9

จากแต่ไม่จบ


9

จากแต่ไม่จบ

สิขเรศขับรถเร็วกว่าปกติ มุ่งตรงดิ่งจากโรงพยาบาลกลับมาบ้าน เขาไม่ชอบความรู้สึกกระวนกระวายเอาเสียเลย นอนก็นอนไม่ค่อยหลับ จิตพะวงอยู่แต่กับผู้หญิงตัวเท่าลูกหมา

สโรชายังงอนเขาอยู่กระมัง สายป่านนี้ข้าวปลาอาจจะยังไม่ได้กิน ห่วงผูกคอที่ลามปามมาผูกใจเข้าจนได้ คงเป็นความอาทรประสาผู้ปกครองกับเด็กในอุปการะ มันแก่น เฮี้ยว หัวแข็งไม่ยอมลดราวาศอกให้แก่ใคร แต่มันก็น่าสงสาร สิ้นบุญปู่ก็โดดเดี่ยวเป็นกำพร้า

ถึงบ้านแทนที่จะมีโอกาสพูดคุยปรับความเข้าใจ กลับกลายเป็นว่าเด็กสาวหายหัวไปไหนก็ไม่ทราบ ใช้คนงานสามคนช่วยกันตามหารอบบ้านก็หาไม่เจอ

ร่างสูงเดินมาหยุดยืนหน้าประตูห้องพักของเด็กสิบหก ใจหายกับความเงียบ อยากได้ยินเสียงเจื้อยแจ้วที่ตัวเขาเองเคยบ่นแล้วบ่นอีกว่ารำคาญ เมื่อเปิดประตูห้องก็เจอแต่เฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหญ่จำพวกโต๊ะ ตู้ เตียง ของใช้จุกจิกที่ควรมีไม่มีอยู่ในห้องเลยสักชิ้น

“บัว” ตาคมมองกวาดรอบทิศ แต่ไม่พบคนที่อยากพบ แค่นี้ก็พอรู้ว่าอะไรเป็นอะไร

สิขเรศยืนเซ่ออยู่กับที่ อึ้งงันกับความใจดำของสาวน้อยจากป่าดงพงพี นึกอยากมามันก็มา นึกอยากไปก็ไป โบยบินสนุกสนานไปสู่โลกกว้าง...โลกที่ไม่มีเขารวมอยู่ด้วย จะล่ำลาสักคำยังไม่ทำ เสียแรงที่เป็นห่วง เสียแรงที่หวังดีกับมันสารพัด

 

เย็นจนเกือบจะค่ำ เพื่อนสนิทสองคนจ้องมองสายน้ำตกกระทบโขดหินด้วยสายตาครุ่นคิด ไร่เรืองสิงห์ของสิงหราชมีน้ำตกส่วนบุคคลอยู่ภายในไร่ ชื่อน้ำตกรักแรก หนึ่งในสถานที่ที่สองหนุ่มต่างก็โปรดปราน ชอบมานั่งพักผ่อนคลายเหนื่อยจากการทำงานกันเป็นประจำ

“เอายังไงต่อ” สิงหราชตั้งคำถาม

“ก็ให้มันไป”

“ง่ายๆ?”

“ฮื่อ” สิขเรศถอนหายใจหนักหน่วง หน้านิ่วคิ้วขมวด กระทั่งเพื่อนซี้ตั้งแต่วัยเด็กยังต้องหรี่ตาเขม้นมอง

กำนันทวีแห่งตำบลเนินยายม่อมมีตัวตนอยู่จริง แกกับเมียปรารถนาจะเลี้ยงดูหลานสาวพรานบุญให้เป็นลูกบุญธรรมก็เป็นความจริง เรื่องที่สโรชาเคยเล่าให้ฟังไม่ใช่เรื่องโม้ มันหนีออกจากไร่พันดาวตั้งแต่เมื่อคืน ระหว่างที่ผู้ปกครองไปนอนเฝ้าน้องสาวอยู่ที่โรงพยาบาล

