกที่เห็น และฝังใจกับเธอมาเนิ่นนานเป็นสิบปี

แค่ได้มีหญิงสาวไว้กอดในอ้อมแขน เขาก็พอใจแล้ว

เพราะเหตุนี้เขมวันต์จึงผล็อยหลับไปอย่างรวดเร็ว ชายหนุ่มเลยไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าของคนสองคนที่ย่องขึ้นมาบนบ้าน ก่อนจะแง้มประตูห้องนอนเขาออกแล้วปิดลงแผ่วเบา

 

วนิษาอมยิ้มแก้มแทบปริกับภาพที่เห็น พร้อมกับเอื้อมมือไปบิดต้นแขนคนที่พามาส่งสุดแรงเกิด ทำให้กวยจั๊บ หรือ ฉมา มั่นโมลี ชายหนุ่มรุ่นน้องพ่อที่ขอให้เด็กหญิงเรียกเขาว่าพี่แทนอานั้นถึงกับร้องลั่นเลยทีเดียว

“เฮ้ย!

วนิษาได้ยินแล้วก็รีบเอามือไปปิดปากอีกฝ่ายแทบไม่ทัน

“เบาๆ สิพี่จั๊บ จะร้องให้พ่อกับพี่เดย์ตื่นหรือไง” เธอเอ็ดเขาพร้อมขึงตาใส่อย่างไม่เกรงใจ เพราะสนิทกันมาก แลกหนังสือกันอ่านเป็นประจำ กวยจั๊บเลยเป็นเหมือนเพื่อนและพี่ชายมากกว่า อา อย่างที่เขาควรจะเป็น

“ก็หนูนิดหยิกพี่ทำไมล่ะ เจ็บนะ” ชายหนุ่มบ่นอุบ พร้อมลูบต้นแขนไปพลาง

“ก็หนูนิดอยากให้แน่ใจนี่ว่าไม่ได้ตาฝาดไปคนเดียว”

“เห็นอะไร ผีเหรอ” คนถามทำหน้าตาตื่น

เด็กหญิงเลยค้อนให้ขวับใหญ่ “ผีที่ไหนล่ะ หนูนิดหมายถึงพ่อเข้มกับพี่เดย์ต่างหาก ในที่สุด พี่เดย์ก็ยอมค้างที่นี่แล้ว เห็นไหมพี่จั๊บ”

เธอตอบพร้อมอดยิ้มกว้างไม่ได้ กวยจั๊บเลยมองมาอย่างหมั่นไส้

“เออ เห็นแล้ว รับรองว่าอีกไม่นานนี้หนูนิดได้เปลี่ยนคำเรียกคุณเดหลีจากพี่เป็นแม่แน่ๆ” ฝ่ายนั้นตอบด้วยสุ้มเสียงเบื่อๆ พร้อมยกมือปิดปากหาว

วนิษาเองก็ต้องไปโรงเรียนพรุ่งนี้เหมือนกันจึงไม่อยากเซ้าซี้กวยจั๊บต่อ แค่เขายอมสอนเลขเธอช่วงหัวค่ำ และดูคลิปวงเกาหลีสุดโปรดเป็นเพื่อน ก่อนจะพามาส่งบ้านก็มากพอแล้ว

“งั้นพี่จั๊บไปนอนเถอะ หนูนิดก็ง่วงเหมือนกัน แล้วพรุ่งนี้อย่าลืมมารับหนูนิดไปโรงเรียนด้วยล่ะ”

“เฮ้ย! พี่เข้มก็อยู่ คุณเดหลีก็อยู่ แล้วทำไมต้องให้พี่ไปส่งด้วยวะ” ชายหนุ่มทำหน้าเบ้ ร้องประท้วงออกมา

“ก็เพราะมีพี่เดย์อยู่ด้วยน่ะสิ หนูนิดถึงไม่อยากให้พ่อตื่นเช้า พี่จั๊บไปส่งหนูนิดละดีแล้ว” เธอประกาศ

“ดียังไงวะ” กวยจั๊บบ่นพึม คงเพราะขัดใจที่ต้องตื่นจากที่นอนแต่เช้าตรู่

“ดีสิ พ่อกับพี่เดย์จะได้มีเวลาจู๋จี๋จุ๊กกรู้ฮุกกันไง”

“แก่แดด” คนตัวโตกว่าพูดพร้อมเขกหัวคนตัวเล็กกว่าหนึ่งที ทำให้เด็กหญิงมองตาขวาง

“โอ๊ย! เจ็บนะ มาเขกหัวหนูนิดทำไม”

