5

ฝนตก ยังไม่ชุ่มฉ่ำเท่าเห็นเธอ


 

EP.5

ฝนตก ยังไม่ชุ่มฉ่ำเท่าเห็นเธอ

[ฮัลโหลดิว พี่กำลังจะโทร.หาอยู่พอดี] เสียงเจื้อยแจ้วจากผู้จัดการของผมแทรกมาจากปลายสาย

พอส่งไอ้ปู๊นขึ้นรถ ผมก็รีบโทร.หาผู้จัดการเลยครับ บอกตรงๆ ว่าเหตุการณ์ที่เห็นแม่งสะเทือนใจผมมากๆ และมันไม่ได้ทำให้ผมนิ่งนอนใจเลยระหว่างที่ผมกำลังขับรถกลับคอนโด

เชี่ยเอ๊ย! น้องจะเป็นยังไงบ้างวะ

“ผมมีเรื่องอยากจะแจ้งหน่อยครับ คือว่า...”

แต่ยังไม่ทันพูดจบอีกฝ่ายก็สวนมาซะแล้ว [เคสของคุณกำพลแคนเซิ่ลแล้วนะจ๊ะ]

ฮะ!? ผมถึงกับอ้าปากค้างเลยครับ

“ว่าไงนะครับพี่?”

[เหมือนผู้ว่าจ้างของเราจะบอกว่าไม่ต้องทำงานนี้แล้วจ้ะ]

“ได้ยังไงครับ”

[อืม...เหมือนกับว่าผู้ว่าจ้างกับลูกหนี้หาทางออกเรื่องนี้ได้แล้วละ]

เชี่ยแล้วไง โว้ยยย

“พี่ครับ ผมอยากจะให้เราฟ้องร้องคุณกำพลนี่หน่อย จะพอเป็นไปได้มั้ยครับ”

[เอ๋!? เหลวไหลน่า เราจะทำแบบนั้นได้ยังไงกันจ๊ะ]

“ก็มัน!!!” ห่าเอ๊ย! ใส่อารมณ์มากไปหน่อย มือที่บีบพวงมาลัยปวดไปหมดเลย

[เป็นอะไรหรือเปล่าจ๊ะดิว]

“เปล่าหรอกครับ” ผมถอนหายใจ แต่คิดไว้แล้วว่ายังไงก็ต้องบอกเรื่องนี้ “แค่ผมเห็นว่าผู้ว่าจ้างของเราทำร้ายร่างกายลูกหนี้”

[จริงเหรอจ๊ะ!]

เห็นมั้ย ตกใจเหมือนกันแหละน่า “จริงครับ เห็นกับตาเลย”

[แต่พี่ว่านั่นไม่ใช่เรื่องของเราหรอกนะ ยิ่งผู้ว่าจ้างแคนเซิ่ลงานแบบนี้ พี่ว่าดิวอย่าเข้าไปยุ่งจะดีกว่า]

“เราทำอะไรไม่ได้เลยเหรอครับ”

[พี่เสียใจด้วยจ้ะ คงไม่ได้จริงๆ] เสียงพี่อิมดูหนักอกหนักใจ [แต่ถึงยังไงดิวก็จะยังได้ค่าเสียเวลานะจ๊ะ ถ้าผู้ว่าจ้างจ่ายมาเมื่อไหร่พี่จะรีบให้ดิวเลย]

เหอะ! เวลานี้ผมไม่ได้ต้องการเงินแล้วครับ “พี่หนูอิมพอจะทราบมั้ยครับที่ผู้ว่าจ้างบอกว่าหาทางออกกับเรื่องนี้ได้แล้ว เป็นเพราะน้องจ่ายเงินคืนหรือว่ายังไง”

[อันนั้นพี่ไม่รู้หรอกจ้ะ]

โว้ยยย แม่งหงุดหงิดอีกแล้ว “เข้าใจแล้วครับ ขอบคุณมากครับ”

[ดิว...พี่จะพูดด้วยความหวังดีนะจ๊ะ พี่ก็คิดว่าเรื่องนี้มันทะแม่งๆ แต่ดิวอย่าไปยุ่งกับพวกเขาเลยจะดีกว่า ยังไงเขาก็เคยเป็นคู่รักกันนะ]

คู่รักอะไรวะ บีบหน้าน้องจนแก้มจะระเบิดแบบนั้น

“ขอบคุณมากครับพี่หนูอิม แค่นี้ก่อนนะครับ”

หลังจากผมกดวางสาย มือของผมก็ชั่งใจอยู่นานว่าจะเอายังไงต่อดี ผมส่งข้อความกลับไปหาปีใหม่หลายทีแล้วแต่ไม่มีทีท่าว่าอีกฝ่ายจะตอบกลับเลย

เพราะงั้นผมจึงกลั้นใจกดโทร.ออกไปที่เบอร์ของน้อง

“หมายเลขที่ท่านเรียก ไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้”

“อะไรวะ!” ผมโยนโทรศัพท์ทิ้งด้วยความเดือดดาล ฮึ่มมม ไม่เคยโมโหเท่านี้มาก่อนในชีวิตเลย ผมไม่โอเคกับการทำร้ายร่างกายมากๆ ไม่มีใครสมควรที่โดนแบบนั้น

หรือว่าผมควรจะเดินหน้าจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง?

ปีใหม่ น้องจะรู้ตัวมั้ยเนี่ยว่ากำลังปั่นหัวพี่ แถมยังทำให้ใจพี่ปั่นป่วนอีกตะหาก!

 

“หมายเลขที่ท่านเรียก ไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้”

“…”

ผมยืนนิ่งจ้องชื่อ ‘น้องปีใหม่’ บนหน้าจอพร้อมความรู้สึกที่ถาโถม...

ผมเป็นห่วงน้องจังเลยครับ ตั้งแต่วันนั้นผมยังติดต่อน้องไม่ได้เลย แว่บไปแอบดูหน้าตึกสินกำก็ไม่เห็น เพื่อนๆ บ้างก็บอกว่ากลับไปแล้ว บ้างก็บอกว่าไม่มา บ้าเอ๊ยยย ป่านนี้ไม่รู้เป็นยังไงบ้าง โดนถลกหนังมาแปะฝาบ้านหรือยังวะ หรือโดนขังลืมปู้ยี่ปู้ยำโดยลูกน้องไอ้กำพลจนสลบแล้วหรือเปล่า เนี่ย ผมก็คิดไปเรื่อย ฟุ้งซ่านแบบคนดูหนังมากไปหน่อย ใครมีลูกมีหลานอย่าให้ลูกดูทีวีอ่านมังงะเยอะนะครับ เดี๋ยวจะกลายเป็นคนวิกลจริตแบบผมเอาได้

ฮึ่มมม อย่าให้เจอตัวนะปีใหม่ พี่จะจับตี ขังลืมในห้องไม่ต้องออกมาเห็นเดือนเห็นตะวันเลยคอยดู

โอ๊ย! แล้วกูเป็นอะไรกับเขาวะถึงต้องรู้สึกมากขนาดนี้เนี่ย

นี่ก็คืออีกเรื่องที่ผมสับสนครับ ผมกำลังไม่แน่ใจว่า...ตัวเองชอบน้องไปแล้วหรือเปล่า (ชอบแบบจริงจัง) นั่นยิ่งแย่ไปใหญ่ อุตส่าห์นานๆ ทีจะปิ๊งใครสักคน ทำไมต้องมาพรากรักไปจากอกด้วยวะ บักห่ากำพลเอ๊ย!

“ไอ้สัสดิว มึงจะเล่นมั้ยเนี่ย!!!”

เสียงไอ้เอิร์ลทำให้ผมได้สติกลับมาที่ปัจจุบัน ตอนนี้ผมอยู่ที่สนามบาสในมหา’ลัยครับ หนุ่มๆ ทันตะมักจะมานัดดวลกันที่นี่เป็นประจำ ผมกำลังฟุ้งซ่านอยู่พอดีก็เลยตามพวกไอ้เอิร์ลไอ้ทิมมันมาด้วย หวังว่ากีฬาจะช่วยให้ลืมเรื่องเครียดไปได้บ้าง

ผมเก็บโทรศัพท์แล้วตามลงไปในสนาม มา! กูพร้อมแล้ว

“รับ!” ผู้เล่นทีมเดียวกันคนหนึ่งตะโกนลั่นก่อนจะส่งลูกบาสให้ผม ผมเลี้ยงมันอย่างดีเหมือนเลี้ยงลูกเลี้ยงหลาน และเมื่อเห็นตะกร้า ผมก็ตั้งท่าจะชู้ตทันที

แต่ทว่า...

ฟิ้ว~

“ไอ้เหี้ย ลอยไปดาวอังคารแล้วสัส!” ไอ้เอิร์ลมองตามลูกบาสที่กระเด้งกระดอนไปไกลเพราะผมโยนไม่เข้า “วันนี้เป็นอะไรของมึงฮะ เหม่อแม่งอยู่นั่นอะ ไปเก็บมา!”

เออ ตอบไม่ถูกเหมือนกันว่าเป็นอะไร แต่ได้ทีละตะโกนใส่หน้ากูจังนะ ไม่ได้แข่งระดับชาติโว้ยยย จริงจังอะไรขนาดโน้นนน

ผมถอนหายใจก่อนจะวิ่งไปเก็บลูกบาสที่สุดท้ายมันกลิ้งไปแน่นิ่งอยู่ใกล้ๆ ม้านั่งซึ่งมีสาวๆ กระโปรงสอบนั่งคุยกันคิกคัก อูย...ลุกหน่อยได้มั้ยเอ่ย ไม่กล้าก้มลงไปหยิบ แหะๆ

“นี่ค่ะ” ผู้หญิงหน้าม้าผมสีน้ำตาลยิ้มหวานในขณะที่มือก็ยื่นลูกบาสมาให้

“ขอบคุณนะครับ” แหม่ สวยแล้วยังใจดีอีก อยากแนะนำให้เพื่อนรู้จักจัง

ผมกำลังจะหมุนตัวกลับสนามอยู่แล้วเชียว แต่ตาดันมองไปเห็นความผิดปกติที่อยู่ด้านหลังไม่ใกล้ไม่ไกลสาวๆ ซะได้

ชายชุดดำประมาณสามสี่คนเดินห้อมล้อมใครสักคนอยู่ คนในวงนั้นขาวจั๊วะชนิดที่เห็นร้อนรุ่มหายใจฮืดฮาด ด้วยความขี้เสือก ผมจึงพยายามชะโงกเพื่อให้เห็นว่าไอ้คนที่อยู่ในวงคือใคร และเป็นจังหวะเดียวกับที่ชายชุดดำคนนึงยกโทรศัพท์ขึ้นมาแนบหูจนเกิดช่องว่างเล็กๆ ขึ้นมาให้มองทะลุไปด้านในได้พอดี ดวงตาที่โปนๆ ที่คุ้นเคยก็ทักทายผมอย่างจัง

น้องปีใหม่...

