5

ด้วยความคิดถึง


 

5

ด้วยความคิดถึง

“แผลดีขึ้นยัง”

เสียงกระซิบข้างหูทำให้มินตรารู้สึกสึกขนลุกซู่ ก่อนจะเบี่ยงใบหน้าหนีลมหายใจอุ่นๆ ที่เป่ารดแก้มของหล่อนอยู่ตลอดเวลา หลังจากที่รังแกหล่อนจนริมฝีปากช้ำไปหมด

โทนี่อุ้มหล่อนมานอนกอดบนเตียงหลังจากบังคับจูบจนพอใจ มินตราเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองเอาเรี่ยวแรงไปทิ้งไว้ที่ไหนหมด หลังจากที่ถูกเขาแตะเนื้อต้องตัว นึกเกลียดและโมโหตัวเองอยู่เหมือนกัน ว่าทำไมต้องแพ้ทางสัมผัสหวามไหวของโทนี่ไปทุกครั้งด้วย แม้ตอนแรกจะทะเลาะหรือจะฆ่าจะแกงกันอย่างไร สุดท้ายโทนี่ก็ปราบหล่อนได้และลงเอยด้วยบทพิศวาสที่ยากปฏิเสธได้ทุกที

“ถามว่าแผลหายดีหรือยัง” โทนี่ถามอีกครั้ง เมื่อหล่อนยังนอนเงียบไม่พูดไม่จา แถมยังหน้าบึ้งราวกับโกรธใครมาอย่างนั้น แต่หล่อนจะโกรธใครได้ล่ะ หากไม่ใช่เขาที่รังแกหล่อน ช่วยไม่ได้นี่นา ก็คนมันคิดถึงใจจะขาด

“ก็ปล่อยก่อนสิคะ แล้วลุกขึ้นไปนั่งคุยกันดีๆ” มินตราต่อรอง นอนคุยกันแบบนี้รู้สึกแปลกๆ ในใจชอบกล เพราะกล้ามเนื้อแน่นๆ ของเขามันทำหล่อนใจเต้นแรงไปหมด

“ไม่เอา เดี๋ยวคุณก็หนีผมไปอีก” คนตัวโตไม่ยอม แถมยังคลอเคลียแก้มหล่อนวนไปวนมา จนมินตรากลัวว่ามันจะพลอยช้ำเหมือนริมฝีปากไปด้วย

“งั้นก็นอนเฉยๆ ค่ะ อย่ากอด”

“อยากกอด” คนเอาแต่ใจเถียงดื้อๆ

“คุณนี่มัน...” มินตราหมดปัญญาจะต่อความ จะเอะอะโวยวายก็กลัวเทวาและคนในบ้านจะแตกตื่นจนต้องเอาปืนมาไล่ยิงเขากลางดึก ถึงหล่อนจะไม่ชอบขี้หน้าเขาเท่าไร แต่หล่อนก็ไม่อยากเห็นเขาตายหรอก อย่างน้อยโทนี่ก็คือผู้ช่วยชีวิตหล่อน และหล่อนก็ไม่ใช่คนเนรคุณใคร

“มาที่นี่ได้ยังไงคะ” มินตราอดถามไม่ได้

“แอบเข้ามา โรเจอร์ดูต้นทางให้”

โถ...อะไรจะพยายามขนาดนั้น เขาไม่กลัวเทวาจับได้หรืออย่างไร นี่หากเทวารู้ว่าแอบย่องเข้าห้องหล่อนตอนดึกๆ มีหวังคงเข้าใจว่าโทนี่มีจุดประสงค์อะไรแอบแฝงแน่ แต่สำหรับมินตราแล้ว หล่อนคิดว่าโทนี่ไม่ได้มีจุดประสงค์อะไรอื่นเลย นอกจาก...

หล่อนมองตาเขาแล้วใจสั่น หากไม่คิดเข้าข้างตัวเองจนเกินไป โทนี่บุกมาที่นี่ก็เพราะหล่อน ซึ่งมินตราเองก็ไม่กล้าเดาเหมือนกัน ว่าในดวงตาคู่คมนั้นของโทนี่หมายความว่าอย่างไรกันแน่

“ที่นี่ระบบความปลอดภัยแน่นมาก แม้แต่หมาแมวยังผ่านเข้ามายากเลย แล้วคุณโทนี่...”

“ระดับโทนี่ วิลล์ ระบบการป้องกันแค่นี้กระจอกมาก” โทนี่บอกอย่างอวดอ้าง หากเขาไม่ใช่เจ้าพ่อเทคโนโลยีล้ำสมัย มันก็ยากที่จะเข้าถึงด้านในของบ้านหลังนี้ได้จริงๆ แต่ก็นั่นแหละ ที่ไหนที่ว่าอันตรายมากที่สุด ที่นั่นก็มักจะปลอดภัยมากที่สุดเช่นกัน เทวาคงนึกไม่ถึงหรอก ว่าโทนี่จะเจาะระบบความปลอดภัยโดยไม่ให้มีสัญญาณเตือน โดยมีโรเจอร์และคนของเขาคอยควบคุมอยู่เบื้องหลัง ทุกอย่างในบ้านจะดูปกติ ไม่มีภาพหรือเสียงของผู้บุกรุกแต่อย่างใด แต่ถ้าหากโทนี่ออกไปเมื่อไร ระบบป้องกันนี้ก็จะกลับมาเป็นระบบเดิม โดยที่ไม่มีใครเอะใจอย่างแน่นอน

“มันเสี่ยงมาก นี่ถ้าหากอาเทวารู้ว่าคุณมานี่ คุณตายแน่ๆ” มินตราไม่ได้ขู่ แต่โทนี่แอบมาแบบนี้มันเป็นเรื่องใหญ่มาก ยากที่เทวาจะเข้าใจแน่

“ตายก็ตาย แค่ได้เห็นว่าคุณปลอดภัยก็พอใจแล้ว”

อะไรกัน นี่อย่าบอกนะว่าเขาห่วงหล่อน มินตราสบตาเขาอย่างค้นคว้าหาคำตอบ โทนี่มาที่นี่เพราะอยากจะเห็นว่าหล่อนปลอดภัยไหมอย่างนั้นเหรอ บ้าจริงๆ ทำแบบนี้มันหาเรื่องตายชัดๆ

