3
เมียพยศ
“จะออกจากเกาะนี้ต้องใช้เรือหรือคะคุณโรเจอร์”
มินตราอาศัยจังหวะที่โทนี่เข้าไปอาบน้ำในห้อง แล้วย่องหลบออกมาในตอนเช้าตรู่ของอีกวัน ก่อนจะพบโรเจอร์ลูกน้องของเขากำลังจัดเตรียมอาหารเช้าที่ระเบียงหน้าบ้านพักอันเงียบสงบ
“ครับคุณนายวิลล์ แต่เรือมีเพียงลำเดียว และกุญแจมันก็อยู่ที่เจ้านายเพียงคนเดียว” โรเจอร์ตอบไปยิ้มไป เพราะรู้ว่าหญิงสาวมีเจตนาอย่างไรถึงถามเช่นนี้
มินตรานิ่วหน้าขึ้นมาทันที เมื่ออีกฝ่ายเรียกหล่อนว่าคุณนายวิลล์ ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งกับเก้าอี้ แล้วมองออกไปรอบๆ ด้วยสายตาที่ครุ่นคิดและหงุดหงิดอย่างที่สุด
โทนี่จะกักขังหล่อนไว้ที่นี่อีกนานแค่ไหนกัน นี่ก็ปาเข้าไปห้าวันเต็มแล้ว ที่หล่อนต้องกินและนอนตามคำสั่งของเขา โดยไร้ซึ่งอิสรภาพ
โทนี่มานอนเฝ้าหล่อนที่โซฟาข้างเตียงทุกวัน แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ได้มาวุ่นวายกับหล่อนอย่างที่แอบนึกกลัว อย่างน้อยหล่อนก็ไม่ต้องระแวงว่าเขาจะทำอะไรระหว่างที่นอนหลับไป
“อยู่กับคุณโทนี่มานานแล้วหรือคะ” มินตราชวนคุย เพราะนอกจากโทนี่แล้ว บนเกาะเล็กๆ แห่งนี้ก็มีแต่โรเจอร์อีกคนเท่านั้น แต่ว่าเขาก็มักจะหายตัวไประหว่างที่หล่อนอยู่กับโทนี่เสมอ ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเหมือนกัน
“สักห้าปีได้ครับ หลังจากที่คุณโทนี่เลิกทำอาชีพบอดีการ์ด แล้วหันมาทำธุรกิจเป็นของตัวเอง” โรเจอร์เลื่อนถ้วยชาให้หล่อนระหว่างที่ตอบคำถาม
“คุณโทนี่เคยทำอาชีพบอดีการ์ดด้วยหรือคะ” มินตราทำหน้าตกใจทันที มิน่าล่ะ ฝีมือของเขาถึงดูไม่ธรรมดา ตอนที่สู้กับนายมังกรในคืนนั้น
“ครับ แต่ก็หันมาทำธุรกิจทางด้านซอฟต์แวร์และอีกหลายๆ อย่าง หลังจากเจ้านายเก่าแต่งงาน”
“งั้นก็รวยมากสิ” มินตราสงสัย
“ครับรวยมาก” โรเจอร์หัวเราะเบาๆ
“แล้วลูกเมียเขาล่ะ ที่ประเทศของเขาน่ะ” มินตราถามต่อ เพราะหล่อนเองก็อยากจะรู้ประวัติของ โทนี่ วิลล์ บ้างเหมือนกัน ไม่ใช่ปล่อยให้เขาสืบประวัติหล่อนอยู่เพียงฝ่ายเดียว
“ไม่มีหรอกครับ ไม่ว่าที่นี่หรือที่อเมริกา มีแต่คุณมินตรานี่ล่ะครับ”
“หืม...” มินตราทำหน้าเหมือนไม่อยากจะเชื่อ คนอย่าง โทนี่ วิลล์ นี่นะ จะยังไม่มีครอบครัว ดูจากอายุของเขาแล้ว ก็ไม่น่าจะน้อยกว่าสามสิบ
“ผมชื่อ โทนี่ วิลล์ อายุสามสิบห้า เป็นคนอเมริกันที่มาเที่ยวพักผ่อนที่ประเทศไทย ผมยังโสดและไม่มีใคร นอกจากคุณภรรยาคนสวยที่ชื่อ มินตรา ดาราฉัตรฉาย”
ประโยคบอกเล่าที่เสียงดังฟังชัดทำให้มินตราชะงักกึกไปแทบทันที ก่อนจะทำคอแข็งเมื่อได้ยินอีกฝ่ายแกล้งเหน็บว่าหล่อนคือภรรยาของเขาอีกตามเคย
โทนี่เดินเข้ามาหาหล่อนที่โต๊ะด้วยสีหน้ายุ่งๆ ในมือของเขามีเสื้อคลุมตัวหนาผืนหนึ่งติดมือออกมา ก่อนที่มันจะถูกคลุมลงบนร่างของหญิงสาวที่กำลังวางท่าประหนึ่งนางพญาอยู่บนเก้าอี้
โรเจอร์หลบฉากออกไปทันที ทิ้งให้หนุ่มสาวอยู่ด้วยกันตามลำพังเช่นเคย ซึ่งมินตราเองก็ไม่เข้าใจเลย ว่าทำไมโรเจอร์จะต้องเดินหนีออกไปทุกครั้งยามที่หล่อนอยู่กับโทนี่ด้วย ทำเหมือนกับว่าหล่อนและโทนี่จะทำอะไรที่เป็นเรื่องอุจาดตาอย่างนั้น
“ออกมาทั้งอย่างนี้ คิดจะมายั่วลูกน้องผมให้พาหนีอย่างนั้นเหรอ”
นั่นปะไร ปากอย่างนี้มันน่าฟาดด้วยลำแข้งสักทีนัก
เร็วเท่าความคิดและความเคยชิน มินตรายกท่อนขาหมายจะฟาดไปที่เขาสักที ทว่าโทนี่เองก็ร้ายกาจและฉลาดทันหล่อนเหมือนกัน ชายหนุ่มเบี่ยงหลบในทันที พร้อมกับใช้มือหนึ่งรวบท่อนขาเรียวงามแต่ทรงพลังของหล่อนเอาไว้แน่น ก่อนจะทรุดตัวนั่งลงบนเก้าอี้ข้างหล่อน แล้ววางท่อนขาข้างหนึ่งนั้นบนตักตัวเอง
“อีตาบ้า! ปล่อยนะ” มินตราชักขาหนี แต่ว่าก็ไม่เป็นผลใดๆ เสื้อเชิ้ตเพียงตัวเดียวของโทนี่ที่หล่อนสวมใส่ร่นขึ้นมาถึงสะโพกกลมกลึง อวดขาอ่อนเนียนนุ่มจนคนตัวโตไม่อยากปล่อยให้เสียโอกาส
“ไม่ปล่อย อยากมาทำร้ายผมก่อนเอง” โทนี่ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ก่อนจะเล่นปูไต่บนเรียวขาหล่อนไปมาอย่างเพลิดเพลินใจ ในขณะที่เจ้าของท่อนขาอย่างมินตราถึงกับกัดฟันกรอดด้วยความโกรธแค้น
“นี่! อย่ามาแตะฉันนะ” สายลับสาวตะโกนสั่ง เหวี่ยงแขนอีกข้างที่ไม่เจ็บซัดลงบนหัวไหล่ของเขาเต็มแรง ได้ยินแต่เสียงร้องโอ๊ยของอีกฝ่ายดังขึ้นมา
“ฤทธิ์เยอะจริงๆ ให้ตายเถอะ!” โทนี่สบถออกมาอย่างเหลืออด ก่อนจะกระชากร่างบางเข้ามานั่งบนตักแข็งแรง แล้วสวมกอดจากด้านหลังอย่างรวดเร็ว