“เก็บลูกเหี้ยอะไรนานจังวะ” ไอ้เอิร์ลวิ่งตามมายืนจี้อยู่ด้านหลัง

แต่ผมชักไม่อยากเล่นแล้วครับ รู้สึกว่ามีบางอย่างสำคัญกว่า

“มึงเอาไป” ผมโยนลูกบาสให้เพื่อนที่ทำหน้าเอ๋อแดก แล้วรีบวิ่งไปยังกลุ่มคนที่ผมให้ความสนใจอยู่ทันที ถ้าจากการคาดคะเนที่ไม่ผิดพลาด มันต้องพาน้องไปขึ้นรถสีดำมันที่จอดอยู่ไม่ไกลนั้นแน่ๆ

คิดเรอะว่าจะเร็วกว่ากู!

ผมจัดการพุ่งเข้าไปประชิดตัวคนที่กำลังตามตัวอยู่ทันที “ปีใหม่!”

“เฮ้ย!” น้องดูประหลาดใจมากที่ผมโผล่มาตรงนี้ แถมยังอึ้งกิมกี่ซ้ำสองเมื่อเห็นผมกล้าจับข้อมือแล้วพยายามจะลากออกมาจากวง

“มึงเป็นใคร!” ไอ้ชุดดำคนนึงจับคอเสื้อผมไว้ทันที อั้กกก ไอ้สัส เจ็บ

“อย่าเสือก” ไม่รู้เหมือนกันว่าผมเอาความเกรี้ยวกราดมาจากไหน แต่เวลานี้คิดได้อย่างเดียวครับ ต้องช่วยน้อง!

“พี่ดิว”

“มากับพี่”

อย่ามาทำเสียงอ่อนเสียงหวานดิวะ เหอะ! ถ้าไม่ได้คุยกันให้รู้เรื่องในวันนี้ อย่าเรียกกูว่าไอ้ดิวเซ้นต์เซย่า

“กูถามว่ามึงเป็นใคร!”

ไอ้เหี้ยนี่ก็เขย่าคอกูจัง หัวจะหลุดกลิ้งลงไปกับพื้นแล้วสัส! “กูจะคุยกับน้อง”

“มึงมีสิทธิ์อะไรวะ!”

“ทำไม น้องเป็นของมึงอ๋อ” ผมพูดอย่างตั้งใจกวนตีน เล่นเอาอีกฝ่ายงงในความกล้า “เรื่องนี้เกี่ยวกับกูและน้อง ว่างมากก็ไปตามปกป้องไอ้แก่เจ้านายพวกมึงโน่น!”

“ก็นี่แหละเจ้านาย...”

“พอ!” ยังไม่ทันได้ซัดกันน้องปีใหม่ก็ยกมือห้ามทัพซะแล้ว ไม่รู้คิดไปเองหรือเปล่าตอนที่น้องตะโกน น้องหลุดสีหน้าที่โคตรน่ากลัวออกมาด้วย “พี่ดิวจะพูดกับผมใช่มั้ยครับ”

“…” ผมมองหน้าน้องกับไอ้พวกชุดดำสลับไปมาอย่างเฝ้าระวังท่าที “อืม”

หมับ!

นะ...น้องจับมือ “มากับผม”

“…”

แฮก แฮก ไม่อยากเชื่อเลยว่าการสัมผัสตัวน้องจะทำให้ผมใจเย็นขนาดนี้ อยากให้ผู้นำรัสเซียกับอเมริกาได้ลองจับดูบ้าง เผื่อจะได้เลิกทิ้งระเบิดใส่ประเทศชาวบ้านสักที

ผมทำหน้าเหยอๆ ใส่พวกชุดดำตอนที่น้องลากออกไป เหอะ! ทำไม่ได้อย่างกูละสิ

“พี่ดิว!” น้องพูดออกมาตอนที่พาผมเข้ามาอยู่ในซอกตึกเล็กๆ ที่มันสามารถทะลุไปตึกสินกำได้ “ทำอะไรของพี่เนี่ย!”

ผมกอดอก “ไม่ต้องมาดุ หนูต่างหากที่ทำผิด”

“ฮะ!?”

“วันนั้นบ้าหรือเปล่าที่ขึ้นรถไปกับมัน” ผมยกมือจับแก้มคนตรงหน้า มองไปยังจุดแดงๆ ที่มุมปาก เฮอะ! แผลยังไม่หายสนิทเลย “ดูดิ มันทำเจ็บขนาดนี้ยังจะสุงสิงกับมันอีกทำไม”

“พี่ดิว!”

“พี่ถาม!!!”

สัสเอ๊ย! กูไม่ได้อยากจะตะโกนเลยนะ แต่น้องแม่งดื้อไม่ยอมตอบผมสักที

ปีใหม่พยายามหลบหน้า ผมเลยประคองไว้ไม่ให้หนี “อย่าเลี่ยงคำถามพี่ ตอบมา”

“พี่ไม่เข้าใจหรอก”

“…”

“ผมไม่อยากทำให้พี่ลำบากใจ”

“พี่ไม่ได้ลำบากใจเลย พี่เป็นห่วง พี่อยากช่วย”

เกิดประกายในตาเด็กน้อยตรงหน้าผมครู่หนึ่ง แต่สุดท้ายก็กลับไปขมวดคิ้วอยู่ดี “พี่จะมีปัญหาเอานะ”

“ใจคอน้องรู้บ้างหรือเปล่าว่าพี่รู้สึกยังไง”

“ผมรู้ครับ” น้องพยักหน้า “แต่พี่จะเป็นห่วงเพราะอะไรล่ะ”

“…”

“ในฐานะไหนกันล่ะ”

โอ้โห! คำถามน้องเล่นเอาผมนิ่งไปเลย

นั่นสิวะ...

เอาไงดี เอาไงดีวะ! น้องทำท่าจะเดินหนีแล้วนั่นน่ะ!

ช่างแม่ง! ถ้าไม่สารภาพตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าจะได้พูดตอนไหนแล้ว “พี่ชอบเรา”

กึก!

นั่นไง น้องแม่งถึงกับหยุดเดินหมุนตัวมามองเลย “พี่ว่ายังไงนะ”

ผมเดินเข้าไปใกล้ “พี่ชอบปีใหม่”

ทั้งๆ ที่ผมย้ำอีกครั้งแท้ๆ แต่น้องกลับเสือกทำหน้าจะร้องไห้ “พี่รู้ตัวหรือเปล่าว่าพูดอะไรออกมา”

“รู้” ผมพยักหน้า “ถึงกล้าพูดออกมานี่ไง”

“…”

“ยังรักมันอยู่ใช่มั้ย” เสียงผมเบาคล้ายกับกระซิบ “ไอ้สัสกำพลอะ”

“…”

“ออกมามั้ย มาอยู่กับพี่ ให้พี่ดูแลรับรองว่าดีกว่าไอ้แก่นั่นล้านเท่า”

เออ พูดอวดเข้าไว้ ถือว่าเป็นช่วงโปรโมชั่นเสนอการขาย

แต่ว่าน้องกลับมองผมนิ่งๆ “ผมไม่ได้ชอบพี่”

!!!

ซะ...ซะ...เซเลยกู

“พี่ออกไปจากชีวิตผมซะเถอะ”

แน่ะ! มีไล่กูด้วย!!!

“ปีใหม่...”

“พี่ไม่เหมาะกับโลกของผมหรอก”

ทำไมวะ ทำไมกัน?

คนตัวเล็กกว่าเอามือปาดน้ำตา เฮอะ! เย็นชากับเขาแต่เป็นฝ่ายร้องไห้แทนนี่นะ

“ติดหนี้มันอยู่ใช่มั้ย...”

“ฮะ!?” ปีใหม่ตกใจกับคำถามของผม

“เพราะยังไม่คืนเงินมัน เลยยังต้องอยู่กับมันใช่มั้ย” ผมหลุดความลับของตัวเองออกไปจนได้

พอกันทีกับงานบ้าๆ ครั้งนี้

ผมเลือกน้อง

ปีใหม่เบิกตากว้าง “พี่ไปเอาเรื่องนี้มาจากไหน”

“พี่โดนจ้างมาทวงหนี้ของปีใหม่ ที่ติดเขาไว้แสนห้า” ผมคิดอยู่นานว่าจะพูดประโยคต่อไปดีมั้ย...แต่เอาวะ! เสียเป็นแสนแขนไม่ได้จับของแท้ “ถ้าพี่จ่ายให้ล่ะ”

“…”

“ถ้าพี่เอาเงินแสนไปวางตรงหน้าไอ้สัสนั่น น้องจะมากับพี่มั้ย”

“พี่ไม่น่าทำแบบนี้เลย...”

“…”

“พี่อย่ามายุ่งกับเรื่องนี้จะดีกว่า”

“งั้นพูดอีกครั้งสิว่าเราไม่ได้ชอบพี่” ผมตะโกนไล่หลังปีใหม่ที่ตั้งท่าจะเดินหนีอีกรอบ “แล้วพี่จะเดินออกไปจากชีวิตปีใหม่เลย”

คนที่ยืนอยู่หันมาโชว์เสี้ยวหน้า ดวงตามีความชั่งใจเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่

อ๋อ สงสัยต้องให้กระตุ้น “ครั้งนี้ขอให้มองตาพี่แล้วพูดดังๆ”

“…”

“แค่ครั้งเดียว พี่จะไป”

ไม่เคยคิดเลยแฮะว่าชีวิตนี้จะมีสถานการณ์น้ำเน้าาาน้ำเน่ากับเขาด้วย เหอะ! เชื่อเขาเลยว่ะ

ทั้งๆ ที่ผมจี้ขนาดนี้ ปีใหม่กลับยืนนิ่งตัวสั่นเทิ้มเพราะแรงสะอื้น

“ออกไปจากชีวิตผมซะ”

“…”

“พี่ไม่มีทางเข้าใจเรื่องนี้หรอก!”

