4
ผิดกฎ จบเกม
“ผมยังไม่พร้อมจบการพักร้อน”
ชานนกล่าวกับปลายสายอย่างหนักแน่น แต่ลดเสียงเบาลงเมื่อเหลือบเห็นคนที่กำลังนั่งเอนพิงหมอนอิงอ่านหนังสืออยู่ในศาลาดอกไม้ข้างเรือนพัก
ถ้าไม่รู้ว่าเธอมีตัวตนจริงๆ เขาคงนึกว่ามีนางไม้ปรากฏกายให้เห็น เธออยู่ใกล้เพียงนี้ แต่ความสงบเงียบรอบกายทำให้รู้สึกราวกับเธอจะจางหายไปได้ตลอดเวลา ลมทะเลพัดเคลียแก้มที่เขาอยากเข้าไปลูบไล้ แสงแดดส่องลอดซุ้มไม้เข้ามารำไร ชวนให้นึกถึงเวลาที่เขาเปิดเปลือยผิวของเธอ
ชานนกลืนน้ำลายเมื่อพบว่าผิวกายเริ่มตึงแน่นด้วยความปรารถนา บางส่วนที่ได้รับการเติมเต็มตลอดหลายวันกลับตื่นตัวนิดๆ ด้วยความทรงจำที่ผ่านมา แล้วเขาก็ไม่อยากขัดความต้องการของมัน จึงตัดบทปลายสายดื้อๆ ว่ามีธุระด่วนก่อนจะเดินตรงเข้าไปหาเธอ
“อ่านหนังสือสนุกไหมครับ”
เขาถามเช่นนี้เพราะไม่รู้จะถามอะไร ทั้งสองคนนับเป็นคนแปลกหน้าที่คุ้นเคยกันดี หากไม่นับเรื่องที่ไม่รู้จักรายละเอียดใดๆ ของอีกฝ่ายเลย ก็อาจพูดได้ว่าเป็นคนรักของกันและกัน แต่ชานนไม่เคยมีความคิดที่จะทำลายกฎเกณฑ์นั้น แม้ว่าจะแอบสงสัยว่าเธอเป็นใครก็ตาม
หญิงสาวคนนี้ไม่ใช่นางนกต่อแน่นอน และยิ่งไม่ใช่โสเภณีด้วย เธออายุยังน้อย เด็กกว่าเขาเกือบสิบปี จนเขาเรียกเธอว่าสาวน้อยได้ และเธอก็ยังมีความหุนหันพลันแล่นแบบเด็กๆ ในตัว ดูได้จากการที่เธอตัดสินใจเสนอเกมร้อนเช่นนี้ให้เขาร่วมเล่น แต่ในบางมุมเธอก็มีความสุขุมในแบบของผู้ใหญ่ที่มักจะสร้างกำแพงทางอารมณ์ไว้ปิดกั้นคนแปลกหน้าให้อยู่ในระยะปลอดภัย
ถึงจะจดจำกฎเกณฑ์ได้อย่างแม่นยำและคอยเตือนตัวเองสม่ำเสมอว่าอย่าพลาดข้ามเส้นที่มองไม่เห็น แต่ความอยากรู้บังคับสายตาของเขาให้เหลือบไปมองปกหนังสือในมือของเธอ
วิญญาณขบถ เขียนโดย ‘คาลิล ยิบราน’
เป็นหนังสือที่ชานนเคยอ่านเมื่อครั้งยังเรียนอยู่มหาวิทยาลัยในต่างประเทศและมีแนวคิดเป็นอิสระมากกว่าตอนนี้มากมาย ซึ่งก็คงตรงกับช่วงอายุของเธอในเวลานี้ เขาจำได้อย่างเลือนรางถึงความรู้สึกในตอนอ่าน ซาบซึ้ง หดหู่ รู้แจ้งในสิ่งที่ยากจะตีความ
เมื่อเขาอายุมากขึ้น เห็นสิ่งต่างๆ มากขึ้น เขาเรียกมันว่าวิถีแห่งโลก คนทำความดีไม่ได้แปลว่าต้องได้รับสิ่งดีตอบแทน และสิ่งที่ดีในสายตาคนอื่นไม่ได้แปลว่าดีสำหรับเรา
“ฉันว่าคริสต์ศตวรรษที่ 19 กับคริสต์ศตวรรษที่ 21 ไม่ได้แตกต่างกันเลย ไม่ว่าจะเรื่องสิทธิสตรีหรือกฎหมาย” เธอตอบไม่ตรงคำถาม แต่เขาเข้าใจ
“นี่คุณจะหาว่าเมืองไทยล้าหลังเท่ากับเลบานอนเมื่อสองร้อยปีก่อนเหรอครับ อย่างน้อยเราก็ไม่ลงโทษประหารด้วยการตัดหัว แขวนคอ หรือปาหินใส่แล้วนะครับ”
เขาเจตนาพูดไปหัวเราะไปเหมือนเป็นเรื่องตลกเพราะไม่อยากร่วมถกปรัชญาในหนังสือกับเธอ นั่นสมควรเป็นกิจกรรมของคนที่พร้อมจะแลกเปลี่ยนความรู้ซึ่งจะบอกถึงภูมิหลังของแต่ละฝ่าย
“คุณเคย...ฉันก็ว่างั้นแหละค่ะ”
ชานนรู้ว่าถ้อยคำที่ชะงักค้างกลางทางของเธอคืออะไร เธอเกือบจะถามว่าเขาเคยอ่านหนังสือเล่มนี้หรือไม่ แต่นั่นเป็นการละเมิดกฎที่เธอตั้งขึ้น ไม่ถามชื่อ ไม่ผูกมัด กติกาง่ายๆ ที่ทำยากขึ้นทุกที เพราะทั้งสองอยู่ร่วมกันตลอดเวลา มันจึงเป็นเหมือนกับระเบิดเล็กๆ คั่นกลางความสุขมากมายที่พวกเขาต้องคอยหลบเลี่ยง
