๒
เซอร์ไพรส์!
เสียงพลุที่แผดก้องอยู่บนท้องฟ้าสั่นสะเทือนแก้วหูของไซบีเรียนฮัสกีตัวน้อยจนมันตื่นกลัวอย่างถึงขีดสุด!
เทียนหอมร้องโหยหวน ดิ้นรนที่จะหนีไปให้พ้นจากเสียงดังสนั่นหวั่นไหว มันกระโดดพุ่งตัวจนสายจูงหลุดจากมือของบัวชมพู แล้ววิ่งหนีหัวซุกหัวซุนหาที่หลบเสียงพลุซึ่งดังปึงปังสลับกับกระหน่ำรัวราวกับปืนกลในสมรภูมิรบ
ไม่รู้ว่าเทียนหอมเอาพละกำลังมาจากไหน มันจึงสามารถวิ่งชนแก้วกัลยาที่ทำหน้าถมึงทึงเข้ามาขวางจนหญิงสาวหงายหลังล้มก้นจ้ำเบ้าไปกับพื้นหญ้า ก่อนมันจะวิ่งหนีสะเปะสะปะไปชนพนักงานซึ่งเข็นรถบรรจุถังใส่แชมเปญและแก้ว ข้าวของบนรถเข็นล้มระเนระนาด เศษแก้วแตกกระจาย แขกเหรื่อหวีดร้อง บ้างก็กระโจนหลบเทียนหอมซึ่งวิ่งวนชนทุกสิ่งที่ขวางหน้าอย่างสติแตกไปแล้ว
ศิคาลทิ้งกีตาร์ไล่ตามเทียนหอมไป แต่ยังมีคนที่เร็วกว่าคือ...ลิน
หญิงสาวไล่กวดเจ้าฮัสกีตัวน้อยไปติดๆ ส่งเสียงเรียกชื่อมันไปด้วย ทว่าแสงวูบวาบบนท้องฟ้าและเสียงพลุที่ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเสียทีทำให้เทียนหอมขวัญหนีดีฝ่อไม่สนใจอะไรอีกแล้ว สิ่งเดียวที่มันต้องการคือหนีไปให้พ้น
“เทียนหอม!”
ศิคาลประสานเสียงกับลิน เร่งความเร็วขึ้นจนวิ่งตีคู่ไปกับหญิงสาว ดวงตาจับจ้องอยู่ที่เทียนหอมซึ่งหนีออกจากบริเวณสวนริมแม่น้ำเข้าไปในเขตของอาคารแบบเปิดโล่งซึ่งมีหลังคาปกคลุม
มันลัดเลาะไปถึงหน้าห้องจัดเลี้ยงที่วันนี้ถูกปิดไว้เพราะไม่มีการจัดงาน แล้วมุดไปใต้โต๊ะตัวหนึ่ง ร่างปุกปุยทั้งเกร็งและสั่นเทา หางลู่ลงจุกก้นเสียงหายใจดังฟืดฟาดอย่างน่าประหวั่น
ศิคาลชะลอฝีเท้าเมื่อเห็นหญิงสาวหยุดกึกห่างจากโต๊ะซึ่งเทียนหอมซุกหลบอยู่พอสมควร
“อ้าว คุณ...” เธอเพิ่งสังเกตเห็นเขา
ชายหนุ่มค้อมศีรษะให้เล็กน้อยตามมารยาท เมื่อยืนอยู่ข้างๆ กัน ศิคาลจึงตระหนักว่าลินตัวเล็กกว่าเขามาก เธอมีความสูงแค่หัวไหล่ของเขาเท่านั้น
