2

บทที่ 2


2

 

“เธอเกิดและเติบโตที่กรุงเทพฯ”

พันโทมาลิกยังไม่ละสายตาไปจากแฟ้มประวัติของผู้กองสาวตรงหน้า ท่าทางของผู้พันหนุ่มจริงจัง ผิดกับผู้ชายที่เธอเจอเมื่อคืนนี้อย่างลิบลับ

“ค่ะ”

“ร้อยเอก แพทย์หญิงรินดา หรัญพฤกษ์”

“ริน-นะ-ดาค่ะ”

“ริน-นะ-ดา ออกเสียงยากเหมือนกันนะ” มีเสียงบ่นลอยๆ จากผู้พันขาโหด

“แม้จะเป็นหมอ แต่เรื่องยิงปืนก็ใช่ย่อย ที่หนึ่งประเภทปืนสั้นยุทธวิธี ผ่านการทดสอบการดิ่งพสุธาแบบร่มกางอัตโนมัติ มีความสามารถในด้านกีฬาหลายอย่าง และรำไทย” ดวงตาคมกริบไล่เรื่อยไปบนเอกสารที่บ่งบอกความสามารถของหญิงสาวชาวไทยตรงหน้า การมาเป็นทหารแลกเปลี่ยนประสบการณ์ที่ริยาร์ไม่ได้มาง่ายๆ แต่ผู้ที่ต้องการมาจะต้องผ่านการทดสอบความสามารถ และมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้นที่จะได้มาแลกเปลี่ยนประสบการณ์ทางด้านการทหารที่นี่

“ทำไมถึงตัดสินใจมาเป็นทหารแลกเปลี่ยนที่นี่”

“อยากหาประสบการณ์ค่ะ”

‘ความจริงคือฉันอกหัก...’ แล้วเธอก็ไม่อยากอยู่เห็นหน้าอดีตคนรักกับเพื่อนสนิทของเธอ มันจะมีทางไหนดีไปกว่าการไม่อยู่เมืองไทย ไม่ต้องเห็นหน้าในที่ทำงานที่มันชวนให้เธอคลื่นไส้และกระอักกระอ่วนใจ ซึ่งโครงการนายทหารแลกเปลี่ยนก็เข้ามาได้อย่างถูกเวลา เธอไม่ยอมให้โอกาสนี้หลุดลอยไป รินดาพลิกวิกฤติเป็นโอกาส เธอทุ่มเทฝึกซ้อมอย่างหนักเพื่อคว้าคำว่าชัยชนะ และตีตั๋วมายังริยาร์เพื่อหนีความผิดหวังชอกช้ำใจได้อย่างสวยงาม

“เธอรู้จักประเทศของฉันดีพอหรือยัง”

“ถ้าจะให้ตอบตามความจริง ฉันไม่เคยรู้เลยว่ามีประเทศนี้อยู่ในโลก”

“ตอบแบบไม่ถนอมน้ำใจกันเลยนะ”

“แต่ฉันก็ศึกษาข้อมูลมาพอสมควรค่ะ” รินดารีบแก้ตัว

“ริยาร์เป็นประเทศเล็กๆ ที่เปิดเสรีให้คนต่างประเทศได้เข้ามาทำงาน ทำธุรกิจ หรือแม้แต่ท่องเที่ยว ประชากรมีประมาณสิบห้าล้านคน ส่วนใหญ่จะเป็นชนเผ่าพื้นเมืองที่กระจัดกระจายอาศัยกันอยู่ตามทะเลทราย ผู้คนที่นี่ส่วนใหญ่นับถือศาสนาซิร์ กลางวันร้อน ส่วนกลางคืนอากาศจะเย็น”

“แค่นี้หรือ” นัยน์ตาคมกริบตวัดมองเธอ

“เอ้อ...มีอูฐ แล้วก็ไม่ติดทะเล” รินดายิ้มเก้อๆ เท่าที่อ่านมาและจำได้ ความจริงผู้ชายที่นี่หล่อมากต่างหาก รินดาจำได้ว่าเมื่อเธอได้รับเลือกให้มาที่นี่ เพื่อนๆ ของเธอต่างก็พากันอิจฉาเธอกันยกใหญ่ หลายคนกระเซ้าเย้าแหย่ถึงชีคหล่อ รวย หุ่นล่ำ หลายคนวาดฝันว่าอยากเป็นนางทาสของชีคเถื่อนๆ สักคนในกระโจมท่ามกลางทะเลทรายที่เวิ้งว้างสุดสายตา แต่ในความเป็นจริง ชีคที่ว่าไม่มี จะมีก็แต่ผู้พันจอมหื่นขาโหดที่นั่งมองเธอยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่คนเดียวด้วยความสงสัย

“แล้วมีอะไรอื่นอีกไหม ฉันเห็นเธอนั่งยิ้มอยู่คนเดียว”