“รีบกลับไปเถอะค่ะ คุณไม่ควรอยู่นี่นานเกินไป ฉันสบายดีแล้ว ไม่ต้องกลัวว่าฉันจะโดนตัดแขน” มินตราไล่เขาทันที แม้จะรู้สึกเต็มตื้นในใจกับความห่วงใยนั้น แต่หล่อนก็ไม่อาจรับความปรารถนาดีนั้นได้

“ความรัก...เป็นสิ่งต้องห้ามสำหรับสมาชิกในหน่วยของเรามานานแล้ว มินเองก็รู้เรื่องนี้ดี อาเองไม่อยากให้มีปัญหาภายหลัง จึงอยากจะเตือนมินตรงๆ”

คำเตือนของเทวายังก้องอยู่ในหูตลอดเวลา ทำให้มินตราตั้งกำแพงขึ้นมาเพื่อปิดกั้นไม่ให้ตัวเองรู้สึกหวั่นไหวมากไปกว่านี้ อาชีพอย่างหล่อนจะมีความรักไม่ได้ ไม่อย่างนั้นแล้วพันธะที่เกิดขึ้นจะทำเสียงาน คนรัก ครอบครัว หรือญาติพี่น้อง จะตกอยู่ในความเสี่ยงและอันตรายไปด้วย หากเป้าหมายรอดไปได้และกลับมาแก้แค้น เฉกเช่นสมาชิกบางคนที่ต้องสูญเสียทุกอย่างไปเพราะผู้ร้ายที่รอดไปกลับมาแก้แค้นเอาคืน

แม้แต่เทวาเองก็สูญเสียคนรักไปอย่างไม่มีวันกลับ เพราะศัตรูที่เทวาเคยจับเข้าคุกดันแหกคุกออกมาได้ และกลับมาเล่นงานเขาทีหลัง สุดท้ายคนรักของเขากลายเป็นคนรับเคราะห์แทน ทำให้เทวาเสียใจเป็นอย่างมากจนตั้งกฎนี้ขึ้นมา เพื่อป้องกันไม่ให้คนในทีมต้องสูญเสียอะไรไป และถ้าใครทำไม่ได้ ก็ต้องลาออกไปจากหน่วยงาน อีกทั้งยังต้องเปลี่ยนชื่อนามสกุลและประวัติทั้งหมดเป็นคนใหม่ด้วย

“จะกลับไปตอนไหน นั่นผมจะเป็นคนตัดสินใจเอง” โทนี่บอกเสียงเข้ม จ้องมองใบหน้าเนียนใสที่ตราตรึงใจเขาตั้งแต่วันแรกจนถึงตอนนี้ แทบจะทุกนาที ที่ใบหน้าและแววตาเศร้าๆ ของหล่อนจะวนเวียนอยู่ในความคิดของเขาเสมอ

“เราไม่ควรเจอกันอีก” มินตราบอกด้วยใบหน้าเรียบเฉย ทั้งที่ในใจรู้สึกตรงกันข้าม

“ผมจะตัดสินใจเอง ว่าเราควรจะเจอกันหรือไม่ แม้ว่าเราจะตีกันก่อนที่จะได้คุยกันดีๆ ทุกครั้งไปก็ตาม”

มินตราอยากจะหัวเราะ ทว่าก็หัวเราะไม่ออก ทุกครั้งที่เจอกัน เขากับหล่อนมักใช้กำลังก่อนคุยกันเสมอ แม้แต่ครั้งนี้ หล่อนก็ถีบเขาซะกระเด็นจนจุกไปหมดกระมัง แต่ถึงกระนั้นโทนี่ก็ยังใจเย็นพอที่จะเอาคืนหล่อนด้วยจูบร้อนแรงจนได้

“ลาออกจากงานที่คุณทำได้ไหม”

“อะ...อะไรนะคะ” มินตราอุทานด้วยความตกใจ ที่จู่ๆ โทนี่ก็ขอให้หล่อนลาออกจากงานที่ทำอยู่ในตอนนี้ ทำเอาหล่อนถึงกับงงจนต้องขมวดคิ้วเข้าหากันทันที

“ผมเลี้ยงเอง นะมินนี่”

มินตราจ้องตาเขาเขม็ง สรุปว่าที่ตามตอแยอยู่นี่ เพียงเพราะเขาอยากจะยื่นข้อเสนอขอเลี้ยงดูเท่านั้นเองหรอกหรือ เขาอยากได้หล่อนตามประสาผู้ชายที่อยากได้ผู้หญิงทั่วไปอย่างนั้นใช่หรือเปล่า

ความคิดเองเออเองที่เกิดจากความโกรธทำให้หญิงสาวตาลุกวาว ก่อนจะออกแรงผลักไสอ้อมกอดนั้นออกไปให้พ้น แต่คนอย่างโทนี่เองก็ไม่ใช่จะยอมใครง่ายๆ นอกจากไม่ยอมปล่อยหล่อนแล้ว เขาก็ยังกอดหล่อนแน่นขึ้นอีกด้วย

“เป็นอะไร” ชายหนุ่มเลิกคิ้วงุนงง เมื่อครู่ยังเชื่องเป็นลูกแมวตัวน้อยของเขาอยู่เลย มาตอนนี้หล่อนก็แผลงฤทธิ์เป็นแม่เสือสาวจอมดุไปเสียแล้ว

“ปล่อย ไม่งั้นฉันจะร้องให้คนมาช่วย”

“อ้าว ไหงเป็นงั้น” โทนี่เลิกคิ้วงุนงง ก่อนจะมองใบหน้าเง้างอดของหล่อนด้วยความงงใจ พยายามคิดทบทวนว่าตัวเองพูดอะไรผิดไปให้หล่อนโกรธอย่างนั้นหรือ

“ฉันรักในงานที่ทำ รักในศักดิ์ศรีของตัวเอง หากคุณอยากจะเลี้ยงใครสักคน แน่นอนว่ามันจะไม่ใช่ฉันแน่”

อ๋อ...อย่างนี้นี่เอง โทนี่ถึงบางอ้อในทันที นี่หล่อนเข้าใจผิดคิดว่าเขาอยากเลี้ยงหล่อนเป็นอีหนูไว้ประดับบารมีเล่นเหมือนเศรษฐีทั่วๆ ไปสินะ ถึงได้โกรธเขามากขนาดนี้

