4

เรื่องนี้มีเงื่อนงำ

 

EP.4

เรื่องนี้มีเงื่อนงำ

“มึงเอาหมาหน้าโง่นั่นไปคืนแล้วเหรอ ดีๆ กูจะได้...O_O”

เสียงไอ้เอิร์ลขาดไปตอนที่หันมาเจอผมยืนกับแขกอยู่หน้าประตู มันนิ่งเป็นหินไปประมาณครึ่งนาทีก่อนจะได้สติเอามือขึ้นมาปิดนมสีน้ำตาลของมันแบบอายๆ

ใช่ครับ ผมพาปีใหม่ขึ้นมาบนห้องแล้วเรียบร้อย ปลอบกันอยู่นานกว่าจะหยุดร้องไห้ได้ ถ้าเข้ามาในนี้ทั้งๆ ที่ฟูมฟายแม่งไม่ใช่เรื่องดีต่อภาพลักษณ์น้องเลย

“สวัสดีครับ” ปีใหม่ยกมือไหว้คนที่มองอยู่ ซึ่งบัดนี้สะกิดเพื่อนที่นั่งข้างๆ ยิกๆ

“มึงๆๆๆ ไอ้ทิม”

“อะไร...”

“หยุดดูการ์ตูนแล้วหันมานี่!” คนพูดจับคางคนข้างๆ จนหน้าสะบัด “มึงเห็นเหมือนที่กูเห็นมั้ย”

“เฮ้ย!…” ไอ้นี่ก็อึ้งไปอีกคน “วิญญาณ”

“…”

“แสงสีขาวแห่งความบริสุทธิ์”

ตลกแดกกันอยู่นั่นแหละพวกมึง ถึงคราวไล่พวกมันสักทีครับ คงต้องส่งสัญญาณให้มันรู้ตัวสักหน่อยแล้ว

“ตามึงเป็นอะไรวะดิว” ไอ้เอิร์ลทำหน้างง

ไอ้สัส! กูพยักพเยิดขนาดนี้ยังไม่รู้อีกเรอะ

โน่น! โน่น!

“มึงมองประตูห้องพวกกูทำไม”

“นั่นดิ ประสาท”

ควายไม่บันยะบันยัง

“เข้าห้อง” ผมอ้าปากแบบไม่มีเสียง

“อ๋อ…” เยส ไอ้เอิร์ลเริ่มปะติดปะต่อเรื่องราวได้แล้ว “ไอ้ทิม เรารีบนอนกันดีกว่าว่ะ กูง่วงแล้ว”

เพื่อนอีกคนของผมก็ฉลาดขึ้นมาเหมือนกัน “เออๆ ก็ดี กูง่วงงง ฮ้าวววววว”

ไอ้สองตัวลุกขึ้นมาจากโซฟา มันยิ้มแป้นเป็นหมาตอนเดินผ่านน้องปีใหม่ไป ซึ่งผมเดาว่าน้องคงตั้งใจจะยิ้มกลับแหละ แต่บังเอิญใส่ผ้าปิดปากอยู่แบบนี้จะไปเห็นได้ยังไง

“บายนะหมาน้อย น่ารักนะเราอะ” แน่ะ! ไอ้เอิร์ลมีการเอามือลูบหัวลูฟี่ซะด้วย ผิดกับตอนแรกเลยนะมึง

“แกร๊ซซซ”

“สัส!” ไอ้เอิร์ลชักมือกลับแทบไม่ทันตอนที่ลูฟี่แยกเขี้ยวจะงับ ฮ่าๆ สมน้ำหน้า หมามันจำได้

เพื่อนผมมองไอ้ลูฟี่อย่างเคียดแค้น แต่กลับยิ้มให้เจ้าของ “ฝันดีนะครับ”

“ถ้าเพื่อนพี่ทำอะไรไม่ดีร้องออกมาดังๆ เลยนะ” ไอ้ทิมทำเป็นพูดเสียงสาม ก่อนจะเหลือบตามามองผมพร้อมกับกระซิบชวนขนลุกเป็นการทิ้งท้าย “ยินดีด้วย มึงไม่ต้องซื้อบรีสแล้ว”

“…”

ปัง!

สัส! ปิดประตูแรงแบบนี้มึงถอดมาขว้างใส่กูเลยสิ ฉิบหาย

อ้ะ ทีนี้ก็เหลือผมกับน้องสองคน

ต้องเริ่มยังไงดีวะ

“เชิญๆ”

ปีใหม่ขมวดคิ้วแบบขำๆ ให้กับความเก้กังของผม ให้ทำไงได้ล่ะครับ ไม่เคยพาใครมาห้องมาก่อนเลย เขาต้องทำยังไงกันล่ะเนี่ย

“ห้องพี่กว้างจัง”

“ขอบคุณ”

“…” น้องแม่งทำหน้างงอีกแล้ว

ชมก็ต้องขอบคุณสิวะ ให้กระโดดปล้ำหรือไง บ้าบอ

อ้ะ เปลี่ยนเรื่องคุยก็ได้ “จะนอนเลยมั้ย”

“ปกติพี่นอนเร็วเหรอครับ”

“เปล่า” ผมส่ายหน้า “ง่วงก็นอน”

“ถ้างั้นผมนอนพร้อมพี่ก็ได้นะ”

ฟรึบ! ไอ้สัสขนลุกโดยพร้อมเพรียง คำพูดน้องแม่งงง

ไม่ได้ครับ เราต้องเป็นผู้ใหญ่ที่ดุหน่อยสิ “ไปอาบน้ำ เดี๋ยวทายาให้”

“ไม่เป็นไรครับ ผม...”

“ปีใหม่” ผมเดินเข้าไปใกล้น้อง “ห้องพี่ พี่มีสิทธิ์สั่งนะ ไปอาบน้ำ”

รอยยิ้มเกิดขึ้นบนใบหน้าน้อง ซึ่งแม้ผมไม่เห็น แต่สามารถรับรู้ผ่านดวงตาคู่นั้นได้

ง่อวววววว คมสัส

“ก็ได้ครับ ห้องพี่อยู่ไหนล่ะ” ปีใหม่ชี้ไปยังประตูบานสีขาวที่อยู่ใกล้ๆ “ห้องนี้ใช่มั้ย”

“ใช่” ห้องผมอยู่ตรงข้ามกับไอ้สองตัวนั้น เป็นห้องที่ใหญ่ที่สุด มีระเบียงและห้องน้ำในตัว สบายอุราไม่ต้องแบ่งใคร

“งั้นผมเข้าไปนะ”

“เฮ้ย! อย่าเพิ่ง!”