“ปะ...เปล่าค่ะ”

“เอาละ ที่เธอรู้มานั่นเป็นแค่ข้อมูลพื้นฐาน ริยาร์ของเราเป็นประเทศเล็กๆ ก็จริง แต่ก็มีความทันสมัยทั้งด้านความคิด วัฒนธรรม และการสื่อสาร รายได้หลักของริยาร์นอกเหนือจากน้ำมันดิบ ทองคำแล้ว ก็ยังมีเรื่องของการท่องเที่ยว เราเป็นประเทศที่ไม่ได้เคร่งศาสนาจนตกขอบ หญิงชายที่นี่สามารถไปไหนมาไหนด้วยกันได้อย่างเสรี แม้จะไม่ได้เป็นสามีภรรยาหรือญาติพี่น้องกัน เพราะฉะนั้นจึงมีนักท่องเที่ยวเข้ามาที่ริยาร์ปีละหลายแสนคน และสร้างรายได้ให้แก่ริยาร์ปีละหลายพันล้านบาท นี่เป็นเพียงข้อมูลเบื้องต้นที่จะทำให้

เธอใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ได้อย่าง...อย่างไม่รู้สึกอึดอัด ฉันเชื่อว่าเวลาหนึ่งปีเธอจะได้เรียนรู้ว่าริยาร์เป็นอย่างไร หวังว่าเมื่อเธอกลับไปเมืองไทยแล้วเธอจะได้ช่วยเป็นกระบอกเสียงประชาสัมพันธ์ และสร้างความเข้าใจอันดีระหว่างริยาร์กับประเทศไทยให้ฉันด้วย”

“รับทราบค่ะ”

“นอกจากนี้ หน้าที่ของเธอเมื่ออยู่ที่นี่นอกเหนือจากหน้าที่ในห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆ บ้าๆ นั่นก็คือการเรียนรู้การทำงานหมุนเวียนเปลี่ยนไปตามแผนกต่างๆ และปฏิบัติงานตามสายงานบังคับบัญชาของที่นี่ โดยมีฉันเป็นผู้มีอำนาจเด็ดขาดในการสั่งการ”

“รับทราบค่ะ”

“ส่วนห้องพัก ฉันจัดให้พักในโซนของนายทหาร ที่นั่นจะมีความเป็นส่วนตัวมากกว่าการพักที่โรงนอน เพราะเป็นห้องพักเดี่ยว ส่วนอาหารการกินฉันคงไม่ต้องบอกละมั้ง เพราะเธออยู่มาหลายวันแล้วนี่”

“ค่ะ ส่วนใหญ่ฉันฝากท้องไว้ที่โรงอาหารของเรา”

“ส่วนใหญ่?”

“เอ้อ...บางครั้งฉันก็ทำอาหารรับประทานเองบ้างค่ะ...เป็นบางมื้อ”

“อาหารไทย?”

“ค่ะ” ถ้าจะนับบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเป็นอาหารไทย อาหารที่พกพาง่ายเวลาที่คนไทยไปต่างประเทศ รินดาก็ไม่เถียง

“ภารกิจหลักๆ ของที่นี่ก็ไม่มีอะไรมาก เรามีหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ที่จะต้องให้การดูแลรักษาพยาบาลและให้ความรู้เกี่ยวกับสุขอนามัยแก่ชนพื้นเมือง ออกตรวจตราลาดตระเวนตามแนวรอยต่อของริยาร์กับเปซาร์เพื่อหารวมทั้งปราบปรามการลักลอบขนส่งยาเสพติดและขบวนการค้ามนุษย์เดือนละหนึ่งหรือสองครั้ง ส่วนเวลาที่เหลือก็ปฏิบัติภารกิจพิเศษตามที่ถูกร้องขอจากตำรวจหรือรัฐบาลเป็นกรณีๆ ไป อย่างเช่นภารกิจอีตัวของเธอเมื่อคืนนี้ แต่ก็ใช่ว่าจะมีแต่งานล้วนๆ หรอกนะ เพราะวันหยุดเธอก็จะได้ไปเที่ยวชมวิถีชีวิตและวัฒนธรรมของริยาร์”

“ค่ะ”

“อ้อ! อีกอย่าง” ร่างสูงเพรียวเอนหลังพิงเบาะเก้าอี้ทำงาน ดวงตาคมกริบสบกับดวงตาของรินดาอย่างจัง

“นายทหารที่นี่จะตื่นมาวิ่งออกกำลังกายตั้งแต่เช้ามืด แต่เธอไม่ต้องห่วงหรอกนะว่าจะต้องวิ่งกับพวกเจ้าอามีน เพราะทหารหญิงจะวิ่งกับเฉพาะผู้หญิงด้วยกันเท่านั้น”

“ทราบค่ะ”

