14

บทที่ 14


 

บทที่ 14 

“โอ๊ย...ทำไมปวดอย่างนี้ สาบานว่าจะเลิกแล้ว...เลิกกินแล้วยี่ห้อนี้ เลิกขาด!”

อาการปวดแปลบบริเวณขมับทำให้เหมยฮัวที่เพิ่งรู้สึกตัวยกมือขึ้นกุมศีรษะ บิดตัวร่ายๆ มืออีกข้างก็คลำหาเพื่อนร่วมเตียงแต่พบความว่างเปล่า แต่ก็ไม่ได้แปลกใจเมื่อได้กลิ่นกาแฟอ่อนๆ โชยมาจากห้องครัว

“แคนดี้จ๋าขอยาให้เหมยก่อนกาแฟได้มั้ย ตอนนี้ปวดหัวมากเลย เมื่อคืนเรากินอะไรเข้าไปกันบ้างเนี่ย สาบานว่าจะไม่กินแบบนี้อีกแล้ว”

บ่นพลางพลิกตัวออกจากผ้าห่ม รู้สึกหงุดหงิดเมื่อม่านในห้องกำลังถูกรูดเปิด แสงแดดจากระเบียงแยงตาจนต้องฟุบหน้าลงกับหมอนแล้วเงียบไป เกือบจะหลับอีกครั้งถ้ากลิ่นกาแฟหอมกรุ่นไม่แตะจมูก เสียงถาดกระทบโต๊ะข้างเตียงบ่งบอกว่าของที่เธอต้องการถูกนำมาวางข้างๆ 

อดไม่ได้ที่จะหรี่ตาดู เห็นแก้วเล็กๆ ใส่ยาเม็ดสีขาว แก้วน้ำเปล่า กาแฟที่มีไอร้อนลอยอ้อยอิ่ง  สิ่งที่เรียกความสนใจมากที่สุดคงเป็นอาหารเช้าบนจานที่เพิ่งทำเสร็จใหม่ๆ มองวัตถุดิบเห็นว่ามีขนมปังปิ้ง วางทับด้วยไข่ดาวทอดแบบสุกหมด มะเขือเทศแผ่นใหญ่หนา แต่งไว้อย่างสวยงามน่ากิน แต่คงไม่ใช่กับคน ‘แฮงค์’ อย่างเธอ

“น่ารักที่ซู้ดดด อุตส่าห์ตื่นมาทำให้ แต่แฮ้งค์แบบนี้เหมยกลืนอะไรไม่ลงหรอก เปลี่ยนจากอาหารเช้ามาหอมสักฟอดให้ชื่นใจหน่อยสิจะ...”

คำพูดสุดท้ายถูกกลืนหายไป เมื่อหันมาเห็นว่าที่เธอคุยด้วยไม่ใช่คนที่เธอคิดว่าเป็น

“กรี๊ดดด คุณเป็นใคร มาอยู่ในห้องนี้ได้ยังไง”

เสียงกรีดร้องดูไม่เป็นทอมสักนิดในสายตาของเควิน เขาอมยิ้มที่เห็นสีหน้าตกใจของเหมยฮัว ซึ่งเหมือนยังคงไม่แน่ใจในสิ่งที่ตัวเองเห็น เธอยกมือขยี้ตา ก่อนจะเพ่งมองอีกครั้ง

“เควิน รีฟส์!?”

“หวัดดีเหมยเหมย” เควินทักทายเป็นภาษาจีนซึ่งเป็นภาษาเดียวที่เหมยฮัวคุยกับแคนดี้  สีหน้าเขาดูตรงข้ามกับอีกฝ่ายที่กำลังอ้าปากค้าง “แคนดี้พูดถูก ตื่นมาคุณต้องถามหายา เธอเตรียมไว้ให้ก่อนจะออกไป แล้วฝากให้ผมช่วยอยู่ดูแลคุณจนกว่าจะตื่น จริงรึเปล่าที่เธอว่าคุณจะหงุดหงิดมาก ถ้าต้องตื่นขึ้นมาแล้วอยู่ในห้องคนเดียว”

คำพูดของเควินดูจะไม่ผ่านเข้าหูคู่สนทนาสักนิด เธอยังคงส่ายหน้าปฏิเสธความจริง  

“เป็นไปไม่ได้...เป็นไปไม่ได้”  เหมยฮัวยังพยายามหาเหตุผลให้ตัวเองสบายใจ “สงสัยผลข้างเคียง เมื่อคืนแคนดี้ต้องแอบเอาอะไรให้เราเล่นแน่ๆ นี่ภาพลวงตา ของแรงยังไม่หมดฤทธิ์!”