แอ๊ด~

เวรละ! ไม่ทันแล้วครับ น้องผลักประตูเข้าไปแล้วเรียบร้อย กะจะเก็บห้องให้ดูดีซะหน่อย โอ๊ย! น้องแม่งต้องเห็นห้องรกๆ ของผมแน่เลย

“หอมจัง”

“…”

“กลิ่นเหมือนหญ้าเลย”

เหรอวะ...ก็คงจะอย่างนั้น ไม่เคยดมกลิ่นห้องของตัวเองมาก่อนน่ะครับเลยไม่รู้

ผมที่กุมหน้าผากลุ้นอยู่ว่าน้องมันจะตกใจวิ่งกลับออกมามั้ยเลยโล่งอก เดินตามไปสมทบ แต่ก็ต้องขมวดคิ้วเมื่อเห็นคนตัวเล็กยืนไหล่กระตุกอยู่ใกล้ประตู

“คิกๆ”

“…”

ปีใหม่หันมาโชว์เสี้ยวหน้า แถมมีการชี้ไปยังเตียงของผมซะด้วย “เบ็นเท็นเลยเหรอ”

“…”

“น่ารักดีนะพี่”

ยอมรับครับว่าเสียเซลฟ์ แต่ก็ต้องคีพคูล “ไปอาบน้ำ”

“ไล่ผมจัง ยังสำรวจห้องพี่ไม่ครบเลย”

แล้วจะมาสำรวจทำไมไอ้หนู มันอายมั้ยฮะ

ผมมองตามหลังเล็กๆ เดินไปมุมนู้นมุมนี้ด้วยความหวาดระแวงว่าน้องจะเจออะไรไม่ดีเข้า กังวลที่สุดเลยเห็นจะเป็นชั้นวางหนังสือ ที่มีการ์ตูนเป็นร้อยวางเรียงเป็นตับ ในใจก็ภาวนาให้น้องดูอย่างเดียว มืออย่าจับ เพราะหน้าปกบางเล่มอาจจะทำให้หัวใจวายได้

“โอ้” น้องเดินมาหยุดอยู่ที่โต๊ะอ่านหนังสือของผม ดูท่าจะสนใจโมเดลสีเทาๆ ที่วางอยู่ใกล้ๆ โคมไฟเป็นพิเศษ “นี่มันยานในสตาร์วอร์สนี่นา”

โอ้โห! มีการหยิบขึ้นมาดูด้วยแฮะ ถ้าเป็นไอ้สองตัวนั้นผมตบหัวจี้ให้มันวางเลยนะ แต่พอเป็นน้องไม่รู้ทำไมถึงปล่อยผ่าน ดูดิ ท่าทางอ่อนโยนแบบนั้นโมเดลของผมคงไม่พังหรอกมั้ง

“มันชื่อมิลเลนเนี่ยม ฟอลคอน”

ปีใหม่หันมาเลิกคิ้ว “แฟนตัวยงนะเนี่ย”

ฉิบหายละ หลุดเนิร์ดอีกแล้วกู

แต่น้องปีใหม่ยังคงถามต่อ “ผมก็เคยไล่ดูนะพี่ แต่สงสัยอย่างนึง ทำไมภาคสี่ ห้า หกภาพมันเก่าๆ ไม่เหมือนสามภาคแรกเลยอะ”

ผมยิ้มพร้อมกับกอดอก เฮอะ! ถามพี่แบบนี้ ในฐานะแฟนเดนตายจะช่วยให้กระจ่างเอง “จอร์จ ลูคัสสร้างไตรภาคหลังก่อน แล้วย้อนกลับไปสร้างไตรภาคแรก”

ตาน้องลุกวาว “จริงอะ ว่าแล้วเจ้าหญิงถึงหน้าไม่เหมือนกัน”

“สามภาคแรกอะ เจ้าหญิงอมิดาล่าแห่งนาบู ซึ่งเป็นแม่ของเจ้าหญิงเลอาในภาคหลัง”

“โอ้จริงอะ มิน่าล่ะทรงผมพิสดารเหมือนกันเลย แต่ผมชอบผมทรงหูฟังของเจ้าหญิงเลอานะ”

อ้าว! ชวนคุยแบบนี้กูก็โฟ่ต่อได้ดิ “เจ้าหญิงเลอาเป็นไอคอนนิคในตำนานของวงการภาพยนตร์เลย”

“แล้วพระเอกอะ ลุคๆ อะไรนั่นใช่มั้ย”

“อือ ลุค สกายวอล์กเกอร์”

“คู่กับเจ้าหญิงเลอาใช่ปะ”

“ไม่ใช่!” ผมนี่สวนทันควันเลยครับ “เจ้าหญิงเลอากับลุคเป็นฝาแฝดกัน เจ้าหญิงเลอาคู่กับฮาน โซโลต่างหาก”

“โอ้!” อยู่ๆ น้องก็ตาหยีใส่ผมซะงั้น นี่...ยิ้มอยู่เรอะ! “พี่ดูมีความสุขที่ได้พูดถึงเรื่องนี้นะครับ”

“…”

“ดูชอบจริงๆ อะ”

บอกตรงๆ ครับว่าไม่เคยมีใครชมเรื่องที่พวกนี้กับผมมาก่อน คุยกับคนอื่นที่ไม่ใช่พวกไอ้เอิร์ลไอ้ทิมก็จะโดนเหยียดว่าเป็นโอตะ แต่นี่...น้องกำลังชมผม

เวรเอ๊ย! ไม่เคยภูมิใจในตัวเองเท่าวันนี้

แต่พอแล้ว วันนี้ต้องจริงจังสิ “ขอดูหน่อย”

“ฮะ!?” น้องปีใหม่ถอยไปหนึ่งก้าวเมื่อเห็นว่าผมเขยิบเข้าไปใกล้

อย่ามาทำเป็นหนี “ถอดผ้าปิดปากให้ดูหน่อย”

“…”

ถึงตอนแรกจะทำเป็นนิ่ง แต่สุดท้ายแล้วน้องก็ยอมวางลูฟี่ลงกับพื้นก่อนจะใช้มือเล็กๆ เกี่ยวสายผ้าปิดปากให้หลุดออกมา ผมเกือบจะซี้ดปากกับแผลขนาดมหึมาตรงปาก กราม และโหนกแก้มอยู่แล้วเชียว แต่คิดได้ว่าผมต้องไม่ทำให้น้องเฟล เพราะฉะนั้นผมเลยเลือกจะเป็นทำนิ่งๆ แทน

บ้าเอ๊ย! ยิ่งเห็นยิ่งกระตุ้นความโกรธ

“ไอ้ห่านั่นมันเป็นใคร”

“อะไรนะครับ”

“ไม่ต้องเล่ารายละเอียดให้ฟังก็ได้ แต่บอกชื่อคนที่ทำมาหน่อย”

“ไม่เป็นไรครับพี่” ปากเจ่อๆ นั้นฝืนยิ้ม “ผมไม่อยากให้เรื่องใหญ่”

“ไม่มีใครสมควรที่จะโดนแบบนี้นะปีใหม่”

สายตาเศร้าๆ นั้นทอดมองผม “ผมทำให้พี่ลำบากใจหรือเปล่าครับ”

“เปล่า แต่ทำให้เป็นห่วง”

“…”

น้องทำหลบตาเหมือนจะเก้อเขิน แต่ในฐานะคนที่พูดออกไปผมกลับรู้สึกเฉยๆ ทำไมอะ ผมห่วงจริงๆ นี่

“แต่ถ้าไม่เล่าก็เอาเถอะ” ผมทนใบหน้าที่เหมือนหนักอกหนักใจนั่นไม่ได้ เฮ้อ! หยิบผ้าขนหนูให้น้องมันก่อนแล้วกัน “ไปอาบน้ำซะ จะทำแผลให้”

“พี่ดิว” ผมสะดุดกึกตอนที่กำลังค้นตู้เสื้อผ้า “ผมไม่เคยพูดเรื่องนี้กับใครเลย”

“…”

“แต่ถ้าผมพร้อม สัญญาเลยว่าจะเล่าให้พี่ฟังเป็นคนแรกนะ”

ผมหลุดยิ้มออกมาตอนที่หาผ้าขนหนูเจอพอดี ดีนะที่หันหลังอยู่แบบนี้ ถ้าน้องเห็นล่ะผมแย่เลย

ก็อะนะ...งั้นก็ขอให้น้องพร้อมเร็วๆ แล้วกัน บอกตรงๆ ผมก็อยากรู้เหมือนกัน และหวังว่ามันจะไม่ใช่อย่างที่ผมคิด เพราะถ้าไอ้คนที่ทำร้ายน้องคือคุณกำพลจริงๆ แม่งกระทบกับงานผมเต็มๆ เลย

“ปกติใส่อะไรนอน” ผมยื่นผ้าในมือให้น้อง

ปีใหม่ทำหน้างง “พี่หมายความว่ายังไงครับ”

“ก็แบบเสื้อยืด หรือเสื้อเชิ้ตอะไรอย่างนี้ จะได้หาให้ใส่”

“ผมใส่แบบที่พี่ใส่ก็ได้นะ”

“พี่ไม่ใส่เสื้อนอน”

“อ้อ…” น้องปีใหม่อ้าปากค้าง แก้มเปลี่ยนเป็นสีชมพูอ่อนๆ น่าหยิกให้ติดมือ “งั้นผมขอ...”

