1
ยายแม่มด
“ว่าไงวะโทนี่ ทำไมทำหน้าบูดอย่างกับตูดลิงแบบนั้น”
คาร์ล เบอร์ตัน เอ่ยทักเพื่อนหนุ่ม เมื่อเห็นอีกฝ่ายเดินหน้าบูดหน้าบึ้งบอกบุญไม่รับ เข้ามานั่งที่โซฟารับแขกในตอนเช้าตรู่ของวันเหมือนกับมีเรื่องไม่สบอารมณ์
โทนี่ วิลล์ ไม่ตอบ เพราะในใจยังมีบางอย่างให้ขบคิดด้วยความขุ่นข้องหมองใจ จนกระทั่งภรรยาหมาดๆ ของคาร์ลเดินถือแก้วน้ำเข้ามาเสิร์ฟให้ เขาก็ยังเอาแต่นั่งนิ่งไม่ยอมพูดยอมจาใดๆ
“เป็นใครกันนะคะ ที่ทำให้คุณโทนี่หงุดหงิดแต่เช้าแบบนี้ได้” กระต่ายหรือตติญาภา ภรรยาคนสวยของคาร์ลแกล้งเย้า เพราะมีน้อยคนนัก ที่จะทำให้คนอารมณ์ดีอย่างโทนี่เกิดอาการเครียดจนนั่งเหม่อลอยได้แบบนี้
“นั่นน่ะสิ ฉันเองก็สงสัย ว่าอะไรดลใจนายให้โทร. หาทุกคน แล้วนัดมารวมตัวกันที่นี่”
เสียงที่ดังแทรกเข้ามา ทำให้คาร์ลกับภรรยาต่างหันไปมองที่ประตูทันที ก่อนจะพบว่าเป็นเคลวิน อดีตเจ้านายของคาร์ลกับโทนี่ รวมไปถึงพลากรกับเอกพล ทนายหนุ่มมือดีกับนายตำรวจมือฉมัง ซึ่งทั้งหมดรู้จักและสนิทสนมกันเป็นอย่างดีเลยทีเดียว
“โอ แสดงว่าเจ้าพ่อเทคโนโลยีอย่างโทนี่คงมีปัญหาหนักจริงๆ ด้วยนะเนี่ย” พลากรหัวเราะเบาๆ มองหน้าอดีตบอดีการ์ดของน้องเขยแล้วรู้สึกขบขันกับอาการหน้ามุ่ยนั้น
เคลวินแต่งงานกับจันทร์เจ้าขาน้องสาวของพลากร ในขณะที่พลากรเองก็แต่งงานกับม่านไหมญาติผู้น้องของเคลวิน ทั้งคู่เป็นเพื่อนกัน และคอยช่วยเหลือกันและกันมาตลอด เพราะเป็นครอบครัวเดียวกัน
สามวันก่อน คาร์ลเพิ่งเข้าประตูวิวาห์กับภรรยาอย่างกระต่ายไป ในขณะที่โทนี่ถูกส่งขึ้นเรือสำราญไปทั้งๆ ที่เมาหนักมาก เพื่อท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจ ทว่าวันนี้เจ้าตัวกลับโทร. นัดทุกคนให้มาที่เรือนหอของคาร์ล แล้วนั่งเงียบขมวดคิ้วเข้าหากันเหมือนคนมีเรื่องทุกข์ใจอย่างไรอย่างนั้น
“ทำหน้าอย่างกับคนโดนทิ้งอย่างนั้นล่ะครับ” เอกพลแกล้งเย้า เพราะเห็นอีกฝ่ายเอาแต่เงียบ ทั้งๆ ที่โทร. นัดทุกคนมาเอง และหากไม่ใช่วันหยุด นายตำรวจอย่างเขาคงไม่ว่างเสนอหน้ามาสังสรรค์ด้วยแน่ แต่ดูจากหน้าตาคนโทร. นัดแล้ว น่าจะไม่ใช่นัดมาเพื่อสังสรรค์อย่างแน่นอน
“พูดอย่างกับเคยโดนทิ้งเลยนะไอ้สารวัตรใหญ่ รู้ดีไปอีกว่าหน้าตาคนโดนทิ้งเป็นแบบไหน” พลากรหันมาถาม เขากับเอกพลเป็นเพื่อนรักกัน จึงไม่แปลกที่เอกพลจะพลอยสนิทสนมกับทุกคนไปด้วย อีกทั้งตำรวจหนุ่มก็เคยช่วยเหลือพวกเขาหลายอย่าง ทำให้กลายเป็นเหมือนครอบครัวเดียวกันไปแล้ว
“อายุขนาดนี้แล้ว ก็ต้องมีบ้างสิวะไอ้คุณทนาย ก็มัวแต่วิ่งจับผู้ร้ายไง เลยไม่มีเวลาหลอกสาวๆ มาแต่งงานด้วยเหมือนแกกับทุกคน” เอกพลประชด เพราะจนป่านนี้แล้วเขาก็ยังโสดอยู่ แถมไม่มีเวลาจะหาใครมาเป็นคู่ใจด้วย
“ว่าไงวะโทนี่ สรุปแกโดนทิ้งเหมือนสารวัตรว่าหรือเปล่า” คาร์ลกระเซ้าเย้าแหย่เพื่อนสนิท ก่อนจะหันไปบอกภรรยาให้เข้าครัวไปหากาแฟและของว่างมาให้ทุกคน
“เออ ฉันโดนทิ้ง”
“หือ! โดนทิ้ง” คราวนี้ทุกคนต่างก็อุทานออกมาพร้อมๆ กัน เพราะไม่อยากเชื่อว่าตัวเองได้ยินเมื่อครู่นี้จะเป็นความจริง คนอย่างโทนี่ วิลล์ โดนทิ้ง มันจะเป็นไปได้เชียวหรือ
“ใครกัน ใครจะกล้าทิ้งนาย” เคลวินอดตกใจไม่ได้ อดีตบอดีการ์ดของเขาคนนี้เป็นถึงเจ้าพ่อวงการซอฟต์แวร์และเทคโนโลยีล้ำสมัย ทั้งรวยทั้งหล่อโปรไฟล์ติดอันดับในอเมริกา เขาไม่คิดว่าจะมีสาวคนไหนโง่เขลาถึงขนาดจะทิ้งได้
“นั่นสิ ใครจะกล้า” คาร์ลพึมพำ เห็นด้วยกับเคลวิน
“จะใครล่ะครับ ถ้าไม่ใช่เมียผม” โทนี่ตอบด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด นึกถึงตัวต้นเหตุแล้วอยากจะลุกขึ้นมาเตะปี๊บสักสิบรอบให้หายแค้น
“ฮะ! เมีย” สี่หนุ่มอุทานออกมาด้วยความตกใจ โทนี่อยู่ตัวคนเดียวมาตลอด และไม่เคยมีสาวคนไหนข้างกายจนได้ชื่อว่าเป็นเมียเลยสักคน อยู่ดีๆ ทำไมถึงบอกว่าโดนเมียทิ้งได้
“อะไร ยังไง เล่ามาเดี๋ยวนี้” พลากรชักสนใจ มนุษย์รักสนุกไปวันๆ อย่างโทนี่ ไม่น่าจะมีความทุกข์เพราะผู้หญิงได้ เขาว่ามันก็น่าแปลกไม่ใช่น้อย
“แกขึ้นเรือไปไม่กี่วัน กลับมาก็บอกว่าโดนเมียทิ้ง อะไรของแกวะโทนี่ แกแอบไปมีเมียตอนไหนกัน” คาร์ลงุนงง ยอมรับว่าตามไม่ทันกับอารมณ์เพื่อนรักจริงๆ
