3

คำเตือน

คำเตือน

 

งาน Open House ของมหาวิทยาลัยยังคงมีผู้คนให้ความสนใจไม่เสื่อมคลาย โดยเฉพาะกับเด็กมัธยมปลายที่ส่วนใหญ่ต่างก็มีคณะที่ใฝ่ฝันจะเข้าเรียนกันอยู่แล้ว การเปิดพื้นที่เช่นนี้จะทำให้เห็นว่าแต่ละคณะมีการเรียนการสอนยังไง อุปกรณ์เครื่องไม้เครื่องมือครบครันหรือเปล่า บรรยากาศตรงกับที่คิดเอาไว้ไหม ซึ่งช่วยกระตุ้นความกระตือรือร้นในการสอบแข่งขันได้เป็นอย่างดี ดังนั้นแต่ละซุ้มจึงมีฝูงชนเข้าร่วมกิจกรรมกันเนืองแน่น 

“ทางนี้ตอร์ติยาแจกฟรีน้า ทำใหม่สดๆ ร้อนๆ น้องคนไหนอยากลอง เข้ามาชิมกันได้นะค้า” 

“ใครอยากได้แนวข้อสอบ มาลงชื่อไว้ได้เลย พวกพี่รวบรวมไว้ให้ที่นี่แล้วจ้า” 

นักศึกษาหนุ่มสาวมองซ้ายมองขวา ก่อนถลาเข้าไปเลือกเหยื่อที่เดินอยู่คนเดียว “น้องจ๋า สนใจร่วมกิจกรรมกับซุ้มพี่ไหม มีของรางวัลแจกด้วยน้า”

เหยื่อสาวมุ่นหัวคิ้ว ยังไม่ทันได้ตอบรับหรือปฏิเสธ หนึ่งในนั้นก็ดันแผ่นหลังให้เข้าไปในซุ้ม 

“ไม่ยากหรอก เชื่อพี่ ถือว่ามาสนุกกันเนอะ” 

ทันทีที่เหยื่อรายใหม่เข้ามาก็ได้รับความสนใจจากทุกคน เด็กสาวสวมชุดนักเรียนเรียบร้อย คลุมทับด้วยเสื้อแขนยาวสีขาว ผมที่มัดรวบด้วยริบบิ้นสีขาวยาวถึงกลางหลัง ปล่อยผมหน้าม้าดำขลับตัดกับใบหน้าเนียนกระจ่าง รับกับดวงตาสีน้ำหมึกกลมโต จมูกเล็กได้รูปและปากอวบอิ่มแดงระเรื่อ ส่วนสูงไม่มากไม่น้อย ทว่าชุดนักเรียนแบบรัดเข็มขัดพอดีตัวขับเน้นสัดส่วนอก เอว สะโพกชัดเจนมาก โดยเฉพาะเมื่อยืนรวมกันกับคนอื่นๆ ยิ่งให้ความรู้สึกโตเกินเด็กมัธยมปลายไปหลายระดับ ไม่ใช่ว่าดูแก่แดดเกินอายุ เป็นความรู้สึกแบบสาวสะพรั่งมากกว่า

หนุ่มๆ รุ่นพี่ในคณะจ้องจนตาค้างกันเป็นแถบๆ แต่เพราะอยู่ในสถานศึกษาจึงต้องสำรวมกิริยา หลังจากกระแอมกระไอแก้เก้อก็ประกาศกฎการเล่นเกมให้ทุกคนทราบ

“คืองี้นะครับน้อง จะมีคำถามขึ้นที่หน้าจอยี่สิบข้อ เป็นแนวข้อสอบจริงของปีที่แล้ว พวกพี่จะให้เวลาข้อละสี่สิบห้าวินาที น้องแต่ละคนจะมีกระดาษคำตอบของตัวเอง ตอบข้อไหนก็กาลงในนั้นเนอะ หลังจากนั้นพี่มุกจะรวบรวมไปตรวจ” 

ผู้พูดผายมือไปยังสาวสวยที่ห้อยป้ายชื่อ ‘พี่มุก’ ซึ่งอธิบายต่ออย่างไหลลื่น

“คนได้คะแนนเยอะสุดจะได้ชุดอุปกรณ์เครื่องเขียนเซตใหญ่ รองลงมาเป็นกระเป๋าผ้า อันดับที่สามจะได้สมุดโน้ต ส่วนอันดับที่เหลือจะได้ปากกา บอกเลยว่าของพวกนี้คณะพี่สั่งทำขึ้นมาเพื่อน้องๆ ที่มางานโอเพนเฮาส์โดยเฉพาะ ไม่มีขายที่ไหนน้า มีแจกแค่ที่นี่ที่เดียวเท่านั้น ฉะนั้นทุกคนสู้ๆ นะคะ” 

เหล่านักเรียนเขียนชื่อลงกระดาษคำตอบด้วยใจฮึกเหิม มีแค่หนึ่งคนที่จ้องมองกระดาษแผ่นบางด้วยแววตาครุ่นคิด ลังเลอยู่นานจวบจนสัญญาณเริ่มเกมดังขึ้น สุดท้ายก็ตัดสินใจเขียนชื่อ ‘KAI’ ลงไป 