สิขเรศตั้งใจจะไปโป่งชะง่อน เตรียมของใช้จำเป็นเสร็จสรรพหมดแล้ว แต่ก็ต้องมีอันยกเลิก กำนันทวีเดินทางจากต่างอำเภอมาขอเข้าพบ เรื่องที่เจรจาพูดคุยกันเป็นเรื่องเกี่ยวกับสโรชาล้วนๆ

“ถ้าจะไปเนินยายม่อม ฉันขับรถให้ก็ได้”

“ไม่ไป ไม่รู้จะไปทำไม”

“บัวยังเด็กมากนะเสือ แค่สิบหกเท่านั้นเอง ความคิดความอ่านก็ต้องเด็กตามอายุ”

“ข้อนั้นฉันเข้าใจ ที่ไม่ไปเพราะฉันกลัวใจตัวเอง กลัวจะใจอ่อน ขอร้องไอ้บัวให้มันกลับมาอยู่กับฉันที่ไร่พันดาว กำนันทวีดูเป็นคนดี ยิ้มแย้มแจ่มใส หัวเราะเก่ง เมียแกก็ด้วย ฉันเป็นผู้ปกครองที่ไม่ค่อยเอาไหนนัก ไม่เข้าใจจิตใจของเด็กวัยรุ่นที่กำลังแตกเนื้อสาว ถ้าไอ้บัวมันมีพ่อแม่คอยเติมเต็มในสิ่งที่มันขาด มอบความรักความอบอุ่นที่มันโหยหา เติบโตอยู่ในครอบครัวที่สมบูรณ์ ก็ต้องดีกว่าอยู่กับฉันที่วันๆ ทำแต่งาน ไม่มีเวลาใส่ใจมันอย่างเต็มที่”

“คุณป้าดาราก็เอ็นดูบัวนี่นะ อยู่กับท่านบัวก็อบอุ่นได้เหมือนกัน”

“มีแม่เลี้ยงคอยอบรมก็ไม่เท่ามีพ่อแม่อยู่ร่วมบ้านพร้อมหน้าพร้อมตากันหรอกสิงห์”

“อืม”

“เรื่องแม่เลี้ยงฉันก็หนักใจ กลับจากปฏิบัติธรรมไม่รู้แม่เลี้ยงจะว่ายังไงบ้าง”

“อย่าลืมสืบประวัติกำนันทวีกับเมียให้ละเอียดละกัน หน้าเนื้อใจเสือใช่ว่าไม่มี”

“แน่นอนอยู่แล้ว จะปล่อยมือจากมันฉันก็ต้องมั่นใจว่ามันปลอดภัย”

“อย่างน้อยนายก็รับปากพรานบุญเอาไว้แล้ว จากกันแบบขุ่นเคืองแบบนี้ไม่ดีเลย”

“ทำยังไงได้ ไอ้บัวมันไม่อยากเจอหน้าฉันแล้ว ฝากกำนันทวีมาตอกย้ำอีกแน่ะ ว่าไม่ต้องตามไปวอแวกับมันที่เนินยายม่อม มันไม่ต้อนรับ เฮ้อ เด็กหนอเด็ก”

“อยากลองง้อเด็กดูไหมล่ะ” สิงหราชถามยิ้มๆ พยายามขจัดความเครียดออกจากหัวสมองของเพื่อน

“เด็กเดี๋ยวนี้โตเร็วนะ อีกสองสามปีบัวก็คงเป็นสาว”

“สมภารไม่กินไก่วัด ไม่เคยได้ยินหรือไง” สิขเรศรีบดักคอ

อย่าว่าแต่ไก่วัด จะไก่งวงหรือไก่ฟ้าพญาลอก็ไม่อยากเสียสละความโสด วันไนต์สแตนด์ก็พอไหว ความสัมพันธ์ไม่ผูกมัดก็พอสนุก จะให้จริงจังมอบใจ เขาคิดว่าเขายังไม่พร้อมด้วยประการทั้งปวง

“ถ้าบัวไปอยู่กับสองผัวเมียนั่น นายกับบัวก็ไม่ใช่สมภารกับไก่วัดอีกต่อไปแล้ว จะเลี้ยงต้อยก็รีบติดป้ายจองแต่เนิ่นๆ ละกัน รอจนสวยสะพรั่งเต็มตัวป่านนั้นคู่แข่งอาจจะมีเป็นร้อย”