“ก็มีตอนขึ้นเรือนั่นแหละ” โทนี่ตอบอย่างไม่สบอารมณ์
“โหย มีของดีบนเรือทำไมไม่เรียกผมบ้าง” เอกพลแกล้งว่า ทั้งที่รู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากลบนเรือที่โทนี่ขึ้นไปเมื่อวันก่อนอย่างแน่นอน ไม่อย่างนั้นเจ้าตัวไม่หงุดหงิดขนาดนี้แน่
“ของดีอะไรกันล่ะครับสารวัตร นั่นมันนางแม่มดชัดๆ” โทนี่เจ็บใจ คิดถึงเจ้าของเรือนร่างปราดเปรียวที่เป็นตัวต้นเหตุ ทำให้ทริปท่องเที่ยวเขาต้องล่มกลางคัน ก็ยิ่งอยากจะหาตัวหล่อนมาลงโทษและเอาคืนให้สาสมนัก
“แม่มดที่ไหนกัน” เคลวินยิ่งฟังยิ่งงง
“นั่นสิ สรุปเมียหรือนางมารวะโทนี่” คาร์ลเองก็เริ่มงุนงง
“เล่ามาอย่าชักช้า ฉันมีธุระต้องทำต่อนะโทนี่” พลากรคาดคั้น ชักอยากจะรู้แล้วว่าโทนี่ไปเจอเรื่องอะไรมา แต่ดูท่าว่าจะเป็นสาเหตุทำให้โทนี่หัวเสียเอามากๆ
“จริงครับ รีบเล่าเลย พวกเราอยากรู้แล้ว” เอกพลรบเร้า ก่อนจะขยับเข้ามานั่งใกล้ๆ โทนี่ ตั้งหน้าตั้งตารอให้อีกฝ่ายเล่ามาว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากขึ้นเรือสำราญไป
โทนี่ถอนหายใจ แต่สุดท้ายก็ยอมปริปากถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนเรือสำราญให้ทุกคนฟัง ชายหนุ่มเล่าตั้งแต่ต้นจนจบอย่างช้าๆ และละเอียดทุกบททุกตอน ในขณะที่สี่หนุ่มนั้นก็ตั้งใจฟังเป็นอย่างดี โดยไม่กล่าวแทรกใดๆ เพราะต้องการให้คนอึดอัดใจอย่างโทนี่ได้ระบายความคับแค้นออกมาให้หมด
จนกระทั่งในตอนสุดท้าย ทั้งสี่หนุ่มก็หันมาสบตากันโดยไม่ได้นัดหมายทันที ก่อนจะยิ้มด้วยความขบขันออกมา เมื่อพอจะเดาได้ถึงสาเหตุที่แท้จริง ที่ทำให้โทนี่หงุดหงิดจนต้องเรียกพวกเขามาระบาย
“สรุปว่าแกคิดถึงเธอว่างั้นเถอะ” คาร์ลเอียงคอมองเพื่อน ทั้งขำทั้งสงสารคนโดนเมียทิ้งจนต้องส่ายหัว
“สรุปว่านายติดใจเธอเข้าแล้วอย่างนั้นใช่ไหม” อดีตเจ้านายอย่างเคลวินสรุปออกมาอีกหนึ่งหัวข้อ
“สรุปว่าโกรธที่เธอทิ้งไปสินะครับ แทนที่จะจับติดเหมือนผู้หญิงคนอื่นๆ” เอกพลสมทบ พร้อมกับยิ้มขันคนถูกผู้หญิงเอาปืนจี้หัวเล่น
“สรุปว่านายต้องการหาตัวเธอเพื่อจับมาลงโทษใช่ไหม” พลากรเองก็ขำจนแทบกลั้นเสียงหัวเราะไม่ไหว สรุปแล้วโทนี่รู้สึกอย่างไรกับแม่เสือสาวปริศนาบนเรือลำนั้นกันแน่ ถึงได้เล่าไปหน้างอไปแบบนี้ น่าขำจริงๆ เลย
“หัวเราะอะไรกัน นี่ผมจริงจังนะครับ” โทนี่หน้าเสีย เมื่อทุกคนทำเหมือนว่าเขาเป็นตัวตลกอย่างไรอย่างนั้น ทั้งที่เขานั้นกำลังจริงจังที่สุดในชีวิตก็ว่าได้
“ตายแล้ว นี่เจ้าพ่อซอฟต์แวร์หมดท่าเพราะแม่สาวปริศนาคนนั้นเพียงคนเดียวหรือนี่” เคลวินส่ายหัว ดูเหมือนว่าโทนี่จะเจอของดีเข้ากับตัวแล้ว ถึงได้เก็บเธอคนนั้นมาคิดมากจริงจังจนเครียดได้แบบนี้
“จะว่าไปก็แปลกตั้งแต่แรกแล้วล่ะครับ อดีตบอดีการ์ดฝีมือร้ายกาจอย่างคุณโทนี่ ไม่น่าจะปล่อยให้ใครเอาปืนมาจี้ให้ทำตามคำสั่งได้ง่ายๆ นอกจาก...” เอกพลตั้งข้อสงสัย ไม่บอกก็รู้ว่าโทนี่เต็มใจให้อีกฝ่ายควบคุมตัวไปอย่างเนียนๆ เพราะคนระดับโทนี่นั้น ใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาทีก็ฆ่าคนได้แล้ว
“อืม...เต็มใจช่วยเธอคนนั้นให้รอดพ้นจากการถูกตามล่า แต่เมื่อเธอไปโดยไม่ล่ำลา คนของเรามันก็เลยเกิดอาการหงุดหงิดและเสียหน้าอยู่แบบนี้” คาร์ลสรุปตามความเข้าใจ เขากับโทนี่เป็นเพื่อนกันมานาน อีกทั้งเคยทำงานให้เคลวินด้วยกันมาหลายปี มีหรือที่เขาจะเดาใจเพื่อนไม่ออก
“เกลียดพวกรู้ทัน” โทนี่บ่นอุบ ที่ทุกคนเดาใจเขาออกหมด โดยไม่ต้องอธิบายอะไรให้มากความ
“แล้วนัดพวกฉันมานี่ จะให้พวกฉันช่วยอะไร” เคลวินถามตรงๆ รู้สึกสงสารคนมีความทุกข์เพราะผู้หญิงเป็นครั้งแรก โทนี่ไม่ใช่คนที่จะสนใจใคร แต่จู่ๆ มาให้ความสนใจกับผู้หญิงคนหนึ่ง ที่พาความเดือดร้อนมาให้ตัวเองแท้ๆ มันย่อมไม่ธรรมดา
“ถามจริง ถ้าเจอเธออีกครั้งนายจะทำยังไง” พลากรสงสัย อาการแบบนี้มันเหมือนคนอกหักชัดๆ
“ไม่รู้สิครับ ขอให้เจอตัวก่อนเถอะ ผมจะซัดไม่เลี้ยง” โทนี่หมายมาด นึกถึงบั้นท้ายเซ็กซี่นั้นแล้วพานให้หงุดหงิดใจ เขาไม่คิดว่าหล่อนจะหายไปดื้อๆ แบบนั้น ไม่อย่างนั้นคงกักตัวเอาไว้สอบถามความจริงว่าเกิดเรื่องอะไรกับหล่อนไปแล้ว
