3

บทที่ 3 ถ้าใจเราเป็นกลาง

          มื้อกลางวันจบลงในเวลาบ่ายสามเศษ อินทะเอ่ยถามอคราในตอนที่เดินออกจากร้านว่าอยากไปเที่ยวที่ไหนต่อมากกว่ากัน ระหว่างไหว้พระอีกวัดกับเดินเล่นในย่านการค้าของวัยรุ่น

          แน่นอนว่าอคราเลือกอย่างหลัง วัดไปที่เดียวก็พอแล้วมั้ง...ร้อน

          ร้อนที่ไม่ใช่อากาศ แต่เป็นคนบาปมันเลยร้อน

          อินทะก็ไม่ขัดศรัทธา แค่เหลือบตามองบนนิดหน่อยตอนที่ได้ยินเหตุผล เขาเดินนำอครากลับไปยังรถไฟฟ้าได้ดิน Ximending คือที่ที่เขาเลือกจะพาอคราไป

          “ขอถาม เฮียนอนโรงแรมไหนอะ” ในขบวนรถไฟฟ้าที่กำลังเคลื่อนตัว อครายืนพักขาเกาะราวจับด้านบนเอ่ยถามอินทะที่กำลังก้มหน้าก้มตาเล่นโทรศัพท์

          “XX Hotel”

          “จริงปะ?”

          “กูจะไปโกหกมึงทำไม” คิ้วพาดเฉียงขมวดเล็กน้อย อินทะเงยหน้า ก่อนจะเก็บโทรศัพท์ลงในย่ามตามเดิม

          “ไม่ได้บอกว่าโกหก แค่แปลกใจ ว่าเราพักที่เดียวกันเลย...”

          “ชั้นไหน”

          “น้องอยู่ชั้นหก ห้อง 652 เฮียอะ”

          “ชั้นเจ็ด”

          “เจ็ดยับ”

          “มึงนี่น้า~ ไม่ลากกูลงใต้สะดือสักเรื่องได้มั้ย” ไม่พูดเปล่า มือหนายกขึ้นสูงแล้ววางลงบนหลังต้นคอของอครา อินทะกดน้ำหนักบีบคาคล้ายจะห้ามปราม ก่อนลงมือนวดคลึงที่ท้ายทอย กดนวดเน้นหนักสื่อความหมายบางอย่าง อคราน่าจะเข้าใจละมั้ง เพราะเขาแอบเห็นว่ารูขุมขนบนท่อนแขนอีกฝ่ายลุกชัน เส้นขนสีอ่อนก็ชี้โด่เด่ “ไหวมั้ยเนี่ย กูแค่จับเฉยๆ ยังไม่ได้จับ...แค่นี้ก็ขนลุก ไม่แน่จริงนี่หว่า”

          “พอ...อย่าจับ อย่าให้ความหวังน้องถ้าเฮียไม่คิดอะไร กูเป็นคนคิดไกล กูเป็นคนคิดลึก”

          “หึ” ยอมคลายมือออกอย่างง่ายดาย พร้อมช้อนตาหวานขึ้นมองอครา แขนข้างที่มีรอยสักเอื้อมไปลูบหลังต้นคอ ตาหลุกหลิกขัดเขิน 

เอิ้งยังลังเลกับสิ่งที่เขาแสดง

ไม่เป็นไร ใจเย็นๆ

          “หลังคอน้องร้อนวูบเลย”

          “อ่อน”

          “ไม่อ่อนเถอะ กูพร้อม...แล้วทำไมหน้าตาเฮียดูหงุดหงิด มีเรื่องเหรอ” เอ่ยถามเพราะตอนที่เล่นโทรศัพท์อินทะทำหน้านิ่วคิ้วขมวด 

          ดูเหมือนจะมีปัญหา...

          หรือว่าจะเป็นแฟนเก่า...?