“นายรักฉันหรือนายเกลียดฉันกันแน่วะสิงห์ ยุจะให้ติดคุกท่าเดียว ไอ้บัวมันเป็นผู้เยาว์ ฟันแท้ยังขึ้นไม่ครบทุกซี่เลยด้วยซ้ำ” สิขเรศถอนหายใจอีกเฮือก สิงหราชแกล้งกระเซ้าเล่นๆ คงอยากให้เขาหัวเราะ

“อีกสองสามปีที่นายว่ามันคงลืมฉันแล้ว แค่ชื่อก็อาจจะจำไม่ได้ ช่างมันเถอะ ไม่อยากพูดถึงมันอีก เด็กใจดำพรรค์นั้น ไปไม่ลามาไม่ไหว้”

สิงหราชตบบ่าเพื่อนรักเบาๆ เขาว่าตนสัมผัสได้ถึงกังวานน้อยใจจากน้ำเสียงเรียบขรึม สโรชาเป็นเด็กน่าทึ่งใช่ย่อย ใช้เวลาแค่ไม่กี่วันก็สะกิดดวงใจหนักแน่นบางดวงจนไหวเอน ดวงหน้าหล่อคมหมกมุ่นเคร่งเครียดจนเห็นได้ชัด ยังไม่รู้ว่าอีกกี่คืนที่บุตรโทนของแม่เลี้ยงศรีดาราจะต้องพลิกตัวกระสับกระส่ายนอนไม่ค่อยหลับ

 

ห้าปีต่อมา

คุณนายสร้อยระย้า สิงหคุณาวัฒน์ หรือย่าสร้อยของนายสิงห์แห่งไร่เรืองสิงห์ มีแขกคุ้นเคยขับรถมาหาถึงบ้าน เขาเป็นเพื่อนสนิทของหลานชายสุดที่รัก ไปมาหาสู่กันตั้งแต่ยังเยาว์จวบจนสิงหราชเพิ่งสละโสดไปหมาดๆ กับสาวน้อยรุ้งรำไพผู้เป็นม้ามืด หล่อนกำพร้าบิดามารดา ทรัพย์ศฤงคารก็ไม่มีติดตัวเป็นชิ้นเป็นอัน แต่สามารถพิชิตหัวใจเศรษฐีชาวไร่วัยสามสิบหกได้โดยไม่ต้องพยายาม เป็นฝ่ายโดนไล่ต้อนเสียด้วยซ้ำ ทำสาวๆ เมืองตากหลายคนพากันอิจฉาตาร้อน

หญิงชรารักใคร่เอ็นดูสิขเรศเป็นพิเศษ เสมือนว่าเขาเป็นลูกหลานของนางอีกคน

“หวัดดีครับย่า” ชายหนุ่มยกมือไหว้

ท่าทางอิดโรยอ่อนเพลียเตะนัยน์ตาคนแก่ ไหนจะขอบตาดำคล้ำ แก้มซูบมองเห็นชัด ไม่รู้ไปอดหลับอดนอนที่ไหนมา

“ตายยากจริงๆ ย่าเพิ่งบ่นถึงพ่อเสืออยู่แหม็บๆ”

เจ้าของไร่พันดาวยิ้มเซียว รอยยิ้มไม่สดชื่นเหมือนอย่างเคย

“พ่อสิงห์ไม่อยู่ดอก พาแม่หนูรุ้งไปดูของขวัญวันเกิด จะแวะมาเรือนย่าอีกทีตอนใกล้ๆ ทุ่ม”

“ผมอยากคุยกับย่าสร้อย”

“อ้าวเรอะ ย่าก็นึกว่ามาตามหาเพื่อน มาหาย่าก็ขึ้นเรือนกัน ไปดื่มน้ำเย็นเหยาะอุทัยทิพย์ให้ชื่นอกชื่นใจก่อน”