ชายหนุ่มกำลังหาวิธีเปลี่ยนเรื่องอย่างเหมาะสมเมื่อได้ยินเสียงกริ่งที่ประตูรั้วดังขึ้น หากเป็นวันก่อนๆ เขาจะเดินไปตรวจสอบว่าคนที่มาเป็นพนักงานของรีสอร์ตหรือไม่ แต่หลังจากกำชับพนักงานรักษาความปลอดภัยทั้งวาจาและลายลักษณ์อักษร ด้วยสถานะว่าที่เจ้าของรีสอร์ตซึ่งมีสิทธิ์ไล่คนไร้ประสิทธิภาพออกจากงาน เขาก็มั่นใจว่าจะไม่มีใครกล้าสร้างความรำคาญให้เขาอีก
การที่เขาปล่อยให้เธอไปเปิดประตูรั้วรับของเองอาจดูไม่เป็นสุภาพบุรุษนัก แต่นั่นก็รวมอยู่ในกฎกติกาของทั้งสองด้วย กฎที่ว่า ‘ไม่ถามชื่อ’ เพราะสิ่งที่พนักงานส่งของจะทำเป็นอย่างแรกคือถามชื่อของคนรับว่าตรงตามชื่อผู้สั่งซื้อที่อยู่บนกล่องหรือไม่
หลังจากเปลี่ยนเงื่อนไขการเล่นเกมหลายวันก็มีบริการส่งของด่วนมาให้เธอเป็นระยะ ไม่ว่าจะเสื้อผ้า ของใช้ส่วนตัว สายชาร์จโทรศัพท์มือถือ บางคราวก็เป็นของสร้างความบันเทิงเช่นหนังสือ
ชานนเหลือบมองผ่านๆ ไม่พบว่าเป็นของมีราคาแพงนัก แต่จากการที่เธอสั่งซื้อของออนไลน์จำนวนมากและจ่ายค่าส่งสินค้าเร่งด่วนได้ แสดงให้เห็นว่าเธอห่างไกลจากคำว่ายากไร้
เขาไม่โง่พอจะเสนอตัวจ่ายเงินแทนเธอ และยังจะฉลาดพอที่จะอยู่ห่างๆ ไม่มองว่าชื่อผู้รับเป็นใคร เพราะเธอเองก็หลบเลี่ยงด้วยการรับของที่หน้าประตูรั้วแล้วทำทีเป็นตรวจของก่อนจะส่งหีบห่อที่มีชื่อของเธอให้พนักงานโรงแรมไปทิ้ง แต่คราวนี้ชายหนุ่มเหลือบเห็นว่าเธอดึงแค่ป้ายชื่อสำหรับผู้ส่งออกโดยไม่แม้แต่จะแกะดูของภายใน ด้วยสายตาที่เฉียบไวของเขายังเห็นอีกว่าแก้มเธอเจือสีระเรื่อน้อยๆ จึงยอมเฉียดการล้ำเส้นถามออกไป
“มีอะไรพิเศษเหรอครับ”
เขาอดหวังว่าจะเป็นบางอย่างที่เขามีส่วนร่วมไม่ได้ เพราะส่วนร่วมของทั้งคู่คือความสัมพันธ์ในการสร้างความสุขให้กันและกัน
“ลองเปิดดูสิคะ” เธอไม่ตอบคำถาม แต่ส่งกล่องให้เขาด้วยแก้มอาบสีแดง
ชานนรีบฉีกเปิดกล่องดูของที่อยู่ภายใน มันมีกล่องเล็กๆ สีสดใสหลายกล่องแพ็กมาอย่างเรียบร้อยพร้อมวัสดุกันกระแทก แต่ไม่ต้องแกะพลาสติกที่หุ้มอีกชั้นออก เขาก็รู้ว่ามันเป็นกล่องอะไร
“คุณไม่ชอบถุงยางที่ผมใช้เหรอครับ”
อยู่ๆ เขาก็รู้สึกอยากหัวเราะขึ้นมาโดยไม่ทราบสาเหตุ และก็สะดุดเมื่อสมองแล่นปราดไปถึงบางอย่างที่สมควรกับคำว่าคาดหวัง
“ฉันอยากจะลองสวมมันให้คุณ”
แค่คิดภาพมือน้อยๆ ของเธอค่อยๆ บรรจงสวมถุงยางอนามัยให้ส่วนที่ต้องการความดูแลเป็นพิเศษของเขา ชานนก็พบว่าส่วนนั้นแทบจะตื่นตัวเต็มที่ แต่แล้วก็พบว่าจินตนาการของตัวเองยังไม่ก้าวไกลมากพอ
“ด้วยปากค่ะ”
แม้เป็นเวลากลางวัน แต่เครื่องปรับอากาศก็สร้างความเย็นฉ่ำให้ทุกพื้นที่ เว้นผิวกายของลลนาที่ร้อนขึ้นอย่างต่อเนื่องเพียงเพราะสายตาของเขาที่จับจ้อง ถึงจะนอนเอนพิงหัวเตียงรอให้เธอลงมือ เขาก็ยังมีลักษณะของสัตว์นักล่าที่เธอไม่ควรผลีผลามเข้าใกล้
เธอหลุบตาลงมองส่วนที่เธอกำลังจะลงมือแตะต้อง ใช่ว่าเธอจะไม่เคยสัมผัสหรือแม้แต่ลูบไล้ แต่ทุกครั้งจะเกิดหลังจากอารมณ์ของเธอเตลิดไปไกล แล้วถูกเขาคะยั้นคะยอล่อลวง ผิดกับคราวนี้ที่เธอมีความตั้งใจเป็นอย่างยิ่งที่จะเป็นฝ่ายปลุกเร้าเขาบ้าง สายตาเธอสำรวจพลางทบทวนในหัวว่าจะต้องทำขั้นตอนใดๆ ก่อนหลัง คงจะนานเกินไปจนเห็นว่าเขากระสับกระส่าย ส่วนนั้นก็เช่นกัน