          “รำคาญเพื่อนแม่งฝากหิ้วชานมแบบขวดๆ ในมินิมาร์ทอะ เอาทุกรส ทุกกลิ่น ทุกสี มึงว่ามันประสาทปะ”

          “ถ้าอย่างละขวดก็ไม่นะ เพื่อนเฮียอาจจะชอบแดกชามาก” เขาออกความคิดเห็น คนในรถไฟฟ้าเริ่มมากขึ้นจนต้องขยับไปยืนเบียดกับอารามบอย ผู้ชายตัวโตสองคนดูกินพื้นที่ในขบวนรถไฟค่อนข้างมาก แม้จะพยายามมโนว่าตัวเองตัวเล็กตัวน้อยก็ไม่ช่วย

          “ฝากอย่างละสองขวด แต่ตัวมันอยู่แคนาดานะ ไม่มีกำหนดกลับด้วย จะอยู่จนได้สัญชาติเลยมั้ง ตู้เย็นบ้านกูใช้ไฟฟ้าเนอะ ฝากไม่มีกำหนดมาเอานี่น่ากระทืบ”

          “เพื่อนอยู่เมืองนอก เฮียก็ไปเมืองนอกบ่อย...ทำอาชีพอะไรกันอะ ดูมีเงิน”

          “ทำงานบนฟ้า”

          “เป็นนก?”

          “จ้ะ” ตาหวานหลับคาไว้ชั่วอึดใจ อินทะข่มอารมณ์อยากทุบอคราสักอั้ก ก่อนลืมตาขึ้นเมื่อใกล้ถึงจุดหมายปลายทาง “ตอนนี้กูตกงาน ช่างเรื่องงานเถอะ ถึงแล้ว...ต้องลงรถแล้ว” 

          คว้าข้อมืออคราดังหมับแล้วเอาตัวเองเบียดผู้คนออกไปยังประตูทางออก คนถูกจับจูงเลยเดินสบายเพราะมีผู้ชายตัวใหญ่ๆ แหวกทางให้

          “เฮียเป็นสจ๊วตเหรอ น้องเคยอยากเป็นแอร์โฮสเตส แบบนี้พอเป็นได้มั้ย...ท่านผู้โดยสารโปรดทราบ ขณะนี้เรากำลังแลนดิ้งลงนรกแล้ว”

          “หยุด! ขายเหล้าต่อไปดีแล้วเชื่อกู อีกอย่างนะเอิ้งนะ หน้าตากูดูไม่เหมือนคนเคยเป็นนักบินเหรอ”

          “เหมียนมัคนายก เหมียนที่สุด!”

          “เอิ้งเอิ้ง...” มือที่ยังจับข้อมืออคราอยู่ออกแรงบีบ อินทะหยุดเดินหมุนตัวกลับมาเผชิญหน้ากัน จากนั้นก็ส่งมือหนาไปดึงแก้มอิ่มๆ จนมันยืดออก

          พอปล่อยออกคนมีแก้มก็ยกมือขึ้นกุมหน้าทันที แก้มอคราแดงจัด ปากขมุบขมิบด่า สายตาโกรธเคือง

          “เจ็บ!”

          “กมฺมุนา วตฺตตีโลโก...สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม”

          “...”

          “แบร่ แหย่เล่น” พอเห็นอคราหน้าตึง อินทะก็แลบลิ้นใส่ ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำแบบนี้ไปทำไม

อาจจะ “เจ็บเหรอ ขอโทษ ง้อ…”

          อคราส่ายหัว จากนั้นก็ยิ้มออกมา

          “เออหายงอน น้องอยากสูบบุหรี่แล้วอะ ซื้อได้ที่ไหนมั้ง”

          “เดี๋ยวพาไป...อยากเหมือนกัน ไม่ได้สูบนานละ”

“ดูดบุหรี่ ละก็ดูดบุรุษด้วย”

“เอิ้งเอิ้ง...”

“ว่าไงจ๊ะ?”

“ปากแจ๋วเกินไปแล้ว”

“อะไรคือปากแจ๋ว?”