“นั่งคุยกับผมที่ม้ายาวตัวนั้นได้ไหมครับ ผมมึนๆ หัว อยากได้ลมธรรมชาติเย็นๆ หน่อย” นิ้วยาวชี้ไปหาร่มไม้

“ได้สิพ่อคุณ ทำไมจะไม่ได้เล่า” นางกวักมือเรียกใช้คนงาน ให้ยกน้ำกับขนมไทยใส่ถาดเอามาเสิร์ฟแขก

“มีอะไรร้อนใจก็ว่ามาเถิด พ่อเสือหน้าตาดำคล้ำอย่างกับคนโดนคุณไสยแน่ะ”

“ย่าเชื่อเรื่องคำสาบานไหมครับ”

“ก็แล้วตัวพ่อเสือเล่า เชื่อหรือไม่เชื่อ”

“ผมไม่เคยเชื่อ แต่ผมก็รักษาคำพูดของผมทุกคำ ยกเว้นแค่เรื่องเดียว...เรื่องมันยาวครับย่า”

“ต่อให้เจ็ดวันเจ็ดคืนกว่าจะเล่าจบย่าก็จะนั่งฟัง ไม่รีบร้อนไปไหนดอก”

“ผม...” สิขเรศพ่นลมหายใจออกทางปาก เก็บกักความเครียดเอาไว้ไม่ไหว

“เมื่อห้าปีก่อนผมจำใจเข้าพิธีแต่งงานกับเด็กผู้หญิงแปลกหน้าคนนึง เด็กจริงๆ ครับย่าสร้อย อายุสิบหกเท่านั้น ตัวสูงเลยเอวผมนิดเดียว”

“หา!” เศรษฐีนีเฒ่าหูผึ่ง เบิกตาโพลง

“พ่อเสือมีเมียแล้ว ย่าไม่เคยรู้ พ่อสิงห์ก็ไม่เคยพูด”

“ไอ้สิงห์มันรู้ แต่มันไม่พูดหรอกครับ มันรู้ว่าผมกับเด็กนั่นแค่ตกกระไดพลอยโจน โธ่ย่า เด็กผู้หญิงยังไม่โตจะให้ผมคิดอกุศลด้วยได้ยังไง”

“หน้าตาสะสวยหรือเปล่าล่ะ”

“ไม่ครับ ไม่สวย ดูไม่จืดเลยด้วยซ้ำ มอมแมมกระดำกระด่าง ผมดำยาวแต่ก็เป็นสังกะตัง เห็นเกาบ่อยๆ น่าจะเป็นเหาด้วย ผอมกะหร่อง แขนขาเล็กลีบน่าจะขาดสารอาหาร เดินผ่านทีต้องยกมืออุดจมูก เนื้อตัวเหม็นสาบ มันไม่ชอบอาบน้ำ เป็นเด็กชาวป่าที่ห่างไกลจากคำว่าซิวิไลซ์มาก”

“เด็กชาวป่า? บ้านแม่หนูคนนั้นอยู่ในป่าในเขาอย่างนั้นรึ”

“ก็ไม่เชิงครับ กระท่อมของบัวอยู่ท้ายหมู่บ้านติดกับผืนป่าดงดิบ ไม่มีไฟฟ้าประปาใช้ ความเจริญยังเข้าไม่ถึง บัวไม่ได้เรียนหนังสือ เริ่มรู้ความก็ตามปู่เข้าป่า เก็บของป่าบ้าง ล่าสัตว์บ้าง ปู่เด็กเป็นนายพราน ชาวบ้านร่ำลือว่ามีคาถาอาคมเก่งกล้า ใครเจ็บป่วยก็ให้แกรักษาด้วยน้ำมนต์กับยาสมุนไพร แนวๆ พ่อหมอนั่นแหละครับ”

“อือ ฟังๆ แล้วไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับพ่อเสือได้เลย”

“ครับ ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับผม แต่ก็เกิดเรื่องซวยมหาซวยขึ้น ผมจำเป็นต้องแต่งงานกับเด็กรุ่นลูกก็เพื่อขายผ้าเอาหน้ารอด มิหนำซ้ำยังต้องสาบานกับคนแก่ใกล้ตายว่าจะดูแลบัวตลอดไป ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นจะไม่ทอดทิ้งมันเด็ดขาด”