“กรี๊ด ไอ้คนลามก ไอ้ฝรั่งบ้า!” มินตรากรีดร้องออกมาสุดเสียง เมื่อฝ่ามือทั้งสองของเขาคว้าหมับเข้าที่หน้าอกทั้งสองข้างของหล่อนแล้วออกแรงบีบ เหมือนจงใจแกล้งอย่างไรอย่างนั้น หลังจากที่เสื้อคลุมของเขาร่วงลงไปที่พื้นแล้ว
“เออ ท่าจะของจริงแฮะ เต็มไม้เต็มมือเสียด้วย” เมื่อเจ้าหล่อนบอกว่าเขาบ้า บอกว่าเขาลามก เขาก็จะเป็นให้ดู คนอย่างโทนี่ไม่เคยขัดศรัทธาสาวๆ อยู่แล้ว ยิ่งสวยๆ ดุ แบบนี้ คนอย่างโทนี่ชอบปราบนักล่ะ
“คุณจับนมฉัน!” มินตรากราดเกรี้ยว ก่อนจะยกเท้าเปล่าแล้วกระทืบลงไปบนหลังเท้าของโทนี่สุดแรงเกิด เพื่อเป็นการเอาคืนที่เขาลวนลามหล่อนอย่างหยาบคาย
“อ้าว! ก็นมเมีย ผัวจับมันผิดตรงไหน” แม้จะเจ็บเท้าจนน้ำตาแทบไหล แต่โทนี่ก็ยังอยากกวนประสาทหล่อนให้ถึงที่สุด ข้อหาที่ชอบพยศใส่เขานัก
“ก็บอกแล้วว่าฉันไม่ใช่เมียคุณ ไอ้คนทุเรศ” มินตราอยากจะดิ้นให้หลุดพ้นจากพันธนาการนั้น ทว่าก็ยังไม่แข็งแรงพอที่จะต่อสู้กับโทนี่ได้ ทำไมนะ...ทำไมหล่อนต้องมาเจอคนบ้าๆ แบบเขาด้วย
“ไม่รู้ล่ะ ก็คุณบอกเองนี่นา ว่าเราเป็นสามีภรรยากัน คุณเริ่มก่อน ผมก็เอาตาม ภรรยาว่าไง สามีก็ว่าตามนั้น เล่นๆ ไม่ได้นะคุณ ถึงผมจะเป็นลูกที่ไม่มีพ่อแม่เหลืออยู่แล้ว แต่ผมก็เป็นคนมีญาติมีเพื่อนนะ มาบอกผมเป็นสามีแล้วจะทิ้งๆ ขว้างๆ แบบนี้ก็ได้เรอะ” คนตัวโตชักฉุน ยิ่งคนบนตักเอาแต่ดิ้นขลุกขลัก เขาก็ยิ่งไม่อยากปล่อย
“มันเป็นงาน เป็นการเอาตัวรอด คุณเองก็เข้าใจดีนี่” หล่อนย้อนด้วยน้ำเสียงขึงขัง พยายามปัดมือเขาออกจากหน้าอกที่มีเพียงเสื้อเชิ้ตตัวบางขวางอยู่ แต่มันก็เหนียวอย่างกับตุ๊กแก
“ไม่รู้ ไม่สนล่ะ คุณทำเหมือนผมไม่มีตัวตน ใช้ประโยชน์จากผมแล้วก็ถีบหัวส่ง จะให้ผมยอมคุณง่ายๆ ได้ยังไงกัน คิดใหม่นะมินนี่ ผู้ชายอย่างผมไม่ใช่ตัวตลกให้ใครมาหลอกใช้นะ”
“แล้วคุณจะเอายังไง ให้ฉันขอโทษคุณไหม เรื่องมันจะได้จบ” มินตราชักไม่ไหว นั่งอยู่บนตักเขาแบบนี้มันดูอันตรายเกินไป มันเหมือนมีกระแสไฟฟ้าแล่นพล่านไปทั่วร่างอย่างไรไม่รู้
“ผมไม่ได้ต้องการคำขอโทษ” โทนี่หัวเสีย
“แล้วคุณต้องการอะไร จับฉันมาขังบนเกาะตามความพอใจแบบนี้หรือ คุณคิดบ้างไหม ว่าตอนนี้เพื่อนๆ และหัวหน้าของฉันอาจจะกำลังเป็นห่วงและตามหาฉันจนวุ่นวายไปหมดแล้วก็ได้” มินตราให้เหตุผล ป่านนี้ผู้บังคับบัญชาของหล่อนคงวุ่นวายใจไม่น้อย เพราะหล่อนขาดการติดต่อไปหลายวันแล้ว
นาฬิกาสื่อสารเครื่องนั้น ถูกทำลายไปแล้วด้วยฝีมือของโทนี่ เขาฉลาดและรอบรู้เกินไปแล้วที่ทำแบบนั้น แต่ก็นั่นแหละ หากเขาคือเจ้าพ่อเทคโนโลยีอย่างที่โรเจอร์บอก ของเล่นขี้ปะติ๋วแบบนี้ คงไม่รอดสายตาโทนี่แน่
“ผมต้องการเมีย ต้องการคุณ”
“หา! คุณจะบ้าไปแล้วเหรอ” มินตราอยากจะบ้า เขาบอกว่าต้องการเมีย ต้องการหล่อนอย่างนั้นเหรอ นี่เขาแกล้งพูดเพื่อเอาชนะหล่อน หรือว่าคิดจะทำจริงๆ กันแน่
ไม่นะ! หล่อนไม่ได้อยากเป็นเมียเขาสักนิด
“ไม่บ้าหรอก อยากได้ผมเป็นสามีนักไม่ใช่หรือ ผมก็จะเป็นให้อยู่นี่ไง” โทนี่หัวเราะเบาๆ เห็นสีหน้าตื่นตกใจของมินตราแล้วชักสนุกขึ้นมาเสียแล้วสิ
“ไม่นะ ปล่อย! ฉันไม่เป็นเมียใครทั้งนั้น” มินตราแกะมือเขาออกจากอก โมโหจนเริ่มควบคุมสติตัวเองไม่ได้เช่นกัน
ตั้งแต่เกิดมา ก็ถูกอบรมเลี้ยงดูให้เข้มแข็งในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้ามาตลอด พอสิบขวบก็ถูกเทวาผู้ที่เป็นทั้งผู้บังคับบัญชาและผู้อุปการะส่งไปเรียนการต่อสู้ทุกรูปแบบในกรมตำรวจ จนกระทั่งเรียนจบปริญญาตรี เทวาก็เรียกตัวหล่อนเข้าหน่วยลับที่เกี่ยวกับการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด และออกปฏิบัติการร่วมกับคนในทีมตลอดมา นานเข้าพอมีประสบการณ์ มินตราก็ออกปฏิบัติการคนเดียวบ้าง แล้วแต่จะได้รับมอบหมาย แน่นอนว่าทั้งชีวิตของหล่อน ย่อมไม่มีชายใดกล้ากล้ำกรายเข้ามาปั่นป่วนใจให้ต้องหัวหมุนแบบนี้ได้ เพราะหล่อนรู้ทันเล่ห์เหลี่ยมของผู้ชายทุกคน
แล้วเขาคนนี้เป็นใคร ทำไมถึงกล้าทำอุกอาจหยาบคายกับหล่อนได้เพียงนี้ มันจะมากเกินไปแล้ว ถึงเขาจะเป็นคนช่วยชีวิตหล่อนขึ้นจากแม่น้ำนั่น แต่ก็ใช่ว่าเขาจะนึกอยากทำอะไรกับหล่อนตามอำเภอใจก็ได้
“คุณเป็นเมียใครไม่ได้หรอกมินนี่ นอกจากผมคนเดียวเท่านั้น” โทนี่บอกอย่างมั่นใจ ถึงหล่อนอยากเป็นเมียใคร เขาก็จะไม่อนุญาตทั้งนั้น เขาเห็นหล่อนทั้งเนื้อทั้งตัวแล้ว เพราะฉะนั้นหล่อนก็ต้องเป็นสมบัติของเขาคนเดียว จะเที่ยวไปแก้ผ้าแล้วกล่าวหาว่าคนอื่นเป็นสามีอีกไม่ได้!