“ไม่บอก คิดเอง”

          ออกเดินด้วยกันอีกครั้ง หนนี้ไม่มีส่วนไหนของเนื้อตัวสัมผัสกัน มีเพียงเสียงสนทนาดังขึ้นเป็นระยะของคนพยายามทำความรู้จักกันและกัน การพูดคุยเสมือนการละลายพฤติกรรมขัดเขินกับคนแปลกหน้า

          “สรุปว่าเฮียเคยเป็นนักบินจริงดิ มีรูปปะ อยากเห็น”

          “มี” ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่หลังเดินออกจากสถานีรถไฟฟ้าอินทะก็ยอมหยิบโทรศัพท์มาเปิดรูปให้อคราดู “เท่มั้ย”

          “หืม?...” ต้องมองสลับระหว่างหน้าจอกับคนตรงหน้า ผู้ชายในรูปดูต่างจากอารามบอยลิบลับ ตัวตรงแน่ว บ่ากว้าง ผมเผ้าถูกเสยเซตจนเรียบร้อย โครงหน้าคมยกยิ้มน้อยๆ ชุดนักบินทำให้ยิ่งดูมีสง่าราศี

          เห็นอารามบอยอาจแค่อยากได้เป็นผัว...

          แต่เห็นลุคนักบินปุ๊บ กูอยากโดนเลยอะ “หล่อมาก”

          “ตอนทำงานเนี่ย ดูดีที่สุดในชีวิตละ”

          “แล้วรูปนี้เพื่อนเฮียเหรอ”

          “เออ ตอนแรกกูเอารูปคู่แฟนเป็นพื้นหลัง พอเลิกกันก็ไม่รู้จะใช้รูปอะไร เลยเอารูปที่ถ่ายกับเพื่อนนี่แหละตั้งไว้” พอกดปุ่มโฮมจากภาพถ่ายก็เด้งกลับมาสู่หน้าจอหลัก อินทะกดล็อก ไม่ได้อวดหรือแนะนำเพื่อนคนไหนกับอคราเป็นพิเศษ

          “คนที่เจาะคิ้วหล่อ”

          “ตาไวจังวะ”

          “เหมือนสูงกว่าเฮียหน่อยนึงปะ สเปคน้องเลยอะ เขามีแฟนยัง”

          “เมียตัวเล็กแค่นี้” กะมือไว้ที่ช่วงคาง...หน้าตาราบเรียบไร้อารมณ์

ไอ้ต้นดีกว่าเขาตรงไหนวะ...

          “เสียดาย น้องอยากได้”

          “ส่วนใหญ่เพื่อนกูมีแฟนกันหมดแล้ว แต่เหลืออยู่คนนึง เอาคนโสดๆ คนนั้นแก้ขัดไปก่อนได้มั้ย”

          “คนไหน” อคราเบิกตากว้าง ยื่นหน้าเข้าไปใกล้หน้าจอโทรศัพท์ของอินทะที่กดให้เห็นเพียงภาพพักหน้าจออีกครั้ง

          “คนนี้...” ...ชี้ที่รูปตัวเอง

          “อ๋อ...คนนี้ ก็อยากได้อยู่เหมือนกันนะ แต่กลัวเขาไม่เล่นด้วย” เงยหน้าขึ้นสบตาอย่างท้าทาย อคราแน่ใจว่าตัวเองไม่ได้ตาฝาด แวบนึงเขาเห็นอินทะกระตุกยิ้มมุมปาก ตาวาว จากนั้นก็ยักไหล่เดินเลี่ยงไปอีกทาง

          ไม่แน่ใจว่าตัวเองถูกหยอด นึกว่าอาเฮียอารามบอยแค่แหย่เล่น...จนกระทั่งเมื่อกี้

กูว่าเฮียเขาก็ชัดเจนอยู่นะ

          น้ำมันใกล้ไฟ...ไฟไหม้แน่ค่ามึง

          “เฮียไปไหนอะ รอน้องก่อน”

          “ซื้อบุหรี่ให้ไง แล้วเดี๋ยวจะพาไปกินชาไข่มุกกับไก่ทอด ถ้าไม่กินเดี๋ยวจะหาว่ามาไม่ถึงไต้หวัน”

          “เฮียจะเลี้ยงเหรอ”

          “ครับ”

          ครับ...

