13

บทที่ 13


 

บทที่ 13 

เควินให้คำจำกัดความ ‘บาร์เบียร์’ ที่เขานั่งอยู่ว่า ‘แดนสวรรค์ของชาวรักร่วมเพศ’ ซอยแห่งนี้เต็มไปด้วยบาร์ คลับพิเศษเฉพาะกลุ่ม ทั้งชาวสีม่วง ชาวเลสเบี้ยน หรือชาวเพศที่สาม ถึงแม้เขาจะคุ้นเคยกับเหล่าเพศที่สามพอสมควร รู้ว่าพวกเขาไม่ใช่พวกโรคจิต มีทั้งคนดีและไม่ดีเหมือนคนทั่วๆ ไป แต่การต้องมาเป็นคนถูกจีบอย่างที่โดนอยู่ตอนนี้ก็ไม่ใช่เรื่องสนุก

ทุกอย่างเริ่มตั้งแต่เขาเข้าไปนั่งในร้าน มีสาวประเภทสองมาขอเลี้ยงเหล้า เขาคุยด้วยเล็กน้อยและหาทางออกโดยบอกว่ามารอคนรัก มุกนี้ใช้ได้ไม่เลว ส่วนใหญ่ยอมถอยออกไปง่ายๆ แต่คนสุดท้ายดูจะเป็นเกย์กลัดมัน สายรุก ไม่ใช่รุกธรรมดาแต่เป็นรุกหนักมาก แถมเป็นประเภทมือไว จอมเลื้อยโดนนิดโดนหน่อยก็เอาขอให้ได้แตะ นั่นทำชายหนุ่มเหลืออด  

“เพื่อนผมคงไม่มาแล้วล่ะ ผมขอตัวกลับก่อนนะครับ”

“โถๆ โดนทิ้งเหรอตัวเอง ไม่เป็นไรนะ เดี๋ยวเขาช่วยอยู่เป็นเพื่อนให้เอง ทั้งคืนก็ยังได้...”

“ไม่เป็นไรครับ” เควินลุกออกไปดื้อๆ ทำเอาเกย์เฒ่ากอดวืด หน้าคะมำแต่ยังไม่วายคว้าแขนเขาไว้ พยายามรั้งไว้ “ปล่อยครับ” บอกเสียงกระชับ รอยยิ้มหายไปจากใบหน้าคม “ผมจะไม่บอกเป็นครั้งที่สอง”

“ทำเป็นดุนะจ๊ะ ยิ่งดุยิ่งดูเข้ม น่าร้ากกก...โอ๊ย!” เสียงร้องหลงตอนท้ายมาพร้อมกับเกย์เฒ๋าถูกบิดแขนไพล่หลัง หน้าถูกกดลงบนโต๊ะ ร้องโหยหวนอย่างเจ็บปวด “ยอมแล้วจ้ะ เขายอมแล้ว...ปล่อยๆ เจ็บ โอ๊ย!” 

ถึงตอนนี้เควินก็ตกเป็นเป้าสายตาคนทั้งร้าน  นั่นเป็นเหตุให้นั่งอยู่ต่อไม่ได้ ชายหนุ่มเดินออกมาจากร้านที่ต้าฟงให้รออยู่  ระหว่างที่เจ้าตัวและเอรอนกำลังทำตัวให้กลมกลืนกับสภาพสภาพแวดล้อมเพื่อไปตีสนิทกับแขกในร้านเพื่อสืบเรื่องของ ‘เหมยฮัว หยาง’  โดยจะเอารูปของเธอไปให้ทุกคนดู

“ผมรู้ว่านายน้อยคงไม่เล่นด้วยกับพวกเรา เพราะงั้นนั่งรอตรงนี้นะครับ ผมกับเอรี่ขอเวลาสักชั่วโมง เดี๋ยวกลับมา”

