7
สาวพรหมจรรย์
สาวพรหมจรรย์
ลิฟต์ส่วนตัวของคอนโดระดับซูเปอร์ลักซูรีย่านใจกลางกรุงเปิดออกที่ชั้นสี่สิบ...ปรากฏเป็นภาพรามิลอุ้มร่างไร้สติของหญิงสาวอยู่ในนั้น ทันทีที่เขาก้าวผ่านทางเดินเล็กๆ หน้าทางเข้าห้องมายังประตูที่เปิดเอาไว้เพราะไม่มีใครเข้ามาได้อยู่แล้ว ห้องโถงกว้างที่เคยมืดสนิทก็พลันสว่างขึ้นเพราะมีเซนเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหวและเปิดไฟเองแบบอัตโนมัติ
รามิลก้าวไปยังบันไดสำหรับขึ้นสู่ชั้นสอง กระทั่งถึงห้องนอนขนาดใหญ่จึงค่อยๆ วางร่างบางลงบนเตียงขนาดคิงไซซ์ และไม่รอที่จะหยิบรีโมตมาเปิดเครื่องปรับอากาศ หมายจะไล่ความร้อนที่อบอยู่ในห้องมาตลอดวันให้พ้นไป
“ฮื้อ” คนเมาเริ่มกระสับกระส่าย ถอนหายใจนิดๆ เพราะอากาศที่ยังร้อนอยู่
ชายหนุ่มหันไปมองอีกครั้ง เชื่อว่าอีกไม่นานสีหน้าอึดอัดของแมวน้อยคงผ่อนคลายลง แต่ครั้นสังเกตเห็นรองเท้าผ้าใบสีชมพูของหล่อน เขาก็คิดทบทวนบางอย่างกับตัวเองครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจตรงไปนั่งลงบริเวณปลายเตียงเพื่อถอดรองเท้าออกให้
‘เป็นห่วงเมียเหรอคะ’
มุมปากของรามิลโค้งขึ้นอย่างขำๆ เมื่อคำพูดยียวนของหล่อนตอนอยู่หน้าไนต์คลับลอยกลับมาในสมอง เพราะถ้าหล่อนเป็นเมียเขาจริงๆ ละก็...เวลานี้เขาคงเป็นทาสเมียละมั้ง
บ้าชะมัด!
รามิลเพิ่งฉุกคิดขึ้นได้ ปกติเขาไม่เคยต้องดูแลใครขนาดนี้เลย อาจเพราะรู้สึกต้องชะตา...ผสมๆ กับเวทนาคนบ้านิดหน่อย
คิดแล้วชายหนุ่มก็ถอนหายใจเล็กน้อย ไล่ความรู้สึกแปลกประหลาดออกไปพร้อมๆ กับที่ก้มลงวางรองเท้าผ้าใบสีชมพูหวานบนพื้นพรมปลายเตียง ทว่าจังหวะที่เงยหน้าขึ้น วัตถุบางอย่างก็ลอยละลิ่วผ่านหน้าเขาไป
คิ้วหนาขยับย่นเข้าหากันนิดหนึ่ง ดวงตาคมมองตามไปทันทีเพราะไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าตาฝาดหรือไม่ แต่แล้วกลับยิ่งประหลาดใจ เพราะมันคือก้อนผ้ารูปทรงแปลกๆ ที่เขาไม่รู้ว่าเหตุใดถึงลอยมาจากทางที่หญิงสาวกำลังนอนหลับอยู่
เมื่อหันไปหาคนเมาอีกครั้งก็ถึงกับชะงัก เพราะวัตถุอีกชิ้นลอยมากระแทกหน้าเขาเลย!
รามิลก้มลงหยิบก้อนผ้ามามองสำรวจ พอจะเดาได้ว่าข้างในคือฟองน้ำ และทันทีที่มองไปทางเจ้าของอีกครั้ง มือน้อยๆ ที่เพิ่งผละออกจากสาบเสื้อเชิ้ตสีขาวก็ทำเอาเขาตะลึงงัน เพราะได้คำตอบแล้วว่าเจ้าวัตถุแปลกๆ ในมือเขาคือฟองน้ำเสริมอึ๋ม
“อื้อหือ...” ระดับความหนาราวสี่เซนติเมตรที่มือสัมผัสอยู่ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะก้มลงสำรวจดูฟองน้ำในมือชัดๆ อีกครั้ง
หนาขนาดนี้ แล้วของจริงจะเหลือเท่าไรวะ!