ผมมองนิ้วเรียวๆ นั้นไล่เสื้อผ้าที่เรียงกันเป็นตับทีละตัวๆ แล้วก็หยุดอยู่ที่เสื้อเชิ้ตนิสิตสีขาว จริงๆ ขนาดมันพอดีกับตัวผมนะ แต่พอน้องเอาทาบหน้าอกตัวเองแล้ว...ไอ้สัสนี่มันผ้าห่ม

“อันนี้ละกัน”

ผมเบนหน้าหลบรอยยิ้มนั้น “กางเกงล่ะ”

“ผมใส่แต่กางเกงในนอนทุกวันครับ”

“…”

“ทำไมอะ” น้องเอียงคอเมื่อเห็นผมนิ่ง “พี่ยังถอดเสื้อเลย ตกใจอะไร”

“เปล่า” ก็นั่นมันห้องตัวเองมั้ยเล่า! “มีแปรงสีฟันสำรองสีขาวอยู่ในห้องน้ำ ใช้ได้นะ”

“ครับ”

“อาบน้ำเสร็จก็เช็ดตัวให้แห้ง ถ้าจะสระผมเดี๋ยวไปยืมไดร์เป่าผมที่ไอ้ทิมให้”

“คร้าบ” น้องปีใหม่อมยิ้ม

“ถ้าจะทาครีมก็หยิบได้เลย ถ้าขาดอะไรก็บอกเดี๋ยวหาให้”

“พอแล้วพี่” น้องเดินเข้ามาใกล้ “ผมแค่จะอาบน้ำ แล้วก็นอน”

“…”

“ขอบคุณมากครับพี่ดิว” รอยยิ้มเศร้าๆ กลับมาอีกแล้ว “จริงๆ นะ พี่ใจดีมากๆ เลย”

ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน ตอนที่น้องอยู่ใกล้ผมอยากจะเอามือจับคางมันซะให้ได้

แต่...เวลานี้น้องไม่สมควรจะโดนสัมผัสจากใครอีกแล้วว่ะ

“อาบน้ำเถอะ” ผมว่า “เดี๋ยวพี่ไปใช้ห้องน้ำข้างนอก”

พูดจบแล้วผมก็หมุนตัวเดินออกมาจากห้องทันที

 

“ฮัลโหลพี่หนูอิม” ผมรีบจัดการโทร.หาผู้จัดการทันทีที่อาบน้ำเสร็จ “ผมมีอะไรจะถามพี่หน่อย”

[อะไรจ๊ะดิว]

“ผู้ว่าจ้างเคสน้องปีใหม่ที่ชื่อกำพลอะ...” ผมพยายามพูดให้เบาที่สุด “พี่พอจะมีข้อมูลของเขามั้ยครับ”

[ปกติแล้วเราไม่อนุญาตให้เปิดเผยในส่วนนั้นนะจ๊ะ ดิวมีอะไรหรือเปล่า]

“ผมรู้สึกว่ามันแปลกๆ น่ะครับ”

[แปลกยังไงจ๊ะ?]

เชี่ยเอ๊ย! จะพูดยังไงดี ถ้าพี่อิมรู้ว่าผมคุยกับน้องปีใหม่มีหวังโดนเลิกจ้างแหงๆ เพราะเอาจริงที่ผมทำอยู่ก็ผิดกฎเหมือนกัน

งั้นผมเก็บเรื่องนี้ไว้ดีกว่า

“ไม่มีอะไรหรอกครับ พอดีอยากรู้ว่าผู้ว่าจ้างของผมหน้าตายังไงก็เท่านั้นเอง”

[อย่าสืบเลยดิว จัดการงานของตัวเองให้ดีดีกว่า นี่บอสก็ถามพี่ตลอดนะว่าเคสน้องปีใหม่คืบหน้าไปถึงไหนแล้ว]

จะตอบยังไงดีวะ “ก็เริ่มเก็บข้อมูลไปบ้างแล้วครับ”

[ตั้งใจทำงานนะดิว งานนี้เงินดีพี่อยากให้ปิดดีลไวๆ นะ]

“ผมก็พยายามอยู่ครับพี่”

[แค่นี้ก่อนนะจ๊ะ]

“ครับพี่ ขอบคุณมากครับ”

ติ๊ด!

“บ้าเอ๊ย!” ผมสบถออกมาจากปาก แล้วจัดการบี้ก้นบุหรี่ด้วยความหงุดหงิด

บี้ บี้ บี้ บี้ บี้ เดอะสตาร์ไปเลยสัส วุ้ย!

เป็นอะไรของกูวะ กับไอ้แค่เด็กโดนทำร้ายร่างกาย แม่งทำให้ผมไม่เป็นตัวเองขนาดนี้ได้ยังไง

นึกถึงเงินไว้ดิว นึกถึงเงินแสนเอาไว้!

ผมเก็บความไม่พอใจไว้ด้านหลังก่อนจะเดินกลับเข้าไปในห้อง รู้สึกได้ว่าน้องแม่งคงอาบน้ำเสร็จแล้วละ เพราะได้ยินเสียงฝีเท้าเดินไปเดินมา เฮ้อ! น้องจะรู้ตัวมั้ยเนี่ยว่าทำให้ผมปวดกบาลขนาดไหน

“เอ่อ...” ผมอ้าปากค้างตอนที่เปิดประตูห้องเข้าไป

นะ...นี่มัน

“พี่ดิว” น้องปีใหม่ที่กำลังยกแขนใส่เสื้อเชิ้ตปรายตามองมา “ผมขอฟังเพลงหน่อยได้มั้ย”

เดี๋ยว ไอ้เรื่องฟังเพลงเอาไว้ก่อน ที่กูงงคือทำไมไม่ใส่เสื้อผ้าตั้งแต่อยู่ในห้องน้ำวะ ใส่แต่กางเกงในเดินไปเดินมาแบบนี้มันใช่เรื่องมั้ย!!!

โอย...มัน แฮก แฮกแบบเกร็งๆ แฮกแบบต้องกดไว้อย่างัดมันขึ้นมา

“พี่ดิว...”