“คือ...ปกติเวลาน้องหมากลัวเสียงพลุ คุณหมอบอกว่าเราต้องทำเป็นไม่สนใจ ยิ่งถ้าเขาหาที่ซ่อนตัวที่ปลอดภัยได้แล้ว เราก็แค่คอยดูอยู่ห่างๆ ห้ามไปปลอบ เพราะเขาจะคิดว่ามันเป็นเรื่องใหญ่สมควรแล้วที่จะต้องกลัว ลินเลยไม่กล้าเข้าไปน่ะค่ะ”
“ผมก็เคยได้ยินมาเหมือนกันครับ”
ไม่ใช่แค่เรื่องสุนัขกับพลุเท่านั้นที่ศิคาลเคยได้ยิน เสียงของลินก็ฟังดูคุ้นหูเหมือนเขาเคยได้ยินมาก่อนเช่นกัน
“ถ้าอย่างนั้นลินว่าเรารอดูอยู่ห่างๆ ตรงนี้ไปก่อนดีมั้ยคะ”
“ดีครับ” เขาชอบคำเรียกแทนตัวเองของเธอแบบนี้จัง
ศิคาลกับลินตกลงใจที่ยืนนิ่งๆ เฝ้าสังเกตอาการเทียนหอมท่ามกลางเสียงพลุชุดใหญ่ไปด้วยกัน แต่ทำไมหัวใจของชายหนุ่มจึงคันยุบยิบพิกล เพียงแค่ได้ยืนใกล้ๆ หญิงสาวด้วยจุดมุ่งหมายเดียวกันเท่านั้นน่ะหรือ
อาจเป็นเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่มีคนรักสุนัขมาร่วมเผชิญเหตุการณ์อกสั่นขวัญแขวนไปด้วยกัน อะไรที่เกี่ยวข้องกับสุนัขย่อมเป็นเรื่องพิเศษทั้งนั้น...ศิคาลตอบตนเอง
“งี้ดๆ” เทียนหอมครวญคราง ผุดลุกผุดนั่ง และเริ่มเดินไปมาอย่างกระวนกระวาย
สองหนุ่มสาวสบตากัน แล้วก้าวเข้าไปหามัน
“ระวังโดนกัดนะคะ”
เจ้าของเสียงใสเตือนเมื่อเห็นศิคาลค่อยๆ เอื้อมมือไปเกี่ยวปลายสายจูงซึ่งเคลื่อนไหวไปมาตามการขยับกายของเทียนหอมเพราะกลัวว่ามันจะเตลิดหนีไปอีก แต่ที่ไม่จับตัวเทียนหอมไปเลยตรงๆ เนื่องจากสุนัขที่กำลังตื่นกลัวอาจกัดได้
“เยี่ยม!” เธอยิ้มหวานให้เป็นรางวัลเมื่อเขาจับปลายสายจูงไว้ได้สำเร็จ
ศิคาลยิ้มตอบพลางกุมสายจูงไว้แน่นๆ ทั้งคู่นั่งลงกับพื้นด้วยท่าทางสบายๆ เหมือนกันโดยไม่ได้นัดหมาย ชายหนุ่มแอบชื่นชมเจ้าของร่างบอบบางที่นั่งพับเพียบอย่างไม่ยี่หระว่ากระโปรงสีนู้ดจะเปื้อนเปรอะ
“เทียนหอม!” บัวชมพูวิ่งเข้ามาด้วยน้ำตานองหน้ามีดินแดนตามมาติดๆ
ฮัสกีตัวน้อยสะดุ้ง แหกปากร้องลั่นขึ้นมาอีกครั้ง
“ชู่...!” ลินส่งสัญญาณให้เพื่อนเงียบ “หยุดอยู่ตรงนั้นเลยบัว แล้วก็หยุดร้องไห้ด้วย”
“แต่ว่าเทียนหอม...”