แม่คุณทูนหัวเอ๋ย ใครเขาจะเสี่ยงชีวิตด้วยการแอบปีนเข้าบ้านของหัวหน้าหน่วยปฏิบัติการพิเศษดึกๆ ดื่นๆ เพียงเพื่อจะหาอีหนูมาเลี้ยงสักคน มันจะดูเล่นใหญ่ไปไหม

“นี่คิดเองเออเองไปถึงไหนเนี่ย” โทนี่หัวเราะเบาๆ ทำให้โดนกำปั้นหนักๆ ทุบอกรัวๆ เลยทีเดียว

“โอย ผมเจ็บนะมินนี่” หัวเราะไปปัดป้องตัวเองไป แต่ก็ไม่ยอมปล่อยหล่อนง่ายๆ หรอก โอกาสดีๆ แบบนี้มีที่ไหน เขายอมเสี่ยงผิดใจกับหน่วยงานพิเศษนี้ก็เพราะหล่อน แล้วเรื่องอะไรที่เขาจะยอมล่าถอยกลับไปง่ายๆ ด้วยเล่า

“ทำไมเมียผมใจร้ายแบบนี้นะ”

“ฉันไม่ใช่เมียคุณ” คนตัวเล็กกว่าตวาดใส่เสียงเบา แต่ค่อนข้างจริงจัง ทั้งโกรธทั้งน้อยใจจนไม่อยากจะเห็นหน้าเขาแล้ว

“โกรธอะไร” ดวงตาคมมีแววขบขันหยอกล้อ แต่คนโกรธมีหรือจะสังเกต

“ฉันเปล่า”

“บอกเปล่า แล้วทำไมหน้าง้ำหน้างอ” โทนี่อมยิ้ม เวลาหล่อนงอนนี่ก็น่าดูชมไปอีกแบบ จะจีบหล่อนต้องใจเย็นๆ อย่างที่คาร์ลบอกสินะ ไม่อย่างนั้นจับหล่อนไม่อยู่หมัดแน่

มันอาจเร็วไป จนมินตราอาจตั้งตัวไม่ทัน และไม่เชื่อใจเขา ทั้งนี้โทนี่เองก็อยากจะให้เวลาตัวเองเหมือนกัน ว่าทุกอย่างที่รู้สึก มันคือของจริงหรือไม่

แต่ดูท่า มันจะจริงไปเก้าสิบเปอร์เซ็นต์เสียแล้วกระมัง โทนี่คิดในใจด้วยความขบขันตัวเอง นี่คือผลพวงของรักแรกพบ อย่างที่อดีตเจ้านายอย่างเคลวินเคยบอกให้ฟังสินะ

เห็นทีว่าเขาคงต้องปรึกษาอดีตเจ้านายอย่างเคลวินเสียแล้วกระมัง ว่าจะต้องใช้วิธีแบบไหนกัน ถึงจะจับสาวสวยที่ดุและห้าวแบบนี้ให้อยู่หมัดได้ เพราะจันทร์เจ้าขาภรรยาของเคลวินเองก็เป็นสาวดุที่เก่งกาจเรื่องปืนผาหน้าไม้เหมือนกัน แต่เคลวินก็รวบหัวรวบหางกินกลางตลอดตัวจนจับมาเป็นแม่ของลูกได้

แต่มินตราท่าจะดุกว่าจันทร์เจ้าขาถึงสองเท่าด้วยกัน แน่ล่ะเพราะหล่อนถูกฝึกให้เชี่ยวชาญในการต่อสู้มาตั้งแต่ยังเด็ก แถมยังฉลาดและมีไหวพริบจนหาตัวจับยากเลยทีเดียว มินตราเรียนรู้การปลอมตัวในแต่ละบทบาทตามสถานการณ์ ยากที่ใครจะติดตามหรือควานหาตัวหล่อนเจอง่ายๆ

“ผมไม่ชอบให้เมียทำงานเสี่ยงตาย อยากให้นั่งไขว่ห้างใช้เงินเหมือนคุณนายปกติทั่วๆ ไปมากกว่า”

มินตราค้อนให้เขาทันที อย่างหล่อนนี่น่ะหรือจะไปนั่งเป็นคุณนายนั่งไขว่ห้างใช้เงิน จ้างให้ก็ไม่เอาด้วยหรอก หล่อนถนัดใช้ปืนมากกว่า เรื่องเงินนี่ไม่เคยอยู่ในหัว

“ฉันไม่ได้อยากเป็นคุณนายของใคร เชิญคุณไปเสนอให้คนอื่นดีกว่า”

“แน่ใจหรือ ที่จะยกสามีตัวเองให้คนอื่น” ชายหนุ่มยิ้มกรุ้มกริ่ม จ้องมองไปในดวงตากลมโตด้วยสายตาค้นคว้า แม้มินตราจะเป็นผู้หญิงที่อ่านยาก แต่ก็คงไม่ยากเกินไปที่โทนี่จะเข้าถึงได้แน่นอน

“คุณไม่ใช่” มินตราบอกห้วนๆ

“แล้วอยากให้ใช่ตอนนี้เลยไหม หืม...”

“นี่! ปล่อยนะ คุณจะทำอะไร” มินตราตาเบิกโพลง เมื่อจู่ๆ ร่างใหญ่ก็เปลี่ยนจากการนอนกอดเฉยๆ เป็นขยับขึ้นมาทาบทับหล่อนไว้ด้วยสายตาที่ทำเอาหญิงสาวรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ ทันที

“คุณโทนี่” มินตรายกฝ่ามือขึ้นดันหน้าอกเขาเอาไว้ด้วยความตกใจ ผีอะไรเข้าสิงโทนี่อีกกันเล่า ทำไมเขาถึงเปลี่ยนท่าทีได้ง่ายแบบนี้ ง่ายจนหล่อนตามเกมเขาไม่ทันแล้ว

“คิดถึง” โทนี่บอกออกมาโต้งๆ ก่อนจะสบตาหล่อนด้วยสายตาที่เปิดเปลือยความรู้สึกนั้นจากใจ หล่อนคงไม่รู้ว่าเขากินไม่ได้และนอนไม่หลับมาตลอดทั้งสัปดาห์ แถมยังเอาแต่นั่งมองชุดชั้นในสีแดงที่ซื้อให้หล่อนเหมือนคนบ้าจนโรเจอร์ทนไม่ไหว ต้องหาทางให้เขาได้พบหล่อนสักครั้งให้ได้ ไม่ว่ามันจะเสี่ยงต่อการเป็นผู้ร้ายข้ามชาติก็ตาม