อาการพยายามสะกดจิตตัวเองของหญิงสาวทำให้เควินเผลอยิ้ม เขาคิดภาพของเหมยฮัวตอนสร่างเมาไว้มากมาย แต่ไม่ได้คิดว่าเธอจะมีอาการ ‘รั่ว’ อย่างที่ทำ มันต่างจากภาพลักษณ์เก่าๆ ของคุณหนูเหมยฮัวที่เขารู้จักมาก ภาพเก่าดูเป็นดั่งนางพญา ตอนนี้ดูเป็นผู้หญิงธรรมดาที่จับต้องได้มากกว่า

“ตื่นๆ เหมยตื่น ตื่นแล้วเควินจะหายไป”  เหมยฮัวตบหน้าตัวเองเรียกสติ “เจ็บนี่ ตื่นแล้ว...ทำไมยังอยู่ หายไปสิ หายไปสิ!”

“ทำแบบนั้นแล้วสบายใจขึ้นมั้ย”

คุยได้ด้วย...ตัวจริงใช่มั้ย หรือเควินจะจับได้ว่าเมื่อคืนเราแกล้งป่วยแล้วเบี้ยวนัดเดท แต่จะเป็นไปได้อย่างไร ต่อให้เขาจับได้จริง ก็ไม่ได้แปลว่าเขาจะหาตัวเราเจอ คอนโดนี้ก็เป็นห้องพักของแคนดี้ ไม่มีทางที่เขาจะใช้เวลาแค่ข้ามคืนมาเจอเราที่นี่ แล้วตอนนี้เราก็แต่งตัวสไตล์ ‘เหมยเหมย’ ถ้าไม่ช่างสังเกตจริงๆ ก็ไม่มีทางจำได้ว่าเราคือ ‘เหมยฮัว’ เพราะฉะนั้นเราต้องทำนิ่งไว้ นี่อาจแค่เรื่องบังเอิญ

“ไปไหน...แคนดี้ไปไหน แล้วคุณมาอยู่ในห้องฉันได้ยังไง”

“จำไม่ได้จริงๆ เหรอว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อคืน”

เหมยฮัวยังคงหลอกตัวเองว่าความยังไม่แตก ซึ่งนั่นก็ยิ่งทำให้เควินนึกเอ็นดูปนขำสาวทอม

“ผมช่วยคุณกับเพื่อนไว้ไม่ให้ถูกลากเข้าไปรุมโทรม...จำได้บ้างรึยัง”  เควินรอจนอีกฝ่ายพยักหน้าจึงได้พูดต่อ “คุณจำผมได้มั้ย”

“ฉันจำได้ว่าคุณช่วยฉัน ขอบคุณ” เหมยฮัวทำใจดีสู้เสือ ไม่ชอบที่ถูกอีกฝ่ายมองเหมือนจับผิด “จริงๆ แล้วคุณจะกลับเลยก็ได้นะ ฉันก็ตื่นแล้ว แคนดี้ก็เหลือเกินคุณช่วยพวกเราแล้ว ยังกล้ารบกวนให้คุณอยู่เป็นเพื่อนฉัน...คุณจะกลับเลยมั้ยคะ เดี๋ยวฉันเดินไปส่งที่หน้าห้อง”

ไม่พูดเปล่า เธอขยับลุกทำท่าจะลงจากเตียงแต่ถูกอีกฝ่ายดึงแขนไว้

“กินอะไรซะหน่อย” คราวนี้เขาพูดภาษาไทย เพื่อบอกเหมยฮัวว่าไม่รอดแล้ว เธอมีอาการเหวอจริงๆ แต่เขายิ้มให้อย่างเป็นมิตร “ผมรู้ว่าคุณคงกลืนอะไรลำบาก ไหนจะอาการแฮงค์ ไหนจะช็อกที่ความลับแตก แต่เชื่อผมเถอะ ถ้าคุณกินของที่ผมทำให้เข้าไปได้ คุณจะรู้สึกดีขึ้น ขนมปังปิ้งให้แคลอรี่ต่ำทำให้ท้องไม่ว่าง ไข่ดาวมีกรดอะมิโนซีสเทอีนช่วยล้างสารพิษออกจากร่างกาย มะเขือเทศมีโพแทสเซียมสูงช่วยลดอาการคลื่นไส้ แล้วอย่าลืมตบด้วยกาแฟ  คาเฟอีนจะช่วยลดอาการปวดหัวได้ ทานเสร็จคุณอาจไม่ต้องใช้ยาแก้ปวดหัวเลยก็ได้นะ”