          ตอนพูดคำว่าครับ ดูอ่อนโยนสัสๆ เลย

 

          ยืนพักขายาวๆ อยู่ในบริเวณที่สามารถสูบบุหรี่ได้ อครามองไปรอบกาย ก่อนจะหยุดสายตาที่คนสวมใส่เสื้อสีฟ้าที่กำลังเดินมาทางนี้ ในมือมีชานมไข่มุกหนึ่งแก้ว ส่วนมืออีกข้างถือกล่องไก่ทอด

          ส่วนสูงที่เกินร้อยแปดสิบแน่ๆ ทำให้อินทะดูโดดเด่น การแต่งตัวแปลกๆ ทำให้บุคลิกภาพ...แดกขาด! ประหลาดดี!

          “ทำไมมองกูแบบนั้น”

          “หิวชามุกกับไก่” ส่ายหัวปฏิเสธว่าไม่ได้กำลังประเมินคนตัวสูงกว่าในใจ แล้วเอื้อมมือไปรับแก้วชานมไข่มุกมาไว้ในมือ “ปกติแดกแต่เหล้ากับเบียร์ ไหนเอาชามาลอง”

          “มันน่าจะหวานนะ”

ดูด...

          “...หวานจริง ซื้อชาไข่มุกวันนี้แถมฟรีเบาหวานจ้า อร่อยตัดขาไปเลย” เบ้หน้าเพราะไม่คุ้นชินกับการกินของหวาน อคราแลบลิ้นออกมาเลียริมฝีปาก ส่งบุหรี่ขมๆ เข้าดับรสชาติของชานม

          “ปกติกูก็ไม่ชอบของหวาน” พอเห็นอคราบอกว่าหวาน ก็ลองก้มหน้าลงดูดชานมในมืออีกฝ่ายบ้าง...

ดูด...หลอดเดียวกัน

          จากนั้นก็แย่งบุหรี่ในมือของอครามาสูบดับรสหวานบ้าง...หวานจนแสบคอ

          “ผมกับเฮียอาจไม่เหมาะกับของหวาน”

          “คงงั้น”

          “เฮียซื้อมากี่แก้วอะ”

          “แก้วเดียว แดกไม่ได้ก็ทิ้งไป” บุหรี่แย่งแล้วแย่งเลย อินทะอัดมันเข้าปอดหนักๆ เลิกใส่ใจเรื่องชานมแล้วหันมองบรรยากาศรอบตัว 

          ไฟจากตึกสูงและร้านค้าถูกเปิดจนสว่างเพราะแสงจากธรรมชาติเริ่มอ่อนแรง ทว่าผู้คนกลับคับคั่ง เดินเบียดเสียดกันไปมาบนถนนสายเล็กๆ 

          “ชานมไม่เวิร์กเนอะ...ไหนเอาไก่มาลอง” เพราะอินทะใช้มือคีบมวนบุหรี่ อคราจึงแย่งเอากล่องไก่ทอดร้อนๆ มากิน “กูลองทำตัวเป็นนักวิจารณ์แป๊บนึง”

          “กูเคยกินอันนี้ มันไม่แย่ เลือกแบบเผ็ดมาให้ เห็นมึงใส่พริกในน้ำจิ้มชาบูเยอะ เดาว่าน่าจะชอบกินเผ็ด”

          “ใช่ ชอบแซ่บๆ” ปีกไก่ถูกกัดดังกร้วม อคราเคี้ยวไปมองหน้าอินทะไป เขาทำหน้าตาประหลาด พอกลืนลงท้องก็เริ่มวิจารณ์

          “อันนี้ใช้ได้นะคะ รสเผ็ดผสมหวานไม่ค่อยระคายลิ้น แต่ติดเค็มเพราะใช้น้ำมันซ้ำ คนทำดูมั่นใจกับน้ำราดหวานๆ เผ็ดๆ ตรงนี้มาก เลยไม่มีน้ำจิ้มหรือซอสแถมมาให้ เอาตามตรงนะเฮียกูคิดถึงไก่ทอดหาดใหญ่ว่ะ น้ำจิ้มแม่ประนอมกับหอมเจียว”

          “ข้าวเหนียวด้วยปะ”