ประโยคนั้นของเขาทำให้คนใต้ร่างชะงักไปชั่วอึดใจหนึ่ง ก่อนจะมองเขาด้วยสายตาครุ่นคิด ว่าจะเชื่อหรือไม่เชื่อในสิ่งที่เขาบอกดี

“ทำไมหนีผมมาแบบนั้น สองครั้งแล้วนะมินนี่” โทนี่ตัดพ้อ ปลายนิ้วเขี่ยแก้มนุ่มเล่นแต่ทำหน้ามุ่ยเหมือนโกรธหล่อนอย่างไรอย่างนั้น

“ลาสักคำก็ยังดี ผมไม่คิดจะรั้งคุณไว้หรอก หากว่าคุณไม่อยากอยู่” หลายประโยคที่อัดอั้นตันใจพรุ่งพรูออกมา ทำให้มินตราเลือกที่จะเงียบต่อไป แล้วปล่อยให้เขาพูดในสิ่งที่เขารู้สึกทั้งหมด

“ผมห่วง” โทนี่สบตาหล่อนแล้วบอกชัดๆ หากหล่อนไม่รู้สึกผิดอะไรบ้าง ก็นับว่าหล่อนไร้หัวใจและใจจืดใจดำเกินไปแล้ว เขาชัดเจนขนาดนี้ หล่อนต้องรับรู้อะไรบ้างสิ

“คุณโทนี่” มินตราพึมพำออกมาหลังจากนั้น เขาห่วงหล่อนประสาอะไรกัน ถึงได้ยอมเสี่ยงตายย่องเข้าหาหล่อนถึงห้องนอนแบบนี้ นี่โทนี่คิดว่าตัวเองเป็นไอร่อนแมนหรือไง

มินตราไม่รู้จะพูดอย่างไร ใจหนึ่งก็อยากตัดเขาไปให้พ้นๆ เสีย และอย่าได้ยุ่งเกี่ยวกันอีก หากแต่อีกใจหนึ่งก็อดหวั่นไหวไม่ได้ เกิดมาไม่เคยมีใครมาใส่ใจในความเป็นไปแบบนี้เลย มีเขาคนแรกที่ทำให้หัวใจหล่อนสั่นคลอน

“ไม่ต้องเข้าใจผม เพราะผมก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน แต่คุณใจดำมากนะมินนี่ ที่หนีผมมาแบบนี้ ผมแค่อยากดูแลคุณให้หายจากอาการบาดเจ็บเพียงเท่านั้น ไม่ได้คิดกักกันไว้เป็นเชลยหรือแก้แค้นเรื่องที่ผ่านมา”

“ฉัน...” อยากจะบอกว่าขอโทษ แต่ก็มองไม่เห็นประโยชน์ที่จะบอกกับเขาไปแบบนั้น ระหว่างเขากับหล่อนมันเป็นไปไม่ได้ทุกทาง และหล่อนก็ไม่รู้ว่าทุกอย่างที่เขาพูดมา มันออกจากใจเขาหรือว่าต้องการสืบอะไรจากหล่อน เหมือนอย่างที่เทวาตั้งข้อสงสัยกันแน่

“รังเกียจผมไหม”

คำถามต่อมาทำให้มินตรากระพริบตาถี่ๆ หัวใจดวงน้อยเต้นรัวขึ้นมาแทบทันที เพราะไม่รู้ว่าเขาจะถามคำถามนี้เพื่ออะไรกัน

ริมฝีปากหยักประทับลงกลางหน้าผากเล็ก ระหว่างที่หญิงสาวได้แต่นิ่งและเงียบงันไป ก่อนจะจูบซับเรื่อยลงมาจนถึงปลายจมูกโด่งดื้อรั้น แล้วหยุดที่ริมฝีปากอิ่มเย้ายวนใจ

ลมหายใจอุ่นๆ เป่ารดกันและกัน สองสายตาประสานหวานล้ำจนสะกดให้หญิงสาวลืมทุกอย่างรอบกาย รับรู้เพียงลมหายใจของเขาเป่ารดจนหน้าร้อนผ่าวไปหมด

“เกลียดผมหรือเปล่า” ชายหนุ่มกระซิบติดริมฝีปาก ก่อนจะกดลงบนเรียวปากหวานที่ไม่ว่ากี่ครั้งก็ไม่เคยอิ่มเอมสำหรับเขา หากแต่มันยิ่งทวีความต้องการมากขึ้นเรื่อยๆ จนอยากเก็บมันไว้กับตัวตลอดไป

ปากอวบอิ่มเผยอออกจากกันโดยไม่รู้ตัว เปิดทางให้เขาฉกฉวยความหวานด้วยหัวใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะ จูบหวานล้ำปนเรียกร้องทำให้หล่อนลืมตัวลืมใจ ขยับลิ้นเล็กๆ ตอบโต้จนคนตัวโตถึงกับครางอย่างพึงพอใจเลยทีเดียว

ฝ่ามือหนาเริ่มเคลื่อนไหวไปทั่วร่างเล็ก ก่อนสุดท้ายจะขยับขึ้นมากอบกุมความนุ่มหยุ่นที่เริ่มจะคุ้นมือ ความปรารถนาแล่นพล่านคล้ายไฟร้อนๆ ลุกลามไปทั่วสรรพางค์กาย ปลุกปั่นร่างเล็กให้สั่นระริกและตื่นเพริดจนเตลิดไปไกลกว่าที่คิดไว้ตั้งแต่ตอนแรก

ชุดนอนของมินตราถูกเหวี่ยงออกไปในเวลาต่อมา โดยที่เจ้าหล่อนไม่ทันได้สติหรือปัดป้องใดๆ สัมผัสแสนหวานซาบซ่านจนหญิงสาวสมองขาวโพลนไปหมด บิดส่ายร่างกายดุจดั่งงูเลื้อย หลับตาพริ้มเผยอปากครวญครางคล้ายคนกำลังฝันหวานและละเมอออกมาโดยไม่รู้ตัว

“มินนี่” โทนี่ครางเสียงแหบห้าว ก่อนจะครอบครองความอวบอิ่มด้วยความหิวกระหายจนใจแทบขาด เขาต้องการหล่อนตั้งแต่แรกพบจนถึงตอนนี้ ไม่แปลกอะไรที่โทนี่จะฉกฉวยโอกาสนี้ปลดปล่อยความทรมานได้บ้าง