เหมยฮัวมีอาการเหมือนคนอยากร้องไห้ แต่ร้องไม่ออก ได้แต่บ่นงึมงำกับตัวเอง จะโทษใครก็ไม่ได้นอกจากความซวยของตัว

“ใครว่า...ตอนนี้ต่อให้เป็นยาแก้ปวดอย่างแรง ก็ไม่ได้ช่วยให้ฉันหายปวดหัวสักนิด...โอ๊ย นี่มันวันซวยอะไรของเธอกันเหมยเหมย!” 

 

ต่อให้ปฏิเสธตอนแรกแต่สุดท้ายแล้วเหมยฮัวก็กินอาหารที่เควินทำให้จนหมดรวมถึงกาแฟดำที่เขาชงให้ แล้วก็จริงอย่างที่เขาบอก หลังอาหารมื้อนี้เธอรู้สึกดีขึ้นโดยไม่ต้องพึ่งพายา แต่พอเขาเริ่มบอกว่าจะคุยธุระสำคัญ อาการปวดหัวของเธอก็เหมือนจะกลับมา

“พ่อของคุณยังไม่รู้ใช่มั้ยว่าคุณเป็นแบบนี้” เควินเริ่มเปิดประเด็น

เหมยฮัวหน้างออยู่พักหนึ่งก่อนจะยอมตอบ “ไม่รู้...จะให้รู้ไม่ได้ด้วย ไม่งั้นแด๊ดอกแตกตายแน่ๆ แด๊ดคิดว่าฉันแค่ยังไม่เจอคนที่ชอบ ขอร้องอย่าบอกแด๊ดได้มั้ย คุณจะให้ฉันทำอะไรฉันก็ยอม สัญญาว่าต่อไปจะไม่แกล้งนัดให้คุณรอเก้ออีก ฉันรู้ว่าคุณโกรธที่ฉันให้คุณปิดภัตตาคารเก้อ นะเควิน ฉันขอร้อง”

เหมยฮัวแทบจะยกมือไหว้อีกฝ่าย คิดว่าจนแต้มจริงๆ

“คุณอยากใช้ชีวิตอย่างนี้ตลอดไปมั้ยล่ะเหมยฮัว”

คนถูกถามไม่เข้าใจความหมายจึงยังรอฟังที่อีกฝ่ายจะขยายความ  

“คุณชอบที่จะเป็นเหมยเหมยมากกว่าต้องสวมบทเป็นนางพญาเหมยฮัวใช่มั้ย”

เหมยฮัวไม่เข้าใจว่าเขาจะมาไม้ไหน แต่ก็พยักหน้า “นี่คือตัวฉัน แต่เป็นตัวฉันที่ต้องซ่อนไว้ เพราะฉันสัญญากับแม่ที่เสียไปแล้วว่า จะไม่ทำให้แด๊ดเสียใจ แด๊ดต้องรับไม่ได้ที่ลูกสาวคนเดียวเป็นแบบนี้ คุณจะไม่บอกเรื่องนี้กับแด๊ด หรือพ่อของคุณใช่มั้ย” 

“ผมจะไม่บอก แต่ผมต้องมีเรื่องให้คุณช่วยด้วย...”

เควินยื่นข้อเสนอที่ทำให้คิ้วของเหมยฮัวผูกโบว์ “ลองว่าไปสิ”

“ถ้าจะพูดให้ถูกคือเราต้องร่วมมือกัน แกล้งเป็นคู่รัก เป็นคู่หมั้นกัน เพื่อไม่ให้พ่อของผมและพ่อของคุณมายุ่งกับชีวิตรักของพวกเรา”

หญิงสาวดูอึ้งไปกับข้อเสนอ ก่อนจะทำหน้าเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่างครู่หนึ่ง จึงเงยหน้ามาพูดกับมาเฟียจนตรอกตรงหน้า

“คุณเป็นเกย์เหรอ”