          “เอา” พยักหน้าหงึกๆ หยิบไก่ขึ้นกินอีกชิ้น 

          “กินเก่งเหมือนกันนะเรา”

          “มากอะ หิวบ่อย”

          “อิ่มแล้วบอกนะ จะพาไปเดินเล่น” ทิ้งบุหรี่ที่หมดแล้วลงในถังขยะ อินทะเอาสายย่ามมาห้อยคอเพราะเริ่มเมื่อยไหล่ เขาแกว่งเล่นไปมาแบบที่ชอบทำ พอรู้สึกว่าถูกอครามองก็พูดออกมาว่า “จตุคามรุ่นย่ามพระ”

          “มันไม่ได้หมดขลังเพราะคนอื่นหรอก มันหมดเพราะเฮียนั่นแหละ”

          “แค่แกว่งเล่นเอง ไม่หมดขลังง่ายๆ หรอก”

          “ค่า~ เดินเล่นเสร็จแล้วกลับโรงแรมกันเลยมั้ย น้องกูเมื่อยแล้วอะ เมื่อเช้าที่วัดก็เดินเยอะ ในรถไฟฟ้าก็เดินเยอะ ไม่นับตอนเดินหลงโง่ๆ ก่อนเจอเฮียอีก” ขยับเท้าไปมาเพราะเริ่มรู้สึกเมื่อยขา อครายืนแทะไก่อย่างต่อเนื่อง ท่าทางการกินดูเอร็ดอร่อย จนอินทะต้องแย่งมากินตามหนึ่งชิ้น

          “นึกว่ามึงจะไปผับต่อ”

          “ไม่อะ เบื่อ ไปเดินเล่นมินิมาร์ทแถวโรงแรมดีกว่า”

          “มินิมาร์ท?”

          “ทำไมอะ ผมเครียดแล้วชอบเดินเล่นในมินิมาร์ท เมื่อเช้าลองเข้าไปก็ชอบนะ ยังสำรวจไม่ทั่วเลย”
           “ตามใจแล้วกัน อิ่มยัง?”

          “ชิ้นสุดท้ายละ ชามุกนี่เอาไงดี...ถ่ายรูปลงไอจีแล้วเดินถือเท่ๆ ดีกว่า”

          อินทะไม่ออกความเห็น เขาคิดว่าอคราเพียงแค่พูดสิ่งที่ตัวเองต้องการจะทำเท่านั้น ไม่ได้จะถามความเห็นเขาจริงๆ สักหน่อย เพราะหลังพูดจบเจ้าตัวก็เอากล่องไก่ที่หมดแล้วไปโยนทิ้งลงในถังขยะ เช็ดมือที่กางเกง ล้วงเอามือถือออกมา...เซลฟี่

          “กูฟอลไอจีได้ปะ”

          “ชื่อร้านเลย กูเปิดสาธารณะ”

          “ไลน์ก็เป็นชื่อร้าน ไอจียังเป็นชื่อร้านอีกเหรอ”

          “ใช่ รักร้านขนาดไหนอะ คิดดู” ยิ้มกว้างแล้วเก็บโทรศัพท์ลงในกระเป๋ากางเกงตามเดิม อคราก้าวเท้ามาใกล้อินทะ จากนั้นก็ออกเดินไปตามทางที่มีแสงไฟ หนนี้เขาเดินนำ ทิศทางแล้วแต่ความรู้สึก...เดินมั่ว

          “เดี๋ยวหลง” อินทะคว้าข้อมืออครา ส่วนสูงร้อยแปดสิบของอีกฝ่ายกลายเป็นร้อยหกสิบห้าทันทีเมื่อคำว่า เดี๋ยวหลง หลุดออกจากปาก

          “ไม่หลง”

          “ไม่ได้ ให้ห่างไม่ได้หรอก”...ยิ่งเฉิ่มๆ อยู่

          “อะไร”

          “ก็ไม่รู้เหมือนกัน”

          “งั้นก็อย่าปล่อยนะ จับเอาไว้แน่นๆ ด้วย”