รามิลนึกย้อนกลับไปถึงตอนหล่อนเต้นเพลงแนวอีดีเอ็มในไนต์คลับ แทบไม่อยากเชื่อเลยว่าความเซ็กซี่ในตอนนั้นจะเป็นภาพลวงตา แล้วพอหันไปมองหญิงสาวที่กำลังนอนหลับปุ๋ย เขาก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเบาๆ ให้แก่ความเขลาของตัวเอง
ก่อนหน้านี้เคยคิดว่าหล่อนเป็นนางแมวป่า แต่ยิ่งรู้จักก็ยิ่งค้นพบว่า...ลูกแมวชัดๆ!
ชายหนุ่มลุกจากเตียงไปหยิบฟองน้ำอีกชิ้นหนึ่งที่หล่นอยู่บนพื้นขึ้นมา แล้วนำไปวางลงคู่กันบนโต๊ะโคมไฟใกล้ๆ หัวเตียง ตั้งใจว่าอีกเดี๋ยวจะไปอาบน้ำเข้านอนเช่นกัน
เวลานั้นอุณหภูมิภายในห้องเริ่มเย็นลงเรื่อยๆ
เมื่อเห็นว่าลูกแมวน้อยสวมเสื้อผ้าแบบที่เปิดเผยร่างกายค่อนข้างมาก รามิลจึงตัดสินใจตลบผ้านวมบริเวณปลายเตียงมาห่มคลุมให้ เพราะเกรงว่าดึกๆ จะหนาว แต่แล้วคนเมากลับสลัดเอาผ้านวมผืนหนาออก
“ฮื้อ...”
ชายหนุ่มถอนหายใจนิดๆ เอื้อมมือไปหยิบผ้านวมมาห่มคลุมให้ใหม่ และแน่นอนว่าคนขี้ร้อนยังคงพยายามสลัดผ้านวมออกตามสัญชาตญาณ
“ห่มไว้” เขานั่งลงข้างๆ ณจันทร์เมื่อต้องสู้รบกับความดื้อรั้นของหล่อน
“ร้อน...” หญิงสาวตอบเสียงอ้อแอ้คล้ายจะยอมจำนน แต่พอเขาห่มผ้านวมให้ดีๆ ไม่ทันไร มันกลับถูกสลัดออกเป็นครั้งที่สอง
รามิลไม่ทันได้ดุ คนเมาก็พลิกกายมากอดจนพาให้ร่างใหญ่เอนหงายไปทางหัวเตียง เขาได้แต่อ้าปากค้างยามมองใบหน้าน่ารักที่ซุกลงในอ้อมอก
“นอนกันเหอะแก...”
แก?
คิ้วหนาๆ ขมวดมุ่น ไม่คิดว่านางแมวป่าจะเรียกเขาด้วยสรรพนามแบบนี้ เพราะมันดูเหมือนสรรพนามที่ใช้เรียกเพื่อนสนิทมากกว่า
หรือจะเข้าใจว่าเขาเป็นเพื่อน?