“ที่รัก ถ้าคุณไม่รีบลงมือผมคงแย่แน่ๆ” เสียงของเขาทุ้มพร่าราวกับใกล้จะขาดใจตาย และรอยยิ้มของเขาก็ฝืดเฝื่อนรับกับคำพูด
เสียงหัวเราะหลุดออกจากลำคอเธออย่างห้ามไม่อยู่ ตลอดมาเขาแสดงความมั่นใจเต็มร้อยเสมอ แต่เวลานี้เธอมองเห็นว่าความคาดหวังกำลังทำให้เขาเป็นฝ่ายประหม่าบ้าง
“ยังจะหัวเราะอีก คุณไม่ลงมือ ผมลงมือเองแล้วนะ”
แล้วเขาก็คว้ามือเธอไปวางดื้อๆ บนส่วนที่ลุกชันจนสั่นระริก หญิงสาวคว้าหมับรวบกำเต็มๆ มือตามสัญชาตญาณ และพึงพอใจที่เห็นเขาแอ่นกายโค้งตอบรับ สร้างความกล้าที่จะขยับมือขึ้นลงไปตามความยาว แม้ว่ามันจะร้อนแทบลวกมือของเธอก็ตาม
“แน่นกว่านี้อีก”
ไม่แค่สั่ง มือของเขายังรวบมือของเธอให้บีบกระชับ บังคับให้ทำตามที่เขาต้องการ
แทนที่จะขัดใจ ลลนากลับรู้สึกสนุกสนาน เพราะเธอได้กลั่นแกล้งเขา ผู้ชายที่ตัวใหญ่กว่าเธอเกือบเท่าตัวด้วยการดึงมือออก
“อ๊ะๆ ไหนว่าจะปล่อยให้ฉันทำเองไงคะ”
แวบหนึ่งเธอนึกว่าเขาจะกระโจนมาขย้ำเธอเสียแล้ว แต่สองมือเขายกขึ้นปิดหน้าตัวเอง แล้วถูแรงๆ เรียกสติของตนกลับมา และสั่งโดยที่ยังไม่ลดมือลง
“ให้ตายสิ เอาเลย จะทำอะไรก็ทำ ผมยอมแล้ว”
ชายหนุ่มทิ้งตัวลงนอนกางแขนกางด้วยท่าทางของผู้แพ้ แต่คงไม่อาจเรียกเขาว่าผู้แพ้ที่ดีนัก เพราะปากพูดว่ายอม แต่ส่งสายตามองเธออย่างโกรธๆ
ถึงจะขบขัน แต่ลลนาก็รู้ว่าขอบเขตของการเล่นอยู่แค่ไหน เธอขยับไปใกล้ยิ่งขึ้นด้วยความตั้งใจจะเริ่มทำตามขั้นตอนที่ศึกษามา แต่ปัญหาก็คือเธอพิศวงกับการเห็นส่วนนั้นอย่างใกล้ชิด ตรงข้ามกับรูปลักษณ์สบายๆ ปนสง่างามของเขา มันช่างงดงามแบบดิบเถื่อน ผิวนอกร่มผ้าของเขาเป็นสีแทน แต่ทั้งที่อยู่ในร่ม จุดนี้กลับมีสีเข้มกว่า เส้นเลือดปูดโปนโดยรอบเหมือนเส้นสายให้ปลายนิ้วสำรวจ ส่วนปลายแดงก่ำ ซึ่งเธอคิดว่านั่นน่าจะเป็นจุดที่ไวต่อสัมผัสที่สุด
“ขอฉันจูบคุณได้ไหม”
เธอไม่คิดว่าคนด้อยประสบการณ์อย่างเธอจะทำให้เขาซึ่งเต็มไปด้วยความช่ำชองและเปี่ยมความมั่นใจอ้าปากค้างได้ แต่เธอก็ทำได้
“ผมว่าคุณอาจจะไม่ชอบรสชาติมัน”
เขาเตือนเธอด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์และน้ำเสียงที่คาดหวังเต็มเปี่ยมให้เธอทำตรงข้าม เธอจึงไม่ลังเลที่จะทดลองดูว่าจะชอบหรือไม่
รสชาติของเขาไม่เหมือนอะไรที่เธอเคยลิ้มรสมาก่อน แต่เขาพูดผิด เธอชอบมัน เพราะเขาให้ความรู้สึกเข้มข้นเผ็ดร้อน และมีความเป็นผู้ชายอย่างยิ่ง ลลนาจึงไม่แค่แตะริมฝีปากลงไป แต่เปิดปากจูบแรงๆ จนสัมผัสได้ว่าเขาแอ่นกายขึ้นพร้อมเสียงสบถที่หยาบคายอย่างยิ่ง
มือเธอสั่นด้วยความตื่นเต้นขณะควานหาห่อฟอยล์ที่วางเกลื่อนอยู่ด้านข้างขึ้นมาฉีก แล้วทาบสิ่งนั้นลงไปก่อนจะพบว่าด้วยความรีบร้อนทำให้เธอวางผิดด้าน อยากจะหัวเราะออกมาถ้าไม่ติดว่าขัดใจตัวเองเป็นอย่างมาก ลลนาโยนมันไปไกลแล้วคว้าห่อใหม่มาฉีกอย่างระมัดระวังไม่ให้โดนเล็บ
การเคลื่อนไหวของลลนาเกร็งไปหมดด้วยความตื่นเต้นจนต้องวางมันลงอย่างช้าๆ เพื่อให้ตรงตำแหน่ง เธอเลียริมฝีปากอย่างกระวนกระวายพลางเหลือบตามองเขา พบว่าใบหน้าชายหนุ่มแดงก่ำ เขาพยักหน้าอนุญาตโดยไม่รอให้เธอขอ ความจริงมือของเขากำแล้วคายไปมาเหมือนจะเอื้อมมาเร่งให้เธอดำเนินการต่อ