เพื่อไม่ให้น้องๆ เสียกำลังใจ แบบทดสอบจึงเรียงจากง่ายไปหายาก ดังนั้นสิบข้อแรกทุกคนจึงดูคึกคักกันอยู่ แต่พอเข้าข้อที่สิบเอ็ด มีหลายคนที่ลุกลนจนทำไม่ทัน หากตัดสินด้วยตาเปล่า มีเพียงสี่คนเท่านั้นที่กำลังท้าชิงที่หนึ่งกันอย่างดุเดือด

ไคยะวงกลมคำตอบแทบจะทันทีที่เห็นโจทย์ แบบทดสอบเด็กเล่นพวกนี้ไม่ทำให้สิ้นเปลืองแรงคิดด้วยซ้ำ อาจารย์พิเศษที่มิสะคัดเลือกมาสอนเธอให้ทำแบบฝึกหัดโหดหินกว่านี้หลายเท่า และยังต้องได้คะแนนเก้าในสิบ หากทำเสร็จไวก็จะเลิกเรียนไว คนรักอิสระเช่นเธอมีหรือที่จะโอ้เอ้ ร้อยข้อภายในยี่สิบนาทีก็เคยทำมาแล้ว ระหว่างที่รอข้อต่อไปจึงกวาดมองบรรยากาศคึกคักไปด้วย

นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเข้ามาในมหาวิทยาลัย สถานที่แห่งนี้ให้ความรู้สึกต่างจากเวลาไปเดินเล่นตามห้างสรรพสินค้าลิบลับ อย่างน้อยเธอก็ไม่เคยเห็นเด็กมัธยมรวมตัวกันมากมายขนาดนี้มาก่อน มีทั้งมาเป็นกลุ่ม มาเป็นคู่ หรือแม้กระทั่งมาคนเดียว ไม่มีใครสนใจตัวตนของเธอมากนัก นั่นทำให้เธอไม่รู้สึกแปลกแยกจากคนอื่น ถือว่าตัดสินใจไม่ผิดที่ออกมาตามคำชวน 

“ข้อที่สิบแปด...”

“ไอ้มุก” เสียงทุ้มจากชายหนุ่มนิรนามเอ่ยแทรกขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ก่อนที่เจ้าตัวจะเดินอาดๆ เข้ามาในซุ้ม 

ด้วยส่วนสูงร้อยแปดสิบหกทำให้ผู้มาใหม่กลายเป็นยักษ์ปักหลั่นของที่นี่ทันที แถมไม่ใช่ยักษ์ธรรมดา แต่เป็นยักษ์ที่รักสุขภาพ ต่อให้สวมเสื้อยืดคอย้วยก็ยังเห็นกล้ามเนื้อเป็นร่องชัดเจน ดังนั้นถึงบริเวณรอบๆ จะมีมนุษย์เพศชายจำนวนไม่น้อย แต่ไม่มีใครแผ่กลิ่นอายแบบบุรุษเพศออกมาได้มากเท่าเขา

“พี่นิลมาแล้วเหรอ” นอกจากเจ้าของชื่อที่ยิ้มแฉ่งต้อนรับผู้มาใหม่ สาวน้อยคนอื่นๆ ต่างยิ้มขวยเขินให้พี่ชายสุดหล่อของเพื่อน เจอกี่ครั้งก็ทำได้เพียงไหว้สวยๆ ทักทาย ไม่เคยกล้าเข้าไปชวนคุยมากกว่านั้น

แม้คนที่ถูกเรียกว่า ‘พี่นิล’ จะสวมหมวกแก๊ปปิดบังผมกระเซอะกระเซิง ก่อให้เกิดเงาสีเข้มอยู่บนหน้า แต่กลับไม่อาจปิดปังนัยน์ตาคมกริบเป็นประกายได้

ชายหนุ่มพยักหน้าแทนคำตอบ คิ้วเข้มเลิกขึ้นเล็กน้อยยามเอ่ยทวงค่าเสียเวลา “ค่าน้ำมันสามร้อย จ่ายสด งดเชื่อ เบื่อทวง” 

“พี่นิลอย่ามางก ทีสาวอะเลี้ยงได้ ทีกับน้องกับนุ่งอะเก็บทุกบาท ใจร้ายเกินไปปะ” 

“เอาไป หนัก” กล่าวพลางยื่นสัมภาระคืนให้แก่น้องสาวด้วยมือข้างเดียว

“ชิ!” มณีมุกดาแยกเขี้ยวใส่ขณะรับถุงหนักอึ้งมาไว้ในอ้อมกอด จังหวะนั้นเสื้อแขนยาวพลันร่นลงไป เผยให้เห็นสิ่งที่ไม่ควรมาอยู่บนข้อมือของเธอ

สร้อยข้อมือสีเงินเส้นเล็กส่องกระทบแสงแดดต่อหน้าต่อตา ‘เจ้าของ’ โจรฝึกหัดชะงักไปเล็กน้อย ทำท่าจะเอาของกลางไปซ่อนไว้ข้างหลัง แต่มิวายถูกคนตาไวคว้าเอาไว้ทัน

หมับ!

