3

เปลี่ยนกฎ เปลี่ยนเกม


3

เปลี่ยนกฎ เปลี่ยนเกม

 

แสงเช้าผ่านไปเปลี่ยนเป็นยามสาย ลลนารู้ว่าเธอควรไปได้แล้ว แต่ยังไม่อาจจากไป ยังอ้อยอิ่งอาบน้ำอุ่นอยู่ในอ่างอาบน้ำกลางแจ้ง ฟังเสียงนกร้องและมองดูท้องฟ้ากับทะเลที่อยู่ไม่ไกล รีสอร์ตพันพนาสมกับเป็นบ้านพักตากอากาศราคาแพงติดอันดับต้นๆ ของเมืองไทย ไม่เพียงอยู่ติดชายทะเลสีคราม ยังอยู่บนภูเขา การออกแบบภูมิทัศน์อย่างชาญฉลาด ทำให้เรือนพักทุกหลังสามารถเห็นความงามของท้องทะเลภูเก็ตได้ครบถ้วนตลอดทั้งวันและทั้งคืน

ทว่าวิวเชิงเขาติดกับผืนน้ำสีครามและท้องฟ้ากว้างสีน้ำเงินสดใสไม่ได้ดึงตัวลลนาเอาไว้ แต่เป็นผู้ชายที่คลอเคลียไม่ห่างตลอดคืนจวบจนเช้านี้ ที่เหนี่ยวรั้งเธอเอาไว้ด้วยความเต็มใจ แค่คิดถึง ร่างสูงก็ก้าวลงมาร่วมอ่าง ยกตัวเธอซ้อนตักแล้วอาบน้ำให้เงียบๆ

หญิงสาวเอนหลังพิงแผ่นอกเขาอย่างเป็นธรรมชาติ หมดสิ้นความเก้อเขิน เหลือเพียงความสนิทสนม ผ่านหนึ่งคืนกับเกมสุดเร่าร้อน เธออาจยังไม่รู้ชื่อของเขา แต่ร่างกายของเธอคุ้นชินกับกายเขาเป็นอย่างดี รู้ถึงทุกอากัปกิริยาและการสื่อสารด้วยสัมผัส

ดังนั้นไม่ต้องอาศัยคำพูด แค่การดุนดันที่สะโพก ลลนาก็รู้ว่าเขากำลังตื่นตัวเพราะเธอ ซึ่งนั่นรวมถึงมือของเขาที่นวดคลึงทรวงอก นิ้วเรียวยาวที่ทำบางสิ่งกับยอดอกทำให้เธอแทบลืมคำพูด เช่นเดียวกับริมฝีปากที่ไม่แค่จูบ แต่ยังขบเม้มลำคอและลาดไหล่

เขาทำราวกับเหตุการณ์หลายๆ ครั้งเมื่อคืนไม่อาจเติมเต็มความกระหายของเขาได้ มีสามหรืออาจจะสี่ครั้งที่เขาหมดเรี่ยวแรงนอนกอดก่ายเธอ แต่เธอหมดเรี่ยวแรงเพราะเขามากมายเกินกว่าจะนับ มากเสียจนเธอร้าวระบมไปหมด แค่นึกถึงการเดินทางกลับบ้าน ต้นขาและบางส่วนของเธอก็กรีดเสียงประท้วงแล้ว

“พอเถอะค่ะ ฉันไม่ไหวแล้ว” เสียงของเธออ่อนล้าแม้กับหูตัวเอง แต่ด้วยเหตุผลที่เข้าใจได้

ลลนาจำได้เลือนรางว่าเคยพูดเช่นนี้หลายครั้งในคืนที่ผ่านมา แต่เขาไม่ฟังสักนิด ไม่แน่ใจว่าคราวนี้เขาจะสนใจคำทักท้วงของเธอบ้างหรือไม่

“ก็ได้สาวน้อย ผมจะให้คุณพักแล้วเติมเรี่ยวแรงกลับมาก่อน”

เธอกะพริบตาถี่ๆ นึกสงสัยว่าเขาหมายความเช่นใด แต่ชายหนุ่มไม่เปิดโอกาสให้ถาม เขาลุกขึ้นจากอ่างอาบน้ำ ให้เวลาเธอพักผ่อนตามที่เขาบอก แต่ไม่ก่อนที่จะขบกัดไหล่เธอทิ้งรอยจางๆ เพื่อแสดงความเป็นเจ้าของอีกครั้ง มันเบาบางขนาดหายไปอย่างรวดเร็วกว่ารอยแดงก่ำบนใบหน้าของเธอเสียอีก แต่มันก็เหมือนร่องรอยที่มองไม่เห็นทั่วตัวเธอที่จะฝังลึกไปอีกนานตราบเท่านาน