ลลนาปลุกปลอบความกล้าของตนแล้วอ้าปากกว้างอย่างไม่มั่นใจ ค่อยๆ ครอบลงบนความร้อนรุ่มเลียนแบบคลิปวิดีโอที่ได้ศึกษามาด้วยท่าทางเก้กัง พยายามใช้ริมฝีปากบนและล่างทำงาน ระมัดระวังไม่ให้ฟันก่อความเสียหาย ขณะเดียวกันก็ต้องควบคุมยางแผ่นบางๆ ไม่ให้เลื่อนไปด้านใดด้านหนึ่งมากเกินไป
มันไม่ง่ายอย่างที่เห็นสักนิด เธอพลาดแล้วพลาดอีก และไม่รู้ว่าเสียงอึกอักเหนือหัวของเขาเกิดขึ้นเพราะอะไร เธอเหลือบตาขึ้นดูเห็นใบหน้าหล่อเหลาบิดเกร็ง ดวงตาของเขาปิดแน่น ฟันขบเข้าหากันสลับกับเปล่งเสียงครางราวกับกำลังโดนทรมานอย่างแสนสาหัส
ภาพที่เห็นกระตุ้นเร้าเธอโดยที่เขาไม่ได้ลงมือใดๆ เลย เธอรู้สึกว่าตนเองมีอำนาจเหนือผู้ชายคนนี้อย่างประหลาดและมีความสุขที่จะได้ควบคุม
เนื่องจากไร้ประสบการณ์ สิ่งที่เธอตั้งใจเอาไว้จึงไม่ประสบความสำเร็จ หญิงสาวเปลี่ยนแผนด้วยการใช้มือช่วย แต่ก็ต้องเปลี่ยนถุงยางอนามัยใหม่อีกชิ้นจึงจะสวมใส่ได้สำเร็จ คราวนี้เธออ้าปากแล้วดูดกลืนความแข็งชันลงไปพร้อมกับใช้สองมือกอบกุม เลื่อนลงไปลึกแล้วถอยออก ดังนั้นจึงไม่อาจกลืนลึกได้ถึงครึ่งที่เธอเห็นมาในคลิปวิดีโอ แต่เสียงของเขาดังกว่าเท่าตัว
เสียงอึกอักเปลี่ยนเป็นเสียงคราง ตามด้วยเร่งให้เธอไวขึ้น ลลนาไม่คิดจะทำตาม ตรงข้ามเธอเปลี่ยนเป็นไล้เลียทางด้านข้าง ก่อนจะเงยหน้าส่งยิ้มให้เขา ซึ่งเป็นความผิดพลาด
“ไม่ไหวแล้ว!”
พร้อมกับการตะคอก เขาดึงร่างเธอลงไปนอนแล้วพลิกตัวทาบทับ หญิงสาวไม่ทันหายตกตะลึง เขาก็สอดมือไปใต้ข้อพับเข่า ยกสูงแล้วแยกออกจากกันก่อนจะแทรกความแข็งขึงถึงขีดสุดเข้าไป มันเกือบจะเร็วเกินไปหากเธอไม่ชุ่มชื้นเพราะความตื่นเต้นก่อนหน้านี้ แต่ความเร่งร้อนของเขาทำให้เธอหวีดร้องด้วยความสุขและพร่าพรายจากการถึงดวงดาวก่อนที่เขาจะเข้ามาเติมเต็มเธอโดยสมบูรณ์เสียอีก
ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังรู้ว่าเขาโจนทะยานอย่ารุนแรงเพียงไหน มือของเขาไม่ปล่อยออกจากขาของเธอ ท่วงท่าที่เปิดกว้างเช่นนี้ไม่เอื้อให้เธอตอบโต้ใดๆ ได้เลย ทำได้เพียงรอรับการกระทำจากเขา เสียงขยับรุนแรงเข้ากับเสียงครางเพราะความซ่านเสียว เธอไม่รู้ว่าตัวเองพบจุดสุดยอดกี่ครั้งก่อนที่เขาจะถึงฝั่งฝันบ้าง
นี่เป็นครั้งแรกที่เธอหายจากความมึนชาเพราะความสุขก่อนเขา ร่างใหญ่ที่ทาบทับบนตัวเธอยังหอบโยนหนัก ไม่ขยับเบี่ยงตัวไปไหนเหมือนเคย นั่นบอกว่าเขาเหน็ดเหนื่อยเพียงไร มือของเธอลูบไปมาบนหลังไหล่ชื้นเหงื่อร้อนผ่าวช้าๆ ปลอบโยนผู้ชายตัวโตที่ดูอ่อนแออย่างยิ่งในเวลานี้
ผ่านไปครู่ใหญ่ ชายหนุ่มถึงค่อยๆ รวบรวมเรี่ยวแรงแล้วพลิกกายตะแคงลงไปก่อนจะทับเธอจนหายใจไม่ออก แล้วก็ต้องรออีกครู่หนึ่งเขาถึงพูดออกมาเป็นประโยคได้ มิหนำซ้ำยังขาดเป็นห้วงๆ ตามจังหวะหอบหายใจเสียด้วย แต่เขายังกล่าวพร้อมประกายตาแวววาว บ่งบอกว่าเขาจริงจัง
“สาวน้อย ถ้าคุณคิดจะฆ่าผม ทำแบบเมื่อกี้อีกทีนะ”
ชานนรู้ว่าโลกยังคงหมุนอยู่ เพราะอย่างน้อยเขาก็รู้ว่ามีกลางวันและกลางคืนสลับกัน แต่การที่อยู่ภายในเรือนพักตามลำพังกับสาวน้อยแปลกหน้าทำให้เขารู้สึกราวกับโลกภายนอกถูกปิดกั้น เขาและเธอไม่ต้องคำนึงถึงอะไรอื่น นอกจากปรนเปรอความสุขให้กันและกัน
