๔
คนกันเอง
ศิคาลทักทายเจ้าของบ้าน ซึ่งไม่ได้มีเพียงแค่หญิงสาวหน้าตาน่ารักที่เดินมาต้อนรับพร้อมเจ้าไซบีเรียนฮัสกีสีซิลเวอร์แต่ยังมีชายสูงวัยร่างสันทัดซึ่งสถาปนิกหนุ่มคุ้นเคยดี
โพธิ์เป็นเจ้าของ ‘สวนเกษตรสัก’ แหล่งรวบรวมพรรณไม้ใบหายากในเขตร้อนชื้น ซึ่งนักสะสมต้นไม้ทั้งในและนอกประเทศรู้จักดี เขาเรียนจบปริญญาตรีทางการเกษตรเพราะซึมซับความรักที่มีต่อต้นไม้มาตั้งแต่รุ่นพ่อซึ่งเป็นเกษตรอำเภอ
หลายเดือนที่ผ่านมาโพธิ์ได้ทำช่องยูทิวบ์ของสวนเกษตรสักโดยมีรายการชื่อ ‘ใบละโพธิ์’ เป็นการเล่นคำมาจากคำเต็มๆ ว่า ‘ไม้ใบและนายโพธิ์’ เพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับไม้ประดับในร่มที่เขาถนัด รายการได้รับความนิยมในหมู่คนรักต้นไม้อย่างรวดเร็ว เนื่องจากสวนเกษตรสักมีชื่อเสียงพอตัวในวงการต้นไม้ ส่วนโพธิ์เองก็คุยสนุก รู้ลึกรู้จริงและอธิบายอย่างไม่หวงแหนความรู้ ทั้งยังมีมุมกล้องในการถ่ายทำที่สวย ตัดต่อได้สนุกและทันสมัย
สวนเกษตรสักไม่ได้มีแต่พืชพรรณหายากและไม้ด่างราคาแพงที่กำลังฮอตฮิตอยู่ในตอนนี้เท่านั้น แต่ยังมีต้นไม้ราคาถูก เลี้ยงง่าย ขายเหมาเป็นจำนวนมาก เพื่อให้นักจัดสวนนำไปจัดภูมิทัศน์ในพื้นที่ขนาดใหญ่
บริษัทของศิคาลเป็นหนึ่งในลูกค้าของสวนเกษตรสักมาช้านาน สถาปนิกหนุ่มจึงคุ้นเคยกับโพธิ์ ตามปกติแล้วเขามักไปเลือกต้นไม้ที่สวนเกษตรสักอีกสาขาหนึ่งซึ่งเป็นพื้นที่ปลูกไม้แลนด์สเคปสำหรับนักจัดสวนโดยเฉพาะ ตั้งอยู่ห่างจากบ้านสวนซึ่งดินแดนพามาวันนี้เกือบสามสิบกิโลเมตร
นี่เป็นครั้งแรกที่ศิคาลได้มาเยือนอาณาจักรที่แท้จริงของโพธิ์
เขาเคยได้ยินว่ามันเป็นที่ตั้งของโรงเรือนซึ่งรวบรวมไม้ประดับใบสวย ตลอดจนไม้ด่างที่โพธิ์กับเกษตรอำเภอสักทองสะสมกันมาก่อนจะได้รับความนิยมในตลาดการค้าต้นไม้เสียอีก แต่ละต้นมีราคาสูงลิบลิ่ว ไม่ได้แบ่งขายให้คนทั่วไป แต่ผลิตตามคำสั่งซื้อของตัวแทนจำหน่ายซึ่งเป็นร้านค้าต้นไม้เจ้าประจำและมีส่งออกต่างประเทศอีกด้วย
แม้ศิคาลจะเห็นเพียงหลังคาโรงเรือนเลี้ยงต้นไม้ว่าตั้งอยู่ไกลๆ แต่การเข้ามาในอาณาเขตบ้านไม้สีน้ำตาลใต้ถุนสูงซึ่งตั้งอยู่ท่ามกลางสวนป่าอันเต็มไปด้วยไม้ใบขนาดมหึมานานาชนิด ก็ทำให้คนรักต้นไม้เช่นเขาตื่นตาตื่นใจอย่างยิ่งแล้วนอกจากนี้ยังมีพืชผักสวนครัวและผลไม้ อย่างเช่นมะกรูด มะนาว มะม่วง มะละกอ ซึ่งเมื่ออยู่ในความดูแลของโพธิ์ พวกมันออกลูกดกมากห้อยลงมาเป็นพวงๆ ไปทั้งต้นอย่างน่าอัศจรรย์ กลิ่นดินชื้นๆ ลอยกรุ่นมาทักทายอากาศเย็นรื่นโดยไม่ต้องใช้พัดลม
“สวัสดีครับน้าโพธิ์” ศิคาลยกมือไหว้ชายชราด้วยความดีใจ
“สวัสดีคุณคราม ไม่เจอกันตั้งนานเลย หวัดดีตาดิน เป็นยังไงบ้างเรา”