“เธอเป็นครู น่าจะเคยเห็นเด็กที่หกล้มแล้วตอนแรกยังไม่ร้องไห้ แต่พอแม่วิ่งมาโอ๋ปุ๊บเขาก็ร้องไห้จ้าเพราะแม่แสดงออกให้เห็นว่ามันเป็นเรื่องใหญ่ เธอกำลังจะทำให้เทียนหอมเป็นแบบนั้นนะบัว เรากำลังปรับพฤติกรรมมันให้หายกลัวเสียงพลุเสียงประทัดอยู่ไม่ใช่เหรอ เราต้องแสดงให้มันเห็นว่านี่เป็นเรื่องเล็กน้อย ธรรมดา ต่อไปมันจะได้ชินกับเสียงดังๆ ไปเอง”
คนเป็นครูนิ่งงันไปอย่างได้สติ แล้วจึงผงกศีรษะยินยอมให้ลินกับศิคาลจัดการแทน
“เทียนหอมมานั่งด้วยกันมั้ย เดินไปเดินมามันเมื่อยนะ” ลินชักชวนด้วยน้ำเสียงหวานใสตามปกติเหมือนพูดกับเพื่อนคนหนึ่ง ไม่ได้ดัดเสียงจนเป็นเสียงสองเสียงสามอย่างเวลาคนคุยกับสัตว์เลี้ยงที่น่าเอ็นดูขั้นสุด
ศิคาลยิ่งรู้สึกคลับคล้ายคลับคลาว่าเขาเคยได้ยินเสียงนี้
“งี้ดๆ” เทียนหอมร้อง ก้มศีรษะลงมาซุกหน้าตักของลินด้วยเนื้อตัวสั่นเทา
“มานอนให้ลินเกาคอให้ดีกว่าคนเก่ง” หญิงสาวใช้น้ำเสียงเดิมเพื่อเจ้าหมาน้อยจะได้ไม่รู้สึกว่าถูกโอ๋เกินไป
ศิคาลรีบช่วยหญิงสาวจับร่างที่สั่นงันงกให้นอนตะแคงลงกับพื้น เสียงพลุสงบลงแล้ว แต่ความตื่นตระหนกยังฝังลึกในจิตใจของมัน
“เอาเสื้อไปพันตัวมันไว้หน่อยมั้ยครับ”
“ได้ค่ะ”
ชายหนุ่มรีบถอดเสื้อแจ็กเกตให้ เพราะเคยเห็นจากคลิปวิดีโอของต่างประเทศเกี่ยวกับการดูแลสุนัขที่กลัวเสียงดังๆ ว่าการใส่เสื้อผ้าให้พวกมันจะช่วยให้สุนัขรู้สึกปลอดภัยและอุ่นใจขึ้น ทั้งคู่ช่วยกันจัดท่าทางให้เทียนหอมนอนตะแคงไปกับพื้นแล้วเอาเสื้อแจ็กเกตมาพันรอบตัวมันก่อนจะสามัคคีกันนวดให้เทียนหอมจนร่างที่เคยสั่นเทาค่อยๆ สงบลงหลับตาเคลิ้ม
“พี่ขอโทษ พี่ไม่เคยรู้เลยว่าเทียนหอมกลัวเสียงพลุ” ดินแดนเอ่ยอย่างเจื่อนจ๋อย
“ทำไมพี่ดินจะไม่รู้ล่ะคะ หนูเคยเล่าให้พี่ฟังแล้วว่าเทียนหอมกลัวเสียงพลุตอนปีใหม่มาก เขาตกใจจนเกือบวิ่งหนีหายออกไปจากบ้าน พี่ดินจำไม่ได้เหรอคะ” บัวชมพูถามเสียงเครียด
“พี่ลืม...” ดินแดนยิ้มแห้งๆ
บัวชมพูมองแฟนหนุ่มตาเขียวปั้ด เธอก้าวเข้ามานั่งตรงกลางระหว่างศิคาลกับลิน และลูบศีรษะเทียนหอมพร้อมกับสำรวจร่างกายของมันในส่วนที่โผล่พ้นการปกปิดของเสื้อแจ็กเกต