“มะ--ไม่ใช่” ปฏิเสธหน้าเหวอ ไม่เข้าใจว่าเขาพูดอะไรผิดทำให้เหมยฮัวเข้าใจอย่างนั้น

เหมยฮัวหัวเราะ กับอาการหน้าตื่นของอีกฝ่าย “โถ ไม่ต้องอายหรอกนา ฉันเข้าใจคุณ เรามันพวกเดียวกัน  แล้วไม่ต้องห่วงนะฉันไม่อยากมีผัว แต่ฉันก็ไม่ได้รังเกียจผู้ชายนะ โดยเฉพาะผู้ชายที่ไม่กินผู้หญิง ฉันยิ่งชอบ ฉันเกลียดคนอยู่ประเภทเดียว คือคนที่เกลียดคนอย่างฉัน ตัดสินคนอย่างฉันโดยเอาความเป็นเพศผู้มาข่ม คิดว่าตัวเองเป็นผู้ชายกินผู้หญิงแล้วจะกันท่าไม่ให้ผู้หญิงกินหญิง”

เหมยฮัวยิ้มหวานพยักหน้าหงึกๆ เหมือนจะให้ความกล้าเควินให้เปิดเผยความเป็นตัวเอง จนเขาต้องอธิบายให้เข้าใจใหม่ว่า “ผมเป็นผู้ชาย”

ส่ายหน้าปฏิเสธว่าไม่เชื่อ “อย่ามาเขิน ฉันรับได้ เรามาเป็นเพื่อนกันเถอะนะเควิน หรือฉันควรเรียกนายว่าแคลดีล่ะ หรือนายเป็นพวกเกย์คิงค์เหรอ หรือเป็นไบท์ หรือ...”

“ผมเป็นผู้ชาย” เควินต้องรีบเบรกเสียงดังก่อนที่เหมยฮัวจะคิดไปไกลกว่านี้ “เป็นผู้ชายที่กินผู้หญิงปกติทั่วไป ไม่ได้แอบไม่ได้แฝง แต่ผมก็ไม่ได้เป็นผู้ชายอย่างที่คุณเกลียด ผมไม่ดูถูกเพศที่สาม”

“อย่ามาแอ๊บนา...” เหมยฮัวเข้าไปตบไหล่ แต่อีกฝ่ายยังมองมาหน้านิ่ง ยืนยันคำพูดจนเธอยอมเชื่อ “จริงดิ...แล้วคุณทำอย่างนี้ทำไม ทำไมอยากได้ฉันไปเป็นคู่หมั้นเพื่อตบตาพ่อคุณ หรือว่าพ่อคุณไม่ชอบแฟนคุณเหรอ คุณกำลังปกป้องคนรักจริงๆ ของคุณใช่มั้ย”

เควินมองสบตาเหมยฮัวก่อนจะตัดสินใจบอกความจำเป็นของตัวเอง “ไม่ใช่คนรัก แต่เป็นน้องสาวคนสำคัญที่สุดในชีวิตผม นิคไม่ใช่แค่ไม่ชอบเธอ แต่นิคจะฆ่าเธอถ้าผมไม่ยอมทำในสิ่งที่เขาต้องการ”

“น้องสาว?” สิ่งที่เหมยฮัวเคยรู้คือนิคมีเควินเป็นลูกชายแท้ๆ และมีชาคริตเป็นลูกบุญธรรม ไม่เคยได้ยินเรื่องลูกสาว “น้องสาวต่างพ่อของคุณเหรอ?”

ไม่มีคำตอบกลับมาในทันที เหมือนอีกฝ่ายกำลังใคร่ครวญหาคำที่เหมาะ แต่เหมยฮัวก็พอเดาได้ว่าคงไม่ใช่พี่น้องร่วมสายเลือด

“ฉันเคยได้ยินชาคริตบอกว่า คุณกับพ่อเข้ากันไม่ค่อยได้ พี่ชายคุณบอกว่าคุณเกลียดพ่อ คุณร้ายกาจใส่พ่อ เพราะคุณคิดว่าพ่อทำให้แม่คุณตายไม่ใช่เหรอ แต่ฟังจากที่คุณบอก มันตรงข้าม...”

“ที่ชาคริตพูดก็ไม่ผิด แต่ที่ผมบอกคุณก็คือความจริงด้วย”

“คุณเกลียดพ่อ แต่ก็อยู่ใต้อำนาจเขา เพราะเขารู้ว่าจุดอ่อนคุณคือน้องสาวที่คุณกำลังปกป้อง?”