โพธิ์ตบบ่าดินแดนดังป้าบๆ ไม่รู้เพราะอยากให้กำลังใจ ยินดีที่ได้พบ หรือหมั่นไส้แทนบัวชมพูซึ่งเขารักเสมือนลูกอีกคนกันแน่ ก่อนที่โพธิ์จะแนะนำภรรยาซึ่งเดินตามมาทีหลังและบุตรสาว
“คุณครามคงรู้จักลานไพลินลูกสาวผมแล้วใช่มั้ย ตอนนี้แกมาช่วยเป็นผู้จัดการสวนให้ผมแทนเจ้าเพชรมัน”
เพชรนารายณ์คือบุตรชายคนเล็กของโพธิ์ซึ่งเรียนทางการเกษตรเช่นกัน เวลาที่ศิคาลซื้อต้นไม้จากสวนแห่งนี้ก็จะมีเพชรนารายณ์คุมลูกน้องไปช่วยจัดการ แต่เจ้าตัวลาไปเรียนต่อต่างประเทศเมื่อหนึ่งปีก่อน หลังจากนั้นไม่ถึงเดือนศิคาลก็ทราบข่าวว่าโพธิ์ประสบอุบัติเหตุจนขาหัก ต้องหยุดงานไปรักษาตัว สถาปนิกหนุ่มยังเคยส่งกระเช้าผลไม้มาเยี่ยม
เขาทราบเพียงว่าบุตรสาวชื่อลานไพลินมาดูแลกิจการแทน แต่ไม่คิดว่าโลกจะกลมขนาดนี้
“ผมเคยคุยกับคุณลินทางโทรศัพท์ แต่ไม่เคยเจอตัวจริงเลยครับจนกระทั่งเมื่อวาน”
ศิคาลยิ้มให้หญิงสาวซึ่งตนเคยได้ยินแต่เสียง หลังๆ มานี้ชายหนุ่มไม่ได้ไปเลือกต้นไม้เองอีกแล้วเพราะมีลูกน้องคอยจัดการ ส่วนเขาต้องบินไปคุมงานที่ต่างประเทศและต่างจังหวัด ขณะที่หัวหน้าคนงานซึ่งไปส่งต้นไม้และจัดสวนก็เป็นมือขวาของโพธิ์ที่คุ้นเคยกับบริษัทของเขามานาน
“ที่แท้ก็คนกันเอง” ดินแดนกล่าว
“นั่นสินะ แล้วนี่เมื่อไหร่คุณครามจะมาดูต้นไม้ของผมล่ะ เรานัดกันมานานแล้วนะครับ”
โพธิ์ทวงสัญญาที่ศิคาลเคยมาขอชมกรุสมบัติไม้ใบแสนหวงซึ่งโพธิ์สะสม ทั้งสองเคยคุยกันมาเป็นปีๆ แล้วก่อนเพชรนารายณ์จะไปเรียนต่อเสียอีก
“ผมก็อยากมาครับแต่เกรงใจ ไม่กล้ารบกวน ตอนนี้ผมเลยดูน้าโพธิ์ในยูทิวบ์แทน มืออาชีพมากเลยนะครับ น้าพูดคล่องเล่นกับกล้องเก่ง”
“ขอบคุณนะคุณคราม คุณชมซะผมเขินเลย ไพลินน่ะสิมากะเกณฑ์ให้ผมทำช่องยูทิวบ์จะได้ไม่ไปยุ่งกับงานของแกตั้งแต่ขาหักตอนนั้นลูกเมียก็ไม่ยอมให้ทำงานในสวนอีกเลย ผมหายดีแล้วแท้ๆ แต่กลายเป็นคนว่างงานเฉยเลย”
“ว่างงานอะไรกัน พ่อก็ยังคุมงานทั่วไปอยู่ดีนี่จ๊ะ แค่ไม่ได้ลงแรงเองเท่านั้น” ภรรยาขัดขึ้นด้วยน้ำเสียงนิ่มๆ
“มันก็ไม่เหมือนเดิมอยู่ดีนี่แม่”
“ไม่เหมือนเดิมก็ดีแล้วจ้ะ พ่อจะได้ไม่ซุกซนปีนต้นหมากรากไม้ให้ตกลงมาอีก คราวนี้อาจไม่ใช่แค่ขาหักนะจ๊ะพ่อ”
“จ้า พ่อไม่กล้าแล้วจ้ะแม่” โพธิ์ทำคอย่น เขาป้องปากแสร้งว่ากระซิบ แต่เสียงไม่ได้เบาลงเลย “คุณครามเห็นแล้วใช่มั้ยว่าผมถูกยึดอำนาจโดยสมบูรณ์ คุณอยากมาดูต้นไม้ของผมเมื่อไหร่ก็มาได้เลยครับ ผมจะเปิดสวนให้ดูแบบที่คนอื่นๆ ในช่องใบละโพธิ์ก็ไม่เคยเห็น”
“ขอบคุณครับ ถ้าอย่างนั้นผมไม่เกรงใจน้าโพธิ์แล้วนะ ผมจะนัดผ่านคุณลิน...ดีมั้ยครับ” สถาปนิกหนุ่มมองหญิงสาวซึ่งช้อนตามองตอบทันทีที่ได้ยินชื่อตนเอง
“นัดผ่านผมนี่แหละคุณ ไม่ต้องผ่านไพลินหรอก คุณมีเบอร์ผมใช่มั้ย เบอร์เดิมนั่นแหละ” กลิ่นคนหวงลูกสาวลอยมาทันที