แม้ยังไม่อยากเชื่อว่าจะมีใครเมาไร้สติได้ขนาดนี้ แต่เมื่อมองใบหน้าน่ารักที่หลับตาสนิทอยู่กลางอกกว้าง เขาก็แน่ใจว่าหล่อนไม่ได้แกล้ง ยิ่งนึกไปถึงฟองน้ำเสริมอึ๋มสองอันเมื่อครู่ ยิ่งมั่นใจเต็มร้อยว่าไม่มีผู้หญิงสติดีๆ ที่ไหนกล้าปาใส่หน้าผู้ชายแน่
ริมฝีปากหยักลึกขยับยิ้มเล็กน้อย ดวงตาคมเจืออารมณ์เอ็นดูยามมองใบหน้ารูปหัวใจของนางแมวป่าที่ลอกคราบมาเป็นลูกแมว ผิวขาวนวลเนียนของหล่อนทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะไล่สายตามองสำรวจไปทั่ว เปลือกตาที่แต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางแบบจัดเต็มนั้นอาจจะดูสวย แต่มันกลับไม่ชวนมองเท่านัยน์ตาแป๋วๆ ของหล่อนสักนิด ผิดกับริมฝีปากสีแดงสดดั่งผลเชอร์รี เพราะไม่ว่าจะเวลานี้หรือเวลาไหนๆ ก็ยังดูเย้ายวน
ยิ่งได้กลิ่นหอมอ่อนๆ จากเนื้อตัวหล่อน รามิลยิ่งรู้สึกราวกับลูกแมวน้อยมีแรงดึงดูดให้ค่อยๆ โน้มใบหน้าลงชิด เขาอดไม่ได้ที่จะพลิกร่างหล่อนกลับลงไปนอนหนุนหมอนดีๆ เพื่อลิ้มลองชิมเชอร์รี
“อื้อ...” คนเมาบ่ายหน้าหลบคล้ายไม่อยากถูกรบกวน ทว่ารามิลกลับตามไปจูบอีกจนหล่อนต้องยกมือขึ้นต่อต้าน
น่าเสียดายที่มือเล็กๆ นั้นแรงน้อยพอๆ กับสติ ครู่ต่อมาจึงถูกคนตัวโตจับตรึงลงบนที่ว่างข้างศีรษะของหล่อน เช่นเดียวกับที่ริมฝีปากอุ่นๆ ของเขากำลังตรึงหล่อนลงในห้วงอารมณ์อันพิศวาสซาบซ่าน ความวาบหวามจากมนตร์จุมพิตนั้นเป็นความรู้สึกที่ณจันทร์ไม่เคยรู้จัก และไม่รู้เลยด้วยว่าจะรับมือกับลิ้นอันซุกซนของชายหนุ่มได้อย่างไร
ไร้เดียงสา... เป็นความรู้สึกที่ก่อตัวขึ้นในสมองรามิล
ที่จริงเขาไม่อยากเชื่อเลยว่านางแมวป่าล่าสวาทอย่างหล่อนจะเหมือนลูกแมวตัวน้อยๆ ที่ยังเตาะแตะได้ขนาดนี้
อาจเพราะเจอพิษสุราถอนวิญญาณเข้าไปมากกว่า
รามิลค่อยๆ ละริมฝีปากอย่างอ้อยอิ่ง ดวงตาคมมองใบหน้าน่ารักของคนสติไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ แล้วพบว่าหล่อนกำลังค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา
ราวกับเจ้าหญิงนิทราที่ถูกปลุกจากคำสาป...
“ลุง...” ณจันทร์พึมพำ สายตาพร่าเลือนจนไม่แน่ใจว่าฝันหรือเปล่า เพราะหล่อนบอกเบอร์ธนนท์ให้เขาช่วยโทร. ตามมารับกลับคอนโดแล้วนี่นา “มาอยู่นี่ได้ไง”
ชายหนุ่มขำ อดไม่ได้ที่จะก้มลงไปจูบต่ออีกครั้งอย่างนึกเอ็นดู
แม้จะไม่ได้ดื่มด่ำลึกซึ้งเพราะอีกฝ่ายหนึ่งยังไม่ตื่นจากคำสาปแอ๊บแซ็งธ์ แต่ความไร้เดียงสาที่มาพร้อมๆ กับความเมานั้นก็น่ารักน่าใคร่ และนำพาเขาให้ประทับริมฝีปากไปตามแก้มนุ่มๆ เจือกลิ่นหอมละมุนของหล่อน คิดเข้าข้างตัวเองว่าอย่างน้อยๆ การที่หญิงสาวตื่นมาทักเขาเมื่อครู่ก็เท่ากับรับรู้ในสิ่งที่กำลังเกิด แม้จะไม่ได้ตอบรับ แต่ก็ไม่ได้ต่อต้าน