“อ้อ!” เวรละ! ก็มัวแต่อึ้งลืมตอบคำถามน้อง “ได้ดิๆ”

น้องปีใหม่ยิ้มก่อนจะหันไปยุกยิกกับมือถือตัวเอง และพอดนตรีเริ่มบรรเลงก็หันมาขมวดคิ้วยิ้มๆ ใส่ผมอีกครั้ง

“จะทำแผลให้ผมใช่มั้ยครับ”

“…”

แหม เห็นผงะนิดหน่อยก็เอาใหญ่เลยนะครับ เดี๋ยวจะโดน

ผมรีบไปหยิบกล่องปฐมพยาบาลหลังตู้เสื้อผ้ามาวางบนเตียง “นั่งลง”

แล้วน้องก็ทำตามแต่โดยดี เออให้มันว่าง่ายอย่างนี้หน่อย

โอเค พอไม่มีคราบเลือดแล้วก็พอดูได้หน่อย ถือว่าแผลไม่ใหญ่มาก แค่ปากแตกเป็นจุดเล็กๆ กับมีรอยช้ำนิดๆ หน่อยๆ

“แสงเหนือ”

“ฮะ!?” ผมทำหน้างง

“โน่นน่ะครับ” น้องชี้ไปยังรูปแนวนอนใบใหญ่ที่ติดอยู่บนผนังหัวเตียง

“อ๋อใช่” ผมพยักหน้าตอนที่เอี้ยวตัวไปมอง แหม รู้อีกนะว่าที่ไหน

“ของจริงสวยมากนะพี่ ผมเคยไป”

มือผมชะงักตอนที่ได้ยิน อะไรวะ...มีเงินไปดูแสงเหนือแต่เป็นหนี้เกือบแสน

“ไปกับใคร”

น้องยิ้มหวาน “ครอบครัวครับ”

“…”

“เป็นทริปที่สนุกมากๆ เลยล่ะพี่ ไอซ์แลนด์น่ะสวยโคตรๆ”

“งั้นเหรอ”

“พี่ต้องไปให้ได้นะ”

“อืม เก็บเงินอยู่” ถ้าปิดเคสหนูได้ ค่าจ้างครั้งนี้จะทำให้พี่ได้ไปครับน้อง

“ผมไปด้วยได้มั้ย”

เนี่ย ชอบทำให้มือชะงักอีกแล้ว

“ไปแล้วยังจะไปอีกเหรอ”

“อยากไปเที่ยวกับพี่อะ”

“หึ! ถ้าอยากไปเที่ยวด้วยกัน เอาแค่พารากอนก่อนดีมั้ย” ผมเอายาแดงป้ายบนแผลอย่างเบามือ

“โห่อะไรอะ จะไปกับแฟนละสิ ถึงไม่ให้ผมไปด้วย”

“ไม่มีแฟน”

“จริงอะ” ทำไมต้องทำหน้าตกใจขนาดนั้น เดี๋ยวปั๊ดบีบแก้ม “พี่ออกจะหล่อ ไม่มีใครมาถูกใจเลยเหรอ”

“ไม่มี” พูดแล้วมันเศร้า เป็นคนดวงกุดด้านความรักครับ

“ผมเป็นแฟนพี่ให้เอามะ?”

“…”

“ล้อเล่นนะพี่”

“เดี๋ยวจะโดน” ผมทำหน้าดุ

“ฮ่าๆๆ อย่ามีแฟนเลยพี่ อยู่คนเดียวสนุกสุดแล้ว”

หืม? อันนี้คำแนะนำหรือบ่นวะ ทำไมพอพูดจบแล้วน้องทำตาลอยๆ ชอบกล

แต่ช่างเถอะ ตอนนี้ผมต้องทำแผลให้น้องก่อน

ระหว่างที่มือไม้ผมยุ่งกับการหยิบนู่นหยิบนี่ เสียงร้องของเพลงที่น้องเปิดดันทำให้ผมยิ้มออกมา

 

“เมื่อดวงใจมีรัก ดั่งเจ้านกโผบิน

บินไปไกลแสนไกล หัวใจฉันก็ลอยลิบไป

ถึงแดนดินถิ่นใดนะใจ โอ้ดวงใจเจ้าเอ๋ย"

 

“รู้จักเพลงนี้ด้วยเหรอ”

น้องปีใหม่เอียงคอ “ใครบางคนทำให้ผมติดเพลงนี้น่ะครับ”

“…”

 

“เมื่อต่างเราก็รัก จักเกรงกลัวฉันใด

ใจเรานั้นแน่นอน ขอให้เธอมั่นใจรักจริง

รักเธอจริงแน่ใจขอวอน ก่อนตัดใจร้างลา”

 

“บอกได้มั้ยว่าใคร”

“ก็…” ดวงตาคู่สวยนั้นจับจ้องที่ผม “ใครสักคน”

 

“เมื่อดวงใจมีรัก มอบแด่ใครซักคน

หมดทุกห้องหัวใจ ขอให้เธอมั่นใจรักจริง

ฉันจะยอมมอบกายพักพิง แอบแนบอิงนิรันดร์”

 

ผมจับคางคนตรงหน้าไว้มั่น “ใช่คนที่ทำให้เราเจ็บแบบนี้หรือเปล่า”

น้องดูอึ้งกับคำถามของผม แต่สุดท้ายก็ยอมพยักหน้า

นั่นไง เดาไว้ไม่ผิดเลยครับ

“พี่ว่าเราจะรักคนคนนึงได้นานขนาดไหนครับ”

“ก็ขึ้นอยู่กับหลายๆ อย่าง”

“สำหรับพี่ล่ะ”

อะไรวะ อยู่ดีๆ มาถาม “ไม่รู้เหมือนกัน”

“อ๋อพี่ยังไม่เคยมีความรักนี่เนอะ”

“…” มันด่าหรือมันอะไรวะ “อย่างน้อยถ้าได้รักใครสักคนนึง ไม่มีทางที่พี่จะทำแบบนี้กับคนที่รักแน่ ถึงเขาจะหมดรักกับเราแล้วก็ตาม”

จู่ๆ แววตาปีใหม่ก็เปลี่ยนไป มันมีประกายใสๆ เหมือนกำลังร้องไห้ แล้วก็จริงอย่างที่คิดครับ น้ำตาร่วงเผาะๆ หยดใส่หน้าตักผมเต็มๆ

“…” เอาไงดีๆๆ ผมควรจะทำยังไงดี เช็ดน้ำตาด้วยนิ้วโป้งดีมั้ย น้องจะหาว่าผมแต๊ะอั๋งหรือเปล่าวะ

ช่างแม่ง ถ้าไม่เช็ดมีหวังโดนยาแดงไหลเป็นคราบเต็มหน้าแน่นอน

โอยยย พอน้องโดนสัมผัสจากมือผมก็หลุดโฮออกมาเลยครับ บ้าฉิบ!

“หยุดร้องได้แล้วน่า”

“ฮรึกกก...”

“ปีใหม่ เดี๋ยวเพื่อนพี่ได้ยินแล้วมันจะไม่ดีเอานะ”

“ทำไมล่ะครับ ฮรึกกก”

“มันจะหาว่าพี่กำลังกะซวกไส้น้องน่ะสิ”

“ฮือออ ผมขำ” น้องแม่งถึงขั้นตัวโยน “ฮรึกกก ผมขำแต่ผมก็เศร้า”

“หยุดร้อง”

“ฮืออออออ” น้องเบะปาก ไม่รู้เพราะจะยิ้มหรือฟูมฟายเกินเยียวยา “ขอบคุณมากนะพี่”

“หยุดร้องก่อน ไม่งั้นไม่ปล่อยให้นอนนะ”

“พี่จูบหน้าผากผมหน่อย”

“อะไรนะ!” ผมเบิกตากว้าง “บ้าปะเนี่ย”

“นะ” น้องเกาะสองแขนของผมไว้ กลายเป็นตอนนี้มือไม้เราพันกันไปหมดแล้วครับ “นะๆ จูบหน้าผากผมหน่อย”

ยังไงดีวะเนี่ยยยยยย

“ถ้าจูบจะเงียบใช่มั้ย”

“เงียบเลย ผมรับรอง”

เฮ้อ! เอาก็เอาวะ “หลับตา”

“หา!?”

