15

บทที่ 15


 

บทที่ 15 

ตั้งแต่สูญเสียครอบครัว ช่วงอาทิตย์สุดท้ายก่อนขึ้นปีใหม่ของทุกปีคือช่วงเวลาที่ชลิตาไม่อยากให้มาถึง ทั้งที่มันคือเวลาที่คนส่วนใหญ่เฝ้ารอ เพราะเชื่อกันว่าเป็นเทศกาลส่งความสุข เทศกาลที่คนในครอบครัวจะได้อยู่ด้วยกัน แต่สำหรับคนที่สูญเสียครอบครัวไปในเวลานั้นมันคือช่วงเวลาที่ทรมาน ช่วงเวลาที่ต้องกอดตัวเองร้องไห้ลำพัง เฝ้าคิดถึงคนที่จากไป

สิ่งที่ชลิตาเคยเผชิญทำให้คนรอบตัวเลือกที่จะเมินเฉยต่อเทศกาลนี้ เพราะเกรงว่าถ้าพูดขึ้นมาชลิตาจะเจ็บปวด กระทั่งปีที่กวินเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต เขาบอกกับทุกคนว่าจะทำให้ชลิตาลืมความเจ็บปวดในอดีต จะให้เธอผ่านช่วงเทศกาลนี้ไปให้ได้ โดยที่คนรอบตัวไม่ต้องทำเมินเฉย 

“ฉันรู้ว่าพวกนายเป็นห่วง แต่น้องเบลล์มีสิทธิ์ที่จะมีความสุขในช่วงเทศกาลนี้เหมือนทุกคน  ฉันเชื่อว่าพ่อเชาว์ แม่นิดและชรินทร์คงอยากให้น้องเบลล์จดจำวันที่ ๒๕ ธันวาคมเป็นวันเกิดของเธอ มากกว่าจะให้จดจำว่าเธอไม่เหลือใครในวันนี้”

เมื่อตั้งใจว่าจะทำอย่างนั้นเควินให้เอรอนและต้าฟงเคลียร์งานทุกอย่าง เดินทางมาเมืองไทย เพื่อใช้ชีวิตอยู่กับคนที่เขาคิดว่าเป็นครอบครัว เตรียมการจัดงานเซอร์ไพร์สวันเกิดให้ชลิตา โดยเริ่มจากการบอกน้องสาวว่าจะทำขนมเค้กเป็นของขวัญคริสต์มาสและปีใหม่ แล้วแน่นอนว่าลูกมืออย่างชลิตาก็ต้องมาช่วย

“รดน้ำต้นไม้เสร็จแล้วค่ะพี่ชาย” สาวน้อยข้างบ้านโผล่หน้าเข้ามาในครัวพร้อมกับเจ้าแมวสมูทตี้ “มีอะไรให้เบลล์ช่วยอีกมั้ยคะ”

“ผสมแป้ง...ตามสูตรที่บอกคราวก่อน” ในบ้านหลังนี้ไม่เคยมีวัตถุดิบที่ชลิตาแพ้ โดยเฉพาะแป้งสาลี โปรตีนนมวัว ช็อกโกแลต “จำได้มั้ย...ถ้าลืมพี่จะเขกหัวให้”

 “จำได้สิคะ เค้กสูตรล่าสุดก็ต้องหกสองหนึ่ง...แป้งข้าวเจ้าหกถ้วย แป้งมันฮ่องกงสองถ้วย แป้งมันสำปะหลังหนึ่งถ้วย?...เห็นมั้ยว่าเบลล์จำได้แม่น สูตรคราวก่อนอร่อยนะคะ แป้งนุ่มฟูกำลังดี เบลล์ชอบกว่าคร่าวก่อน คร่าวก่อนโน้นใส่แป้งข้าวโพดมันเหนียวหนืดไปนิดค่ะ แต่ดูเหมือนบอลลูนจะชอบแบบแป้งหนืดๆ นะคะ”

“ถ้าชอบก็ผสมแบบที่บอลลูนชอบไว้ชุดหนึ่งละกัน”

“ว้าว ขอบคุณค่ะ ของบอลลูนต้องหน้าเค้กส้มนะคะ ถ้าให้ดีทำบราวน์นี่เผื่อพี่ลูกโป่งก็ดีนะคะ”