“นี่แกหยิบของพี่มาเหรอ!”

“แหะๆ มุกยืมใส่นิดเดียว เดี๋ยวเอาไปคืนน่า ทำหวงไปได้” หญิงสาวหัวเราะเสียงแห้งเมื่อถูกจับได้คาหนังคาเขา เมื่อคืนพี่ชายของเธอกลับมาค้างที่บ้าน ตอนแม่เก็บผ้าไปซักเจอเครื่องประดับชิ้นนี้ในกระเป๋าเลยใช้ให้เธอเอาไปคืน แต่เธอเห็นว่ามันสวยดีเลยถือวิสาสะเอามาใส่

“แกจะหยิบอะไรของพี่ไปเล่นก็ได้ แต่อย่างน้อยก็ควรบอกกล่าวกันบ้าง ไม่ใช่เอาไปดื้อๆ แบบนี้” ชายหนุ่มตำหนิเสียงเข้ม ผิดก็ต้องว่าไปตามผิด ไม่ใจอ่อนให้แก่ท่าทางหูลู่คอตกของน้องสาว

“เอามานี่ ชิ้นนี้ต้องใช้ทำงาน ไว้เดี๋ยวซื้อของใหม่ให้” 

“ชิ! ของสาวก็บอกมาเถอะ ไม่ต้องมาอ้างงาน มองจากดาวอังคารก็รู้ว่าโกหก” ทีแรกมณีมุกดาคิดว่าโดนดุแลกกับของก็คุ้มอยู่ ไหนเลยจะคิดว่าต้องส่งคืน แบบนี้เธอก็เสียเปรียบน่ะสิ

“มุก มาเอาข้อสอบไปตรวจเร็ว น้องๆ รออยู่” 

“โอเคๆ ไปเดี๋ยวนี้แหละ” ราวกับเสียงสวรรค์ช่วยชีวิต หญิงสาวหันไปพยักหน้าให้เพื่อน ถือโอกาสตัดบทคนหวงของอย่างรวดเร็ว “พี่นิลก็ไปซื้อใหม่ร้านเดิมเอาละกัน มุกจะเอาเส้นนี้” 

“ไอ้มุก...”

มัดมือชกเสร็จก็วิ่งไปเก็บกระดาษคำตอบทันที ระหว่างนั้นรู้สึกถึงสายตาเย็นยะเยือกทิ่มแทงจากข้างหลังเป็นระยะ ไม่ต้องหันไปมองก็พอจะเดาต้นตอได้ว่าต้องเป็นพี่นิลของเธอเป็นแน่

กระทั่งเก็บใบคำตอบจนครบ ไม่คิดเลยว่าพี่ชายบ้างานของเธอจะนั่งรอทวงของกลางด้วยสีหน้าบึ้งตึง เธอพลันหันไปแลบลิ้นใส่ ตำรวจงานล้นมือจะตาย จะยอมเสียเวลามานั่งเฝ้าของชิ้นเดียวทั้งวันก็ให้มันรู้ไป 

“ระหว่างรอพี่มุกตรวจข้อสอบ พวกเรามาทำความรู้จักกันเถอะ พี่ชื่อพี่โต้งนะครับ ทางนั่นก็พี่มะเหมี่ยว พี่หมิว และพี่กังฟู ว่าแต่น้องๆ ชื่ออะไร มาจากโรงเรียนไหนกันบ้างเอ่ย” 

ผู้ร่วมสนุกแนะนำตัวกันพอหอมปากหอมคอ จะเว้นก็แต่คนน่ารักที่เอาแต่เท้าคางนั่งเหม่อ ไม่ค่อยมีปฏิสัมพันธ์กับใคร ซึ่งทางผู้จัดกิจกรรมเองก็ไม่ได้บังคับ เข้าใจว่าอาจเป็นเด็กสาวขี้อายคนหนึ่ง 

ไม่ถึงสิบนาทีมณีมุกดาก็กลับมาพร้อมกระดาษคำตอบที่ตรวจเสร็จแล้ว ท่ามกลางสีหน้าตื่นเต้นปนลุ้นระทึกของเด็กๆ เธอพลันส่งโพยให้เพื่อนร่วมคณะประกาศรายชื่อผู้ชนะกิจกรรม

“คะแนนจากพี่มุกอยู่ในมือพี่แล้ว งั้นพี่จะประกาศรางวัลสามอันดับแรกเลยน้า ที่สามน้องโซอี้ได้สิบหกคะแนน ที่สองน้องใบปอได้สิบเจ็ดคะแนน และที่หนึ่งได้ไปยี่สิบคะแนนเต็ม...น้องไก่! เพื่อนๆ ปรบมือให้น้องไก่หน่อยครับ” 

แปะ! แปะ! แปะ!