“หลับตาสิ!” มองตาแป๋วแบบนี้มันเขินเหมือนกันนะโว้ยยย

พอเปลือกตาบางๆ นั้นปิดลง ผมก็ค่อยๆ ประทับริมฝีปากลงหน้าผากเนียนๆ นั้นทันที แปลกมากที่ผมรู้สึกว่าสัมผัสของตัวเองมันช่างแผ่วเบาเหลือเกิน

ผมไม่อยากทำร้ายน้องนี่นา

และมันก็ได้ผลครับ ไอ้ตัวเล็กเงียบไปทันที “ขอบคุณนะครับ”

“เอ่อ...” เวรละกู ไปต่อไม่ถูกเลยทีนี้ “นอนเถอะ”

“แล้วพี่ล่ะ”

“เดี๋ยวไปนอนข้างนอก” ผมว่า “ฝันดี”

“เดี๋ยวสิครับ”

แน่ะ! ยังจะดึงมือรั้งไว้อีก “อะไร”

ปีใหม่ยิ้มโชว์ฟันกระต่าย “ขอบคุณนะพี่”

และอยู่ๆ น้องแม่งก็ดึงผมเข้าไป แล้วก็...

จุ๊บ!

นะ...น้องแม่งหอมแก้มผม

หอมแก้มผม ผม ผม ผม ผม

ผม ผม ผม ผม ผม

สัสเอ๊ย! สตั๊นท์ถึงขั้นเกิดเอคโค่ในหัว

“ทำแบบนี้กับทุกคนหรือเปล่า”

“ไม่ครับ” น้องใช้แขนเกี่ยวคอผมไว้ “ผมทำแบบนี้เฉพาะกับคนที่ผมรู้สึกดีด้วยเท่านั้น”

“แต่คนอื่นเขาไม่ใจดีเท่าพี่หรอกนะ” ผมจ้องเข้าไปในดวงตา “รู้ใช่มั้ยว่าถ้าเป็นคนอื่นเขาจะทำอะไรเราบ้าง”

“ก็เพราะผมรู้ว่าพี่ใจดีนี่แหละถึงกล้าทำแบบนี้ มันคือวิธีแสดงความรักในแบบผม”

“…”

“แต่ถ้าพี่ไม่ชอบผมขอ...”

ปีใหม่นิ่งไปโดยไม่ทันได้พูดจนจบประโยค

นั่นก็เพราะผมหอมแก้มน้องกลับเช่นเดียวกัน

ทำอะไรของกูวะเนี่ยยยยยยยยย!!!!!!

“พี่ดิว…”

“ไม่เคยทำแบบนี้กับใครเลย”

“ผม…”

“ฝะ...ฝันดี” ผมพูดตะกุกตะกัก ทั้งๆ ที่ในใจปั่นป่วนเพราะเกิดความสับสนอะไรบางอย่าง

ผมหยุดอยู่ที่หน้าประตู ไม่รู้ทำไมถึงอยากมองน้องอีกสักครั้งก่อนจะออกจากห้องไป ผมเลยได้เห็นอีกฝ่ายโบกมือลาด้วยใบหน้าเขินๆ แก้มนี่แดงกว่ายาที่ผมทาให้ซะอีก

ผมเลยจัดการโบกมือให้น้องเช่นกัน อิๆ

เชี่ยเอ๊ย! เป็นอะไรวะเนี่ย นี่มันมากกว่าการแฮกไปวันๆ เหมือนทุกที ไม่เคยเป็นมาก่อนเลย ให้ตายสิ

 

“พี่ดิว”

“…”

“พี่ดิว พี่ดิว...”

หืม? ใครมาเรียกพี่ๆ แถวนี้วะ ไอ้ปู๊นเรอะ ฉิบหายกูนอนของกูดีๆ ยังจะตามมาหลอกหลอนกูในฝันอีกนะ

“พี่ดิว” คราวนี้เสียงมาพร้อมกับสัมผัสครับ อะไรนิ่มๆ สักอย่างจับผมหมับเข้าให้ที่ไหล่เปลือยเปล่าของผมแล้วเขย่าอย่างแรง

เฮ้อ! ตื่นก็ตื่นวะ!

“หือออ?” ผมค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาสู้กับแสงแดดที่ส่องผ่านกระจกเข้ามา

ชิท! นี่มันน้องปีใหม่

กำลังคุกเข่ามองผมอยู่เนี่ย!

เด้งตัวลุกขึ้นอย่างไวเลยครับ ไอ้ลูฟี่ที่นอนทับหน้าอกผมอยู่ถึงกลับกลิ้งลงไปนอนแหมะอยู่กับพื้น

“ตื่นแล้วเหรอ”

“ครับพี่” ไม่รู้คิดไปเองหรือเปล่า เหมือนว่าน้องพยายามจะไม่มองเนื้อตัวที่เปลือยท่อนบนของผม

“ไหนดูแผลดิ” ผมจ้องไปยังมุมปากน้อง “แห้งแล้ว...เดี๋ยวเอายาไปทาด้วยนะ”

“…”

ยิ้มทำไมวะ

“ขอบคุณนะครับ”

“ไม่เป็นไร” ผมโบกมือ แอบเห็นว่าน้องแต่งตัวพร้อมอยู่แล้ว “จะไปแล้วเหรอ”

“ผมต้องไปรับน้องต่อครับ”

โธ่! อยู่ต่ออีกนิดสิวะ เดี๋ยวเลี้ยงข้าวก็ได้เอ๊า

“โชคดี”

“ผมฉีดน้ำหอมของพี่ด้วยน้า~” พูดไม่พอ มีการเอาคอขาวๆ เข้ามาใกล้จมูกผมอีก “วันนี้ผมกลิ่นเหมือนพี่เลยล่ะ”

ช็อกไปดิ...

“เดี๋ยวไปส่ง” ผมรีบลุกออกจากโซฟา จะบ้าเรอะมาหายใจรดคอแบบนี้จะไปทนได้ยังไง

“ไม่เป็นไรครับ...”

ไม่เคยอ้าแขนต้อนรับความหวังดีของกูเล้ยยย

“งั้นก็กลับดีๆ นะ”

น้องหลุดขำตอนที่ผมเกาหัวฟูๆ ของตัวเอง “พี่ไปนอนบนเตียงเหอะ! ยังดูง่วงอยู่เลย”

“อืม”

จะไปแล้วจริงดิ จะไปแล้วจริงดิ

“ปีใหม่” บ้าเอ๊ยยย เขากำลังจะเดินออกจากห้องไปแล้วยังจะเรียกไว้อีก

“ครับ?”

“มีอะไรก็โทร.มานะ”

“…”

ผมเกาหัวตัวเองอีกรอบ “แบบหาเพื่อนกินข้าว ดูหนังอะไรแบบเนี้ย”

น้องปีใหม่ยิ้มโชว์ฟันกระต่าย “งั้นเตรียมรับสายผมได้เลยนะครับ”

ผมเดินตามไปที่ประตู สังเกตจนแน่ใจว่าบานไม้สี่เหลี่ยมผืนผ้านั้นปิดสนิทปุ๊บก็หลุดยิ้มกว้างออกมา

มีความสุขจุงเบยยย

“พี่ดิว!”

สัส! อยู่ดีๆ ประตูก็เปิดซะงั้น ดีนะหุบยิ้มได้ทัน น้องปีใหม่ยังไม่ไปอีกเรอะ

“มีอะไรเหรอ”

“ลืมหมาครับ” น้องทำหน้าแหยๆ ก่อนจะเดินดุ่มๆ มาอุ้มลูฟี่ออกไป “บ๊ายบายอีกรอบนะครับ”

“จะลืมอะไรอีกมั้ย กลับเข้ามาอีกทีจะขังไม่ให้ออกไปแล้วนะ”

น้องทำเป็นนึก “ไม่มีแล้วครับ”

“งั้นก็โชคดี”

ปัง!