นั่นคือคำพูดที่ต้าฟงบอกก่อนจะหายเข้าไปในร้าน เพื่อสวมบทเป็นหนุ่มหล่อล่ำคนรักของ ‘เอรี่’ หรือก็คือเอรอนที่สวมวิกผมยาวดำ ปรับการแต่งกายให้ดูเป็นสตรีข้ามเพศ เห็นตอนแรกเควินถึงกับอ้าปากค้าง ต้องบอกว่าเขาจำทนายหนุ่มคนเดิมแทบไม่ได้ ไม่คิดว่าลูกน้องจะลงทุนทำขนาดนี้ 

“นายทำบ้าอะไรเนี่ย? น่าขนลุก”  คือคำพูดแรกที่เขาหลุดออกมา ทั้งหมดไม่ใช่เพราะเอรอนแต่งตัวอย่างนี้แล้วน่าเกลียด ต้องเรียกว่าดูดีทีเดียว  เขาดูเป็นสาวข้ามเพศที่จัดว่าสวยสมคำที่ต้าฟงชม อาจดูตัวใหญ่ไปบ้าง แต่ความหน้าสวยทำให้พอลืมๆ เรื่องอื่นไปได้  แต่ครั้นจะให้ชมก็รู้สึกกระดากปาก จึงแกล้งพูดกลบเกลื่อนไป “เจอคนรู้จักอย่าบอกว่านายเป็นลูกน้องฉัน”

 ต่อให้พูดอย่างนั้นออกไป แต่สุดท้ายเควินก็ยอมรับว่าแผนของลูกน้องก็ดูเข้าท่า นั่นทำให้เขายอมที่จะนั่งรอทั้งคู่อยู่ภายในร้านมาได้พักใหญ่ ยอมเป็นฝ่ายถูกจีบครั้งแล้วครั้งเล่า จนมาเหลืออดที่เกย์เฒ่า

 “หวังว่าจะได้เรื่องคุ้มกับที่ฉันต้องมายืนตากยุงอยู่ตรงนี้ละกัน ไม่งั้นละน่าดู”

มาเฟียหลงถิ่นคาดโทษลูกน้องอย่างที่ไม่รู้จะทำอะไรให้ดีไปกว่านี้ได้ เขาก้มมองนาฬิกาข้อมือบอกเวลาห้าทุ่มกว่าแล้ว บรรยากาศภายนอกเย็นลงอีก แสงไฟตรงจุดนี้ไม่ได้สว่างมากนัก แต่ก็สว่างพอที่จะทำให้เควินเห็นการเล่นบทรักของคู่เลสเบี้ยนในรถถัดไปอีกสองคัน สองสาวดูจะไม่อายเขาสักนิด เป็นชายหนุ่มเองที่รู้สึกกระดากใจที่จะยืนอยู่ตรงนี้ จึงรีบเดินหนีออกไปทางหน้าปากซอยที่มีไฟส่องสว่าง หมายตาว่าที่ตรงนั้นคงไม่มีใครมาทำอะไรประเจิดประเจ้อให้เห็น แต่ระหว่างทางก็เจอคู่รักนัวเนียกันทั้งริมทางทั้งบนรถทำเอาวางหน้าไม่ถูก

“ฉันมาทำอะไรอยู่ตรงนี้เนี่ย! เพราะเจ้าคู่แสบนั่นทีเดียว!”

ใช้เวลาครู่ใหญ่มาเฟียหลงถิ่นก็มายืนตรงริมถนนใหญ่  ข้างทางเต็มไปด้วยร้านอาหารจีนทั้งรถเข็นก๋วยเตี๋ยว ร้านติ่มซำ หูฉลาม กระเพาะปลา ทุกร้านมีลูกค้าเข้าไปนั่งกินเต็มร้าน บรรยากาศตรงหน้าทำให้หวนนึกถึงเรื่องเมื่อหลายปีก่อน ครั้งที่เขายังมีเวลาไปสมัครทำงานตามร้านรถเข็นที่มีชื่อเสียง หวังศึกษาการทำอาหารรสเลิศเหล่านั้น  การได้เข้าไปคลุกคลีทำให้เห็นอะไรๆ มากมาย อย่างน้อยก็ได้รู้ว่ายังมีเพชรมากมายที่ไม่ถูกค้นพบ เพชรเม็ดเอกที่สรรสร้างอาหารรสเลิศไม่ด้อยไปกว่าร้านภัตตาคารดังๆ เลย