เสียงปรบมือดังอื้ออึงในซุ้ม ต่างก็สอดส่ายสายตามองหาคนที่ได้คะแนนเต็ม รอจนเสียงปรบมือหายไปจนหมดก็ยังไม่มีใครแสดงตัว พิธีกรพลันต้องประกาศเรียกอันดับหนึ่งอีกครั้ง 

“น้องไก่อยู่ไหนเอ่ย นี่กระดาษคำตอบของน้องครับ”

“เธอๆ ชื่อไก่ปะ” เด็กสาวผมสั้นสะกิดคนนั่งข้างๆ อีกฝ่ายถึงได้ออกจากภวังค์ เห็นดังนั้นจึงพยักพเยิดไปทางกระดาษคำตอบเบื้องหน้า “คนชื่อไก่ได้ที่หนึ่งอะ ใช่เธอปะ” 

“เอ๋ คนก็ครบน้า หรือว่าพี่อ่านผิด K-A-I น้องไก่ น้องไข่ น้องไค...”

“อยู่นี่ค่ะ” 

“เจอตัวแล้ว” ผู้ดำเนินกิจกรรมยิ้มกว้างกว่าปกติเมื่อเห็นว่าเป็นสาวน้อยคนสวย เอ่ยถามเสียงหวานเชื่อมจนกลุ่มเพื่อนลอบกลอกตามองบน “เอ๋...สรุปว่าน้องชื่ออะไรเหรอครับ”

“ไก่ค่ะ ชื่อไก่”

ฆนิลกาฬละสายตาจากจอโทรศัพท์ไปยังผู้พูด เขารู้สึกคลับคล้ายคลับคลาว่าเคยได้ยินโทนเสียงแบบนี้ที่ไหนมาก่อน จังหวะที่เจ้าของชื่อรับรางวัลเสร็จเหมือนจะหันมาสบตากับเขาพอดี ดวงตาสีน้ำหมึกคู่นั้นกวาดมองเขาตั้งแต่หัวจดเท้าประหนึ่งพิจารณาบางอย่าง แต่เพียงเสี้ยววินาทีก็กลับมาเป็นประกายไร้เดียงสาดังเดิม ริมฝีปากแดงระเรื่อยกโค้งเล็กๆ คล้ายเอียงอาย ไม่นานก็หมุนตัวกลับไปนั่งที่เดิม 

แปลก...แปลกมาก ทั้งที่ไม่ยักจะจำว่าเคยเจอคนหน้าตาแบบนี้ แต่กลับให้ความรู้สึกคุ้น...โคตรๆ 

ชายหนุ่มรู้ตัวว่านั่งจ้องจนถึงขั้นเสียมารยาท แต่แล้วไงใครจะสน เหตุเพราะช่วงนี้เพิ่งเจอเรื่องประหลาดมา เขาจึงลองเปรียบเทียบเด็กนักเรียนตรงหน้ากับคนร้ายที่กำลังตามหาอย่างถี่ถ้วน ตั้งแต่ทรงผม ขนาดตัว รวมถึงลองหรี่ตาเพื่อทำภาพมัวๆ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าตนเองคิดมากเกินไปรึเปล่า เพราะไอ้คนร้ายเวรตะไลนั่นจะเป็นนักเรียนจริงรึเปล่าก็ไม่รู้ แต่เด็กคนนี้มาจากโรงเรียนรัฐบาล ดูท่าแล้วคงเรียนเก่งใช่ย่อย หลักฐานก็เห็นๆ กันอยู่ อีกทั้งยังดูไม่มีพิรุธใดๆ ส่วนมากก็เล่นโทรศัพท์สลับกับพูดคุยยิ้มแย้มกับคนข้างๆ พอหันมาสบตาเขาก็รีบก้มหน้างุดพร้อมแก้มแดงก่ำ ดูไม่แตกต่างจากเด็กสาวขี้อายทั่วไป 

จวบจนกระทั่งอีกฝ่ายเดินหอบของรางวัลออกจากซุ้ม ร่างสูงถือโอกาสก้าวยาวๆ ไปดักขวางหน้า กะว่าจะลองชวนคุยสักสองสามประโยค เด็กนักเรียนดูจะตกใจเล็กน้อย แต่ก็เอียงคอถามทั้งรอยยิ้ม

“มี...ธุระอะไรเหรอคะ” 

“อยากคุยด้วย” 

“อยากคุย? หมายถึงกับฉันเหรอคะ” เจ้าของเสียงหวานใสถามกลับ ใบหน้าน่ารักจิ้มลิ้มแหงนมองแดดเปรี้ยงกลางศีรษะสลับกับคู่สนทนาไปมา อมยิ้มกล่าวด้วยท่าทางชวนให้ละลายเป็นที่สุด 

“เข้าไปในร่มกันดีไหมคะ” 

เป็นคนถ่อยมาทั้งชีวิต แต่ครั้งนี้กลับถูกเจ้าของดวงตาสีน้ำหมึกคู่นั้นช้อนมองจนต้องเกาจมูกแก้เก้อ ให้ความรู้สึกเหมือนสบตากับลูกหมาลูกแมว ดูไร้พิษภัยโดยสิ้นเชิง เป็นครั้งแรกที่ตระหนักว่าถูกอาการ ‘ใจอ่อนยวบ’ โจมตีเสียแล้ว