“แต่มันก็ไม่ยากสำหรับคนอย่างแกนะเพื่อน ถ้าจะหาตัวใครสักคนบนโลกใบนี้” คาร์ลบอกอกมาด้วยความสงสัย ตำรวจและองค์กรลับต่างๆ ยังต้องพึ่งโทนี่เลย หากจะหาตัวอาชญากรสักคนบนโลกนี้ เพราะโทนี่ วิลล์ คือผู้กว้างขวางในระบบเทคโนโลยีล้ำสมัย มีอุปกรณ์และเครือข่ายไฮเทคที่คนอื่นล้วนไม่มี และโทนี่ก็เป็นนักคิดค้นที่ฉลาดอย่างหาตัวจับได้ยากมากคนหนึ่ง
ในบรรดาพวกเขา โทนี่ถือว่าเป็นผู้ชายที่ร้ายกาจที่สุด กวนประสาทที่สุด และฉลาดแกมโกงที่สุด แต่ถึงกระนั้น โทนี่ก็เป็นผู้ชายที่หวงความโสดมากที่สุดเลยทีเดียว โทนี่เคยบอกบอกว่าชีวิตตัวเองแขวนอยู่บนเส้นด้ายตลอดเวลา เพราะฉะนั้นชีวิตของเขาจึงไม่อยากพาใครมาเสี่ยงไปด้วยเด็ดขาด
“นั่นสิครับ ผู้หญิงคนเพียงคนเดียว ผมว่ามันก็ไม่น่าจะยากสำหรับคุณโทนี่” เอกพลเห็นด้วย เก่งกว่าตำรวจก็เจ้าพ่อเทคโนโลยีอย่างโทนี่ วิลล์ นี่แหละ
“ทุกคนจะตกใจไหม หากผมบอกว่าผมหาแล้ว แต่หาไม่เจอ” โทนี่บอกอย่างเหนื่อยใจ หากเขาหาหล่อนเจอ เขาจะต้องบากหน้ามาขอให้ทุกคนช่วยทำไมกัน
“หา! หาไม่เจอ” คราวนี้ทั้งสี่หนุ่มอุทานออกมาพร้อมๆ กัน ก่อนจะหันไปมองหน้ากันด้วยอาการงงงวยสุดขีด เพราะไม่อยากจะเชื่อว่าแค่ผู้หญิงตัวเล็กๆ เพียงคนเดียว จะสามารถรอดพ้นสายตาของโทนี่ไปได้
“เออ แปลกดี หรือว่าเธอจะไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดาๆ อย่างที่เราคิด” ทนายหนุ่มอย่างพลากรวิเคราะห์
“แน่นอนครับคุณกร ผู้หญิงที่สามารถทำให้โทนี่มันเป็นบ้าเป็นหลังได้นั้น ย่อมไม่มีทางธรรมดาอย่างแน่นอน” คาร์ลแกล้งเย้า พร้อมกับยิ้มขบขันที่เพื่อนเอาจริงเอาจังกับการตามหาเธอคนนี้มาก
“พวกอาชญากรหรือเปล่า อย่าลืมว่าพวกนี้ไม่มีชื่อหรืออะไรให้เราติดตามตัวได้ง่ายๆ” เคลวินทำท่าคิด เพราะหากเป็นคนธรรมดา โทนี่คงหาหล่อนเจอนานแล้ว
“นั่นล่ะ ผมถึงอยากให้ทุกคนช่วยตามหา” โทนี่บอกเจตนา ยอมรับว่าอยากรู้ว่าหล่อนเป็นใคร มาจากไหน และกำลังทำเรื่องอะไรอยู่กันแน่
“เสียใจด้วยว่ะเพื่อน พรุ่งนี้สายๆ ฉันต้องพากระต่ายขึ้นเครื่องกลับอเมริกาแล้ว มีธุระด่วนต้องรีบไปจัดการ จะพากระต่ายเขาไปฮันนีมูนที่นั่นด้วย” คาร์ลขอตัว เพราะทุกอย่างถูกกำหนดการเอาไว้ก่อนหน้านี้แล้ว
“ฉันก็เหมือนกัน ต้องพาจันทร์กับลูกๆ กลับไปทำงานทำการเสียที เห็นทีว่าเรื่องนี้คงอยู่ช่วยไม่ได้” เคลวินก็ออกตัวไปอีกคน เพราะเขาทิ้งงานมาหลายวันแล้วเหมือนกัน
“แล้วคุณกร...” โทนี่หันไปมองพลากร ก่อนจะได้รับรอยยิ้มจากอีกฝ่ายตอบกลับมา
“ลืมบอกไป ว่าฉันก็จะพาเมียไปเที่ยวพร้อมกับคุณเคลวินและยายจันทร์ด้วย เห็นทีว่าเรื่องของเมียนายคนนี้ นายคงต้องพึ่งตัวเอง หรือไม่ก็สารวัตรเอกพลเสียแล้ว” พลากรหันไปโยนให้เพื่อนแทน ซึ่งอีกฝ่ายถึงกับทำหน้าเหลอหลาทันที เมื่อถูกโยนภาระนั้นมาให้เพียงลำพัง
“หือ...ผมหรือ” เอกพลชี้มาที่ตัวเอง ท่ามกลางสายตาที่ฝากความหวังของอีกหลายคู่
“ใช่ สารวัตรนั่นแหละ ต้องช่วยไอ้โทนี่มัน” คาร์ลได้ทีก็โยนภาระนี้ให้เอกพลเสียเลย ไหนๆ ตำรวจหนุ่มคนนี้ก็พลัดหลงเข้ามาในแก๊งแล้ว ก็ต้องช่วยๆ กันไปมันถึงจะถูก
“จริง สารวัตรหูตากว้างไกล รับรองว่านายต้องเจอเมียเร็วๆ นี้แน่ ฝากทีนะสารวัตร พวกฉันติดภารกิจพาเมียฮันนีมูนจริงๆ ว่ะ งานนี้ต้องยกให้นายออกโรงแล้ว” พลากรแตะบ่าเพื่อนตำรวจอย่างให้กำลังใจ ทั้งที่กำลังขบขันกับสีหน้าเหลอหลาของเพื่อนหนุ่มจนต้องกลั้นยิ้ม
“อะไรวะ” ตำรวจหนุ่มยกมือขึ้นเกาหัว เมื่อจู่ๆ ก็ถูกมอบหมายภารกิจตามหาเมียให้กับโทนี่เอาดื้อๆ นี่มันชะตาชีวิตของคนไม่มีเมียอย่างเขากับโทนี่หรือไร
“ใจร้าย ใจดำ” โทนี่บ่นออกมางึมงำ หลังจากถูกทิ้งให้ต้องอยู่เมืองไทยตามลำพัง โดยมีสารวัตรหนุ่มมือดีคอยช่วยเหลือเพียงคนเดียวเท่านั้น ส่วนอีกสามหนุ่มกลับพาเมียหนีเที่ยวต่างประเทศกันหมด
เอาเถอะ! อย่าให้เขามีเมียบ้างก็แล้วกัน พ่อจะเหมาเกาะทั้งเกาะแล้วนอนกกเมียประชดเพื่อนฝูง ไม่ติดต่อโลกภายนอกสักเดือนสองเดือนไม่ให้ใครมากวนเลย ออกมาทีเมียก็อุ้มท้องเลยประมาณนี้ หึ!
