2

สามีไง จำไม่ได้หรือทูนหัว


2

สามีไง จำไม่ได้หรือทูนหัว

 

“ส่งกระเป๋านั่นมา” เอกพลออกคำสั่งกับหญิงสาวผู้มาทีหลัง เมื่อเห็นเจ้าหล่อนออกมาจากห้องพร้อมของกลางในมือ ตอนนี้ทั้งเสียงปืนและเสียงเอะอะโวยวายดังขึ้นไปทั่วเรือ พร้อมกับเสียงกรี๊ดของแขกที่ตื่นตกใจกับเหตุการณ์บางอย่างที่เกิดขึ้น

“ทำไมฉันต้องให้คุณล่ะ” หญิงสาวตอบออกไปด้วยน้ำเสียงเข้มดุดัน

“ผมเป็นตำรวจ และในมือของคุณก็เป็นหลักฐานสำคัญกับทางการ” เอกพลไขข้อข้องใจ แม้จะยังมองไม่ออกว่าเจ้าหล่อนเป็นใครและอยู่ฝ่ายไหนกันแน่ แต่เขาก็ไม่อยากทำอะไรบุ่มบ่ามเกินไป

“ในมือหมอนั่นก็มีหลักฐานสำคัญ ไปแย่งเอามาสิคะคุณตำรวจ” หญิงสาวบุ้ยปากไปที่กระเป๋าสีดำที่มังกรถือเอาไว้แน่น ทำเอาเอามังกรถึงกับตาลุกเป็นไฟด้วยความเคียดแค้น

“แก...นังตัวดี” มังกรผรุสวาทออกมาด้วยอารมณ์เดือดจัด ก่อนจะยิงเปรี้ยงเข้าไปที่ร่างเล็กอย่างไม่ลังเลทันที

หญิงสาวเบี่ยงตัวหนีในเสี้ยววินาที แต่ถึงกระนั้นกระสุนก็ฝังเข้าไปที่หัวไหล่ขวาโดยที่หล่อนอย่างน่าโมโห ทว่าก็ไม่ทำให้หล่อนหมดท่าไปเสียทีเดียวหรอก

“รับไปคุณตำรวจ” หล่อนโยนกระเป๋าให้เอกพล ก่อนจะปล่อยลูกกระสุนจากอาวุธในมือไปยังมังกร แต่มันก็หลบได้อย่างน่าโมโห สาวปริศนากัดฟันกรอดด้วยความเคียดแค้น ก่อนจะกระโดดเข้าไปต่อสู้กับมันตัวต่อตัว ในระหว่างที่มันกำลังเผลอตัวเช่นกัน

“ระวัง!” เอกพลส่งเสียงเตือน เมื่อเห็นว่าหญิงสาวปริศนากำลังจะพลาดท่าให้กับมังกรที่เหวี่ยงหมัดเข้าไปยังใบหน้าสวยหวาน แต่แล้วเจ้าหล่อนก็หลบได้ทันหวุดหวิด แถมยังสะบัดฝ่าเท้าขึ้นไปเตะที่ลำแขนของมังกรจนปืนร่วงลงสู่ผืนน้ำด้านล่าง

ทั้งสองสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตาย ในขณะที่เอกพลก็หาจังหวะที่จะเข้าไปหยุดยั้งสถานการณ์นั้นไม่ได้ เขาไม่รู้ว่าใครเป็นใครและอยู่ฝ่ายไหน และมันก็อันตรายมากๆ หากเขาร่วมวงเข้าไปชุลมุนด้วยอีกคน

หากแต่ก่อนที่เอกพลจะตัดสินใจว่าจะทำอย่างไร ร่างสูงของใครบางคนก็กระโดดเข้าไปร่วมวงด้วยอีกคน ท่ามกลางความตกใจและไม่คาดคิดของตำรวจหนุ่ม

“คุณโทนี่” เอกพลอ้าปากค้าง มองคู่หูของตนที่กำลังพยายามจะเข้าไปช่วยฝ่ายหญิงออกมาให้ได้ แต่ฝ่ายนั้นก็ไม่ได้ยินยอมโทนี่อย่างง่ายดาย เพราะคิดว่าบุคคลที่สามที่เข้ามาขวางหล่อนในตอนนี้ ก็คือพรรคพวกเดียวกันกับมังกร

“ปล่อยนะ จะมาจับแขนฉันไว้ทำไม” เจ้าหล่อนตะโกนใส่หน้าโทนี่ด้วยความโกรธแค้น เมื่อเขาถีบมังกรจนกระเด็นออกไป แล้วหันมาคว้าข้อมือหล่อนเอาไว้แน่น

“ไปกับผม” โทนี่หันมาสั่งเสียงเข้ม

“คุณ!” เจ้าหล่อนอุทานออกมาด้วยความตกใจ เมื่อมองเห็นใบหน้าของคนจุ้นจ้านชัดๆ เต็มสองตา

“ผมเองทูนหัว จำผัวไม่ได้หรือ” โทนี่ยิ้มให้หล่อน เวลาอย่างนี้เขายังจะมีหน้าทะเล้นใส่หล่อนได้อีก โทนี่ล่ะเชื่อจริงๆ ว่าตัวเองจะทำไปได้

“คุณโทนี่ระวังครับ” เอกพลร้องเตือน เมื่อจู่ มังกรก็ลุกขึ้นมาพร้อมกับปืนในมือ และกำลังเล็งมาที่เขากับหญิงสาวปริศนาที่โทนี่ตามหามาหลายวันจนแทบบ้า

“หลบไป!” หญิงสาวออกแรงผลักชายหนุ่มให้พ้นจากวิถีกระสุน ก่อนที่ตัวเองจะเสียหลักถอยออกไปด้านหลังขอบเรือ แล้วลอยละลิ่วลงไปยังแม่น้ำเจ้าพระยาทันที ในขณะที่เรือกำลังแล่นไปอย่างช้าๆ ท่ามกลางความมืดมิดยามค่ำคืน

“คุณ!” โทนี่อุทานออกมาด้วยความตกใจ ก่อนที่ความบ้าระห่ำในตัวจะผลักดันให้เขากระโดดตามเจ้าหล่อนลงไปอย่างไม่คิดชีวิต

“คุณโทนี่!”