“ขอกระเพาะปลาที่หนึ่ง”

ชายหนุ่มสั่งเจ้าของร้านเป็นภาษาจีน ก่อนจะเข้าไปนั่งโต๊ะหน้าแผงรถเข็น หน้าตาอาหารบวกกับกลิ่นที่โชยแตะจมูกบอกเขาได้ทันทีว่านี่เป็นร้านเด็ด แล้วก็จริงอย่างที่คาด ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงมาเฟียหลงถิ่นก็จัดการหมดไปสี่ถ้วย แล้วทำท่าจะสั่งอีก ถ้าต้าฟงไม่โทรศัพท์เข้ามาเสียก่อน

“รอเดี๋ยวนะ” บอกคู่สายเป็นภาษาไทย ก่อนจะหันไปจ่ายเงินพ่อค้า คิดว่าสักวันเขาจะหาโอกาสมาเรียนทำกระเพาะปลาจากร้านนี้ให้ได้ “ว่าไง หวังว่าจะมีอะไรคืบหน้านะ” 

 “เรื่องนั้นไว้ก่อนเถอะครับ  ตอนนี้นายน้อยอยู่ไหน ผมบอกให้คอยอยู่ที่โต๊ะ แต่พอกลับออกมา มีเกย์เฒ่ามาโวยวายใส่ผม บอกว่านายน้อยเล่นเขา...เอ๊ย เล่นงานเขา นายน้อยทำอะไรครับ แค่ให้คอยอยู่เงียบๆ ไม่เป็นเป้าสายตา ทำไม่ได้เลยเหรอครับ”

“ก่อนที่นายจะมาโวยใส่ฉัน นายช่วยดูสถานที่ที่นายให้ฉันนั่งคอยด้วย ขืนฉันอยู่ที่นั่นต่อแบบเงียบๆ อย่างนายว่าฉันคงโดนกินหมดตัวไปแล้ว”

“นายน้อยก็น่าจะมีวิธีรับมือที่ดีกว่านี้นี่ครับ ทำแบบนี้เหมือนพวกเหยียดเพศนะครับ” ต้าฟงว่าไม่จริงจังนัก แต่ก็ชอบแกล้งแหย่ผู้เป็นนายอย่างนึกเอ็นดูกับเรื่องนี้ “พวกเขาจะเสียใจนะครับ ถ้านายน้อยไม่แคร์พวกเขาก็ช่วยแคร์ผมกับเอเจด้วย”

เควินทำเสียงจิ๊จ๊ะขัดใจ “ฉันไม่ได้เหยียด แต่เอาเป็นว่าฉันเบื่อที่จะต้องคอยปฏิเสธ....คนที่เข้าใจว่าฉันมาที่นี่เพื่อหา...” 

นายน้อยของต้าไม่รู้จะใช้คำพูดไหนดี แต่ก็รู้ว่าต้าฟงเข้าใจความหมาย เพราะอีกฝ่ายกำลังหัวเราะ

“ผมเห็นนายน้อยคุยกับพวกสาวๆ นึกว่าชอบซะอีก” ต้าฟงเปิดสปีคเกอร์โฟนให้เอรอนในคราบสาวสวยฟังด้วย เป็นผลให้อีกฝ่ายหลุดขำไม่ต่างกัน “ปกติไม่เห็นนายน้อยรังเกียจเพศที่สาม”

“ฉันไม่ได้รังเกียจโว้ย! แต่นั่นก็ไม่ได้แปลว่า ฉันพร้อมจะให้พวกเธอหรือพวกเขามา...” เป็นอีกครั้งที่เควินใช้คำพูดอธิบายไม่ได้ “เอาเป็นว่าพวกนายเชิญสนุกกันไปเองเถอะ เจอที่ที่ชอบ ที่ที่ใช่แล้วนี่...ว่าแต่เรื่องเหมยฮัวล่ะ ถึงไหนแล้ว”

“ได้เรื่องครับ มีคนจำคุณหนูหยางได้ แต่ดูเหมือนเธอจะแต่งตัวต่างจากในรูปที่เราเอามา แต่เขาค่อนข้างมั่นใจว่าเป็นคนเดียวกัน  ผมกับเอรี่ว่าจะดักรอ ใช่มั้ยจ๊ะเอรี่...”