นี่ล่ะ บทลงโทษที่เขาจะมอบให้หล่อน หลังจากนั่งขบคิดมาตลอดหลายวัน
“ฉันไม่อยากจะสู้กับคุณ” มินตราหลับตา พยายามข่มอารมณ์เดือดของตัวเองให้เย็นลง แต่โทนี่ก็ช่างยั่วยุอารมณ์ของหล่อนดีแท้
“คุณสู้ผมไม่ได้หรอกทูนหัว”
ทูนหัวอย่างนั้นเหรอ ได้...
มินตราศอกแขนซ้ายไปยังหน้าหล่อๆ ของชายหนุ่มทันที ได้ยินเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดของเขาแล้วรู้สึกสะใจ สะบัดวงแขนที่กอดรัดจนแน่นหายใจไม่ออกให้หลุดพ้น ก่อนจะรีบลุกจากตักที่ทำให้หล่อนเริ่มไม่เป็นตัวของตัวเองทุกชั่วขณะทันที
“ตัวแสบ” โทนี่ตามมาล็อกตัวหล่อนจากด้านหลังอย่างไม่ยอมแพ้ พร้อมกับรีบกดริมฝีปากลงบนแก้มที่ปราศจากเครื่องสำอางหนักๆ เป็นการเอาคืนทันที หล่อนทำเขาเจ็บ เขาก็จะไม่หักห้ามใจแล้ว
“กรี๊ด อย่ามาหอมแก้มฉันนะ” มินตรากรีดร้องและทำท่าขยะแขยง ก่อนจะคว้าหมับเข้าที่แขนของคนด้านหลัง แล้วกัดฟันข่มความเจ็บปวดจากบาดแผลที่หัวไหล่ขวาของตน แล้วออกแรงทุ่มคนที่รังแกหล่อนลงไปนอนบนพื้นบ้านด้วยความโกรธแค้นอย่างถึงที่สุด
ตุ้บ!
ร่างสูงใหญ่ของโทนี่ลงไปนอนกองกับพื้น พร้อมกับอาการจุกและเจ็บจนพูดไม่ออกไปชั่วขณะ มินตรายืนหายใจหอบๆ มองเขาด้วยสายตาสะใจ ผู้ชายที่ชอบรังแกผู้หญิงอย่างโทนี่ สมควรแล้วที่จะได้รับการตอบโต้แบบนี้
“ได้ ได้เลย เรามาลองสู้กันสักยก” โทนี่ลุกขึ้นมาหลังจากนั้น ก่อนจะปรี่เข้าหาร่างหล่อนด้วยความโมโหสุดขีดเช่นกัน ในขณะที่มินตราเองก็ตั้งรับด้วยสัญชาตญาณของนักสู้ที่ติดตัวมา
พลั่ก!
หมัดลุ่นๆ ถูกเสยไปใต้คางของฝ่ายชายหลังจากนั้น แต่กำปั้นแค่นี้ของฝ่ายหญิง ก็ไม่อาจทำให้ฝ่ายชายสิ้นฤทธิ์ได้โดยง่าย
“อ๊าย! ไอ้คนบ้า” มินตราส่งเสียงร้องหลังจากนั้น เมื่อถูกฝ่ายตรงข้ามกระชากเข้ามากอด แล้วถูกบีบที่แก้มก้นรุนแรงเหมือนต้องการแกล้งมากกว่าทำร้าย
“ดื้อนักใช่ไหม หืม...เห็นว่าผัวยอมให้หน่อยไม่ได้” โทนี่คำรามในลำคอ ใจหนึ่งก็โกรธจนอยากจะเอาคืนให้สาสม หากแต่อีกใจหนึ่งก็ห่วงหล่อนเกินกว่าจะทำร้ายได้ลง แต่จะให้ทนอยู่เฉยๆโดยไม่เอาคืน มันก็ไม่ใช่วิสัยของโทนี่
“กรี๊ด คนทุเรศ” หญิงสาวร้องเสียงหลง เมื่อฝ่ามือหนาถูกเลื่อนขึ้นมาด้านบน แล้วกอบกุมความนุ่มหยุ่นทั้งสองข้างของหล่อนเต็มๆ มือ เท่านั้นยังไม่พอ คนทุเรศยังออกแรงบีบแรงๆ จนหล่อนปวดร้าวแทบน้ำตาไหลเลยทีเดียว
เข่าน้อยๆ แต่แข็งแรงถูกยกขึ้นมาหมายจะกระแทกระหว่างขาเพื่อเอาคืนบ้าง ทว่าคนตัวโตกลับเบี่ยงหลบได้ทันเหมือนจะระวังอยู่ก่อนแล้ว แต่คนอย่างมินตรามีหรือจะยอมแพ้ เรียวขางดงามถูกยกขึ้นฟาดที่ลำตัวของเขาทันที ก่อนจะผลักออกห่างแล้วตามด้วยฝ่าเท้ายันโครมเข้าที่หน้าอกของเขาเต็มแรง
โครม!
โต๊ะอาหารอันน่ารับประทานของโรเจอร์พังพินาศไปอย่างรวดเร็ว เนื่องจากร่างของโทนี่เซเข้าไปกระแทกจนมันเสียการทรงตัว ทำเอาเจ้าพ่อซอฟต์แวร์ถึงกับสบถอออกมาอย่างหัวเสียเลยทีเดียว
“ดี เยี่ยม! ถึงใจไอ้โทนี่ที่สุด มามะทูนหัว ได้เวลาเล่นสนุกกันแบบผัวเมียจริงๆ แล้ว”
แล้วร่างสูงของโทนี่ก็พุ่งเข้าหามินตราทันที ท่ามกลางเสียงร้องกรี๊ดของคนตัวเล็กที่ตกใจกับอาการวัวบ้าของเขาจนทำอะไรไม่ถูก ร่างเล็กถูกยกขึ้นพาดบ่าของโทนี่หลังจากนั้น ก่อนที่เขาจะพาหล่อนเดินดุ่มๆ กลับเข้าห้องไปด้วยรอยยิ้มร้ายที่น่ากลัวที่สุด เท่าที่มินตราเคยเจอมาเลยทีเดียว เท่านั้นยังไม่พอ ฝ่ามือหยาบคายของเขายังฟาดมาที่สะโพกอวบของหล่อนหลายต่อหลายครั้งอย่างไม่ปรานีอีกด้วย และไม่ว่าหล่อนจะตะโกนสั่งให้เขาปล่อยยังไง โทนี่ก็หาได้สนใจฟังคำสั่งของหล่อนไม่
โรเจอร์ที่เดินวนกลับมาหลังจากได้ยินเสียงโครมครามถึงกับอ้าปากค้าง โต๊ะอาหารที่ถูกจัดเตรียมให้เจ้านายกับภรรยาพังพินาศไปในชั่วพริบตา ประหนึ่งเกิดสงครามกลางเมืองอย่างไรอย่างนั้น
สองคนนี้จะเป็นสามีภรรยาแบบไหนกัน โรเจอร์นึกภาพไม่ออก ก่อนจะส่ายหัวแล้วเดินมาเก็บกวาดซากอาหารและจานชามที่กระจัดกระจาย ดูท่าว่าเจ้านายของเขาจะเจองานยากเสียแล้ว เพราะฝ่ายหญิงดูจะมีพิษสงดุร้ายไม่น้อยไปกว่าเจ้านายของเขาเลย
ร่างเล็กที่ถูกโยนลงบนเตียงนุ่มถึงกับจุกจนพูดไม่ออก ก่อนจะทำตาโตด้วยความตกใจเมื่อร่างใหญ่ของโทนี่กระโดดขึ้นมาทาบทับหล่อนเอาไว้โดยไม่ออมแรงสักนิด มินตราดิ้นขลุกขลักใต้ร่างเขาด้วยอาการฮึดฮัดไม่พอใจ แถมออกแรงผลักไสอย่างไร ร่างใหญ่ของโทนี่ก็ไม่สะท้านแม้แต่น้อย
เผียะ!