“หวังว่าเวลาหนึ่งปีจะทำให้เธอได้รับความรู้และประสบการณ์ในการทำงานกับเรา” มาลิกลุกขึ้น

“เดี๋ยวฉันจะให้อามีนเป็นคนพาเธอทัวร์รอบๆ หน่วยของเรา”

“หมวดอามีนพาฉันไปแนะนำให้รู้จักคนอื่นๆ รวมทั้งหน่วยของเราแล้วค่ะ”

“จริงสินะ” มาลิกนึกขึ้นได้

“เธอมาช่วงที่ฉันพักร้อนพอดี”

“สนุกไหมคะ”

“มากทีเดียวละ” มาลิกนึกถึงการโต้คลื่นที่เขาโปรดปรานหนักหนา การไปพักผ่อนต่างประเทศเป็นอะไรที่ทำให้ผู้พันหนุ่มได้ปลดปล่อยและเป็นตัวของตัวเองอย่างเต็มที่

“แล้วเธอล่ะ มาอยู่ที่นี่หลายวันแล้วชอบไหม”

“ถ้าไม่นับภารกิจเมื่อคืน ตั้งแต่มาฉันก็ยังไม่เคยเข้าเมืองเลยค่ะ”

“อืม...ถึงจะตอบไม่ตรงคำถาม แต่ฉันก็พอเดาออก” มุมปากของผู้พันหนุ่มมีรอยยิ้ม

“แล้วอยากเข้าเมืองกับฉันไหม”

“ไปกับผู้พันหรือคะ” รินดาแทบไม่เชื่อ

“ก็แล้วทำไม ฉันมีธุระต้องเข้าเมืองพอดี หรือเธอไม่ไป”

“ไปค่ะ” เธอตอบอย่างไม่ลังเล การเข้าไปเที่ยวชมบ้านเมืองของริยาร์เป็นอะไรที่รินดาปรารถนาที่สุด เพราะตั้งแต่มาถึงริยาร์ เธอก็เหมือนถูกจับให้อยู่แต่ในบริเวณของหน่วยปฏิบัติการพิเศษเหยี่ยวทะเลทรายที่มีฉากหลังเป็นลานเฮลิคอปเตอร์ ไม่นับโรงเรือน โรงนอน และโรงเก็บเครื่องบินไอพ่นต่างๆ อย่างค่ายทหารทั่วไป

“งั้นไปรอฉันที่รถ ฉันขอดูรายงานบนโต๊ะนี่ก่อนสักสองสามนาที” มาลิกออกคำสั่ง

“ไปทั้งชุดทหารอย่างนี้หรือคะ”

“ใช่” เป็นคำตอบที่เหมือนมันไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะสวมชุดทหารเดินห้างสรรพสินค้า

รินดายักไหล่ สีหน้าออกอาการลิงโลดอย่างเห็นได้ชัด เธอทำความเคารพมาลิก แต่ยังไม่ทันจะได้หมุนตัวกลับเสียงทรงอำนาจของผู้พันหนุ่มก็ห้ามไว้ก่อน

“เดี๋ยว!”

“คะ...”

“หวังว่าเธอคงเป็นมืออาชีพนะ”

“มืออาชีพ?”

“เรื่องเมื่อคืน” คำพูดของมาลิกทำให้รินดาอดจะหน้าแดงไม่ได้

“ฉันไม่ได้คิดถึงมันอีกแล้วค่ะ”

“ไม่ใช่เรื่องจูบ”

“ฉันก็ไม่ได้หมายความถึงเรื่องจูบ” เธอเผลอตัวขึ้นเสียง ความจริงเธอนอนไม่หลับก็เพราะจูบของเขานั่นแหละ

“ดีแล้วที่เธอไม่เอาเรื่องเมื่อคืนมาเป็นอารมณ์ ที่ฉันต้องทำอย่างนั้นก็เพราะฉันไม่อยากให้ภาพลักษณ์ของประเทศเสียหาย ปัญหาการลักลอบขายบริการนับวันก็ยิ่งหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ การทำงานบางครั้งมันก็ต้องทุ่มเทและเสียสละ เธอคงเข้าใจ และการที่ฉันเรียกเธอขึ้นรถหรือทำอะไรลงไปนั่นก็เพราะว่าฉันต้องการให้เธอตายใจ ว่าฉันคือผู้ที่มาซื้อบริการเธอจริงๆ เธอก็รู้ว่าอาชีพอย่างเรามันต้องเสียสละ”

เสียสละอย่างเขานี่นะ นี่ผู้พันเรียกการถึงเนื้อถึงตัวเธอว่าเป็นการเสียสละนี่นะ รินดาอยากจะร้องกรี๊ดๆ

“แบบนี้ที่เมืองไทยเขาเรียกว่าลวนลาม หื่นกามย่ะ เชอะ!”

“เธอว่าอะไรนะ ฉันได้ยินเสียงเชอะ!”