“หนูมีแผลหรือเปล่าคะลูก หนูวิ่งชนนั่นชนนี่จนแม่หัวใจแทบวาย แม่ขอโทษนะคะ แม่ไม่ควรพาหนูมาด้วยเลย เจ็บมากมั้ยเทียนหอม โดนแก้วบาดตรงไหนมั้ย”
“ไม่น่ามีแก้วบาดนะ ฉันลองหาดูแล้วเหมือนกัน คุณเห็นบาดแผลบนตัวเทียนหอมบ้างมั้ยคะ...คุณคราม”
เธอรู้จักชื่อเขาด้วย! จู่ๆ ศิคาลก็อยากยิ้มออกมาเสียอย่างนั้น
“ไม่เห็นนะครับ” ชายหนุ่มรีบรับมุกด้วยรอยยิ้มโง่งม แล้วจึงปรับสีหน้าให้เป็นการเป็นงาน “แต่ถึงมันจะมีแผลน้องบัวพ่นสเปรย์นาโนนะ ไม่กี่วันก็หายครับ”
“ที่บ้านเธอมีมั้ยบัว ถ้าไม่มีฉันมีอยู่ในรถนะ”
ศิคาลเดาว่าลินคงเลี้ยงสุนัขเหมือนกัน เธอจึงได้พกสเปรย์ใส่แผลของสัตว์เลี้ยงติดรถไว้ แม้ว่าเขาจะแน่ใจอยู่แล้วก็ตามจากที่สังเกตความเชี่ยวชาญในการรับมือกับเทียนหอม
“ฉันมีจ้ะ” บัวชมพูตอบคำถามเพื่อนด้วยสีหน้าว้าวุ่น
“งั้นเธอก็ไม่ต้องกังวลนะ เดี๋ยวฉันจะสำรวจหาบาดแผลตามตัวเทียนหอมให้อีกทีเพื่อความแน่ใจ ตอนนี้เธอกับพี่ดินกลับเข้าไปในงานก่อนเถอะ ป่านนี้แขกรอแย่แล้ว”
“ไม่ละ ฉันจะทิ้งลูกไปได้ยังไง”
“ลูกเธอไม่เป็นอะไรแล้ว ดูสิ นอนสบายเลย” ลินทำเสียงเล็กเสียงน้อย พลางพยักพเยิดให้เจ้าลูกหมาอย่างน่าเอ็นดูในสายตาของศิคาล
บัวชมพูมีท่าทางลังเลอย่างเห็นได้ชัด เธออาจยอมทำตามคำแนะนำของลินในอีกไม่ช้า หากไม่มีเสียงโกรธเกรี้ยวของใครอีกคนดังแหวกอากาศมาเสียก่อน
“ดิน! แก้วเตือนแล้วนะว่าอย่าพาหมามาตอนนี้ ดินเข้าใจรึยัง งานพังพินาศเพราะไอ้หมาตัวนี้ตัวเดียว!”
แก้วกัลยาหัวเสียอย่างหนัก แพนต์สูทสีขาวของสาวเปรี้ยวสุดเนี้ยบเปื้อนเปรอะไปด้วยเศษดินและหญ้า โดยเฉพาะตรงก้นซึ่งเป็นรอยปื้นสีดำวงใหญ่สองวง
“ขอโทษนะแก้ว” ดินแดนยิ้มเฝื่อน
“ฮึ! ดินรู้มั้ยว่าเมื่อกี้แก้วต้องวิ่งวุ่นแค่ไหน แชมเปญอย่างดีที่เตรียมไว้แตกไปเกือบหมด ไหนจะแก้วเกิ้วเป็นสิบๆ ใบอีก พนักงานถูกเศษแก้วบาดด้วย นี่เขาไปทำแผลอยู่ ไม่รู้ว่าต้องเย็บกี่เข็ม ต้องหยุดงานกี่วัน แก้วเองก็เจ็บตัวเหมือนกัน เมื่อกี้เกือบจะลุกไม่ขึ้นแน่ะ แต่เอาเถอะ แก้วจะถือว่าฟาดเคราะห์ ส่วนเรื่องแชมเปญแก้วกำลังให้คนเตรียมให้ใหม่อยู่”