ลลนาอาบน้ำอุ่นอยู่นานจนร่างกายฟื้นคืนบางส่วน ช่วงเวลาอยู่ตามลำพังช่างสงบเงียบ ช่วยให้เธอได้ตรึกตรองประโยคเมื่อครู่ของเขา ซึ่งดูเหมือนจะไม่ใช่ข้อตกลงในเกมของทั้งคู่ หนึ่งคืนผ่านไปแล้ว ถึงจะไม่พร้อมจากไปทันที เธอก็เคารพในกติกาที่ตนเองตั้ง

“ถ้าไม่ลุกขึ้นไปกินอาหาร แรงของคุณจะไม่กลับมานะครับ” เสียงกลั้วหัวเราะเตือนให้เธอรู้ว่านั่งเหม่อจมความคิดอยู่นาน

ร่างของเขาถูกปกปิดด้วยเสื้อคลุมอาบน้ำ เธอเริ่มระแวงว่าเขาบอกเป็นนัยๆ หรือไม่ว่าเปลี่ยนใจอยากส่งเธอออกนอกบ้านพักของเขาโดยเร็วแล้ว ลลนาขยับลุกอย่างเก้กัง เขาตัดปัญหาด้วยการอุ้มเธอขึ้น ช่วยเช็ดตัว และสวมเสื้อคลุมอีกตัวให้ ก่อนจะจูงมือเธอไปยังห้องนั่งเล่นด้านนอกให้เห็นว่าอาหารของเธอพร้อมรออยู่แล้ว

หญิงสาวหันกลับไปมองเจ้าของเรือนพัก เข้าใจแล้วว่านี่คงเป็นเหตุผลที่เขาใส่เสื้อคลุม เธอนึกดีใจโดยไม่ทราบสาเหตุที่พนักงานบริการไม่มีโอกาสเห็นร่างเปลือยงดงามของเขาเช่นเธอ

รีสอร์ตราคาแพงเช่นนี้ย่อมมีบริการอาหารสิบกว่าจานทั้งไทย-จีน-ฝรั่งส่งถึงบ้านพัก แต่ก็มีค่าบริการแพงไม่น้อย หนึ่งมื้อแพงกว่าค่าแรงรายวันเสียอีก ลลนาไม่สงสัยว่าเขาจะไม่มีปัญญาจ่ายค่าบริการเพื่อความพึงพอใจของเธอ แต่สงสัยว่าเหตุใดเขาถึงใส่ใจผู้หญิงแปลกหน้าเช่นเธอขนาดนี้

ทว่าเธอไม่เสียเวลาถามไร้สาระ เพราะไม่อยากขัดความรื่นรมย์ในการกินอาหารเช้าอร่อยๆ กับอาหารตาที่เธอรู้ว่าอร่อยกว่าอาหารพวกนี้หลายเท่า เขาเองก็กินเงียบๆ เช่นกัน ความเร็วของมือเขาส่งผลให้หญิงสาวอดหัวเราะด้วยความขบขันไม่ได้

“ขำอะไร คุณน่ะแหละที่ทำผมหมดแรง” เขาเย้ายิ้มๆ ทำแก้มของเธอร้อนผ่าวเพราะตลอดคืนเขาใช้เรี่ยวแรงไปกับเธอ

หญิงสาวฉลาดพอที่จะไม่ทำให้ตนเองเขินอายไปมากกว่านี้ด้วยการก้มหน้ากินอาหาร พลางไตร่ตรองว่าจะออกจากที่นี่ได้อย่างไร เสื้อเชิ้ตของเธอไม่อยู่ในสภาพสมควรให้ใครเห็น ลลนาตั้งใจว่าหลังกินข้าวเสร็จจะขอเสื้อยืดจากเขาสักตัวเพื่อสวมเดินทางกลับ แต่ก่อนหน้านั้นเธอเปิดการทำงานของโทรศัพท์มือถือก่อน

มีข้อความจากระบบเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่แจ้งว่าลีลาติดต่อเข้ามาหลายครั้ง หัวใจเธอเต้นด้วยความคาดหวัง กำลังจะกดโทร. กลับไปหามารดา โทรศัพท์ก็แจ้งเตือนว่ามีข้อความเสียงถูกส่งมาเมื่อเช้านี้ เธอรีบเปิดฟังผ่านลำโพงจนลืมไปว่าตนเองไม่ได้อยู่ตามลำพัง

“นังเด็กสารเลว!!!”