พูดจบปีใหม่ก็หมุนตัวเดินจากไป ปล่อยให้ผมมองหลังเล็กๆ นั้นหายไปกับมุมตึก

หึ! ‘ออกไปจากชีวิตผมซะ’ งั้นเรอะ

โธ่น้อง ตอบอะไรไม่ตรงคำถามเอาซะเล้ย! โจทย์ของพี่คือ ‘งั้นพูดอีกครั้งสิว่าเราไม่ได้ชอบพี่’ ต่างหาก!

ซึ่งนั่นหมายความว่าน้องไม่ได้ปฏิเสธผม ผมยังมีสิทธิ์ที่จะช่วงชิงน้องให้กลับมาอยู่ในอ้อมอกได้สินะ แล้วมาดูกัน ไอ้แก่แหง็กจอมโหดกับหนุ่มทันตะหน้ามนแต่รักจริงอย่างผม ใครจะได้ตัวน้องไปครอง

ปีใหม่ ยังไงน้องก็หนีพี่ไม่พ้นแน่นอน

 

แหมะ!

“ใครวะ” ไอ้เอิร์ลชะโงกเข้ามาดูเมื่อเห็นผมโยนรูปถ่ายของไอ้กำพลที่ได้แอบถ่ายไว้ตรงหน้า “พ่อมึงเหรอ”

ป้าบ!

“โอ๊ย! หัวกู!”

“ตลกละสัส”

“อูยยย” หน้าจืดๆ ของมันทำเหยเก “ก็เห็นแก่แหง็กขนาดนี้”

มึงจะทักคนแก่ทุกคนว่าเป็นพ่อกูไม่ได้นะไอ้ห่า! “กูอยากให้มึงใช้ความสามารถในการเสือกให้หน่อย”

“…”

“แบบที่มึงชอบหาวาร์ปสาวๆ ตามเฟซบุ๊ก”

“นั่นมันสาวๆ สวยๆ มั้ยสัส” ไอ้เอิร์ลหยิบรูปขึ้นมาพิจารณา มีการทำหน้าตาสะอิดสะเอียนอีกตะหาก “แล้วไอ้แก่นี่ก็ห่างไกลคำว่าสวยๆ ซะด้วย”

“มึงมีอะไรกับคนนี้วะดิว” ไอ้ทิมเข้ามานั่งร่วมวง มันหยิบรูปไปพิจารณาซึ่งสุดท้ายก็ทำหน้าเหยเกไม่แพ้กัน “พ่อมึงเรอะ”

“…” สัสเอ๊ย! เลิกตลกแดกกันซะที “ช่วยหน่อยไอ้เอิร์ล ถือว่ากูขอร้องก็ได้”

ไอ้เอิร์ลหรี่ตาดูท่าทีผมด้วยความสงสัย “บอกมาก่อนว่าไอ้นี่สำคัญยังไง”

“…”

“นั่นสิไอ้ดิว อยู่ๆ มึงคงไม่อยากลุกขึ้นมาตามหาวาร์ปคนแบบนี้หรอก” ไอ้ทิมเค้นเช่นกัน “สำคัญยังไงวะ”

เฮ้อ! ถ้าผมไม่พูดก็คงไม่เลิกเค้นใช่มั้ยวะ ก็ได้! “มันเป็นเสี่ยของน้องปีใหม่”

ขวับ! ไอ้สองตัวนั้นสะบัดหน้ามองกัน

ไม่ได้อยากจะให้พวกมันมองน้องในแง่เสียๆ เลยนะ แต่ช่วยไม่ได้ เสือกเค้นกันเอง

“อย่างนั้นก็แสดงว่า...” ไอ้เอิร์ลชี้นิ้ว

ไอ้ทิมก็ตามเออออ “มันเป็นศัตรูหัวใจของมึง!”

ไอ้ห่า! ผมล่ะโคตรเกลียดจังหวะรับส่ง

“ฮะ!?”

“ใช่มั้ยล่ะ” ไอ้เอิร์ลลุกพรวด ยืนค้ำผมที่นั่งอยู่บนโซฟา “มันจะกำลังจะแย่งน้องไปจากมึงใช่มั้ย”

“…”

“และมึงก็ทนเห็นน้องอยู่กับคนแก่ๆ แบบนี้ไม่ได้ เพราะมึงรักน้องเต็มหัวใจ!”

“อ่า…” ฉิบหาย! เชื่อมโยงเก่งสัส! “ปะ...ประมาณนั้น”

“นั่นไงไอ้เอิร์ล! กูบอกแล้วว่าเพื่อนเรามันกำลังจะมีเมีย!”

ดีใจกันออกนอกหน้าจังนะพวกมึง แต่ต้องเปลี่ยนเรื่องก่อนครับ มันโห่ร้องดีใจกันอย่างนี้แล้วแม่งเขิน

“แล้วมึงอยากให้กูเปิดวาร์ปไอ้แก่นี่ทำไมวะ”

“กูติดต่อปีใหม่ไม่ได้ ก็เลยคิดว่าถ้ารู้ว่าไอ้นี่คือใครจะได้ตามตัวน้องเจอ เผื่อสองคนนั้นจะอยู่ด้วยกัน” ผมหันไปตอบไอ้เอิร์ล แต่อีกฝ่ายหัวใส่ซะงั้น

“มึงนี่มันทำอะไรให้ยากจริงจริงๆ” มันว่า “กูมีวิธีที่ดีกว่านั้น”

แล้วมันก็ลุกพรวดวิ่งกลับไปห้องนอนก่อนจะกลับมาพร้อมคอมพิวเตอร์ในเวลาอันรวดเร็วประหนึ่งเดอะแฟลช

“เอาเบอร์น้องมา”

“บ้าเรอะ! กูไม่ให้” เบอร์น้อง ผมต้องมีคนเดียวสิครับ หวงงง

“เร็วๆ ไอ้ดิว จะให้กูตามหาน้องให้มั้ยฮะ”

“ตามหาด้วยเบอร์โทร.เนี่ยนะ!”

“เออน่า เงียบปากแล้วบอกเบอร์กูมาสักที”

อะไรของมันวะ

ถึงจะงงๆ ปนระแวง แต่สุดท้ายผมก็บอกเบอร์น้องจนครบสิบหลักจนได้ ไอ้เอิร์ลก็กรอกข้อมูลยุกยิกอะไรไม่รู้บนหน้าจอ เหมือนเป็นโปรแกรมอะไรสักอย่างที่ผมไม่เคยเห็น

“ไอ้ทิม ตะกี้มึงจดทันปะ”

“จด” คนโดนถามโชว์กระดาษในมือ

“ดีมาก เป็นงานสุดๆ”

“ไอ้พวกเหี้ย!” เห็นมั้ยครับว่าพวกมันร้ายขนาดไหน! โว้ยยย แน่จริงมึงโทร.เลย ขนาดกูยังโทร.ไม่ติด พวกมึงอย่าคิดจะหวัง!

“ชู่ว์ เงียบปากแล้วก็ดูซะ”

ไอ้เอิร์ลหันคอมมาทางผม ตอนนี้หน้าจอมันกำลังโชว์แถบสีแดงๆ เหมือนกำลังดาวน์โหลดเกม มันเริ่มจากสิบเปอร์เซ็นต์แล้วก็ค่อยๆ กระดึ๊บๆ ไปเรื่อยๆ เป็นสิบยี่สิบ

อ๋อ ผมเข้าใจแล้ว!!! “นี่มึงสืบที่อยู่กับจากเบอร์น้องเรอะไอ้เอิร์ล!”

“ยินดีต้อนรับสู่ศตวรรษที่ยี่สิบสองจ้า”

“แบบนี้ไม่ผิดกฎหมายเหรอวะ”

“หุบปาก! แล้วอยู่เงียบๆ”

เอ๊า! ด่าอีกละ กูแค่อยากรู้ ยังไม่อยากติดคุกโว้ยยย

“มึงดีใจมั้ยวะที่มีเพื่อนช่วยให้มึงสมหวังกับเมียถึงขนาดนี้” ไอ้ทิมตบบ่าปุๆ

“เมียห่าอะไร” เลิกใช้คำนี้สักทีสิวะ แม่งเขินนน “อย่าไปพูดต่อหน้าน้องนะสัส เดี๋ยวเขาจะเสียหายเอา”

“ไม่เป็นวันนี้ก็ต้องเป็นสักวันนึงอยู่ดีปะวะ” แม่งหันมาแซวต่อ “หรือมึงไม่อยากได้”

“อยาก”

“ตอบแทบไม่คิดแบบนี้ ยังมีหน้าจะมาแถไอ้ควาย”

“อยากแต่ค่อยๆ เป็นค่อยไปสิวะ ใครกันมันจะปุบปับเดทกับใครแล้วเรียกว่าเมียเลยแบบไอ้เอิร์ลอะ”

“อ้าวสัส! ลามมาถึงกูละไง” คนถูกพาดพิงตบหัวผมดังป้าบ “อย่าไปจี้เขาเลยไอ้ทิม เขาเป็นผู้ชายสายอบอุ่น เขามีวิธีของเขา”

“เออ กูก็ว่างั้น ไอ้ดิวมึงรู้มะ? ถ้ากูเป็นน้องนะ มีคนพลิกแผ่นดินตามหาแบบนี้แม่งรักตายเลย”

จริงเหรอวะ...

งั้นก็ขอให้รักจริงๆ แล้วกัน อิๆ

“เจอแล้ว!” ผมกับไอ้ทิมสะดุ้งโหยง ไอ้เอิร์ลแม่งตื่นเต้นกว่าผมอีกมั้ง แม่งตบมือฉาดใหญ่ใช้นิ้วชี้หน้าจออย่างโคตรกระตือรือร้น “อยู่แถวอโศก”

“อ้าว!” ผมย่นคิ้ว “แถวนี้อะดิ”

“น้องแม่งอยู่ใกล้เรากว่าที่คิด”

“ใกล้กู!” ผมสวนไอ้ทิมอย่างไว มาใกล้ลงใกล้เรา เดี๋ยวถีบไปโน่น “อยู่ตรงไหนวะไอ้เอิร์ล”

“กำลังเคลื่อนที่” นิ้วของไอ้เพื่อนรักชี้ไปพร้อมๆ กับจุดสีแดงที่เคลื่อนไปตามทางในแผนที่ “หยุดแล้ว!”

“…”

“XXอิซากายะ (บาร์ที่เสิร์ฟเครื่องดื่มพร้อมกับแกล้มอร่อยๆ สไตล์ญี่ปุ่น) ใกล้ๆ คอนโดเรานี่เอง!”