ชื่อคนหลังที่น้องสาวเอ่ยทำให้คนพี่หน้าตึงเล็กน้อย เพราะไม่ชอบให้น้องเห็นผู้ชายคนไหนสำคัญกว่าตน “จะทำอะไรให้ใครก็ทำเองละกัน แต่จะทำอะไรก็รีบทำเข้า เดี๋ยวก็ไม่เสร็จกันพอดี”

“ทำเยอะเหรอคะ”

“หมดนั่น...” มือชี้เข้าไปในครัว บนโต๊ะมีถุงแป้งจำนวนมาก นั่นทำเอาชลิตาทำตาโต

“ทำไมทำเยอะขนาดนี้คะ พี่ชายบอกว่าไม่ค่อยได้อยู่เมืองไทย มีคนรู้จักเยอะขนาดต้องใช้วัตถุดิบขนาดนี้เลยเหรอคะ เบลล์คำนวณวัตถุดิบไม่เก่ง แต่ก็พอเดาได้ว่านี่น่าจะได้เค้กเป็นสิบๆ ก้อนเลย”

“ก็ต้องทำประมาณนั้นแหล่ะ แต่ไม่ได้เอาไปให้คนที่รู้จักของพี่หรอก พี่ทำให้เบลล์”

“ให้เบลล์?” กวินพยักหน้าขณะยกกระสอบแป้งมาวางไว้ตรงหน้าลูกมือที่ทำตาโต ประหลาดใจกับสิ่งที่พี่ชายบอก “เบลล์ชอบกินเค้กนะ แต่เยอะๆ เบลล์ก็กินไม่ไหวหรอกค่ะ”

“กินไม่ไหวก็เอาไปให้บ้านอุปถัมภ์สิ เห็นเคยบ่นว่าอยากให้น้องๆ และครูได้กินเค้กอร่อยๆ ไม่ใช่เหรอ”

นี่คือความใจดีใส่ใจที่ชลิตาสัมผัสได้จากพี่ชายข้างบ้าน “ทุกคนต้องดีใจแน่ๆ ขอบคุณนะคะ พี่ชายเบลล์ใจดีที่สุดเลย น่ารักที่ซู้ดดด”

“ชมเหรอนั่น” เด็กสาวพยักหน้า “ถ้าจะชมต้องชมว่าหล่อ”

“หล่อค่ะ ทั้งหล่อ น่ารัก และใจดี ทำอาหารก็อร่อยที่หนึ่งเลย”

“พอๆ ไม่ต้องชมมาก งานนี้นายน้อยเป็นเจ้ามือ พี่ก็แค่ลงแรง ถ้าจะขอบคุณก็ขอบคุณนายน้อยโน้น”

“เบลล์ขอบคุณพี่ชาย แล้วก็ต้องขอบคุณนายน้อยด้วยอยู่แล้ว เพราะงั้นพี่ชายต่อสายให้เบลล์สิคะ”

“คิดว่านายน้อยเป็นใคร จะมีเวลามานั่งคุยโทรศัพท์กับเด็กอุปการะทุกคนเหรอ นายน้อยอุปการะเด็กหลายสิบคนนะ เธอก็เป็นแค่หนึ่งในนั้น พิเศษหน่อยก็ตรงนายน้อยหวังให้เธอดูแลจุ๋นเจี๋ยและป้าพิมพ์ อย่าหวังเยอะ ถ้าจะขอบคุณนายน้อยก็ทำตัวดีๆก็พอ”

“โห พูดนิดเดียวเทศน์เบลล์ซะยาวเลย” ประท้วงไม่ได้จริงจังนัก ก่อนจะทำหน้างอหันกลับไปร่อนแป้งต่อ ขณะที่พี่ชายกำลังจัดการกับผลไม้ที่จะเอามาใช้แต่งหน้าเค้ก “ให้เบลล์ปอกผลไม้ให้มั้ยคะ”

“ไม่ต้อง ร่อนแป้งไป เสร็จค่อยว่ากัน” พูดโดยไม่ได้หันมามอง “เดี๋ยววันนี้มีแป้งสูตรใหม่มาให้ลองด้วย”

