0

บทนำ

          The Crowd Bar

          “ไอ้เหี้ยเอิ้ง!”

          “มึงสิเหี้ย” หมัดลุ่นๆ กระแทกเข้าที่มุมปากของคนที่ตะโกนลั่นถึงคำว่าไอ้เหี้ยเอิ้ง เจ้าของชื่อเอิ้งอย่างอครากระทืบซ้ำ ก่อนลากไอ้เวรนั่นออกมานอกร้าน

          ร้านที่เขากับมันเป็นเจ้าของร่วมกัน 

          นอกใจ

          เขาจับได้ ครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ “มึงออกไปให้พ้นร้านกูเลยนะ”

          “ร้านมึงคนเดียวหรือไง” อีกฝ่ายสวนหมัดกลับเข้าที่ตำแหน่งเดียวกัน เสียงเพลงที่ดังกระหึ่มดูเหมือนจะกลบเสียงคนสองคนตีกันไว้ไม่อยู่ อครามึนงง สะบัดหัวไล่อาการเจ็บปวดเพราะปากแตก

          อะดรีนาลินเขาหลั่งเพราะโกรธจัด สตินึกคิดเหลือน้อยเต็มที

          แหลก–เป็น–แหลก

          “มึงเอามันมานอนในที่ของกูได้ยังไง สันดาน!”

          “ก็เพราะมึงเป็นอย่างงี้ไงเอิ้ง กูเอาไม่ลง!”

          “กูเป็นยังไงมึงพูดมาดิ พูดมา!” อคราตรงเข้ากระชากคอคนตรงหน้า ดวงตาร้อนผ่าวแดงก่ำ เส้นผมเปียกชื้นไปด้วยเหงื่อปรกไปทั่วหน้าผากได้รูป 

          เขาไม่ได้สนใจด้วยซ้ำว่าใครยกโทรศัพท์มาอัดคลิปบันทึกภาพเขาไว้ รวมถึงไม่ได้สนใจว่าใครกำลังมองอยู่ด้วย

          “มึงไม่น่ารัก”

          “...” เขาเงียบนิ่งเป็นคำตอบ มองไล่รอยสักที่ท่อนแขน เสื้อกล้ามสีดำเว้าแขนลึกทำให้เห็นว่าลวดลายเริ่มต้นตั้งแต่หัวไหล่จนถึงปลายนิ้ว มัดกล้ามทั่วร่างกายดูสมบูรณ์มีพละกำลัง ตอกย้ำคำว่าไม่น่ารักด้วยการใส่จิวฯสีเงินเล็กๆ ที่ปีกจมูกข้างซ้าย

          “กูอยากได้แฟนตัวเล็กๆ ไม่เอาตัวควายแบบมึง”

          “ไม่ใช่เหตุผลที่มึงสมควรนอกใจกูเลยเว้ยบอมบ์ อีกอย่าง...สามปีที่แล้วมึงไม่ได้พูดกับกูแบบนี้ มึงบอกมึงชอบที่กูเป็นกู มึงไม่รักกูแล้วมากกว่า ปากหมาๆ ของมึงถึงพูดออกมาแบบนี้” มันจุกไปหมดจนรู้สึกว่าร่างกายไร้เรี่ยวแรง อคราคลายมือออกจากการกำคอเสื้ออีกฝ่าย แล้วผลักให้มันเซไปด้านหลัง “เลิกกับกูได้ แต่กูขอถาม ร้าน...ที่เราสร้างมาด้วยกันล่ะ มึงจะเอายังไง”

          “กูจะถอนหุ้นออกไป มึงก็ทำของมึงไปคนเดียว”

          “แม่งเอ๊ย!” สิ้นสุดความอดทนสำหรับคืนนี้ อคราคิดว่าตัวเองไม่ใช่คนบอบบางถึงขนาดจะนั่งร้องไห้ฟูมฟายเมื่อถูกคนรักนอกใจ 

          เขาคว้าขวดเบียร์ทุบกับโต๊ะไม้จนมันแตกออกเป็นเสี่ยง กำลังจะหันปลายแหลมไปข่มขู่ทั้งผัวเก่าและชู้รักที่แอบใช้พื้นที่เตียงของเขาร่วมรักกัน ไม่ได้ตั้งใจจะแทงจริงๆ 