พอสิ้นเสียงประตู ผมรอสังเกตการณ์อยู่ประมาณสองนาที นานขนาดนี้คงไม่กลับมาแล้วเนอะ

งั้นยิ้มต่อได้ ชวิ้งงง

ผมเดินกลับเข้ามาในห้องก็ต้องแปลกใจเลยครับ น้องปีใหม่เก็บที่นอนให้ผมอย่างดียิ่งกว่าตอนที่ผมนอนเองซะอีก อะไรจะเจ้าระเบียบขนาดนี้ฮะ

แล้วนั่น...เสื้อที่น้องใส่เมื่อคืนวางอยู่ในตะกร้าผ้า เสียดายว่ะ ใส่แค่ครั้งเดียวเอง

ซู้ดดดดดด ฮึ่มยังหอมอยู่เลย

บ้าเอ๊ย! แค่ดมเสื้อทำไมผมต้องยิ้มออกมาด้วยเนี่ย

“ไอ้ดิว!”

สัส! ผมสะดุ้งโหยงตอนที่ได้ยินเสียงตะโกน ไอ้เอิร์ลเบิกตาเพลงยืนจ้องผมอยู่ นี่ผมลืมปิดประตูเรอะ!

“…” ผมมองของในมือตัวเองกับหน้าเพื่อนสลับกันไปมา เวรละไง...มาเห็นตอนไหนไม่เห็น เส็งเคร็งเอ๊ย

“ยะ...อย่าบอกนะ” นิ้วของไอ้เอิร์ลชี้มาแถมยังสั่นอย่างกับเจ้าเข้า “นั่นคือเสื้อที่น้องใส่ใช่มั้ย”

“…”

“มึงมันโรคจิต!”

“…”

แต่อยู่ๆ มันก็เดินเข้ามาใกล้ “ขอดมบ้างดิ งิๆ”

ไอ้ควายเอ๊ย! “ไปไกลๆ ตีน! กูแค่จะดมดูเฉยๆ ว่ายังหอมอยู่มั้ยจะได้ใส่ต่อ กูขี้เกียจซัก”

“น่าาา ดมหน่อย”

“ไปไกลๆ ตีนกู”

“เผื่อแผ่บ้างเด้!”

“ออกไปจากห้องกูไอ้เอิร์ล!” ว่าแล้วก็ผลักมันกระเด็นออกไปและจัดการปิดประตูใส่หน้ามัน

กริ๊ก!

นี่ ล็อกใส่แม่งด้วย

ผมมองเสื้อเชิ้ตสีขาวในมืออีกครั้ง...แน่ะ ยิ้มอีกแล้ว พักหลังยิ้มบ่อยแฮะ ร่าเริงแจ่มใสซะจริง

ผมพาดเสื้อไว้บนบ่า จัดการคว้าผ้าเช็ดตัวของตัวเองเดินเข้าห้องน้ำไป

ข้อเสียของปิดเทอมคืออะไรรู้มั้ยครับ มันทำให้เราใช้ชีวิตโดยลืมวันลืมคืน ผมจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าวันนี้วันอะไรหรือวันที่เท่าไหร่ แต่พอผ่านเหตุการณ์เมื่อคืนมา...มันทำให้ผมรู้ว่าวันนี้คือวันดีแน่นอน!

 

“ไอ้พี่ดิว!!!”

“ฮะ!?” ผมสะดุ้งตอนที่น้องชายตัวดีกระทุ้งสีข้าง บ้าเอ๊ย มัวแต่เหม่อ “ว่าไงๆ”

“เป็นไรปะเนี่ย วันนี้ใจลอยทั้งวันเลย”

สังเกตกูจังนะ เป็นแฟนคลับหรือยังไงวะ “เปล่า ไม่มีอะไร”

วันนี้น้องชายผมมันพามาประชุมผู้ปกครองครับ เชื่อกับมันเลยมั้ยล่ะ ไม่รู้ทำไมไม่ชวนพ่อแต่เสือกพาพี่ชายอย่างผมเข้ามานั่งฟังผลการเรียนในห้องเรียนแบบนี้ และพอเพื่อนๆ ครูๆ แซวว่า ‘พ่อหล่อจัง ยังหนุ่มอยู่เลย’ มันก็จะยืดอกภาคภูมิใจในตัวเอง อ๋อ ที่เอากูมาเพื่อจะหลอกคนอื่นเรอะ กลายเป็นคุณพ่อยังหนุ่มเฉยเลยผม

“ไม่มีอะไรจะพูดถึงเกรดกูเลยเหรอ” ไอ้ปู๊นหันมาถามตอนที่เราเดินออกจากห้องเรียน

“เรื่องของมึงสิ ถ้าจะโง่มันก็สมองมึง”

“ใส่ใจน้องนุ่งบ้างเหอะ!”

“มึงด่าตัวเองเถอะ ทำอย่างกับมึงเคยใส่ใจกูอย่างนั้นอะ”

นั่นแหละครับ ความเป็นพี่น้องของเราสองคน พูดสองคำด่าสิบคำ ผมละเบื่อ

“สรุปพี่ปีใหม่ขอเบอร์มึงไปทำไมอะ”

“มึงนี่อยากรู้จังนะ ถามกูเป็นรอบที่ร้อยแล้วมั้ง”

“โธ่!” ไอ้เตี้ยทำเป็นขยับแว่น “กูก็หวงแฟนกูบ้าง”

ผมนี่รีบหันขวับเลยครับ “มึงแม่งขี้ซุย กูถามเขาแล้ว เขาเห็นมึงเป็นแค่น้อง”

“จะ...จริงอะ”

“เออ!” ผมกอดอกทำเหนือ เห็นสีหน้าช็อกๆ ของอีกฝ่ายแล้วโคตรสะใจ “เสียใจด้วยนะครับ คุณได้เป็นแค่น้อง”

“แม่งเจ็บ...” ไอ้ปู๊นทำเป็นกุมหน้าอกทำหน้าเศร้าๆ แต่แล้วก็เบิกตาโพลงขึ้นมา “เฮ้ย! พูดถึงก็เจอเลย พี่ปีใหม่ครับ!”

ฮะ!? ไหนๆ อยู่ไหน ไม่ได้เจอตั้งนาน อยากเจอจะแย่แล้ว คราวก่อนก็ทำเอาผมงุ่นง่านไปหลายวันเลย

โอ๊ย! น้องกำลังนั่งไขว่ห้างอยู่บนโต๊ะม้าหินตัวเดิมที่เคยเห็นคราวก่อน ที่สำคัญ ยังน่ารักเหมือนเดิมเปี๊ยบ

แต่คราวนี้เห็นแล้วแม่งเขินๆ ยังไงก็ไม่รู้ว่ะ คงเพราะครั้งล่าสุดดันไปหอมแก้มน้องละมั้ง บ้าเอ๊ยยย กูก็ไม่น่าทำอย่างนั้นเลย

“อ้าวปู๊นปู๊น” ปีใหม่ยิ้มหวานให้กับคนที่วิ่งเข้าไปหา ก่อนจะเหลือบตามาที่ผมซึ่งเดินตามหลังมาติดๆ “สวัสดีครับพี่ดิว”

“กินข้าวยัง”

“ฮะ!?”