มินตราสะบัดฝ่ามือใส่ใบหน้าหล่อที่ก้มลงมาหา เป็นเหตุให้อีกฝ่ายถึงกับหน้าชาจนกัดฟันกรอด เจ็บกายนี่ไม่เท่าไร แต่เจ็บใจที่หล่อนทำรังเกียจเขานี่สิ มันน่าโมโหนัก
“ปล่อยฉัน” มินตราออกคำสั่ง ยกฝ่ามือขึ้นจะตบสั่งสอนเขาอีกครั้ง ทว่ากลับถูกคว้าข้อมือเอาไว้ แล้วยึดขึ้นไปไว้เหนือศีรษะของหล่อนแทน
“ไม่ปล่อย” โทนี่ไม่ได้กวนประสาทหล่อน แต่เขาเอาจริง งานนี้หากไม่ได้สั่งสอนยายแม่มดตัวร้ายอย่างมินตราให้รู้สำนึก ชาตินี้ก็อย่ามาเรียกเขาว่าไอ้โทนี่เลย ให้เรียกว่าไอ้ไก่อ่อนมากกว่า
ดวงตาแดงก่ำไปด้วยความโกรธแค้นของทั้งคู่ประสานกันอย่างไม่มีใครยอมใคร หนึ่งคนโกรธจนแทบอยากจะฆ่าให้ตาย หากแต่อีกคนกลับมีความรู้สึกน้อยใจปะปนอยู่ด้วย ที่หล่อนไม่เคยมองเห็นความห่วงใยที่เขามีให้เลย อุตส่าห์ช่วยชีวิตขึ้นมาจากน้ำแท้ๆ แต่กลับได้รับแค่ความเฉยชาตอบกลับมาเพียงเท่านั้น
“คุณมัน...” เสียงโวยวายถูกกลืนหายไปในลำคอ เมื่อจู่ๆ ใบหน้าที่มีหนวดเคราจางๆ ของโทนี่ก็ฉกวูบลงมาบนกลีบปากอ่อนนุ่ม พร้อมกับบดขยี้รุนแรงจนคนใต้ร่างรู้สึกเจ็บและตกใจ
แคว่ก...
เสื้อเชิ้ตตัวเดียวบนร่างของมินตราถูกกระชากจนขาดวิ่นออกจากกัน ก่อนฝ่ามือแข็งแรงจะบีบเคล้นอกนุ่มเป็นการลงโทษที่หล่อนช่างดื้อรั้นและใจดำกับเขาเหลือเกิน ในขณะที่ริมฝีปากร้ายกาจก็ตะบมจูบหล่อนอย่างเอาเป็นเอาตาย ด้วยความรู้สึกที่โกรธปนน้อยใจที่หล่อนเอาแต่ทำท่ารังเกียจเขา
มินตราร้องอู้อี้ในลำคอ ปลายลิ้นที่สอดแทรกเข้ามาในโพรงปากทำให้หล่อนหายใจหายคอไม่ทัน ก่อนจะยกแขนข้างที่เจ็บซึ่งเขาปล่อยเป็นอิสระแล้ว ทุบลงกลางแผ่นหลังของเขารัวๆ ด้วยความโกรธแค้นเช่นกัน แต่แรงแค่นั้นก็ไม่อาจทำให้โทนี่สะทกสะท้านแต่อย่างใด เพราะนอกจากไม่สนใจแล้ว เขายังเอาแต่กวาดลิ้นไปทั่วพวงปากอวบอิ่มของหล่อน ควานหาความหอมหวานอย่างเอาแต่ใจอีกด้วย
ร่างเล็กต่อต้านจนเหนื่อยและอ่อนระทวย กลายเป็นนอนนิ่งๆ ให้เขาเชยชิมความหวานตามอำเภอใจ สัมผัสแปลกใหม่จากบุรุษที่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์เหลือล้ำ มันทำให้หล่อนมึนและงงจนลืมทุกอย่างไม่ชั่วขณะ
โทนี่ครางงึมงำในลำคอ ความหวานล้ำปานน้ำผึ้งรวงนี้ช่างถูกอกถูกใจเขาเหลือเกิน แม้เจ้าตัวจะปากร้ายและดุยิ่งกว่าผู้หญิงคนใดในโลกนี้ก็ตาม แต่หล่อนก็คือผู้หญิงที่โทนี่ต้องการมากที่สุดในวินาทีนี้
“มินนี่” โทนี่พึมพำ ขบเม้มริมฝีปากล่างของหล่อนเล่น หลังจากผละออกมาหายใจหายคอ ก่อนจะวกกลับเข้าไปประกบปากนุ่มใหม่อีกครั้ง และอีกครั้ง จนอีกฝ่ายถึงกับเผลอครางออกมาอย่างลืมตัวลืมใจ
“อย่า...” มินตราเสียงหอบสั่น เมื่อริมฝีปากร้ายดุดันจูบประทับที่ลำคอขาวผ่อง จนหล่อนรู้สึกขนลุกไปหมด ไม่รู้ว่าตัวเองรู้สึกขยะแขยงรังเกียจ หรือว่าพึงพอใจสัมผัสรุกรานของโทนี่กันแน่
อือ...