“มีครับ ผมขอไปเช็กตารางงานของตัวเองก่อนแล้วจะโทร. หาน้าโพธิ์นะครับ แล้วนี่น้องหมาประจำสวนที่ออกรายการกับน้าโพธิ์บ่อยๆ ใช่หรือเปล่า”
ชายหนุ่มแซว พลางลูบขนปุกปุยของสุนัขไซบีเรียนฮัสกีซึ่งมาดมฟุดฟิดรอบตัวตั้งแต่เขาลงจากรถแล้ว เพราะมันคงได้กลิ่นเจ้ายิมโน ก่อนที่มันจะคลอเคลียศิคาลราวกับสนิทกันมานานปี
“ใช่แล้วครับ มันชื่อแสนแซ่บ ดาราประจำสวนของเรา”
โพธิ์หัวเราะ ตอนจัดรายการเจ้าฮัสกีจอมป่วนมักมาป้วนเปี้ยนอยู่ด้วยจนเป็นที่คุ้นหน้าคุ้นตาสำหรับผู้ชม ไม่เว้นแม้แต่ในการโพสต์ภาพขายต้นไม้ตามอินสตาแกรมหรือเฟซบุ๊กเพจของสวน เจ้าแสนแซ่บเป็นดาราหน้ากล้องถ่ายรูปคู่กับต้นไม้ประหนึ่งมาสคอตของสวนเกษตรสักไปแล้ว
ชายสูงวัยทำท่าอยากคุยกับลูกค้าคนโปรดต่อ ทว่าทับทิมช่วยตัดบทและดึงสามีขึ้นไปบนบ้าน เพื่อให้ดินแดนซึ่งมีใบหน้าทุกข์ระทมได้ปรึกษาปัญหาหัวใจเสียที
ลานไพลินพาทุกคนไปยังศาลาเล็กๆ ในสวนข้างบ้าน มีเก้าอี้ไม้เกวียนเก่าตั้งอยู่ล้อมรอบโต๊ะกลมซึ่งวางโอ่งใบน้อยปลูกต้นลานไพลินไว้ ดอกสีม่วงอมน้ำเงินเล็กๆ ขึ้นกระจัดกระจายอยู่บนพุ่มใบสีเขียวขจี และเมื่อมองออกไปยังสวนจากมุมนี้ก็จะเห็นโอ่งและกระถางขนาดต่างๆ กันปลูกต้นลานไพลินเป็นพุ่มๆ สลับกับกอว่านเพชรนารายณ์ซึ่งมีดอกสีขาวชูช่อราวกับจะประกาศว่าใครคือเจ้าของบ้านหลังนี้บ้าง
ระหว่างรอเจ้าของบ้านเอาน้ำมาเสิร์ฟ ศิคาลมองสำรวจไปรอบๆ แล้วอมยิ้มเมื่อเห็นว่าขาเก้าอี้แต่ละตัวล้วนมีรอยฟันกัดแทะ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป็นสัตว์ชนิดใด เฟอร์นิเจอร์ที่บ้านเขาก็เคยมีรอยฟันกัดในช่วงแรกๆ ที่เอายิมโนมาเลี้ยงเหมือนกัน
“แสนแซ่บ มาหาแม่มา” ลานไพลินที่เพิ่งเดินกลับมาพร้อมแก้วน้ำและจานผลไม้ ร้องเรียกเจ้าฮัสกีตัวเมียที่นั่งซุกซบศิคาลจนไม่สนใจใครอื่น
“บรู๊ว์...บรู๊ว์” มันประท้วงเอาคางเกยตักศิคาลไว้อย่างดื้อดึง
“ไม่เป็นไรครับ ให้เขาอยู่ตรงนี้ก็ได้”
“ถ้าคุณไม่รำคาญก็โอเคค่ะ... แสนแซ่บ เล่นกับคุณเขาดีๆ นะ”
“บรู๊ว์!”
“ชื่อแสนแซ่บเหรอเรา น่ารักจัง” ศิคาลชมมันด้วยเสียงสองพลางเกาคอให้ด้วยความเอ็นดู แล้วจึงคุยกับหญิงสาวโดยใช้น้ำเสียงปกติ “ชื่อแปลกดีนะครับ แสนแซ่บ”
ศิคาลรู้สึกตงิดๆ ว่าเคยได้ยินชื่อสุนัขที่สะดุดหูเช่นนี้มาก่อน ยิ่งอยู่คู่กับชื่อของลานไพลินยิ่งฟังดูคุ้นๆ เข้าไปใหญ่แต่เขาก็ไม่แน่ใจ
“มันแสนแซ่บสมชื่อด้วยค่ะ แซ่บ! จนแทบเอาไม่อยู่” หญิงสาวยิ้มขบขันพลางทรุดกายลงบนเก้าอี้ตัวหนึ่ง
“ผมนึกภาพออกเลยครับ ผมเองก็เลี้ยงหมาไซฯ เหมือนกัน แต่ลูกชายผมสองขวบแล้ว แสนแซ่บล่ะครับอายุเท่าไหร่”
“ขวบครึ่งค่ะ แต่มีผู้ชายมาทีไรละลืมแม่ทุกที ชิ!”