นี่ไม่ควรเป็นประโยคที่มารดาทักทายลูกสาวที่หายตัวไปทั้งคืน ลลนาตกใจตัวแข็ง ปล่อยถ้อยคำร้ายๆ ของลีลาให้ดำเนินต่อไป

“คิดจะยั่วผู้ชายของฉันเหรอ รุนไม่ได้กินไม่เลือกอย่างที่แกคิดนะ เขาบอกฉันหมดแล้วว่าแกหน้าด้านตามเขาไปถึงโลเกชันที่เขาจะเตรียมถ่ายแบบ พอยั่วเขาไม่ติดก็หาว่าเขาจะข่มขืน บอกให้ยามทำร้ายเขา แกนี่มันตอแหลจริงๆ แน่จริงแกไปแจ้งความเลย ฉันจะให้รุนแจ้งความกลับว่าแกหมิ่นประมาทแจ้งความเท็จ แล้วไม่ต้องมาเหยียบบ้านฉันแล้วนะ บ้านฉันไม่ต้อนรับกะหรี่อย่างแก”

ถ้อยคำหยาบคายไม่ทำให้เธอเจ็บเท่ากับการไม่เชื่อใจ ลลนาไม่รู้ว่าวรุณพูดเช่นไรถึงทำให้มารดาของเธอเชื่อเขาทุกอย่าง มองลูกตัวเองในแง่ร้ายเสียยิ่งกว่าคนแปลกหน้า

เธอกดปิดเมื่อระบบถามว่าต้องการฟังซ้ำหรือไม่ มือสั่นแทบจะปล่อยโทรศัพท์หลุดมือหากไม่มีมือที่มั่นคงมาประคอง เมื่อเงยหน้าสบตาเขา ลลนาก็อยากจะตายเพื่อหนีจากความอับอาย

“คนชื่อรุนคือผู้ชายคนเมื่อวานใช่ไหมครับ”

“ค่ะ เขาเป็น...” ลลนาพูดไม่ออกจริงๆ ว่าคนที่เขาถามถึงเป็นชายคนรักของแม่ และผู้หญิงที่ด่าเธอสาดเสียเทเสียเป็นคนที่ให้กำเนิดเธอมา

“ถ้าคุณจะเอาเรื่องผู้ชายคนนั้น ผมจะเป็นพยานให้ว่าเขาพยายามปลุกปล้ำคุณ ที่จริงคุณสามารถฟ้องร้องคนที่โทร. มาด้วยข้อหาหมิ่นประมาทก็ยังได้”

ฟ้องร้องแม่ตัวเองน่ะเหรอ ลลนาส่ายหน้าทันที ลีลาอาจไม่ใช่แม่ตัวอย่าง แต่เธอไม่ใช่ลูกอกตัญญู และนี่เป็นเหตุผลที่เธอไม่เอาเรื่องวรุณตั้งแต่เมื่อวาน เพราะมารดาของเธอคงโดดปกป้องเขาอย่างเต็มที่ สุดท้ายไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไร เยื่อใยบางๆ ที่เหลืออยู่ของสองแม่ลูกก็คงขาดจากกัน

“ผมไม่เข้าใจว่าทำไมคุณถึงยอมปล่อยให้สวะอย่างนั้นรอดตัว”

“เขาจะเป็นยังไงฉันก็ไม่สนหรอกค่ะ แต่เธอคนนั้น ฉันหมายถึงผู้หญิงคนที่โทร. มาสำคัญกับฉันมาก”

เธอไม่มีทางพูดว่าแม่เห็นค่าชู้รักมากกว่าลูกตัวเอง ซึ่งเธอคิดตรงกันข้าม แม่มีค่ากว่าทุกคนบนโลกใบนี้ เพราะเป็นคนเดียวที่เธออยากหันไปพึ่งพาเวลามีปัญหา แม้จะรู้ว่าต้องถูกผลักไส ต่อให้ถูกทำร้ายจิตใจลีลาก็ยังเป็นคนที่ลลนาอยากปกป้องอยู่ดี

“ฉันแคร์ผู้หญิงคนนี้”

ทุกวันนี้ลลนาอาจไม่สนว่าลีลาจะควงผู้ชายคนไหน จะกินอยู่อย่างไร แต่เธอสนใจหากจะทำให้แม่เดือดร้อน เพราะลีลาเป็นครอบครัวคนเดียวที่เธอเหลืออยู่