“คุณ...โทนี่” มินตราส่งเสียงเรียกเขาเบาหวิว สองมือจิกเกร็งบนแผ่นหลังที่ปราศจากเสื้อผ้าเช่นเดียวกัน บดเบียดตัวเองถูไถกับร่างกายแข็งแกร่ง ที่ให้ความอบอุ่นกับหล่อนได้อย่างแปลกประหลาด

“อืม...” เสียงเล็กๆ ดังเล็ดลอดออกจากปากอวบอิ่ม เมื่อถูกฝ่ามือร้ายกาจสำรวจไปทุกซอกทุกมุม ทำเอาหล่อนปั่นป่วนในช่องท้องจนตัวบิดเกร็งไปหมด ไหนจะยังถูกเล่นงานด้วยริมฝีปากที่อกอวบจนสั่นสะท้านไปหมดนั่นอีก

“อื้อ...” หญิงสาวเผลอร้องออกมาเสียงดังหลังจากนั้น เมื่อจู่ๆ ความอ่อนนุ่มก็ถูกรุกรานด้วยปลายนิ้วจนหล่อนตกใจปนเจ็บนิดๆ ก่อนจะลืมตามองเขาด้วยสีหน้าตื่นตกใจจนเหงื่อไหลโดยไม่รู้ตัว

“คุณจะรู้สึกดีทูนหัว เชื่อผมนะ”

ไม่ทันได้ปฏิเสธหรือตอบรับ ริมฝีปากหยักก็กดลงมาปิดปากหล่อนแล้วเริ่มจูบอีกครั้ง ชายหนุ่มปลอบประโลมหล่อนด้วยความหวานล้ำจนอีกฝ่ายหายเกร็ง ก่อนจะเริ่มมอบความสุขแปลกใหม่ให้หล่อนด้วยหัวใจที่พองโตคับอกเลยทีเดียว

ภรรยาของเขายังบริสุทธิ์ผุดผ่อง! โทนี่คิดในใจด้วยความลิงโลด จริงๆ แล้วเขาไม่คิดจะได้พรหมจรรย์จากผู้หญิงคนไหนในโลกนี้หรอก เพราะทุกคนเกิดมาย่อมมีความต้องการและผิดพลาดทั้งนั้น แม้แต่ตัวเขาเองยังไม่ดีพอเลย แล้วจะไปตั้งความหวังกับคนอื่นได้อย่างไร

ยายแม่มดน้อยของเขา หล่อนช่างเป็นสิ่งมหัศจรรย์ในชีวิตของเขาจริงๆ ยอมรับว่าตื่นเต้นและดีใจมากมาย ที่ได้รู้ว่าหล่อนยังเก็บความงดงามและอ่อนหวานเย้ายวนนี้เอาไว้ เพื่อรอใครบางคนที่เหมาะสมกับมัน และเขาเท่านั้น โทนี่ วิลล์ เขาจะเป็นคนนั้นของหล่อนคนเดียว ใครหน้าไหนก็อย่าอาจหาญมาแตะต้อง!

ร่างเล็กเกร็งกระตุกหลังจากนั้นไม่นาน หลังจากถูกส่งให้ถึงฝั่งฝันเป็นครั้งแรกของชีวิตสาว มินตราหายใจหอบๆ เหมือนคนวิ่งออกกำลังกาย ในขณะที่คนตัวใหญ่กลับยิ้มมุมปากด้วยความพึงพอใจ ที่ได้เป็นคนแรกกับการส่งหล่อนขึ้นสวรรค์ด้วยตัวเอง

เขาอยากได้หล่อน โทนี่ครวญครางในใจ เพียงแค่ปลายนิ้วนี้ไม่อาจทำให้เขาสงบลงได้ เพราะบางอย่างในกายยังคงเต้นเร่าและร้อนระอุ เกร็งเครียดจนเจ็บปวดรวดร้าวไปหมด

“มินนี่” ชายหนุ่มกระซิบเสียงหวาน ในขณะที่มินตราหลับตาสนิทและหน้าแดงก่ำจนจนเขารู้สึกขบขัน

“คุณทำบ้าอะไร” มินตราเอ่ยถามเสียงเบาหวิว ไม่กล้าลืมตาตื่นขึ้นมาเผชิญหน้ากับเขาแม้สักนาที หล่อนกับโทนี่ทำอะไรลงไป ทำไมมันเลยเถิดมาถึงขั้นนี้ได้

“ทำแบบสามีภรรยาเขาทำกัน” ชายหนุ่มตอบด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ ก่อนจะขยับตัวลงไปนอนเคียงข้าง แล้วรั้งร่างบางเข้าไปซุกที่แผงอกแข็งแกร่ง

“พอเลยนะ” หญิงสาวบอกเสียงเครือ กลายเป็นคนขี้ขลาดในทันที

“ได้ไงกัน คุณเสร็จ แต่ผมยังนะ” โทนี่แกล้งเย้าแล้วหัวเราะในลำคอ

“คนทุเรศ ออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้เลยนะ” หล่อนตวาดใส่เขาทั้งที่ยังหลับตา

“ไม่ไปไหนทั้งนั้น จะนอนกอดเมียอยู่นี่แหละ” โทนี่ปฏิเสธ แม้จะรู้ว่ามันเสี่ยงมากเพียงใด เขาอยู่ที่นี่นานไม่ได้เขารู้ตัวดี แต่ก็อยากอยู่ต่ออีกนิดให้หายจากความทรมานได้บ้าง

“ถ้าใครมาเห็น คุณกับฉันตายเราได้ตายทั้งคู่แน่” หล่อนขู่เขาให้กลัว แต่คนอย่างโทนี่ไม่ได้สะทกสะท้านหรอก

“ตายคาอกคุณนี่ผมยอม แต่กับคนอื่นไม่มีทาง” โทนี่ยืนยัน ก่อนจะหอมฟอดที่แก้มนุ่มอย่างอดไม่ได้

ยายแม่มดน้อยของเขายกมือขึ้นถูแก้มแรงๆ เหมือนไม่พอใจ ส่งผลให้โทนี่ถึงกับหลุดหัวเราะออกมาด้วยความขบขัน ที่เจ้าหล่อนแสดงออกมาเหมือนรังเกียจสัมผัสของเขาเสียอย่างนั้น