“สูตรแป้งก็ดีหรอกค่ะ แต่เบลล์อยากทำอย่างอื่นที่มากกว่าร่อนแป้ง ผสมแป้งบ้างนี่คะ” บ่นกับตัวเอง แต่เหมือนจะดังไป พี่ชายเอี้ยวตัวมามอง ทำหน้าดุทำเอาอีกฝ่ายยิ้มเจื่อน ก่อนจะพยักหน้ารับหงึก “ค่ะ ร่อนแป้งก็สนุกค่ะ ผสมแป้งก็เลิศค่ะ  เรียนรู้เรื่องแป้งเยอะๆ จะได้คิดสูตรเอง รู้ค่ะ จำได้ค่ะ บ่นแก้เครียดเฉยๆ ไม่ได้จริงจังค่ะ เต็มใจทำที่ซู๊ดดดดเลย”

คนพี่ชายส่ายหน้าอย่างระอาขณะวางสีหน้าขรึมแต่เมื่อลับหลังสาวน้อยก็แอบยิ้มอารมณ์ดี...

 

ตั้งแต่เช้าจรดเย็นชลิตาและกวินง่วนอยู่กับการทำเค้กกว่าสิบก้อนจนเสร็จ ช่วยกันแต่งหน้าเค้ก จากนั้นก็นำไปให้คนที่บ้านอุปถัมภ์ โดยที่ชลิตาไม่ทันสังเกตว่ากวินเก็บเค้กไว้ก้อนหนึ่งเพื่อเธอ มารู้อีกทีก็ตอนกลับมาถึงบ้านริมน้ำ งานเซอร์ไพร์สเริ่มขึ้น  พิมพ์พร จุ๋นเจี๋ยออกมาพร้อมเค้กวันเกิด หน้าเค้กเขียนชื่อ ‘สุขสันต์วันเกิดเบลล์’

“อธิษฐานสิเบลล์”  กวินบอกหลังจากเพลงแฮปปี้เบิร์ดเดย์จบลง “ถ้าไม่อธิษฐานก็เป่าเทียนไม่ได้นะ”

ชลิตานิ่งมองแสงเทียนหน้าเค้ก สีหน้านิ่งเฉย ก่อนน้ำตาจะไหลพราก สร้างความตกใจให้กับทุกคน

“ขอบคุณนะคะ แต่เบลล์ เบลล์ทำไม่ได้ เบลล์จะฉลองวันเกิดไม่ได้ ทำไม่ได้...” พูดได้เท่านั้นก็ปล่อยโฮ

“ไม่เป็นไรลูก ไม่เป็นไร ไม่ฉลองก็ไม่ฉลองนะ ไม่เป็นไร”

พิมพ์พรเข้าไปปลอบพลางสบตานายน้อยคล้ายหมดหวัง คืนนั้นชลิตานอนกอดสมูทตี้ร้องไห้คิดถึงครอบครัวเหมือนทุกๆ ปี แต่ปีนี้ต่างออกไปเพราะเธอต้องอยู่กับความรู้สึกผิดที่ทำให้พี่ชายเป็นห่วง ไฟบ้านนาฬิกาทรายตรงห้องของพี่ชายเปิดสว่างแม้ดึกมากแล้ว

‘พี่ขอโทษ พี่อยากให้เค้กก้อนนี้เป็นเค้กของการเฉลิมฉลอง แต่ถ้ามันจะตอกย้ำให้เบลล์คิดว่าวันนี้คือวันของการสูญเสีย พี่ขอโทษที่ทำให้เบลล์เจ็บปวด พี่ขอโทษที่พี่หลงคิดเองว่า พี่ จุ๋นเจี๋ย ป้าพิมพ์และนายน้อยทำให้เบลล์มีความสุข เข้มแข็งจนสามารถเดินต่อไปได้แล้ว’

เสียงของพี่ชายเศร้าแววตาที่มองเธอหม่นหมอง เธออยากบอกว่าเธอมีความสุข อยากบอกว่าเธอสามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้จนทุกวันนี้ก็เพราะมีทุกคนคอยอยู่ด้วย เธอเข้มแข็งขึ้นได้จริง แต่เธอก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเธอร้องไห้ ทำไมยังไม่สามารถบังคับตัวเองให้ลืมความเจ็บปวดในวันนี้ได้