“ก็เผื่อลอนสมองมันจะได้เข้าที่เข้าทาง เราจะได้เลิกแก่แดดสักทีไง เด็กอะไรน่ากลัวฉิบหาย ทั้งเจ้าเล่ห์ทั้งขยันวางแผน”

คนพูดส่ายหน้ามองมาด้วยสายตาขบขันระคนอ่อนใจ ทำให้วนิษาเบะปากใส่อย่างไม่เกรงใจ

“อย่ามาหาเรื่องเขานะไอ้พี่จั๊บ หนูนิดไปวางแผนอะไรไม่ทราบ พ่อกับพี่เดย์มานอนกอดกันเองนะ”

“แล้วไอ้ที่เผ่นแน่บหนีไปบ้านพี่ด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง กว่าจะกลับก็ปาเข้าไปค่อนคืน แถมตอนเช้ายังให้พี่มารับอีก แบบนี้ไม่วางแผนแล้วเรียกอะไรไม่ทราบ”

“ก็เรียกว่ามหาอภิชาตบุตรีไง” เธอลอยหน้าตอบ

“มหาอภิชาตบุตรีตรงไหนวะ”

“ก็ตรงที่ไม่ขัดขวางความสุขของพ่อ ช่วยทำให้ครอบครัวสมบูรณ์แบบ มีพ่อ แม่ ลูก พร้อมหน้าไง หรือว่าพี่จั๊บอยากให้หนูนิดเป็นกำพร้า”

“เป็นไม่เป็นก็เป็นมาตั้งสิบกว่าปีแล้วละ ยังไม่ชินอีกหรือ” กวยจั๊บตอบเสียงเอือมระอา

“ก็หนูนิดไม่อยากเป็นกำพร้าต่อแล้วนี่” เธอตะเบ็งเสียงใส่อีกฝ่าย เริ่มหงุดหงิดขึ้นมาบ้างที่เขาช่างไม่รู้จักคล้อยตาม ชี้นกเป็นไม้ชี้ไม้เป็นนกเสียบ้างเลย

พอชายหนุ่มเห็นว่าเธอเริ่มจะสำแดงฤทธิ์เดชใส่ก็รีบโบกมือเป็นเชิงห้าม พร้อมรับปากอย่างขอไปทีว่า “เออๆ เข้าใจแล้ว ไม่ต้องตะเบ็งเสียงใส่พี่แล้ว ไม่งั้นพ่อกับว่าที่แม่เลี้ยงเราตื่นขึ้นมาไม่รู้ด้วยนะ”

คำขู่ของเขาทำให้เด็กหญิงเม้มปากแน่น มองคนตรงหน้าอย่างน้อยใจแกมโมโห“ เข้าใจแล้ว พรุ่งนี้เช้าก็อย่าลืมมารับหนูนิดด้วยล่ะ มาสักตีห้านะ”

“เฮ้ย! ทำไมเช้านัก ทุกทีเราไปโรงเรียนตั้งเจ็ดโมง”

“ก็หนูนิดอยากไปแต่เช้า พ่อกับพี่เดย์จะได้...”

“จู๋จี๋กัน” เขาแทรกขึ้นทันควัน

เด็กหญิงดีดนิ้วเปาะ หายโกรธอีกฝ่ายขึ้นมาหน่อย “แม่นแล้ว”

“กรรมของกูจริงๆ” ฝ่ายนั้นบ่นพึม ทำให้เธอตีต้นแขนเขาดังเผียะ “อะไรอีกล่ะคราวนี้” ชายหนุ่มแทบจะตะคอกใส่หน้า

“ก็ใครใช้ให้พี่จั๊บพูดมึงวาพาโวยกับหนูนิดล่ะ”

“เกล้ากระหม่อมขอประทานอภัยพ่ะย่ะค่ะองค์หญิง ต่อไปเกล้ากระหม่อมจะไม่พูดภาษาพ่อขุนกับองค์หญิงอีกแล้ว” เขาประชดก่อนเดินดุ่มจากไป พร้อมบ่นพึมไปตลอดทาง จับความได้ประมาณว่า

“เนื้อนุ่มๆ ก็ไม่ได้กอด หนังเนียนๆ ก็ไม่ได้ลูบ แล้วทำไมกูต้องมาตื่นแต่เช้ามืดด้วยวะ”

วนิษาแลบลิ้นตามไล่หลังไป

ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะกวยจั๊บนั่นละ อันที่จริงคืนนี้เธอตั้งใจจะนอนที่บ้านของเขาอย่างที่เคยทำมา แต่ชายหนุ่มไม่ยินยอมและให้เหตุผลว่า