นั่นน่ะสิ...เขาจะมีธุระอะไรกับเด็กแบบนี้

“พี่นิล!” ไม่ทันไรมณีมุกดาก็ตามมาแก้สถานการณ์ มองพี่ชายตัวเองสลับกับสาวน้อยไร้เดียงสา ก่อนเอ่ยขอโทษขอโพยเป็นพัลวัน “ตายๆ ขอโทษด้วยนะคะน้องไก่ พอดีพี่ชายพี่เขาจำคนผิดน่ะ คนแก่สายตาฝ้าฟางเนอะ แหะๆ” 

“อ๋อ ไม่เป็นไรค่ะ” คนถูกทำให้ตกใจส่ายหน้าในทำนองไม่ถือสา คลี่ยิ้มหวานให้ชายหนุ่มคู่กรณีกว้างกว่าเดิม ชั่วขณะหนึ่งดวงตาสีน้ำหมึกพลันทอประกายเจิดจ้ายิ่งกว่าเดิม ทว่าสุดท้ายก็พยักหน้านิดๆ ก่อนขอตัวจากไป

มณีมุกดารอจนอีกฝ่ายไปไกลพอสมควร จึงเปลี่ยนมายืนเท้าเอวขวางสายตาที่มองตามแผ่นหลังบอบบางไม่หยุด และเพราะสนิทกันมาก จึงขัดคอด้วยน้ำเสียงรู้ทัน “แหมๆ เช็ดน้ำลายได้แล้วพี่นิล ปล่อยให้น้องเขาไปมีอนาคตที่ดีเถอะ” 

“โคตรคุ้นเลยว่ะ เหมือนเคยเจอมาก่อนจริงๆ นะเว้ย”

“โหย ทักสาวว่าหน้าคุ้นเนี่ยนะ มุกโบราณอะ น้องเขาเกิดไม่ทันหรอก หัดอัปเดตมุกจีบสาวบ้างนะ” หญิงสาวย่นจมูกใส่ ไม่คิดเลยว่าพี่ชายสุดหล่อจะเชยสะบัดขนาดนี้ “หยุดมองได้แล้วพี่นิล เดี๋ยวน้องเขากลัว แทนที่มางานโอเพนเฮาส์แล้วจะได้ความทรงจำดีๆ พี่อยากทำให้น้องเขาผวากลับบ้านเหรอ” 

มือบางยกขึ้นปัดๆ เบื้องหน้าคู่สนทนา เธอยอมรับว่า ‘น้องไก่’ น่ารักเกินต้าน พวกเพื่อนผู้ชายในคณะอยากจะอาสาช่วยติวข้อสอบให้ตั้งหลายคน หากพี่ชายของเธอจะให้ความสนใจก็ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ประเด็นสำคัญก็คือน้องยังเป็นแค่เด็กมัธยม อายุมากสุดก็คงไม่เกินสิบแปด ทว่าพี่ชายของเธอดันยี่สิบแปดเข้าไปแล้ว ควงคนเด็กกว่าขนาดนั้นมันจะดูไม่งาม 

“พี่เป็นตำรวจดี หน้าตาก็ดี ใจก็ดี มีไรน่ากลัววะ” 

“ไอ้ความมั่นหน้าของพี่นิลนี่แหละน่ากลัว ไม่เห็นเหรอว่าน้องเลิ่กลั่กหมดแล้ว” 

“เออ! ไม่มองแล้วก็ได้โว้ย บ่นมากจริงๆ” เจ้าหน้าที่หนุ่มฉุนกึก จิ้มนิ้วบนศีรษะของน้องสาวเป็นการสั่งสอนก่อนนึกถึงประเด็นที่ยังไม่ได้สะสางขึ้นมาได้ “รีบๆ ถอดสร้อยข้อมือคืนมา พี่จะไปทำงานต่อ” 

“วันนี้พี่นิลหยุดไม่ใช่เหรอ” หญิงสาวยิ้มปะเหลาะพลางเข้าไปกอดแขนประจบ พี่ชายคนหล่อมาหาถึงมหาวิทยาลัยทั้งที ขอควงอวดเพื่อนๆ หน่อย “ไหนๆ มาถึงนี่แล้วก็อยู่เลี้ยงข้าวมุกก่อนสิ มุกไม่ได้คุยพี่นิลจะเป็นเดือนแล้วนะ กับพี่เพชรนี่จำหน้าไม่ได้แล้ว น้องสาวคนนี้คิดถึงพี่ๆ จะแย่” 

“ไม่ต้องมาปากหวาน เอาสร้อยมาเร็วๆ พี่จะไปแล้ว” 

“พี่นิลคนดี พี่นิลคนหล่อ พี่นิล...” 