เออว่ะ น้องอยู่ใกล้ผมมากกว่าที่คิดจริงๆ ด้วย

“น้องคงไปกินข้าวกับเพื่อนมั้ง...” ปากผมพูดออกไป

“มึงไม่คิดจะไปหาน้องหน่อยเหรอ” ไอ้ทิมเหล่มอง

“…”

นั่นดิ ไปดีมั้ยวะ...อยู่ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่าครั้งสุดท้ายที่คุยกับน้อง ผมแม่งโดนไล่เหมือนหมูเหมือนหมาว่าอย่าไปยุ่งกับชีวิตของเขาอีก

แต่ใจมันเรียกร้องง่ะ

“แค่น้องปลอดภัยกูก็โอเคแล้ว”

“โอ้โห! พระเอกสัส” เกลียดสีหน้าเหม็นขี้ของไอ้เอิร์ลจริงๆ “มึงแน่ใจได้ไงว่านี่ที่กะพริบอยู่นี่คือน้องปีใหม่”

“อ้าว!” ผมย่นคิ้วสงสัยใส่จุดแดงๆ บนหน้าจอ “ก็ไหนมึงบอกว่าสืบจากเบอร์น้อง”

“เบอร์น้องน่ะใช่...แต่มึงไม่คิดบ้างเหรอว่าน้องอาจจะโดนทำร้าย ตกอยู่ในอันตราย โดนยึดโทรศัพท์’ไรเงี้ย”

“บ้าน่า...” ไอ้เอิร์ลมันดูหนังมากไปปะวะ

แต่ไอ้คนพูดทำเป็นยักไหล่ “ไม่รู้นะกูแค่เดาสิ่งที่อาจเป็นไปได้ บางทีน้องกำลังตกอยู่ในอันตรายจริงๆ ไม่แน่อาจจะโดนขย้ำ”

“…”

“โดนกัด”

“…”

“โดนกระชาก”

“…”

“หรือไม่ก็กำลังโดนลากแรงๆ เจ็บปวดถึงขนาดตะโกนว่า ‘พี่ดิวครับช่วยผมด้วยยย’ ”

โอเค บิ๊ลท์ขนาดนี้กูลุกก็ได้จ้า “กูจะไป”

“ต้องงี้ดิวะ!” ไอ้ทิมตบเข่าฉาดใหญ่อย่างกับเชียร์มวย

“เออให้มันใจๆ หน่อย” ไอ้เอิร์ลเงยขึ้นมาจากคอม “กูอุตส่าห์ช่วยขนาดนี้มึงจะมาป๊อดไม่ได้นะโว้ย”

“เอาใจช่วยกูด้วยแล้วกัน” ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะจัดแต่งทรงผมและเสื้อผ้าตัวให้เรียบร้อย

เอาละไอ้หนู เรามาดูกันดีกว่าว่าหนูอยู่กับใคร ถ้าอยู่กับเพื่อนก็แล้วไป แต่ถ้าอยู่กับไอ้กำพลอะไรนั่น แล้วมันจะลวนลามหรือทำร้ายร่างกายหนูอีก พี่ไม่รับรองความปลอดภัยของมันนะครับ

แล้วจะรู้ว่าเห็นโอตะแบบนี้ก็เอาจริงเป็นเหมือนกัน!

 

XXอิซากายะ

เสียงพูดคุยอึกทึกครึกโครมทักทายผมทันทีตั้งแต่เปิดประตูเข้าไป ผมโคตรชอบบรรยากาศแบบนี้เลย มันญี่ปุ๊นนนญี่ปุ่นนน ซึ่งมันคือวัฒนธรรมที่ผมชอบเป็นพิเศษ แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาสั่งเบียร์ลูกผู้ชายหรือนาเบะหม้อไฟ ผมต้องตามหาปีใหม่ต่างหากเล่า!

ยังไม่มีเด็กเสิร์ฟคนไหนเห็นผม เวลาเลิกงานคนก็เยอะแบบนี้แหละ เพราะฉะนั้นมันเลยเป็นโอกาสที่จะให้แว่บเข้ามาซ่อนตัวในห้องครัว

อยู่ไหนวะ...กวาดสายตามองตามโต๊ะต่างๆ จากตรงนี้แม่งก็ยังไม่เห็นหน้าใสๆ ตาโปนๆ ตามเอกลักษณ์น้องปีใหม่เลย หรือไอ้เอิร์ลมันหลอกผมวะ เวรละไง

“นี่แก!”

สัส! หลบได้ไม่ถึงสองวิก็โดนจับได้ซะแล้วเหรอวะ เส็งเคร็ง!

ผมค่อยๆ หันไปยิ้มแห้งๆ ให้กับเจ้าของเสียง แล้วพบว่ามันคือคุณลุงหัวล้านใส่แว่นในชุดยูกาตะที่กำลังเท้าเอวยืนมองผมอย่างเดือดดาล

ฉิบหายแล้ววว โดนจับจนได้

“เด็กใหม่นี่มันใช้ไม่ได้เลย”

หะ…หา!?

“คือว่า...”

ผมยังไม่ทันอ้ำอึ้งได้จบอีกฝ่ายก็สวนทันควัน “ไปหยิบผ้ากันเปื้อนมาใส่!”

“…”

“แล้วเอาของพวกนี้ไปเสิร์ฟที่ห้องวีไอพีหนึ่งด้วย!” คุณลุงชี้ไปที่ถอดอาหารที่วางอยู่ใกล้ๆ “เร็วสิ ชักช้าทำไม! เดี๋ยวท่านประธานกำพลก็อาละวาดหรอก!”

ผมนี่หูผึ่งทันทีเลย อ้าวนี่มันชื่ออริทางหัวใจของผมนี่หว่า หวังว่าจะเป็นกำพลเดียวกันนะ

ผมเลยไม่รอช้า หยิบผ้ากันเปื้อนที่ใครไม่รู้แขวนทิ้งไว้ขึ้นมาใส่ พอเดินผ่านกระจก โอ้โห! มาดผมแม่งให้มาก เหมือนพ่อครัวหล่อๆ ผู้ทำอาหารอร่อยจนผู้คนหลั่งไหลแบบการ์ตูนเรื่องยอดนักปรุงโซมะ

“เร็วๆ สิ!”

“คร้าบๆ” ลุงนี่ก็เร่งผมจัง สงสารลูกน้องลุงเลย เจอเจ้านายดุแบบนี้

ผมหิ้วถาดอาหารออกมาจากครัวแล้วก็เพิ่งนึกขึ้นมาได้

ไอ้ห้องวีไอพีหนึ่งมันอยู่ตรงไหนวะ ฉิบหายละไง

“นายๆ” ผมตัดสินใจเรียกเด็กเสิร์ฟหน้าติ๋มๆ ที่เดินผ่าน “รู้มั้ยว่าห้องวีไอพีหนึ่งอยู่ไหน”

เด็กเสิร์ฟหนุ่มมองผมหัวจรดเท้า...เวรละ! โดนจับได้แหง เส็งเคร็งเอ๊ยยย

แต่ทว่าเด็กหนุ่มกลับมองด้วยแววตาเหยียด “เด็กใหม่สินะ...”

อ้าว! “ครับ”

“เฮอะ!” แน่ะ! ยังเหยียดกูไม่เลิก เดี๋ยวปั๊ดทุ่มด้วยแซลม่อนซาชิมิ

แล้วขอสงสัยอีกอย่างนะ คือคนร้านนี้มันจับพิรุธผมไม่ได้กันเลยหรือยังไง ไม่สงสัยกันหน่อยเรอะ! แม่งเอ๊ย! สงสัยมาดผมแม่งเหมาะกับเด็กเสิร์ฟจริงๆ

“…”

“อยู่ชั้นสอง...” ผมมองตามนิ้ว ซึ่งชี้ไปยังช่องกำแพงเล็กๆ ใกล้ห้องน้ำ

“ไม่เห็นมีบันไดเลย” ผมว่า

“ผลักกำแพงออกไปแล้วจะเจอ” คนตรงหน้าผมเหยียดมุมปาก “ดูท่าจะไปไม่รอดแล้วละมั้ง”

ดูท่ายืนตรงนี้คงจะโดนกัดไม่เลิก งั้นไปดีกว่า “ขอบคุณนะครับ”

ผมหิ้วถาดอาหารเดินหนีเด็กเสิร์ฟยอดนักเหยียดไปยังช่องกำแพงที่ว่า เอ?...มันต้องเปิดยังไงวะเนี่ย ลองเอามือผลักไปมั่วๆ ก่อนแล้วกัน

แปะ แปะ...แอ๊ดดดดดด

เฮ้ยยย นี่มันทางลับ ซีเครสเอ็นทรานซ์!!! เดี๋ยว...แล้วกูจะตื่นเต้นทำไม ไม่ได้เล่นทูมเรเดอร์อยู่ไอ้ห่า

พอช่องกำแพงถูกผลักเข้าไป ผมก็เห็นบันไดที่ทอดยาวไปสู่ชั้นสอง...ทำไมมันมืดจังวะ แถมยังวังเวงฉิบหาย! ไอ้ห่านั่นมันหลอกผมหรือเปล่าเนี่ย

“$DW($@_!($!”

เฮ้ย! ด้านบนนั้นมีเสียงคุยกันวะ ดูเหมือนจะไม่ใช่ภาษาไทยซะด้วย...แต่ฟังดูแล้วแม่งคุ้นๆ เหมือนเคยผ่านหูผ่านตาที่ไหน

จากการที่เสพมังงะอะนิเมะ รวมถึงหนังทุกประเภท...ขอฟันธงว่ามันคือ ภาษาญี่ปุ่น!

เอ?...จากโหงวเฮ้งไอ้กำพลแล้วดูแม่งไม่ค่อยมีความรู้เท่าไหร่ เป็นไปไม่ได้เด็ดขาดว่ามันจะพูดภาษาญี่ปุ่นได้ สงสัยเสียงคงดังมาจากห้องอื่นละมั้ง แถวนี้คนญี่ปุ่นเยอะ อาจจะนัดกันมารวมตัวสังสรรค์หลังเลิกงาน

พอเดินขึ้นบันไดมาชั้นบนสุด ผมก็เห็นแสงสว่างที่ส่องมาจากห้องห้องเดียวท่ามกลางความมืดมิดของห้องอื่นๆ ที่ไม่ได้เปิดใช้ แปลว่า...เสียงดังออกมาจากห้องนี้ล้วนๆ

ฉิบหาย! ผมเริ่มกลัวจริงๆ แล้วครับ

งั้นแผนเราตามนี้นะ เราจะเอาอาหารเข้าไปเสิร์ฟ ถ้าไม่ใช่กำพลเดียวกับที่ผมเข้าใจ เราจะค่อยๆ ย่องออกมา โยนผ้ากันเปื้อนและเผ่นแนบออกจากร้าน แล้วค่อยไปตบหัวไอ้เอิร์ลทีหลัง โทษฐานที่แม่งมั่วพามาให้ผมลำบาก

โอเค นิ่งไว้ไอ้ดิว สร้างคาแร็กเตอร์เด็กเสิร์ฟให้แนบเนียนหน่อย

ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!