ทว่าทุกอย่างไม่ง่ายดายเพียงนั้น ต่อให้เขาหลบยังไง คนที่อยากจะเจอเขาก็ต้องพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อเจอให้ได้ ต่อให้ต้องเสียมารยาทอย่างมากด้วยการอ้างความเป็นเจ้าของคนปัจจุบันของรีสอร์ตเชิญเขาออกจากที่พักมาคุยเป็นการส่วนตัวก็ตาม
“คุณชานนคิดยังไงกับพันพนารีสอร์ตครับ”
ภายใต้คำถามอย่างสุภาพไม่เฉพาะเจาะจง คืออีกคำถามที่ว่า ‘คุณคิดจะซื้อรีสอร์ตแห่งนี้แล้วปลอดปล่อยผมจากสภาวะหนี้สินเมื่อไหร่’
สิงขรสร้างที่นี่ขึ้นมาด้วยมรดกของพ่อแม่รวมถึงอิทธิพลของคนในครอบครัวภรรยาเก่า แต่เขาไร้ความสามารถในการบริหารโดยสิ้นเชิง ไม่นับว่าโง่มากที่หย่าขาดกับภรรยาที่คอยหนุนหลังไปคบหากับนักแสดงสาวซึ่งชอบคบคนรวย และจะผละไปหาผู้ชายที่รวยกว่า ดังนั้นเธอจึงมีสมองไว้ปอกลอกมากกว่าสนับสนุนธุรกิจ แต่ปัญหาใหญ่ที่เจ้าของคนปัจจุบันมีคือการกู้หนี้ยืมสินไปชดใช้หนี้ ทำให้มันเพิ่มพูนขึ้นทุกวัน
วิธีแก้ปัญหาที่ดีที่สุด ซึ่งสิงขรควรทำมานานแล้วก็คือหาผู้ซื้อมารับเผือกร้อนนี้ไปแล้วนำเงินก้อนที่ได้ไปโปะหนี้สิน และอาจจะทำให้เหลือผลกำไรอยู่บ้าง
ชานนรู้ปัญหาทั้งหมดของสิงขร แต่เขาทำธุรกิจ ไม่ใช่ทำงานการกุศล ราคาที่อีกฝ่ายเสนอสูงเกินไป ผลกำไรที่ได้ไม่คุ้มกับค่าเสียเวลาในการรับรีสอร์ตพันพนามาปรับปรุงเพื่อจะขายต่อ ดังนั้นก่อนที่ทั้งคู่จะตกลงกันได้ในราคาที่เหมาะสม เขาจะไม่ตอบรับใดๆ ทั้งนั้น
ชายหนุ่มยิ้มแล้วถ่วงเวลาตอบคำถามด้วยการหยิบแก้วเครื่องดื่มบรรจุสุรารสเลิศอายุหลักร้อยปีขึ้นมาจิบ แล้วอยู่ๆ เขาก็คิดถึงคำพูดหนึ่ง
‘ฉันยอมรับว่าเหล้าช่วยผ่อนคลายความเครียดของฉันได้เป็นอย่างดี แต่ให้ดื่มอีกฉันคงไม่เอาด้วย ฉันไม่อยากต้องพึ่งพาของพวกนี้’
การคิดถึงผู้หญิงที่คอยอยู่ไม่ไกลช่วยให้เขายิ้มได้โดยไม่เสแสร้ง ชานนวางแก้วลงช้าๆ เวลานี้เขาไม่เครียด และไม่จำเป็นต้องพึ่งพาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เช่นกัน แต่การนึกถึงเหตุการณ์ที่มีระหว่างทั้งคู่ ซึ่งรวมถึงความกระตือรือร้นในการเรียนรู้เทคนิคใหม่ๆ ของเธอทำให้เขาต้องขยับคอเสื้อระบายอากาศร้อนที่ระเหยออกจากร่างกายตนเอง แล้วตอบคำถามส่งๆ อย่างไม่มีสมาธิ
“ดีครับ พันพนาสมกับที่เป็นรีสอร์ตห้าดาวเลย”
พอเหลือบเห็นรอยยิ้มกระตือรือร้นคาดหวังเหมือนพร้อมจะขย้ำเหยื่อโง่ๆ ของอีกฝ่าย เขาก็ใช้สมองอันชาญฉลาดพลิกเกมกลับ
“ถึงจะมีปัญหาเรื่องระบบรักษาความปลอดภัยอย่างที่ผมแจ้งไปแล้วก็เถอะ”
ยิ้มของสิงขรจืดเจื่อนลงไปหลายส่วน เขาเองก็รู้เรื่องทั้งหมด แต่เจตนาไม่แสดงออกมากนัก เพราะรู้ว่าช้าหรือเร็วชานนต้องนำปัญหานี้ขึ้นมาเป็นประเด็นต่อรองราคาให้ต่ำลงไป เนื่องจากทั้งคู่รู้ดีว่าการยกเครื่องระบบรักษาความปลอดภัยใช้เงินจำนวนไม่น้อย มันใช้ทั้งเทคโนโลยีสมัยใหม่และการฝึกฝนพนักงาน
ชานนฟังสิงขรแก้ต่างให้ตัวเองต่างๆ นานา แล้วรับคำโดยไม่แสดงออกว่าคิดอะไรอยู่ในใจบ้าง ผ่านไปครู่ใหญ่เขาก็ขอตัวกลับอย่างสุภาพ ทิ้งให้คู่สนทนาตรึกตรองดูว่าควรลดราคาลงมาอีกเท่าไร เพราะชายหนุ่มมีเรื่องสำคัญกว่าธุรกิจต้องรีบไปทำ
เกมอันร้อนระอุเริ่มเข้าสู่วันที่หกแล้ว เวลาเหลือเพียงแค่วันเดียว ชานนต้องรีบกลับไปดูว่าผู้หญิงคนหนึ่งจะทำให้เขาประหลาดใจได้มากแค่ไหน