เสียงตะโกนเรียกบนเรือไม่ทำให้เจ้าพ่อซอฟต์แวร์สนใจ เพราะหนึ่งเดียวที่สมองเขาสั่งการในตอนนี้ คือควานหาร่างเล็กที่ตกลงมาในแม่น้ำก่อนหน้านี้ต่างหาก

‘ไม่นะยายแม่มด ผมจะไม่ยอมให้คุณตายเด็ดขาด คุณต้องรอดมาเพื่อรับผิดชอบในสิ่งที่คุณทำกับผมสิ มันถึงจะถูก’

ชายหนุ่มพึมพำในใจ ก่อนจะดำผุดดำว่ายเพื่อหาร่างของหล่อนให้พบ ท่ามกลางเสียงร้องตะโกนของใครต่อใครหลายคนบนเรือ ก่อนจะเกิดเป็นความสับสนและอลหม่านวุ่นวายในเวลาต่อมา

 

ร่างเล็กที่นอนหมดสติบนเตียงใหญ่มาทั้งคืนกับอีกหนึ่งวัน ทำให้ชายหนุ่มวัยสามสิบห้าเชื้อสายอเมริกันถึงกับถอนหายใจดังเฮือกใหญ่ ก่อนจะเดินวนไปวนมารอบเตียง สลับกับหันมามองหน้าคนเจ็บไปทำหน้าเครียดไป ราวกับตัวเองรู้สึกเจ็บไปกับเจ้าหล่อนด้วยอย่างนั้น

“เธอปลอดภัยดีแล้วครับเจ้านาย เลิกเดินวนไปวนมาเสียทีได้ไหมครับ ผมเวียนหัวจะแย่แล้ว” โรเจอร์ท้วงผู้เป็นเจ้านาย เนื่องจากอีกฝ่ายนั่งไม่ติดเก้าอี้เลย หลังจากพาตัวหญิงสาวปริศนานางหนึ่งเข้ามาในบ้าน

โรเจอร์ไม่รู้จักผู้หญิงคนนี้ และก็ไม่รู้ด้วยว่าเจ้าหล่อนเป็นใคร เขารู้เพียงว่าเจ้านายของเขาให้ความสนใจและห่วงใยเจ้าหล่อนมาก ชนิดที่โรเจอร์เองก็ไม่เคยเห็นมาก่อน ว่าเจ้านายจะห่วงใครจนกินไม่ได้นอนไม่หลับแบบนี้

โรเจอร์ถูกเรียกตัวมาด่วน เพื่อคอยดูแลและอำนวยความสะดวกให้กับเจ้านาย ในระหว่างที่เขาพักผ่อนอยู่ในเมืองไทยต่อไป หลังจากที่บอกว่าจะกลับไปทำงานตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว หลังจากร่วมแสดงความยินดีกับงานแต่งงานของเพื่อนรักอย่าง คาร์ล เบอร์ตัน

เจ้านายเปลี่ยนแผนการเดินทาง ซึ่งโรเจอร์เองก็ได้แต่สงสัยและเก็บคำถามนั้นเอาไว้ในใจ แต่เมื่อโทนี่ปรากฏตัวพร้อมหญิงสาวในอ้อมแขนเมื่อคืนที่ผ่านมา โรเจอร์ก็พอจะเข้าใจอะไรได้ลางๆ

“พูดมากน่าโรเจอร์ ไปเตรียมอาหารค่ำไป เผื่อเมียฉันตื่นขึ้นมา จะได้มีอะไรรองท้อง”

“หืม เจ้านายว่าไงนะครับ เมีย...อย่างนั้นเหรอ” โรเจอร์เอียงคอมองเจ้านายด้วยความประหลาดใจแกมตกใจ ฟ้าจะถล่มดินจะทลายลงหรืออย่างไร เจ้านายของเขาถึงคิดอยากจะมีเมียขึ้นมา

ก่อนหน้านี้เจ้านายของโรเจอร์ยังบอกอยู่เลย ว่าเพื่อนรักกำลังจะหมดอิสรภาพของตัวเองให้กับภรรยา และจะไม่มีวันได้ใช้ชีวิตสนุกสนานของวัยหนุ่มได้อีกต่อไป เพราะชีวิตและลมหายใจหลังจากนั้นจะตกเป็นของภรรยาทั้งหมด แล้วนี่เจ้านายของโรเจอร์คิดอย่างไรกัน ถึงได้กระโดดลงไปในหลุมดักชีวิตโสดของตัวเองแบบนี้ได้

“จะสงสัยอะไรกันนักหนา รีบออกไปได้แล้วโรเจอร์”

“ครับๆ จะไปเดี๋ยวนี้ล่ะครับ”โรเจอร์รับคำสั่ง ก่อนจะลุกลี้ลุกลนอกจากห้องนอนของเจ้านายในทันที เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังหัวเสียที่ถูกซักถามเรื่องส่วนตัว

โทนี่หันมามองคนเจ็บอีกครั้ง ก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่อีกหน ถึงหมอจะบอกว่าหล่อนพ้นขีดอันตรายและปลอดภัยดีแล้ว แต่โทนี่ก็ยังไม่วางใจไปเสียทีเดียว เพราะหล่อนมีอาการตัวร้อนและเป็นไข้จากแผลที่อักเสบด้วย

ตัวแค่นี้ จะเก่งอะไรนักหนานะ

ชายหนุ่มพึมพำในใจ ก่อนจะชะโงกหน้าเข้าไปมองใบหน้าซีดเซียวใกล้ๆ แล้วเกลี่ยปอยผมที่เกะกะรกใบหน้าของหล่อนออกไปอย่างเบามือ ด้วยความกลัวว่าอาจจะเป็นการรบกวนหล่อนเอาได้

เสียงมือถือบนโต๊ะที่ห่างจากเตียงนอนไปสักห้าเมตรได้ ทำให้โทนี่จำต้องละสายตาจากใบหน้าหวานอิดโรยอย่างไม่ค่อยชอบใจ ก่อนจะรีบเดินไปรับสายทันที เนื่องจากกลัวว่ามันจะส่งเสียงน่ารำคาญให้กับคนที่นอนเจ็บอยู่

“ครับสารวัตร” โทนี่กรอกเสียงลงไป หลังจากที่เดินเลี่ยงออกมาทางประตูหลัง ซึ่งมีระเบียงทอดยาวออกไปยังท้องทะเลกว้างไกล ในขณะที่สายตายังชำเลืองมองคนเจ็บผ่านประตูกระจกที่เพิ่งเปิดออกมา

“เมียเป็นไง”

คำถามจากเอกพลทำให้โทนี่ถึงกับหลุดหัวเราะออกมาเป็นครั้งแรก หลังจากที่หน้านิ่วคิ้วขมวดมาหนึ่งวันหนึ่งคืน เพราะความกังวลว่าคนบนเตียงใหญ่นั่นจะเป็นอะไรไป โดยที่เขายังไม่ทันได้สะสางคดีเก่ากับเจ้าหล่อนเสียก่อน

“ยังไม่ฟื้นเลยครับ เพราะฉะนั้นผมจะยังไม่ส่งตัวเธอให้สารวัตรหรือใครหน้าไหนแน่นอน” โทนี่บอกด้วยน้ำเสียงติดตลก ทว่ากลับจริงจังและเอาจริงอย่างที่พูดแน่นอน

“ไม่จำเป็นหรอกครับ เพราะเธอไม่ใช่อาชญากร” เอกพลหัวเราะเบาๆ

“หมายความว่าไงครับสารวัตร หรือว่าสารวัตรหาข้อมูลส่วนตัวของเธอได้แล้ว” โทนี่ตาลุกวาวด้วยความตื่นเต้น เมื่อเอกพลบอกว่าไม่ต้องส่งตัวหล่อนให้กับใครทั้งนั้น

เขาส่งรูปหล่อนที่ถ่ายด้วยตัวเองให้เอกพลนำไปหาข้อมูลต่อ พร้อมกับขอร้องเอกพลให้เก็บเรื่องนี้เอาไว้เป็นความลับ และห้ามแพร่งพรายให้ใครรู้ว่าหล่อนอยู่กับเขาที่นี่

“ครับ ผมก็งมหาในแฟ้มข้อมูลอาชญากรของกรมตำรวจอยู่ตั้งนานสองนาน นึกไม่ถึงว่าใบหน้าของเธอจะไปตรงกับเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการลับของหน่วยป.ป.ส.”