“เปล่าค่ะ ฉันก็อยากบอกผู้พันเหมือนกันว่าเรื่องเมื่อคืนฉันไม่ได้คิดอะไรนอกเหนือไปจากภารกิจที่ได้รับมอบหมาย”

“ดีมาก หวังว่าหนึ่งปีจากนี้ริยาร์และหน่วยของเราคงจะปฏิบัติภารกิจหลายๆ อย่างสำเร็จลุล่วงเพราะความสามารถและทุ่มเทของร้อยเอก แพทย์หญิงรินดา หรัญพฤกษ์ แห่งประเทศไทย ยินดีต้อนรับสู่ริยาร์และหน่วยปฏิบัติการพิเศษเหยี่ยวทะเลทราย”

“ขอบคุณค่ะ” รินดาทำความเคารพแล้วสาวเท้าออกมายืนคอยตามสั่ง

หนึ่งปีที่จะได้อยู่ที่นี่กับภารกิจที่จะได้รับมอบหมาย มันเป็นอะไรที่ท้าทายเธอเหลือเกิน ลมร้อนหอบเอาทรายพัดมาวูบหนึ่ง ดึงสติให้หญิงสาวรับรู้ว่าที่ที่เธอยืนอยู่นี้ไม่ใช่บ้านเกิดเมืองนอน แต่มันเป็นประเทศที่เต็มไปด้วยทะเลทราย และเธอก็ได้มาแล้วจริงๆ ในค่ายทหารของหน่วยปฏิบัติการพิเศษเหยี่ยวทะเลทรายแห่งนี้ และรู้สึกว่าเธอได้เริ่มปฏิบัติงานจริงๆ ก็ต่อเมื่อร่างสูงเพรียวสมชายชาติทหารในชุดลายพรางก้าวออกมา โดยมีอามีนและนายทหารอีกสามคนติดตามไปกับขบวนรถของผู้บังคับบัญชาอย่างผู้พันฮอว์ค

 

เส้นทางจากหน่วยปฏิบัติการพิเศษไปถึงตัวเมืองของริยาร์นั้น แม้จะลาดยางเป็นถนนสี่เลนไปมาสะดวกสบาย แต่สองข้างทางก็เวิ้งว้างไปด้วยทะเลทรายที่แห้งแล้ง จะมีก็แต่ทุ่งหญ้าที่ขึ้นเป็นหย่อมๆ ภาพของผู้คนที่เดินจูงอูฐยังมีให้เห็น คงเหมือนกับคนไทยที่ต้อนวัวต้อนควายสินะ ผิดแต่ว่าตามต่างจังหวัดของไทยไม่ได้มีตึกสูงตระหง่านมากมายเหมือนกรุงริยาร์ที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้าเธอในเวลานี้

“โห...” รินดาอุทานออกมาด้วยความทึ่ง ไม่นึกว่าประเทศเล็กๆ แห่งนี้จะมีความเจริญรุดหน้ากว่าที่เธอวาดฝันไว้มากมาย

มาลิกยังคงมีสีหน้าเรียบเฉยภายใต้แว่นกันแดดสีดำที่รินดายอมรับว่ามันเสริมให้ใบหน้าของเขาหล่อเหลาและมีเสน่ห์มากยิ่งขึ้น แล้วยิ่งเข้าใกล้ตัวเมืองเท่าไร เธอก็ยิ่งรู้สึกเพลิดเพลินไปกับตึกสูงเสียดฟ้าเหล่านั้น รวมทั้งสถาปัตยกรรมที่สร้างสรรค์แข่งกันทั้งทางด้านความคิดและความหรูหรา จนไม่ทันสังเกตว่ามีการเปิดทางให้แก่ขบวนรถของผู้พันฮอว์คอยู่เป็นระยะๆ

“ชอปปิงที่นี่แหละนะ” มาลิกบอก

นั่นแหละรินดาจึงแหงนหน้ามองความหรูหราของห้างสรรพสินค้าชื่อดัง

“โอ้โฮ! นี่มันเป็นห้างอย่างเดียวหรือว่าเป็นโรงแรมด้วยคะ ทำไมถึงใหญ่โตมโหฬารอย่างนี้”

“เป็นห้างอย่างเดียว”

“ว้าว!” รินดาอุทานด้วยความทึ่ง ความหรูหราและแอร์เย็นฉ่ำ มันเป็นอะไรที่หญิงสาวชาวไทยถวิลหานับตั้งแต่เธอมาถึงริยาร์ นอกจากไปรายงานตัวที่สถานทูตแล้ว ชีวิตของเธอก็มีแต่ฐานปฏิบัติการเหยี่ยวทะเลทรายเท่านั้น

“เธอจะนั่งทำตาโตอยู่นี่หรือว่าจะไปเดินชอปปิง”