          อินทะบีบกระชับมากขึ้นเป็นคำตอบ โดยไม่หันไปมองคนข้างหลัง เขาตามใจอคราไม่มีขัด แล้วแต่เลยว่าอยากเดินเข้าออกร้านไหนเป็นพิเศษ

 

          กว่าจะกลับมาถึงแถวโรงแรมทั้งห้างร้านและร้านค้าก็ปิดหมดแล้ว อินทะและอคราใช้เวลาที่ Ximending นานกว่าที่คิด สภาพขาเลยอ่อนเปลี้ย ถึงกับต้องเดินลากขาแถกๆ มาหาของกินในมินิมาร์ทที่เปิด 24 ชั่วโมงก่อนกลับไปนอนพักผ่อน

          “ไอเลิฟมื้อดึก”

          “มึงจะกินอะไร...เลย์รสมะนาวอันนี้อร่อย” อินทะแนะนำ หย่อนขนมที่ตัวเองชอบลงในตะกร้าที่อคราถือ “กูจ่ายเอง เลี้ยงของมึงด้วยก็ได้ ไม่ต้องมองแรงแบบนั้น”

          “ยังไม่ได้ว่าอะไรเลย แค่มองว่าใส่อะไรลงมา...แล้ว...ชานมแบบไหนที่เพื่อนเฮียฝากซื้ออะ อร่อยมั้ย น้องอยากจะลองชิม” 

          “พอกินได้ ไม่หวานมาก สีชมพูอร่อย” เดินไปชี้ขวดชานมที่ไอ้ตี๋ประจำกลุ่มฝากซื้อ แล้วอินทะก็ต้องอึ้ง เพราะอคราเล่นกวาดชาทุกรสชาติลงในตะกร้า “ร้านที่นี่ไม่แจกถุงนะ มึงจะแบกกลับยังไง”

          “น้องเชื่อว่าย่ามพระเฮียใส่พอ”

          “หา!? ย่ามพระ...มันคือย่ามพระนะหนู”

“ถ้าใจเราเป็นกลาง ย่ามพระก็แค่ถุงผ้าลดโลกร้อนเท่านั้น”

“บาปจัง”

“เฮียพูดว่าอะไร ไม่ได้ยิน”

          “เปล่า ไม่ได้พูดอะไร” งึมงำแต่ไม่อาจขัด ดูเหมือนจุดประสงค์อคราจะแน่วแน่เกินไป อินทะไม่น่าจะขัดได้ ได้แต่ยืนมองแล้วก็มองต่อไปเท่านั้นเอง 

          เขาเห็นอคราหยิบของกินเล่นอีกหลายอย่าง ไม่ได้หันมาสนใจเขาที่ยืนเชยๆ อยู่ตรงนี้

เขาก็เลย...เอ่อ เดินไปหยิบถุงยางฯกับเจลหล่อลื่น

          เอ่อ...เผื่อมันมีอะไรฉุกเฉินเกิดขึ้น

          เอ่อ...จ่ายตังค์

เอ่อ...บัตรสมาร์ทการ์ดแตะจ่ายทีเดียวก็เสร็จ

เอ่อ...ฉิบหาย เอิ้งเอิ้งหันมามอง

          “ซื้ออะไรอ้ะ!?”

          “หมากฝรั่ง” พอถูกถามก็รีบยัดสิ่งของต้องสงสัยลงในย่ามพระ

เอ่อ...

“ไม่เอามาจ่ายพร้อมกัน?”

“ก็ไม่รู้เหมือนกัน...”

          “ออนยาปะเนี่ย”

          “ก็แย่ละ มึงเลือกขนมตามสบายเลย อันนี้ก็อร่อยนะ”

          เหี้ย! ย่ามพระกู...

          ย่ามพระ...กล่องถุงยางฯ

          อินทะเหลือบตามองกล่องถุงยางฯที่นอนแน่นิ่งก้นถุงผ้า กะพริบตาปริบๆ ปลอบใจตัวเองว่า

ถ้าใจเราเป็นกลาง ย่ามพระ...ก็แค่ถุงผ้าลดโลกร้อนเท่านั้นเอง T..T

 

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น