ชายหนุ่มถูกเขย่าแขนจนมึนหัวไปหมด ให้รับมือกับผู้ร้ายสามคนพร้อมกันยังไม่เหนื่อยใจเท่ากับรับมือผู้หญิง แต่จะว่าไปที่น้องสาวพูดก็ถูก เขางานยุ่งจนไม่ได้กินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตาคนในครอบครัวมาพักใหญ่แล้ว กับ ‘พุฒิเพทาย’ พี่ชายคนโตยิ่งไม่ต้องพูดถึง ไม่รู้ซุกลูกซุกเมียเอาไว้ต่างจังหวัดรึเปล่า ปีหนึ่งกลับบ้านนับครั้งได้เลย 

“เออๆ เลี้ยงก็เลี้ยง” สุดท้ายก็ตอบรับอย่างเสียไม่ได้ ถือว่าทำหน้าที่แทนคนไกลบ้านไปด้วยในตัว 

“เย้! มุกอยากกิน...” มณีมุกดาลิงโลด เตรียมร่ายเมนูที่อยู่ในหัว ยังพูดไม่ทันจบอีกฝ่ายก็ตั้งงบ ‘มหาศาล’ มาตบหน้า

“ไม่เกินสองร้อยห้าสิบ”

“...”

“ไม่ๆ สองร้อยดีกว่า พี่จะเก็บแบงก์ห้าสิบไว้ขึ้นทางด่วน” 

“...”

“เคนะ?” 

 

“นานๆ เจอหน้าทีแต่ขอเลี้ยงข้าวสองร้อยเนี่ยนะ พี่เขาหยอกแกเล่นรึเปล่า” 

“เพราะแกไม่รู้จักพี่นิลไง เลยคิดว่าเขาล้อเล่น” มณีมุกดาตบๆ แป้งฝุ่นบนแก้ม เผาความมัธยัสถ์ของพี่ชายคนรองให้เพื่อนสนิทฟังด้วยน้ำเสียงเจือความขำขัน 

“นี่ยังดีที่ผ่อนรถหมดแล้ว แกรู้ปะว่าก่อนหน้านั้นพี่ฉันใช้เงินแค่วันละร้อยสี่สิบ กินข้าวกับไข่ต้มก็ได้ ดีหน่อยก็ไข่เจียวหมูสับ เสื้อผ้าก็ใส่ตัวเก่านั่นแหละ ซักจนเปื่อย แม่แอบเอาไปทำผ้าขี้ริ้วหลายผืนแล้ว เที่ยวไกลสุดคือหน้าปากซอยงี้ เรื่องป๋าเปย์นี่ตัดไปได้เลย สาวที่ไหนจะมาแล เลยโสดยาวมาจนป่านนี้ไง” 

ความจริงบ้านของเธอจัดอยู่ในกลุ่มชนชั้นกลาง คุณพ่อเคยอยู่ในแวดวงตำรวจ ยศก่อนเกษียณเป็นถึงพลตำรวจโท ปัจจุบันก็ยังมีคนนับหน้าถือตาไม่น้อย คุณแม่เป็นอาจารย์ระดับเชี่ยวชาญ ถึงจะเกษียณก่อนกำหนดเพื่อมาดูแลคุณพ่อ แต่ก็มีธุรกิจส่วนตัวเล็กๆ หลายอย่าง ส่วนพี่ชายคนโตไม่มีอะไรให้ต้องเป็นห่วง อาชีพหมอเงินเดือนสูงกว่าตำรวจตั้งไม่รู้กี่เท่า ดังนั้นพี่นิลของเธอไม่เห็นจำเป็นต้องทำตัวอัตคัดขนาดนั้น อย่างไรเสียที่บ้านก็พร้อมสนับสนุนอยู่แล้ว 

“ในสายตาผู้หญิง...ฉันว่านิสัยอย่างพี่นิลก็เป็นผู้ชายที่พึ่งพาได้ อย่างน้อยก็ดีกว่าเอาเงินไปกินเที่ยวจนไม่เหลือไว้สร้างอนาคตนะ” มะเหมี่ยวช่วยแก้ต่าง ยิ่งพูดแก้มทั้งสองข้างก็ยิ่งสีชมพู 

“ทำไม สนใจเหรอ งั้นก็ไปกินข้าวกับฉันสิ เผื่อพี่นิลจะเพิ่มงบให้เป็นห้าร้อย ฮ่าๆๆ” ผู้พูดกระหยิ่มยิ้มย่อง เธอไม่ใช่คนหวงพี่ชาย อายุอานามขนาดนั้นสมควรจะมีแฟนเป็นตัวเป็นตนได้แล้ว 

“ไอ้บ้า! ฉันไม่คุยกับแกแล้ว รีบตามออกไปละ ฉันจะไปวานเพื่อนคนอื่นให้มาเฝ้าซุ้มแทน” 

“แล้วสรุปไปปะ”

“ยังจะถามอีก! แต่งหน้าขนาดนี้คงไม่ไปมั้ง” คนถูกแซวกระทืบเท้าเร่าๆ วิ่งออกจากห้องน้ำโดยมีเสียงหัวเราะไล่หลัง 

มณีมุกดาฮัมเพลง เติมลิปกลอสเปลี่ยนสีโดยไม่รีบร้อน ก่อนส่องกระจกเช็กความเรียบร้อยโดยรวมเป็นครั้งสุดท้าย ถ้าพี่นิลของเธอลดความดิบลงบ้าง ต่อให้เดือนมหาวิทยาลัยมาเองก็ยังต้องชิดซ้าย ส่วนมะเหมี่ยวก็เคยลงประกวดดาวคณะ จัดว่าเป็นคนสวยน่ารักคนหนึ่ง เพราะฉะนั้น ‘ว่าที่คิวปิด’ อย่างเธอจะน้อยหน้าไม่ได้ 

เรียบร้อย! 