เควินพยักหน้า เหมยฮัวขอให้เล่าให้ฟัง แต่เขายังไม่พร้อมจะบอกรายละเอียดจึงเลี่ยง “เรื่องมันยาว ไว้โอกาสหน้า ผมจะเล่าให้ฟัง ตอนนี้คุณรู้แค่ว่าเธอเป็นคนที่ผมต้องปกป้องจากนิค และทางเดียวที่ผมจะทำได้ในตอนนี้คือ ทำให้คุณยอมเป็นคู่หมั้นหรือยอมแต่งงานกับผม”  

 “ฉันก็ว่าแล้ว ตอนแรกคุณไม่สนใจฉันด้วยซ้ำ แล้วอยู่ๆ เกิดจะมาเดินหน้าจีบ มันดูแปลกๆ มันคงไม่ใช่แค่เหตุผลที่ชาคริตจีบฉันไม่ติดหรอก”

เควินพยักหน้ายอมรับ เขาเชื่อว่าการพูดความจริงกับเหมยฮัวคือทางออกที่ดีที่สุด

“คุณคงคิดว่าฉันง่ายสินะ จะใช้ฉันเป็นเครื่องมือเพื่อปกป้องคนของตัวเอง...รู้ตัวมั้ยว่าคุณน่ะนิสัยไม่ดี พวกมาเฟียก็งี้แหล่ะ ไม่รู้แด๊ดจะอยากดองด้วยได้ยังไง ฉันไม่ชอบเลยคนที่ไม่คิดถึงคนอื่น คิดเหรอว่าเล่าเรื่องนี้ให้ฉันฟัง ฉันจะยอมร่วมมือกับคนเห็นแก่ตัวอย่างคุณ ฉันไม่มีทางไว้ใจหรอก”

เควินไม่เถียงเรื่องนี้ แต่เขาก็มีความจริงใจจะบอก “ผมยอมรับ ตอนแรกผมก็คิดว่าจะจีบคุณได้ไม่ยาก  ผมค่อนข้างมั่นใจว่าจะทำให้คุณยอมรับหมั้น”

“มั่นหน้านะยะ” เหมยฮัวประชดไม่ได้จริงจังนัก แต่หมั่นไส้ที่อีกฝ่ายพูดตรงๆ เธอไม่ปฏิเสธว่าเควินดูดีทุกอย่าง เขาไม่ใช่มาเฟียไร้มารยาท เขาดูสุภาพให้เกียรติผู้หญิง รูปร่างหน้าตาดี การศึกษาดี ที่สำคัญคือสิ่งที่เห็นตรงหน้า เขาอ่อนโยน รู้จักดูแล ทำอาหารเช้าให้ ชงกาแฟเป็น ไม่ใช่ผู้ชายประเภทที่คอยสั่งให้คนอื่นทำ ไม่บ้าอำนาจ “แต่ดูเหมือนความมั่นใจของคุณจะใช้ไม่ผลกับฉัน”

“ผมไม่เถียง คุณทำผมท้อ ทั้งที่ผมตั้งใจจะเปิดใจคบกับคุณจริงๆ  หวังจริงๆ ว่าสักวันเราอาจจะรักกันได้ คิดไว้ว่าถ้าคุณเป็นคนที่ทำให้นิคเลิกยุ่งกับน้องเบลล์ คุณก็คือผู้มีพระคุณ คุณจะเป็นผู้หญิงคนที่สองที่ผมจะปกป้องด้วยชีวิตผม”

เหมยฮัวสัมผัสได้ว่านั่นไม่ใช่แค่คำพูดหวานหูที่ทำให้หัวใจคนฟังพองโต เธอมองเห็นความจริงจังผ่านแววตา น้ำเสียง ผู้ชายคนนี้ยอมที่จะพูดความจริงกับเธอ ทั้งที่นั่นเป็นความลับที่สำคัญมาก นั่นก็ทำให้เธอรู้สึกประทับใจอะไรบางอย่างในตัวผู้ชายคนนี้ แล้วคงไม่น่าจะมีอะไรเสียหายที่จะคบหาเป็นเพื่อน  

“น้องเบลล์...ชื่อน้องสาวคนสำคัญของคุณสินะ” เควินเพิ่งรู้ตัวว่าเผลอหลุดพูดชื่อนั้นออกไป แววตาแสดงความขี้เล่นและเจ้าเล่ห์ของเหมยฮัวทำให้เขาขมวดคิ้ว ไม่แน่ใจว่าสาวสองบุคลิกจะมาไม้ไหน  “ฉันขอเจอเธอก่อนได้มั้ย แล้วค่อยตัดสินใจว่าจะร่วมมือกับคุณมั้ย”