“ขอร้องอย่าเรียกเอเจอย่างนั้น ฉันขนลุก! เลิกเล่นอย่างนี้ซะที ฉันไม่สนุกด้วย”

คำพูดเหมือนเจ็บปวดนั้นสร้างเสียงหัวเราะให้ทั้งกับต้าฟงและเอรอน

“ทำไมครับ น่ารักดีออก ผมชอบ เอรี่ก็ชอบใช่มั้ยจ๊ะ”

มีเสียงค่ะ ต่ำๆ ดังมาจากข้างหลัง เป็นเสียงคนที่ถูกเอ่ยถึง

“เห็นมั้ยครับ นายน้อยได้ยินมั้ย”

“ก็ช่างหัวพวกนายละกัน เชิญสนุกให้พอ แต่ขอให้ได้เรื่องละกัน ไม่งั้นก็เตรียมใจไว้ได้เลย!...แค่นี้นะ!”

“เดี๋ยวผมไปเอารถก่อน” ต้าฟงดูจริงจังขึ้นมาทันทีเมื่อผู้เป็นนายตัดบทจะวางสาย “ตอนนี้นายน้อยอยู่ตรงไหนครับ”

“ไม่เป็นไร ฉันกลับเองได้ เจอกันที่โรงแรมละกัน” 

พูดเสร็จก็ตัดวางสาย ตั้งใจว่าจะไปเรียกรถแท็กซี่ แต่เสียงโหวกเหวกโวยวายของคนกลุ่มหนึ่งจากอีกฟากถนนก็เรียกสายตาเขาให้หันไปมอง จึงเห็นผู้หญิงเมาสองคนกำลังถูกวัยรุ่นขี้ยาลากเข้าไปในซอยเปลี่ยว แต่มองอีกทีก็เหมือนกลุ่มเพื่อนมาด้วยกัน และกำลังช่วยประคองกันลุก นั่นทำให้คนส่วนใหญ่จึงแค่หันไปมอง แต่ก็ไม่ได้เข้าไปยุ่ง ยกเว้นก็แค่มาเฟียหลงถิ่นที่กำลังพยายามบอกตัวเองว่าอย่าไปยุ่ง 

“ไม่ใช่เรื่องของเรา กลับไปนอน วันนี้ปวดหัวมาพอแล้ว...”

ต่อให้พูดไปอย่างนั้น สุดท้ายก็ทำใจทิ้งไปไม่ได้ มาเฟียต่างถิ่นคนนี้ถึงอย่างไรก็ยังเป็นมาเฟียที่มีความดีในใจบ้าง เขาจำต้องยื่นมือเข้าไปช่วยเหยื่อคู่ทอมดี้ที่เมาแอ๋อย่างเสียไม่ได้

“ให้ตายสิ! ต้องยุ่งทุกทีสินากวิน...”  

 

“หยุดนะ จะพาฉันไปไหน” เหยื่อที่ผมซอยสั้นโวยวายตลอดทาง หล่อนพูดภาษาอังกฤษ ก่อนจะมาพูดเป็นภาษาจีน “พวกแกไม่รู้เหรอว่าฉันเป็นใครห๊ะ! จะพาฉันไปไหน!”

“ก็พาไปสนุกกันในร้านไงจ๊ะ” พวกมันใช้ภาษาจีน แสดงอาการหื่นใส่ “ข้างในร้านมีของดีๆ เพียบเลยนะจ๊ะ น้องสาว”

“ใครเป็นน้องแก ปล่อยฉัน! แล้วอย่ามายุ่งกับเด็กฉันด้วย ปล่อย!”

“จะทำอะไร อย่ามายุ่งนะ!” คนหนึ่งเข้าประคองสาวดี้โอบจากข้างหลัง มือเลื้อยไปทั่วจนเธอเริ่มรู้สึกตัวพยายามขัดขืน “เหมยเหมยช่วยด้วย…จะทำอะไรปล่อยนะ ปล่อยฉัน!”