“ชอปปิงสิคะ” เธอรีบบอก

“ฉันให้เวลาเธอหนึ่งชั่วโมงพอไหม”

“หนึ่งชั่วโมง!” รินดาอุทานเสียงหลง หนึ่งชั่วโมงกับการชอปปิง ดูท่าผู้พันของเธอจะไม่เคยเดินหิ้วถุงตามหลังผู้หญิงเวลาชอปปิงในห้างสรรพสินค้าจริงๆ

“มากไป?” เสียงเข้มๆ ถาม

“เปล่าค่ะ หนึ่งชั่วโมงก็หนึ่งชั่วโมง” เธอพูดอุบอิบอยู่ในลำคอ หนึ่งชั่วโมงกับการชอปปิง แค่ใช้เวลาขึ้นบันไดเลื่อนก็หมดไปชั่วโมงหนึ่งแล้ว รินดาเป่าผมหน้าม้าอย่างเซ็งจัด แต่ก็ไม่กล้าต่อรอง เดี๋ยวเกิดผู้พันขาโหดหงุดหงิดให้เวลาเธอแค่สามสิบนาทีมันจะยิ่งแย่ไปใหญ่

“เสร็จแล้วออกมารอฉันที่นี่”

“แล้วผู้พันจะไปไหนคะ ฉันนึกว่าผู้พันกับหมวดอามีนจะมาเลือกซื้อของกันเสียอีก”

“เปล่า ฉันมีบางอย่างที่ต้องทำ” บางอย่างที่ต้องทำของมาลิกคือลงจากรถแล้วเดินอาดๆ หายเข้าไปในลิฟต์ส่วนตัวพร้อมกับอามีน และนายทหารติดตามสองคน

ส่วนเธอถูกเขาปล่อยทิ้งให้ยืนคว้างอยู่กลางห้างสรรพสินค้าอันใหญ่โต ที่มองไปทางไหนก็ละลานตาไปด้วยข้าวของเครื่องใช้หลากหลายแบรนด์ แล้วจะรอช้าทำไม ในเมื่อมีเวลาแค่หกสิบนาที รินดายักไหล่ก่อนจะรีบตรงดิ่งไปยังแผนกที่เธอต้องการ

 

รินดาใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงไม่ขาดไม่เกินเธอก็สามารถซื้อของตามที่ต้องการได้ แต่ก็ยังช้ากว่ากลุ่มของอามีนที่มายืนคอยเธออยู่แล้ว

“เขามีอะไรหรือคะ” รินดาถามหมวดอามีนเบาๆ เพราะสงสัยเมื่อเห็นผู้หญิงหลายคนกำลังควักโทรศัพท์ออกมาถ่ายรูปกลุ่มของพวกเธอ

กลุ่มคนที่ออกันอยู่หน้าประตูห้างสรรพสินค้าเริ่มเพิ่มจำนวนมากขึ้น รินดาเพิ่งสังเกตว่านอกจากหน่วยรักษาความปลอดภัยของห้างแล้ว ยังมีตำรวจมาทำหน้าที่กันประชาชนและผู้สื่อข่าวที่ต่างก็กดชัตเตอร์ไม่ยั้ง

“เขาถ่ายรูปใคร แล้วการ์ดพวกนั้นเป็นการ์ดของใครหรือคะ มีดาราหรือว่านักร้องมาเดินห้างหรือคะหมวด” เธอทำน้ำเสียงตื่นเต้น อะไรจะโชคดีขนาดนี้ มาไม่ทันไรก็จะได้เจอดาราของริยาร์แล้วหรือ

“ไม่ใช่ดาราหรอกครับ”

“งั้นก็คนดังหรือคะ” เธอยังมองซ้ายแลขวาหน้าหลัง

“ฉันก็ไม่เห็นมีใครนี่นา แต่ทำไมสาวๆ เหล่านั้นถึงทำท่าจะกรี๊ดสลบเสียให้ได้คะ”

“ยิ่งกว่าดาราหรือนักร้องอีกครับ คนนี้ดังจริง ดังนาน ดังทน” อามีนยิ้มอย่างขำๆ

“ว้าว! พูดอย่างนี้ยิ่งทำให้ฉันอยากเห็น ใครกันคะที่ดังนาน ดังจริง ดังทน จนทำให้สาวๆ เหล่านั้นคลั่งไคล้ได้ขนาดนี้”

“เป็นเรื่องธรรมดาครับ อีกหน่อยผู้กองก็จะเห็นจนชินไปเอง”

“แน้! อย่าบอกนะว่าที่สาวๆ เหล่านั้นเขาถ่ายรูปก็คือหมวด” รินดาหัวเราะ

“เปล่าครับ” อามีนหัวเราะกลับคืนบ้าง พร้อมกับเบนสายตาบอกใบ้ว่าเป้าหมายที่แท้จริงของสาวๆ เหล่านี้คือใคร เมื่อเจ้าของร่างสูงเพรียวก้าวเดินอาดๆ ออกมาจากลิฟต์

“ผู้พันฮอว์ค!”