แกร๊ก!

หญิงสาวได้ยินเสียงเปิดประตูจากห้องฝั่งริมสุด พลันเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ เธอกับมะเหมี่ยวอยู่ในนี้เป็นสิบนาทีกลับไม่รู้ตัวว่ามีคนนอกอยู่ด้วย อีกฝ่ายก็นะ...ทำธุระส่วนตัวได้เงียบเหลือเกิน คงฟังพวกเธอเมาท์กันเพลินละสิท่า เธอส่ายหน้าเบาๆ พลางคว้าจับที่ลูกบิดประตู รีบไปดีกว่า ก่อนที่จะโดนคนรอบ่นไปมากกว่านี้

ทว่ายังไม่ทันออกแรง...ภาพเบื้องหน้าก็ดับมืดลง 

 

ฆนิลกาฬดูเวลาเป็นรอบที่สิบ ถอนหายใจเป็นรอบที่ร้อย ลอบบ่นคนที่บอกว่าจะไปเข้าห้องน้ำสักเดี๋ยว เขาเองก็ไม่รู้ว่าโลกของผู้ชายกับผู้หญิงหมุนด้วยความเร็วต่างกันหรืออย่างไร ผ่านไปเกือบยี่สิบนาทีแล้วถึงยังไม่เห็นวี่แวว

“พวกแกๆ ไปช่วยฉันหน่อย มะเหมี่ยวโทร. บอกว่ามุกเป็นลมอยู่ในห้องน้ำ!” 

“เฮ้ย! ถึกๆ อย่างไอ้มุกเนี่ยนะเป็นลม!!” 

ชายหนุ่มลุกพรวดทันทีที่ได้ยินบทสนทนาดังกล่าว ก้าวยาวๆ ไปหาผู้พูดด้วยสีหน้าตึงเครียด “นำทางไป!” 

สองนักศึกษาและหนึ่งผู้ใหญ่วิ่งหน้าตั้งมายังสถานที่เกิดเหตุ วินาทีนั้นไม่มีใครสนใจเรื่องมารยาทพื้นฐาน ทันทีที่มาถึงก็เปิดประตูพรวดเข้าไปในห้องน้ำหญิงทันที

ปึง! 

“ไอ้มุก!” เสียงทุ้มตะโกนกร้าว ทำเอาคนที่ทำอะไรไม่ถูกอยู่แล้วขวัญเสียยิ่งขึ้นไปอีก

“มะ...มะเหมี่ยวเข้ามาก็เห็นมุกเป็นลมแล้ว” 

“ขอบใจมาก เดี๋ยวพี่ดูแลเอง” 

เห็นน้องสาวนอนสลบไม่ได้สติตรงหน้า จะบอกว่าไม่ตกใจก็คงเป็นไปไม่ได้ ทว่าด้วยวัยวุฒิและประสบการณ์ทำให้ฆนิลกาฬยังคงรักษาความสุขุมได้อย่างไม่ยากเย็น ชายหนุ่มเข้าไปตรวจคร่าวๆ พลิกดูหลังศีรษะและส่วนอื่นๆ ของร่างกายว่าได้รับบาดเจ็บหรือไม่ โชคดีที่ไม่ถึงกับเลือดตกยางออก จึงอุ้มร่างหมดสติออกไปข้างนอก 

“ใครรู้บ้างว่าห้องพยาบาลอยู่ไหน นำทางพี่ที”

“มะเหมี่ยวรู้ค่ะ ตามมาทางนี้” 

คนทั้งหมดมาถึงที่หมายภายในเวลาไม่นาน ปล่อยให้อาจารย์ประจำห้องพยาบาลทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้น ผ่านไปไม่ถึงสิบนาทีมณีมุกดาก็ฟื้นขึ้นมาพร้อมอาการมึนๆ และหลังจากได้ฟังเรื่องราวที่เกิดขึ้นก็ได้แต่เกาศีรษะด้วยความงงงวย

“แปลกจริง ตั้งแต่เกิดมามุกไม่เคยเป็นลมเลยนะพี่นิล มุกจำได้ว่าอยู่ๆ ภาพมันก็มืดไปเลย” 

“ก็นี่ไงครั้งแรก จะได้จำเอาไว้เป็นประสบการณ์ โชคดีแค่ไหนไม่หัวฟาดพื้น ไม่งั้นไม่จบแค่ที่ห้องพยาบาลแน่” เจ้าของร่างสูงยืนกอดอก สีหน้าจริงจังเสียจนคนที่นอนอยู่เริ่มวิตกกังวล 