หลังจากผมเคาะไปไม่นาน ประตูแบบญี่ปุ่นก็ถูกเลื่อนออกทำให้ได้ยินเสียงพูดคุยที่ดังกระหึ่มขึ้นกว่าเดิม และตอนนั้นเองที่ตาผมมองไปเห็นคนที่นั่งหัวโต๊ะเต็มๆ ตา

ไอ้กำพลจริงด้วย!

ฮะ...เฮ้ย! และที่สำคัญ ข้างๆ กันนั้นคือน้องปีใหม่!!!

กูว่าแล้วเชียว!!!

ปีใหม่กำลังนั่งเหม่อลอยแถมยังบุ้ยปากด้วยอาการแบบคนเซ็งโลกสุดๆ วันนี้น้องใส่เสื้อแขนยาวสีชมพูชานม เพราะฉะนั้นมันจึงโดดเด่นท่ามกลางคนอื่นๆ ที่ใส่สูทสีดำและทุกคนล้วนมีอายุแล้วทั้งนั้น

ไม่รู้ทำไมผมถึงใจเต้นซะดื้อๆ คงเป็นเพราะผมเห็นน้องปกติครบร้อยเปอร์เซ็นต์ละมั้ง หรือไม่ก็เป็นเพราะน้องใช้กิ๊บสีเหลืองกับสีชมพูหนีบผมที่เริ่มยาวของตัวเองไม่ให้ปรกหน้าปรกตา มันเป็นลุค

เก้าศูนย์หน่อยๆ ที่ผมไม่เคยเห็น แม่งโคตรน่ารักน่าฟัดโมเอะโชตะเฮนไตสุดๆ เห็นแล้วรู้เลยว่าใจกำลังโดนตก

ผมชอบน้องจริงๆ ว่ะ ขอพูดแบบไม่อายเลย

“ไอ้เด็กเสิร์ฟยืนนิ่งอยู่นั่นแหละ!”

“คระ...ครับ!” ฉิบหาย มัวแต่งับเบ็ด ลืมไปว่ากำลังอยู่ในคราบเด็กเสิร์ฟ “จะไปเสิร์ฟเดี๋ยวนี้แหละครับ”

จังหวะที่ผมกำลังเดินเข้าใกล้โต๊ะนั่นเอง ตาโปนๆ ของปีใหม่ก็มองเห็นผมจนได้ เหมือนน้องจะตกใจมากที่เห็นผมอยู่ตรงนี้ เพราะดูสิครับ อ้าปากค้างคางแทบจะติดโต๊ะอยู่แล้ว แต่สุดท้ายน้องก็ต้องทำเนียนเป็นนิ่ง คงกลัวคนข้างๆ จะสงสัยเอาละมั้ง

ผมวางหมูบดย่าง ซาชิมิ และเหล้าบ๊วยราคาแพงบนโต๊ะไม้ทรงสี่เหลี่ยม ท่ามกลางสายตาของปีใหม่ที่ยังคงจ้องผมไม่เลิก

ก็เลยยิ้มเหยอๆ ให้ไปทีนึง อิๆ

แน่ะ! หลบหน้าทันทีเลยนะครับ

โด่ว ก็อยากเจอเหมือนกันแหละ รู้หรอก

“ไอ้เด็กเสิร์ฟ เติมชาให้หน่อย”

ชิท! ไอ้กำพลรีเควสต์เครื่องดื่มว่ะ ทำยังไงดีวะ...เฮ้ย! ใกล้ๆ ผมมีรถเข็นที่มีเหยือกน้ำตั้งอยู่ ถ้าจำไม่ผิดนี่แหละเอาไว้เติมชา

แม่งเอ๊ย! เคยแต่ใช้บริการเขา เข้าใจความลำบากของพี่ๆ เด็กเสิร์ฟก็วันนี้แหละ ต่อจากนี้ผมจะไม่ทำให้พวกพี่ยุ่งยากอีกแล้วครับ

“พี่ดิว” ปีใหม่อาศัยจังหวะที่ไอ้กำพลคุยกับคนข้างๆ กระซิบกระซาบกับผม สายตาก็สำรวจไปรอบๆ กลัวจะมีใครมองอย่างหวาดระแวง “มาได้ยังไงเนี่ย”

“คิดถึง”

“…”

“ทำไมพี่ถึงโทร.หาหนูไม่ติด”

“กลับไปเดี๋ยวนี้!”

“ตอบคำถามพี่มาก่อน” ทำเป็นเฉไฉนะ เดี๋ยวหอมหัวโชว์ไอ้พวกนี้ซะนี่ (พูดไปงั้นแหละครับ ใครจะกล้า กลัวตาย)

ปีใหม่ทำหน้าดุใหญ่เลย “ก็บอกแล้วไงว่าผมไม่อยากให้พี่มายุ่งกับเรื่องนี้”

“แล้วไม่คิดว่าพี่จะเป็นห่วงหรือไง”

“อะ…” หึ! ถึงกับอ้ำอึ้งพะงาบๆ พูดไม่ออก “กลับไปซะเถอะพี่”

“ไม่ วันนี้หนูต่างหากที่ต้องไปกับพี่”

“…”

“พี่มาหาถึงพี่แบบนี้ หนีไม่พ้นแล้วนะครับ” ผมเหลือบมองคนที่นั่งอยู่ “ลุคนี้น่ารักดีนะ ทำไมไม่แต่งแบบนี้ตอนอยู่กับพี่บ้างล่ะ”

แก้มขาวๆ เริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดง “ล้น”

“ฮะ!?” เนี่ย ชอบตอบไม่ตรงคำถาม เด็กอะไรวะ!

“ล้น - แล้ว - พี่” ปีใหม่กระซิบลอดไรฟัน ตาก็พยักพเยิดไปยังแก้วน้ำที่ผมกำลังเติมชาลงไป

ชิททท! เจิ่งนองล้นแก้วเป็นน้ำตกไนแองการ่าแล้วสัส!!!

“เฮ้ยยย!!!” ดูเหมือนปริมาณน้ำจะมากพอที่มันจะท่วมโต๊ะและไหลลงตักไอ้กำพลและน้องปีใหม่ไปเรียบร้อย “ทำอะไรของมึงวะ!!!”

ผมไม่ได้สนใจเสียงโวยวายของไอ้กำพล รีบหยิบผ้าสีขาวบนรถเข็นหวังจะเช็ดขาน้องทันที แต่พอหามันกลับพบว่ามือเหี่ยวๆ ของมันลูบไล้อยู่ที่เนื้ออ่อนใต้กางเกงขาสั้นก่อนแล้ว

โห! มือสั่นเลยกู มึงมีสิทธิ์อะไรมาจับขาอ่อนน้องวะ!

“เปียกหมดเลยไอ้หนู”

ไอ้หนู...?

หรรมเอ๊ย! มึงมาใช้คำเรียกเดียวกับกูทำไมวะ!!!

“ไม่เป็นไรครับท่านประธาน” น้องพยายามห้ามมือคนที่แก่กว่า ฮ่าๆๆ สมน้ำหน้า เด็กเขาไม่เล่นด้วย

ว่าแต่น้องเรียกมันว่าท่านประธานเหรอ...อะไรวะ แถวนี้มีงานทอดกฐินผ้าป่ากันรึไง

กำพลจิ๊ปากใส่คนข้างๆ แบบไม่พอใจที่เด็กมันดื้อ ก่อนจะแบมือมาทางผม “เอาผ้ามา!”

ดุจังนะสัส ลองคุยกันดีๆ ดูดิ๊

“กลับไปซะ” ปีใหม่ยังคงไล่ผมไม่เลิกด้วยการขยับปากแบบไม่มีเสียง

ผมเลยทำกลับไปแบบเดียวกัน “ไม่!”

จะยืนมุมห้องในมาดเด็กเสิร์ฟจับตาดูน้องไปเรื่อยๆ แบบนี้แหละ ถ้าไม่คิดจะกลับด้วยกันก็คอยดู...หรือแว่บไปกดเงินสักแสนนึงแล้วมาโยนหน้าไอ้กำพลเลยดีวะ ประมาณว่าเอาเงินมึงไป เอาเด็กให้กูมา’ไรเงี้ย

“ท่านประธานครับ!” จู่ๆ ก็มีชายชุดดำกลุ่มหนึ่งเลื่อนประตูเปิดออกมา “คุณทานากะเดินทางมาถึงแล้วเรียบร้อย”

“ดี” คนหัวโต๊ะพยักหน้า “ให้เข้ามาได้เลย”

หลังจากอนุญาตได้ไม่นาน ก็ปรากฏคนอีกกลุ่มหนึ่งกรูกันเข้ามานึกว่ากองทัพสหรัฐ ที่สำคัญทุกคนแม่งใส่ชุดสูทสีดำแบบเดียวกันทุกคนเลย แล้วดูคนที่เป็นเหมือนหัวหน้าพวกนั้นสิ จากที่ได้ยินว่าตาคนนี้ชื่อทานากะทำให้ผมรู้เลยว่าลุงแกเป็นญี่ปุ่นแน่นอน ผมจับตามองลุงแกไปจนถึงที่นั่งซึ่งเป็นหัวโต๊ะฝั่งตรงข้ามไอ้กำพลพอดี

เอ่อ...แม่งไม่ค่อยไว้ใจรอยยิ้มร้ายๆ ของลุงยุ่นนี่เลยว่ะ แล้วดูลูกน้องสูทดำข้างหลังนั่นสิ ท่าทางพร้อมเดือดอยู่ตลอดเวลาเลยครับ

นี่กูกำลังดูหนังเรื่องเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้อยู่หรือไงวะเนี่ย

“คุณทานากะ” บักห่ากำพลโค้งหัวคำนับตามวัฒนธรรมของแขก “ยินดีที่ร่วมโต๊ะทานอาหารกันนะครับ”

“เข้าเรื่องเถอะท่านประธาน” สำเนียงไทยที่ไม่ค่อยชัดพูดสวน “ที่คุณเรียกผมมาวันนี้ก็เพื่อบังคับให้ผมลงนามการค้าอาวุธไม่ใช่รึไง”

ฉิบหาย! ไม่ใช่เล่นๆ ละไง พาตัวมาผิดที่แล้วมั้งกู

ทว่าถึงแม้จะโดนกัด คนหัวโต๊ะที่นั่งข้างๆ ปีใหม่ก็ยังทำเป็นยิ้มสู้ “ผมแค่เรียกคุณมาเพื่อปรับความเข้าใจให้ตรงกันว่าเรายังเป็นพันธมิตรที่ดี การที่คุณคิดจะแยกตัวออกไปเป็นนายหน้าเองอาจจะเป็นการคิดผิด”

“ก็เพราะคุณเอาแต่ขูดเลือดขูดเนื้อเราตลอดเวลา!!!”