“หืม...หน่วยปฏิบัติการลับหรือครับ” โทนี่อุทานในลำคอ ก่อนจะเหลียวมองไปยังร่างบางแต่แข็งแกร่งบนเตียงของตัวเองอีกครั้งด้วยด้วยสายตาเหลือเชื่อ

มิน่าล่ะ! เจ้าหล่อนถึงได้ดุและโหดนัก ดูจากการกระโดดเข้าไปต่อสู้กับพ่อค้ายาเสพติดแบบไม่คิดชีวิตบนเรือนั่นแล้ว แน่นอนว่าหล่อนดูจะไม่เสียดายชีวิตเอาเสียเลย

“ครับ พูดง่ายๆ ก็คือสายลับนั่นเอง องค์กรนี้ถูกตั้งขึ้นโดยผู้ใหญ่ที่มีตำแหน่งหน้าที่ระดับประเทศ แต่ทุกอย่างก็เป็นความลับห้ามเปิดเผย ไร้หลักแหล่ง ไร้ตัวตน ยากที่คนทั่วไปจะรู้ว่ามีองค์กรนี้อยู่ ผมเองต้องพึ่งคนในและผู้ใหญ่ระดับบิ๊กๆ หลายคน ถึงจะได้ข้อมูลนี้มา”

“อื้อหือ ขอบคุณมากนะครับสารวัตร นี่ถ้าไม่ได้สารวัตรคอยช่วยเหลือแล้วล่ะก็ ผมต้องแย่แน่ๆ” โทนี่ขอบคุณจากใจ เอกพลสามารถช่วยเหลือเขาได้มากมาย อย่างที่ทุกคนบอกกับเขาเอาไว้จริงๆ

“ไม่ต้องขอบคุณหรอกครับ เพราะคุณเองก็เคยช่วยเหลืองานราชการของประเทศเราเหมือนกัน ผมแค่อ้างชื่อคุณในวงในนิดหน่อย คนพวกนั้นก็รีบให้เบาะแสมาแล้ว” เสียงเอกพลหัวเราะเข้ามาในสาย ทำให้โทนี่เองก็พลอยหัวเราะด้วยความขบขันไปด้วย

“อ้อ ผมมีเรื่องจะเตือนคุณอย่างนะครับ” เอกพลพูดเหมือนนึกขึ้นได้

“ว่ามาครับ” โทนี่บอกอย่างใจเย็น

“ตอนนี้ทีมงานของเธอกำลังตามหาตัวเธออยู่ ผมว่าทางที่ดีคุณโทนี่รีบปล่อยตัวเธอออกมานะครับ ไม่อย่างนั้นเรื่องมันจะบานปลาย คนพวกนี้หูตาไว คุณโทนี่ระวังตัวไว้หน่อยก็ดี ผมไม่อยากให้มีปัญหา” เอกพลเตือนด้วยความหวังดี เพราะเขาไม่อยากให้โทนี่ใช้ชีวิตลำบากในประเทศของตัวเอง

“ครับ ผมจะระวัง ขอบคุณสารวัตรที่เตือน ว่าแต่พอจะบอกผมสักนิดได้ไหมครับ ว่าคุณผู้หญิงคนนี้เขามีชื่อเสียงเรียงนามว่าอย่างไร จะบอกคนอื่นว่าไม่รู้แม้แต่ชื่อภรรยาของตัวเองก็ชักจะยังไงๆ อยู่นะว่าไหม” โทนี่บอกอีกฝ่ายตามตรง ส่งผลให้สารวัตรหนุ่มถึงกับอดหัวเราะขึ้นมาอีกครั้งไม่ได้

“มินตราครับ เธอชื่อ มินตรา ดาราฉัตรฉาย ซึ่งอันนี้ผมเองก็ไม่มั่นใจเท่าไร ว่าจะใช่ชื่อจริงนามสกุลจริงของเธอไหม คงต้องยกให้คุณโทนี่สืบต่อเองเสียแล้ว”

“โอเคครับสารวัตร ขอบคุณมาก”โทนี่บอกจากใจ เอกพลช่วยเขาได้มากกว่าที่คิดเอาไว้มากเลยทีเดียว สงสัยจะต้องมีการเลี้ยงเหล้าขอบคุณกันในอนาคตอย่างแน่นอน

“ไม่เป็นไรครับ งั้นแค่นี้ก่อนนะครับ เพราะผมต้องเคลียร์เรื่องคดีของนายไพโรจน์ต่อ ท่าทางจะยุ่งยากพอควร”

“ครับ สวัสดี” โทนี่กล่าวทิ้งท้าย ก่อนจะวางสายในเวลาต่อมา แล้วหันไปมองคนเจ็บด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถามมากมาย

มินตรา ดาราฉัตรฉาย

อย่างน้อยเขาก็รู้ว่าหล่อนชื่ออะไร โทนี่บอกกับตัวเองในใจ ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในห้องอีกครั้ง แล้วทรุดตัวลงนั่งข้างเตียงใหญ่ด้วยความรู้สึกหนักหน่วงอย่างบอกไม่ถูก

ยายแม่มดน้อยเอ๋ย รีบตื่นมาคุยกับเขาสักคำสองคำจะได้ไหม หล่อนนอนนิ่งแบบนี้จนเขาชักไม่วางใจ ถึงหมอจะบอกว่าหล่อนปลอดภัยหายห่วงแล้ว แต่เขาก็ยังวิตกกังวลอยู่เช่นเดิม

ปลายนิ้วใหญ่ถูกยื่นไปแตะที่แก้มนุ่มของหล่อนอย่างแผ่วเบา ก่อนที่รอยยิ้มจะผุดขึ้นบนริมฝีปากหยักละมุน เมื่อในที่สุดเขาก็หาตัวเจ้าหล่อนพบจนได้

ภรรยาสุดที่รัก ตื่นมาเราคงต้องคุยกันสักหน่อยแล้ว ไม่อย่างนั้นสามีคนนี้คงได้หัวหมุนจนไม่มีสมาธิทำอะไรแน่