ศิคาลกระตุกยิ้มเมื่อเห็นหญิงสาวตวัดค้อนใส่เจ้าหมาอย่างน่าเอ็นดู เขาลูบศีรษะทุยๆ ของแสนแซ่บที่เห่าหอนเถียงแม่ของมันสลับกับประจบประแจงชายหนุ่มไปด้วย
“เมื่อวานผมไม่รู้เลยครับว่าเป็นคุณลิน ก็เลยไม่ทันได้ทัก ขอโทษด้วยนะครับ” เขากลั้นหัวเราะเมื่อเห็นหญิงสาวยังคงค้อนตาคว่ำใส่ลูกสาวของเธอ
“ลินก็ขอโทษเหมือนกันค่ะที่ไม่ได้แนะนำตัว เมื่อวานมีแต่เรื่องวุ่นๆ... พี่ดินเป็นยังไงบ้างคะ”
เธอหันไปถามดินแดนซึ่งถอนหายใจตอบมาเฮือกใหญ่
“ไม่ดีเลย น้องลินได้คุยกับน้องบัวบ้างหรือเปล่าครับ”
“คุยค่ะ เมื่อเช้านี้เอง บัวโทร. มาหาลิน”
“ดีจัง น้องบัวไม่รับโทรศัพท์พี่เลย เธอโกรธพี่มากเลยใช่มั้ย พี่ควรทำยังไงดี”
“อดทนและง้อต่อไปค่ะ บัวไม่ใช่คนใจแข็งนักหรอกค่ะ แต่พี่ดินก็ต้องแสดงให้บัวเห็นว่ารู้สึกผิดจริงๆ และบัวคือคนสำคัญที่สุดสำหรับพี่ดินไม่ใช่คนอื่น” หญิงสาวเน้นเสียงตรงสองคำสุดท้าย
“พี่จะเห็นคนอื่นสำคัญไปกว่าน้องบัวได้ยังไง”
“แต่พี่ดินยังแสดงออกไม่เพียงพอที่จะทำให้บัวได้เชื่อนี่คะ”
“นั่นสินะ...หรือพี่ควรจะให้แก้วไปขอโทษน้องบัว เพราะเมื่อวานแก้วก็พูดแรงไปจริงๆ แหละ”
“ฉันว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของคนสองคนคือแกกับน้องบัว น้องคงไม่อยากเจอหน้าแก้วแล้วละ” ศิคาลคัดค้าน
“ลินเห็นด้วยกับคุณครามค่ะ”
คำตอบของลานไพลินจุดรอยยิ้มบนเรียวปากของสถาปนิกหนุ่ม เขาค้อมศีรษะให้เธอด้วยความขอบคุณที่เห็นพ้องต้องกันซึ่งน่าจะทำให้ช่วยเหลือดินแดนได้ง่ายขึ้น
“บัวไม่สบายใจเรื่องพี่ดินกับคุณแก้วกัลยามานานแล้วค่ะ เขาพยายามไม่คิดอะไรและเชื่อใจพี่ดิน แต่สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวานมันแสดงให้เห็นว่าเรื่องที่บัวกังวลเกิดขึ้นมาจริงๆ ลินไม่ได้หมายความว่าพี่ดินนอกใจบัวนะคะ แต่การที่พี่ดินปล่อยให้คนอื่นมาว่าบัวแบบนั้นเท่ากับพี่ให้ค่าคุณแก้วกัลยามากกว่า ถ้าลินเป็นบัว ลินก็ไม่โอเคค่ะ ขอโทษที่พูดตรงๆ นะคะ”
ไม่น่าเชื่อว่าผู้หญิงตัวเล็กๆ หน้าใสราวกับเด็กน้อยจะพูดตรงประหนึ่งปล่อยหมัดฮุกใส่ดินแดนอย่างไม่เกรงใจ ก่อนที่เธอจะเหวี่ยงอีกหมัดหนึ่งแรงๆ
“บัวคือคนที่พี่ดินขอแต่งงาน คนที่พี่ดินเลือกแล้วว่าจะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ด้วย บัวควรเป็นคนสำคัญที่สุดของพี่ การแสดงความสำคัญไม่ได้อยู่ที่คำพูดค่ะ แต่อยู่ที่การกระทำ เมื่อวานพี่ดินสอบตก”
สีหน้าของดินแดนเหยเกอย่างน่าสงสาร ลานไพลินตอกย้ำความผิดโดยไม่ปรานีสักนิดเลย
“พี่ต้องเลือกระหว่างบัวกับแก้ว...” ชายหนุ่มพึมพำ
“มันเลือกยากมากเลยเหรอคะ” ลานไพลินย้อน ศิคาลสาบานว่าสีหน้าของเธอช่างยียวนชวนหาเรื่องชนิดที่ถ้าดินแดนตอบไม่ถูกใจอาจตายได้
“ไม่ครับ ไม่ยากเลย ยังไงพี่ก็ต้องเลือกน้องบัวอยู่แล้ว” ดินแดนยืดหลังตรงแหน็วและผงกศีรษะ “พี่เข้าใจแล้วครับต่อไปนี้พี่จะอยู่ห่างๆ แก้ว เพราะพี่ก็ไม่ชอบที่แก้วพูดกับน้องบัวเหมือนกัน และน้องบัวคือคนสำคัญที่สุดสำหรับพี่”
“ถ้าพี่ดินตัดสินใจได้อย่างนี้ ลินก็จะพยายามพูดกับบัวให้ค่ะ แต่พี่ดินต้องสัญญานะคะว่าจะไม่ทำให้บัวต้องเสียใจในเรื่องทำนองนี้อีก” ลานไพลินคาดคั้นเสียงเข้ม
“พี่สัญญา พี่จะไม่ทำให้น้องบัวต้องเสียใจ”
“ถ้าพี่ดินผิดสัญญา ลินจะไม่ช่วยพี่ดินอีกเลย และจะทำทุกอย่างเพื่อไล่พี่ดินไปให้พ้นชีวิตของบัวด้วย!”