หญิงสาวสั่นสะท้านในอก ฝ่ามือที่ลูบไล้หยอกล้อกับทรวงอกอิ่มทำให้หล่อนซาบซ่านจนไม่อาจนอนนิ่งๆได้ นี่มันเรื่องบ้าอะไร หล่อนเป็นอะไรไป ทำไมถึงยอมให้คนที่เพิ่งเจอหน้ากันไม่กี่วันทำบ้าๆ กับเนื้อตัวของหล่อนแบบนี้ได้
“มินนี่” อีกฝ่ายส่งเสียงเรียกเบาๆ อารมณ์เดือดปุดเมื่อครู่บรรเทาลงได้บ้าง หลังจากที่ได้รับความหอมหวานเป็นการตอบแทน และมันก็ทำให้เขากลับมาควบคุมสติของตัวเองได้อีกครั้ง หลังจากที่บ้าคลั่งเพราะแม่เสือสาวของเขาจนสติหลุดไปหมด
“ปล่อยค่ะ ปล่อย” มินตราเสียงเครือ เป็นครั้งแรกที่หล่อนรู้สึกอ่อนแอจนอยากจะร้องไห้ โทนี่ทำกับหล่อนแบบนี้ทำไมกัน หรือเขาคิดว่าเขาเป็นคนช่วยชีวิตหล่อนเอาไว้ แล้วเขาจะกระทำย่ำยีหล่อนอย่างไรก็ได้หรือ
“มินนี่ ผม...” โทนี่ใจหาย เมื่อเห็นหยาดน้ำตาใสๆ จากดวงตากลมโตแสนเศร้าของหล่อน ซึ่งเขาไม่คิดว่าสายลับสาวผู้แข็งแกร่งจะปลดปล่อยมันออกมาได้ เพียงเพราะเขาเป็นสาเหตุ
“ผมขอโทษ” โทนี่กล่าวออกมาหลังจากนั้น แต่เขาก็ยังนอนก่ายเกยหล่อนอยู่แบบนั้นไม่ยอมผละไปไหน
“คนสารเลว” มินตราตะคอกใส่เขาทั้งน้ำตา ก่อนจะรีบปาดมันออกไปจากใบหน้าอย่างรวดเร็ว เพราะไม่อยากให้เขามองว่าหล่อนกำลังอ่อนแอ
“เจ็บไหม” ชายหนุ่มเสียงอ่อน ก่อนจะไล้ปลายนิ้วลงบนกลีบปากบวมเจ่อของหล่อนเบาๆ ทว่าอีกฝ่ายกลับปัดมันทิ้งโดยเร็วด้วยใบหน้ากระฟัดกระเฟียด
มินตราเองก็เพิ่งสังเกต ว่าเขาศีรษะแตกจนมีเลือดซึมออกมา รวมไปถึงมุมปากของเขาก็มีรอยบวมช้ำจากแรงกระแทก ซึ่งหล่อนเองก็ไม่แน่ใจ ว่าเป็นเพราะหมัดของหล่อน หรือว่ากระแทกกับโต๊ะอาหารของโรเจอร์กันแน่
“เห็นไหม ไม่ดื้อก็ไม่เจ็บ ผมไม่ใช่พ่อพระหรือว่าพระเอกละครที่คนไทยชอบดูกันหรอกนะมินนี่ ผมเป็นแค่ผู้ชายธรรมดาๆ คนหนึ่ง ที่มีจิตใจ มีความรู้สึกเหมือนคนทั่วไป เจ็บได้ โกรธเป็น เพราะฉะนั้นอย่ายั่วผมให้ขาดสติเข้าใจไหม”
น้ำเสียงอ่อนโยนของเขา ทำให้คนใต้ร่างนิ่งเงียบไปชั่วขณะหนึ่ง ก่อนจะช้อนสายตามองเขาด้วยความงุนงงและประหลาดใจ เพราะมองไม่ออกว่าจริงๆ แล้วโทนี่เป็นผู้ชายแบบไหนกันแน่ เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย ตบหัวแล้วลูบหลังหล่อนให้ตายใจอย่างนั้นหรือเปล่า
“ฉันเปล่ายั่ว” หล่อนโพล่งขึ้นมาด้วยความโมโห เป็นเขาเองไม่ใช่หรือ ที่โมโหอาละวาดหาเรื่องรังแกหล่อนอยู่ในตอนนี้ หาใช่เป็นเพราะหล่อนให้ท่าเขาเสียที่ไหน
หญิงสาวหันไปคว้าผ้าห่มข้างกายขึ้นมาปกปิดร่างกาย ทว่าคนตัวใหญ่กลับแย่งมันออกไปแล้วเหวี่ยงทิ้งลงข้างเตียงเหมือนต้องการเอาชนะ
“เอ๊ะ!” มินตราเสียงเขียว มองเขาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อเลยทีเดียว
“แบบนี้ก็สวยดี” โทนี่บอกด้วยสายตาวับวาว อารมณ์ดีขึ้นมานิดหน่อยเมื่อสามารถเอาชนะม้าพยศอย่างหล่อนได้
“บ้าสิ ฉันไม่ใช่ชีเปลือยนะ” มินตราโวยวาย ทั้งเนื้อทั้งตัวของหล่อนมีแค่เสื้อเชิ้ตของเขาคลุมกาย แต่ก็ถูกคนคลุ้มคลั่งฉีกขาดไม่เหลือชิ้นดีไปแล้ว จะให้หล่อนเอาอะไรปกปิดเนื้อตัวกัน คิดขึ้นมาแล้วก็เจ็บใจชะมัด โทนี่เอาชุดสวยกับชุดชั้นในที่สวมใส่ในคืนนั้นของหล่อนไปทิ้งที่ไหนกันนะ ทำไมปล่อยให้หล่อนล่อนจ้อนเปลือยเปล่าอยู่แบบนี้
หรือเขากลัวหล่อนจะหนี ก็เลยแกล้งทิ้งเสื้อผ้าชุดนั้นของหล่อนไป หากหล่อนจะไป ก็ต้องไปแบบตัวเปล่า ซึ่งแน่นอนว่าไม่มีผู้หญิงบ้าๆ คนไหนกล้าทำแน่
“สะใจคุณพอหรือยัง ถ้าพอแล้วก็ลุกออกไปจากตัวฉันเสียที”
“ไม่อยากลุก” เขาตอบหน้าตาเฉย ก่อนจะยิ้มให้หล่อนอย่างยั่วยุ
“เอ๊ะ!” มินตราชักหัวเสีย มาถึงขนาดนี้เขายังไม่พอใจอีกหรือไร เขารังแกหล่อนจนป่นปี้ไปหมดแล้ว ยังมีหน้าจะมาบอกว่าไม่ลุกอีกหรือ
“ให้ตาย! นั่นแผลคุณเลือดไหลนี่มินนี่” โทนี่ทำน้ำเสียงตกใจ ก่อนจะรีบกลิ้งลงจากร่างนุ่ม แล้วรีบลุกขึ้นนั่งด้วยสีหน้าตื่นๆ จนมินตราเองก็พลอยตื่นเต้นและตกใจไปด้วย
“บ้าจริง! นี่ผมทำคุณเจ็บงั้นหรือ” ชายหนุ่มสบถออกมาอย่างหัวเสีย แผลที่หัวไหล่ขวาของมินตรามีเลือดซึมออกมามากทีเดียว ทั้งที่มันเพิ่งจะมีอาการดีขึ้นมาอยู่แล้วแท้ๆ
ชายหนุ่มเปิดผ้าพันแผลออก ก่อนจะพบว่าแผลของหล่อนฉีกขาดจนเลือดไหลทะลักออกมา โทนี่รู้สึกอยากจะฆ่าตัวเองทันที เขาไม่น่าเอาแต่ใจจนลืมว่าหล่อนกำลังบาดเจ็บอยู่เลย
“ลุกขึ้นมินนี่ เราต้องรีบเข้าฝั่ง” ชายหนุ่มออกคำสั่ง ก่อนจะรีบก้าวลงจากเตียงอย่างรวดเร็ว ในขณะที่มินตราลุกขึ้นมานั่งบนเตียงด้วยสีหน้างงๆ โดยไม่ลืมที่จะยื่นมือลงไปคว้าผ้าห่มที่พื้นขึ้นมาคลุมร่างเปลือยเปล่า