ชายหนุ่มแอบค่อนขอดในใจ ก่อนจะพานคิดไปถึงใบหน้าดุๆ ของใครบางคน ที่อยู่ในความคิดของเขาแทบจะทุกนาทีเลยก็ว่าได้ ให้ตายเถอะ! เกิดมาไม่เคยต้องมานั่งเจ้าคิดเจ้าแค้นผู้หญิงคนไหนในโลกนี้เท่ากับยายแม่มดสาวคนนี้เลย หล่อนห้าวดุดัน หล่อนแสบสันและร้ายกาจจนเขาไม่อาจละทิ้งความขุ่นมัวในใจได้
หล่อนเป็นใคร... โทนี่จะต้องหาตัวหล่อนให้เจอให้ได้ หากหาไม่พบ ก็อย่ามาเรียกเขาว่าเจ้าพ่อแห่งเทคโนโลยีเลย เรียกว่าไอ้ลูกหมาที่โดนผู้หญิงตัวเล็กๆ ปั่นหัวจนบ้าคลั่งเสียยังดีกว่า
“ภารกิจสำเร็จ”
ข้อความสุดท้ายที่ขึ้นมาในหน้าจอมือถือขนาดเล็ก ทำให้หญิงสาวเจ้าของเครื่องถึงกับยิ้มมุมปาก ก่อนจะวางมือถือลงบนโต๊ะเล็กๆ ริมชายหาด แล้วนอนเอนกายบนเก้าอี้ผ้าใบอย่างสบายใจและอารมณ์ดี
มินตรา หญิงสาววัยยี่สิบหกปีทอดสายตามองออกไปยังท้องทะเลกว้างใหญ่ เกาะแห่งนี้เงียบสงบอย่างที่หล่อนต้องการ มีนักท่องเที่ยวไม่กี่คนเดินเล่นน้ำริมชายหาด ส่วนมากเป็นชาวต่างชาติเสียมากกว่าคนไทย
ห้าปีมาแล้ว ที่หล่อนใช้ชีวิตอยู่บนเส้นด้าย บนเส้นทางที่มีแต่อันตรายและพิษภัยรอบด้าน แต่ถึงกระนั้น โชคก็ยังเข้าข้างหล่อนให้แคล้วคลาดปลอดภัยกลับมาเสมอ แม้บางภารกิจบางอย่างที่ได้รับจะไม่สำเร็จลุล่วงไปได้ก็ตาม
“ค่ะคุณอา” หญิงสาวคว้ามือถือมามากดรับ เมื่อมันส่งเสียงดังในระหว่างที่หล่อนกำลังนอนมองทะเลสีครามอย่างสุขสำราญใจ
“ปลอดภัยดีใช่ไหม” เสียงในสายถามเข้ามาด้วยความเป็นห่วง ทำให้มินตราอดที่จะยิ้มออกมาด้วยความอบอุ่นใจไม่ได้ ที่อย่างน้อยก็มีคนเป็นห่วงหล่อนอยู่ตั้งหนึ่งคน
“มินปลอดภัยดีค่ะ คุณอาไม่ต้องกังวล” มินตราบอกให้อีกฝ่ายโล่งใจ ภารกิจครั้งนี้ไม่ยากเย็นเท่าไร เพียงแต่เจอคนบ้าทำให้เสียอารมณ์ไปบ้างเท่านั้น
“ก็ดี เพราะอามีภารกิจใหม่จะให้มินทำ”
“ภารกิจใหม่หรือคะ” มินตราหน้าเคร่งขึ้นมาทันที เพิ่งจบงานเก่าไปหมาดๆ งานใหม่ก็จ่อรอคิวให้หล่อนต้องออกปฏิบัติการอีกแล้วหรือ ไหนบอกจะให้หล่อนพักสักเดือนตามสัญญาอย่างไรล่ะ
“ใช่ ภารกิจนี้สำคัญมาก และอาก็มองไม่เห็นใครที่จะทำงานนี้ได้ดีเท่ามิน”
เจอแบบนี้มินตราเองก็พูดไม่ออก นอกจากก้มหน้ายอมทำตามคำสั่งที่ได้รับมอบหมายเท่านั้น เดือนนี้มินตราตั้งใจจะท่องเที่ยวไปทางตอนเหนือของประเทศให้มีความสุขตามที่ผู้บังคับบัญชารับปาก แต่เมื่อเขาออกปากอยากให้หล่อนทำงานนี้ด้วยตัวเอง หล่อนก็พร้อมจะรับงานนี้อย่างไม่มีทางเลี่ยง
“ก็ได้ค่ะ คุณอาส่งรายละเอียดมาได้เลย”
“ขอบใจมินมาก เสร็จงานนี้แล้วอาจะให้มินพักผ่อนจริงๆ อารู้ว่ามินเหนื่อยและอยากถอนตัวจากองค์กร แต่อาก็มองไม่เห็นว่าใครจะฉลาดในการเอาตัวรอดเท่ามินเลย หากอาเสียมินไป องค์กรนี้คงขาดแขนขาดขาไปไม่น้อยเลยนะ เข้าใจไหม”
“มินเข้าใจค่ะ และที่มินทำทุกอย่างนี้ด้วยใจก็เพราะคุณอาคนเดียว ถ้าไม่ได้คุณอา ป่านนี้มินคงอาจเป็นเด็กกำพร้าที่ไร้อนาคตคนหนึ่งเท่านั้น” มินตราสำนึกในบุญคุณของผู้บังคับบัญชาเพราะฉะนั้นหล่อนจึงไม่ลังเลเลย หากเขาจะมอบภารกิจที่เสี่ยงตายให้หล่อนมากมายแค่ไหน
“เข้าใจก็ดี อาสัญญา ว่าจะให้มินหยุดพักอย่างที่ต้องการหลังจากที่ภารกิจนี้เสร็จสิ้น”