หญิงสาวขู่ ดวงตาวาววับประดุจแม่เสือที่น่ากลัวและน่ารักในขณะเดียวกัน แต่ศิคาลเชื่อว่าเธอไม่ได้พูดเล่นๆ
“พี่สัญญา สาบานเลยก็ได้” ดินแดนลั่นวาจา
“ไม่ต้องสาบานค่ะ แค่พี่ดินทำให้ลินกับบัวเห็นว่าทำได้ตามคำสัญญาและทำให้ได้ตลอดชีวิตของพี่ก็พอ”
ดินแดนรับคำหนักแน่น สัญญาแล้วสัญญาอีก พวกเขาปรึกษากันถึงวิธีการง้อบัวชมพูจนกระทั่งสีหน้าเคร่งเครียดของดินแดนคลายลงไปมาก ถึงขนาดที่เจ้าตัวสามารถกินผลไม้ไปด้วยระหว่างพูดคุยได้
“ขอบคุณนะน้องลิน ไอ้คราม ถ้าไม่ได้ทั้งสองคนก็ไม่รู้เลยว่าจะง้อน้องบัวยังไง ใครจะคิดว่าการขอแฟนแต่งงานครั้งแรกในชีวิตจะผิดพลาดไปได้ขนาดนี้”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ถ้าพี่ดินง้อบัวสำเร็จค่อยขอแต่งงานอีกทีก็ได้” ลานไพลินยิ้มให้กำลังใจ
“พี่จะเซอร์ไพรส์ขอน้องบัวยังไงดีนะครั้งหน้า”
“แกยังไม่เข็ดกับเรื่องเซอร์ไพรส์อีกเหรอ” ศิคาลดักคอ
“เข็ด!” ดินแดนตอบโดยไม่เสียเวลาคิด “แต่เพื่อน้องบัว ฉันยอมทุกอย่าง ฝากน้องลินช่วยคิดได้มั้ยครับว่าครั้งหน้าพี่จะขอน้องบัวแต่งงานยังไง”
“ฉันว่าแกง้อน้องบัวให้สำเร็จก่อนดีกว่ามั้ย แล้วค่อยคิดเรื่องนั้น”
“แกอย่าดับฝันฉันสิวะไอ้คราม ไม่ให้กำลังใจกันเลย”
“ไม่พูดก็ได้วะ แต่เรื่องหนึ่งที่ฉันต้องพูดก็คือ ถ้ามีการขอแต่งงานครั้งหน้าแกน่าจะให้เทียนหอมอยู่ด้วยนะ เพื่อแก้ตัวจากเมื่อวาน”
“ต้องมีหมาอีกแล้วเหรอวะ” ดินแดนทำหน้ายู่
“บรู๊ว์!” แสนแซ่บหอนราวกับจะบอกว่าต้องมีสิ!