“เอ่อหมายถึง...” เส็งเคร็งเอ๊ย! ถามอะไรของกูเนี่ย “เป็นยังไงบ้าง”

“อ๋อ…” น้องปีใหม่กระตุกยิ้ม คงจะรู้ว่าผมหมายถึงอะไร ใช่แล้ว แผลที่น้องจับอยู่นั่นแหละ มันดูค่อยยังชั่วขึ้นเยอะเลย “ดีขึ้นแล้วครับ”

“อืม…”

แล้วก็เงียบ...เงียบจนอยากให้วันนี้เป็นวันเช็งเม้งจะได้มีคนจุดประทัดทำลายบรรยากาศสักหน่อย

แต่...ยอมรับเลยครับว่าน้องปีใหม่เหมาะกับชุดนักเรียนสัสๆ ไม่อยากให้น้องจบมัธยมเลย งานดีจริงๆ

“วันนี้มาเป็นคุณพ่อเหรอครับ” แววตาปีใหม่ดูหยอกล้อ

“ใช่ พอดีตอนวัยรุ่นเสเพลไปหน่อย”

เอาสิ เล่นมาเล่นกลับไม่โกงนะคร้าบบบ

“เอ่อ ไปเดินเล่นดีกว่ากู” ไอ้ปู๊นเหมือนจะรู้ตัวว่าหัวเน่า มันเลยทำเป็นเดินไปคุยกับกลุ่มเพื่อนๆ ที่นั่งอยู่ไม่ไกลนัก ปล่อยให้ผมอยู่กับรุ่นพี่ของมันแค่สองคน

เอาละ มาทายกันครับว่าใครจะเป็นฝ่ายชวนคุยก่อน

ซึ่งแน่นอนว่ามันต้องเป็นน้องปีใหม่อยู่แล้ว “ผมใส่ชุดนักเรียนวันสุดท้ายแล้วน้า~ พี่เสียดายมั้ย”

ถามมาได้ ก็ต้องเสียดายดิ

แต่จะพูดออกไปได้ไงครับ เฮนไตตายห่า “เฉยๆ”

“จริงอะ ตัวผมเองยังเสียดายเลย”

“คนเราใส่ชุดนักเรียนตลอดไปไม่ได้หรอก”

ไอ้เหี้ยคมอีกแล้ว อยากจะเปิดเพจแข่งกับนิ้วกลม

“เออ” ลืมไปว่าต้องพูดเรื่องนี้สักหน่อย “ครั้งก่อนขอโทษนะ...ที่หอมแก้มอะ”

“ไม่เป็นไรครับ มันเป็นเพราะผมหอมแก้มพี่ก่อนต่างหาก” ชู่ว์ว์ว์ พูดเบาๆ สิวะเดี๋ยวคนอื่นก็ได้ยินหมด “ผมขอโทษพี่เหมือนกันนะ”

“เราผิดทั้งคู่นั่นแหละ”

“ผมก็ว่างั้นครับ”

“แต่หนูผิดมากกว่า เพราะหนูอ่อย”

“อ้าว!” น้องเอียงคอ “ไหงเป็นงั้น”

“ล้อเล่น”

ทำไมมันมีความรู้สึกครุกคริก อิๆ อุ๊ๆ อ๊ะๆ ขึ้นมาวะ เหมือนกับมีใครมาจี้เอวผมอย่างนั้นแหละ

อ้อ สงสัยจะเขิน อิๆ

แต่ยังไม่ทันจะได้พูดคุยกันต่อ จู่ๆ ก็มีชายชุดดำสองสามคนเดินตรงมาทางนี้ ตอนแรกผมนึกว่าเป็นอาจารย์ แต่ดูจากท่าทางแล้วยังไงมันก็ไม่ใช่ และที่สำคัญหนึ่งในนั้นวางมือบนบ่าน้องปีใหม่ซะด้วย ชักตงิดๆ แล้วแฮะ

“มาแล้วเหรอ” เสียงน้องดูดุขึ้นต่างจากตอนที่คุยกับผม

“กลับได้แล้วครับ”

“อืม”

“…” ผมได้แต่ยืนนิ่งมองดูน้องเก็บข้าวของ โดยมีผู้ชายสามคนนั้นจ้องเขม็งมาทางนี้ “ไปแล้วเหรอ”

น้องปีใหม่สะพายกระเป๋าขึ้นบ่า “ครับ ไว้เจอกันนะ”

นั่นไง น้ำเสียงต่างจากเมื่อกี้ลิบลับจริงๆ

“คนพวกนี้ใคร” ผมเดินเข้าไปใกล้ ไอ้สามตัวนั้นทำท่าจะชาร์จใส่ผมทันที แต่น้องยกมือห้ามไว้ก่อน

“พี่ดิว...”

เสียงตาอ้อนวอนแบบนี้คืออะไรวะ จะเตือนว่าผมไม่ควรยุ่งว่างั้น? “กลับบ้านดีๆ”

“ไว้เจอกันนะครับ”

ไม่ชอบรอยยิ้มแบบนี้เลยให้ตายดิ

ผมมองกลุ่มคนตรงหน้าหันหลังเดินออกไป ตอนแรกกะจะปล่อยผ่านแล้วนะเพราะคิดว่าคงเป็นพวกคนที่บ้านน้อง แต่สายตาคมกริบประดุจเหยี่ยวของผมดันไปเห็นอะไรที่โผล่ออกมาจากกางเกงของชายชุดดำคนนึงที่เดินรั้งท้าย

เดี๋ยวนะ ตาฝาดหรือเปล่า ขอขยี้ตาแป๊บ...

เฮ้ย! ไม่ฟาด!

มันคือปืน!!!

“อย่าไปยุ่งเรื่องของเขา” ไอ้ปู๊นจับข้อมือผมไว้ตอนที่ผมกำลังเดินตามทั้งสี่คนออกไป “กลับบ้านเหอะ”

“มึงเคยเห็นคนพวกนั้นมาก่อนมั้ย”

“เคย” น้องชายผมพยักหน้า “แต่ก่อนมารับพี่ปีใหม่แทบทุกวัน แต่หายไปสักพัก ไม่รู้ทำไมวันนี้ถึงมากันอีก”

“งั้นกูจะตามไป”

“ไอ้ดิวววววว”

“ไอ้ปู๊น” ผมจ้องหน้าน้องชาย “ถ้ามึงเป็นน้องกู อย่าขี้ขลาด”

“อะไรนะ” มันถึงกับเหวอไปเลย “แล้วมึงเป็นคนใจกล้าแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ฮะ!?”

นั่นดิ ไม่รู้ตัวเองเหมือนกัน

แต่ที่รู้ตอนนี้ ผมต้องตามพวกนั้นให้ทันก่อน

“ไอ้ดิวววว” น้องผมร้องเสียงหลง แต่ก็ยอมเกาะหลังผมเดินตามมาอยู่ดี

ดูเหมือนพวกนั้นจะเดินไปที่ลานจอดรถ ผมพาน้องชายไปหลบอยู่หลังกระบะสีแดงเพื่อดูลาดเลา ชายชุดดำพาปีใหม่ไปหยุดที่รถตู้คันหนึ่งซึ่งเปิดประตูไว้อยู่ก่อนแล้ว แต่แทนพวกนั้นจะดันให้น้องเข้าไป กลับเป็นใครบางคนที่อยู่ด้านในก่อนแล้วเดินลงจากรถมา

ชายวัยกลางคนใส่เสื้อเชิ้ตปลดกระดุมจนเห็นรอยสักทับด้วยเสื้อกั๊กแบบยากูซ่าและคาบบุหรี่ไว้ในปาก เขาดูแก่มาก...แก่จนเทียบได้กับรุ่นพ่อของผมเลย รอยยิ้มใต้หนวดสีน้ำตาลนั้นโคตรน่ากลัวและไม่น่าไว้ใจ ท่าทางอย่างกับกุ๊ยอย่างนั้นทำให้ผมไม่อยากให้ปีใหม่อยู่ใกล้มันเลย