หนูนิดเป็นสาวแล้ว จะมานอนบ้านผู้ชายได้ยังไง กลับไปนอนบ้านโน้นไป๊

สาวที่ไหนกัน หนูนิดยังเป็นเด็กหญิงอยู่เลย

เด็กหญิงเถียงอย่างไม่ยอมแพ้ ไม่เข้าใจอีกฝ่ายแม้แต่นิดเดียว

ก็เมื่อก่อนตอนที่ยังเป็นเด็กประถม เธอกับกวยจั๊บก็เคยอ่านหนังสือ นั่งดูการ์ตูน หรือเล่นเกมด้วยกันจนหลับคาเตียงไปบ่อยๆ พอเธอขึ้นชั้นมัธยม ฝ่ายนั้นก็ไล่ให้ไปนอนห้องอื่น ซึ่งเรื่องนั้นก็พอจะเข้าใจอยู่หรอก เพราะเขานอนดิ้นเป็นที่หนึ่ง ชอบเผลอตัวถีบหรือละเมอชกลมบ่อยๆ เธอเองก็ไม่อยากโดนลูกหลงเหมือนกัน

แต่จู่ๆ ไม่กี่เดือนที่ผ่านมานี้ ฝ่ายนั้นก็ปฏิเสธที่จะให้เธอค้างคืนด้วยเช่นเคย ดูอย่างวันนี้แค่ขอนอนในห้องรับแขกก็ยังไม่ได้เลย

จะนอนได้ไง ทั้งพี่เส้นเล็ก พี่บะหมี่ พี่เกี๊ยวเดินกันให้ควั่ก แถมพ่อผู้ใหญ่อีกคน

ก็เดินไปสิ ไม่เป็นไร หนูนิดหลับง่าย พ่อเคยบอกว่าต่อให้ช้างยกโขลงมาเดินข้างเตียงก็ไม่ตื่น พี่จั๊บไม่ต้องห่วง

ไม่ห่วงไม่ได้หรอก เรากลับไปนอนบ้านเถอะไป เขาย้ำคำเดิม

แต่หนูนิดไม่อยากไปเป็นก้างขวางเตียง เอ๊ย! ขวางคอพ่อกับพี่เดย์นี่

ดึกป่านนี้แล้ว ไม่ต้องกลัวก้างจะติดคอพวกเขาหรอก เพราะคู่นั้นคงกินกันเสร็จไปนานแล้ว

ชายหนุ่มรุ่นพี่ตอบเสียงมั่นใจ ทำให้วนิษาอดหน้าแดงไม่ได้ ลามก

ก็เธอมันแก่แดด

เขาไม่ยอมอ่อนข้อให้ ลากแขนเธอแล้วพามาส่งถึงบ้านเลยทีเดียว สีหน้าท่าทางบอกว่าทั้งหงุดหงิดและออกจะรำคาญไม่น้อย

ก็ใช่สิ...เธอไม่ใช่แม่พวกสาวๆ ที่เขาคอยแชตด้วยทางไลน์ หรือตามฟอลโลว์ไอจีนี่

วนิษาเบ้ปากอีกครั้งด้วยความหมั่นไส้ พร้อมสาบานว่าหลังจากเสร็จภารกิจกามเทพจำเป็นครั้งนี้แล้ว จะเล่นบทนางมารน้อยดูสักที ก็ไม่ทำอะไรมากหรอก แค่เข้าไปตั้งค่าสาธารณะบนภาพส่วนตัวของกวยจั๊บที่เขาถ่ายทั้งภาพนิ่งและคลิปร่วมกับสาวๆ มากหน้าหลายตาเก็บไว้บนเฟซบุ๊ก แล้วแท็กให้บรรดาสาวๆ ที่เขาสะสมไว้ในสต๊อกเห็นเท่านั้นเอง...หึๆ

 

อากาศที่เย็นสบายทำให้เดหลีไม่ยอมลืมตาตื่นเอาง่ายๆ ทีท่าของหญิงสาวเหมือนกับดักแด้ที่ตั้งใจจะซุกตัวอยู่ในรังไหมไปอีกนานแสนนาน แต่กลิ่นอาหารเช้าหอมกรุ่นที่เขายกขึ้นมาเสิร์ฟเธอถึงเตียงนอนคงมีอิทธิพลกับฝ่ายนั้นไม่ใช่น้อย เพราะเห็นปลายจมูกโด่งบานพะเยิบออกมานิดหนึ่ง คล้ายกำลังตั้งใจสูดกลิ่นยั่วน้ำลายนี้เข้าไปให้เต็มปอด