“มานี่เลยยายตัวแสบ” ลานไพลินหัวเราะ ยื่นมือออกไปรอ เจ้าฮัสกีจึงผละจากศิคาลมานั่งข้างๆ เธอ “แสนแซ่บก็เห็นด้วยเนอะว่า Love me, love my dog รักคนเลี้ยงหมาก็ต้องรักหมาของเขาด้วย... ใช่มั้ยแสนแซ่บ”
“บรู๊ว์ๆ” เจ้าฮัสกีตอบ มันเลียมือลานไพลินและลามขึ้นมาถึงพวงแก้มนวลที่มีรอยลักยิ้มแต่งแต้ม
หญิงสาวหัวเราะ เธอกอดมัน จูบหัวทุยๆ อย่างรักใคร่แล้วหันมาทำหน้าขึงขังใส่ดินแดนราวกับไม่เคยแสดงความอ่อนโยนกับหมามาก่อน
“เมื่อวานพี่ดินลืมว่าเทียนหอมกลัวเสียงพลุ แล้วคุณแก้วกัลยาก็พูดไม่ดีถึงเทียนหอมอีก มันเป็นแผลในใจของบัวนะคะ ฉะนั้นทางแก้ก็คือพี่ดินต้องเห็นความสำคัญของเทียนหอมมากๆ ก่อนจะง้อบัว พี่ดินต้องง้อเทียนหอมให้ได้ก่อนค่ะ”
ศิคาลพยักหน้าเห็นด้วย
“ส่วนเรื่องการขอแต่งงานอีกครั้ง พี่ดินจะขอบัวยังไง จะต้องมีเทียนหอมอยู่ด้วยมั้ย ลินว่าถ้าพี่ดินง้อบัวให้คืนดีกันได้สำเร็จ การเซอร์ไพรส์หรือพิธีการยิ่งใหญ่ใดๆ ก็ไม่สำคัญเท่ากับความรักและความจริงใจที่พี่มีให้บัวหรอกค่ะ ปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติดีกว่า ถึงเวลานั้นพี่ดินน่าจะรู้เองว่าจะขอบัวแต่งงานอีกครั้งตอนไหน และขอยังไง”
“ผมเห็นด้วยกับคุณ” ศิคาลกล่าว
“ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวยิ้มรับ
“อืม...” ดินแดนหรี่ตามองสองหนุ่มสาว
“อะไร” สถาปนิกหนุ่มถามเมื่อเห็นสายตาแปลกๆ ของเพื่อน
“แกกับน้องลินเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยเลยนะ...พ่อหมากับแม่หมา” นัยน์ตาของคนพูดพราวระยับอย่างมีเลศนัย
“เป็นธรรมดาของคนเลี้ยงหมาไง... จริงมั้ยครับคุณลิน”
“จริงค่ะคุณคราม”
“คุณลิน...คุณคราม...เป็นทางการกันไปหรือเปล่า เรามันคนกันเองแท้ๆ แกควรเรียกน้องลินเหมือนที่ฉันเรียกได้แล้วส่วนน้องลินก็เรียกมันว่าพี่ครามเหมือนกับที่เรียกพี่ดินจะดีกว่านะครับ เราคงต้องเจอกันอีกนาน เลิกพูดคุณๆ ผมๆ ฉันๆ อะไรนั่นเถอะ แค่ได้ยินก็ปวดหัวแล้ว เอ้า! ไหนลองพูดซิ พี่ดิน น้องลิน”
“บรู๊ว์!” ไม่มีใครพูด แสนแซ่บจึงตอบให้เองก็ได้
“เห็นมั้ย แสนแซ่บยังเห็นด้วยเลย” ดินแดนฉีกยิ้ม
“บรู๊ว์ๆ” มันหอนรับเรียกเสียงหัวเราะจากทุกคนในโต๊ะไม่เว้นแม้แต่หญิงสาวที่ลูบแผงคอนุ่มฟูอย่างเก้อเขิน
“ทำตามที่ไอ้ดินมันบอกเถอะครับน้องลิน ไม่อย่างนั้นมันจะบ่นเราไม่หยุด” ศิคาลตีสนิททันที และไม่น่าเชื่อว่ามันจะทำให้เขารู้สึกดีได้ขนาดนี้
“ก็ได้ค่ะ...พี่คราม”
ดินแดนมองสองหนุ่มสาวที่ยิ้มเขินๆ ให้กัน เขาอารมณ์ดีขึ้นมาเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เกิดเรื่องร้ายเมื่อคืน
คืนวันนั้นศิคาลนั่งเหยียดขาพิงหัวเตียง โดยมียิมโนนอนกัดตุ๊กตาสำหรับให้สุนัขเล่นอยู่ข้างๆ เสียงปี๊บๆ ดังขึ้นตามแรงขบกัด อีกไม่กี่วันมันคงเยินไม่ต่างจากของเล่นชิ้นอื่นที่เขาซื้อหามาให้
ศิคาลไม่สนใจเสียงขบกัดอย่างเมามันของลูกชาย เขามัวหมกมุ่นอยู่กับการค้นหาอะไรบางอย่างในแท็บเล็ต...ก็หญิงสาวกับเจ้าไซบีเรียนฮัสกีที่ชื่อคุ้นๆ เหมือนเขาเคยได้ยินมาก่อนนั่นไง สุนัขที่ชื่อ ‘แสนแซ่บ’ ไม่น่าจะมีหลายตัว และ ‘ลานไพลิน’ ที่เป็นแม่ของแสนแซ่บน่าจะมีคนเดียว