ลูกน้องไอ้กำพลที่ยืนอยู่ด้านหลังทำท่าจะเดินเข้ามา มีการจะเอามือล้วงอะไรบางอย่างขึ้นมาจากกระเป๋ากางเกงซะด้วย แต่ดูเหมือนหัวหน้ามันจะยกมือห้ามไว้ได้ทัน

“กลับไปยืนที่เดิมซะ” ท่านประธานสั่งลูกน้อง จากนั้นก็หันมาปั้นยิ้มต่อ “คุยกันดีๆ มั้ยครับคุณทานากะ เกรงใจพันธมิตรคนอื่นๆ ของเราด้วย”

อ๋อ...พวกคุณลุงที่นั่งอยู่คงเป็นคนใหญ่คนโตทั้งนั้นเลยสินะ เพิ่งเห็นว่านอกจากคนเอเชียก็ยังมีฝรั่งนั่งอยู่ด้วยสองสามคน หลากหลายยิ่งกว่าห้องประชุมที่สหประชาชาติซะอีก

“พวกนี้มันก็กลัวคุณกันทั้งนั้น” คุณลุงทานากะยังแค้นไม่เลิก กลัวความดันแกกำเริบจังเลย “คิดเรอะว่าในนี้จะไม่มีใครอยากหนีจากคุณ”

พอได้ยินแบบนั้นเสี่ยกำพลก็กวาดสายตามองไปรอบโต๊ะเลยครับ พวกลุงๆ แม่งทำหน้างึดกันเป็นแถว

“มีใครกำลังไม่พอใจผมมั้ย”

“…”

“พูดออกมาเลยตอนนี้ นี่คือโอกาสแล้ว!!!”

เงียบกริบ...ได้ยินแม้กระทั่งเสียงซดซุปนาเบะจากคุณลุงที่ใส่แว่นคนนึง

“ไม่มี...” แหมมม ก็มึงขู่เขานิ “เห็นมั้ยครับคุณทานากะ”

พูดตรงๆ นะ ไอ้เสี่ยกำพลนี่ก็น่ากลัวเอาเรื่องเหมือนกัน โอยยย เห็นแล้วแม่งอยากลากแขนน้องออกจากห้องตอนนี้เลยอะ ปีใหม่! หนูมาอยู่กับคนแบบนี้ได้ยังไงวะ!!!

“หึ! พวกขี้ขลาด” ว่าแล้วคุณทานากะอะไรนั้นก็หยิบอะไรบางอย่างขึ้นมาวางบนโต๊ะ

เดี๋ยวนะ นะ...นั่นมัน!

ปืน!!!

แล้วไม่ใช่แค่ลุงแกหยิบขึ้นมาโชว์คนเดียวนะ ลูกน้องลุงแม่งควักอาวุธมาอวดทุกคนเลยอะ มีหมดทั้งปืน มีด ไม้หน้าสาม และแม้กระทั่ง...ดาบซามูไร!!!

ตายๆ ดูก็รู้ว่าของแท้ทั้งนั้น ตายๆๆ กูมาอยู่ในนี้ทำไมวะเนี่ย

“ใจเย็นก่อนคุณทานากะ”

“ในเมื่อพูดดีๆ กับคุณไม่ได้ ก็ต้องใช้วิธีนี้แหละ” ว่าแล้วคุณลุงก็เล็กปากปืนมาทางหัวโต๊ะอีกฝั่ง จากนั้นก็...

ปัง!!!

สัส! ยิงจริงว่ะ!

แต่ไม่โดนไอ้กำพลนะครับ มันแฉลบทะลุกำแพงบางๆ ออกไป ห่างจากหัวผมไม่ถึงสองคืบด้วยซ้ำ!!!

ไอ้ห่า! อริมึงอะไม่ตาย คนจะตายคือกูเนี่ย!

แต่ระหว่างที่ตกใจผมดันมองไปเห็นน้องปีใหม่เข้า รายนั้นยิ่งกว่าผมอีกครับ หน้าเน้อนี่ช็อกไปหมดแล้ว ตาน้องแม่งมีประกายเหมือนกำลังจะร้องไห้ พอผมเห็นแล้วแม่งใจฝ่อเลย

“บอกให้ออกไป!” น้องยังคงไล่ผมแบบไม่มีเสียงเช่นกัน แต่คราวนี้ออกแนวขอร้องมากกว่า ถึงยังไงผมคงออกไปไม่ได้แล้วละครับ ก็ไอ้ลูกน้องลุงทานากะอะไรนั่นยืนขวางประตูกันเต็มไปหมดเลย

ไม่มีทางเลือกแล้วครับ ผมต้องอยู่ในเหตุการณ์นี้ต่อไป!

“นัดหน้าผมไม่พลาดแน่” คุณทานากะแสยะยิ้ม

ทำไมลุงแม่งมั่นใจนักวะ คนก็น้อยกว่าเห็นมั้ยเนี่ยยย

แต่ไอ้กำพลกลับหันไปมองคนข้างๆ “ไอ้หนู”

พอโดนมองจากคนทั้งห้อง ปีใหม่ถึงกับสะดุ้งเลยครับ ตานี่มองผมกับคนข้างๆ สลับกันไปมาอย่างหนักอกหนักใจ “คือว่า...”

“มองอะไร” ฉิบหาย! ไอ้กำพลมันรู้แล้วว่าน้องมองผม มันเห็นผมจนได้ “รู้จักเด็กเสิร์ฟคนนี้เหรอ!”

“…”

“แล้วมึงเป็นใคร มายืนทำบ้าอะไรในนี้!”

โหย! ถ้าให้อธิบายคงยาวอะเสี่ย เอาเป็นเวลามีเวลาสักสองสามนาทีมั้ยครับ

“เลิกเปลี่ยนเรื่องกันสักที!” คุณทานากะตะโกนอีกรอบ ฉุนเฉียวชิบเป๋งเลยรายนี้ “นับแต่นี้ไป ผมขอแยกตัวออกจากกลุ่ม!”

“นั่นเท่ากับว่าคุณคิดจะตั้งตนเป็นศัตรูกับผมสินะ...”

“ก็ยังดีกว่าปล่อยให้ตัวเองโดนกดขี่กับคนเอาเปรียบอย่างคุณ”

เลิกเล่นหนังกันทีสิวะ มีกล้องซ่อนอยู่แถวนี้รึเปล่าวะเนี่ย ใครก็ได้บอกกูทีว่านี่มันเรื่องอะไร

“ไอ้หนู!” กำพลหันไปหาเด็กอีกรอบ “เร็ว!”

“แต่ว่า...”

“มัวแต่มองเด็กเสิร์ฟอยู่นั่นแหละ” อย่ามาทำหน้าเหยียดใส่กูนะไอ้เสี่ย เดี๊ยะๆ “เร็ว!!!”

ทำไมมันต้องหงุดหงิดใส่น้องปีใหม่ด้วยวะ มันจะให้น้องทำอะไรงั้นเหรอ...อย่าบอกนะว่าจะให้เอาตัวบังกระสุนให้ ไม่ได้ดิ!

“บอกว่าเลิกเปลี่ยนเรื่อง!!!”

“เฮ้ย!!!” ทุกคนร้องออกมาพร้อมกันมือของลุงทานากะพร้อมจะเหนี่ยวไกอีกครั้ง และดูจากองศา คราวนี้ปากกระบอกปืนชี้เข้าที่เสี่ยกำพลพอดิบพอดี

เวรละ...ถึงจะไม่ชอบหน้า แต่ผมยังไม่อยากให้มันตายตอนนี้นะ ลุงทานากะ ใจเย็นแล้วเอาฮอลล์คูลไปแดกก่อนดิ๊

ปัง!

“ระวัง!” เสียงร้องนี้เป็นของน้องปีใหม่ ผมเกือบใจหายวาบไปแล้วเพราะนึกว่าน้องโดนยิง แต่เปล่าครับ น้องแค่ผลักตัวกำพลให้ตกจากเก้าอี้เพื่อหลบวิถีกระสุน

เดี๋ยวสิ...รักกันถึงขนาดยอมตายแทนได้แบบนี้เลยเรอะ เจ็บ...เห็นแล้วโคตรเจ็บ แต่ตัวเองก็กลัวตายไปพร้อมกันครับ

“ฆ่ามัน!” พอสิ้นเสียงเสี่ยกำพล ก็เกิดการปะทะกันขึ้นครับ ลูกน้องของเสี่ยแกกับลุงๆ พันธมิตร วิ่งเข้าใส่ลูกน้องลุงทานากะอย่างกับเด็กช่างตีกัน

หึ! ดีละ ขอใช้ความโกลาหลนี้ให้เป็นประโยชน์หน่อยเถอะ!

หมับ!

“พี่ดิว!” ปีใหม่ร้องออกมาตอนที่ผมคว้าข้อมือเข้าให้

“ไปกับพี่!”

“ปล่อย!!!”

ผมล่ะเกลียดสายตาที่น้องมองคนที่นอนกุมท้ายทอยหลบกระสุนอยู่จริงๆ

“ไปกับพี่เถอะ ขอร้อง”

“…”

“นะ” ไปเจอที่ที่ดีกว่า ที่ที่จะมีคนดีๆ ดูแลน้องได้

นั่นคือผม!!!