คนถูกเรียกว่า ‘เหมยเหมย’ ดูเหมือนจะไม่ไหว อีกทั้งยังโดนขี้ยาเจ้าถิ่นรุกไม่ต่างกัน  หล่อนมีอาการผะอืดผะอมเหมือนคนกำลังจะอาเจียนออกมาทำเอา ไอ้ขี้ยารีบปล่อยตัว มันสบถด่าหัวเสีย ก่อนจะเข้าไปหิ้วปีกจะพาเข้าไปในห้องแถวห้องหนึ่งในซอยเปลี่ยวนี้

“ไปเร็วๆ ลุก เดี๋ยวขึ้นห้อง พี่จะพาไปพัก นอนแช่น้ำอุ่นสบายๆ มีของเจ๋งๆ ให้เล่นอีกเพียบนะน้อง”

“ไม่ไป ฉันไม่ไปไหนทั้งนั้น ฉันจะกลับบ้าน” สาวผมซอยสั้นตวาดเสียงดัง ทั้งที่ยืนไม่มั่น “แคนดี้มานี่ ปล่อยเด็กฉันนะไอ้เวรตะไล”

“กรี๊ด--ด เหมยเหมยช่วยด้วย! อย่านะ ปล่อยฉัน!”

“อย่ายุ่งกับเด็กฉัน! ปล่อย! มึงกล้าจับหน้าอกกูเหรอ! ไอ้ชั่ว!” ทอมฮึดสู้จะชกไอ้ขี้ยาที่ลวนลามเธอ “โอ๊ย! ปล่อยกูนะ ไอ้เลว ไอ้พวกชั่ว!”

“ฤทธิ์มากนักก็เล่นมันตรงนี้เลยเป็นไง! ฤทธิ์มากนักใช่มั้ย เจอนี่!”  นี่ที่ว่าคือแรงชกเข้าที่ท้องทำเอาสาวทอมจุกตัวงอ ในขณะที่อีกคนถูกขู่ด้วยมีด เธอตัวสั่นด้วยความกลัว “ต้องให้ใช้กำลัง”

แต่ก่อนที่พวกมันทั้งสองจะได้ทำอย่างที่ตั้งใจ เสียงฝีเท้าที่ดังมาจากหน้าปากซอยก็ทำให้พวกมันหยุดหันไปมองทางต้นเสียง เห็นผู้ชายคนหนึ่งยืนจังก้า ที่ตรงนั้นไม่ได้สว่างมากพอจะเห็นหน้า แต่เห็นว่าในมือเขาถือบางอย่างที่เหมือนปืน

“พอแค่นั้นแหล่ะ ถ้าไม่อยากไส้แตกก็ไสหัวไปซะ” แต่เมื่อผู้ชายคนนั้นเดินเข้ามาใกล้ ก็เห็นชัดว่ามันคือปืนจริงๆ “จะไม่พูดซ้ำเป็นครั้งที่สอง” มันลังเลมองหน้ากัน เขาจึงย่างสามขุมเข้าหา “ปัง!”

“เหวอ--อ!!” แค่เสียงขู่เจ้าขี้ยาสองคนก็ทิ้งทั้งมีด ทิ้งทั้งเหยื่อ เผ่นแนบทันที ไม่แม้แต่จะหันกลับมามอง

“เวลาความกลัวขึ้นสมอง ไม้ก็กลายเป็นปืนได้จริงด้วย”

ถึงตอนนี้เควินจึงได้ทิ้งของที่อยู่ในมือ ซึ่งก็ไม่ใช่ปืนอะไร เป็นแค่เศษขยะรูปร่างคล้ายปืนที่เขาเก็บมาตบตาเจ้าขี้ยา จากนั้นจึงได้หันหน้ามาทางเหยื่อที่เพิ่งพ้นภัย พูดกับเธอเป็นภาษาจีน

“เป็นอะไรมั้ยครับคุณ”

“ฉันไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณ ขอบคุณที่ช่วยพวกเรา” หญิงสาวแทบจะถลาเข้ามาจับมือชายหนุ่มอย่างซึ้งในบุญคุณ “ถ้าไม่ได้คุณ พวกเราคงแย่แน่ ขอบคุณมากๆ ฉันจะต้องทำยังไงจึงจะตอบแทนบุญคุณครั้งนี้ได้”