ความคิดที่ว่าอีกฝ่ายไม่ได้ให้ความสนใจแก่เยื่อใยระหว่างกันส่งผลให้ดวงตาของลลนาร้อนผ่าว แต่เธอกะพริบตาถี่ๆ ให้น้ำตาไหลย้อนกลับไป

เธออ่อนแอได้ แต่ไม่ใช่ต่อหน้าคนอื่น เขาอาจจะใกล้ชิดเธอมากที่สุดเท่าที่มนุษย์คนหนึ่งใกล้ชิดกันทางกายได้ แต่นอกจากจะเป็นคนอื่น เขายังเป็นคนแปลกหน้า

“ในฐานะที่ผมอายุมากกว่า ผมขอสอนอะไรคุณสักอย่างนะ ต่อให้คุณแคร์ใคร ถ้าเขาไม่แคร์คุณ คุณก็ไม่จำเป็นต้องสนใจคำพูดของเขา”

สิ่งที่เขากล่าวฟังเข้าใจง่าย แต่ทำตามได้ยาก ถึงอย่างนั้นลลนาก็พยักหน้ายอมรับความหวังดีของเขา และตัดสินใจจะไม่เพิ่มภาระให้คนที่เธอไม่รู้จักชื่อมากไปกว่านี้

“ขอเสื้อของคุณตัวนึงได้ไหมคะ ฉันจะกลับแล้ว”

ถึงจะกลับบ้านไม่ได้ แต่ลลนาก็มีห้องพักของตนเองอยู่ในกรุงเทพฯ เธอนึกดีใจที่ตัดสินใจย้ายออกมาตั้งแต่สองปีก่อน ไม่อย่างนั้นคงเคว้งคว้างกับการถูกไล่จากบ้านที่ตนมีกรรมสิทธิ์ครึ่งหนึ่ง การนึกภาพวรุณครอบครองบ้านที่เป็นของเธอให้ความรู้สึกขยะแขยงปนสะอิดสะเอียน แต่มันไม่ใช่สิ่งที่เธอเลือกได้ เพราะอีกครึ่งของบ้านเป็นกรรมสิทธิ์ของลีลา แม่ของเธอจะให้ใครเข้าไปอยู่ก็ได้ แม้จะเป็นการไล่ลูกสาวของตนออกจากบ้านก็ตาม

“คุณมีที่ไปเหรอ”

คาดว่าเขาถามเพราะความมีมนุษยธรรม เธอจึงรีบพยักหน้าแทนคำตอบ เขายิ้มรับแล้วเปลี่ยนเป็นประโยคบอกเล่าแฝงคำถาม “ถึงคุณจะมีที่ไป แต่ผมยังไม่อยากให้คุณไปนะ”

เพราะเพิ่งเจอเหตุการณ์สะเทือนใจ ลลนาจึงต้องใช้เวลาครู่หนึ่งในการทำความเข้าใจความหมายแฝงจากคำพูดของเขา และแปลได้ว่าเขาต้องการให้เธออยู่ต่อ

“ถ้าเราจะเพิ่มเวลาเล่นเกมต่อจากหนึ่งคืนเป็นหนึ่งสัปดาห์ คุณจะมีปัญหาอะไรไหมครับ”

เป็นอีกครั้งที่เธอพยักหน้าอย่างรวดเร็ว ช่วงนี้มหาวิทยาลัยปิดภาคเรียนฤดูร้อน ลลนาก็ไม่ได้มีกิจกรรมพิเศษใดๆ นอกเหนือไปจากการนั่งอยู่ในห้องสมุดและอาศัยในห้องส่วนตัว ในเมื่อมีโลกความจริงอันโหดร้ายรออยู่ เธอก็ขอหนีปัญหาอยู่ในโลกแคบๆ นี่สักพักก่อนจะกลับไปเจอมัน

“พูดออกมาสิครับถ้าคุณตกลง เร็วสิ ผมลุ้นจะแย่แล้วนะ” ประโยคหลังเขาแสร้งทำท่าน่าสงสาร เหมือนเด็กชายที่ออดอ้อนขอขนมหวาน

ไม่มีความจำเป็นที่เขาต้องล่อลวงเธอแล้ว แต่เขายังจะใช้เสียงทุ้มนุ่มกับดวงตาคมสะกดจิตให้เธอลืมเรื่องก่อนหน้าและเอ่ยปาก

“ค่ะ ฉันอยากจะเปลี่ยนกติกาการเล่นเกมของเรา จากหนึ่งคืนเป็นหนึ่งสัปดาห์”