คืนนั้นหลังชลิตาหลับไปอย่างเหนื่อยอ่อน  เธอฝันถึงครอบครัว ในฝันทุกครั้งจะเห็นตัวเองเป็นเด็กหญิงวัยเจ็ดขวบ อยู่ในชุดนางฟ้าสีขาว ชุดที่เธอใส่ในวันเกิดสุดท้ายกับครอบครัว ในฝันของวันนี้พ่อแม่และพี่ชายเดินเข้ามาหาเธอที่ก้มหน้าร้องไห้อยู่ลำพังในบ้าน...บ้านที่วันนี้ไม่มีอยู่จริง แต่เธอก็ยังจดจำมันได้ จำได้ทุกอย่าง ยกเว้นเหตุการณ์ในวันเกิด วันที่ภาพข่าวออกมาว่าพ่อของเธอฆ่าแม่ ฆ่าพี่ชาย แล้วเผาบ้านทิ้ง เธอคือผู้รอดชีวิต

‘เบลล์’ เสียงเรียกทำให้เธอเงยหน้าขึ้น พ่อแม่และพี่ยิ้มให้เหมือนทุกครั้งที่ฝัน

‘ถึงเวลารึยังคะ’ คำถามที่เกิดขึ้นทุกครั้งเมื่ออยู่ในฝัน ‘ทุกคนมารับเบลล์ไปอยู่ด้วยใช่มั้ยคะ’

มือที่เธอยื่นออกไป หวังเหลือเกินว่าครอบครัวจะจับไว้ แล้วพาเธอไปอยู่กับพวกเขาด้วย แต่ไม่มีเลยสักครั้ง พวกเขาส่ายหน้าพร้อมกับบอกว่ายังไม่ถึงเวลา พวกเขาอยากให้เธออยู่ต่อไป บอกให้เธอมีความสุข ไม่ต้องรู้สึกผิดที่จำเหตุการณ์นั้นไม่ได้ ไม่ต้องรู้สึกผิดที่เป็นผู้รอดชีวิต

‘พ่อไม่ได้ทำร้ายแม่’ นั่นคือสิ่งที่แม่บอก

‘พ่อรักพวกเรามาก พ่อไม่มีทางทำร้ายพี่กับแม่’ พี่ชายยังคงยืนยันเหมือนเช่นทุกครั้ง

‘ถ้าเลือกได้เราอยากอยู่เคียงข้างลูก แต่เราเลือกทุกอย่างเองไม่ได้ลูกรัก เราไม่เคยเสียใจ สิ่งวิเศษสุดคือการที่หนูยังอยู่ ถ้ารักพวกเรา มองไปข้างหน้า ใช้ชีวิตให้คุ้ม ยิ้ม มีความสุข เพราะนั่นจะทำให้พ่อ แม่และชรินทร์มีความสุข เบลล์มีครอบครัวใหม่แล้วนะลูก อย่าทำให้พวกเขาทุกข์ใจที่ลูกไม่มีความสุข เพราะแท้จริงแล้วเบลล์มีความสุขใช่มั้ยลูก’

‘ค่ะพ่อ เบลล์มีความสุข’

‘ถ้าอย่างนั้นก็บอกพวกเขาว่าลูกมีความสุข’ พ่อบอกแทนทุกคน

‘วันที่ยี่สิบห้า ธันวาคมคือวันดีที่พระเจ้าประทานนางฟ้าตัวน้อยมาให้ครอบครัวเรา ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นสิ่งนี้ก็จะไม่เปลี่ยน จำไว้นะลูก’  แม่เน้นย้ำสิ่งที่เธอลืมเลือนมันไป

‘เบลล์มีครอบครัวใหม่แล้วพี่ดีใจด้วยนะ เป็นไงล่ะพี่ชายที่พี่หาให้ ทำอาหารเก่งใช่มั้ย’

‘หาให้...ทำไมพี่ชรินทร์บอกว่าหาให้ล่ะคะ พี่ชายคือคนที่นายน้อยพามาไม่ใช่เหรอคะ’

ไม่มีคำตอบใดๆ กลับมานอกจากรอยยิ้มอบอุ่น ภาพครอบครัวเลือนหายไปเมื่อเธอสะดุ้งตื่น  แม้มีคำถามในใจแต่ความหม่นเศร้ารู้สึกผิดก็เลือนหายไป  เช้าวันรุ่งขึ้นเธอไปหาพี่ชายที่บ้านเพื่อขอโทษและเปิดใจบอกเหตุผลว่าทำไมเธอไม่อยากฉลองงานวันเกิด เหตุผลที่เธอไม่เคยเปิดอกพูดกับใครเหมือนที่พูดกับพี่ชาย