โทนี่ยิ้มกับตัวเอง ก่อนจะกระชับผ้าห่มให้หล่อนอย่างเบามือและนุ่มนวล ซึ่งเขาเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน ว่าทำไมจะต้องห่วงใยเจ้าหล่อนมากมายนี้ด้วย ทั้งที่เจ้าหล่อนถีบหัวเขาส่งเขาอย่างไม่ไยดี หลังจากที่ใช้เขาเป็นตัวช่วยในการหลบหนีเมื่อก่อนหน้านี้แท้ๆ

 

ร่างที่นอนเงียบสงบมาเกือบสองวันเต็มขยับตัวเบาๆ ก่อนจะเผลอครางออกมาด้วยความเจ็บปวด เมื่อหัวไหล่ของตัวเองไม่สามารถขยับได้สะดวกอย่างที่ใจคิด

หญิงสาวลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ หลังจากนั้น ก่อนจะกะพริบตาปริบๆ แล้วมองไปรอบๆ ตัวด้วยอาการงวยงงสงสัยหล่อนพยายามทบทวนว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนหน้านี้ และหล่อนกำลังนอนอยู่บนเตียงที่ไหนกัน ทำไมห้องและข้าวของทุกอย่างดูไม่คุ้นตาหล่อนเอาเสียเลย

“อรุณสวัสดิ์มินนี่ ฟื้นได้เสียทีนะครับ”

เสียงทักทายจากผู้ที่เดินเข้ามาจากประตูด้านหลัง ทำให้มินตราถึงกับหันขวับมามองแทบทันที ก่อนที่หล่อนจะทำตาโตด้วยความตกใจ เมื่อพบว่าบุรุษที่ยืนอยู่ตรงหน้าหล่อนในตอนนี้ เขาคือคนสุดท้ายที่หล่อนเห็นหน้าก่อนจะตกลงไปในแม่น้ำเมื่อคืนก่อน

ใช่แล้ว หล่อนพลัดตกจากเรือสำราญลงไปในน้ำเจ้าพระยา ในระหว่างที่กำลังต่อสู่กับคนร้ายที่ค้ายาเสพติด และหลังจากนั้นหล่อนก็ไม่รับรู้อะไรอีกเลย จนกระทั่งตอนนี้

“คุณโทนี่” มินตราเรียกเขาเสียงเบาหวิว เพราะยังอ่อนเพลียกับอาการบาดเจ็บอยู่มาก

“น่ารักจัง จำชื่อสามีตัวเองได้ด้วย คิดว่าถ้าคุณตื่นมาแล้ว จะตะโกนด่าผมว่าไอ้บ้าหรือไอ้เลวอะไรสักอย่างเสียอีก” โทนี่บอกขำๆ ก่อนจะเดินมาทรุดตัวนั่งลงบนขอบเตียง แล้วโน้มตัวไปช่วยพยุงหญิงสาวที่กำลังจะดันตัวเองลุกขึ้นนั่ง

“ปล่อย! ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน” มินตราทำท่าขยะแขยง พร้อมกับปัดมือเขาทิ้งอย่างไม่ไยดี หากแต่หลังจากนั้นก็ต้องรีบคว้าผ้าห่มขึ้นมาคลุมร่างตัวเองแทบไม่ทัน เมื่อเพิ่งรู้ตัวว่าไม่เสื้อผ้าติดกายแม้เพียงสักชิ้นเดียว

โทนี่แอบยิ้มกับอาการตกใจและเขินอายนั้น อย่างน้อยแม่เสือสาวของเขาก็ยังเหลือความเป็นผู้หญิงอยู่บ้างหรอกน่า ไม่ได้ห้าวไปเสียทีเดียว อย่างน้อยเจ้าหล่อนก็ยังรู้จักเขินอายและหน้าแดงต่อหน้าผู้ชายอย่างเขาบ้าง

“นี่คุณทำอะไรกับฉัน” มินตราหันมาตวาดใส่เขาหลังจากนั้น ทำเอาคนกำลังอารมณ์ดีถึงกับหุบยิ้มแทบทันที

“ผมเปล่า”

“คุณจับฉันนอนแก้ผ้าล่อนจ้อน แล้วยังจะมาบอกว่าเปล่าอย่างนั้นเหรอ”

เออ ดุจริง นี่ขนาดว่าหล่อนเจ็บตัวอยู่แท้ๆ แต่ก็มิวายที่จะหาเรื่องเขาได้ ดูลูกตาหล่อนสิ แทบจะถลนออกมานอกเบ้าเพราะความโกรธแค้นเขาอยู่แล้ว

“คุณบาดเจ็บและเพิ่งตกน้ำมา เสื้อผ้าคุณเปียก และคุณก็ไม่มีเสื้อผ้าเปลี่ยน หมอทำแผลให้คุณเสร็จ ผมก็ทิ้งไว้อย่างนั้น หมอสั่งห้ามไม่ให้ทำอะไรให้กระทบกระเทือนกับแผลของคุณเด็ดขาด ผมก็เลยไม่กล้าจะทำอะไร นี่คิดว่าผมอยากจะดูของของคุณหรือยังไง”

“นี่คุณ!” มินตราเถียงไม่ออก อยากจะลุกขึ้นจากเตียงแล้วจระเข้ฟาดหางเข้าให้คนปากเสียสักที แต่ก็ไม่มีเรี่ยวแรงที่จะทำอย่างนั้น

“ผมจะบอกอะไรให้นะ ของคุณน่ะ มันก็งั้นๆ แหละ ใหญ่กว่าของผู้หญิงที่ผมเคยควงนิดหน่อย ไม่รู้ว่าของจริงไหม”

“คุณโทนี่!” มินตราตะโกนใส่หน้าเขาด้วยความเหลืออด ทำไมกันนะ ทำไหล่อนจะต้องมาพบเจอคนบ้าประเภทเขาในชีวิตด้วย ชาติที่แล้วมินตราทำบาปทำกรรมอะไรกับเขาไว้หรือไร ชาตินี้หล่อนจึงต้องโคจรมาพบกับเขาให้ชีวิตต้องยุ่งยาก

“เรียกจัง หายเจ็บแผลบ้างแล้วสินะ ถึงได้เสียงดังแบบนี้” โทนี่ถามด้วยความอ่อนใจ ก่อนจะถือวิสาสะจับแขนหล่อนให้อยู่นิ่งๆ แล้วดูแผลที่หัวไหล่ของหล่อนด้วยสีหน้าจริงจัง

“ปล่อย! อย่ามาแตะตัวฉัน” หญิงสาวพยายามบิดแขนหนี แต่ก็ยากเย็นเหลือเกิน เพราะตอนนี้ร่างกายของหล่อนมันไม่ได้เอื้ออำนวยให้หล่อนทำอะไรได้ตามใจเลยสักนิด

“เจ็บไหม”

