บทนำ
“คุณป้าขา! รินกลับมาแล้ว!”
เสียงเจื้อยแจ้วดังมาก่อนตัวหญิงสาว ซึ่งดูจะเป็นเรื่องคุ้นชินสำหรับคนในบ้านนี้เสียแล้ว โดยเฉพาะผู้เป็นป้าอย่างดวงดาวที่เมื่อครู่หญิงสาวเรียกหาด้วยเสียงใสแจ๋ว
“เป็นไงบ้างจ๊ะ สอบวันสุดท้ายแล้ว ทำได้หรือเปล่า” ดวงดาวเอ่ยถามพลางกอดตอบหญิงสาวที่โผเข้ามากอดเธอแน่น ลูบศีรษะกลมเล็กนั้นไปมาเบาๆ ระหว่างรอคำตอบ
“ระดับรินแล้ว”
“ผ่านฉลุย?”
“ลอกโจทย์แทนคำตอบไปสองข้อ แฮ่! ล้อเล่นค้า” รินลดาขำคิก แม้รู้ว่าผู้ปกครองตั้งใจถามเพื่อให้เธอเล่นมุกห้าบาทสิบบาท แต่ก็ยังชอบอกชอบใจ “รินทำได้สบายอยู่แล้ว หลานป้าดาวซะอย่าง”
เสียงหัวเราะร่าเริงของเจ้าตัวสร้างความสดใสให้บ้านหลังนี้ได้เสมอ แล้วยังท่าทางออดอ้อนที่ทำเอาผู้ปกครองอย่างดวงดาวต้องส่ายหน้าช้าๆ ทว่าใบหน้าหญิงวัยกลางคนกลับประดับด้วยรอยยิ้มเอ็นดู
“งั้นก็ไปดูตรงโน้นหน่อยสิ มีคนซื้อขนมมาฝากเราละ”
คนเป็นผู้ปกครองพยักพเยิดไปยังกล่องขนมแบรนด์ดังที่วางอยู่ไม่ไกลนัก ขนมโปรดของเจ้าตัว ซึ่งมีใครบางคนหอบหิ้วมาฝากตั้งแต่ช่วงหัวค่ำ
“ใครซื้อมาเหรอคะ”
“ลองเดาดูสิจ๊ะ”
รินลดาเพียงอมยิ้ม ไม่ได้ตอบคำถามผู้เป็นป้า ทว่าแก้มทั้งสองข้างกลับค่อยๆ ขึ้นสีชมพูเรื่อเมื่อนึกถึงเจ้าของกล่องขนมแบรนด์โปรด เพราะถ้าไม่นับคุณลุง คุณป้า และลูกๆ ของท่านแล้ว คนที่มักใจดีและซื้อขนมมาให้เธอบ่อยๆ คงมีเพียงคนเดียวที่เธอนึกออก
‘คุณอาข้างบ้านคนนั้น’
“นึกออกแล้วใช่ไหม”
แค่เห็นสีชมพูจางๆ บนแก้มของหลานสาว ดวงดาวก็ไม่ต้องคาดเดาคำตอบให้เสียเวลา ความจริงคำตอบไม่ยากเลยด้วยซ้ำ เพราะนอกจากเธอ สามี และลูกๆ แล้ว คนที่ใจดีกับหลานสาวเธอยิ่งกว่าใครก็เห็นจะมีอยู่แค่คนเดียว
“เห็นพี่เขาบอกว่าเตรียมอะไรพิเศษไว้ให้รินหลังสอบเสร็จด้วยนะ”
“จริงเหรอคะ!”
“ไม่รู้สิจ๊ะ ถ้าอยากรู้ สงสัยรินต้องไปดูเองแล้วละมั้ง”
“งั้นรินจะรีบไปรีบกลับนะคะ รินรักป้าดาวที่สุด”
ยังไม่ทันที่ดวงดาวจะบอกว่าไม่ต้องรีบร้อน เจ้าของเสียงเจื้อยแจ้วก็เผ่นแผล็วออกจากบ้านไปเรียบร้อยแล้ว ทิ้งให้คนเป็นผู้ปกครองอย่างเธอได้แต่ส่ายหน้าพลางยิ้มขำ รีบร้อนแบบนี้ดวงดาวคิดว่าอีกไม่นานคงได้ยินเสียงดุลอยมาเป็นแน่
เอาเถอะ เอาเป็นว่าเธอฝากให้คนข้างบ้านคนนั้นทำหน้าที่ดุแทนเธอไปก็แล้วกัน
…
รินลดากึ่งเดินกึ่งวิ่งมาถึงรั้วบ้านที่ติดกับบ้านหลังข้างๆ รั้วไม้ระแนงไม่เป็นอุปสรรคที่เธอจะมุดเข้าไปอย่างเช่นเมื่อหลายปีก่อน ดวงตาคู่สวยของหญิงสาวมองดวงไฟในบ้านที่ยังส่องสว่างอย่างถ้วนทั่ว คล้ายเปิดไว้เพื่อรอเธอ เพราะรู้ว่าเธอไม่ถูกกับความมืด กระทั่งศาลาไม้ข้างรั้วบ้าน ซึ่งเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของเธอมาหลายปีก็ถูกเปิดไฟไว้สว่างเช่นกัน
“เดินดีๆ ริน อย่าวิ่ง” พอวิ่งเข้ามาถึงตัวบ้านหลังใหญ่ รินลดาก็ได้ยินเสียงเข้มๆ ของคนที่ดุเธอบ่อยยิ่งกว่าผู้ปกครองรวมกันทั้งปีดังลอยมา
“ริน อาบอกว่าอย่าวิ่งไงครับ ถ้าล้มมาอาจะตีซ้ำนะ”
รินลดาไม่สนใจเสียงบ่นที่ดังมาเป็นระยะ ยังคงรักษาเสียงวิ่งตึงตังของเธอไว้เช่นเดิม เจ้าของบ้านคงไม่ต้องเดาให้เสียเวลาก็รู้ว่าเป็นเธอที่วิ่งหน้าตั้งเข้ามาในเวลานี้ เพราะนอกจากเธอแล้ว รินลดาไม่เห็นว่ามีใครเข้านอกออกในบ้านหลังนี้ตามใจชอบเหมือนเธออีก
“ว้าว! อาธีทำทั้งหมดนี้เลยเหรอคะ!”