แล้วอนุสติก็เตือนลลนาว่าเมื่อครู่เธอเพิ่งจะถูกคนใกล้ชิดทำร้ายจิตใจ และเธอกำลังรีบร้อนตัดสินใจอยู่กับคนแปลกหน้า หญิงสาวจึงย้ำกฎเกณฑ์สำคัญ

“แต่เรายังคงไม่ถามชื่อ ไม่ผูกมัดกันเหมือนเดิมนะคะ”

เธอไม่รู้ว่าดวงตาเขาหรี่ลงเพราะครุ่นคิดอะไร หรือรู้สึกเช่นไร แต่ตอนส่งสายตาให้เธอ มันเต็มไปด้วยประกายแพรวพราวยั่วเย้าเช่นเคย

“แน่นอนครับ กฎยังเหมือนเดิม ไม่ถามชื่อ ไม่ผูกมัด”

 

มีอยู่ช่วงหนึ่งเหมือนกันที่ลีลาอยากจะถามบุตรสาวว่าทำไมถึงได้ทำเช่นนั้น แต่เธอเบื่อจะฟังคำโกหกของลลนา ถ้าเป็นเรื่องส่วนตัวของเธอที่มีผู้ชายมาเกี่ยวข้อง ลูกสาวของเธอมักจะเปลี่ยนจากเด็กเคร่งขรึมเก็บตัวเป็นเด็กก้าวร้าวมีปัญหา คอยราวีผู้ชายทุกคนที่เธอสนิทสนมด้วย บางครั้งลุกลามไปด่าทอหาเรื่องคนอื่น ฉีกหน้าเธอซ้ำแล้วซ้ำอีก เหมือนทนเห็นแม่ตัวเองมีความสุขไม่ได้

เธอผิดด้วยหรือที่จะไขว่คว้าหาความสุข ลีลาไม่โง่ขนาดที่จะคาดหวังความรักจากผู้ชายคนไหน เธออายุสี่สิบแล้ว ไม่ได้สาว ไม่ได้สวย ไม่ได้ทรงเสน่ห์ขนาดที่จะทำให้ผู้ชายมารุมรัก

แล้วการใช้เงินเพื่อแลกกับความต้องการทางเพศก็เป็นเรื่องที่มนุษย์ผู้ชายทำมาตั้งแต่สมัยโบราณ อดีตสามีของเธอก็ทำ พลลาภทำมากกว่าด้วยซ้ำ เพราะเขาทั้งมั่วผู้หญิง ทั้งติดสุรา หากเขาไม่ชิงตายไปเสียก่อน เธอมั่นใจว่าลลนาก็ต้องเห็นว่าบิดาที่สูงส่งเป็นไอ้แก่ตัณหากลับที่เลวระยำเสียยิ่งกว่าแม่คนนี้

นึกถึงลูกอกตัญญูขึ้นมาแล้วมือที่เอื้อมไปหาแก้วเหล้าก็สั่นนิดๆ ด้วยโทสะ น้ำอมฤตราคาแพงเกือบจะหก ถ้าไม่มีคนคอยเคียงข้างประคองมือของเธอเอาไว้

“มาครับ ให้ผมป้อนดีกว่า”

วรุณรู้เสมอว่าเธอต้องการอะไร เขาไม่แค่ยกแก้วให้เธอดื่ม ยังรินให้ใหม่มากเท่าที่เธอต้องการ ซึ่งก็คือกว่าจะหมดสติเพราะฤทธิ์สุรานั่นเอง

“ผมขอโทษนะครับที่ทำให้พี่ไม่สบายใจ ถ้ารู้แบบนี้ผมคงไม่พูดออกมา น่าจะเงียบๆ ไปซะยังจะดีกว่า” ท้ายประโยคเขาเบาเสียงลงแต่ชัดเจนทุกคำ

ใบหน้าหล่อเหลาเคร่งเครียดเพราะความรู้สึกผิดเสียจนเธอปวดใจ ลีลาอยากจะคว้าโทรศัพท์โทร. ไปด่านังลูกไม่รักดีอีกรอบที่คอยแต่จะก่อปัญหา วรุณคอยอยู่เป็นเพื่อนเธอ ทำให้เธอมีความสุข แล้วลลนาทำอะไรบ้างนอกจากจ้องจับผิดแล้วทำลายความสงบสุขในจิตใจของเธอ

“เด็กบ้านั่นหาเรื่องเธอขนาดนี้ เธอยังจะเข้าข้างมันอีกเหรอ” ลีลาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าวรุณจะเข้าข้างลลนาที่จ้องหาเรื่องเขาตลอดเวลา