“ดินขอโทษจริงๆ นะแก้ว แล้วก็ขอบใจมากที่ช่วยจัดการให้ ดินจะชดใช้ค่าเสียหายทุกอย่าง รวมถึงค่ารักษาพยาบาลและเงินทดแทนจากการหยุดงานของพนักงานคนนั้นด้วย แก้วทำบิลมาได้เลย”
“ไม่ต้องหรอก นี่เห็นว่าเป็นดินนะ แก้วจะรับผิดชอบในส่วนนี้ให้เอง”
“เรื่องนี้ดิฉันขอรับผิดชอบเองดีกว่าค่ะ ในฐานะที่เทียนหอมเป็นลูกของดิฉัน” บัวชมพูลุกขึ้นก้าวเข้าไปยืนแทรกกลางระหว่างคนทั้งสอง “คุณคิดค่าเสียหาย ค่ารักษาพยาบาล และเงินทดแทนทั้งหมดตามที่พี่ดินบอกมาได้เลยนะคะ อย่าลืมรวมค่าเสื้อผ้าและค่ารักษาพยาบาลของตัวคุณเองหลังจากไปหาหมอแล้วด้วย ถ้ามีค่าใช้จ่ายอะไรนอกเหนือจากนั้นก็บอกดิฉันมาได้เลยนะคะ ดิฉันจะชดใช้ให้ทุกอย่างค่ะ”
“น้องคะ วันนี้พวกเราจัดงานให้น้องโดยเฉพาะ น้องเป็นว่าที่เจ้าสาวก็อย่ากังวลใจไปเลย ปัญหานี้พี่จัดการเอง อ้อ! ลืมไป Congratulations นะคะ พี่จะรอจัดงานแต่งให้ ดินมาคุยกับพี่ไว้บ้างแล้วละ ส่วนการตัดสินใจเรื่องรายละเอียดก็คงต้องรอเจ้าสาวด้วยอีกคนเนอะ แต่วันนั้นอย่าเอาหมามาอีกล่ะ เดี๋ยวมันจะยุ่ง แล้วพี่ก็คิดว่าน้องน่าจะจ้างครูฝึกหมามาสอนมันหน่อยนะคะ เวลาน้องพามันไปไหนจะได้ไม่มีปัญหาวุ่นวายแบบนี้อีก”
ตอนนั้นเองที่ศิคาลสังเกตเห็นมือซึ่งกำหมัดแน่นของลิน และดวงตาวาววับอย่างคนที่พร้อมมีเรื่อง เธอทำท่าว่าจะลุกขึ้น
“ผมจัดการเองครับ” เขารีบบอก
ลินสบตาตอบมาอย่างแข็งกร้าว ก่อนพยักหน้าบูดบึ้งให้
“แก้ว หมากลัวเสียงพลุมันเป็นเรื่องที่ห้ามกันไม่ได้ และน้องบัวก็ไม่รู้ด้วยว่าวันนี้จะมีการจัดงานเซอร์ไพรส์ให้เธอ ผมเองก็ยังไม่รู้เรื่องพลุเลย ไม่อย่างนั้นจะได้ห้าม ถ้าน้องบัวรู้ว่าจะมีการจุดพลุแบบนี้ เธอก็คงไม่พาเทียนหอมมาเสี่ยงเหมือนกัน” ศิคาลพยายามกู้สถานการณ์
“เป็นความผิดของดินเองแหละแก้ว ถ้าแก้วจะตำหนิใครก็ตำหนิดินเถอะ น้องบัวไม่เกี่ยวเลย” ดินแดนเสริม
แก้วกัลยาชักสีหน้า ศิคาลจึงก้าวเข้าไปยืนใกล้ๆ แกล้งมองตั้งแต่หัวจดเท้าและทำหน้ายู่เหมือนรับไม่ได้