“ไม่เป็นไรหรอกครับ...ผมว่าก่อนอื่น คุณไปดูเพื่อนคุณก่อนมั้ย”  

ถึงตอนนี้สาวดี้จึงเพิ่งนึกขึ้นได้ รีบเข้าไปดูผู้หญิงอีกคนที่ยังคงนอนจุกอยู่ที่พื้น เธออาการไม่ค่อยดี ทำท่าคล้ายจะสำรอกบางอย่างออกมา “เหมยเหมยเป็นยังไงบ้างไหวมั้ย”

“ไหว...คนอย่างเหมยไม่มีไม่ไหว เมื่อกี้ใครทำกู มันเป็นใคร ใคร!”

สองสาวสื่อสารกันด้วยภาษาจีน  คนทอมดูท่าจะเมาหนักแทบคุมสติไม่ได้ พูดไม่เป็นภาษาคน แถมเธอยังโดนทำร้าย แต่ก็ยังมีฤทธิ์อาละวาด ถามหาคนที่ชกตน เอะอะโวยวายในขณะที่เควินทำเพียงยืนมองอยู่ห่างๆ ไม่อยากเข้าไปยุ่งมากไปกว่านี้ 

“อยู่นิ่งๆ สิ เลิกโวยวายได้แล้วเหมยเหมย...”

“แคนดี้ มันไปไหน ไอ้ผู้ชายหน้าตัวเมีย ชอบรังแกผู้หญิงมันไปไหนแล้ว”

“มันหนีไปแล้ว คุณคนนี้ช่วยเราไว้ อยู่นิ่งๆ สิเหมยเหมย...” พูดกับสาวทอมที่ยังคงลืมตาไม่ขึ้น เมาแอ๋ยืนไม่ได้ สภาพดูไม่จืด แต่ก็ทำตัวเป็นขาใหญ่ ตัวเท่าลูกแมว แต่เสียงขู่ยังกับราชสีห์

“รถคุณอยู่ที่ไหน” เควินทนดูไม่ไหว เข้าไปช่วยหิ้วปีกสาวทอมขึ้น แต่สาวขี้เมาเข้าใจผิด ลุกขึ้นอาละวาดอีกครั้ง

“แกนี่เอง ไอ้สาระเลว มา! เข้ามา” คุณทอมขี้โวยวายตั้งท่ามวย แสงไฟตรงนี้ไม่สว่างพอจะเห็นหน้าชัดแต่เควินก็พอเดาได้ว่า แม่คุณคงหลับตาอยู่ เพราะหล่อนตั้งท่าหันหลังให้เขา แล้วกำลังชกอากาศ วืดแล้ววืดเล่าแต่ก็ยังพยายาม “แน่จริงอย่าหลบสิวะ”

“ผมอยู่ทางนี้” พูดพลางรวบตัวจับร่างเพียวลมนั้นแบกขึ้นบ่า พาเดินออกไปในขณะที่อีกฝ่ายโวยวายอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหลับกลางอากาศไปเสียอย่างนั้น ทำเอาสาวดี้หันมายิ้มแห้งๆ เหมือนจะขอโทษแทนคู่ขา

“ให้มันได้อย่างนี้สิ นี่วันซวยฉันใช่มั้ย” เควินพึมพำเป็นภาษาไทย คิดว่าสองสาวคงฟังไม่รู้เรื่อง แต่ผิดคาด

“คุณพูดภาษาไทยใช่มั้ย” สาวแคนดี้ถามเป็นภาษาจีน แววตาเป็นประกาย แม้จะยังมีอาการเมา

“คุณรู้จักภาษาไทย?” เควินหันมาถามเขาใช้ภาษาจีน อีกฝ่ายพยักหน้า

“เหมยเหมย เป็นลูกครึ่งไทย...” หล่อนหมายถึงทอมที่เควินแบกอยู่ “มีแม่เป็นคนไทย มีบ้านที่เมืองไทย คุณเป็นคนไทยใช่มั้ย”