น่าประหลาดที่ชายหนุ่มออกจากบ้านพักไปไม่ถึงชั่วโมง ลลนาก็นั่งกระสับกระส่ายเสียแล้ว ไม่ใช่เพียงเพราะเซ็กซ์ที่มีร่วมกัน แต่เพราะการมีเขาอยู่ใกล้ๆ ช่วยให้เธอรู้สึกมีที่ยึดเหนี่ยวอย่างประหลาด ดังนั้นเมื่อเขาเดินผ่านประตูเข้ามา เธอก็โผเข้าประชิดแล้วโพล่งประโยคที่เธอไม่ทันได้ไตร่ตรองผ่านสมอง รู้เพียงอยากให้เขาจดจำผู้หญิงที่นั่งคอยเขาอยู่ในความเงียบได้บ้าง ไม่ใช่หายไปเฉยๆ
“คุณไปไหนมาคะ” น้ำเสียงของลลนาเกรี้ยวกราดโดยที่เธอไม่รู้ตัว
ชายหนุ่มที่ใบหน้าเปื้อนยิ้มรีบแกล้งยกมือสองข้างขึ้นกันด้วยท่าทางเหมือนจะป้องกันหมัดจากคู่ต่อสู้
“เฮ้ เฮ้ เฮ้ ใจเย็นๆ ที่รัก”
“ฉันไม่ได้ชื่อที่รัก ฉันชื่อ...”
คำสุดท้ายไม่ได้ออกจากปากของลลนา มันถูกปิดกั้นด้วยจุมพิตและกลืนหายไปในลำคอของเธอเอง หญิงสาวพยายามจะขัดขืนเพื่อดึงสติของตัวเองจากการเล้าโลมอย่างช่ำชองของเขา เธอทั้งผลักทั้งดันกว่าจะสลัดหลุดและเว้นระยะเพื่อมองหน้าเขาได้ แต่เขายังมีอีกวิธีที่จะหยุดเธอจากการเปิดเผยชื่อของตัวเอง
“คุณกำลังจะทำผิดกติกาที่คุณตั้งขึ้นมาเองนะครับ เกมนี้ชื่อว่า ‘ไม่ถามชื่อ ไม่ผูกมัด’ ไม่ใช่เหรอ”
แก้มลลนาร้อนซู่ด้วยความอับอาย เธออาจไม่ได้มีเจตนา แต่คำถามและการเกือบแทนตัวด้วยชื่อผิดกฎเกณฑ์ทั้งสองอย่าง
รอยยิ้มของเขาดูดีเช่นเคย แต่มันขาดความอบอุ่นและความจริงใจ ลลนาอาจด้อยประสบการณ์กว่าเขา มิหนำซ้ำยังเต็มไปด้วยความหุนหันพลันแล่น แต่เธอฉลาดพอ หรือไม่เธอก็ฝึกฝนโดยคนใกล้ชิดมาตลอดชีวิต ทำให้รู้ว่าการถูกปิดกั้นทางอารมณ์เป็นเช่นไร
การโตขึ้นมากับพ่อแม่ที่เกลียดกันและไม่ใส่ใจผลผลิตแห่งการแต่งงานสอนให้ลลนารู้ว่า ไม่ควรเรียกร้องให้ใครทำตามความรู้สึกของตัวเอง เพราะมันอาจกลายเป็นความผิดพลาดอย่างมหันต์ อย่างเช่นในเวลานี้ที่คำพูดย้อนถามแค่ไม่กี่ประโยคของเขาทำเอาเธอหน้าแดงด้วยความอับอาย
“ถ้าคุณจะแหกกฎ คุณควรบอกคนร่วมเล่นเกมล่วงหน้านะครับ”
ก่อนที่เธอจะทันได้แก้ตัว หรือใคร่ครวญว่าอยากจะยกเลิกเกมหรือไม่ เขาก็ตัดสินใจแทนด้วยการอุ้มเธอไปโยนลงบนเตียง
“แต่ที่เราเป็นอยู่ตอนนี้ ผมว่ามันดีอยู่แล้ว”
ลลนาไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงเจ็บแปลบเพราะคำพูดของเขา แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ตอบสนองความเร่งร้อนของเขาอย่างเท่าเทียม เสื้อผ้าบนกายทั้งคู่ปลิวหายไปอย่างรวดเร็ว
ชายหนุ่มหื่นกระหายในแบบที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน คนที่เคยเปี่ยมด้วยประสบการณ์พลิกพลิ้วกลายเป็นดิบเถื่อน เขาแทบจะเข้ามาในตัวเธอก่อนที่เธอจะพร้อมด้วยซ้ำ
แต่ความอัดอั้นตันใจที่ไม่รู้สาเหตุทำให้อารมณ์ของเธอโจนทะยานขึ้นสูงตามไปด้วย สิบเล็บของเธอจิกลงไปต้นแขนของเขา ยามที่เขาโยกตัวขึ้นสูง เธอก็กัดลงไปบนบ่า การกระทำของทั้งสองเหมือนสัตว์ป่าที่กำลังต่อสู้เอาชัย แล้วสุดท้ายก็พ่ายแพ้ไปด้วยกัน
หลังจากเสร็จสิ้นเขาก็พลิกกายลงด้านข้าง เพียงแต่คราวนี้เขาหันหน้าไปทางอื่น แทนที่จะตะแคงหาแล้วดึงตัวเธอเข้าไปกอด
ลลนาไม่รู้ว่าทำไมการกอดก่ายแลกเปลี่ยนสัมผัสและลมหายใจอุ่นๆ หลังจากมีสัมพันธ์ลึกซึ้งถึงได้สำคัญกับเธอนัก หญิงสาวอยากจะหันไปถาม แต่เสียงของเขาขัดขึ้นมาก่อน
“ผมลืมสวมถุงยาง!”