“คุณจะปล่อยฉันไปหรือคะ” ดวงตากลมเศร้ามีแววสดใสขึ้น เมื่ออีกฝ่ายบอกจะพากลับเข้าฝั่ง ในขณะที่คนตัวโตเดินเข้ามาหาหล่อนอีกครั้ง โดยมีเสื้อเชิ้ตตัวใหม่ของเขาและเสื้อแจ็กเก็ตตัวใหญ่ติดมือมาด้วย
“ผมไม่เคยคิดจะกักขังคุณนะมินนี่ ไปเอาไปความคิดนี้มาจากไหน” โทนี่บอกอย่างอ่อนใจ วางทุกอย่างลงบนเตียง แล้วเดินไปหยิบอุปกรณ์ทำแผลมาอย่างรวดเร็ว
“ผมช่วยคุณ เพราะคุณช่วยผม และที่พาตัวมานี่ ก็เพียงแค่อยากคุยอยากอยู่กับคุณเงียบๆ โดยไม่มีใครมารบกวนเท่านั้น โดยเฉพาะไอ้ผู้บังคับบัญชาบ้าๆ ที่สั่งคุณให้ไปทำเรื่องเสี่ยงอันตราย”
เขาพูดเหมือนโกรธผู้บังคับบัญชาของหล่อนอย่างไรอย่างนั้น มินตราแอบคิดด้วยความประหลาดใจ ก่อนจะปล่อยให้เขาทำแผลให้อย่างเงียบๆ โดยไม่พูดอะไรออกมาสักคำ
“ผมขอโทษนะ เจ็บไหม”
น้ำเสียงที่แสดงถึงความกังวลและห่วงใย ทำให้มินตราเกิดอาการร้อนผ่าวที่ใบหน้า ทั้งที่อุณหภูมิในห้องก็แสนจะเย็นฉ่ำด้วยซ้ำไป แต่ทำไมหล่อนถึงรู้สึกร้อนวูบวาบไปหมดก็ไม่รู้
“มะ...ไม่ค่ะ” หล่อนตอบเสียงสั่น หารู้ไม่ว่าน้ำเสียงแบบนั้น มันทำให้โทนี่ยิ่งรู้สึกใจคอไม่ดีเข้าไปกันใหญ่ เพราะคิดไปว่าหล่อนน่าจะเจ็บแผลมากจนทนไม่ไหว
“ใส่นี่ก่อน” ชายหนุ่มรั้งผ้าห่มออกจากร่างหล่อน ก่อนจะค่อยๆ สวมเสื้อเชิ้ตสีขาวของตัวเองให้หล่อน พร้อมกับตามด้วยแจ็กเก็ตตัวใหญ่ของเขาอีกชั้น
“เดินไหวไหม”
ยังไม่ทันที่มินตราจะตอบ เจ้าพ่อซอฟต์แวร์ก็ช้อนอุ้มหล่อนขึ้นมาในอ้อมอกเสียก่อน ทำเอามินตราถึงกับทำหน้าเหวอ แต่ถึงกระนั้นก็อดรู้สึกแปลกๆ กับการดูแลและเอาใจใส่ของเขาไม่ได้
เมื่อครู่นี้ยังเกือบจะตีกันตายอยู่เลย มาตอนนี้หล่อนกลายเป็นนกน้อยปีกหักที่ต้องให้เขาประคบประหงมแล้วอย่างนั้นเหรอ เออ...น่าแปลกจริงๆ สรุปแล้วเขาจะเอาอย่างไรกับหล่อนกันแน่
โกรธ จนแทบอยากจะฆ่าให้ตาย หรือว่าห่วง กลัวว่าหล่อนจะเป็นอะไรไปกันแน่
โรเจอร์มองเจ้านายหนุ่มกับภรรยาแล้วถอนหายใจ เมื่อทั้งคู่อุ้มกันออกมาจากห้องหลังจากเวลาผ่านไปไม่นาน เมื่อครู่ก่อนยังสู้กันแบบเอาเป็นเอาตายอยู่ไม่ใช่หรือ แล้วตอนนี้มันคืออะไรกัน
“ไปเก็บของ” โทนี่สั่งลูกน้องคู่ใจทันที
“อะไรนะครับเจ้านาย ให้ผมเก็บของไปไหนครับ” โรเจอร์ยกมือขึ้นเกาหัวด้วยอาการงงงวยในทันที
“ฉันจะพาคุณมินตรากลับเข้าเมือง” คนเป็นเจ้านายตอบสั้นๆ
“เอ้า! ทำไมถึง...”
“แผลฉีก ดูท่าจะไม่ดี ฉันกลัวมันจะอักเสบและเรื้อรังกันไปใหญ่ ที่แผ่นดินมีหมอและโรงพยาบาลคอยอำนวยความสะดวกได้ดีกว่า” โทนี่อธิบายสวนขึ้นมา ก่อนที่โรเจอร์จะถามอะไรมากไปกว่านั้น ซึ่งเขาไม่อยากเสียเวลาสาธยาย
“แต่ตอนนี้มันค่ำแล้วนะครับ แล้วลมก็แรงด้วย”
“ฉันสั่งให้ทำอะไรก็ทำตามนั้นโรเจอร์ หากเมียฉันไข้ขึ้นและเป็นอะไรขึ้นมา แกจะรับผิดชอบไหวไหม” โทนี่หันมาแยกเขี้ยวใส่ลูกน้อง พร้อมกับสวมรองเท้าแตะที่ถอดไว้หน้าบ้านด้วยความเร่งรีบ
“ครับๆ ผมจะไปเดี๋ยวนี้ล่ะครับ” โรเจอร์วิ่งกลับเข้าไปในบ้านทันที โดยไม่ต้องให้เจ้านายสั่งซ้ำ
“ไหวไหม เจ็บหรือเปล่า” โทนี่ก้มลงมาถาม ระหว่างที่พาหล่อนเดินไปยังริมหาดหน้าบ้าน ซึ่งมีเรือส่วนตัวของเขาจอดอยู่หน้าสะพานไม้ที่ทอดยาวออกไปในทะเล
“ฉันไม่เป็นไร” หล่อนตอบด้วยน้ำเสียงปกติ เพราะหล่อนไม่เจ็บจริงๆ แผลแค่นี้ทำอะไรหล่อนไม่ได้ สายตาวิตกบวกกับห่วงหาของคนตัวโตนี่ต่างหาก ที่ทำให้หัวใจหล่อนไหววาบชอบกล ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร
“คุณจะอ่อนแอบ้างก็ได้นะมินนี่ ไม่จำเป็นต้องทำตัวแข็งแกร่งตลอดเวลาหรอก โดยเฉพาะต่อหน้าผม คุณสามารถเจ็บและร้องไห้ได้ อย่าลืม...ว่าคุณไม่ได้อยู่บนโลกใบนี้เพียงลำพัง”
มินตราหลุบเปลือกตาลงต่ำ คำพูดของเขาทำให้หล่อนถึงกับทึ่งจนพูดอะไรไม่ออก ตั้งแต่เด็กจนโต หล่อนไม่เคยรับความรักและความสงสารจากใคร เพราะหล่อนไม่มีพ่อแม่หรือญาติพี่น้องที่ไหน จะมีก็แต่เทวา ผู้ที่ส่งเสียและชุบเลี้ยงหล่อนให้โตมาในฐานะหน่วยกล้าตาย และไม่ว่าเขาจะสั่งให้หล่อนทำอะไร มินตราก็พร้อมจะบุกน้ำลุยไฟทำทุกอย่าง
ความรู้สึกนี้มันคืออะไรกัน...
หญิงสาวถามตัวเองในใจด้วยความสับสน หล่อนร้องไห้และเจ็บได้เมื่ออยู่ต่อหน้าเขาอย่างนั้นเหรอ แต่ทำไมกันล่ะ ยามที่อยู่กับเขา มินตราถึงได้แพ้เขาทุกทาง ยอมให้เขาบงการออกคำสั่ง และยอมให้...