“นั่นละครับ คนดังของเรา”

“ผู้พันขาโหด เอ๊ย! ผู้พันของเรานี่น่ะหรือคะ”

“ครับ ผู้พันของเรานี่แหละ นี่ผู้กองไม่รู้หรอกหรือครับว่าผู้พันของเราเป็นลูกชายของท่านผู้นำของริยาร์ และที่พวกสาวๆ เขาพากันมาดักรอถ่ายรูปอยู่นี่ก็เพราะผู้พันของเราขึ้นแท่นเป็นหนุ่มโสดที่หล่อและเนื้อหอมที่สุดของริยาร์คนหนึ่งครับ”

“ว้าว! ฉันนี่มันใกล้เกลือกินด่างเสียจริง ว่าแต่ว่าหนุ่มโสดที่หล่อและเนื้อหอมที่สุดของริยาร์นี่ยังมีอีกคนหรือคะหมวด”

“มีครับ ท่านอัสวาน พี่ชายของผู้พันนั่นแหละครับ”

อามีนทำหน้าที่ไขข้อข้องใจให้หญิงสาว ก่อนจะก้าวไปประกบมาลิก ทำหน้าที่บอดีการ์ดให้แก่ผู้พันหนุ่มด้วยความเข้มแข็ง

มาลิกยังคงโบกมือและส่งยิ้มให้แก่บรรดาสาวๆ และไม่สาวทั้งหลายที่ดักรออยู่หน้าห้างสรรพสินค้า ก่อนจะก้าวขึ้นรถฮัมวี ผู้พันหนุ่มยังมีแก่ใจที่จะจับต้นแขนลูกน้องสาวให้ตามเข้าไปในรถ หลังจากที่อีกฝ่ายมัวแต่ตะลึงกับแสงแฟลชจนทำตัวไม่ถูก

รินดายังเซอร์ไพรส์ไม่หาย...ผู้พันฮอว์คกับข่าวใหม่ที่เธอเพิ่งรู้ ผู้พันของเธอเป็นถึงลูกชายของท่านผู้นำประเทศ ซ้ำยังขึ้นแท่นเป็นหนุ่มโสดในฝันของสาวๆ เธอช่างใกล้เกลือกินด่างแท้ๆ

 

เสียงของนาฬิกาปลุกที่ดังลั่นไปทั้งห้องทำให้หญิงสาวชาวไทยดีดตัวลุกขึ้นปฏิบัติกิจวัตรประจำวันด้วยความแคล่วคล่องว่องไว แต่ก็ไม่ลืมที่จะใช้เวลาออกกำลังกายเรียกความฟิตและแข็งแกร่งให้แก่ร่างกาย และที่จะขาดไม่ได้คือทบทวนวิชามวย น้อยคนนักจะรู้ว่ารินดาเป็นลูกสาวของเจ้าของค่ายมวย ที่พ่อจับเธอฝึกเตะต่อยมาตั้งแต่จำความได้

หลังเรียกเหงื่อก็ได้เวลามื้อเช้า ห้องพักที่ทางการริยาร์จัดไว้ให้มีความสะดวกสบายพอสมควร เธอมีครัวเล็กๆ ที่สามารถปรุงอาหารไทยได้หากวันไหนไม่อยากไปรับประทานที่โรงอาหาร เสียงเพลงไทยสากลเป็นสิ่งเดียวที่บรรเทาอาการคิดถึงบ้านได้บ้าง เธอฮัมเพลงไป จัดการกับกิจวัตรประจำวันของตัวเองไป แล้วก็นึกขึ้นได้ เมื่อคืนเธอซื้อข้าวของหลายอย่าง แต่ความรู้สึกบอกว่าของหลายอย่างนั้นมันอยู่ไม่ครบ มันต้องมีอะไรสักอย่างที่หายไป หรือว่าเธอลืมวางไว้ที่ใดที่หนึ่ง แต่ก็ไม่น่าลืมเพราะจำได้ว่าถือถุงทั้งหมดขึ้นรถ

รินดายังค้นหาถุงเจ้ากรรมอยู่อย่างหัวเสีย จนเธอต้องตั้งสติใหม่ แล้วค่อยๆ หยิบถุงนั้นเปิดถุงนี้ค้นหาอยู่อย่างใจเย็น แต่เย็นอยู่ได้ไม่นานเธอก็ต้องตาเหลือก เพราะถุงชอปปิงทั้งหลายนั้นมันไม่มีอยู่ถุงเดียวคือถุงที่ใส่อันเดอร์แวร์

“บ้าฉิบ!” เธอสบถอย่างหัวเสีย ยังหวังว่าตัวเองจะเผลอวางผิดที่ แต่ทั้งก้มทั้งเงยหาตามซอกมุมต่างๆ ก็ยังไม่เจอถุงเจ้ากรรม