“ผมไม่ได้เข้าข้างคุณลันครับ ที่ผมไม่อยากพูดก็เพราะไม่อยากเห็นพี่ไม่สบายใจ ยังไงคุณลันก็เป็นลูกแท้ๆ ของพี่ ส่วนผมเป็นคนนอก”

ถึงวรุณจะหลบตา แต่ลีลาก็มองเห็นความน้อยใจที่เขาปิดบังไม่สนิท เขาเรียกขานลูกของเธอด้วยคำนำหน้าว่า ‘คุณ’ ทุกครั้งอย่างให้เกียรติ ขณะเดียวกันก็กดตัวเองลงต่ำ นั่นก็เพราะเขายกย่องเธอในทุกๆ ด้าน หัวใจของสตรีที่เข้าวัยกลางคน ทั้งเจ็บปวดและเบิกบาน หลังจากผ่านผู้ชายมามาก เธอยังมีความหวังว่าจะพบคนที่จริงใจสักคน และเวลานี้เธอค่อนข้างแน่ใจว่าพบคนคนนั้นแล้ว

“รุนไม่ต้องคิดมาก สำหรับพี่ รุนไม่ได้เป็นคนนอก ถ้าลันยังไม่เลิกสร้างปัญหาให้รุน พี่จะจัดการยายเด็กนั่นเอง จะได้เลิกนิสัยแย่ๆ เสียที”

เธอปลอบโยนเขาหลายประโยคจนเขาคลายความรู้สึกผิด ระหว่างนั้นเขาก็ดูแลให้เธอดื่มเหล้าอย่างเต็มที่ จนลีลาลืมไปเลยว่าลูกสาวของเธอหายไปหนึ่งวันหนึ่งคืนแล้ว

 

 

ลลนาไม่อยากจะเชื่อว่าเธอจะคุ้นเคยกับคนแปลกหน้าได้ในเวลาไม่ถึงสองวัน หลังจากมื้อเช้าควบมื้อเที่ยง ตามด้วยเหตุการณ์บีบคั้นจิตใจ เขากับเธอก็อยู่กันภายใต้ความเงียบ มีครั้งหนึ่งเขาแค่นอนกอดเธอเงียบๆ ให้ทั้งสองได้พักผ่อน เมื่อตื่นพร้อมฟื้นเรี่ยวแรงขึ้นมาเล็กน้อยก็เอ่ยปากชวนเธอว่ายน้ำโดยไม่สวมอะไร แต่หญิงสาวใจไม่กล้าพอจะทำเช่นนั้น เขายอมอ่อนข้อให้เธอสวมชุดชั้นใน แต่เมื่อลงไปในสระน้ำ เธอค่อยรู้ว่าหลงกลผู้ชายคนนี้เสียแล้ว เพราะเนื้อผ้าบางๆ เมื่อสัมผัสโดนน้ำก็ไม่ต่างอะไรกับเปลือยกาย สายตาร้อนผ่าวของเขาบอกว่ามันยั่วยุกว่าด้วยซ้ำ

เขาทำให้เธอรู้สึกพิเศษ รู้สึกใจกล้า ซึ่งเธอฉลาดพอจะเตือนตัวเองว่ามันเป็นเรื่องชั่วคราว เพราะไม่ว่ายังไงเธอก็ไม่อยากเปลี่ยนกฎเกณฑ์ระหว่างทั้งคู่สักนิด

เธอพึงพอใจกับช่วงเวลานี้ และก็จะพอใจหลังจากแยกย้ายไปคนละทางกับเขา ดวงตาเธอจับจ้องท้องฟ้า มองโดยไม่สนใจอะไรเป็นพิเศษ ไม่สังเกตด้วยซ้ำว่าหลังจากเธอเปลี่ยนมาสวมเสื้อคลุมนั่งเหม่อมองริมชายทะเลแตะเชื่อมกับขอบฟ้า เขาลุกจากสระว่ายน้ำไปทางไหน

“ดื่มไวน์ไหมครับ” เขายื่นแก้วบรรจุน้ำสีแดงก่ำมาให้พร้อมคำถาม

เธอไม่ลังเลในการส่ายหน้าปฏิเสธ “ไม่ดีกว่าค่ะ เมื่อคืนเป็นครั้งแรกที่ฉันดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และฉันว่าควรจะลองแค่ครั้งนั้นครั้งเดียวพอ”