นึกถึงเรื่องบนเตียงเมื่อครู่แล้วมินตราก็รู้สึกละอาย มันเกิดขึ้นได้อย่างไรหล่อนเองก็ตั้งตัวไม่ทัน รู้เพียงแต่ว่าสัมผัสวาบหวามนั้น มันทำให้หล่อนกลายเป็นผู้หญิงอ่อนแอคนหนึ่งได้เลยทีเดียว
“หัวคุณ” มินตราพูดขึ้นมา เมื่อเขาวางหล่อนลงบนเก้าอี้ตัวหนึ่งบนเรือของเขา
โทนี่ยกมือขึ้นลูบศีรษะตัวเองเบาๆ ก่อนจะบอกหล่อนด้วยน้ำเสียงไม่ยี่หระ
“ช่างเถอะ แผลนิดเดียว”
“แต่คุณควรทำแผลก่อน”
ประโยคต่อมาของหล่อนทำให้คนตัวโตลอบยิ้ม ก่อนจะคุกเข่าลงตรงหน้าหล่อน แล้วเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าสวยดุที่ชอบทำหน้าเคร่งเครียดตลอดเวลา จนเขารู้สึกเมื่อยหน้าแทนในบางครั้ง
“ห่วงผม” ชายหนุ่มเลิกคิ้วถาม มองใบหน้างดงามที่ซีดลงอย่างรู้สึกเป็นห่วงอย่างที่ไม่เคยรู้สึกกับใครมาก่อน
“เปล่า” มินตราตอบสั้นๆ ก่อนจะเสไปมองทางอื่น ทั้งที่หัวใจเต้นแรงกับสายตาคมกริบที่จ้องมองหล่อนราวกับจะให้ทะลุถึงหัวใจ
“งั้นจะสนทำไม ผมตายคุณก็น่าจะดีใจ”
“ปากอย่างนี้ไง น่าต่อยอีกสักสองหมัด” มินตราบ่นอุบ หล่อนเตือนเขาด้วยความหวังดีแท้ๆ แต่กลับถูกประชดประชันตอบกลับมา มันน่าปล่อยให้ตายไปจริงๆ นั่นแหละ
“คนสวยใจดำ” โทนี่โพล่งออกมาหลังจากนั้น พร้อมกับหัวเราะเสียงใส ก่อนจะเดินออกไปสตาร์ทเครื่องรอ ในระหว่างที่โรเจอร์กำลังเก็บของที่จำเป็นออกมาจากบ้าน
“กินยานี่ก่อนเร็ว เพราะอีกเกือบชั่วโมงจะถึงท่าเรือ” โทนี่ยื่นขวดน้ำขวดหนึ่งให้หล่อนหลังจากนั้น พร้อมกับแบมือที่มีเม็ดยาสีขาวสองเม็ดมาตรงหน้าหล่อน
“ยาอะไร” หญิงสาวเหล่ตามองด้วยความไม่ไว้ใจ
“ไม่ใช่ยานอนหลับ หรือว่ายาปลุกเซ็กส์อย่างที่คุณกลัวหรอกน่า”
นั่นปากหรือที่พูด! มินตราฉุนกึก หล่อนเปล่าคิดบ้าๆ แบบนั้นเสียหน่อย
“ยาแก้ปวดน่ะ ผมกลัวคุณปวดแผลมากจนทนไม่ได้” โทนี่บอกออกมาด้วยสีหน้าขบขัน เมื่อเห็นหล่อนทำหน้าหงิกงอคล้ายไม่พอใจที่โดนเขาแกล้งเย้า
“ฉันไม่กิน” มินตราปฏิเสธ มองค้อนเขาด้วยความหมั่นไส้ปนฉุนเฉียว
“กินหน่อยเถอะ แป๊บเดียวเอง มาผมป้อน” ชายหนุ่มจับเม็ดยาไปจ่อที่ปากหล่อน พร้อมกับคะยั้นคะยอให้หล่อนกินด้วยสายตาแกมบังคับ
“ฉันไม่เจ็บและก็ไม่ปวด และก็ไม่กิน คุณได้ยินไหม” หล่อนหันมาโวยวายเสียงแข็งใส่เขาทันที คนไม่อยากกินจะมาบังคับอะไรนักหนา
โทนี่ถอนหายใจ ดูเหมือนไม้อ่อนจะใช้กับคนอย่างมินตราไม่ได้จริงๆ
ชายหนุ่มวางขวดน้ำลงที่พื้นเรือ ก่อนจะหยิบยาเม็ดหนึ่งมาขบไว้ที่ริมฝีปากหยัก และหลังจากนั้นเพียงชั่ววินาที ใบหน้าหล่อเหลาก็ยื่นเข้าไปหาใบหน้าสวยซีด ก่อนจะฉกริมฝีปากลงบนปากเจ่อๆ ของหล่อนอย่างรวดเร็ว โดยที่อีกฝ่ายไม่ทันตั้งตัว
“อื้อ...” มินตราครางในลำคอ ริมฝีปากบวมเจ่อถูกบังคับให้เผยอออกจากกัน ก่อนปลายลิ้นดุดันจะสอดแทรกล่วงล้ำเข้ามา โดยมีเม็ดยาขมๆ เป็นของแถมมาด้วย
“กลืนลงไป ใครคายจะจูบซ้ำให้ปากบวมกันไปข้าง” โทนี่ออกคำสั่ง หลังจากที่ผละออกมา แต่ใบหน้าก็ยังคลอเคลียกับแก้มสาวเนียนนุ่มไม่ยอมถอยห่าง
มินตราอยากจะกรี๊ดแทบคลั่ง แต่ก็จำยอมกลืนลงไปอย่างรวดเร็ว ทั้งโกรธทั้งแค้นเขาจนหน้าดำหน้าแดงไปหมด
“อีกหนึ่งเม็ด” โทนี่แบมือมาตรงหน้า จ้องมองหล่อนไม่วางตา ทั้งขบขันทั้งสงสารเด็กดื้อจนแทบหลุดหัวเราะ
“คงไม่ต้องให้ป้อนอีกใช่ไหม”
คำถามนั้นทำให้มินตรารีบหยิบอีกเม็ดไปใส่ปากทันที ท่ามกลางสายตาพึงพอใจของคนจอมบงการ ที่หันไปหยิบขวดน้ำมาส่งให้หล่อนดื่มหลังจากนั้น
“ขมจะตาย” มินตราบ่นอุบ มองเขาตาคว่ำด้วยความคับแค้นใจหลังจากดื่มน้ำไปถึงครึ่งขวด
“เอ้า! ผมก็เต็มที่สุดฝีมือ ตั้งใจจะเอาให้หวาน”
“คุณโทนี่!” มินตราอยากจะบ้า ทำไมเขาต้องหยาบคายกับหล่อนแบบนี้ด้วยนะ
หญิงสาวพยายามนับหนึ่งถึงร้อยในใจ ทั้งที่จริงๆ อยากจะกรี๊ดใส่หน้าเขาให้รู้ดำรู้แดงกันไปเลยด้วยซ้ำ ผู้ชายอะไรกวนประสาทชะมัด มันน่าอัดให้ตกเรือตายไปนัก
“เอาน่า อย่าขี้โมโหนักเลย ผู้หญิงอะไร อ่อนหวานคะขาก็ไม่เป็น” ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ ก่อนจะแตะหลังมือบนหน้าผากมนอย่างถือวิสาสะ
“ตัวรุมๆ นะ”
“อย่ามายุ่งน่า” มินตราปัดมือเขาหนี ทำท่ารำคาญที่เขาจุ้นจ้านกับหล่อนไม่เลิก ในขณะที่อีกฝ่ายกลับมีสีหน้าสลดวูบลง เมื่อเจ้าหล่อนทำเหมือนรังเกียจเขานักหนา แต่เพราะมินตราเอาแต่หน้าบึ้งและไม่ยอมสบตา จึงไม่มีโอกาสได้เห็นว่าเขากำลังแอบน้อยใจหล่อนอยู่ลึกๆ
“เรียบร้อยแล้วครับเจ้านาย” โรเจอร์หอบกระเป๋าพะรุงพะรังเดินเข้ามา ก่อนจะทำหน้างงๆ เมื่อเห็นทั้งสองคนทำหน้าบึ้งตึงใส่กัน