แล้วฝ่ายนั้นก็วางหูไป ทิ้งให้มินตราได้แต่ถอนหายใจด้วยความเหนื่อยล้า นกบนท้องฟ้ายังมีอิสระและเสรีมากกว่าหล่อนด้วยซ้ำ ไม่มีกฎ ไม่มีระเบียบวินัย อยากจะบินไปไหนก็ไปจามใจต้องการ ในขณะที่หล่อนต้องเดินตามเส้นทางที่ผู้ชุบเลี้ยงขีดเส้นให้
มินตรา จะมีโอกาสได้ใช้ชีวิตอย่างเป็นอิสระเหมือนคนทั่วไปบ้างไหม บางเวลา มินตราก็อยากมีเพื่อน มีคนรัก มีครอบครัวเล็กๆ ที่แสนอบอุ่นเหมือนคนอื่นบ้าง
‘โทนี่ วิลล์ จำชื่อผมเอาไว้ให้ดีๆ นะทูนหัว’
ให้ตายสิ! จู่ๆ ทำไมภาพไอ้ฝรั่งบ้าคนนั้นถึงโผล่เข้ามาในความคิดหล่อนได้นะ บ้าจริง! อยู่ดีๆ ทำไมหล่อนถึงได้นึกถึงใบหน้ากวนๆ เย้าแหย่ ที่เอาแต่มองหล่อนตั้งแต่หัวจดเท้าด้วยสายตาวับวาวคู่นั้นด้วย
ไอ้ผู้ชายเฮงซวย ถึงเขาจะมีส่วนช่วยให้หล่อนรอดพ้นจากการตามล่าในวันนั้น แต่มินตราก็รู้สึกหงุดหงิดกับเขาทุกครั้งที่คิดย้อนกลับไป โทนี่ วิลล์ เขาคิดว่าตัวเองเป็นใครยิ่งใหญ่มาจากไหนกัน ทำไมคนอย่างมินตราจะต้องสนใจและอยากจดจำชื่อของเขาเอาไว้ด้วย
บ้าบอ!
มินตราบ่นอุบในใจ ความเพลิดเพลินในการชื่นชมบรรยากาศอันเงียบสงบของหล่อนจางหายไป เพียงเพราะภารกิจใหม่กับดวงตาคมกริบของใครบางคน ที่ตามหลอกหลอนทุกครั้งที่หล่อนฟุ้งซ่าน
หญิงสาวลุกขึ้นยืนแล้วเก็บของเข้าบ้านพักไนทันที เป็นอย่างนี้หล่อนคงเก็บกระเป๋าเข้ากรุงเทพฯ เพื่อเตรียมรับภารกิจใหม่จะดีกว่า ขืนปล่อยให้ตัวเองว่างงาน คงมิวายหวนคืนไปคิดถึงใบหน้าหล่อที่เอาแต่รบกวนสมาธิหล่อนเป็นแน่
“ลากผมมาที่นี่ทำไมกันนะสารวัตร จะมาทำงานก็ทำไปสิ ผมไม่มีเวลามาช่วยสารวัตรจับผู้ร้ายนะ”
เสียงโอดครวญของหนุ่มวัยสามสิบห้าเชื้อสายอเมริกัน ทำให้เอกพลหัวเราะเบาๆ ดูเหมือนเขาจะคิดผิดจริงๆ ที่ลากตัวหนุ่มรุ่นน้องออกมาเปิดหูเปิดตา โดยการพาขึ้นเรือล่องแม่น้ำเจ้าพระยาในตอนสองทุ่มของวัน
“สาวๆ เยอะนา คุณโทนี่ลองมองไปรอบๆ สิครับ เด็ดๆ ทั้งนั้น” เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายทำท่าเบื่อหน่าย เอกพลก็เลยโน้มน้าวให้ชายหนุ่มมองสาวๆ ที่อยู่ในชุดหรูระยิบระยับงามตา ในขณะที่สายตาก็คอยสอดส่องมองไปรอบๆ บริเวณโต๊ะอาหาร ที่ถูกประดับประดาด้วยเฟอร์นิเจอร์ราคาแพง แถมยังมีนักดนตรีมาบรรเลงเพลงหวานให้คู่รักได้เต้นรำร่วมกันอีกด้วย
“นี่ดงไม่เด็ดอะไรทั้งนั้นล่ะสารวัตร ไม่มีอารมณ์ ถ้าสารวัตรอยากจะหิ้วใครก็หิ้วไปคนเดียวเลยนะ ผมไม่เอาด้วยหรอก ช่วงนี้เข็ดผู้หญิงไทย หยาดฟ้ามาดินแค่ไหนไอ้โทนี่ก็ไม่รู้สึก” พูดจบก็หันไปเรียกบริกร พร้อมกับหยิบไวน์แดงแก้วหนึ่งมายกขึ้นดื่มด้วยใบหน้าบอกบุญไม่รับ ทำเอาคนพามาถึงกับอดหัวเราะในลำคอไม่ได้
“สนเมียคนเดียวว่างั้นเถอะ เฮ้อ...จะไปคิดถึงเธอทำไมกัน ป่านนี้เธอคงหนีไปไหนต่อไหนแล้วมั้งคุณโทนี่ ตัดอกตัดใจเสียเถอะ ไหนคุณเคยบอกความรักมันน่ากลัว แล้วทำไมตอนนี้ถึงได้ทำตัวเหมือนคนอกหักนักนะ”