เมื่อเห็นสิ่งที่คุณอาข้างบ้านเตรียมไว้ให้ รินลดาก็ถึงกับยิ้มกว้างไม่หุบ ชีวิตนักศึกษาปีสามเทอมสุดท้ายของเธอปิดฉากลงได้อย่างสวยงามเพราะอาหารมื้อใหญ่ที่วางเรียงบนโต๊ะตรงหน้า แน่นอนว่าทั้งหมดนี้เป็นเมนูโปรดเธอ
“อาไม่ได้อยากทำ แต่ขี้เกียจฟังเด็กบางคนบ่น”
และเด็กคนที่ว่านั้นก็หัวเราะด้วยเสียงสดใส ไม่สนใจเลยแม้แต่น้อยว่าเธอถูกค่อนขอดอยู่ รินลดาเลื่อนเก้าอี้ออกมาแล้วนั่งลงอย่างรู้งาน เธอมองจานอาหารทั้งหมดด้วยดวงตาเป็นประกายแสนถูกใจ
“ถ้ากินไม่หมดอาตีนะ”
“อาธีไม่ได้ตีรินแน่ค่ะ เพราะตอนนี้รินหิวมาก!”
คำว่าหิวมากที่เธอเน้นย้ำทำเอาได้ยินเสียงหัวเราะขำจากใครบางคน แต่รินลดาไม่มีเวลาสนใจแม้แต่นิด เพราะการสอบวันสุดท้ายดึงพลังงานในร่างกายของเธอไปจนหมด หิวโซชนิดที่ว่าอาหารที่วางเรียงรายอยู่ตรงหน้านี้ เธอจะจัดการไม่ให้เหลือแม้แต่จานเดียว
แต่แม้จะเหลือรินลดาก็รู้ว่าเธอไม่มีทางถูกตีแน่ๆ เพราะแม้ท่าทางของอีกฝ่ายจะไม่เหมือนคนใจดี แต่พอได้รู้จักจริงๆ กลับใจดียิ่งกว่าใคร แม้ใบหน้าของเขาจะเรียบนิ่งและดูดุในบางครั้ง แต่กลับเป็นคนที่คอยโอ๋เธอมากที่สุดอีกคนหนึ่ง
แน่นอนว่าคนคนนั้นจะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจากคุณอาข้างบ้านที่ชื่อธีรดนย์ของเธอ
ส่วนคำว่า ‘อาธี’ ที่เธอใช้เรียกแทนชื่อเขานั้น รินลดาคิดว่าเธอชินเสียแล้ว แม้ระหว่างเธอกับเขาจะไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ ทางสายเลือด ไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ ทางเครือญาติ แต่เธอเรียกของเธอมาเนิ่นนาน มันจึงกลายเป็นคำพูดติดปาก แต่ช่วงหลังมานี้รินลดายอมรับว่าเธออยากลองเรียกเขาด้วยคำอื่นดูบ้าง เพราะเธอไม่ได้อยากเป็นแค่เด็กข้างบ้านที่เขาเอ็นดูอีกต่อไปแล้ว
รินลดาคิดว่าเธอต้องการมากกว่านั้น
หมดทั้งใจของเขานั่นละมั้ง คือสิ่งที่เธอปรารถนาอยากครอบครอง
ประตูความรู้สึกของเขาบานนี้เธออยากลองเปิดเข้าไปสักครั้ง แม้จะรู้ดีว่าหลังประตูบานนั้นอาจไม่มีคำตอบที่เธอรออยู่ แม้ยังไม่มั่นใจว่าคำตอบที่ได้จะเป็นรอยยิ้มหรือคราบน้ำตา แต่ถ้าไม่ลองเสี่ยงเปิดเข้าไป สุดท้ายเธอคงเป็นได้แค่เด็กข้างบ้านที่เขาเอ็นดู...
หญิงสาวสัญญาว่าจะยอมรับทุกผลการกระทำอย่างเต็มใจ ไม่ว่าคำตอบจะออกมาเป็นเช่นไร
เพราะหากวันหนึ่งมีใครสักคนถามเธอว่ารักครั้งแรกของเธอเกิดขึ้นกับใคร
เธอจะได้ตอบออกไปอย่างไม่ลังเลว่ากับ ‘คุณอาข้างบ้าน’ ที่ชื่อ ‘ธีรดนย์’
ความคิดเห็น |
---|