อะไรอีก... โรเจอร์ยกมือขึ้นเกาหัว ก่อนจะปลีกตัวไปยังหัวเรือ เพื่อทำหน้าที่คนขับ ในขณะที่โทนี่ผละออกห่างจากร่างเล็ก แล้วหลบมุมไปนั่งอีกด้านเหมือนกำลังอยู่ในอาการงอน
น่ารักตายล่ะ! มินตราแอบค่อนแคะในใจ เมื่อใบหน้าหล่อตามสไตล์หนุ่มอเมริกันของเขาดูบึ้งตึงผิดปกติ คิดว่าหล่อนสนใจเขานักเหรอ อยากโกรธก็เชิญโกรธให้ตายไปเลย
แม้ใจจะบอกตัวเองว่าไม่สนใจ หากแต่ดวงตากลมโตก็หมั่นชำเลืองไปมองเขาเป็นระยะ ระหว่างที่เรือกำลังแล่นกลับเข้าฝั่งโดยโรเจอร์เป็นพลขับ เห็นคนพูดมากเงียบไปหล่อนก็ชักยังไงๆ อยู่เหมือนกัน
และเมื่อมองเห็นเขายกมือขึ้นกุมศีรษะ แล้วทำหน้าบิดเบี้ยวคล้ายเจ็บปวด มินตราก็ถึงกับกระวนกระวายใจทันที และเมื่อเขาเอนกายนอนลงบนพื้นนุ่มๆ ที่ปูด้วยพรมผืนหนา มินตราก็นั่งไม่ติดอีกต่อไป
“คุณโทนี่ คุณโอเคหรือเปล่าคะ” มินตรารีบเดินเข้าไปหาเขาด้วยความร้อนใจ เพราะอย่างน้อยบาดแผลของเขาก็มาจากฝีมือของหล่อนทั้งหมด
“คุณโทนี่คะ” เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังเงียบ มินตราก็ชักใจคอไม่ดี หญิงสาวคุกเข่าลงใกล้ๆ แล้วแตะไปที่ใบหน้าของเขาด้วยความกระวนกระวายใจเป็นอย่างมาก
“คุณโทนี่คะ ว้าย!” มินตราส่งเสียงร้องด้วยความตกใจ เมื่อจู่ๆ คนที่หล่อนคิดว่าเขาจะเป็นอะไรไป กลับรั้งตัวหล่อนให้ลงไปนอนข้างๆ เขาทันที พร้อมกับตวัดวงแขนสวมกอดหล่อนเอาไว้อย่างแน่นหนา เพื่อไม่ให้หล่อนขยับหนีไปไหนได้
มินตราอยากจะเอาหัวโหม่งเรือตาย นี่หล่อนเสียรู้คนเข้าเล่ห์ให้แล้วอย่างนั้นหรือ บ้าจริง! ทำไมโทนี่ถึงเจ้าเล่ห์แบบนี้นะ ร้ายกาจที่สุด นี่มินตราจะต้องพ่ายแพ้เขาไปอีกกี่หนกัน ถึงจะหมดเวรหมดกรรมที่ทำกับเขาเอาไว้ได้
ไม่น่าเลยมินตรา วันนั้นหล่อนไม่น่าหนีคนร้ายเข้าไปนอนกับเขา เพื่อสร้างสถานการณ์ว่าเป็นสามีภรรยากันเพื่อตบตาคนพวกนั้นเลย หากหล่อนรู้ว่าโทนี่เจ้าเล่ห์เพทุบายถึงเพียงนี้ หล่อนสาบานว่าจะไม่มีทางเข้าไปแก้ผ้าให้เขาดูเด็ดขาด เพราะมันไม่คุ้มสักนิดกับชีวิตของหล่อนในตอนนี้ แม้วันนั้นหล่อนจะทำภารกิจสำเร็จ เพราะได้เขาเป็นตัวช่วยก็ตาม
“คุณห่วงผม” โทนี่กระซิบข้างหู
หลงตัวเองหนักเข้าไปอีก ห่วงบ้าอะไรกันล่ะ หล่อนกลัวเขาตายแล้วจะทำให้หล่อนเดือดร้อนมากกว่า
“เปล่า แค่จะมาดูว่าตายหรือยัง” หญิงสาวประชด นอนตัวแข็งทื่ออยู่ในอ้อมกอดของเขาด้วยหัวใจที่เต้นรัวราวกับกลองเพล กลัวจะเนื้อตัวจะเสียดสีกับเขามากขึ้นหากว่าหล่อนดิ้นขลุกขลัก
“ปากแข็งจริง ผู้หญิงอะไร” โทนี่บ่นไม่จริงจังนัก แต่ก็แอบดีใจ ที่อย่างน้อยหล่อนก็สนใจเขามากกว่าที่คิดเอาไว้
“ปล่อยค่ะ” มินตราออกคำสั่ง อยู่แบบนี้นานๆหล่อนเองนั่นแหละจะเสียเปรียบ
“ไม่ปล่อย อีกตั้งนานกว่าจะถึงฝั่ง ผมว่าเรามานอนกอดกันแบบนี้จะอุ่นกว่า”
“ใครอยากนอนกอดกับคุณไม่ทราบ ปล่อยเลยนะ ไม่งั้นจะอัดให้ตกทะเล”
“ใจร้ายใจดำ อยากอัดก็อัดมาเลย คราวนี้จะไม่ใช่แค่จูบกับจับนมแล้วนะ จะปล้ำทำเมียให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย เย้ยฟ้าท้าทะเลตรงนี้นี่แหละ ลูกออกมาจะได้เก่งกาจกว่าชาวบ้านชาวเมืองเหมือนเราสองคนไปเลย”
“ไอ้...” มินตราหมดปัญญาจะสรรหาคำมาด่าเขาแล้ว ขืนต่อความยาวสาวความยืดไป ก็มีแต่จะเข้าเนื้อหล่อนเองนั่นแหละ สู้เฉยเสียยังจะดีกว่า
“เรียกผัวว่าไอ้ ไม่น่ารักเลยนะ เดี๋ยวเถอะ!” โทนี่เข่นเขี้ยว ก่อนจะแกล้งซุกหน้ากับซอกคอของหล่อนเป็นการเอาคืนแทน พยศกับเขานักใช่ไหม แบบนี้ต้องแกล้งให้เข็ด
“นี่ คุณนอนแบบนี้แล้วฉันจะนอนได้ยังไง” มินตราประท้วง รู้สึกแปลกๆ กับการมีคนมานอนกอดประหนึ่งเป็นของกันและกันแล้วแบบนี้
“ก็ได้ๆ คุณซบอกผมแทนก็ได้”
หา! ใครบอกว่าหล่อนอยากนอนซบอกเขากันเล่า มินตราคร่ำครวญอยู่ในใจ แต่ก็ช้าไปเสียแล้วที่หล่อนจะปฏิเสธ เพราะเพียงไม่กี่วินาทีหลังจากนั้น โทนี่ก็ยื่นแขนให้หล่อนนอนหนุนศีรษะ พร้อมกับบดเบียดหน้าอกแข็งแรงที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามให้หล่อนอิงแอบอย่างมัดมือชก
“นอนพักก่อนนะครับ ถึงฝั่งแล้วเดี๋ยวผมจะปลุก” ชายหนุ่มกระซิบเบาๆ ก่อนจะถือโอกาสหลับตาลงช้าๆ เป็นการตัดบทสนทนาแต่เพียงเท่านั้น
มินตรานอนลืมตาโพลง ความมืดเริ่มเข้าปกคลุมและทำให้อากาศเย็นลงเข้าไปทุกที เขานอนกอดหล่อนแบบนี้ แล้วจะให้หล่อนข่มตาหลับได้อย่างไร จะแน่ใจได้หรือว่าเขาจะไม่ทำอะไรไปมากกว่าแค่กอด หากว่าหล่อนนั้นเผลอหลับไปหลังจากนี้
แต่ความอ่อนเพลียและหนาวเหน็บของมวลอากาศก็กดดันให้หล่อนง่วงงุนเข้าไปทุกที แม้จะพยายามฝืนเท่าไรก็ตาม สุดท้ายหล่อนก็เผลอหลับตามเขาไปอีกคน ท่ามกลางรอยยิ้มขบขันของโรเจอร์ ที่ชะเง้อมองหนุ่มสาวอยู่เป็นระยะ
ความคิดเห็น |
---|