ผู้หญิงนี่ทุกคนจริงๆ สินะ ปากกับใจมักไม่ตรงกันสักที หล่อนยอมให้เขาขนาดนี้ คิดว่าเขาจะไม่รู้ใจหล่อนหรือไร โทนี่ไม่ใช่ผู้ชายที่ชอบคิดเข้าข้างตัวเอง หากแต่เขาเป็นผู้ชายที่ฉลาดและพอจะมองออก ว่าอีกฝ่ายมีปฏิกิริยากับเขาอย่างไร

“นอนเถอะ ผมไม่กวนแล้ว” โทนี่ลูบผมหล่อนเบาๆ พยายามระงับความต้องการของตัวเองที่ยังคุกรุ่นให้เย็นลงก่อนที่จะควบคุมยาก

“คุณจะไปตอนไหน” มินตราหลับตาถาม ละอายและเกลียดตัวเองที่พลั้งเผลอไปกับความเชี่ยวชาญของเขา

“ไม่ต้องห่วง ผมออกจากที่นี่ได้สบายเหมือนตอนมานั่นแหละ”

“คุณอย่าคิดว่าฉันใจง่ายนะ” จู่ๆ เจ้าหล่อนก็โพล่งขึ้นมาเหมือนนึกได้ ทำเอาโทนี่ถึงกับเลิกคิ้วงุนงง

“ก็ไม่ได้คิด” ชายหนุ่มตอบทันที เป็นเพราะเขาเก่งต่างหากล่ะ ถึงหว่านล้อมให้หล่อนยินยอมได้ หากโทนี่หมายมั่นปั้นมือเอาไว้แล้ว ก็ยากที่ผู้หญิงคนไหนจะปฏิเสธเขาได้

“ขอบคุณที่หยุด” หญิงสาวบอกเสียงอ่อยๆ ยังหลับตาอยู่อย่างนั้นเหมือนคนกลัวผี ซึ่งผีที่ไหนกันจะหล่อเหลาราวเทพบุตรเหมือนอย่างเขา

“กลัวจะร้องแรกแหกกระเชอมากกว่า ถึงตอนนั้นพวกของคุณคงแห่มาล้อมห้องนี้เอาไว้ ข้อหาที่ทำให้คุณเจ็บกับครั้งแรกของเรา”

“คนทุเรศ หุบปากเดี๋ยวนี้เลยนะ”

“จ้ะ ไม่พูดแล้วก็ได้ งั้นขอนอนกอดแน่นๆ สักคืนนะ” โทนี่บอกอย่างอารมณ์ดี เอาเถอะ ได้แค่นอนกอดก็ยังดี อย่างน้อยไม่โดนหล่อนถีบที่รังแกไปก็บุญหัวเท่าไรแล้ว

“ไม่ได้” หล่อนบอกเสียงเข้ม

“เอาน่า นิดเดียวเอง ไม่อย่างนั้นจะฉุดคุณไปด้วยนะ ถ้าไม่ให้” ชายหนุ่มต่อรอง

มินตรารู้สึกขัดใจและตะขิดตะขวงใจ จะโวยวายก็ไม่ได้ กลัวว่าทุกคนในบ้านจะแห่มาที่ห้องของหล่อนกันหมด คราวนี้แหละ รับรองว่าโทนี่ลำบากแน่ เมื่อคิดว่าไม่สามารถที่จะขัดขวางเขาได้แล้ว มินตราก็เลือกที่นอนหลับตาเงียบๆ เพื่อตัดบทไม่คุยกับเขาอีก

โทนี่นอนกอดหล่อนเงียบๆ หลังจากนั้น ก่อนที่ทุกอย่างจะเงียบสงบเมื่อคนในอ้อมกอดเผลอหลับไป ชายหนุ่มนอนมองหล่อนเงียบๆ อย่างใช้ความคิดล่องลอยไปไกล และในสุดท้ายเขาก็ค่อยๆ ขยับลงจากเตียง แล้วเสื้อผ้ามาสวมลวกๆ อย่างรวดเร็ว พร้อมกับกระโดดออกไปทางหน้าต่าง ซึ่งมีคนของเขาคอยเฝ้าดูต้นทางผ่านระบบคอมพิวเตอร์ให้อยู่ก่อนแล้ว เพียงไม่นานร่างสูงก็ผลุบหายออกไปในความมืด โดยที่กล้องวงจรปิดและสัญญาณเซ็นเซอร์ของเทวาก็ไม่อาจตรวจสอบได้

 

“ตามไม่หยุดเลยเหรอ”

“ครับ”

คำตอบของภาคภูมิ ทำให้ อานัส มีนับคณา ชายวัยห้าสิบปลายที่กำลังนั่งจิบกาแฟอยู่ในร้านแห่งหนึ่ง ถึงกับถอนใจดังเฮือก เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรก ที่เขาถูกตามจากคนของทางราชการ

“คนพวกนี้นี่ยังไง น่ารำคาญจริง” อานัสลุกขึ้นจากจากเก้าอี้ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือแล้วเดินออกมาหน้าร้าน แล้วต่อสายหาใครบางคนด้วยความหงุดหงิดใจ

“แกเลิกให้คนของแกตามฉันสักทีเทวา” อานัสตะคอกเสียงใส่มือถือของตัวเอง รู้สึกหงุดหงิดทุกครั้งที่ต้องออกไปไหนมาไหนเหมือนคนปกติทั่วไป แล้วถูกติดตามด้วยคนของเทวาที่เวียนกันมาอย่างไม่ซ้ำหน้าเลยทีเดียว

“แกจะกลัวไปทำไม ในเมื่อแกไม่ได้ทำอะไรผิด ถึงจะต้องกลัวเจ้าหน้าที่อย่างฉันไม่ใช่เหรอ” อีกฝ่ายตอบกลับมาด้วยเสียงกลั้วหัวเราะ ทำเอาอานัสถึงกับฉุนจนแทบปาโทรศัพท์ทิ้ง

“แกมันสารเลวเทวา” อานัสด่าออกมาด้วยความแค้นใจ หลายสิบปีที่ผ่านมา เทวาไม่เคยปล่อยให้เขาสงบสุข เอาแต่ตามติดไม่เลิกเหมือนคนเป็นบ้า

“ใครกันแน่ที่เลว ฉันว่าน่าจะเป็นแกมากกว่า คนทรยศเพื่อนอย่างแก สมควรแล้วที่จะโดดเดี่ยวแบบนี้” เทวาบอกเหมือนสาปแช่งอานัส