“แต่แล้วพ่อเสือก็ทอดทิ้ง ผิดคำสาบานโดยเจตนา”

“ครับ ผมกับบัวไม่เจอกันห้าปีแล้ว จากกันก็จากกันแบบขุ่นเคือง บัวคับแค้นใจว่าผมผลักภาระ เสือกไสไล่ส่งจะให้ไปอยู่กับคนอื่น จริงๆ ผมก็แค่ขู่ แค่จะปราบพยศมันให้มันหายดื้อรั้นลงบ้าง” คนหนุ่มยกมือลูบหน้า สาวน้อยขี้ริ้วมีลักษณะบางอย่างให้จดจำ ดวงตาของมันสวยกว่าดวงดาว ดำขลับเป็นประกาย ใครเห็นเป็นต้องสะดุด

“อยู่ๆ ผมก็ฝันถึงพรานบุญ หลับเป็นฝัน ฝันเห็นคนตายติดๆ กันหลายคืน จะว่าฝันก็ไม่เชิงนะครับย่าสร้อย มันครึ่งหลับครึ่งตื่นเหมือนจริงเอามากๆ ผมเดาว่าปู่เด็กมาทวงคำสัญญาที่ผมเพิกเฉย แกห่วงหลานจนไม่ยอมไปผุดไปเกิด หรือไม่ก็อาจแค้นที่ผมตระบัดสัตย์ จะตามล่าเอาชีวิต ผมไม่เคยงมงาย แต่ที่เจออยู่ตอนนี้มันอธิบายด้วยหลักวิทยาศาสตร์ไม่ได้ พรานบุญตามหลอกหลอนทุกคืนๆ เล่นเอาผมพะวักพะวน ไม่อยากกินไม่อยากนอน เห็นอะไรก็เครียด คิดอะไรก็คิดไม่ค่อยออก เป็นช่วงเวลาที่แย่ที่สุดในชีวิตผมก็ว่าได้”

“เรื่องเหนือธรรมชาติคนไม่เชื่อก็ว่าไร้สาระ ย่าอายุปูนนี้แล้วเจอเรื่องคาดไม่ถึงมานักต่อนัก อะไรที่มองไม่เห็นบางทีจิตของเรากลับสัมผัสได้ เอาอย่างนี้เถอะ ถ้าพ่อเสือคาดหวังจะได้คำชี้แนะจากย่า พ่อเสือช่วยเล่าเรื่องราวตั้งแต่ต้นจนจบให้ย่าฟังแบบละเอียดๆ หน่อย”

สิขเรศเต็มใจเล่า อดนอนมากๆ ร่างกายกำยำแข็งแกร่งแค่ไหนก็เอาไม่อยู่ นอตกำลังจะหลุด สติกำลังจะแตก อดีตไม่เป็นอดีต ก่อกวนปัจจุบันกระทั่งเขาไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้

สิงหราชเพิ่งจัดพิธีแต่งงานไปสดๆ ร้อนๆ น้ำผึ้งกำลังหวาน พระจันทร์กำลังซึ้ง อยู่ในช่วงดื่มด่ำความสุขประสาข้าวใหม่ปลามัน ถึงเป็นคู่หูซี้ย่ำปึ้กชนิดตายแทนกันได้ แต่มารยาทก็ต้องคำนึงถึง ความทุกข์ของเขาบ่าวสาวป้ายแดงไม่ควรจะต้องร้อนใจ คุณนายสร้อยระย้าสั่งสมประสบการณ์ชีวิตเอาไว้ยาวนาน นางเป็นที่ปรึกษาชั้นยอดได้แน่

“จากนั้นผมก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรอีก ปีแรกๆ เคยถามข่าวคราวของบัวอยู่ครั้งสองครั้ง เห็นว่าแจ่มใสขึ้น ร่าเริงขึ้น อยู่ดีกินดี พ่อแม่บุญธรรมจ้างครูมาสอนหนังสือให้ถึงบ้าน”