น้ำเสียงที่เปลี่ยนจากการประชดประชันมาเป็นอ่อนโยน ทำให้มินตราหันมามองเขาด้วยความแปลกใจ โทนี่ต้องการอะไรจากหล่อนกันแน่ เขาถึงได้พาตัวหล่อนมากักขังเอาไว้ที่นี่ เอ๊ะ! หรือว่าเขาจะเป็นพวกเดียวกันกับไอ้พวกค้ายานั้น

ไม่สิ! หากเขาเป็นพวกเดียวกันกับคนกลุ่มนั้น เขาควรปล่อยให้หล่อนตายไม่ใช่หรือ ทำไมจะต้องช่วยหล่อนแล้วพาตัวมารักษาที่นี่ทำไมกัน

“ผมรู้ว่าคุณเก่งและช่วยเหลือตัวเองได้นะมินนี่ แต่ยังไงก็ขอให้คุณรักษาตัวเองให้หายก่อนได้ไหม”

“ฉันไม่ได้ชื่อมินนี่” หล่อนหันมาตวาดใส่เขาเสียงเขียว มินนี่อะไรกัน ชื่ออย่างกับอีหนูของพวกเสี่ยใจป้ำลามก ที่เลี้ยงสาวๆ เอาไว้เป็นโขยงอย่างนั้น

“ก็คุณชื่อมินตรา ผมก็เลยเรียกง่ายๆ ว่ามินนี่ ฟังแล้วก็ดูดีนี่นา มินนี่ โทนี่ แหม...ชื่อเราสองคนผัวเมียนี่เข้ากั๊นเข้ากันเนอะ”

“ผัวเมียบ้านคุณสิ เราเป็นอย่างนั้นตั้งแต่เมื่อไร”

“อ้าวที่รัก ก็คุณเองไม่ใช่หรือ ที่เป็นคนยัดเยียดตำแหน่งนี้ให้ผมเอง นี่ไม่กี่วันก็ลืมเองแล้วหรือ ว้า...เมียผมนี่ดูท่าสมองจะไม่ค่อยดี” โทนี่แกล้งเย้า ลอบมองสีหน้าที่เริ่มจะมีสีเลือดขึ้นมาด้วยความโล่งใจ

“บ้าบอ แล้วนี่คุณรู้ได้ยังไงว่าฉันชื่อมินตรา” หญิงสาวเอ่ยถามขึ้นมาอย่างนึกขึ้นได้ สายตาไม่ไว้วางใจถูกส่งมายังโทนี่ทันทีทันใด เพราะประวัติส่วนตัวของหล่อน ยากนักที่จะมีคนนอกรู้ ด้วยอาชีพและหน้าที่ ทุกอย่างจึงถูกเก็บเป็นความลับทั้งหมด ยากที่คนนอกอย่างโทนี่จะรู้ได้

“ถ้าคุณสนใจสามีตัวเองสักนิด คุณก็จะรู้ว่าผมเป็นใคร และการที่ผมจะหาประวัติของคุณนั้น มันก็ไม่ได้ยากเกินกว่าความสามารถของผมหรอก” โทนี่ได้ทีก็คุยทับ ให้หล่อนรู้ไปเลยว่าเขาไม่ได้กระจอกงอกง่อยให้หล่อนมาหลอกใช้และปั่นหัวได้อีก

“เลิกพูดว่าเราสองคนเป็นสามีภรรยากันเสียที ฟังแล้วอยากจะอ้วก” มินตราทำหน้าพะอืดพะอม จงใจให้เขารู้ว่าหล่อนไม่ได้ปลาบปลื้มหรือยินดีกับตำแหน่งบ้าบอที่เขาพยายามจะมอบให้หล่อนสักนิด

โทนี่หัวเราะในลำคอ มองหัวไหล่เนียนที่มีผ้าพันแผลเอาไว้แล้วรู้สึกไม่ชอบใจเอาเสียเลย นอกจากแผลที่ถูกยิงแล้ว มันยังมีรอยฟกช้ำดำเขียวตามเนื้อตัวของหล่อนไปทั่ว ทำให้ผิวสวยๆ ของหล่อนมัวหมองไปหมด

“ขอบคุณกันสักคำน่ะมีไหมคุณ ผมอุตส่าห์กระโดดตามลงไปช่วยงมคุณขึ้นมานะมินนี่” คนตัวโตรู้สึกน้อยใจ แต่ลึกๆ ก็แอบโล่งใจไม่น้อย ที่หล่อนไม่ใช่คนร้ายหรือพวกอาชญากรใดๆ หากแต่เป็นสายลับสาวที่เปรี้ยวและเผ็ดที่สุด เท่าที่โทนี่เคยพบเจอมาเลยทีเดียว

“หากพวกคุณไม่เข้ามายุ่งเรื่องนี้ ฉันคงจัดการพวกมันไปได้หมดแล้ว” แม่คนเก่งหันมาตวาดใส่เขาเสียงเขียว แต่โทนี่ก็หาได้ใส่ใจคำพูดของหล่อนไม่ ก็ให้มันรู้ไป ว่าเขาจะปราบพยศหล่อนไม่ได้

ดุๆ แบบนี้ล่ะ ไอ้โทนี่ชอบนัก สักวันจะทำให้เชื่องเป็นลูกแมวตัวน้อยๆ เลย

“ผมไม่ยุ่งเรื่องของคนอื่น ยกเว้นเรื่องของคุณหรอกนะมินนี่”

“คุณ...” มินตราไม่อยากจะเถียงกับเขาเลยจริงๆ ว่าแต่เขาจะอยากยุ่งเรื่องของหล่อนทำไมกัน ในเมื่อเขากับหล่อนไม่ได้รู้จักกันเสียหน่อยไม่ใช่หรือ

ไม่นะมินตรา หล่อนห้ามหวั่นไหวกับสายตาอ่อนโยนที่ทอดมองมานั่นเด็ดขาด โทนี่กำลังต้องการเอาคืนที่หล่อนใช้เขาเป็นเครื่องมือในการหลบหนีต่างหาก เพราะฉะนั้นหล่อนจะไว้วางใจเขาไม่ได้ เขาเป็นใครมาจากไหนหล่อนก็ยังไม่ทันได้ตรวจสอบ จะเป็นพวกเดียวกับตำรวจเมื่อคืนจริงๆ หรือเปล่า มินตราก็ยังไม่รู้

“ถามจริง ทำไมตอนนั้นถึงช่วยผม จนทำให้ตัวเองพลาดท่าตกลงไปในน้ำ” โทนี่ถามหล่อนอย่างจริงจัง เพราะถ้าตอนนั้นหล่อนไม่ผลักเขาออก ไม่แน่ว่าอาจจะถูกลูกกระสุนของพ่อค้ายาเจาะเข้าที่ส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายก็เป็นได้