มือใหญ่เทอะทะเริ่มซุกซนไปตามส่วนต่างๆ ของร่างกายหญิงสาว ก่อนจะกอบกุมเนินอกที่ไม่ได้เสริมอึ๋มเกินความเป็นจริงอีกแล้ว แต่ครั้นได้สัมผัสจริงๆ กลับรู้สึกประหลาด
เขาอดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้น คาดไม่ถึงว่าจะพบแผ่นทิชชูแลบออกมาจากขอบเสื้อเชิ้ตทรงเปิดไหล่สีขาว ความประหลาดใจทำให้รามิลค่อยๆ ดึงมันออก แต่ยิ่งดึงก็ยิ่งมีออกมาเรื่อยๆ จนเขาแทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองด้วยซ้ำ
เมื่อครู่ก็ฟองน้ำหนาสี่เซนติเมตร แล้วยังจะมีทิชชูม้วนอยู่ข้างในอีก
แม่คุณเอ๋ย... หลอกลวงผู้บริโภคสุดๆ
รามิลหัวเราะขำ เพราะดึงอยู่นานทีเดียวกว่าปลายทิชชูอีกด้านหนึ่งจะพ้นจากขอบบราเซียร์ของหล่อน ซึ่งแน่นอนละว่าพอไม่มีอะไรช่วยเสริมแล้วมันแฟบลงไปทันตา ชนิดที่ว่าหากไม่อุ้มมาจากไนต์คลับคงได้เข้าใจว่าเป็นเด็กมัธยม!
“อือ...” หญิงสาวครางเบาๆ เมื่อรู้สึกได้ถึงแรงดึงเมื่อครู่ของเขา หล่อนอดไม่ได้ที่จะล้วงทิชชูใต้ฐานบราเซียร์อีกข้างออกมา “ก็ว่าทำไมยังเมื่อยนม”
เมื่อยนม?
รามิลขำพรืด เพิ่งเคยได้ยินศัพท์ประหลาดๆ แบบนี้เป็นครั้งแรก ทั้งยังไม่เข้าใจด้วยว่านมมันอยู่เฉยๆ จะเมื่อยได้อย่างไร หรือเพราะหล่อนดันนมมากไปก็เลยอึดอัด
นับถือในความพยายาม!
คิดไม่ทันไร คนเมาก็ยัดทิชชูที่เพิ่งดึงออกมาหมดจากเต้าใส่มือของเขา ทั้งยังไม่ลืมตามามองจนมันแปะเข้ากลางจมูกเขาด้วย
“ฝากทิ้งด้วยนะแก”
เสียงพึมพำที่มาพร้อมกับอาการมือไม้อ่อนนั้นบ่งบอกว่าหล่อนง่วงนอนสุดๆ ผิดกับชายหนุ่มที่ได้แต่รับอุปกรณ์เสริมอึ๋มไว้แบบงงๆ เพราะไม่เคยเจอสถานการณ์แบบนี้มาก่อนในชีวิต แล้วตกลงหล่อนรู้ตัวหรือไม่รู้ตัวกันแน่ว่าเขาไม่ใช่เพื่อน
ลมหายใจที่เข้าออกเป็นจังหวะสม่ำเสมอของสาวน้อยตรงหน้าราวกับจะเป็นคำตอบชัดเจน...
รามิลส่ายหัวน้อยๆ ให้แก่ความไร้สติของตัวเอง ลืมไปได้อย่างไรว่าที่พาหล่อนมานอนเพนต์เฮาส์ก็เพราะไม่อยากให้ใครลากไปทำมิดีมิร้าย แล้วไฉนเลยถึงเผลอคิดทำมิดีมิร้ายหล่อนเสียเอง
ที่ผ่านมาเขาเองก็ไม่เคยมีรสนิยมชอบลักหลับผู้หญิงเสียหน่อย ในที่สุดจึงได้แต่ลุกออกมาพร้อมกับทิชชูมากมายในมือ แล้วพอมองหลักฐานเหล่านั้นสลับกับใบหน้ารูปหัวใจของคนที่กำลังนอนหลับสนิท ภาพสุดเซ็กซี่ของแม่สาวสายตื๊ดในไนต์คลับเมื่อพักก่อนก็ทำให้ต้องหัวเราะเบาๆ ก่อนจะยกทิชชูขึ้นดมแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว
นี่เขาเป็นพวกโรคจิตหรือเปล่าวะ!