การกระทำเช่นนี้ทำให้เธอดูราวกับเป็นสาวน้อยช่างฝัน 

เขมวันต์เลยอดไม่ได้ที่จะก้มลงไปจูบแก้มคนตรงหน้าแรงๆ ด้วยความมันเขี้ยว

แต่เช้านี้หน้าของเขายังไม่ได้เจอใบมีดโกน ตอหนวดสากระคายเลยทำให้ผิวแก้มเธอเป็นปื้นแดงขึ้น และหญิงสาวคงจั๊กจี้ไม่น้อยจึงพยายามเบี่ยงหน้าหนี แต่ชายหนุ่มกลับตามติดซุกไซ้ความนุ่มเนียนต่ออย่างไม่ลดละจนอีกฝ่ายเปิดเปลือกตาขึ้นในที่สุด

เธอกะพริบตาถี่ๆ ด้วยความงุนงงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยถามออกมาว่า

“คุณเข้ม...คุณกลับมาแล้วหรือคะ”

“กลับมาจนนอนหลับไปตื่น แล้วลงไปต้มข้าวต้มปลาเสร็จแล้ว”

คำตอบเรียบๆ แต่แฝงไว้ด้วยความภูมิใจของเขาทำให้เดหลีตื่นขึ้นเต็มตาทันที หากเธอไม่ได้เหลือบมองข้าวต้มปลาที่เขมวันต์ตั้งใจปรุงในเช้านี้แม้แต่น้อย กลับเอื้อมไปคว้าโทรศัพท์มือถือที่วางไว้ตรงโต๊ะข้างเตียงมาดูแล้วอุทานลั่นออกมา

“ตายแล้ว! เจ็ดโมงครึ่งแล้วหรือคะ”

“เจ็ดโมงยี่สิบหกนาทีต่างหาก” ชายหนุ่มกล่าวแก้ และเห็นใบหน้าหญิงสาวซีดเผือดลงไปต่อหน้าต่อตา

เธอรีบก้มดูโทรศัพท์ในมือพร้อมพึมพำว่า “ฉันว่าฉันตั้งนาฬิกาไว้ตอนตีห้านะ”

เขมวันต์ทำหน้านิ่วกับคำพูดนั้น พร้อมกับนึกขึ้นได้ว่าเห็นเหมือนมีเงาคนเดินเข้ามาในห้องตอนเช้ามืด แต่ตอนนั้นเขางัวเงียจนไม่ทันได้คิดอะไร อีกอย่างเวลาที่ลูกสาวนอนไม่หลับก็ชอบขอเข้ามานอนด้วยบ่อยๆ จึงนึกว่าเป็นเด็กหญิงที่เข้ามา แล้วรีบออกไปเพราะเห็นเดหลีอยู่ในห้อง

แต่...

วนิษาจะปิดระบบตั้งเตือนปลุกของโทรศัพท์มือถือเดหลีไปทำไม

เขมวันต์คิดไม่ออก ขณะเดียวกันหญิงสาวตรงหน้าก็เอ่ยพึมพำเสียงเครียดออกมา

“ทำยังไงดีคะ ฉันมีประชุมตอนเก้าโมงเช้ากับฝ่ายการตลาดของ ดิ อเวนิว เสียด้วยสิ แล้ววันนี้ฉันต้องเป็นประธานในที่ประชุมด้วย”

ดิ อเวนิว ที่หญิงสาวเอ่ยถึงคือห้างสรรพสินค้าระดับลักชูรีมอลล์ของครอบครัวเธอที่มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า ดิเอวาลอน อเวนิว ซึ่งเพิ่งเปิดให้บริการไปเมื่อปีที่แล้ว 

“เหลือเวลาอีกแค่ชั่วโมงครึ่ง ต่อให้คุณซิ่งไปยังไงก็ไม่ทันหรอก เว้นแต่จะมีปีกเท่านั้น”

เขมวันต์พูดเสียงเรียบๆ เจตนาบอกให้อีกฝ่ายทำใจ แต่เหมือนเดหลีจะฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้ เพราะหญิงสาวรีบเขย่าแขนเขาแล้วถามอย่างมีหวัง

“แถวนี้มีตึก อาคารที่มีดาดฟ้าหรือลานที่พอจะจอดเฮลิคอปเตอร์ได้ไหมคะ”

“คิดว่าพอมีนะ ที่โรงแรมเปิดใหม่ตรงริมแม่น้ำก็เห็นว่าเขาสร้างที่จอดเฮลิคอปเตอร์เอาไว้รับกรุ๊ปทัวร์ระดับวีไอพีโดยเฉพาะ ว่าแต่คุณถามทำไมหรือ” ชายหนุ่มขมวดคิ้ว ก่อนเบิกตากว้างมองมาอย่างไม่อยากเชื่อหูตัวเองในวินาทีต่อมา “คุณอย่าบอกนะว่าคุณจะบินกลับไปจริงๆ”