“แกเองก็โดดเดี่ยวไม่ต่างกันนี่ คนรักแกก็ด่วนตายจากแกไปก่อนเหมือนกัน จริงๆ แล้วเธอน่าจะอยู่ดูวันที่แกพังพินาศทั้งชีวิตท่าจะดีกว่านี้” อานัสกล่าวออกมาด้วยความแค้นไม่ต่างกัน เรื่องบาดหมางในอดีตไม่อาจทำให้พวกเขาทั้งคู่เดินบนเส้นทางเดียวกันได้

“อานัส! แกมันไร้หัวใจ”

“ฉันไม่มีหัวใจตั้งแต่สูญเสียทุกอย่างในชีวิตเพราะแกแล้วเทวา ฉันขอเตือนแกเลยนะ ว่าอย่าได้ก้าวก่ายกับชีวิตของฉันอีก ต่างคนต่างอยู่สิวะ จะมาตอแยอะไรนักหนา” อานัสเหลืออด คงมีสักวันหนึ่งที่เขาจะทนไม่ได้ และระเบิดทุกอย่างออกมา ถึงเวลานั้นไม่เขาก็เทวา ที่จะต้องตายกันไปข้างหนึ่ง

“ฉันไม่มีวันปล่อยให้แกมีความสุขไปคนเดียวหรอกอานัส ฉันไม่มีความสุข แกก็ต้องไม่มีด้วย” เทวาอาฆาต ความโกรธและเกลียดชังก่อตัวขึ้นทุกวันจนยากที่จะวางใจอะไรได้

“แกทำแบบนี้ทำไมเทวา” อานัสถามออกไปด้วยความเจ็บปวด ยี่สิบสามปีที่ผ่านมา ไม่ได้ลบเลือนความเจ็บปวดในหัวใจของเขาให้จางลงได้เลย

“แกรู้แก่ใจดีอานัส ว่าที่ฉันทำแบบนี้ก็เพราะอะไร แกเป็นคนเริ่มทุกอย่างว่ะอานัส หากแกยอมทำตามที่ฉันขอร้องทุกอย่างเมื่อยี่สิบสามปีก่อน เราสองคนก็คงไม่ต้องเดินอยู่บนเส้นขนานแบบนี้”

“แกมันเห็นแก่ตัวไม่เปลี่ยน” อานัสต่อว่าอีกครั้ง แต่อีกฝ่ายกลับหัวเราะขึ้นมาเหมือนไม่ยี่หระอะไร

“แกนั่นแหละ ที่ทำให้ฉันเป็นแบบนี้ แกบีบฉันเอง เพราะฉะนั้นทุกอย่างมันเป็นเพราะแกอานัส อย่ามาโทษฉัน” เทวาโยนทุกอย่างให้เป็นความผิดของอานัสทั้งหมด ซึ่งแน่นอนว่าอานัสไม่มีเคยยอมรับมันมาตลอด เพราะเขาคิดว่าเขาไม่ผิด

“ถ้าแกไม่หยุด ฉันจะหยุดแกเอง” อานัสบอกเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะวางหูด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว เหลียวมองไปรอบๆ ด้วยสายตาสำรวจ ก่อนจะพบว่าชายคนเดิมยังตามติดเขาราวกับเจ้ากรรมนายเวร

“ไปเอาตัวมันมา” อานัสหันไปพยักพเยิดกับภาคภูมิ ก่อนที่คนของเขาที่ติดตามมาสี่ห้าคนจะพยักหน้ารับรู้และเข้าใจ กระจายกำลังกันล้อมชายคนหนึ่ง ที่อานัสคิดว่าน่าจะเป็นคนของเทวาที่ส่งมา

ทุกอย่างเป็นไปอย่างเงียบเชียบ โดยที่บุรุษปริศนาคนนั้นไม่รู้ตัว ร่างสูงในชุดกางเกงยีนเสื้อยืดและสวมหมวกแก๊ปซุ่มแอบมองเป้าหมายอยู่ฝั่งตรงข้ามอย่างใจเย็น กว่าจะรู้ตัวว่าถูกจับได้ ก็เมื่อถูกชายสามสี่คนเข้ารวบตัวแล้ว

“พี่วาทิน”

ร่างบางในชุดกางเกงยีนเสื้อยืดขยับตัวออกจากที่ซ่อนทันที เมื่อพี่ชายคนสนิทที่ตัวเองแอบตามออกจากบ้านมาเมื่อสองชั่วโมงก่อน ถูกชายวัยฉกรรจ์สี่คนล้อมหน้าล้อมหลังเอาไว้ แล้วถูกริบอาวุธที่ซุกซ่อนอยู่ในตัวไปอย่างง่ายดาย

“แย่แล้ว” มินตรารีบวิ่งเข้าไปช่วยวาทินด้วยความเป็นห่วง และเมื่อชายฉกรรจ์เหล่านั้นเห็นหล่อนเข้าไป หนึ่งในนั้นก็ชี้กระบอกปืนมาที่หล่อนอย่างระวังภัยทันที

“ปล่อยเขาเดี๋ยวนี้” มินตราเองก็จี้ปืนไปที่หนึ่งในสี่คนนั้นทันที พร้อมกับจ้องพวกมันตาไม่กระพริบเช่นกัน

“มิน นี่แอบตามพี่มาทำไม” วาทินหันไปดุน้องสาวในทีมทันที มินตราตามเขามาที่นี่ได้อย่างไร ในเมื่อเขาไม่ได้เอ่ยปากบอกกับใคร ว่าวันนี้เขาจะออกมาสืบเรื่องของนายอานัส

วาทินไม่ได้ฉลาดในการต่อสู้เท่ามินตรา แต่เขาก็เป็นมือหนึ่งด้านไอทีขององค์กรที่เทวาพึ่งพามาได้ตลอด มินตราเองก็ไม่เข้าใจ ว่าทำไมเทวาถึงเลือกวาทินให้ออกมาทำงานนี้ ทั้งที่คนอื่นๆ หรือหล่อนเองสามารถทำได้ดีกว่า

“ปล่อยพวกเขาไปภาคภูมิ”

คำสั่งจากชายวัยห้าสิบปลายที่กำลังเดินเข้ามาในที่เกิดเหตุ ทำให้มินตราเหลียวไปมองแทบทันที ก่อนจะพบว่าเป็นนักธุรกิจที่เทวาสั่งให้วาทินตามดูความเคลื่อนไหวนั่นเอง