“โอ้โห แก้วตัวมอมแมมมากเลยนะ รีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะ”
“จริงเหรอคราม” แก้วกัลยาหน้าเสีย
“จริง รีบไปเหอะ เดี๋ยวคนอื่นมาเห็นเข้า” ศิคาลยืนยันเสียงขึงขัง
“โอเค แก้วไปเปลี่ยนชุดข้างบนก่อนแล้วจะลงมาใหม่ คราม ดินและเพื่อนๆ คนอื่นอย่าเพิ่งหนีกลับกันก่อนนะ รอแก้วด้วย”
ทายาทเจ้าของโรงแรมรีบไปโดยไม่ร่ำลาว่าที่เจ้าสาวของเพื่อนด้วยซ้ำ บริเวณนี้จึงเหลือเพียงลูกสุนัขหนึ่งตัวและมนุษย์อีกสี่คน
“ที่รักคะ เรากลับเข้าไปในงานกันเถอะนะคะ” ดินแดนจูงมือว่าที่เจ้าสาว
“ไม่ค่ะ บัวจะอยู่ที่นี่กับลินและเทียนหอม” บัวชมพูดึงมือออก
“ไม่ต้องหรอกบัว ฉันจะอยู่กับเทียนหอมเอง เดี๋ยวเธอก็ได้กลับบ้านไปอยู่ด้วยกันกับลูกแล้ว ขอเวลาฉันอ้อนเทียนหอมบ้างเถอะ... เนอะ เทียนหอมเนอะ อยู่กับลินสองคนดีกว่า” ลินเขย่าเท้าปุกปุยเบาๆ และเทียนหอมก็เลียมือเธอตอบอย่างอ้อนๆ
“พี่จะอยู่ช่วยดูแลเทียนหอมอีกคนครับ” ศิคาลเสนอตัวพลางกลับไปนั่งที่เดิมใกล้ๆ ลิน
เจ้าของใบหน้าบ้องแบ๊วชะงักมือและเลิกคิ้วขึ้นมองเขา ชายหนุ่มสัมผัสได้ถึงความไว้ตัวที่ตอบกลับมาประหนึ่งว่าเธอกำลังขีดเส้นกั้นขึ้นมาขวางในอากาศอย่างทันทีทันใด
ศิคาลสาบานว่าไม่ได้คิดอะไรกับเธอเสียหน่อย เขาแค่เป็นห่วงเทียนหอม ทั้งยังอยากเปิดโอกาสให้ดินแดนกับบัวชมพูปรับความเข้าใจกันตามลำพัง
“ไปเถอะบัว วันนี้เป็นวันดีของเธอกับพี่ดินนะ ควรต้องรีบไปฉลอง แล้วเธอก็ยังไม่ได้ตัดเค้กวันเกิดเลย ฉันได้ข่าวมาว่าเค้กโรงแรมนี้อร่อยมาก เธอรีบไปตัดแบ่งมาให้ฉันซะดีๆ”
“ฉันไม่มีอารมณ์ฉลองอะไรอีกแล้วละลิน ฉันไม่ควรมาที่นี่เลย ไม่ควรพาเทียนหอมมาด้วย” บัวชมพูโอดเสียงเครือ
“อย่าโทษตัวเองสิ มันเป็นความผิดของฉันเอง ฉันเป็นคนบอกให้เธอพาเทียนหอมมาเองนะ” ลินลุกขึ้นไปโอบกอดเพื่อนด้วยสีหน้าเศร้าสลด
“ไม่ครับ เป็นเพราะพี่ต่างหากที่บอกให้น้องลินช่วยหลอกน้องบัวให้พาเทียนหอมมาอยู่ในวันสำคัญของเรา พี่แค่อยากให้งานวันนี้เป็นการรวมตัวของทุกๆ คนที่มีความสำคัญต่อเรา...คนที่น้องบัวกับพี่รัก...”