“แหม ก็ไหนว่าเรื่องยาว แผล็บๆ แป๊บเดียวจบ ย่าฟังกำลังเพลิน ฟังไปตั้งชื่อเรื่องไป เผื่อลงท้ายแล้วปัญหากลัดกลุ้มอาจจะก่อให้เกิดความรัก บุพเพสันนิวาสมีจริงนะพ่อนะ ดูอย่างพ่อสิงห์สิ สวยหยาดเยิ้มหยดย้อยยังบ่นแต่ว่ารำคาญ ไม่ข้องแวะวอแวกับสาวแก่แม่หม้าย ตั้งท่าจะครองโสดจนเหนียงยานแข่งกับพ่อเสือ แล้วไงล่ะ บทจะเจอเนื้อคู่ก็เจอปุบปับสายฟ้าแลบ ตอนนี้รักเมียหลงเมียเต็มเปาโงหัวไม่ขึ้น”

“ไอ้สิงห์มันโชคดีครับย่า เลือกนักมักได้แร่ แต่ไอ้สิงห์มันได้เพชร”

“เจ้าสาวแรกผลิ”

“อะไรนะครับ”

“เรื่องของพ่อเสือกับแม่หนูบัว ย่าตั้งชื่อเรื่องให้ว่าเจ้าสาวแรกผลิ”

“โธ่ ย่าสร้อย ถ้าจะพูดให้ขำตอนนี้ผมขำไม่ออกเลยจริงๆ” ชายหนุ่มโอดครวญเสียงแห้ง

“เอาน่า ใจเย็นๆ ก่อน ย่าจับสังเกตได้ข้อนึง พรานบุญใช่ว่าเพิ่งตาย ล่วงเลยมาห้าปีค่อยมาทวงคำมั่นสัญญา ก่อนพ่อสิงห์แต่งงานพ่อเสือยังใช้ชีวิตปกติสุข ผีสางไม่เคยเห็น นอนหลับไม่เกิดนิมิตพิสดาร พ่อสิงห์มีเมียปุ๊บพรานบุญตามรังควานพ่อเสือปั๊บ คนตายอาจจะอยากสื่อสารว่าถึงกำหนดเวลาแล้ว เวลาเหมาะสมที่พ่อเสือกับแม่หนูบัวจะได้เจอกันอีกครั้ง”

สิขเรศย่นหัวคิ้วเข้าหากัน “ที่ย่าสร้อยจะพูดก็คือหมดเวลาบ่ายเบี่ยง ถึงเวลาที่ผมกับบัวต้องอยู่กินกันฉันผัวเมีย รักษาคำสาบานที่เคยให้ไว้กับพรานบุญ พุทโธ่ มันไม่มีทางเป็นไปได้เลย ระหว่างผมกับบัวเป็นพ่อลูกกันยังจะง่ายเสียกว่า”

“ย่าก็แค่เดา จับแพะชนแกะจากเรื่องที่ฟัง ห้าปีก่อนแม่หนูบัวยังเด็กมาก สักน้อยนิดพ่อเสือก็ไม่มีใจให้ เวลาล่วงเลยลูกเป็ดขี้เหร่อาจจะถอดรูปเป็นนางหงส์โฉมงามแล้ว แต่ถ้าพ่อเสือมั่นใจว่าร้อยไม่เอาพันไม่เอาก็ต้องหาทางถอนคำสาบาน ต่อหน้าพรานบุญไม่ได้ก็ต้องต่อหน้าโกศบรรจุอัฐิ ที่สำคัญต้องมีแม่หนูบัวร่วมพิธีกรรมด้วย ต่อให้พ่อเสืออยากถอนคำสาบานใจแทบขาด ถ้าหลานสาวพรานบุญไม่เออออห่อหมกให้ความร่วมมือ ถอนก็เหมือนไม่ได้ถอน”

“ผมกับมันเจอหน้ากันคงอิหลักอิเหลื่อพิลึก”

“พ่อเสือก็เลือกเอาเถิด จะเจอหน้าแม่หนูบัวหรือจะฝันถึงพรานบุญต่อไปเรื่อยๆ ถ้าเลือกอย่างแรกย่าจะสอนวิธีให้”