เขามันบ้าเอง บ้าที่เอาแต่จะหยอกล้อหล่อนเพราะคิดว่าฝ่ายตรงข้ามหมดท่าไปแล้ว ใครจะคิดว่าไอ้สารเลวนั่นมันจะมีปืนอีกกระบอกซุกซ่อนไว้ และพร้อมจะปลิดชีวิตเขาได้ตลอดเวลา หากว่าเขายังประมาทเช่นนี้

“ในเมื่อคุณบอกว่ารู้ประวัติฉันดี คุณก็น่าจะรู้นี่คะ ว่าคนอย่างฉันคงไม่ยืนมองใครให้ตายไปต่อหน้าต่อตาได้ ต่อให้ผู้ชายคนนั้นไม่ใช่คุณ ฉันก็ต้องช่วยอยู่ดี”

ให้ตายเถอะ! โทนี่รู้สึกผิดหวังนิดหน่อยอย่างไรไม่รู้

“แต่คุณอาจตายได้นะมินนี่”

“ชีวิตกับลมหายใจของฉัน มันไม่มีความหมาย นับตั้งแต่วันที่ก้าวเท้าเข้ามาทำภารกิจเพื่อชาติแล้วค่ะ เพราะฉะนั้นคุณโทนี่ไม่ต้องมาคิดแทนให้ลำบาก”

โทนี่หน้าตึงขึ้นมาทันที ก่อนจะลุกขึ้นจากเตียงด้วยอาการหงุดหงิดกับคำตอบนั้นของหล่อน จริงๆ แล้วเขาก็ไม่จำเป็นต้องคิดแทนหล่อนอย่างที่ว่านั่นแหละ ในเมื่อเจ้าหล่อนยังไม่สนใจชีวิตตัวเอง แล้วเหตุใดเขาจึงต้องทุกข์ร้อนกับความเป็นไปของหล่อนด้วยล่ะ

“เดี๋ยวค่ะ” มินตราร้องเรียกเขา ก่อนที่เจ้าตัวจะเดินหนีออกไปจากห้องเอาดื้อๆ

โทนี่ชะงักฝีเท้า ก่อนจะเอี้ยวตัวหันมามองหล่อนด้วยสายตาเย็นชากว่าทุกครั้ง มินตราเองก็ไม่รู้เหมือนกัน ว่าทำไมหล่อนถึงรู้สึกหวาดหวั่นนัยน์ตาคมคู่นั้นบ่อยครั้ง หากต้องประสานสายตากันอย่างจังๆ

“ขอเสื้อผ้าให้ฉันด้วยค่ะ ฉันต้องการไปจากที่นี่” มินตราของร้องเขา เชื่อว่าป่านนี้ผู้บังคับบัญชาและเพื่อนร่วมงานของหล่อน คงกำลังตามหาตัวหล่อนกันให้วุ่นแน่

จริงสิ! มินตรายกข้อมือตัวเองขึ้นมาดู ก่อนจะใจหายวาบเมื่อนาฬิกาข้อมือคู่ใจหายไปแล้ว

“นาฬิกาฉันล่ะคะ คุณเห็นมันไหม” มินตราถามเขาด้วยสีหน้ากังวลใจทันที เพราะมันเป็นสิ่งสำคัญกับชีวิตของหล่อนมากมายเลยทีเดียว

“ไอ้ของเล่นห่วยๆ นั่นน่ะเหรอ ผมทำลายมันทิ้งไปแล้วล่ะ และจะไม่มีใครหาตัวคุณพบในตอนนี้ได้อย่างแน่นอน บอกเอาไว้ก่อนเลยนะมินนี่ ว่าคุณจะไม่มีทางหนีผมพ้นไปได้ง่ายๆ แน่ หากว่าผมไม่ยอมปล่อยคุณไปเอง ทางที่ดีผมว่าคุณนอนนิ่งๆ แล้วรักษาตัวให้หายก่อนจะดีกว่า แล้วหลังจากนั้นคุณค่อยมาหาวิธี ว่าจะไปจากผมยังไง แต่ถ้าคุณพอใจที่จะเดินแก้ผ้าโทงๆ ทั่วบ้านในตอนนี้เพื่อหาทางไปจากผม ก็เชิญคุณทำได้เลย ผมยินดี ถ้าจะได้นั่งมองภรรยาสุดที่รักในชุดเดียวกันกับวันที่เราสองคนเจอกันครั้งแรก”

“คุณมันไอ้...” มินตรากำหมัดเข้าหากันแน่นด้วยความแค้นเคืองใจ ก่อนจะมองแผ่นหลังบึกบึนของคนที่เดินออกจากห้องไปด้วยอารมณ์เดือดจนแทบจุกอก โทนี่ วิลล์ เขาคิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่มาจากไหนกัน ทำไมถึงได้กล้าทำกับหล่อนแบบนี้ เขาบอกว่าเขาทำลายนาฬิกาข้อมือของหล่อนทิ้งไปแล้ว หมายความว่าเขาก็รู้อยู่แล้วใช่ไหม ว่ามันคืออุปกรณ์สื่อสารชนิดพิเศษ ที่จะทำให้ทีมงานของหล่อนสามารถเชื่อมโยงและจับสัญญาณได้ ว่าตอนนี้หล่อนกำลังอยู่ในบริเวณส่วนไหนของประเทศนี้

ให้ตายสิ! มันจะมากเกินไปแล้ว แล้วอย่างนี้ผู้บังคับบัญชาของหล่อนจะหาตัวหล่อนเจอได้อย่างไร แล้วหล่อนจะติดต่อพวกเขาให้มาช่วยเหลือได้ไหม ในเมื่อโทนี่ตัดทุกทางที่หล่อนจะสามารถติดต่อโลกภายนอกไปหมดแล้ว

นี่มันที่ไหนกัน มินตราถามตัวเองในใจ ก่อนจะกัดฟันก้าวลงจากเตียงใหญ่ แล้วเดินออกไปยังประตูหลังที่เป็นกระจกใสสามารถมองเห็นอะไรภายนอกได้อย่างชัดเจน

ทะเลเบื้องหน้าที่ไกลสุดลูกหูลูกตาทำให้มินตราอ้าปากค้าง ที่นี่เงียบสงบและไร้บ้านเรือนผู้คน น่าจะมีเพียงบ้านหลังใหญ่หลังนี้ของโทนี่เพียงหลังเดียว เพราะนอกจากนั้นก็มีแต่ต้นไม้หนาทึบ คล้ายกับเป็นเกาะๆ หนึ่งที่มีเจ้าของเพียงคนเดียว

โทนี่ต้องการอะไรจากหล่อนกันแน่ หญิงสาวทวนคำถามในใจ หรือเขาจะเอาคืนที่หล่อนไปกระตุกหนวดเสืออย่างเขาเมื่อสัปดาห์ก่อนโน้นอย่างนั้นหรือ

โทนี่ วิลล์ เขาคงไม่ใช่ผู้ชายธรรมดาๆ คนหนึ่งอย่างที่หล่อนเข้าใจเสียแล้ว

 