ร่างบางสะดุ้งสุดตัว เธอไม่เสียเวลาก้มลงไปมอง เพราะความเหนียวเหนอะเปียกชื้นบอกทุกอย่างหมดแล้ว เรื่องแบบนี้ไม่ใช่ประสบการณ์ที่เธอเคยคุ้น ลลนารีบหันไปมองหน้าคนข้างกายด้วยสัญชาตญาณเรียกร้องขอความช่วยเหลือ และพบอารมณ์เกรี้ยวกราดบนนั้น เขาไม่ได้พูดอะไร แต่เธอมีความสามารถในการตีความได้เอง และหลังจากสงบใจยังแก้ปัญหาได้ด้วย
“ยาคุมฉุกเฉินไม่น่าจะหายากนะคะ”
เธอไม่ได้เจตนาประชดสักคำ แต่หากเสียงของเธอจะแข็งไปบ้าง ลลนาก็อ้างกับตนเองว่ามันมาจากความเครียด
เขาเม้มปากแน่น ลุกขึ้นไปยกหูโทรศัพท์ แจ้งกับพนักงานว่าต้องการยาคุมฉุกเฉิน เท่าที่ได้ยิน มันจะถูกส่งมาให้อย่างรวดเร็ว สมกับที่นี่ได้ชื่อว่ารีสอร์ตที่ลูกค้าจะได้รับบริการดีเลิศในทุกด้าน
ระหว่างรอให้พนักงานส่งของที่ต้องการมาให้ ลลนาก็เลือกวิธีดั้งเดิม หนีสภาวะกระอักกระอ่วนด้วยการเดินเข้าไปในห้องอาบน้ำ เปิดฝักบัวให้น้ำแรงๆ อุ่นๆ รดตัว
ไม่รู้ว่าทำไมลลนาถึงอยากได้พื้นที่ส่วนตัวเวลานี้ รู้แค่ไม่อยากเห็นหน้าเขา ไม่อยากได้ยินเสียงเขา ไม่อยากแม้แต่จะสูดลมหายใจในบริเวณเดียวกับเขา สายน้ำที่ไหลผ่านร่างลงกระทบพื้นช่วยชำระล้างหลายอย่างออกไปจากตัวเธอได้ แต่ไม่อาจลบสัมผัสของเขาออกไป และเธอชิงชังมันอย่างยิ่ง
หญิงสาวรู้สึกว่าใช้เวลาในห้องน้ำไม่นาน ทว่าผิวเหี่ยวซีดที่ปรากฏบนนิ้วมือบอกเธออีกอย่าง ตอนเธอสวมเสื้อคลุมออกมาก็พบกล่องยาคุมฉุกเฉินสีขาวคาดแดงสองกล่องที่รูปลักษณ์บ่งบอกว่าเป็นอุปกรณ์ทางการแพทย์มาวางรออยู่แล้วพร้อมน้ำดื่ม ในสถานที่พักผ่อนซึ่งเหมือนแดนสวรรค์แห่งการพักผ่อนมันดูไม่เข้าที่เข้าทาง แต่ก็ยังไม่ดูแปลกแยกเท่าชายหนุ่มที่แต่งกายเรียบร้อยครบถ้วนอย่างที่นานๆ ทีจะได้เห็น ความจริงหกวันที่ผ่านมาเธอเห็นเขาใส่ทั้งเสื้อและกางเกงรวมกันน้อยกว่าจำนวนนิ้วมือข้างเดียวด้วยซ้ำ
ท่าทางผุดลุกผุดนั่งของเขาชวนให้ลลนาสงสัยว่าหากเธอปฏิเสธที่จะกินยาลงไปในตอนนี้ หรือพูดจาถ่วงเวลาสักเล็กน้อย เขาจะยัดมันลงไปในคอเธอหรือไม่ ซึ่งเธอไม่อยากรู้คำตอบนั้นจึงเลือกคว้ากล่องยาหนึ่งในสองชุดออกมา พบตัวยาสองเม็ดและคู่มือการใช้งาน
“คุณควรกินเม็ดแรกทันที และต้องกินเม็ดที่สองตามภายในสิบ...”