“ผมไม่คิดว่าผมมีทางเลือก”

“อย่าเพิ่งตีตนไปก่อนไข้ โบราณว่าฝันร้ายมักจะกลายเป็นดี อกสามศอกแน่นเปรี๊ยะอย่างพ่อเสือ ผู้หญิงหน้าไหนจะกล้าหือ สบตาหน่อย ยิ้มหวานให้นิด ขี้คร้านจะอยากวิ่งถลามาขอจุ๊บปาก”

“ไม่น่าจะกลายเป็นดี ขนาดยังเด็กยังทำผมหัวหมุนติ้วๆ แทบจะเป็นลูกข่าง โตขึ้นอาจจะดื้อขึ้นด้วย”

“เผชิญหน้ากับสาวน้อยตัวเล็กๆ ไม่เห็นจะต้องกลัดกลุ้ม ถ้าพ่อเสือว้าวุ่นใจแสดงว่าแม่หนูคนนั้นมีอิทธิพลต่อความรู้สึกนึกคิด ถ้าไม่แยแส ไม่มีเยื่อใยด้วยเลยก็รีบถอนคำสาบานเสีย ผีไม่มีอิทธิฤทธิ์ขนาดลุกจากโลงมาหักคอคนเป็นให้หมุนได้รอบ อย่างมากก็หลอกหลอนให้อกสั่นขวัญแขวน แต่ปล่อยให้ตัวเองฝันร้ายบ่อยเข้าพ่อเสือจะเสียสุขภาพจิต สุขภาพกายก็ด้วย ดูอย่างตอนนี้สิ ซูบผอมลงเห็นๆ” คนแก่เอื้อมมือไปจับบ่าคนหนุ่ม ปลอบเขาด้วยสัมผัสปรานี

“ฝากบอกไอ้สิงห์ด้วยนะครับ ผมจะหายหัวไปเนินยายม่อมสักพัก”

“เนินยายม่อม?”

“บัวอยู่ที่นั่น”

“อ้อ” ผู้สูงวัยกลั้นยิ้มแก้มตุ่ย แค่ชื่อตำบลก็น่าลุ้นเสียแล้ว อยากดึงเพื่อนหลานเข้าชมรมคนรักเด็กอีกสักคน ไร่เรืองสิงห์มีนายหญิงแล้ว แต่ไร่พันดาวยังไม่มี สองคู่ชู้ชื่น หน้าหนาวหนุ่มๆ จะได้นอนอุ่น

คุณนายสร้อยระย้าบอกวิธีถอนคำสาบานแก่สิขเรศอย่างละเอียด กำชับว่าต้องตั้งจิตแน่วนิ่งมีสมาธิ อย่าว่อกแว่กคิดเรื่องอื่นในขณะที่ทำพิธี มิฉะนั้นอาจจะไม่สัมฤทธิผลตามจุดประสงค์

เมื่อชายหนุ่มขอตัวลากลับ หญิงชราก็คันปากยิบๆ อยากโพล่งคำพูดหยอกเอินแต่สู้อดใจไว้ นางปรารถนาของฝากจากเนินยายม่อม ไม้แกะสลักไม่เอา กล้วยตากอบน้ำผึ้งไม่เอา ส้มลิ้มส้มแผ่นยิ่งไม่เอา ที่อยากให้เขาหยิบฉวยติดมือมาด้วยคือ ‘มอ-สระเอีย-เมีย’

กินเด็กไม่ทำให้เป็นอมตะ ทว่ารสชาติหวานอร่อยของหญ้าอ่อนสุดแสนละมุนลิ้น ไม่ต้องดูใครไหนไกล สิงหราชหลานรักของนางเป็นตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจน ชายหนุ่มสดชื่นกระปรี้กระเปร่าขึ้นเป็นกองก็เพราะตกล่องปล่องชิ้นกับเจ้าสาววัยกำดัด รุ้งรำไพอายุแค่เพียงสิบเจ็ดปี แต่หล่อนก็ทำหน้าที่ศรีภรรยาและสะใภ้สิงหคุณาวัฒน์ได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น