ดวงอาทิตย์วันใหม่ค่อยๆ ปรากฏขึ้นทักทายขอบฟ้าทิศตะวันออก มหานครที่หลับใหลมานานหลายชั่วโมงค่อยๆ เริ่มต้นมีชีวิตชีวาอีกครั้ง หญิงสาวที่หลับเป็นตายอยู่ในเพนต์เฮาส์บนชั้นสี่สิบของคอนโดหรูก็เช่นเดียวกัน ทว่าชีวิตของหล่อนในวันนี้กลับเริ่มต้นมาพร้อมอาการปวดหัวตงิดๆ เพราะพิษสุรา
ณจันทร์พลิกกายที่นอนตะแคงกอดหมอนข้างไปอีกด้านเพื่อคลายความเมื่อยล้า อากาศเย็นสบายจากเครื่องปรับอากาศทำให้หล่อนยังไม่อยากลืมตาตื่น และไม่แน่ใจว่าฝันหวานไปเองหรือเปล่า...ถึงได้รู้สึกว่าเตียงนอนในเช้าวันนี้หนานุ่มราวกับปุยเมฆบนสรวงสวรรค์ จนอยากจะฝังตัวอยู่บนเตียงนานๆ
กระทั่งแสงตะวันค่อยๆ ส่องผ่านผ้าม่านเข้ามาหนักขึ้น หญิงสาวที่หลับไม่ค่อยสนิทเพราะถูกอาการปวดหัวคุกคามเป็นระยะๆ ก็ไม่อาจจมอยู่ในห้วงนิทราได้อีกต่อไป หล่อนถอนหายใจนิดๆ พลางพลิกกายนอนหงาย
ทำไมปวดหัวแบบนี้...
เปลือกตาที่ยังเต็มแน่นด้วยเครื่องสำอางค่อยๆ เปิดขึ้น ก่อนภาพพร่ามัวเบื้องหน้าจะค่อยๆ ชัดเจนขึ้นตามลำดับ เพดานห้องสีเทาทำให้หญิงสาวต้องกะพริบตาถี่ๆ เพราะมันไม่เหมือนกับเพดานห้องในคอนโดหล่อนเลยสักนิด
เมื่อแน่ใจว่าไม่ได้เมาขี้ตา ณจันทร์ก็หน้าตาตื่นยกชายผ้านวมที่ห่มคลุมร่างหล่อนอยู่ขึ้นมอง สีเทาของผ้านวมนุ่มๆ ราวกับจะตอกย้ำว่าเมื่อครู่หล่อนไม่ได้ตาฝาด หญิงสาวดีดกายลุกขึ้นนั่ง กวาดตามองสำรวจรอบๆ ห้องทันที
เฟอร์นิเจอร์โทนสีเทาขาวที่ตกแต่งเป็นสไตล์โมเดิร์นไม่ใช่สิ่งที่ณจันทร์คุ้นตามาก่อน หล่อนไม่แน่ใจว่าตัวเองมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร กระทั่งพยายามคิดทบทวน ความทรงจำตอนที่เมาหัวทิ่มอยู่ตรงหน้าผับก็ค่อยๆ ลอยเข้ามาในสมอง
ตอนนั้นหล่อนรู้สึกว่าตัวเองร่อแร่มากแล้ว ถึงได้บอกเบอร์โทรศัพท์ของธนนท์ให้ตาลุงขี้เก๊กช่วยต่อสายตามมารับ ต่อจากนั้นก็รู้สึกว่ามีคนอุ้มไปนั่งในรถ สติที่ไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ทำให้ไม่มีแก่ใจจะตั้งคำถามใดๆ เพราะสมองที่ใกล้จะปิดทำการไพล่คิดไปเองว่าเป็นเกย์หนุ่ม
ให้ตาย! เป็นตาลุงขี้เก๊กงั้นหรือ...