“เชี่ย!” ผมร้องออกมาเมื่ออยู่ๆ ไอ้แก่นั้นบีบคางน้องปีใหม่จนน้องมันสะดุ้ง สีหน้าบ่งบอกถึงความเจ็บที่โดนสัมผัสรอยแผลที่ยังไม่หายดี

“ไอ้ดิว กลับกันเหอะกูกลัว”

ผมหันไปบอกน้อง “มึงจะปล่อยให้พี่ปีใหม่ของมึงอยู่กับคนพรรค์นั้นเรอะ”

“แต่ว่ามันไม่ใช่เรื่องของเรานะ”

ผมกระตุกยิ้ม “แต่มันเป็นเรื่องของกู”

“…”

ตรงนี้ยังไกลอยู่ ผมเลยย้ายตัวเองไปหลบหลังรถอีกคันที่ใกล้กว่า ซึ่งนอกจากจะเห็นเหตุการณ์ได้ชัดเจนขึ้นแล้ว มันยังช่วยให้ได้ยินเสียงพูดคุยของคนกลุ่มนั้นมากขึ้น

“เลิกหนีแล้วสินะ”

“…”

“คิดถึงฉันมั้ยล่ะ”

แม่งเอ๊ย! ได้ยินเสียงไอ้แก่นั่นแล้วโคตรขยะแขยง

คนที่โดนถามไม่ได้สบตากับคนตรงหน้า แต่ก็ยอมพยักหน้าแต่โดยดี

อะไรกันวะเนี่ย

“หิวหรือเปล่า”

“หิวครับ”

“งั้นกลับบ้าน รีบไปกินข้าว”

“ครับ” ปีใหม่เงยขึ้นมามองคนตรง ซึ่งนั่นทำให้น้องเห็นผมที่ซ่อนตัวอยู่ตรงนี้เต็มๆ

“มีอะไรเหรอ”

ไอ้แก่ทำเป็นเอี้ยวตัวมาทางผม โชคดีที่ผมดึงตัวเองหลบได้ทัน

“เปล่าครับท่าน”

ท่าน งั้นเหรอ

ไอ้เหี้ยเอ๊ย! กูว่าไม่ใช่ละ

ผมกำลังจะพุ่งตัวออกไปอยู่แล้วเชียว แต่ดันไปเห็นสายตาที่เบิกกว้างของน้องซะก่อน เหมือนปีใหม่กำลังส่งสัญญาณเตือนว่าผมไม่ควรจะทำอย่างนั้น

“อย่า” ผมอ่านปากที่ขยับโดยไม่มีเสียงนั้นออก

ชิท! แล้วจะยอมอยู่กับคนน่ากลัวๆ แบบนี้อะนะ อะไรของแม่งวะ!

“ขึ้นรถ” เสียงนั้นเหมือนเป็นคำสั่ง เพราะปีใหม่เดินขึ้นรถตู้ไปอย่างง่ายดาย

ผมซ่อนตัวเองอีกทีตอนที่ไอ้แก่นั้นเดินออกมายืนสูบบุหรี่ที่หน้ารถ โคตรประเจิดประเจ้อและไม่เกรงใจสถานที่ราชการที่เรียกว่าโรงเรียนแม้แต่น้อย

นั่นจึงทำให้ผมสรุปกับตัวเองว่า ผมไม่ชอบขี้หน้าไอ้เหี้ยนี่ครับ

“คุณกำพลครับ”

กำพล?

“มีอะไร” เจ้าของชื่อหันไปขมวดคิ้วใส่ลูกน้อง

“สายจากลูกค้าที่ยะลาครับ” คนที่พูดเดินมาพร้อมกับโทรศัพท์

จังหวะนี้แหละที่ผมควรจะบันทึกภาพนี้ไว้

แชะ~

“เชี่ยยยยยย แมลงสาบ!!!”

ใจผมหลุดไปหยุดอยู่ที่ตาตุ่มตอนที่ได้ยินเสียงน้องชายตัวเองร้องลั่น เวรแล้วไง ไอ้ปู๊นกระโดดออกมาจากหลังรถกระบะสีแดงแถมยังวิ่งตาตื่นปัดเสื้อผ้าตัวเองอย่าลืมตัว แม่งคงไม่รู้ว่ามันกำลังเผยตัวจากที่ซ่อนต่อหน้าไอ้พวกนี้!

ลูกน้องไอ้กำพลทำท่าพุ่งเข้าใส่น้องผม มีการเอามือจับปืนที่เหน็บไว้ซะด้วย แต่ทว่าหัวหน้าของมันยกแขนมาห้ามซะก่อน

ทำอะไรของมึงเนี่ยไอ้เหี้ยปู๊นนนนนน!!!

ไอ้เตี้ยที่เพิ่งจะรู้ตัวว่ากำลังตกเป็นเป้าสายตาทำเป็นล่อกแล่ก โชคดีที่มันถือโทรศัพท์ไว้ในมือพอดีเลยทำเป็นเนียนยกขึ้นมาแนบหู

“อะไรนะจ๊ะตัวเอง...ฮื่อ พอดีเจอแมลงสาบอะ...เก๊ากลัววว”

ฉลาดฉิบหาย! กูภูมิใจในตัวมึงมากไอ้น้องชาย

น้องผมแกล้งทำเป็นโทรศัพท์ไปด้วยเดินไปด้วยจนถึงหน้าประตูรั้ว ไอ้กำพลกับลูกน้องเลยเลิกสนใจและพากันขึ้นรถตู้ไป

ตึ๊งตึ่ง!

ใครมันส่ง SMS มาวะ สมัยนี้ยังมีคนข้อความกันแบบนี้อยู่อีกเรอะ

 

รับจาก : ปีใหม่

กลับบ้านเถอะพี่

 

“…”

เอาจริงนะ ผมชักจะหงุดหงิดที่น้องแม่งเอาแต่ไล่ผมละ ไม่เข้าใจหรือไงว่าที่ทำอยู่เป็นเพราะอะไร

 

ส่งให้ : ปีใหม่

มันทำให้หน้าเป็นแผลขนาดนั้นก็ยังจะไปยุ่งอีกนะ

 

รับจาก : ปีใหม่

ผมขอโทษครับพี่...

 

ผมถอนหายใจกับข้อความที่โชว์อยู่บนหน้าจอ

 

ส่งให้ : ปีใหม่

งั้นบอกมาเลยว่าจะให้ทำยังไง ถ้าไม่อยากให้ยุ่งก็จะลากันตรงนี้

 

เสียงเครื่องยนต์ทำให้ผมผละออกจากหน้าจอ เชี่ย! จะไปก็ไม่บอกกล่าวกันสักคำ โชคดีนะที่ก้มหลบทัน ไม่งั้นคนบนรถแม่งเห็นแน่ๆ

ผมยืนขึ้นมองท้ายรถตู้ที่ขับผ่านประตูรั้วของโรงเรียน ใจมันหวิวๆ ยังไงชอบกลแฮะ เขาจะทำอะไรมึงอีกหรือเปล่าวะน้อง เป็นห่วงจริงๆ ให้ตายสิ

ตึ๊งตึ่ง!

น้องคงส่งข้อความกลับมาแล้วสินะ...

“เชี่ย...”

มือไม้ผมสั่น ขมวดคิ้วอ่านข้อความล่าสุดที่ถูกส่งมาจากเบอร์น้องปีใหม่ซ้ำไปซ้ำมา หวังว่ามันจะไม่ใช่อย่างนี้ผมเห็น

นี่มันอะไรกันวะเนี่ย!?

 

ส่งจาก: ปีใหม่

มึงเป็นใคร?

 

อย่าเสือกกับเรื่องภายในของพวกกู

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น