“เลิกคิดได้เลย ผมเล่าเรื่องน้องเบลล์ให้คุณฟัง ไม่ได้แปลว่าผมจะให้คุณไปเจอน้องผม”

“น้องผม?” คำนี้แสดงความเป็นเจ้าของที่น่ารักในสายตาของเหมยฮัว “หวงน้องซะด้วย ไม่แน่ว่าวันหนึ่ง ฉันอาจจะเป็นน้องเขยคุณก็ได้” เหมยฮัวทำทะเล้น เควินตีสีหน้าจริงจัง นั่นทำให้เธอหัวเราะออกมา “หวงเป็นจริงเป็นจังซะด้วย น่าสนใจ เอาเป็นว่าฉันรับข้อเสนอ...แต่คุณต้องสัญญาว่าสักวันคุณจะแนะนำให้ฉันรู้จักกับน้องเบลล์?... ไม่ตอบแสดงว่าคุณคิดกับน้องเบลล์มากกว่าน้องสาวน่ะสิ”

“เธอคือน้องสาวของผมจริงๆ ไม่คิดเป็นอื่น”

“งั้นทำไมถึงจะไม่แนะนำให้ฉันรู้จัก...หรือคุณรังเกียจเลสเบี้ยนอย่างฉัน! ถ้างั้นก็ไม่ต้องมาคบกันเลย” เหมยฮัวแกล้งดราม่า เควินหลงกลต้องบอกตกลงอย่างเสียไม่ได้ “สัญญาแล้วนะ เมื่อไหร่ดี บินไปหาเธอเลยได้มั้ย ตอนนี้เธออยู่ไหน เมืองไทยหรือว่า อยู่เมกาฯ”

“เมืองไทย แต่ผมยังไม่ให้คุณเจอน้องเบลล์เร็วๆ นี้แน่ อย่างน้อยก็จนกว่าเราจะหมั้นกัน”

“งั้นหมั้นวันนี้เลย” เหมยฮัวทำทะเล้น “ล้อเล่นนา...ฉันไม่สนเด็กหรอก ไม่ต้องห่วง สเป็คฉันต้องอย่างแคนดี้ ว่าแต่ฉันขออะไรอย่างสิ”

“ว่าไป...”

“เมื่อเราหมั้นกัน คุณต้องดูแลฉันทุกอย่าง คอยระวังหลังให้ฉันทุกเรื่อง”

“ไม่ใช่ปัญหา”

“คุณมีสาวๆ เยอะมั้ย ปกติน่ะ”

“ก็มีบ้าง...” เควินไม่เข้าใจว่าเหมยฮัวคิดอะไรอยู่

“ตอนนี้เราเป็นเพื่อนกันแล้วใช่มั้ย” เหมยฮัวรอจนเควินพยักหน้า “ฉันหมายถึงเพื่อนกิน เพื่อนเมา เพื่อนเที่ยว คบกันแบบแมนๆ ยอมแบ่งผู้หญิงกันได้ คุณคิดว่าจะคบฉันเป็นเพื่อนแบบนั้นได้มั้ย”

เควินไม่ค่อยแน่ใจสาวสองบุคลิกแต่ก็พยักหน้ารับ “อย่าอ้อมค้อมเอาตรงๆ” 

“คุณบอกจะแบ่งสาวๆ ให้ฉันแล้วนะ อย่าลืมสัญญา แล้วรู้ไว้ด้วยว่าฉันเป็นคนชอบปาร์ตี้ คุณต้องจัดปาร์ตี้ให้ฉันทุกครั้งที่ฉันต้องการ...ทำหน้ายุ่งทำไม หวงเหรอ ไหนบอกเป็นเพื่อนกันแล้วไง”

“ไม่ได้หวง ผมแบ่งให้คุณได้ ยกเว้นน้องเบลล์ แต่ผมแค่สงสัย คุณเอาแคนดี้ไปไว้ไหน ทำตัวเจ้าชู้แบบนี้แคนดี้ไม่ว่าเอาเหรอ”

“โอ๊ย ฉันกับแคนดี้แค่สนุกกัน ไม่ได้จริงจัง แคนดี้ก็มีแฟน เป็นผู้ชายด้วย แล้วคนอย่างเหมยเหมยจะไม่ยอมให้ใครมาผูกมัด ฉันเป็นคนมีรักมากมายที่จะมอบให้สาวๆ อย่างไม่มีที่สิ้นสุด...”