“ผมไม่ได้อกหัก และไม่ได้หลงรักยายแม่มดนั่นอย่างที่ทุกคนเข้าใจด้วย ให้ตายเถอะสารวัตร ผมแค้นที่เธอเห็นผมเป็นแค่ของเล่น แค่ตัวช่วยในการหนีโดยไม่คิดจะขอบคุณกันสักคำต่างหากล่ะ ไม่ใช่อาลัยอาวรณ์เธอเพราะตกหลุมรัก” โทนี่บอกอย่างหัวเสีย ยกไวน์ที่เหลือขึ้นดื่มจนหมดแก้ว ก่อนจะกวักมือเรียกบริกรให้มาเสิร์ฟมันอีกแก้วให้หายหงุดหงิด
“ยังจะปากแข็งอีก ใครๆ ก็มองออกกันทั้งนั้น ว่าคุณน่ะตกหลุมรักผู้หญิงร้ายกาจคนนั้นเข้าเต็มเปา ไม่อยากนั้นคงกลับอเมริกาไปทำงานทำการตั้งนานแล้ว จะมามัวเสียเวลาตามหาตัวเธอทำไมกัน”
“ก็บอกแล้วว่าแค้น แล้วก็อยากจะลงโทษเธอเป็นการเอาคืน” หนุ่มหล่อหันมาอธิบายเสียงแข็ง
“โอเค ผมไม่เถียงกับคุณแล้ว” เอกพลยกมือขึ้นยอมแพ้ ก่อนจะส่ายหัวให้กับความดื้อรั้นไม่ฟังใครของโทนี่ มั่นใจในตัวเองแบบนี้ ปล่อยให้เผชิญชะตากรรมเหมือนกับสามหนุ่มที่แต่งงานไปก่อนด้วยตัวเองจะดีกว่า
“เป้าหมายออกมาแล้ว ย้ำ...เป้าหมายออกมาแล้ว” เสียงรายงานจากอุปกรณ์สื่อสารขนาดจิ๋วที่ซ่อนอยู่บนหลังหูของเอกพลดังขึ้นมา ทำให้เอกพลจำต้องเงยหน้าขึ้นไปมองยังชั้นสองของเรือด้วยสายตาเคร่งขรึมขึ้น
“โอเค พบเป้าหมายแล้ว รอฟังคำสั่ง พร้อมเมื่อไรให้ลงมือทันที” เอกพลพึมพำเบาๆ สายตาจ้องมองไปยังชายวัยห้าสิบปลายในมาดนักธุรกิจที่กำลังเดินควงแขนมากับสตรีคนหนึ่ง ซึ่งทำเอาเอกพลถึงกับแอบอึ้งอยู่ในใจ ว่าเจ้าหล่อนจะสวยหยาดฟ้ามาดินอะไรขนาดนั้น
“คุณโทนี่” เอกพลสะกิดคนข้างๆ ทันที แต่สายตาไม่ได้ละไปจากสาวงามที่เดินเคียงคู่มากับเป้าหมายคนสำคัญของเขาแม้แต่น้อยเลย
“อะไรเล่าสารวัตร” คนโดนสะกิดบ่นอุบ
“ดูโน่น” เอกพลรบเร้า
“อะไร” คนหงุดหงิดทำเสียงไม่พอใจ แต่ก็ยังไม่ยอมหันไปมอง
“ก็หันมามองสิครับ ผมรับรองเลยว่าคุณจะลืมผู้หญิงบนเรือวันนั้นอย่างแน่นอน” เอกพลกล้ายืนยัน เขาเคยเจอคนสวยมามาก แต่ก็ไม่มีใครงดงามจนทำให้ตะลึงและตาค้างได้ตั้งแต่วินาทีแรกแบบนี้มาก่อน
“ไม่มีทาง สารวัตรยังไม่เคยเจอยายแม่มดของผมล่ะสิ” โทนี่ส่ายหัว ถึงหล่อนจะร้าย แต่หล่อนก็สวยมากจนเขาต้องยอมใจ ยิ่งได้เห็นทั้งเรือนร่างของหล่อนยามไม่มีเสื้อผ้า โทนี่ก็แทบจะหมอบราบคาบแก้วให้แล้ว
“เฮ้ย ผมพูดจริง” เอกพลยืนกราน
“ถ้าไม่สวยจริง ผมจะทิ้งสารวัตรไว้ที่นี่คนเดียวจริงๆ ด้วย” โดนรบเร้าบ่อยเข้า โทนี่ก็ต้องจำใจหันมามอง และเมื่อเอกพลพยักพเยิดให้มองขึ้นไปบนระเบียงชั้นบน โทนี่ก็จำต้องแหงนคอขึ้นมองอย่างเสียไม่ได้
“เฮ้ย!” หนุ่มหล่ออุทานออกมาทันที สองตาเบิกกว้างราวกับเห็นผีอย่างไรอย่างนั้น
“ไงล่ะ สวยใช่ไหม ตาค้างเชียว บอกแล้วว่าแจ่ม” เอกพลยิ้มขัน เห็นอาการรุ่นน้องแล้วอดขำไม่ได้
“สารวัตร”
“หืม...” เอกพลตอบรับในลำคอ มองเป้าหมายชายวัยห้าสิบปลายอย่างไม่ให้คลาดสายตา ขณะที่ฝ่ายนั้นเดินทักทายผู้คนไปมา ราวกับรู้จักกันเป็นอย่างดี
“ผู้หญิงคนนี้มัน...”
“น่าฟัดใช่ไหมล่ะ” เอกพลรู้สึกอย่างนั้น เชื่อว่าโทนี่เองก็คงรู้สึก เพราะเขาจ้องหล่อนตาไม่กะพริบเลยก็ว่าได้
“สารวัตรจะทำแบบนั้นไม่ได้” หนุ่มอเมริกันที่พูดภาษาไทยคล่องแคล่วกัดฟันกรอด มองคู่ตาแก่กับหญิงสาวในชุดราตรีสุดเซ็กซี่ด้วยอารมณ์เดือดปุด
“เอ้า! ทำไมละครับ ของสวยๆ งามๆ มันก็ต้องแบ่งกันชื่นชม”
“ไม่ได้!”