          แค่จะขู่ให้ไม่กล้ากลับมาเหยียบที่ร้านอีก

          แต่เหมือน ‘ผัวเก่า’ อย่างบอมบ์จะไวกว่า มันคว้าเก้าอี้แล้วฟาดเขาเต็มแรงชัง

          โลกมืดดับ...จบแล้วร้านเรา The Crowd Bar

 

          “เอิ้งมึงจะนอนอีกนานมั้ย กูต้องไปทำงานต่อ” 

          “อื้อ”

          “เอิ้ง ถ้ามึงไม่ตื่นมาคุยกับกู กูจับมึงทำผัวจริงๆ นะ”

          “กูถูกผัวทิ้งอย่างเดียวก็เหี้ยแล้วปะ ถ้าต้องเป็นผัวมึงอีก กูว่ากูฆ่าตัวตายดีกว่า” อันที่จริงอคราตื่นตั้งแต่ได้ยินเสียงประตูห้องนอนถูกเปิดออก ที่ชั้นสามของร้านถูกจัดเป็นห้องนอน ประตูไม่เคยล็อก ค่อนข้างโอเพ่นสำหรับเพื่อนฝูง

          โดยเฉพาะอินกที่กำลังสับส้นสูงเข้ามา

          รองเท้าก็ไม่ถอด เวร!

          “ซื้อข้าวต้มมาฝาก ได้ข่าวว่าถูกผัวตีจนหมอบ เด็กในร้านต้องหิ้วขึ้นมาตายข้างบน ดูดิหน้าหล่อๆ แหกหมดแล้วเนี่ย”

          “สาระแน”

          “ใคร?”

          “มึงสิ อยู่สองคนจะให้ด่าใคร” อคราลุกขึ้นนั่ง แอร์เย็นฉ่ำไม่ระคายผิว เขาถอดเสื้อกล้ามตัวเดียวตัวเดิมกับที่ใส่เมื่อคืนออกทางศีรษะ รูปร่างบึกบึนถูกจับจ้องไม่วางตา

          แน่ละ ว่าไม่ใช่เพราะอารมณ์พิศวาส น่าจะเพราะรอยช้ำขนาดใหญ่บนหน้าท้องไร้ไขมัน

          “ไปแจ้งความมั้ยมึง”

          “ช่างเหอะ กูก็ตีมัน ผิดทั้งคู่”

          “แล้วไอ้บอมบ์มันไปอยู่ไหนแล้วอะ” นริษานั่งลงตรงข้างเตียง นิ้วแตะเข้าที่รอยช้ำจนเพื่อนรักย่นหน้าซูดปากเจ็บ

          “ไปอยู่กับเมียใหม่มัน เก็บข้าวของออกไปหมด จะถอนหุ้นออกจากร้านด้วย...ตามตรงนะ กูเครียดเรื่องร้านว่ะนก ไม่รู้ว่าจะเอายังไงกับต่อเลย”

          “ช่วงนี้มึงก็ปิดร้านไปก่อนมั้ยละ ไปเที่ยวพักผ่อน ไปเมืองนอกก็ได้”

          “ไม่อยากไป”

          “มึงต้องไป”

          “อะไรวะ”

          “เพราะกูจองตั๋วกับที่พักไว้ให้มึงแล้ว ตั้งแต่รู้ว่ามึงตัดขาดกับผัวเหี้ยของมึงได้...ไปซะ ไต้หวัน เขาว่าพระที่นั่นขลัง ของานได้งาน ขอผัวได้ผัว”

          “มึงจริงจังปะเนี่ย” ต้องทำหน้าเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง จนกระทั่งเพื่อนสาวพยักหน้าหงึกๆ 

          เขารู้ดีว่านริษาจะไม่ไปกับเขา มันต้องดูแลผัว...