เควินส่ายหน้ากับความท่าเยอะของเหมยฮัว เริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าจะรับมือคนอย่างเหมยฮัวไหว

“วันนี้คุณว่างมั้ย จัดปาร์ตี้ฉลองความเป็นเพื่อนรักของเราให้หน่อยสิ...เย้!” เมื่อเควินพยักหน้า เหมยฮัวก็กระโดดกอดคออีกฝ่ายทันทีทำเอามาเฟียหนุ่มเกือบทรงตัวไม่อยู่  “เอาสาวมาเยอะๆ ด้วยนะ เควินเพื่อนรัก”

“ครับ แต่ก่อนอื่นปล่อยผมก่อน รัดคอแน่นไปละ”

“โอ๊ะ โทษทีลืมตัวน่ะ” เหมยฮัวยิ้มทะเล้น “อะไร รัดแค่นี้โกรธเหรอ อย่าคิดเล็กคิดน้อยนา แมนๆ หน่อย”

เควินนิ่วหน้ามองอีกคนที่ยังคงลอยหน้าลอยตา มองเห็นความวุ่นวายที่ตั้งเค้าขึ้นตรงหน้า แต่เมื่อตัดสินใจไปแล้วก็คงต้องเปิดใจยอมรับมัน คิดซะว่าได้น้องชายซนๆ เพิ่มอีกคนจะเท่าไหร่กันเชียว แล้วที่สำคัญเหมยฮัวคือคนที่ทำให้น้องเบลล์ปลอดภัย ไม่ว่าเธออยากได้อะไร นับจากนี้เขาก็จะยินดีทำให้ จะปกป้องเธอไม่ต่างกับที่ปกป้องน้องสาวข้างบ้านเช่นกัน...

 

“ผมขอบคุณนายที่ยอมรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับนายน้อย” เทียนคงพูดกับนิคเมื่อมีโอกาสอยู่ลำพัง “นายน้อยดูมีความสุขมาก และก็เชื่อใจนายแล้วจริงๆ เชื่อว่านายจะรักษาสัญญา”

นิคยังคงไม่พูดอะไรนอกจากจ้องมองรูปของเปมิกาบนโต๊ะทำงาน กระทั่งเวลาผ่านไปครู่ใหญ่จึงได้หลุดสิ่งที่คิดออกมา “ใครบอกว่าฉันจะทำอย่างที่พูด”

“นายหมายความว่า...”

“เด็กนั่นคือระเบิดเวลา แกคิดจริงๆ เหรอว่าฉันจะให้เด็กผู้หญิงคนนั้นมาทำลายความหวังของตระกูลฉันเทียนคง”

“แต่ว่านายสัญญากับนายน้อย...”

“ฉันต้องสัญญาเพราะมันเป็นสิ่งที่เควินอยากได้ยิน...ความจริงคือที่เด็กชลิตายังอยู่รอดได้ เพราะฉันยังมองเห็นประโยชน์ในตัวเธออยู่บ้าง อย่างน้อยเธอก็ทำให้เควินกลายเป็นลูกหมาเชื่องๆ ของฉันต่อไปได้ก็เท่านั้น”

ทั้งที่เทียนคงบอกตัวเองว่าคลื่นลมสงบลงแล้ว แต่ทำไมใจของเขายังรู้สึกกังวล หรือเพราะเขารู้จักคนอย่างพัชรินทร์ดี ผู้หญิงคนนี้เหมือนเป็นคนใจร้อน แต่หล่อนมีความอดทนกับบางอย่างได้อย่างไม่น่าเชื่อ โดยเฉพาะการอดเปรี้ยวไว้กินหวาน กลัวเหลือเกินว่าการยอมเฉยของหล่อนในครั้งนี้จะเป็นแค่ยอมเพราะไม่มีทางเลือก หาใช่การยอมอย่างตัดใจ เหมือนคำพูดของหล่อนเมื่อเกือบสามสิบปีก่อน...

‘คุณจะบอกเรื่องนี้กับคุณเปมิกาไม่ได้ ถ้านายรู้เรื่อง นายฆ่าคุณแน่ คุณก็รู้ว่านายทำได้ ต่อให้คุณเป็นเพื่อน แต่นายจะไม่มีวันให้อภัยคนที่ทำให้นายเสียคุณเปมิกาไป’

‘ฉันไม่มีอะไรจะเสีย แต่ฉันรู้ว่าแกจะไม่มีทางปล่อยให้ฉันตายใช่มั้ยเทียนคง...ฉันรู้ว่าแกจะไม่มีทางปล่อยให้ฉันกับลูกในท้องตาย...ใช่มั้ย บอกฉันสิว่าแกจะปกป้องฉัน...’