เขายักไหล่อย่างไม่ถือสาแล้วดื่มไวน์แก้วนั้นเอง

เพราะตอนนี้เขามีกางเกงขาสั้นอยู่บนตัว เธอจึงสะดวกใจที่จะจ้องมองเขา ใช้สายตาจดจำว่าครั้งหนึ่งเธอเคยได้อยู่กับผู้ชายหล่อเหลาราวเทพบุตรในช่วงเวลาที่ใกล้เคียงกับความฝัน

“เมื่อคืนคุณลองอะไรใหม่ๆ มากกว่าหนึ่งอย่าง” เขากล่าวเป็นนัย

ไม่คิดจะปฏิเสธ ด้วยความใกล้ชิดตลอดหลายชั่วโมงทำให้เธอใจกล้าพอจะหยอกเย้าเอาคืนเขาบ้าง

“และมีบางอย่างที่ดีมากๆ”

หญิงสาวชอบใจที่เห็นเขายิ้มกว้างตามด้วยการให้รางวัลเธอเป็นจูบลึกซึ้งสนิทสนม แต่ลลนาเบี่ยงหน้าหนีเพราะไม่ชอบเลยที่มันเจือกลิ่นแอลกอฮอล์

“ขอโทษค่ะ แต่ฉันเกลียดเหล้า ไม่ว่ามันจะมาในรูปแบบเบียร์หรือว่าไวน์ก็ตาม ยอมรับนะคะว่าเมื่อคืนเหล้าช่วยผ่อนคลายความเครียดของฉันได้เป็นอย่างดี แต่ให้ดื่มอีกฉันคงไม่เอาด้วย ฉันไม่อยากต้องพึ่งพาของพวกนี้”

เธอหลุดปากเพราะเหล้าเตือนให้เธอนึกถึงพ่อกับแม่ แต่หลังจากพูดโดยไม่คิดก็เห็นแววตาของเขามีบางอย่างที่แปลกไป ลลนาไม่แน่ใจว่าตนเองล้ำเส้นอะไรหรือเปล่า ในเมื่อเขาเสนอให้เพื่อเอาใจ เธอก็ไม่ควรปฏิเสธด้วยท่าทางจริงจังเช่นนี้ มิหนำซ้ำยังทำให้เขาเสียหน้าที่ถูกตัดไมตรี

“ขอโทษทีนะคะ บางทีฉันก็ขวานผ่าซากไปหน่อย”

ลลนาพานคิดไปถึงแม่ที่ดุด่าพฤติกรรมของเธอมากกว่าหนึ่งครั้ง ลีลาพูดเสมอว่าเธอเป็นเด็กน่ารังเกียจ เป็นตัวทำลายความสุขของคนอื่น อยู่ใกล้แล้วมีแต่จะอารมณ์เสีย

“ไม่เป็นไรครับ ผมชอบความตรงไปตรงมาของคุณ และไม่ต้องห่วงนะ ผมชอบดื่มเวลาสุนทรีย์ซึ่งก็ไม่บ่อยนัก แต่เวลาได้อยู่กับคุณผมมีความสุขเป็นพิเศษ”

เธอไม่รู้ว่าควรเชื่อเขาดีหรือไม่ แต่ไม่ว่าเขาจะเป็นนักดื่มหรือไม่ก็ไม่เกี่ยวกับเธออยู่ดี ทว่าเวลานี้ก็สุนทรีย์อย่างที่เขากล่าว ตะวันคล้อยมาทางด้านตะวันตก และเธอผ่อนคลายจนเกียจคร้าน

“ฉันขอนอนหลับได้ไหมคะ”

กล่าวจบเธอก็หาวอย่างอดไม่อยู่ นอกจากร่างกายที่เจ็บปวดบางจุด เรี่ยวแรงเธอก็เหมือนจะไม่ฟื้นคืนมาง่ายๆ ถ้าคืนนี้เธอต้องการเล่นเกมต่อก็ควรพักให้มาก ชดเชยการอดนอนเมื่อคืนด้วย

“เชิญครับ แต่จะให้ดีคุณควรนอนในร่ม หรือไม่ก็ทาครีมกันแดดหน่อยนะครับ”

นอกจากเสื้อผ้าขาดๆ ลลนาก็มีเพียงกระเป๋าสตางค์และโทรศัพท์มือถือ เธอจึงเลือกทำตามคำแนะนำข้อหลัง เดินเข้าไปนอนบนโซฟาที่กว้างพอๆ กับเตียงในห้องนั่งเล่น อยู่ตรงนั้นมองเห็นท้องฟ้าและทะเลได้เช่นกัน แต่เธอมองทิวทัศน์ได้ไม่นาน สมองก็เข้าสู่นิทราอย่างรวดเร็ว ตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็พบว่ามีใครบางคนกำลังลูบไล้เธออยู่