          “จริง กูก็ได้ผัวเพราะไปไหว้มา มึงไม่ต้องคิดมาก คิดซะว่าเป็นของขวัญที่นรกไม่ต้อนรับมึงจากกู เลิกไปก็ดีอยู่กับไอ้บอมบ์ก็เหมือนตกนรกแหละ ทีนี้...ทีนี้ พอมึงไปไหว้พระแล้วใช่ปะ มึงก็จะได้ผัวใหม่ ขอพระแบบหล่อเร้า เป้าใหญ่กว่าไอ้บอมบ์ แต่มึงต้องขอให้ครบนะ เอาให้คุ้มค่าตั๋วเครื่องบินที่กูจ่าย”

          “ได้ๆ กูจะขอแบบนี้ ลูกขอผัวใหม่ แบบสูง ยาว เอวดี หรรมใหญ่ ไข่พอประมาณ เบ้าหน้าผัวอภิชาต มีการศึกษา ชาติตระกูลดี รักครอบครัวกู เข้ากับเพื่อนกูได้ ไม่แตกไว ตั้งใจทำมาหากิน”

          “เยี่ยมไปเลยอิเอิ้ง กูวาเรลคัม ยัวนิวบอยเฟนล่วงหน้า เจริญพร สา...ธุ!”

 

          รู้ตัวอีกทีก็วาร์ปมาอยู่ไต้หวัน 

          แบบโง่ๆ แบบคนไม่มีแผน แบบคนไม่รู้อะไร แบบคนไร้ที่ไป แบบคนไม่มีเป้าหมาย แบบอโลนลี่...

          อครารู้แค่ว่าตัวเองเช็กอินเข้าที่พักในตอนสี่ทุ่มของเมื่อคืนเห็นจะได้ และเพราะอ่อนล้าจากการเดินทาง บวกกับเครียดจนนอนไม่หลับมาหลายวัน พอข้ามประเทศมาเปลี่ยนบรรยากาศ ก็ทำเอาหลับสนิทแล้วตื่นมาอย่างสดใสในตอนเจ็ดโมงเช้า

          เขาอาบน้ำแต่งตัวตามคอสตูมที่จัดหนักจัดเต็มมาสองกระเป๋า เริ่มวันแรกแบบไทเปบอยด้วยกางเกงยีนสีซีดขาสามส่วนตัวละห้าสิบบาทตลาดนัด ดูดีขึ้นมาหน่อยด้วยเสื้อยืดตัวโคร่งสีดำโลโก้ Gucci ตัวละหมื่นสาม สวมหมวกจากตลาดนัดเช่นกัน สวมรองเท้าแตะยี่ห้อ NIKE ที่ได้มาเพราะป้าย Sales กระเป๋าเขาไม่พก กางเกงตัวนี้กระเป๋าลึกมากพอให้ยัดพาสสปอร์ตกับซองซิปใบเล็กๆ ที่บรรจุเงินที่แบ่งไว้สำหรับใช้ในแต่ละวัน วันละไม่กี่พันดอลลาร์เท่านั้น ที่เหลือก็เก็บไว้ในตู้เซฟที่โรงแรม

          อันที่จริงอคราเป็นคนงกและรอบคอบ แต่ตอนนี้ชีวิตเกิดปัญหา เพราะมาแบบฉุกละหุกไร้แผน เลยยืนโง่ๆ อยู่หน้าร้านขายน้ำเต้าหู้ ซื้อดื่มหนึ่งถ้วยแทนมื้อเช้า อร่อยดี แม้จะสื่อสารกับคนขายไม่ค่อยรู้เรื่องก็ตาม 

          ภาษาอังกฤษก็พูดไม่ค่อยจะได้ แผนที่ที่หยิบติดมือมาจากโรงแรมก็มีแต่ภาษาจีนที่อ่านไม่ออก

          เอายังไงดีวะ

          หรือกูควรเสิร์ชรีวิวดู ว่านอกจากไหว้พระขอผัว คนมาเที่ยวไต้หวันเขาเที่ยวกันยังไง

          อคราหยุดยืนอยู่กับที่เพื่อเสิร์ชหารีวิวท่องเที่ยวในโทรศัพท์ เขาดูดน้ำเต้าหู้ไปอีกอึก คาหลอดไว้ที่ปาก นึกอยากดูดบุหรี่แต่ยังไม่ได้ซื้อ เลยได้แต่กัดหลอดไปมา ตาคมดุดันกวาดอ่านชื่อสถานที่ที่น่าจะเป็นแลนด์มาร์กสำหรับทริปนี้เรื่อยๆ

          แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่พ้นวัด ร้านอาหาร สวนสัตว์ ย่านชอปปิงของวัยรุ่น นู่น นั่น นี่