“ตอนที่เบลล์ตื่นขึ้นมาที่โรงพยาบาล พวกผู้ใหญ่บอกเบลล์ว่าที่บ้านเบลล์เกิดไฟไหม้ ทุกคนตายหมด เบลล์เชื่ออย่างนั้นกระทั่งวันหนึ่งเบลล์ได้รู้ความจริงว่ามันไม่ใช่อย่างนั้น...ที่บ้านไม่ได้แค่เกิดไฟไหม้ แต่พ่อฆ่าทุกคนในบ้าน แล้วจุดไฟ...”

ทั้งที่กวินรู้ความจริงทุกอย่าง ทั้งที่เขาอยากบอกชลิตาว่าพ่อเธอไม่ได้ฆ่าทุกคน แต่ก็พูดไม่ได้ สิ่งที่ทำได้คือนั่งฟังน้องเล่าอยู่เงียบๆ

“เบลล์ไม่อยากเชื่อว่าพ่อจะทำอย่างนั้น เบลล์จำเรื่องในวันนั้นไม่ได้ แต่เบลล์ไม่อยากเชื่อว่าพ่อของเบลล์จะทำอย่างนั้น ถ้าพ่อทำ  ทำไมพ่อไม่ฆ่าเบลล์ด้วย ทำไมไม่พาเบลล์ไปอยู่ด้วย ทิ้งเบลล์ไว้ในโลกนี้คนเดียวทำไม”

น้ำตาของความอัดอั้นรินไหลไม่ยอมหยุด มือที่ยกขึ้นกุมหัวใจบ่งบอกว่าน้องเจ็บปวดทุกอย่างเหมือนภาพเหตุการณ์ในวันนั้น วันที่น้องเห็นคนในครอบครัวนอนจมกองเลือด จะผิดก็แค่วันนี้น้องไม่ได้กรีดร้องจนสิ้นสติไป แต่แค่นั้นใจกวินก็เจ็บปวดอย่างที่สุด

“พี่อาจจะตอบแทนพ่อของเบลล์ไม่ได้ แต่ถ้าเบลล์เชื่อว่าพ่อและครอบครัวรักเบลล์ นั่นแหล่ะความจริง...การที่เบลล์ยังอยู่ก็เพราะครอบครัวเบลล์อยากเห็นชีวิตของเบลล์เติบโต มีความสุข พี่เชื่อว่าทุกคนในครอบครัวเบลล์ปกป้องเบลล์ เธอถึงยังอยู่...”

สำหรับกวินนี่คือความจริง ความจริงที่อยากให้เธอเชื่อมั่น แล้วสำหรับชลิตาคำพูดของพี่ชายคือสิ่งที่เฝ้ารอมาทั้งชีวิต เฝ้ารอใครสักคนที่จะมาช่วยยืนยันสิ่งที่เธอคิดและเชื่อ 

“จริงเหรอคะ พี่ชายคิดอย่างนั้นจริงเหรอ”

“พี่ไม่ใช่แค่คิด แต่พี่รู้ว่าเป็นอย่างนั้น จดจำภาพของครอบครัวที่เบลล์รักไว้ จดจำให้ดีว่าพวกเขารักเบลล์ พวกเขาอยากเห็นเบลล์มีความสุข แล้วจงมีความสุขให้ทุกคนบนฟ้าได้เห็น...พี่ว่าทุกคนบนฟ้าก็คงอยากให้เบลล์จดจำว่า วันนี้คือวันเกิดของเบลล์ คือวันที่พระเจ้าประทานนางฟ้าตัวน้อยๆ ลงมาให้ครอบครัว เพื่อเป็นที่รัก พวกเขาให้ความรักเพราะอยากให้เบลล์มีความสุข อยากให้ยิ้ม ยิ้มกว้างๆ อย่างที่เบลล์เคยทำตลอดมาตอนที่มีครอบครัวอยู่เคียงข้าง...จงรู้ไว้ว่าทุกคนรักเบลล์ รักเท่าชีวิต”