“ปล่อยนะ บอกว่าปล่อยยังไงเล่า”

โรเจอร์เอียงคอมองหนุ่มสาวที่เอาแต่ส่งเสียงทะเลาะกันด้วยความประหลาดใจ ก่อนจะกลายเป็นรอยยิ้มขบขัน เมื่อนานๆ ครั้งจะได้เห็นเจ้านายของตัวเองหงุดหงิดเพราะใครได้มากขนาดนี้

หนุ่มวัยยี่สิบเก้าปีถือโอกาสนั้นเดินเลี่ยงออกไปอย่างรู้งาน เมื่อเจ้านายหนุ่มของเขากำลังอุ้มคนเจ็บเดินมาที่โต๊ะอาหารที่โรเจอร์จัดเตรียมเอาไว้ โดยที่ฝ่ายหญิงนั้นก็ไม่ได้มีอาการเต็มอกเต็มใจ แถมยังส่งเสียงตะโกนใส่หูเจ้านายของโรเจอร์อย่างไม่ยอมจำนนแม้แต่น้อย

“ดื้อจริงโว้ย ดื้อแบบนี้เดี๋ยวพ่อก็จับโยนลงทะเลให้ฉลามกินเสียหรอก” โทนี่ขู่หล่อนอย่างอารมณ์เสีย กับแค่เขาอุ้มหล่อนออกมากินข้าวที่โต๊ะอาหาร เจ้าหล่อนจำเป็นจะต้องสะดีดสะดิ้งขนาดนี้ไหม

หนุ่มวัยสามสิบห้าถอนหายใจ ทำไมผู้หญิงในอ้อมอกของเขาตอนนี้ถึงได้เอาใจยากจริงนะ นุ่มนวลด้วยกลับไม่ชอบ หรือว่าหล่อนจะนิยมความรุนแรงเสียก็ไม่รู้

มินตรายกกำปั้นทุบอกโทนี่รัวๆ เสื้อเชิ้ตตัวใหญ่ของเขาเพียงชิ้นเดียวบนเรือนกายทำให้หล่อนแผลงฤทธิ์ได้ไม่ค่อยถนัดนัก เนื่องจากต้องคอยระวังโคนขาอ่อนที่โผล่พ้นชายเสื้อออกมาให้คนกักขฬะอย่างโทนี่แทะโลมเล่น

“ฉันเดินเองได้” หล่อนตะคอกใส่เขาเต็มเสียง แต่ว่าอีกฝ่ายก็หาได้รู้สึกรู้สาไม่

“เดินเองเดี๋ยวก็เป็นลมไปอีก อย่าดื้อน่ามินนี่” โทนี่เอ็ดหล่อน เพราะก่อนหน้านี้หล่อนก็ดึงดันที่จะเดินด้วยตัวเอง ผลปรากฏว่ายังไม่ทันได้ห้าก้าว เจ้าหล่อนก็เซซ้ายเซขวา ประหนึ่งคนเมาเหล้าอย่างไรอย่างนั้น ดีที่เข้าเข้าไปประคองไว้ทัน ไม่อย่างนั้นคนอวดเก่งอย่างหล่อนคงร่วงไปนอนกองกับพื้นห้องแล้ว

มินตราหน้าแดง เมื่อครู่ที่เขาวิ่งเข้ามาประคองหล่อน ทำให้เรือนร่างของทั้งสองสัมผัสกันอย่างไม่ตั้งใจ หน้าอกทั้งสองข้างที่ปราศจากเครื่องห่อหุ้มด้านในของหล่อนกระแทกกับหน้าอกแข็งแกร่งของเขาอย่างจัง ทำเอาทั้งคู่ต่างนิ่งงันด้วยความตกใจไปหลายวินาที ก่อนที่ต่างคนต่างรีบดึงสติของตัวเองกลับคืนมา

โทนี่วางหล่อนที่เก้าอี้นุ่มในเวลาต่อมา อาหารค่ำง่ายๆ ไม่กี่อย่างถูกจัดวางเตรียมไว้อย่างเรียบร้อยด้วยฝีมือของโรเจอร์ ผู้ชายที่คอยช่วยอำนวยความสะดวกให้กับมินตรา ระหว่างที่โทนี่กำลังหัวเสียกับหล่อนแล้วหลบหน้าไปหลายชั่วโมง

“รีบกิน กินเสร็จจะได้กินยาตามที่หมอสั่ง หลังจากนั้นคุณจะต้องทำความสะอาดแผลด้วย” โทนี่ออกคำสั่ง ก่อนจะตักอาหารมาวางไว้ให้ที่จาน ใบหน้าหล่อยังบูดบึ้งไม่สบอารมณ์ เพราะต้องสู้รบกับหล่อนแทบทุกนาทีที่ต้องเผชิญหน้ากันเลยก็ว่าได้

“ฉันอยากกลับบ้าน” จู่ๆ หล่อนก็โพล่งออกมา ทำให้มือใหญ่ที่กำลังจะตักอาหารให้หล่อนอีกอย่างถึงกับชะงักไปแทบทันที

“ก็นี่ไงบ้านของเรา คุณไม่ชอบหรือ ผมซื้อทั้งเกาะนี้เลยนะ บรรยากาศไม่โดนใจคุณหรือไง”

มินตราอยากจะเอาส้อมในมือขึ้นมาแทงที่คอหอยเขานัก ทว่าก็จำต้องอดทนอดกลั้นอารมณ์ของตัวเองเอาไว้ ถึงหล่อนจะไม่ชอบขี้หน้าอันกวนประสาทของเขาเท่าไร แต่หล่อนก็ไม่ใช่คนที่จะเนรคุณคนที่ช่วยชีวิตหล่อนเอาไว้แน่

หล่อนโกรธ หล่อนไม่พอใจ แต่หล่อนก็มีมโนธรรมพอที่จะแยกแยะได้ว่าอะไรเป็นอะไร หากโทนี่คิดจะทำร้ายหล่อน เขาคงทำไปนานแล้ว ไม่มาคอยจ้ำจี้จ้ำไชให้หล่อนทำนั่นทำนี่ตามใจเขาแน่

“เลิกกวนประสาทฉันสักทีได้ไหมคะ แล้วก็เลิกพูดเหมือนเราเป็นอะไรกันเสียที”

“เอ้า! ก็คุณเองไม่ใช่หรือ ที่ยกตำแหน่งสามีให้ผมก่อน หากผู้หญิงไม่เอ่ยปาก ผู้ชายอย่างผมมีหรือจะกล้าโมเม”

“คุณนี่มัน...ขอสักที” มินตราบอกอย่างเหลืออด ก่อนจะยกกำปั้นเหวี่ยงออกไปหาคนข้างๆ อย่างรวดเร็ว แต่แล้วหล่อนก็คว้าน้ำเหลว เพราะคนตัวตัวโตเบี่ยงหน้าหลบได้ทัน แถมยังหันมากดจมูกลงบนแก้มสีซีดชองหล่อนอย่างรวดเร็วเป็นการเอาคืน