เธอตัดบทคำพูดยืดยาวที่เขาคงจะอ่านมาอย่างละเอียดด้วยการแกะเม็ดยาทั้งสองออกมาแล้วกลืนมันลงคอพร้อมกันตามด้วยดื่มน้ำ
“เพื่อความแน่ใจค่ะ แล้วถ้ายังไงฉันจะกินอีกชุดพรุ่งนี้”
เขาพยักหน้าแข็งๆ โดยไม่แสดงความเห็นใดๆ ในเรื่องนี้ ความเงียบครอบคลุมทั้งคู่ ชายหนุ่มเสมองไปทางอื่น ในขณะที่หญิงสาวไม่อาจละสายตาหนีเขาได้ ทั้งที่เธอเกลียดการมองเห็นท่าทางของเขา
“ผมมีธุระต้องออกไปข้างนอก คุณอยู่คนเดียวได้ใช่ไหมครับ”
เธอเป็นฝ่ายพยักหน้าบ้าง แต่มั่นใจว่าเขาไม่ทันได้มองชัดๆ ก่อนจะผลุนผลันออกไปจากบ้านพัก
ลลนาทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง ไม่เข้าใจเขา และยิ่งไม่เข้าใจตัวเอง สิ่งที่ทั้งสองคนต้องทำเพื่อป้องกันปัญหาการตั้งครรภ์ที่ไม่พึงประสงค์เหมาะสมอย่างยิ่งในสถานการณ์เช่นนี้ แต่เธอรู้สึกว่าบางอย่างไม่ถูกต้อง หรือไม่มันก็ผิดพลาดตั้งแต่ต้น
ขณะเอนตัวลงไปนอนคลายความสับสน หญิงสาวก็สัมผัสวัตถุแข็งๆ บนโซฟา หนังสือวิญญาณขบถที่เธอยังอ่านไม่จบนั่นเอง นิ้วของลลนาลูบไปตามสันปก เรียนรู้ความเยือกเย็นที่แข็งกระด้างจากมัน ซึ่งช่วยปลอบประโลมจิตใจที่ว้าวุ่นของเธออย่างประหลาด
ลลนาเกิดอยากรู้ขึ้นมาอย่างปุบปับว่าหากตัวละครที่ขบถต่อจารีตประเพณีในเรื่องปรากฏกายขึ้นตรงหน้า พวกตัวละครเหล่านั้นจะตอบคำถามที่ตัวเธอเองยังไม่รู้ว่าจะพูดออกมาอย่างไรได้หรือไม่ ผ่านความเงียบที่เนิ่นนาน เธอก็เปิดหน้าปกขึ้นและเริ่มต้นอ่านมันอีกครั้ง
จักรวาลไร้ขอบเขตเช่นเดียวกับจิตใจของคน ชานนซาบซึ้งถึงปรัชญาข้อนี้ระหว่างที่เดินเลียบริมทะเลเหม่อมองท้องฟ้าและพยายามรวบรวมความคิด เขาเดินกลับไปกลับมาทรมานขาของตนจนล้า ก่อนจะนั่งมองแผ่นฟ้าเปลี่ยนสีจากครามเข้มเป็นมืดดำ แต่ไม่ว่าจะเค้นสมองเท่าไร ใช้เวลามากแค่ไหน เขาก็ไม่ได้รับคำตอบที่ต้องการ
เธอต้องการอะไรจากเขา และที่สำคัญกว่า เขาต้องการอะไรจากเธอ เกมที่ทั้งคู่เริ่มต้นด้วยความเร่าร้อนใกล้ถึงจุดสิ้นสุดแล้ว เขาเคยมั่นใจว่าจะส่งยิ้มขณะโบกมืออำลาเธอได้ในวันพรุ่งนี้ แต่ตอนนี้เขาเริ่มไม่แน่ใจว่าจะทำตามความตั้งใจเดิมได้
บางทีเขาควรจะถามว่าเธอเป็นใคร อย่างน้อยๆ ก็ควรจะรู้ชื่อ มันดูไม่ถูกต้องที่คนสองคนใช้เวลาดีๆ ร่วมกันหลายต่อหลายคืนโดยไม่รู้จักกันเลย แต่หลังจากคิดกลับไปกลับมา ชานนก็ตัดสินใจว่าการเป็นบุคคลนิรนามของกันและกันมีข้อดีมากกว่าข้อเสียมากมาย อย่างเช่น เธอจะไม่รบกวนใจเขาในอนาคต ผู้ชายวัยไม่ถึงสามสิบอย่างเขายังไม่พร้อมกับคำว่าผูกพันทางอารมณ์
หลังจากหาคำตอบที่เหมาะสมได้แล้ว ชายหนุ่มก็นึกขึ้นได้ว่ายังไม่โทร. ไปสั่งให้พนักงานต้อนรับส่งอาหารเย็นไปให้เธอ ตลอดหลายวันเขาอาจไม่ได้จัดหาเสื้อผ้าเครื่องใช้ให้ แต่เขาไม่เคยละเลยความเป็นอยู่ของเธอสักครั้ง ขาของเขาก้าวกลับไปเร็วกว่าตอนจากมาหลายเท่า
ทว่าสิ่งที่รออยู่คือความมืดที่เงียบงัน ไม่ต้องอาศัยคำบอกกล่าวจากใคร เขาก็รู้ว่าเธอจากไปอย่างกะทันหันเช่นเดียวกับตอนที่ปรากฏกายเข้ามาในชีวิตของเขา
ชานนไม่รู้ว่าทำไมเขาต้องเดินสำรวจรอบบ้านพักอย่างถี่ถ้วนเพื่อหาร่องรอยของเธอ ราวกับอยากย้ำเตือนตัวเองว่าเวลาหกวันไม่ได้เป็นเพียงความฝันของเขา แล้วสิ่งที่เขาค้นพบก็มีเพียงหนังสือเล่มเดียว เขาเปิดวิญญาณขบถโดยหวังว่าจะเจอจดหมายสักฉบับ แต่พบคำเพียงคำเดียวบนหน้ากระดาษแผ่นแรก
‘ขอบคุณ’
สั้นๆ หนึ่งคำสองพยางค์ ไม่มีแม้แต่คำลงท้าย อย่าหวังไปถึงวันที่หรือสำคัญกว่านั้น ชื่อของเธอ ชานนรู้สึกหัวใจของเขาถูกบีบรัด เขาควรโล่งใจมากกว่าโกรธ แต่ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรกับมัน ชายหนุ่มอยากวิ่งตามหาเจ้าของหนังสือ อย่างน้อยก็เพื่อต่อว่าที่เธอจากไปก่อนหมดเวลาเล่นเกม แต่นั่นไม่จำเป็นสักนิด
เธอทำผิดกฎ และเกมจบแล้ว
ความคิดเห็น |
---|