ผมถือว่าการที่น้องเงียบเป็นคำตอบละกัน ว่าแล้วก็จัดการลากน้องผ่านสมรภูมิครั้งนี้เลยครับ เชี่ยเอ๊ย! ฟัดกันนัวเนียนึกว่าหนังเฉินหลง

“ดูแลท่านประธานด้วย!” ยังเป็นห่วงเป็นใยกันไม่เลิกอีกกกกกก

“เฮ้ย!” ฉิบหายละไง มีพวกชุดสูทกำลังวิ่งขึ้นบันไดมา ลุงทานากะแม่งมีกำลังสนับสนุนเหรอวะ

เอาไงดี ที่นี่ต้องมีทางออกอื่นอีกสิ!

ผมมองซ้ายมองขวาเพื่อดูลาดเลา แม่งเอ๊ย! มืดไปหมด งั้นไปทางซ้ายละกัน ผมเห็นว่ามีหน้าต่างน่าจะพากันปีนออกไปได้

“เร็วๆ” ผมผลักให้ตัวน้องออกไปที่ระเบียงด้านนอกก่อนจะตามออกไป รู้สึกได้ว่ามีคนกลุ่มหนึ่งกำลังวิ่งตามมา เชี่ยเอ๊ยยย จะตามมาทำบ้าอะไรเนี่ย ไปไล่ยิงไอ้กำพลอะไรของมึงโน่นสิวะ

เราสองคนทั้งกระโดด ทั้งปีนป่ายจนในที่สุดก็ถึงพื้นได้สำเร็จ เอ?...จากการคาดเดาของผมตรงนี้แม่งน่าจะเป็นหลังร้าน มันคล้ายซอยเล็กๆ ที่เอาไว้ส่งพวกของสดเข้าครัว ทีงี้ผมต้องไปทางไหนละเนี่ย ทางซ้ายแล้วกัน!

“เวรละ” ผมที่พาน้องวิ่งถึงกับผงะเมื่อเห็นกำแพงปูนสีเทาใหญ่ๆ ตรงหน้า “ทางตัน!”

ฮือออ จะละครแม่งก็ละครฉิบหายเลยเนอะ รีบวิ่งกลับไปทางเดิมให้ไวเลย!

แต่พอจะหันหลังเท่านั้นแหละครับ ผมเห็นว่าพวกผู้ชายสูทดำลูกน้องคุณลุงทานากะยืนเรียงหน้ากระดานรอกันอยู่แล้ว แถมยังมีมาสมทบเรื่อยๆ ตามช่องหน้าต่างที่พวกผมปีนออกมา

“หลบอยู่ข้างหลังพี่” ยอมรับว่าใจแป้วนะ แต่อยากให้น้องปลอดภัย ไม่ใช่มุกด้วย อันนี้ผมจริงจัง

ไอ้ชายฉกรรจ์พวกนั้นยังคงจ้องเราสองคนเขม็ง ไม่คิดจะพูดอะไรสักคำเลยเรอะ

สงสัยอยากให้ผมเป็นฝ่ายเปิด “เด็กคนนี้ไม่เกี่ยว”

“…”

“ทะ...ทะ...ที่จริงผมก็ไม่เกี่ยว” ไอ้ห่าเอ๊ย! ลืมดีเฟ็นด์ตัวเองได้ไง “เราไม่ใช่ศัตรูของคุณนะครับ”

“裕太 山野”

ฮะ...พูดภาษาอะไรวะ

“ผมฟังภาษาญี่ปุ่นไม่รู้เรื่องครับ...” ผมบอกให้หัวโจกที่ยืนอยู่ตรงกลาง

“裕太 山野!!!”

โอ๊ย! ก็บอกว่าฟังไม่รู้เรื่องไงไอ้กระโปก!

เอ๊ะ! หรือว่าเป็นชื่อวะ ได้ยินแว่วๆ ว่า ยูตะๆ อะไรสักอย่าง

“ไม่มีคนชื่อยูตะอะไรทั้งนั้นครับ” ผมว่า “ยูตะคนเดียวที่ผมรู้จักเป็นนักแสดงหนัง แถมเป็นหนังแผ่นซะด้วย!”

พูดไปงั้นแหละ ไม่เคยดูหรอก อิ___อิ

ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่เก๊ตกับมุกของผมเอาซะเลย ยืนกันนิ่งเชียว เอาไงดีวะ ชักจะไม่ดีละ

สงสัยต้องเจรจาต่อไป “ปล่อยพวกเราสองคนไปเถอะครับ”

“หึ!” ไอ้หัวโจกแยกเขี้ยว จากนั้นก็เดินเข้ามาเข้ามาใกล้ ไอ้ตอนแรกก็นึกว่าจะมาชกเรา แต่เปล่าครับ มันทำท่าจะเอาแขนมาคว้าตัวน้องปีใหม่ที่หลบอยู่หลงผมซะงั้น!!!

หมับ!

ไอ้สูทดำทำหน้างงเมื่อผมคว้าหมับเข้าให้ที่แขน “อย่ายุ่งกับน้อง!”

“…”

แต่มันก็พยายามจะจับตัวน้องซะให้ได้ “สัส! กูบอกว่าอย่ายุ่ง!”

“下がれ!”

โอ๊ยยย กูฟังไม่ออกโว้ยยย

ผัวะ!!!

“พี่ดิว!” ปีใหม่ร้องลั่นออกมาหลังจากผมลั่นหมัดใส่หน้าไอ้ญี่ปุ่นนี่

ก็บอกว่าให้ถอยไป แม่งไม่ฟังอะ มัวแต่ทำอะไรอยู่ก็ไม่รู้ นี่ไม่เตะด้วยก็...

ชวิ้ง!

ยังไม่ทันโม้ในใจไม่ทันจบเลยครับ อยู่ๆ ไอ้หน้านกตะกรุมนี่ก็ชักดาบออกมาจากฝักที่มันถือมาด้วยซะงั้น

ใช่ครับ...ดาบจริง ดาบของแท้ เป็นคาตานะแบบซามูไร!!!

ฉิบหายแล้วไงกู!!!

ไอ้เหี้ยเอ๊ย! เอาไงดีวะ ยอมรับครับว่ากลัวตาย แต่กลัวน้องเป็นอะไรมากกว่า ไอ้พวกนี้ไม่ใช่คนของไอ้กำพลซะด้วย มันคงรู้สินะว่านี่เด็กของคู่อริเจ้านายมัน มีหวังน้องแม่งเละแน่ๆ เลยว่ะ

“มึงหาเรื่องเองนะ...” สำเนียงไทยห่วยแตกมาก กลับไปพูดภาษาเดิมของมึงเถอะ

แต่เดี๋ยว นะ นะนั่นมันเดินเข้ามาใกล้ผมเกินไปแล้ว และดูเหมือนว่า...

ฉับ!

“อ๊ากกกกกก” ผมโดนฟัน ผมโดนฟัน อั้กกก แม้จะกระโดดหนีองศาดาบที่มันแกว่งมาได้ทัน แต่ปลายแหลมๆ ของมันก็สะกิดโดนเนื้อเหนือซีโครงผมเต็มๆ สัสเอ๊ย! เลือดออกหมดแล้ว

“พี่ดิวววววว” ปีใหม่เข้ามารับตัวผมที่กำลังเซ เชี่ยเอ๊ย! ผมแสบมาก มันเป็นความรู้สึกที่ผมไม่เคยพบเจอเลย

“หนีไป”

“ยังมีหน้าจะทำเท่อีก!!!” น้องแม่งโมโหมาก หน้าเน่อแดงไปหมด “ทำไมไม่เชื่อกันบ้างเลยฮะ ฮรึก!”

“ร้องไห้ทำไม”

“ไม่รู้ แต่แม่ง...โอย ฮือออ เลือดออกเต็มไปหมดเลย” ปีใหม่ยกมือขึ้นมา แล้วพอเห็นของเหลวสีแดงๆ ที่ติดนิ้วมาด้วยก็ปล่อยโฮใหญ่เลยครับ “มันกะจะเอาพี่ถึงตายเลยรึไง ฮรึกกก”

“หนีเถอะ ตอนนี้อาจจะหนีได้ทันนะ” เห็นหน้าน้องแม่งละอยากจับแก้มขึ้นมาเลย “ไป!”

“ผมจะทิ้งพี่ได้ยังไงวะ!”

“หึ! พูดไม่เพราะเลยไอ้หนู” ผมหัวเราะพร้อมกับส่ายหัว แต่ก็รู้สึกเจ็บแปล๊บขึ้นมาทันที

แต่ในขณะที่น้องกำลังจับมือผมอยู่นั้น ไอ้หัวโจกแก๊งชุดดำก็ทำเป็นตะโกนประกาศศักดา

“แกเป็นอะไรของแก”

ถามมาได้ เจ็บอะสิ! มึงฟันกูตัวเกือบขาดสองท่อนนะสัส!

เอ๊ะ! แต่ดูเหมือนว่ามันไม่ได้คุยกับผมแฮะ...

หรือว่ามันคุยกับปีใหม่?

“บ้าเอ๊ย! ฮรึกกก” น้องขมวดคิ้วสิ้นหวังเหมือนคนจนตรอก “ฮึ่ยยย ผมบอกพี่แล้วใช่มั้ยว่าอย่ามายุ่งกับเรื่องนี้ตั้งแต่แรก!!!”

“…” โมโหอะไรขนาดนั้นวะ

ปีใหม่ปาดน้ำตาน้ำมูกมองผมอย่างโกรธเคืองอยู่แป๊บนึงก่อนจะยืนขึ้นไปประจันหน้ากับพวกนั้น ผมแอบเห็นนะว่าน้องมันเอามือไพล่หลังข้างนึง แถมทำท่าจะล้วงอะไรบางอย่างที่ซ่อนอยู่ใต้เสื้อแขนยาวสีชมพูชานมนั่นด้วย

ฮึ่ม ฮึ่มมม

ซ่า...

เยี่ยม ฝนตกได้ถูกเวลาสัสๆ เลยครับ กูเจ็บไม่พอ มันต้องเปียกด้วยใช่มั้ยฮะ

แล้วน้องจะทำอะไรวะน่ะ ยืนปะทะแบบนั้นไม่ได้กลัวตายเลยรึไง ถอยออกมาปีใหม่!!!

“戦うなら 俺とやれ!コイツは関係ない”

(ถ้าอยากจะสู้ก็สู้กับฉัน ผู้ชายคนนี้ไม่เกี่ยว!)

ฮะ...เฮ้ย! O_O

ปีใหม่พูดภาษาญี่ปุ่น!!!