“เอ้า ทำไมจะไม่ได้ล่ะครับ”
“ก็นั่นเมียผม”
“หะ หา!” เอกพลอ้าปากค้าง ก่อนจะหันมามองคู่หูหมาดๆ ด้วยใบหน้าตกใจ หญิงสาวนางนั้นคือผู้หญิงคนเดียวกับที่โทนี่กำลังตามหาอย่างนั้นหรือ
“นะ...แน่ใจหรือครับ” สารวัตรหนุ่มติดอ่างขึ้นมาทันที
“เออสิครับ แน่เสียยิ่งกว่าแน่ เห็นแค่เส้นผมยังจำได้เลย” โทนี่บอกอย่างมั่นใจ แววตาวาวโรจน์จ้องมองไปยังแม่มดน้อยของเขาด้วยความคับแค้นใจ จนแทบจะนั่งไม่ติดเก้าอี้อยู่แล้ว
“เธอมากับเป้าหมายของผม” เอกพลหันมาบอกเสียงขรึม ดูท่างานนี้จะไม่ใช่เรื่องง่ายเสียแล้วสิ
“แต่เธอก็คือเป้าหมายของผม” โทนี่บอกชัดเจน ยายแม่มดน้อย เขาตามหาหล่อนมาตลอดสัปดาห์ จู่ๆ หล่อนก็โผล่มาต่อหน้าต่อตาเขาในตอนนี้ จ้างให้ไอ้โทนี่ก็ไม่มีวันพลาดที่จะปล่อยหล่อนไปอีกแน่
“ตาแก่นั่นเป็นผู้ต้องสงสัยค้ายาเสพติด เป้าหมายของคุณอาจจะเป็นพวกมัน” เอกพลเตือนสติ แน่นอนว่าเขาไม่อยากให้โทนี่ยื่นมือเข้ามาแทรกกับปฏิบัติการพิเศษของเขาครั้งนี้แน่
“เรื่องนั้นผมไม่สน สารวัตรกับพวกจัดการตาแก่นั่นได้เลย ส่วนผู้หญิง ผมขอ”
“เฮ้ย! ไม่ได้ครับ” เอกพลปฏิเสธทันที ถึงจะเป็นเพื่อนสนิทกัน แต่ก็ใช่ว่าจะละเลยหน้าที่ความรับผิดชอบ จนยอมให้โทนี่ทำงานเขาเสียหาย
“สารวัตรทำหน้าที่ของตัวเองไปครับ ส่วนผมจะทำในสิ่งที่ผมต้องทำเอง ขออย่างเดียว สารวัตรอย่าแตะเธอ หากเธอเป็นพวกเดียวกับคนชั่วพวกนั้นจริง รับรองว่าผมจะส่งตัวเธอให้สารวัตรด้วยตัวเอง”
“หา! ว่าไงนะคุณโทนี่ เดี๋ยวสิครับ เดี๋ยว...”
เอกพลอยากจะบ้าตาย เมื่อโทนี่ลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเดินหายตัวเข้าไปในฝูงชนที่กำลังเต้นรำและดื่มด่ำกับเสียงดนตรีอันไพเราะ โดยไม่ฟังคำทัดทานของเขาแต่อย่างใด
“ตามเป้าหมายไป และให้ระวังคุณโทนี่ด้วย ย้ำ...ให้ระวังคุณโทนี่” เอกพลออกคำสั่งผ่านอุปกรณ์สื่อสาร ก่อนจะรีบลุกขึ้นและตามเป้าหมายไปห่างๆ เพื่อไม่ให้เป็นที่สังเกตของใคร
“ของล่ะ”
ชายฉกรรจ์หนึ่งในห้าคนเอ่ยถาม พร้อมกับจ้องนักธุรกิจวัยห้าสิบปลายอย่างไพโรจน์ด้วยสายตาไม่ไว้วางใจ ก่อนจะมองเลยไปยังสาวสวยข้างกายของไพโรจน์อย่างพึงพอใจ
“เฮ้ย! เอาของให้พวกมัน” ไพโรจน์หันมาสั่งลูกน้องของตนที่ยืนคุ้มกันถึงหกคน ซึ่งล้วนแล้วแต่ผ่านสมรภูมิเดือดมาแล้วทั้งนั้น และแน่นอนว่าคนพวกนี้ทำงานให้เขาด้วยความจงรักภักดี เพราะเขามีค่าตอบแทนให้พวกมันอย่างคุ้มค่าเลยทีเดียวกับหน้าที่ดูแลเขา
“ได้ของแล้วก็เอาเงินมา” ไพโรจน์บอกเสียงเข้ม เบื้องหน้าเขาคือนักธุรกิจผู้ใจบุญ ที่มักจะบริจาคเงินและสิ่งของเพื่อการกุศลอยู่เสมอ หากแต่เบื้องหลังจริงๆ แล้ว เขาคือหนึ่งในผู้ค้ายาเสพติดรายใหญ่ ที่ตำรวจและทางการยังเข้าถึงไม่ได้ เนื่องจากเขาเองมีอิทธิพลทางการเงิน และได้รับการหนุนหลังจากนักการเมืองหลายคน
“เอาเงินให้พวกมันไป” ชายฉกรรจ์ที่มีใบหน้าเป็นแผลเป็นใต้ดวงตาออกคำสั่งกับลูกน้องของมัน หลังจากที่ตรวจสภาพ ‘ของ’ ที่ได้รับมาอย่างละเอียดและครบถ้วน
“เรียบร้อยค่ะป๋า ครบตามจำนวนที่ตกลงกันไว้” สาวสวยในชุดราตรีสีขาวสั้นเหนือเข่าหันมาบอกกับไพโรจน์ ก่อนจะหิ้วกระเป๋าเดินกลับเข้าไปยืนด้านหลังชายวัยห้าสิบด้วยรอยยิ้มหวานบาดใจ
“เด็กใหม่หรือป๋า” ชายฉกรรจ์คู่ค้าอดที่จะถามไพโรจน์ไม่ได้ ทุกครั้งที่เขามาติดต่องานกับไพโรจน์ เขาจะต้องมีหญิงสาวอยู่ข้างกายเสมอ แถมยังสวยและไม่ซ้ำหน้าอีกด้วย แต่คนนี้เขาไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนเลย นัยว่าจะเป็นเด็กใหม่ที่ไพโรจน์เพิ่งจะได้ตัวมากระมัง
“แกสนใจหรือมังกร” ไพโรจน์เลิกคิ้วถาม พร้อมกับอดหัวเราะออกมาเบาๆ ไม่ได้ มังกรจ้องหน้าเด็กใหม่ของเขาตาวาวเชียว แทบจะกลืนกินเลยก็ว่าได้
“ก็น่าสนใจ ว่าแต่ป๋าจะยกให้ผมลองชิมดูสักคืนก่อนไหม ไหนๆ ธุรกิจของเราก็ไปได้สวยอยู่แล้ว”
คำพูดของมังกร ทำให้ไพโรจน์ถึงกับหัวเราะร่วน ก่อนจะรั้งตัวสาวสวยที่เขาเพิ่งได้ตัวมาจากบ่อนเมื่อสามวันก่อนเข้ามากอดอวดทุกคนในห้องรับรองแขกวีไอพีของเรือสำราญสุดหรู
“คงไม่ได้หรอกมังกร เพราะฉันเองก็ยังไม่ได้ลิ้มลองเหมือนกัน เอาเป็นว่าถ้าฉันเบื่อเมื่อไร ฉันจะส่งหล่อนไปให้แกต่อก็แล้วกันนะ” ไพโรจน์บอกคู่ค้าตามตรง พลางหัวเราะเสียงใสเหมือนเป็นเรื่องสนุกไปเสียอย่างนั้น ในขณะที่สาวสวยในอ้อมกอดของเขาถึงกับยิ้มมุมปากออกมาทันที แววตาหวานวาวโรจน์ขึ้นมาโดยไม่ทันได้มีใครสังเกต