“พี่นิลอย่าขู่ได้ปะ ถ้าเลือกได้ใครจะอยากเป็นลมเป็นแล้ง คนเขาก็อยากสุขภาพดีด้วยกันทั้งนั้นแหละ”

“เอาน่าๆ แกอย่าเถียงพี่นิลเลย พี่เขาก็แค่เป็นห่วง ตอนที่แกยังไม่ฟื้นพี่เขาไม่ได้นั่งเลยนะ” มะเมี่ยวออกโรงกู้สถานการณ์ ลูบแขนเพื่อนเป็นเชิงปลอบใจ ทว่าลึกๆ ก็ยังเสียดายที่มื้อเที่ยงล่มไม่เป็นท่า จึงใช้โอกาสนี้ทำคะแนนในใจพี่ชายเพื่อน “ว่าแต่แกยังเจ็บตรงไหนอยู่รึเปล่า บอกได้นะ เผื่อเป็นอะไรจะได้รักษาแต่เนิ่นๆ” 

“ใครใช้ให้พี่นิลทำหน้าน่ากลัวล่ะ อีกอย่างตอนนั้นก็มีคนอยู่ในห้องน้ำกับฉัน ต่อให้ล้มหัวฟาดจริงเดี๋ยวเขาก็โทร. เรียกรถพยาบาลเองแหละ นี่เขาก็ตามคนมาช่วยไม่ใช่เหรอ” มีหรือที่มณีมุกดาจะยอมลดราวาศอก อดคิดถึงพี่ชายคนโตไม่ได้ พี่เพชรทั้งอ่อนโยนและใจดี ประคบประหงมเธอราวกับไข่มุกในอุ้งมือ ต่างจากพี่นิลที่หาความละเอียดอ่อนอะไรไม่ได้ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมอยู่เป็นโสดมาจนป่านนี้ 

“ตอนฉันเข้าไปตามฉันเห็นแกอยู่คนเดียวนะ ฉันเป็นคนเจอแกคนแรก”

“บ้า คนนั้นเดินตามหลังฉันเลยนะ จะไม่เห็นคนเป็นลมได้ไง” 

ฆนิลกาฬขมวดคิ้วกับบทสนทนาดังกล่าว นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนพลันหลุบมองข้อมือโล่งโจ้งโดยไม่มีเหตุผล สิ่งที่ปรากฏสู่สายตาทำเอาหัวใจกระตุกวูบ 

สร้อยข้อมือถูกแทนที่ด้วยริบบิ้นสีขาว...

ริบบิ้นขนาดเท่ากันกับ...รอยที่เคยประทับอยู่บนคอของเขา

“มุก...จำหน้าคนที่เจอในห้องน้ำได้รึเปล่า” 

มณีมุกดานิ่งคิด ก่อนสั่นศีรษะปฏิเสธ “มุกไม่เห็นหน้าอะ แต่รู้ว่ามีคนอยู่เพราะได้ยินเสียง เขาเดินมาข้างหลังมุกเลยนะ ว่าแต่พี่นิลถามทำไมเหรอ” 

“เขาเห็นมุกเป็นลมแต่ไม่ช่วย พี่ไม่โอเคเลย” ในฐานะพี่ชายจึงเลือกที่จะโกหกสีขาว ไม่อยากดึงคนในครอบครัวมาเกี่ยว เขาคิดว่าคนร้ายแค่ต้องการของคืน ไม่อย่างนั้นน้องสาวของเขาคง...

นึกถึงตรงนี้ก็ได้แต่กัดฟันกรอด ไม่คิดไม่ฝันเลยว่าตัวเองจะถูกจับตามอง ถึงขั้นชักนำศัตรูมาหาคนในครอบครัว หลังจากนี้จะทำอะไรเขาต้องระวังมากกว่าเดิม จะให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำสองไม่ได้

“ช่างเถอะค่ะ เขาอาจจะตกใจจนทำอะไรไม่ถูกก็ได้ พี่นิลไม่ต้องไปแจ้งจับเขานะ ไม่งั้นมุกฟ้องพ่อจริงด้วย” มณีมุกดาโบกไม้โบกมือไม่ถือสา ไม่ใช่ทุกคนที่อยากเป็นฮีโร แค่เธอไม่เป็นอะไรมากก็ถือว่าโชคดีแล้ว 

“พี่เอาของมาแล้วนะ ใส่ไอ้นั่นแทนไปก่อน ไว้เดี๋ยวพี่ซื้อเส้นใหม่ให้”

“เอ๊ะ!” หญิงสาวยกข้อมือขึ้นมาดู ถึงตอนนี้ถึงค่อยรู้ตัวว่าถูกปลดทรัพย์ไปเรียบร้อย พลันอยากจะบ่นพี่ชายใจร้ายที่ไม่รู้จักรับขวัญน้อง แต่พอเงยหน้าขึ้นคู่กรณีก็หายตัวไปแล้ว 

“พี่นิลบ้า!” 

 

 

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น