ได้ไงวะเนี่ยยยยยยยยยยยย

“最初からその刀を持って戦おうとしたら怪我にならなかったのに”

ไอ้หัวโจกดูพออกพอใจเป็นพิเศษเมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าพูดภาษาเดียวกับมัน

(ถ้าแกหยิบดาบตั้งแต่แรกมันคงไม่ต้องเจ็บตัวหรอก)

พะ...พะพูด...พูดอะไรกันวะ ใครก็ได้ขึ้นซับไตเติ้ลให้ผมที!

แต่ในขณะที่ยังงงกับเหตุการณ์ตรงหน้า ผมก็ต้องต้องใจอีกครั้งเมื่อเห็นสิ่งที่น้องหยิบออกมาจากหลังเสื้อ มันคือแท่งอะไรสักอย่างสีดำมันวาวตัดกับเนื้อนุ่มๆ สีขาวจัด ที่ปลายด้ามจับของมันมีตุ๊กตาขนาดจิ๋วห้อยต่องแต่งซึ่งมันเป็นตัวการ์ตูนที่ผมคุ้นเคย

แบดแบดซึมารุ

โอ๊ย! ในโลกซาริโอ้ผมชอบตัวนี้ที่สุดเลย!!!

เดี๋ยววว มึงเจ็บเจียนตายยังมีหน้ามาโอตะอีก โฟกัสสิ่งที่น้องจับก่อนสิวะ นั่นมันฝักดาบไม่ใช่รึไง!!!

“ปีใหม่...” ผมถึงกับอ้าปากค้างเลยครับ วันนี้จะมีเรื่องที่เซอร์ไพรส์ผมอีกกี่เรื่องกันวะ!

“หึ!” เจ้าของชื่อหันมาโชว์เสี้ยวหน้า “บอกแล้วว่าพี่ไม่เหมาะกับโลกของผม”

ชวิ้ง!

ชะ...ชะชักดาบอออกมาแล้วว่ะ

ปีใหม่ถือดาบไว้มือนึง ส่วนอีกมือนึงก็ถือฝักดาบเอาไว้ บอกเลยครับว่าท่าทางน้องแม่งโปรมาก อย่างกับถนัดกับเรื่องแบบนี้!

“เข้ามา!”

“気合い!!!”

ถึงแม้พวกสูทดำจะกรูกันเข้ามาอย่างน่ากลัว แต่นั่นไม่ได้ทำให้ปีใหม่ผวาแต่อย่างใด น้องแม่งยืนนิ่งมากเหมือนกับกำลังทำสมาธิ และเมื่อไอ้หัวโจกที่วิ่งเข้ามาใกล้หวังจะฟันเข้าเอวจังๆ น้องกลับก้มตัวหลบคมดาบได้อย่างมืออาชีพมากๆ แถมมีการฟาดไปแรงๆ ที่หัวของอีกฝ่ายด้วยฝักดาบถืออยู่ ก่อนจะตามด้วยการตวัดแกว่งคมดาบอย่างทะมัดทะแมงและรวดเร็วจนถ้าไม่สังเกตคงจะมองตามไม่ทัน

ผัวะ! ฉับ!

ของเหลวสีแดงกระเด็นเข้าตาผมอย่างจัง พร้อมกับสัมผัสได้ถึงแรงควายที่ล้มคว่ำตรงหน้าผมจนพื้นสั่น เชี่ยยย!!! ไอ้หัวโจกดิ้นแด่วๆ ก่อนจะแน่นิ่งไปต่อหน้าต่อตา

ส่วนผมน่ะเหรอ...ก็อ้าปากค้างสิครับ!!!

ปีใหม่...หนูคือใครกันแน่!

ผัวะ! ฉับ!

ฉับ ฉับ ผัวะ!

ผัวะ!

ผมมองเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยความช็อก น้องแม่งทำให้ไอ้พวกนั้นล้มกันเกินครึ่งในเวลาไม่ถึงห้านาที และระหว่างที่น้องแม่งพลิ้วไหวอย่างกับระบำดาบอยู่นั้น คำที่น้องเคยพูดกับผมก็ลอยกลับมาในหัวอีกรอบ

‘พี่ไม่เหมาะกับโลกของผมหรอก’

‘พี่อย่ามายุ่งกับเรื่องนี้เลยจะดีกว่า’

‘พี่ไม่มีทางเข้าใจเรื่องนี้หรอก’

เวรเอ๊ย! กูฝันอยู่หรือเปล่าวะเนี่ย ฮือออ ไอ้เอิร์ลปลุกกูที!

เฮ้ย! นั่น! เหลือคนสุดท้ายแล้ว

“ไฮ่ย่าห์!” ไอ้ตัวกระเปี๊ยกผู้ยังรอดชีวิตกระโดดไปมาเหมือนกำลังจะก่อกวน

“…”

“ฮะเช่ ฮะโช่ว ไฮ่ย่าห์”

“…”

“ไฮ่…”

ปีใหม่ที่มองตามท่าทางกวนตีนนั้นถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ก่อนจะคว้าปืนจากร่างของชายชุดดำคนนึงที่นอนโอดโอยอยู่แทบเท้า และ...

“ไฮ่ย่าาาาาห์!”

ปัง!

ไอ้เปี๊ยกล้มในนัดเดียว...

“気のないふりして”

(ลีลาอยู่นั่นแหละ)

ขวับ!

ผมสะดุ้งโหยงเมื่อปีใหม่หมุนตัวกลับมามอง ผมถอยกรูดติดกำแพงตอนที่อีกฝ่ายสะบัดดาบแรงๆ เหมือนต้องการล้างคราบเลือดกับสายฝนก่อนจะเสียบมันกลับเข้าฝัก

“พี่ดิว...”

อย่ามาเสียงอ่อนเสียงหวานสิวะ “ออกไป!!!”

“…”

“มึงเป็นใคร!!!”

ตาโปนที่ผม (คิดไปเองว่า) คุ้นเคยดีหรี่มอง ถึงมันจะดูน่าทะนุถนอมเหมือนแต่ก่อน แต่วันนี้ผมมองมันเปลี่ยนไปแล้ว

แม่งเอ๊ยยย! โคตรจะน่ากลัวเลย แต่ก่อนคิดว่าน่ารักไปได้ยังไงวะ

ปีใหม่หยุดกึก “พี่...พูดมึงกับผมเหรอ”

“เออดิ!” จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยังจะให้กูเรียกน้องได้อีกเรอะ

“พี่ดิว...”

“อย่าเข้ามานะไอ้สัส” ฮือออ ขอถอยหนีก่อนครับ อย่ามาอยู่กับกุ้ง อย่ามาอยู่กับกุ้ง อย่ามาอยู่กับกุ้ง!

“เอ๊า! ทำไมพี่พูดคำหยาบกับผมล่ะครับ”

“มึงฆ่าพวกมันได้ไง!”

“ผมไม่ได้ฆ่า แค่สู้เฉยๆ ไม่มีใครตายจริงๆ หรอก มันแค่โอดโอยไปงั้นแหละ”

หึ! แล้วไอ้ที่นอนกองกันอยู่ตรงหน้านี้คืออะไรวะ แม่งเรียงรายอย่างกับใครมาตากปลาสลิด

“เชี่ย” ผมผวาตอนที่น้องยื่นมือเข้ามา ปีใหม่จ้องผมด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เหมือนกับต้องการปลุกขวัญกำลังใจด้วยความน่ารักของตัวเอง ยอมรับครับว่ากิ๊บที่ติดอยู่บนผมเปียกๆ ของน้องทำเอาผมเพ้อไปชั่วขณะ และจังหวะที่เงียบกันอยู่นั้นเอง มันทำให้ผมรู้ตัวอีกครั้งว่ากำลังบาดเจ็บอยู่ “โอ๊ยยย”

เชี่ย! แสบซี่โครงมากกว่าเดิมอีก

“พี่ดิว” น้องวางดาบแล้วเข้ามานั่งคุกเข่าลงข้างๆ “พี่เลือดไหลมากกว่าเดิมอีก”

“อื้มมม” รู้สึกเบลอๆ ว่ะ

“พี่ดิวครับ! โอยยย อย่าหลับนะ”

“ปีใหม่...” เหมือนเปลือกตาจะปิดลงแล้วว่ะ

“อย่าหลับ!!! ผมขอร้อง พี่มาช่วยผม ผมจะรู้สึกแย่มากถ้าพี่เป็นอะไรไป!!!”

“อย่าคิดมากน่า” มึนหัวมากกว่าเดิมอีก...สุดท้ายร่างสูงๆ ของผมก็ซบลงกับไหล่คนที่ตัวเล็กกว่าอย่างควบคุมไม่ได้ “เต็มใจ เต็มใจ”

“ผมจะพาพี่ไปทำแผล” น้ำเสียงปีใหม่ช่างฟังดูเหมือนคนหนักอกหนักใจซะเหลือเกิน “...ที่บ้านผมแล้วกัน”

“อืม…”

“ขอบคุณครับ ฮรึกกก ขอบคุณมากๆ พี่ดิว ผมซาบซึ้งมาก”

“…” อย่า…ร้องไห้...สิวะ

“ผมจะตอบแทนพี่บ้างล่ะนะ!”

พูดตรงๆ นะ ผมไม่ได้ยินอะไรที่น้องพูดอีกเลย เหมือนร่างกายมันต้องการจะหลับซะให้ได้ แย่ชิบเป๋งเลยครับ

เราสองคนพากันประคับประคองเดินออกไป ผ่านร่างที่ครวญครางอย่างเจ็บของชายชุดดำที่นอนเรียงราย ในขณะที่สายฝนโหมกระหน่ำ แถมน้องยังตบแก้มผมเบาๆ ตลอดทางเพื่อให้ได้สติไม่สลบไปซะก่อน

ผมมองตาโปนที่คุ้นเคยด้วยรอยยิ้ม บ้าชะมัด...ทั้งๆ ที่น้องทำหน้าเป็นห่วงผมแทบตายขนาดนั้น ผมยังไงจะมีอารมณ์ขันอีก

“น่ารักจัง”

“…”

ผมบังคับตัวเองไม่ได้อีกแล้ว ดวงตาของผมเริ่มปิดสนิท แถมยังทิ้งตัวอย่างไม่บอกไม่กล่าว เสียงสุดท้ายที่ผมได้ยินคือเสียงร้องของคนข้างๆ ที่ดูท่าจะตกใจเอามากเลยทีเดียว

อืม...ขอนอนก่อนละนะ

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น