หัวใจดวงน้อยๆ หล่นวูบ ดวงตาที่เบิกโพลงด้วยความตกตะลึงมองสำรวจร่างกายตัวเองทันที เสื้อผ้าที่ยังสวมติดตัวอยู่ครบทำให้พอใจชื้นขึ้นบ้างว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ครั้นคิดทบทวนดูอีกนิด...ความรู้สึกเหมือนมีคนมาคลอเคลียและจูบเมื่อคืนก็ทำเอาหน้าร้อนผ่าว
หล่อนแค่ฝันไป...หรือเขาแอบล่วงเกินจริงๆ
แล้วถ้าเขาล่วงเกินจริงๆ มันจะเป็นไปได้หรือที่หล่อนยังบริสุทธิ์ผุดผ่องมาจนถึงเช้า
เพื่อความมั่นใจว่ารามิลไม่ได้แอบฉวยโอกาสลักหลับตอนเมา หญิงสาวจึงรีบลุกขึ้นสลัดผ้านวมเปิดหาร่องรอยการเสียตัวแบบที่อ่านเจอในนิยายโรมานซ์บ่อยๆ เพราะแทบทุกเรื่องมักจะต้องมีคราบเลือดของนางเอกติดอยู่บนผ้าปูเตียง
แต่เมื่อหาเท่าไรก็หาไม่พบ สาวพรหมจรรย์ที่ไม่เคยมีประสบการณ์ภาคปฏิบัติกับใครมาก่อนจึงเริ่มใจชื้นขึ้นอีกระดับ สติสตังที่กระเจิดกระเจิงไปเพราะความตกใจค่อยๆ หวนกลับมาเข้าที่เข้าทาง ที่จริงหากการเสียตัวจะต้องเลือดสาดขนาดนั้น หล่อนก็น่าจะรู้สึกอะไรบ้าง
เมื่อมั่นใจแล้วว่าร่างกายหล่อนยังไม่ถูกวัตถุแปลกปลอมใดๆ บุกรุกเข้ามาจริงๆ หญิงสาวก็เริ่มมองสำรวจรอบห้องนอนอีกครั้ง
ขวามือเป็นประตูทางออก ส่วนปลายเตียงเป็นชั้นวางโทรทัศน์แบบบิลต์-อิน ในขณะที่ทางฝั่งซ้ายเป็นผนังกรุกระจกใสที่มีม่านสีขาวบางๆ บดบังแสงสว่างเอาไว้
หล่อนไม่รอช้าที่จะก้าวไปแหวกผ้าม่านดูทัศนียภาพภายนอก ตึกรามบ้านช่องที่มองออกไปได้ไกลสุดสายตาพอจะบอกให้รู้ว่าห้องนี้อยู่บนตึกสูงกลางกรุง แต่ไม่ว่าจะเป็นละแวกไหนก็ตาม...การอยู่ในห้องของผู้ชายแปลกหน้านานๆ คงไม่ปลอดภัยนัก
ณจันทร์หันกลับเข้ามาในห้องเพื่อมองหาของใช้ส่วนตัว ไม่นานก็พบว่ารองเท้าผ้าใบสีชมพูคู่ใจวางอยู่อย่างเป็นระเบียบบนพรมปลายเตียง ส่วนกระเป๋าสะพายข้างใบเก่งอยู่บนโต๊ะโคมไฟ หล่อนไม่ลังเลใจที่จะตรงไปหยิบ แต่แล้วกลับต้องชะงักเพราะติดกับกระเป๋ามีฟองน้ำหน้าตาคุ้นๆ วางไว้คู่กันด้วย
ดวงตากลมโตเบิกกว้าง ไม่อยากคิดว่าจะเป็นฟองน้ำของหล่อน แต่พอก้มลงสำรวจหน้าอกตัวเองในตอนนี้ก็พบว่ามันราบเรียบใกล้เคียงคำว่าไม้กระดาน
กรี๊ดดด!