“แหม หวงจริงนะครับป๋า เอาเถอะ...วันนี้ผมว่าเรารีบแยกย้ายกันก่อนดีกว่า ผมว่ายืดเยื้อไปมันจะไม่ปลอดภัย เดี๋ยวนี้ไอ้พวกตำรวจมันหูตาไว ไว้ใจพวกมันไม่ค่อยได้” มังกรบอกด้วยสีหน้าวิตก เพราะช่วงนี้ตำรวจแฝงตัวอยู่แทบทุกพื้นที่ เขาเองต้องระวังตัวตลอดหากต้องมาติดต่องาน เพื่อป้องกันไม่ให้ถูกจับได้ และถูกสาวไปยังผู้อยู่เบื้องหลังที่คอยควบคุมทุกอย่างในมือ
“จะรีบไปไหนกันมังกร ไม่อยู่ดื่มด้วยกันสักแก้วสองแก้วก่อนหรือ” ไพโรจน์ทักท้วง เขาไม่ค่อยกังวลกับคนในเครื่องแบบเท่าไรนัก นั่นเพราะเรือลำนี้เป็นของเพื่อนสนิทที่คบกันมานาน แถมเขายังจ่ายส่วยและงบประมาณปิดปากเจ้าหน้าที่หลายคน เพื่ออำนวยความสะดวกให้ตัวเอง
“นั่นสิคะ จะรีบไปไหน พวกเรายังไม่ได้สนุกกันเลย” สาวสวยข้างกายไพโรจน์เอ่ยเสริมขึ้นมาพร้อมกับยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู ก่อนจะล้วงมือเข้าไปในกระโปรงตัวสั้นของตัวเองอย่างว่องไว
มังกรขมวดคิ้วขึ้นมาทันทีกับน้ำเสียงแปลกๆ ของสาวงามข้างกายไพโรจน์ และเขาก็ตาไวพอที่จะเห็นถึงความผิดปกติของหญิงสาว สัญชาตญาณบางอย่างเตือนให้มังกรคว้าปืนที่เหน็บเอวขึ้นมาอย่างทันทีทันใด ก่อนจะชี้ปืนกระบอกเล็กไปที่หญิงสาวที่ยืนถือกระเป๋าเงินของไพโรจน์ทันที
“อย่าขยับ ไม่อย่างนั้นฉันระเบิดหัวตาแก่นี่แน่” สาวสวยจี้ปืนพกประจำตัวไปที่ขมับของไพโรจน์ทันที ในขณะที่ไพโรจน์และลูกน้องต่างก็ยืนงงกันเป็นไก่ตาแตก
“นี่มันอะไรกัน” ชายวัยห้าสิบปลายเสียงสั่น มองหน้ามังกรสลับกับหญิงสาวข้างกายด้วยความตกใจสุดขีด งุนงงกับสถานการณ์ตรงหน้า จนทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะ
“นังนี่มันเป็นสายให้ตำรวจ” มังกรไขข้อข้องใจให้ไพโรจน์ และหลังจากนั้นลูกน้องของทั้งไพโรจน์และมังกร ต่างก็เล็งปลายกระบอกปืนไปที่หญิงสาวปริศนาทันที
“ในตัวฉันมีระเบิดชนิดพิเศษมาด้วย ถ้าพวกแกยิง นอกจากนายไพโรจน์จะสมองกระจุยแล้ว พวกแกทั้งหมดก็จะไม่เหลือแม้แต่ซากด้วย” หญิงสาวยิ้มมุมปาก พร้อมกับถลกกระโปรงสั้นให้พวกมันดูระเบิดชนิดพิเศษ ที่ติดตั้งอยู่บนขาอ่อนของหล่อนอย่างเป็นต่อ
“แก...” มังกรคำรามในลำคอ จ้องมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยความโกรธแค้นจนแทบกระอัก
“ทุกคนในห้องโปรดฟังทางนี้ นี่คือเสียงจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตอนนี้พวกเราควบคุมเรือลำนี้ไว้หมดแล้ว ทุกคนปลดอาวุธแล้วยอมมอบตัวซะ ไม่อย่างนั้นเราจะทำการจับตายทุกคน”
เสียงตะโกนจากด้านนอกห้องที่ดังขึ้นมาแทรก ทำให้ทุกคนถึงกับหันขวับไปมองที่ประตูห้องทันทีและท่ามกลางความสับสนและตกใจ ลูกน้องคนหนึ่งของมังกรก็ส่งเสียงเรียกเจ้านายของตัวเองขึ้นมาทันที
“ลูกพี่! ประตูหลังครับ ไปเร็ว”
มังกรพยักหน้า ก่อนจะเบนกระบอกปืนไปยังไพโรจน์แทน หลังจากนั้นก็ปล่อยกระสุนนัดแรกเจาะกลางหน้าผากของเขาอย่างไม่ปรานี ท่ามกลางความตกตะลึงของลูกสมุนที่ติดตามมาทั้งหกคน
สาวสวยปริศนาผละออกจากร่างของไพโรจน์อย่างรวดเร็ว ก่อนจะเบี่ยงตัวหลบกระสุนนัดที่สองของมังกรไปได้อย่างหวุดหวิด ในขณะที่ลูกน้องของไพโรจน์กับลูกน้องของมังกร ต่างก็สาดกระสุนใส่กันอย่างเมามัน
เหตุการณ์ชุลมุน เมื่อมีเจ้าหน้าที่ตำรวจในชุดนอกเครื่องแบบพังประตูเข้ามา หญิงสาวปริศนาถึงกับบ่นอุบออกมาด้วยความหงุดหงิดใจ ก่อนจะเล็งกระบอกปืนไปที่หลอดไฟบนเพดานแล้วเหนี่ยวไกทันที
พรึ่บ!
ทุกอย่างตกอยู่ในความมืด ร่างปราดเปรียวในชุดราตรีสั้นรีบวิ่งออกไปที่ประตูหลังของห้องทันที และมันก็ทะลุออกไปยังดาดฟ้าของเรือลำใหญ่ ซึ่งไม่มีผู้คนพลุกพล่านแต่อย่างใด นอกจากร่างสันทัดของมังกรที่พยายามจะหลบหนีออกไปให้ได้
หญิงสาวชะงักกึก เพราะนอกจากมังกรแล้ว ยังมีชายผู้หนึ่งยืนถือปืนข่มขู่มังกรอยู่ก่อนแล้ว และเมื่อหล่อนก้าวเข้าไปอีกคน มังกรก็เบนปลายกระบอกปืนมาที่หล่อนทันที
มังกรอยู่ตรงกลาง ระหว่างนายตำรวจนอกเครื่องแบบอย่างเอกพล ในขณะที่อีกฝั่งคือหญิงสาวปริศนา ที่ทั้งเอกพลและมังกรเองก็ไม่รู้ว่าหล่อนเป็นใคร
ความคิดเห็น |
---|