“อย่าค่ะ ฉันเพลียมากเลย ขอเป็นกลางคืนได้ไหม” เธอประท้วงอย่างง่วงๆ และได้ยินเสียงหัวเราะอย่างขบขันดังขึ้นเหนือศีรษะ

“แล้วผมจะทาครีมกันแดดให้คุณตอนกลางคืนทำไมล่ะครับ”

แก้มลลนาร้อนซู่เมื่อรู้ว่าตนเองเข้าใจผิด อาการง่วงงุนหมดไป ทำให้รู้สึกตัวอย่างล่าช้าว่าผิวนอกเสื้อคลุมเย็นด้วยครีมกันแดด แสดงว่าเขาช่วยทาครีมให้เธอครู่ใหญ่แล้ว

“ถึงจะอยู่ในร่ม แต่คุณก็ควรจะทาครีมนะครับ ผิวของคุณบางมาก ผมไม่อยากให้มันถูกลมทะเลทำร้าย”

“ขอบคุณค่ะ ให้ฉันทาเองก็ได้” เธอขยับตัวจะลุกขึ้นจากท่านอนคว่ำ แต่มือใหญ่ข้างหนึ่งกดไหล่ของเธอเบาๆ ให้นอนต่อ

“ไม่เป็นไรครับ จะเสร็จแล้ว”

มือที่เย็นด้วยครีม แต่ร้อนด้วยตัวมันเอง ลูบไล้ผ่านคอเสื้อไปยังแผ่นหลัง เธอชักไม่แน่ใจว่าเขามีเจตนาอะไร จนเมื่อมือข้างนั้นวกกลับมาทาครีมบนเนินเนื้อสะโพกเธอ ลลนาก็มั่นใจว่าเธอไม่ได้มองเจตนาของเขาผิด ผู้ชายคนนี้กำลังลวนลามเธอด้วยข้ออ้างว่าประสงค์ดี และเธอก็ดันพอใจให้เขาทำเสียด้วย

หญิงสาวปล่อยตัวให้เขาลูบคลำตามใจชอบ ยอมให้เขาฟอนเฟ้นสะโพกงอน ก่อนจะอนุญาตให้เขาพลิกร่างเธอนอนหงายเพื่อชโลมผิวด้านหน้ากายเธอด้วยครีมและจุมพิต เธอรู้ดีว่าการเคล้าคลึงทรวงอก ล้อเล่นกับปลายยอดไม่เกี่ยวอะไรกับการป้องกันแสงยูวี แต่พึงพอใจกับการได้รู้ว่ามือที่เชี่ยวชาญคู่นั้นทำอะไรกับร่างของเธอได้บ้าง

ข้อเสียเพียงอย่างเดียวก็คือ คำอ้างที่ว่าเธอไม่พร้อมสำหรับกิจกรรมบางอย่างกำลังหมดไปอย่างรวดเร็ว เธอเริ่มคิดด้วยซ้ำว่าไม่จำเป็นต้องรออีกต่อไป เขาเองก็คงมีความคิดแบบเดียวกัน ซึ่งเธอสังเกตเห็นได้ด้วยตาผ่านกางเกงขาสั้นเนื้อบางของเขา

“ฉันว่าแดดมันแรงเกินไป ปิดม่านได้ไหมคะ”

ที่นี่มีความเป็นส่วนตัวมากมาย และทั้งคู่รู้จักร่างกายของกันและกันเกินกว่าจะอาย แต่เธอไม่มั่นใจว่าจะกล้าพอที่จะปลดปล่อยตัวเองท่ามกลางความโล่งแจ้งเช่นนี้

เสียงหัวเราะในลำคอบอกว่าเขารู้เท่าทัน แต่ชายหนุ่มยังคงตามใจลลนาเช่นเคย เขาจูบเธอโดยไม่ตอบคำถามด้วยริมฝีปากและลิ้นที่ไม่หลงเหลือกลิ่นแอลกอฮอล์ แล้วเดินไปรูดม่านชั้นในเนื้อผ้าเบาปิดบังแสงให้สลัว แทนจะปิดม่านชั้นนอกที่ทึบหนาซึ่งจะทำให้ห้องตกอยู่ในความมืดสนิท

ลลนาอนุโลมให้โดยที่เขาไม่ต้องเอ่ยปากขอ แล้วนอนรอนิ่งๆ ให้คู่รักนิรนามของเธอกลับมาหาเพื่อเริ่มเกมเดิมภายใต้กฎใหม่

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น