“นี่คุณ!” สายลับสาวทำตาโต มือข้างหนึ่งยกขึ้นมากุมใบหน้าที่ร้อนผ่าวด้วยความโมโห โทนี่ทำบ้าอะไร นี่เขา...หอมแก้มหล่อนอย่างนั้นหรือ

“ที่ยอมให้วันนั้นก็เพราะว่าผมอยากช่วยคุณนะมินนี่ ไหนๆ คุณก็อุตส่าห์แก้ผ้าแล้วบอกว่าผมทำมิดีมิร้าย และได้คุณเป็นเมียทั้งที”

“แต่คุณก็รู้อยู่แล้วนี่ ฉันทำแบบนั้นก็เพื่อให้พวกที่ตามล่าฉันมันตายใจ หากฉันไม่อ้างไปแบบนั้น คุณก็ไม่ยอมช่วยฉันสิ” มินตราเถียงทันที วันนั้นที่เจอกันครั้งแรก หล่อนแอบหนีผู้ร้ายเข้าไปในห้องของโทนี่ แล้วอ้างว่าเขาทำมิดีมิร้ายหล่อน เพื่อให้เขายอมร่วมมือและช่วยเหลือหล่อนแต่โดยดี แล้วหลังจากนั้นหล่อนก็หนีเขาไปโดยมิได้กล่าวคำอำลาใดๆ แม้แต่คำว่าขอบคุณเองก็ด้วย

“นั่นสินะ ผมมันก็แค่หมากตัวหนึ่ง ที่คุณหลอกใช้เพื่อภารกิจของคุณเพียงเท่านั้น”

“คุณโกรธเรื่องนี้ ถึงได้พาฉันมาขังไว้ที่นี่หรือคะ” น้ำเสียงหญิงสาวอ่อนลงทันที จริงๆ หล่อนเองก็รู้สึกไม่ดีเหมือนกัน ที่ต้องทิ้งเขาเอาไว้อย่างนั้น หากแต่ด้วยหน้าที่และภารกิจ มันก็ไม่อาจทำให้หล่อนสนิทสนมหรือเปิดเผยตัวกับใครได้ง่ายๆ

“กินข้าวเถอะ เดี๋ยวมันจะเย็นหมดเสียก่อน คุณต้องกินยาหลังอาหารและก่อนนอน” โทนี่ตัดบท ก่อนจะตักอาหารเข้าปากแล้วกินไปอย่างเงียบๆ โดยไม่ยอมพูดอะไรอีก ทำให้มินตรารู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูกเลยทีเดียว

“ไม่ถนัดหรือ” ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นถาม เมื่อเจ้าหล่อนจับช้อนด้วยมือซ้าย แล้วทำท่าเงอะๆ งะๆ เหมือนไม่ถนัดกับการกินข้าวด้วยตัวเอง

มินตราไม่ตอบ หากแต่ช่วยตัวเองต่อไปโดยไม่ยอมพูดยอมจาเช่นกัน ส่งผลให้โทนี่ถึงกับครางฮึดฮัดในลำคอ ก่อนจะแย่งช้อนในมือของหล่อนมาถือเอาไว้เสียเอง

“อวดเก่งจริงๆ มันน่าให้อดข้าวตายนัก” หนุ่มหล่อบ่นอุบ ก่อนจะตักข้าวพร้อมกับยกขึ้นป้อนให้หล่อนด้วยสายตาคาดคั้นแกมบังคับ

“อ้าปาก” โทนี่สั่งเสียงเข้ม ทว่าเจ้าหล่อนก็เอาแต่เม้มปากสนิท แถมยังทำหน้าบึ้งตึงใส่เขาอีกด้วย

“หรือจะให้ใช้ปากง้างปาก หืม...” คราวนี้โทนี่ยื่นใบหน้าหล่อมาใกล้ๆ ทำเอามินตราแถบถอยใบหน้าออกมาไม่ทันเลยทีเดียว แต่ถึงกระนั้นใบหน้าของทั้งคู่ก็ห่างกันไม่ถึงคืบ

“ฉันกินเองได้” หญิงสาวเค้นเสียงออกมา จ้องมองเขาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อกันเลยทีเดียว

“คุณกินเองไม่ได้” โทนี่ตะคอกใส่หล่อนเสียงดังเช่นกัน รู้สึกเหลืออดกับผู้หญิงดื้อรั้นคนนี้เหลือเกิน เขาเองก็ชอบของแปลกหรือไร ถึงได้ชอบตอแยหล่อนแบบนี้

“คุณมันวุ่นวาย” มินตราต่อว่าเขา

“ช่วยไม่ได้ ตอนนี้คุณตกเป็นเชลยของผมไปแล้ว หากไม่ยอมทำตามคำสั่ง คุณก็จะได้รู้ว่าคนอย่าง โทนี่ วิลล์ ทำอะไรได้บ้าง โดยเฉพาะกับผู้หญิงที่เป็นภรรยาของตัวเอง”

มินตราอ้าปากจะเถียง ว่าหล่อนไม่ใช่ภรรยาของเขาเสียหน่อย หากแต่สายตาเอาจริง ที่ทอดมองมาจากโทนี่ ทำให้หล่อนจำต้องหุบปากสนิทเหมือนเดิมแทบทันที จะโทษใคร ในเมื่อเป็นหล่อนเองที่เริ่มต้นเล่นเกมนั้น

“อ้าปากเร็ว” โทนี่ออกคำสั่งอีกครั้ง ก่อนจะยิ้มออกมาด้วยความพึงพอใจ เมื่อเจ้าหล่อนยอมอ้าปากรับอาหารที่เขาป้อนให้อย่างว่าง่าย แม้สายตาของหล่อนจะมองเขาด้วยความอาฆาตแค้นมากแค่ไหนก็เถอะ

ฝากไว้ก่อนเถอะ! มินตราแอบคิดในใจ ก่อนจะอ้าปากรับอาหารที่เขาป้อนให้คำแล้วคำเล่าด้วยความรู้สึกหิวอยู่เหมือนกัน ถึงอาหารจะไม่ค่อยถูกปากหล่อนนัก แต่ก็ถือว่าพอทำให้หล่อนพอฟื้นฟูร่างกายได้

“เอาไข่เจียวไหม” อีกฝ่ายหันมาถามเป็นระยะ ซึ่งมินตราก็ได้แต่พยักหน้าหงึกหงัก โดยไม่ต่อล้อต่อเถียงให้เหนื่อยอีกต่อไป จะว่าไปแล้วโทนี่ก็มีมุมอ่อนโยนอยู่บ้างเหมือนกัน ถึงเขาจะชอบทำบทโหดกับหล่อนอยู่ตลอดเวลาก็ตามเถอะ

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น