“คนที่พี่ดินรัก หมายรวมถึงคุณแก้วกัลยานั่นด้วยใช่มั้ยคะ!” บัวชมพูแทรกทะลุขึ้นมากลางปล้อง
‘เอาแล้วไง!’ ศิคาลแทบจะยกเท้าของเจ้าลูกหมาที่ตนกำลังนวดให้มันอยู่ขึ้นมาตบหน้าผากของเขาเอง
บัวชมพูผละจากลิน ก้าวเข้าไปยืนประจันหน้าดินแดน
“คุณแก้วกัลยาแนะนำตัวกับบัวว่าเธอเป็นเพื่อนสนิทของพี่ดิน และบัวก็จำได้ว่าเธอเป็นแฟนเก่าของพี่ดินด้วย ว่ากันว่าแฟนคนแรกมักจะเป็นคนที่เรารักฝังใจจนลืมไม่ลง พี่ดินกับคุณแก้วกัลยาก็รู้สึกอย่างนั้นใช่มั้ยคะ ถึงได้คอยติดต่อจิ๊จ๊ะเจ๊าะแจ๊ะกันอยู่ตลอดทั้งในเฟซบุ๊ก ไอจี ทวิตเตอร์ แล้วก็คงจะมีทางไลน์หรือทางไหนๆ อีกที่บัวไม่รู้ อย่าคิดว่าการที่บัวไม่พูดจะแปลว่าบัวไม่รู้สึกอะไร บัวทนดูมานานเกินพอแล้วค่ะ!”
“มันไม่มีอะไรเลยจริงๆ นะคะที่รัก พี่กับแก้วเป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้น” ดินแดนแก้ตัวอย่างร้อนรน
“แต่เป็น ‘เพื่อนสนิท’ ที่สำคัญมากถึงขนาดปล่อยให้มายืนด่าแฟนตัวเองอยู่ได้พี่ดินรู้มั้ยคะว่าเมื่อกี้บัวรู้สึกยังไง...บัวรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองเป็นผู้หญิงอนาถาคนหนึ่งที่ต้องคอยรับบุญคุณของยายคุณแก้วกัลยาถ้าไม่มีเขาก็คงไม่มีงานวันนี้เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นงานวันเกิดของบัว หรือการเซอร์ไพรส์ขอแต่งงานของพี่ดิน แล้วถ้าบัวจะต้องแต่งงานกับพี่จริงๆ ก็จะต้องขอความอนุเคราะห์ในการจัดงานจากเขาอีกเหมือนกันถึงจะแต่งงานได้!”
“ไม่จริงนะคะที่รัก”
“พี่ดินอย่าแก้ตัวเลยค่ะ พี่ปล่อยให้เขาด่าบัวอยู่ตั้งนานโดยไม่คิดจะช่วยบัวเลยด้วยซ้ำ พี่เอาแต่ขอโทษยายนั่น พี่ครามเสียอีกที่ลุกขึ้นมาพูดแทนบัว” หญิงสาวผลักอกแฟนหนุ่มแรงๆ พร้อมกับร้องไห้โฮ
“พี่ขอโทษ...” ดินแดนพยายามจะจับมือบัวชมพู แต่เธอผลักเขาออก
“อย่าเข้ามานะ บัวไม่อยากคุยกับพี่ดินอีกแล้ว!”
“น้องบัว...พี่...พี่ขอโทษจริงๆ”
“พี่ดินใช้คำว่าขอโทษเปลืองเกินไปแล้วค่ะ”
“พี่เสียใจจริงๆ นะ และพี่ขอยืนยันว่าพี่กับแก้วเป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้นจริงๆ ไม่มีใครสำคัญสำหรับพี่มากไปกว่าหนูอีกแล้ว ถ้าหนูไม่อยากจัดงานแต่งงานที่นี่ เราก็ไปจัดกันที่อื่น หนูอยากจัดที่ไหนพี่ยกให้หนูเป็นคนตัดสินใจเลยค่ะ”
“มันจะไม่มีงานแต่งงานเกิดขึ้นอีกแล้วค่ะ!” บัวชมพูยิ้มหยัน
“น้องบัว!” ดินแดนร้องเสียงหลง
“ที่บัวตอบตกลงไปเมื่อกี้ถือว่าบัวไม่เคยพูดเลยก็แล้วกัน”
บัวชมพูถอดแหวนออกจากนิ้วนางข้างซ้ายและยัดใส่มือของดินแดน!
ความคิดเห็น |
---|