‘นายไม่ใช่คนโง่ที่คุณจะเดินไปบอกนายได้ว่าเด็กในท้องคุณเป็นลูกนาย นายไม่มีทางเชื่อ...’

‘ใช่...เขาไม่มีทางเชื่อ แต่ฉันมีวิธีที่จะทำให้เขายอมรับเด็กคนนี้เป็นลูก...เพียงแค่ต้องใช้เวลาอีกนิด แต่ไม่เกินห้าปีนิคจะต้องรับเด็กคนนี้เป็นลูก!’

 ‘ไม่มีทางหรอกครับ  ไม่มีทาง...นายไม่มีทางรับเด็กในท้องของคุณเป็นลูก’

เทียนคงเคยมั่นใจอย่างนั้นกระทั่งหกปีต่อมานิคประกาศรับชาคริตเป็นลูกบุญธรรม ส่วนหนึ่งเพราะผิดหวังที่เปมิกาไม่ยอมพาลูกชายคนเดียวกลับมา ชาคริตจึงเหมือนเป็นตัวแทนลูกชายที่นิคคิดถึงแต่ไม่เคยได้พูดคุยด้วย การที่ชาคริตเป็นเด็กในโอวาทยิ่งทำให้นิคเอ็นดู ซึ่งตรงข้ามกับเควินที่นับวันยิ่งต่อต้านพ่อ ความไม่ลงรอยสร้างบาดแผลในใจของสองพ่อลูกที่ต่างฝ่ายต่างคิดว่าถูกเกลียด

ทั้งที่ความจริงแล้วตรงข้าม...นิคไม่ได้เกลียดเควินสักนิด แต่เพราะเป็นคนที่ไม่เคยยอมลงให้ใคร ถูกปลูกฝังให้ปกครองคนใต้อำนาจ ทั้งชีวิตรู้จักแต่การทำให้คนกลัว สั่งฆ่าคนได้อย่างไม่รู้สึกผิด ถ้าอยากได้อะไรก็ต้องได้ ไม่เคยถูกผู้หญิงปฏิเสธ นั่นทำให้เขาตกหลุมรักนักศึกษาไทยอย่างเปมิกา  แต่เธอไม่เล่นด้วยเขาจึงเข้าทางพัชรินทร์  จนได้รับคำแนะนำว่าเปมิกาเกลียดพวกมาเฟีย เพราะครอบครัวเธอถูกมาเฟียฆ่าตายจนกลายเป็นเด็กกำพร้า ดูเหมือนสิ่งที่เปมิกาเกลียดมีรวมในตัวนิค เขาจึงปลอมตัวเป็นเจ้าของร้านเบเกอรี่ ในชุดกันเปื้อน เป็นผู้ชายอ่อนโยน ตรงข้ามกับตัวเอง มันทำให้เปมิกาตกหลุมรัก มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งจนเธอตั้งท้อง นิคเองก็ชอบชีวิตที่สร้างขึ้นใหม่โดยไม่รู้ตัว เขากลายเป็นผู้ชายคนใหม่เพื่อผู้หญิงที่รักได้จริงๆ  

พัชรินทร์อิจฉาในสิ่งที่เปมิกามีจึงทำลาย โดยบอกความจริงกับเปมิกา เธอเสียใจมากต่อว่านิครุนแรง เมื่อนิคโกรธความเป็นตัวเขาก็เผยออกมา พลั้งมือทำร้ายจนเธอเกือบแท้งลูก นั่นทำให้เปมิการู้ว่าต้องหนีให้ไกลผู้ชายคนนี้ นิคไม่ยอม  เธอขู่ว่าถ้าไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการก็ยอมตายไปพร้อมลูกในท้อง

นิคแค้นแต่ก็กลัวเสียเปมิกาและลูกไป ได้แต่บอกว่าถ้าไปก็ไม่ต้องกลับมาอีก เปมิกาไม่ลังเลสักนิด เธอใจเด็ดพอที่จะเลี้ยงลูกคนเดียว ทำเหมือนตัดนิคไปจากชีวิต แต่เป็นนิคเองที่ไม่เคยลืมเปมิกา เฝ้าตามมองดูเธอและลูก ทั้งที่อยากไปหาแต่ความเป็นคนรั้นทำให้เขาไม่ยอมลงให้แม้แต่กับบลูกชายคนเดียวที่เขารัก...

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น