เควินไม่ได้ตอบคำถามหญิงสาวที่เดินคู่กันมา เพราะเขากำลังนึกหน้าสาวทอมที่อยู่บนไหล่ ความมืดทำให้มองไม่ถนัด ทำให้ต้องอดทนรอกระทั่งเดินแบกมาถึงรถที่จอดอยู่ เขาวางเธอลง เห็นใบหน้าชัดขึ้น จะว่าไปทอมคนนี้ก็มีรูปร่าง ผิวพรรณไม่ต่างจากเหมยฮัวที่เขารู้จัก แต่ก็ยังบอกไม่ได้แน่ว่าใช่คนเดียวกัน ต้องดูแววตา ตอนที่ลืมตา แล้วตอนนี้ แม่สาวทอมฤทธิ์เยอะก็กำลังรู้สึกตัว ลืมตาขึ้นมองสบตาเขา...

ผู้หญิงคนนี้เป็นคนเดียวกับที่เขาเจอที่สนามบิน เป็นทอมคนเดียวกันไม่มีผิด

“เหมยฮัว?”

ยายขี้เมายังดูสะลืมสะลือ แต่เหมือนจะได้ยินชื่อที่เควินหลุดปาก พยายามลืมตาขึ้นกระชากคอเสื้อถึงให้อีกฝ่ายโน้มตัวเข้ามาใกล้ พร้อมตะโกนใส่หน้าคนที่เพิ่งช่วยไม่ให้เธอตกเป็นเหยื่อ

“บอกแล้วไงว่าฉันไม่ชอบให้คนเรียกชื่อนี้ เวลาฉันถอดรูปแบบ...” 

เสียงพูดกลืนหายเข้าไปในลำคอเมื่อสาวทอมเห็นหน้าชายหนุ่มแบบชัดๆ เธอเบิกตากว้างอย่างตกใจ นิ่งไปเหมือนถูกสาป ก่อนจะรู้สึกผะอืดผะอม ของทุกอย่างที่กินเข้าไปก่อนหน้านี้จ่อขึ้นมาที่คอหอย อาการเกร็งของเธอเหมือนยิ่งกระตุ้นให้พวกมันปะทุออกมา

 “อ้วก--ก!”

พร้อมเสียงร้องนั้นช่วงอกของเควินก็ชุ่มไปด้วยอาเจียนของสาวขี้เมาที่ยังคงโก่งคอ ‘อ้วก’ ใส่อกเขาเหมือนเห็นเป็นถังขยะ สองมือเธอยึดไหล่เขาไว้มั่น เมื่อสิ่งที่ทำให้ผะอืดผะอมออกจนหมดท้อง ก็สิ้นฤทธิ์ หลับไปเสียอย่างนั้น แถมยังกรนครอกๆ ใส่หน้าคนดวงซวยที่ตีหน้าโหด ทำเอาสาวดี้ต้องรีบขอโทษขอโพย

“อย่าโกรธเหมยเหมยเลยนะคะ เดี๋ยวฉันจะจ่ายค่าซักรีดให้”

“ไม่เป็นไรครับ...”

บอกไปอย่างนั้นแต่ในใจเควินอยากบีบคอสาวขี้เมาให้สร่างเหล้าคามือ เสียให้มันรู้แล้วรู้รอด เกิดมาก็เพิ่งเคยเจอคนอาเจียนใส่ แต่สิ่งที่ทำให้เขาสงบลงได้ก็เพราะความจริงที่เพิ่งรู้  มันทำให้มองข้ามความสกปรกตรงหน้าไปง่ายๆ

“ดูเหมือนพวกคุณจะเมาทั้งคู่ ให้ผมขับรถไปส่งที่บ้านจะดีกว่า”

“ถ้าได้อย่างนั้นก็วิเศษที่สุดเลยค่ะ ฉันขับรถไม่เป็นด้วย...”

ก่อนหน้านี้เควินคิดว่านี่เป็นวันโชคร้ายของเขา แต่ดูเหมือนตอนนี้ลมจะเปลี่ยนทิศแล้ว...

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น