อานัสมองหญิงสาวคราวลูกด้วยสายตาสำรวจ ก่อนจะสะดุดตากับดวงตากลมโตนั้นของหล่อนอย่างบอกไม่ถูก รู้สึกเหมือนเคยเห็นหล่อนที่ไหนสักแห่ง แต่ก็นึกไม่ออก

“ปล่อยพวกมันไปทำไมกันครับนาย เดี๋ยวพวกมันก็กลับมาเล่นงานเราอีกหรอก” ภาคภูมิไม่เห็นด้วย เพราะในตอนนี้แม่สาวผมบ๊อบสีแดงกำลังจี้ปืนมาที่เขาอยู่

“บอกให้ปล่อยก็ปล่อยเถอะ” อานัสบอกอย่างอ่อนใจ เพียงแค่นี้ก็ทำให้เทวาร้อนๆ หนาวๆ ได้บ้างแล้ว คงไม่ต้องถึงกับลงไม้ลงมือกันกลางถนนในเวลากลางวันแสกๆ แบบนี้หรอก และเขาก็ขี้เกียจตอบคำถามกับพวกตำรวจด้วย

ภาคภูมิสั่งให้ลูกน้องปล่อยวาทินอย่างไม่เต็มใจ ในขณะที่วาทินเองก็รีบถอยออกมายืนข้างมินตราด้วยท่าทางนิ่งสงบและระวังตัว รู้สึกเจ็บใจตัวเองที่พลาดท่าให้ศัตรูจับตัวได้ หากเทวารู้เข้า รับรองว่าเขาโดนตำหนิแน่

“ฝากบอกเจ้านายของพวกคุณด้วย ว่าอย่าเล่นสกปรกแบบนี้อีก เพราะคราวหน้าผมจะไม่ปล่อยพวกคุณไปง่ายๆ แบบนี้แน่” อานัสบอกกับทั้งคู่ด้วยสีหน้าจริงจัง และหงุดหงิดที่ถูกสะกดรอยตามมาตลอด

“ไปพี่วาทิน” มินตราสะกิดบอกคนข้างๆ พร้อมกับพยักพเยิดให้เขารีบหนีออกไปก่อน ขณะที่หล่อนเดินถอยหลังออกไปอย่างช้าๆ เพราะยังไม่ใจฝ่ายตรงข้ามที่ยอมปล่อยพวกตนไปง่ายๆ แบบนี้

อานัสมองหญิงสาวที่ค่อยๆ เดินถอยออกไปด้วยความสงสัยอยู่ในที หญิงสาวผู้นี้คือหนึ่งในสังกัดของเทวาอย่างนั้นเหรอ ไม่อยากจะเชื่อจริงๆ ว่าเทวาจะเลี้ยงผู้หญิงไว้ใช้งานแบบนี้ด้วย

“ปล่อยไปแบบนี้ จะดีแน่นะครับนาย” ภาคภูมิยังติดใจ ยิ่งเห็นสายตาของอานัสที่มองไปยังหญิงสาวผมบ๊อบคนนั้น เขาก็ยิ่งรู้สึกสงสัย ว่าเจ้านายของตนกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่

“ไม่เป็นไร เพราะฉันไม่มีอะไรให้มันต้องสืบขนาดนั้น สองคนนี้ก็แค่ลิ่วล้อของเทวา กักตัวไว้ก็ไม่มีผลดีอะไรทั้งนั้นแหละ ปล่อยให้พวกมันไปรายงานเจ้านายของมัน เทวามันจะได้รู้ ว่าฉันไม่ใช่เด็กปลายแถวให้มันเล่นงานได้”

“ครับ” ภาคภูมิรับคำสั่ง ทั้งที่ยังไม่ไว้วางใจคนกลุ่มนั้นเลยสักนิด แต่ถ้าเจ้านายสั่ง เขาก็ไม่ขัด

“อ้อ ตามสืบประวัติผู้หญิงคนเมื่อกี้ให้ฉันด้วย”

“หืม...นายว่าไงนะครับ” ภาคภูมิเลิกคิ้วทำหน้างุนงง จู่ๆ ทำไมเจ้านายถึงสั่งให้เขาสืบประวัติผู้หญิงคนนั้น ทั้งที่หล่อนก็เป็นลูกน้องของนายเทวา ซึ่งไม่น่าจะมีอะไรน่าสนใจสักนิด

“ฉันรู้สึกว่าเด็กคนนี้แปลกๆ แต่คิดไม่ออกว่าคืออะไร แกไปตามสืบมาให้ที” อานัสสั่งเสียงเข้ม ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในร้านกาแฟที่เพิ่งเดินออกมาอีกครั้ง พร้อมกับข้อสงสัยในใจบางอย่าง

เด็กคนนั้นสะดุดตาเขาจริงๆ เหมือนว่าเคยเห็นหล่อนที่ไหนมาก่อน อานัสคิดทบทวนในใจ จะว่าเป็นลูกสาวของเทวาก็ไม่ใช่ เพราะคนรักของเทวาเสียไปก่อนที่ทั่งคู่จะแต่งงานกัน เอ...หรือว่าเทวาจะปิดบังอะไรเอาไว้ เพราะถึงจะยังไม่ได้แต่งงานกัน แต่ทั้งคู่ก็อยู่ด้วยกันก่อนมาหลายปี จะท้องจะคลอดลูกตอนไหน ก็ย่อมไม่มีใครรู้ได้ หากว่าเทวาต้องการปิดบัง

อานัสขบคิดด้วยความสับสนในใจ ก่อนที่เรื่องราวระหว่างเขากับเทวาในอดีต จะถูกรื้อฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง จากเพื่อนรัก กลายมาเป็นเพื่อนแค้นที่ไม่อาจอยู่ร่วมกันได้ ช่างน่าเสียดายและเสียใจจริงๆ

แต่ต่อให้ย้อนเวลากลับไปได้ อานัสก็เลือกที่จะทำเหมือนเดิม ทุกอย่างถูกอย่างถูกกำหนดเอาไว้แล้ว ต่างคนต่างหนีชะตาตัวเองไม่ได้ ไม่ว่าใครผิดใครถูก สุดท้ายทั้งเขาและเทวาก็เจ็บปวดไม่ต่างกัน


รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น