ชายหนุ่มเข้าไปดูในกลุ่ม ‘เรารักไซบีลิง’ ไล่หาโพสต์เก่าๆ จนกระทั่งเห็นหน้าเจ้าฮัสกีตาสองสีซึ่งปากกับเท้าเลอะเปรอะไปด้วยลิปสติกสีส้มแดง มันนั่งทำหน้าเจี๋ยมเจี้ยมอยู่ท่ามกลางกองเสื้อผ้ากับทิชชูขาดๆ ในห้องนอน
“แสนแซ่บจริงๆ ด้วย” ศิคาลยิ้มกระจ่าง
เจ้าของเฟซบุ๊กที่ใช้ชื่อว่า ‘ลานไพลิน แม่แสนแซ่บ’ เพิ่งโพสต์ภาพดังกล่าวเมื่อคืน คงหลังจากที่เธอกลับจากบ้านของบัวชมพู
เขาไล่อ่านคอมเมนต์ต่างๆ ซึ่งคนเลี้ยงไซบีเรียนฮัสกีหัวอกเดียวกันมาลงรูปวีรกรรมคล้ายๆ กันนี้ของสุนัขที่บ้านใต้โพสต์ของลานไพลิน หญิงสาวเพิ่งตอบคอมเมนต์ต่างๆ เมื่อไม่ถึงห้านาทีนี้เอง แสดงว่าเธออาจกำลังออนไลน์อยู่
หัวใจของสถาปนิกหนุ่มเต้นแรงโดยไม่มีสาเหตุ เขาลองกดเข้าไปดูเฟซบุ๊กส่วนตัวของลานไพลิน แล้วอดยิ้มเอ็นดูไม่ได้
หญิงสาวใช้รูปโพรไฟล์เป็นรูปคู่ของตัวเองกับแสนแซ่บ ซึ่งถ่ายในโรงเรือนอันเต็มไปด้วยไม้ใบขนาดยักษ์หลากหลายชนิด สาวน้อยหน้าแฉล้มถักเปียทั้งสองข้าง ใส่เอี๊ยมยีนขาสั้นซึ่งมีเสื้อกล้ามแขนกุดสีขาวอยู่ข้างในและสวมรองเท้าบูต ใบหน้าซึ่งอ่อนเยาว์อยู่แล้วยิ่งดูเด็กลงไปอีก แถมเป็นเด็กซนเสียด้วยเนื่องจากเธอยืนจับแสนแซ่บให้ขึ้นมาขี่หลัง โดยอ้อมแขนไพล่หลังไปโอบอุ้มตัวมันไว้
เจ้าฮัสกีขนปุยน่าจะชินกับกล้องไม่น้อย มันเกาะหลังลานไพลินอย่างไม่กลัวตกพร้อมฉีกยิ้มให้กล้องเสียด้วย ลำคอของมันผูกผ้าสามเหลี่ยมซึ่งตัดเย็บจากผ้ายีนสีเดียวกับชุดเอี๊ยมของหญิงสาว แต่เพิ่มเติมตรงมีการเย็บตัวอักษรย่อ ‘SS’ ด้วยด้ายสีแดงซึ่งน่าจะมาจากชื่อแสนแซ่บ
ศิคาลแอบดูรูปอื่นๆ ที่ลานไพลินเคยโพสต์ในกลุ่ม ‘เรารักไซบีลิง’ เขาจำวีรกรรมแสบๆ ของแสนแซ่บได้แล้ว เมื่อวานก่อนไปงานวันเกิดบัวชมพู เขาเพิ่งเขียนคอมเมนต์ใต้รูปแสนแซ่บที่ปีนขึ้นไปเดินเล่นบนหลังคาโรงรถ ชายหนุ่มเพิ่งสังเกตเห็นว่าบัวชมพูคอมเมนต์ใต้โพสต์นั้นด้วยเหมือนกัน
นอกจากนี้แสนแซ่บยังเป็นหนึ่งในสมาชิกของ ‘หมาไซฯ ตระกูลแสน’ ซึ่งอยู่ในความดูแลของแซมมี่ สโรชินี ศิคาลติดตามช่องยูทิวบ์ของเธอซึ่งทำรายการเกี่ยวกับสุนัขและแมวที่เจ้าหล่อนเก็บมาเลี้ยง ดาวเด่นซึ่งออกรายการบ่อยที่สุดคือเจ้าฮัสกีตระกูลแสนทั้งหลาย นานๆ ทีจึงมีแสนแซ่บมาร่วมรายการ แต่ไม่มีลานไพลิน ศิคาลถึงได้ไม่เคยเห็นเธอ
“บรู๊ว์...” ยิมโนเลิกกัดตุ๊กตาตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ มันมุดแขนเขาขึ้นมานอนบนตักทั้งที่ตัวใหญ่เกินหน้าตักของเขาแล้ว
“เหงาเหรอ” เขาลูบหัวมัน คลี่ยิ้มเมื่อยิมโนส่งเสียงตอบ “ถ้าอย่างนั้นเรามาดูน้องกัน”
ศิคาลเปิดคลิปวิดีโอที่เขาถ่ายแสนแซ่บตอนมันเล่นด้วยก่อนกลับบ้าน มันครวญครางอย่างอาลัยอาวรณ์ไม่ยอมให้เขาจากมา ซ้ำยังตามขึ้นมานั่งในรถอย่างหน้าตาเฉย ลานไพลินต้องอุ้มมันลงไปท่ามกลางเสียงร้องประท้วงของลูกสาวเธอ
“น้องคนสวยคนนี้ชื่อแสนแซ่บ”
ชายหนุ่มชี้ภาพเคลื่อนไหวของแสนแซ่บบนหน้าจอแท็บเล็ ตเสียงคร่ำครวญของแม่สาวน้อยทำให้ยิมโนหูผึ่งเอียงคอมองไปมาอย่างตั้งใจ
“สวยใช่มั้ยล่ะ แสนแซ่บอายุหนึ่งขวบกับอีกหกเดือน น้อยกว่ายิมโนหกเดือนพอดีเลย”
ยิมโนเถียงพลางเอาเท้าหน้าเขี่ยหน้าจอไปด้วย
“อะไรนะ หกเดือนนี่คือไม่น้อยไปเหรอ เราคิดอะไรกับน้องเขาหรือเปล่า แม่เขาหวงมากเลยนะ”
ยิมโนส่งเสียงโต้แย้ง ยังคงจ้องหน้าจอตาไม่กะพริบ
“ชอบน้องมากเลยเหรอ”
“บรู๊ว์!”