ณจันทร์อยากหวีดร้องให้ลั่น ไม่คิดว่าฟองน้ำจะมีขาเดินออกจากอกหล่อนไปอยู่ตรงนั้นได้เอง และความทรงจำจางๆ ตอนที่เขามาจูบเมื่อคืนก็ราวกับจะบอกใบ้ว่าต้องเป็นผลงานเขาแน่
คนบ้า! ลามกที่สุด!
หญิงสาวไม่ลังเลใจที่จะหยิบฟองน้ำรุ่นซูเปอร์ดูมมายัดลงกระเป๋าสะพายข้างใบเก่ง เพราะไม่มีแก่ใจจะยัดลงในบราเซียร์อีก
หากเคราะห์ร้ายเจอจังหวะนรกที่เขากลับมาเห็นเข้า หล่อนคงได้เอาปี๊บคลุมหัวแน่นอน
นอกจากธนนท์ที่เป็นเหมือนเพื่อนสาว โลกนี้ไม่เคยมีมนุษย์เพศชายคนไหนล่วงรู้ความลับแห่งการดูมๆ ของหล่อนมาก่อน
ไม่รู้ว่าเพราะจับไปเจอฟองน้ำด้วยหรือเปล่า...เขาถึงได้หมดอารมณ์!
หญิงสาวเสียความมั่นใจนิดๆ แต่ก็พยายามไล่ความคิดฟุ้งซ่านออกไป เพราะอย่างน้อยๆ ยังไม่เสียตัวก็นับว่าดีที่สุด
ความที่ไม่อาจเดาได้ว่าเจ้าของห้องหายไปไหน ณจันทร์จึงค่อยๆ ก้าวไปแง้มประตูห้องนอนออกเล็กน้อยเพื่อดูลาดเลา
ภาพแรกที่ปรากฏแก่สายตาคือทางเดินไปยังบันไดสำหรับลงสู่ห้องโถงด้านล่าง
เมื่อพบว่าทางสะดวก หญิงสาวจึงรีบคว้าเอารองเท้าผ้าใบสีหวานออกมาเกาะราวบันไดดูว่าเขาอยู่ส่วนไหนของห้อง แต่ก็ไม่พบแม้เงาของใครเลยสักคน
สองเท้าค่อยๆ ย่องลงมาทีละน้อย ก่อนจะสอดส่ายสายตามองหาประตูทางออก แต่ก็ต้องตื่นตาตื่นใจกับเฟอร์นิเจอร์ที่ตกแต่งในห้องโถงเสียก่อน เพราะมันสวยหรูดูแพงมากๆ แถมยังมีทางเดินเชื่อมต่อไปยังห้องอื่นๆ อีกหลายห้อง ตลอดจนมีทางออกไปยังสระว่ายน้ำส่วนตัวข้างนอกระเบียง
ท่าทางมนุษย์ลุงจะรวยไม่ใช่เล่น เพราะห้องหรูระดับเพนต์เฮาส์ย่านกลางกรุงแบบนี้ราคาไม่น่าต่ำกว่าร้อยล้าน
ถ้าเปลี่ยนใจกลับไปนอนรอบนห้องแล้วจับปล้ำทำผัวจริงๆ จะโดนมองว่าแรดไปไหม
บ้าจริง...สงสัยจะยังเมาค้าง!
ณจันทร์สลัดความคิดเพ้อๆ ออกจากสมอง ต่อให้ตาลุงนั่นหล่อรวยแค่ไหน แต่แอบลักหลับจับนมหล่อนตอนเมาก็ใช้ไม่ได้ ไหนจะเรื่องที่เขาสวดหล่อนเป็นชุดตรงหน้าผับอีก
เหมือนจะเป็นคนดี... มือถือสากปากถือศีลแบบนี้ คนผีชัดๆ!