“เวรละสิ ฉันต้องลืมไว้ที่รถของผู้พันแน่ๆ เลย” หญิงสาวยังต่อว่าตัวเอง ก่อนจะรีบแต่งตัวเพื่อไปหาตัวช่วยอย่างหมวดอามีน

 

ห้องทำงานของผู้พันฮอว์คยังเงียบสงบ แสดงว่าผู้พันยังไม่มา รินดาดีดนิ้วดังเป๊าะด้วยความพอใจ เธออยากมาดักหน้าเขาไว้ก่อน เพราะไม่อยากให้ผู้พันขาโหดรู้ว่าเธอลืมของ แล้วที่สำคัญของที่อยู่ในถุงนั้นมันคือของใช้ส่วนตัวอภิมหาส่วนตัวที่เธอต้องเก็บงำ และซ่อนเร้นให้ห่างจากสายตาของบุรุษเพศทั้งหลาย

รินดานั่งรออยู่ที่หน้าห้องเขาได้ไม่นาน ขบวนรถของผู้พันขาโหดของเธอก็มาถึง พันโทมาลิกก้าวลงจากรถด้วยท่วงท่าที่สง่างามสมชายชาตรี วันนี้เขาหล่อเหลามีเสน่ห์กับชุดทหารลายพรางและหมวดกรีนเบเร่ต์ เหนือกระเป๋าเสื้อด้านซ้ายติดเหรียญตรากล้าหาญ และอีกหลายเหรียญที่หญิงสาวรู้ว่าผู้พันหนุ่มไม่ได้มันมาอย่างง่ายๆ หนวดและเคราของเขาได้รับการตัดแต่งอย่างดี ผิวขาวอมชมพูโผล่พ้นปลายแขนเสื้อที่พับขึ้น แล้วตาคมกริบก็ปะทะเข้ากับดวงตาสีนิลของเธอ ก่อนที่เขาจะเลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถาม

“มีปัญหาอะไรหรือผู้กอง ถึงได้มารอฉันแต่เช้า”

“เปล่าค่ะ ฉันมารอพบหมวดอามีน” ตอบพลางมองเลยไปยังอามีนที่หอบแฟ้มเป็นตั้งก้าวตามผู้พันมาติดๆ

และอารามรีบอามีนจึงไม่ได้ดูทางทำให้เขาทำแฟ้มตกเมื่อมาลิกหยุดเดินกะทันหัน แฟ้มหลายแฟ้มหล่นลงเสียงดังตุ้บ แต่อะไรก็ไม่ร้ายเท่าถุงเจ้ากรรมที่วางซ้อนมากับแฟ้มตกลงไปด้วย และมีอะไรบางอย่างที่เป็นลายเสือดาวโผล่ออกมา

“เมื่อวานผู้กองลืมของไว้” อามีนทำหน้าเจื่อน จะยิ้มก็ไม่ใช่ จะหัวเราะก็ไม่เชิง เมื่อตาทุกคู่ต่างก็จับจ้องไปที่อันเดอร์แวร์ลายเสือดาว

“มะ...มะ...มันไม่ใช่ของฉัน” รินดารีบปฏิเสธ กางเกงในลายเสือดาวนี่นะ ไม่ใครก็ใครที่เล่นตลก เพราะเธอไม่ได้ซื้อ และไม่คิดจะซื้อมันมาเด็ดขาด

มีเสียงกระแอมอย่างกลั้นขำจากผู้พัน รินดาอยากจะกัดลิ้นตัวเองตายเสียให้ได้ เพราะความอับอายสุดขีด

“มันไม่ใช่ของฉัน” อีกครั้งที่หญิงสาวกัดฟันพูด

“แต่มันเป็นถุงที่ผู้กองลืมไว้”

“ฉันบอกว่ามันไม่ใช่ของฉัน” รินดาเน้นเสียงทุกพยางค์อย่างหนักแน่น

“ไม่ใช่ก็ไม่ใช่” อามีนยอมจำนน แม้จะอยากแย้งผู้กองสาว แต่เสียงห้าวๆ ของคนที่ออกคำสั่งทำให้เขาเปลี่ยนความคิด

“นายควรจะเก็บของให้ผู้กองเขานะอามีน เพราะนายเป็นคนทำร่วง”

“ไม่...ไม่ต้องค่ะ ฉันเก็บเองได้” รินดารีบก้มลงหยิบอันเดอร์แวร์ยัดเข้าไปในถุงแล้วลุกขึ้นพร้อมกับขู่ฟ่อ

“อย่านะ! ผู้พันไม่ต้องพูดอะไร”

“เธอรู้หรือว่าฉันจะพูดอะไร” ผู้พันขาโหดอมยิ้ม นัยน์ตาคมกริบแวววับไปด้วยความขบขัน

“ฉันรู้ก็แล้วกันว่าผู้พันกับหมวดอามีนกำลังหัวเราะฉัน”