คำพูดเหล่านี้เคยได้ยินเมื่อนานมาแล้ว นานจนแทบจะลืมเลือนมันไป ไม่เคยมีใครพูดกับเธออย่างนี้เลยตั้งแต่สูญเสียครอบครัว เธอไม่อยากร้องไห้ ไม่อยากเป็นคนขี้แย แต่สุดท้ายน้ำตาก็ยังไหล

“จงมีความสุขนะเบลล์ มีความสุขให้คนที่รักเบลล์เห็น” กวินเอื้อมมือปาดน้ำตาออกจากผิวแก้มน้อง “เพราะนั่นจะทำให้คนที่รักเบลล์มีความสุขไปด้วย”

‘ขอบคุณพระเจ้าที่ประทานนางฟ้าน้อยๆ มาให้ครอบครัวเรา ขอให้รอยยิ้มสดใสนี้จงอยู่กับเบลล์ ขอให้หนูแข็งแรง สดใส อย่างนี้ตลอดไป...อธิษฐานสิจ๊ะ แล้วเป่าเทียนนะ’

เสียงของคนในครอบครัวเหมือนชัดขึ้นในหัว เสียงหัวเราะ เสียงกระซิบบอกว่ารักก้องในใจ ทำให้เธอรู้สึกเข้มแข็งขึ้น อีกทั้งมือของเธอในวันนี้ก็มีคนคอยประคอง ต่อให้พ่อแม่พี่ชาย ไม่ได้อยู่ด้วยแล้ว แต่วันนี้เธอไม่ได้อยู่ลำพังเธอมีครอบครัว มีจุ๋นเจี๋ย พิมพ์พร นายน้อย และก็พี่เคย์ คอยอยู่ใกล้เสมอ

“ตอนนี้เบลล์มีความสุขแล้วใช่มั้ย” คำถามนั้นอ่อนโยน รอจนอีกฝ่ายพยักหน้า “งั้นไม่ร้องไห้แล้วนะครับ  น้องต้องยิ้ม...ทำได้มั้ย ยิ้มเพื่อบอกคนที่รักเบลล์ได้รู้ว่าเบลล์ไม่เป็นแล้ว เบลล์มีความสุขแล้ว” 

คำพูดแผ่วเบานั้นช่วยเพิ่มความกล้าให้ชลิตาได้อย่างไม่น่าเชื่อ เธอเงยหน้าขึ้นแล้วยิ้มทั้งน้ำตา “ค่ะ เบลล์มีความสุข ต่อไปนี้เบลล์จะยิ้มให้เยอะๆ  ยิ้มแล้วเงยหน้ามองฟ้าให้พ่อ แม่ พี่ชรินทร์ได้เห็น เบลล์จะไม่ขี้แยให้นายน้อยต้องหนักใจ เบลล์จะต้องทำให้ได้ค่ะ เบลล์สัญญา...”

รอยยิ้มและน้ำเสียงที่สดใสขึ้นก็ทำให้กวินยิ้มตามได้ไม่ยาก  “พี่ก็สัญญาว่าจะปกป้องและจะทำให้เบลล์มีรอยยิ้มอย่างนี้ตลอดไป”

“คะ...เมื่อกี้พี่ชายว่าอะไรนะคะ ปกป้องอะไรนะ”

“เอ่อ...พี่บอกว่าจะเอาเรื่องนี้ไปบอกนายน้อยว่าเด็กแถวนี้เหมือนจะเข้มแข็งขึ้นละ ขี้แยแค่นิดหน่อย”

“ไม่นิดหน่อยนะคะ เข้มแข็งขึ้นมากเลย...ต่อไปจะไม่ร้องไห้แล้วนะ พี่ชายต้องไปบอกนายน้อยว่าเบลล์ไม่ร้องไห้แล้ว จากนี้จะไม่ให้ใครได้เห็นน้ำตา”

“ถ้าทำได้อย่างนั้นจะบอกให้ แต่ตอนนี้ยังไม่ได้...”

 “โธ่ ไม่ช่วยกันเลย...”

แม้แต่ยามหน้างอ ‘น้องตัวน้อย’ ก็ไม่ได้คลายความน่ารักลงสักนิดในสายตาของ ‘พี่ชาย’

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น