เผลอสาปเขาอยู่ในใจไม่ทันไร เสียงฝีเท้าที่แว่วมาจากระเบียงติดสระว่ายน้ำก็ทำให้ณจันทร์ถึงกับสะดุ้งวาบ หล่อนหันขวับไปมองประตูที่เปิดกว้างจนเห็นส่วนหนึ่งของสระ ก่อนจะได้ยินเสียงคนกำลังเดินคุยโทรศัพท์มาตามทางด้านนอกนั้น
“อีกสักครึ่งชั่วโมงค่อยขึ้นมาละกัน”
ณจันทร์หันรีหันขวาง ไม่คิดจะเผชิญหน้ากับผู้ชายที่ฉวยโอกาสจับนมหล่อน กระทั่งเห็นลิฟต์ตัวหนึ่งปรากฏอยู่หน้าโถงทางเดินเล็กๆ ทิศตรงข้ามระเบียง หล่อนก็ไม่รอช้าที่จะพุ่งตัวไปกดเปิดลิฟต์ ก่อนจะต้องผิดหวังที่พบว่ามันเป็นระบบคีย์การ์ด
ทำไงดี...ถามตัวเองในใจไม่ทันไร พลันตาก็เหลือบไปเห็นประตูหนีไฟทางฝั่งซ้ายมือ หล่อนไม่รอช้าที่จะพาตัวเองออกไปทางนั้นโดยไม่คิดเอ่ยคำลาใดๆ ซ้ำยังแอบคิดหวังด้วยว่าชาตินี้คงไม่ต้องเจอเขาอีก
แต่ตอนนี้...เขานั่งอยู่ตรงหน้าหล่อน!
ดวงตากลมโตกะพริบปริบอย่างไม่อยากเชื่อ หากนี่คือนิยายของจันทร์ฝันหวานละก็...นางเอกคงจะใจหายวาบไปถึงตาตุ่ม เพราะเขาคือคนที่ไม่ควรโคจรมาพบกันอีกไม่ว่าวันเวลาไหนๆ
แล้วกันสิ... ทำไมจู่ๆ เขาถึงมาปรากฏตัวในบ้านรติรักษ์ได้
“ก้อยครับ นี่ลุงมิล...ที่นนท์เคยคุยให้ฟังว่าเป็นประธานบริษัทเรียลเอสเตตไง”
ลุง?
ณจันทร์หันขวับไปมองธนนท์อย่างอึ้งๆ พอจะรู้ว่าคุณนายรัดเกล้ามีลูกชายสองคน หนึ่งคือพ่อแท้ๆ ของธนนท์ที่เสียชีวิตไปนานหลายปี และอีกหนึ่งคือพี่ชายของพ่อ แต่ใครจะไปคิดเล่าว่าพี่ชายของพ่อจะหล่อแซ่บเหมือนหนุ่มวัยสามสิบต้นๆ เพียงนี้
ไม่สิ...นาทีนี้คงไม่มีอะไรแซ่บไปกว่า ‘เรื่องคืนนั้น’ ของหล่อนกับลุงอีก ยิ่งหันกลับมาประสานสายตากับรามิลอีกครั้ง แววตานิ่งๆ ยากจะคาดเดาอารมณ์นั้นก็ทำให้คนมีชนักติดหลังเริ่มร้อนๆ หนาวๆ ราวกับจะเป็นไข้
ณจันทร์ค่อยๆ กระพุ่มมือไหว้พลางก้มหน้าหลบสายตาชายหนุ่ม ไม่แน่ใจว่าเขายังจำหล่อนได้ไหม เพราะคืนนั้นต่างฝ่ายต่างก็เมาๆ มึนๆ ด้วยกัน เหนือสิ่งอื่นใดคือคราวนั้นหล่อนยังแต่งหน้าแน่นเป็นสาวเซ็กซี่ ผิดกับวันนี้ที่เกือบๆ จะเป็นแม่ชีอยู่เต็มแก่
“สวัสดีค่ะ ลุงมิล”
ว่ากันว่า...ผู้หญิงแก้ผ้ายังไม่ลุ้นเท่าผู้หญิงหน้าสด!
หวังเพียงว่าขอบตาดำๆ จากการปั่นนิยายดึกจนเป็นแพนด้า และหน้าจืดๆ ปากซีดๆ ของหล่อนในวันนี้คงช่วยสลัดภาพของ ‘นางแมวป่า’ ที่เขาตั้งฉายาให้ในค่ำคืนนั้นได้