“พ่อก็ชอบ น้องน่ารักดี ขี้อ้อนด้วย แต่แม่ของน้องก็สวยเหมือนกันนะ เดี๋ยวพ่อให้ดูรูป” ศิคาลกดไปที่รูปโพรไฟล์ของลานไพลิน
ยิมโนก้มมองรูปคู่ของสองสาวต่างเผ่าพันธุ์จนหน้าแทบติดจอ
“เธอชื่อลานไพลิน เป็นเพื่อนสนิทของพี่บัว แฟนไอ้ดินไง ยิมโนจำพี่บัวได้ใช่มั้ย”
“บรู๊ว์ บรูว์ๆ บรู๊ว์...” เจ้าฮัสกีลุกขึ้นนั่งบนที่นอนอย่างกระตือรือร้น โต้ตอบมาอีกไม่หยุด
“คนกันเองจริงๆ ด้วยเนอะ ยิมโนว่าพ่อควรจะแอดเฟรนด์เธอดีมั้ย เผื่อว่าอีกหน่อยพ่อจะได้พาเราไปเจอแสนแซ่บไง”
“โฮ่ง!” มันเลียแก้มเขาหนึ่งทีพร้อมกระดิกหางรัวๆ
“แปลว่าแอดเนอะ...ได้! เดี๋ยวพ่อจัดให้”
ศิคาลจูบหัวลูกชายหนึ่งที แล้วกดปุ่ม ‘ขอเพิ่มเป็นเพื่อน’ ในเฟซบุ๊ก
‘Khram Sk ได้ส่งคำขอเป็นเพื่อนถึงคุณ’
ลานไพลินอ่านการแจ้งเตือนจากเฟซบุ๊กด้วยความสนเท่ห์ เธอลองกดเข้าไปดูหน้าโพรไฟล์ของคนผู้นั้น และเห็นรูปคู่ของผู้ชายหน้าคมเข้มแต่งตัวเซอร์ๆ นั่งอยู่กับสุนัขพันธุ์ไซบีเรียนฮัสกีสีคอปเปอร์ ด้านหลังของพวกเขาเป็นเต็นท์แคมปิงสีเขียวขี้ม้าแขวนตะเกียงไฟฉายไว้เหนือประตู ส่วนด้านข้างมีโต๊ะกับอุปกรณ์ประกอบอาหารครบครันสำหรับคนที่เชี่ยวชาญการไปตั้งแคมป์ในป่า
“คุณศิคาล...เอ่อ...พี่ครามนี่นา”
“บรู๊ว์” แสนแซ่บโงหัวขึ้นมาจากตักของเธอทันทีที่ได้ยินชื่อของชายหนุ่มที่มันติดใจ
“ยายหมาใจง่าย!” ลานไพลินยีหัวมัน
แสนแซ่บหาได้แคร์ไม่ มันเถียงและงับมือเธอเล่น
“หนูว่าแม่ควรรับแอดเขาดีมั้ย”
ศิคาลดูเป็นคนนิสัยดีก็จริง แต่ลานไพลินยังไม่กล้าไว้วางใจ
“บรู๊ว์ๆ โบร๊ว์...”
“อะไรนะ...อ๋อ...จะบอกว่าอย่าสำคัญตัวผิดใช่มั้ย เขาไม่ได้มาจีบแม่เสียหน่อย...เออ ก็จริง...”
“บรู๊ว์!” แสนแซ่บพูดต่อไปอีกยาว
“เขาจีบแสนแซ่บไม่ได้จีบแม่ โอเค เข้าใจแล้ว! แต่พี่ครามเขาเลี้ยงหมาไซฯ เหมือนกันนะ เขามีหมาของตัวเอง ไม่สนใจแสนแซ่บหรอก”
ลานไพลินลอยหน้าลอยตาเถียง ลูกสาวของเธอแย้งกลับด้วยการเห่าหอนตามประสามัน หญิงสาวจึงใช้ท่าไม้ตายจกพุงกลมๆ ของเจ้าหมาด้วยความมันเขี้ยวเสียเลย แสนแซ่บดิ้นกระแด่วๆ ตามแรงจั๊กจี้ ลานไพลินมัวแกล้งลูกสาวจนลืมศิคาลและคำขอเป็นเพื่อนในเฟซบุ๊กของเขาไปเลย
เกือบชั่วโมงต่อมา ก่อนลานไพลินจะปิดไฟนอนตามเจ้าสุนัขที่นอนหงายท้องอล่างฉ่างเข้าสู่นิทราล่วงหน้าไปแล้ว เธอจึงนึกถึงคำขอเพิ่มเป็นเพื่อนจากศิคาลได้อีกครั้ง
ลานไพลินมองรูปโพรไฟล์ของชายหนุ่มกับสุนัขไซบีเรียนฮัสกีที่งามสง่าและหล่อเหลา เธอตกหลุมรักเจ้าหมาทันที หญิงสาวลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่ความใจอ่อนต่อสุนัขทำให้เธอตัดสินใจกดรับในที่สุด
ความคิดเห็น |
---|