“ก็ทำไมจะไม่ได้ล่ะคะ” เธอตอบพร้อมค่อยยิ้มออก “ในเมื่อครอบครัวฉันมีนักบินสมัครเล่นตั้งหลายคน แล้วพี่ชายเองก็เพิ่งซื้อเฮลิคอปเตอร์ลำใหม่และจ้างนักบินส่วนตัวเมื่อเร็วๆ นี้ เขาคงไม่ว่าหรอกถ้าฉันจะขอยืมเฮลิคอปเตอร์กับนักบินของเขาเพื่อไปประชุมให้ทันเช้านี้”

ฟังแล้วก็ไม่แปลกใจเลย เพราะพี่ชายของเธอเป็นนายห้างใหญ่ของเอวาลอนกรุ๊ป กลุ่มธุรกิจค้าปลีกที่ใหญ่ที่สุดกลุ่มหนึ่งของเมืองไทย

ถึงอย่างนั้นเขมวันต์ก็ไม่คิดว่าสิ่งที่หญิงสาวต้องการจะถูกเนรมิตขึ้นได้ในพริบตานี้

“แต่ผมไม่รู้จักเขา แล้วคุณจะไปขอใช้สถานที่เขาได้ยังไง”

เดหลียิ้มมุมปาก...รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่ทำให้เธอดูสดใสอ่อนเยาว์จนเขาเฝ้ามองอย่างเผลอไผล

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ คนในครอบครัวฉันมีคอนเนกชันมากมาย ถึงพี่ชาย นายอัค หรือฉันจะไม่รู้จักเจ้าของโรงแรมที่คุณบอก แต่ฉันเชื่อว่าในบรรดาคนที่ทำงานกับเรา ญาติพี่น้องของเราจะต้องมีใครสักคนรู้จัก ยิ่งเป็นโรงแรมระดับไฮเอนด์อย่างที่คุณบอกยิ่งต้องมี ว่าแต่โรงแรมที่คุณว่านี่ชื่ออะไรคะ”

พอได้ยินคำตอบ หญิงสาวก็กดโทรศัพท์มือถืออย่างรวดเร็ว ได้ยินเธอสั่งความใครบางคนที่ปลายสายเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างชัดเจนและเฉียบขาด จากนั้นจึงตัดสาย และคงนึกอยากอาหารขึ้นมาเพราะเดหลีคลี่ยิ้มให้อย่างเอาใจ พร้อมบอกเขาว่า

“ขอฉันไปล้างหน้าล้างตาก่อนนะคะ จะได้มากินข้าวต้มปลาฝีมือคุณเสียที...ว่าแต่คุณรู้ได้ยังไงคะว่าฉันชอบกินข้าวต้มปลาร้อนๆ ตอนเช้าที่สุดเลย”

เขมวันต์มีพรายกระซิบชั้นเยี่ยมที่คอยบอกว่าเดหลีชอบหรือไม่ชอบอะไร แต่เขาไม่คิดจะบอกอีกฝ่ายในตอนนี้ เพราะมัวแต่ลอบถอนหายใจลึกยาว...

ถ้าเขาไม่ติดคนไข้หรือต้องทำคลอดด่วน ก็เป็นเธอที่ติดพันกับธุรกิจของครอบครัวซึ่งมีมากมาย

จนบางครั้งชายหนุ่มได้ยินแล้วก็นึกไม่ออกว่าหญิงสาวแบ่งร่างแยกเงาไปทำหน้าที่พวกนั้นได้อย่างไร แค่นึกถึงการที่ต้องเข้าประชุมกับผู้ถือหุ้นหรือบริษัทในเครือตั้งแต่เช้าจดเย็น แล้วยังต้องไปงานอีเวนต์ที่จัดขึ้นเพื่อกระตุ้นยอดขาย รวมถึงงานเลี้ยงกระชับมิตรทางธุรกิจที่มีไม่ต่ำกว่าสามหรือสี่งานต่อคืน เขาก็หมดแรงเสียแล้ว ให้ทำคลอดคุณแม่มือใหม่สักห้ารายเสียยังดีกว่า

เพราะแบบนี้เลยไม่รู้ว่าเมื่อไรวันว่างของเขากับเธอจะตรงกันเสียที 

นี่คงเป็นชะตากรรมของผู้ชายที่ริอ่านมีแฟนเป็นนักธุรกิจระดับพันล้านสิท่า!

 

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น