“ฉันหัวเราะเมื่อไรกัน”

“ฉันรู้ก็แล้วกัน” รินดายังลืมตัวว่าเจ้าของร่างสูงเพรียวที่อยู่ตรงหน้าคือผู้บังคับบัญชาของเธอ

“ถึงไม่หัวเราะตอนนี้ก็ต้องแอบหัวเราะลับหลังฉัน หรือไม่ก็กำลังหัวเราะในใจ แต่ฉันจะบอกให้ผู้พันรู้ไว้นะคะว่า ไอ้เจ้านี่มันไม่ใช่ของฉัน สงสัยคนขายต้องหยิบถุงผิดมาให้ฉันแน่ๆ จะบ้าหรือ ใครจะไปใช้จีสตริงลายเสือดาวอย่างนี้”

“ก็ใครว่าอะไรเล่า”

“ถึงไม่ว่า แต่ฉันรู้ก็แล้วกันว่าผู้พันและหมวดต้องคิดว่ามันเป็นของฉัน” เธอขู่อีกครั้งก่อนจะรีบหมุนตัวกลับออกไปด้วยความอับอาย

“อย่าเชียวนะ!” มาลิกหันมาดุผู้ติดตามที่กำลังกลั้นขำเต็มที่ นัยน์ตาคมกริบยังจับจ้องตามแผ่นหลังของผู้กองสาวไป พิษสงใช่เล่น เวลาหนึ่งปีที่เธออยู่ที่นี่คงทำให้หน่วยปฏิบัติการพิเศษเหยี่ยวทะเลทรายมีสีสันขึ้นมาบ้างไม่มากก็น้อย

 

ภาพของพันโทมาลิก บิน อัสฟาน บิน ฟาอิส ซัมมาล กับทหารหญิงชาวไทยที่ปรากฏหราอยู่บนหน้าหนังสือพิมพ์ประจำวันทำให้สุภาพสตรีนางหนึ่งถึงกับนั่งไม่ติด ท่านหญิงฟาร่า สุภาพสตรีหมายเลข 1 แห่งริยาร์ถอนหายใจด้วยความหงุดหงิด มาลิกกับผู้หญิงคนใหม่อีกแล้ว หลายครั้งหลายคราที่ลูกชายคนเดียวของเธอทำตัวไม่ได้ดั่งใจ โดยเฉพาะเรื่องผู้หญิง และก็คงจะเป็นเพราะเรื่องนี้ที่เธอเข้มงวดกับลูก มาลิกถึงได้บินไปพักร้อนและใช้ชีวิตอย่างมีอิสรเสรีนอกเหนือสายตาของผู้เป็นแม่ จนบางครั้งมีข่าวลือหนาหูว่าเขาซุกผู้หญิงไว้ที่ต่างประเทศ

“ผู้หญิงคนใหม่อีกแล้วหรือนี่”

“อาจไม่ใช่ก็ได้ค่ะ เพราะแต่งเครื่องแบบทหาร คงไม่ใช่อย่างที่ท่านกำลังกังวล” นูบี หญิงรับใช้คนสนิทให้ความเห็น เพราะครั้งนี้ผิดจากรูปที่ปาปารัซซีแอบถ่าย ก็ทุกครั้งผู้หญิงของพันโทหนุ่มคนนี้มักจะอยู่ในชุดที่อวดเรือนร่างหรือไม่ก็บิกินีนอนอาบแดดอยู่บนเรือลำหรู

“ถึงจะไม่ใช่อย่างที่ฉันคิด แต่ฉันก็อยากรู้เรื่องผู้หญิงทุกคนที่เข้ามาในชีวิตของมาลิก ไปบอกอายันสืบเรื่องนี้ให้ฉันที”

“ได้ค่ะ”

คำรับรองแข็งขันของคนสนิททำให้ผู้เป็นนายคลายความกังวลใจไปได้ ผู้หญิงที่คู่ควรกับลูกชายคนเดียวของเธอจะต้องไม่ใช่หญิงอื่นใดที่ไม่ใช่เจ้าหญิงไลลาแห่งเปซาร์ เพราะเธอต้องการให้มาลิกได้ขึ้นเป็นผู้นำของริยาร์แทนท่านพ่อที่นอนป่วยอยู่ในเวลานี้ อย่างน้อยเขาก็น่าจะได้เป็นทายาททางการเมืองอันดับหนึ่ง ไม่ใช่ชีคอัสวานอย่างที่ดำรงตำแหน่งอยู่ในเวลานี้ และมันก็ถึงเวลาแล้วที่เธอจะทำให้ลูกชายสุดที่รักของเธอได้ก้าวขึ้นเป็นผู้นำของริยาร์ให้ได้


รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น