          ‘เหมียน’ ที่บ้าน อันที่จริงพระพรหมเอราวัณกับพระพิฆเนศที่ห้วยขวาง ก็ขอผัวกับงานได้เหมือนกันแหละ

          แต่กูเหยียบไต้หวันแล้วไง พระพรหมเอราวัณไว้กลับไทยค่อยว่ากันอีกที

          หลังจากดูรีวิวอย่างคร่าวๆ เขาก็ตัดสินใจเดินตามฝูงชนไปที่ไหนสักแห่ง ส่วนสูงร้อยแปดสิบเซนติเมตรทำให้ได้เปรียบในการมองทาง แต่แล้วจากการจะข้ามถนนไปอีกฟาก ก็มีอันต้องเลี้ยวกลับ เพราะใบหูได้ยินภาษาที่คุ้นเคย

          “ครับคุณแม่ อินอินถึงไทเปแล้ว ครับ...กำลังจะไปไหว้พระ”

          คนไทยโว้ย คนไทย ไทยแลนด์สไตล์ กำลังจะไปไหว้พระด้วย

          กูเดินตาม กูเดินตาม กูเดินตามอาเฮียที่ตัวสูงกว่ากู

          “อินอินมาคนเดียว ได้ๆ เดี๋ยวขอลูกสะใภ้ไปฝาก เอาแบบสวยๆ น่ารักๆ เลยนะครับ ได้ครับ รักคุณแม่มาก แค่นี้ก่อน อินข้ามถนน”

          ว้าว ว้าว ว้าว เฮียอินอิน คนคิ้วท์ คนชื่อคิขุ น้องเอิ้งขอเดินตามหน่อยเด้อ...

          รองเท้าผ้าใบสีขาวสะอาดหยุดชะงักเมื่อข้ามมาถึงอีกฝั่งได้เรียบร้อย ผู้ชายตัวสูงที่อคราเดินตามก้มลงมองหน้าจอโทรศัพท์ เดาว่าน่าจะกดตัดสายจากพระคุณแม่ อคราเลยรีบจดจำรูปพรรณสัณฐาน จดจำเสี้ยวหน้าด้านข้างที่...

          ไอ้เหี้ย! อยากได้ทำผัว กูเสนอตัวแบบฟรีๆ

          หน้าตาอาเฮียอินอินฟีลลิ่งดิสนีย์ บั๊ทบอดี้โคตะระจะมาร์เวล

          หาน้อยมากผู้ชายที่จะตัวสูงและตัวหนากว่าเขา ถึงจะสูงกว่าแค่เล็กน้อยก็ตามที แต่พี่แม่งขาวเหมือนแดกปรอทเป็นอาหาร คิ้วทรงดาบยกเฉียงเป็นเส้นหนา ขนตาเป็นแพสีเข้มจนตาดูคม ปากสีชมพูระเรื่อเอิบอิ่ม เด่นที่สุดบนหน้าคงเป็นจมูกที่เป็นสันตรง แก้มใสอย่างกับตูดเด็ก ฟังจากการคุยกับคูมแม่ เดาไม่ยากว่าลูกคุณหนูชัวร์ๆ

          แต่การแต่งตัว ก็ไม่ได้คุณหนูเท่าไหร่นะ อาเฮียอินอินใส่กางเกงเอวสูงแบบวินเทจ ติดกระดุมเชิ้ตแขนสั้นสีฟ้าซีดๆ ทุกเม็ดจนถึงคอ ตัดผมทรงกะลาครอบ...เอิ่มสะพาย

          เอิ่ม ย่าม...ย่ามพระรึเปล่าวะ

          ดูยังไงก็ย่ามพระอะ คนบ้าอะไรวะสะพายย่ามพระ แปลกดี...

          อคราเดินตามเมื่ออาเฮียอินอินออกเดินอีกครั้ง 

          อาเฮียแกเก็บโทรศัพท์ ก้าวฉับๆ แบบคนชำนาญทาง

          

          ในไม่ช้าเขาก็มาโผล่ที่รถไฟใต้ดิน บัตรสมาร์ทการ์ดติ๊ดหนึ่งครั้งแล้วไม่ต้องกังวลว่าคนที่ติดตามจะไปลงที่ไหน เพียงมองอยู่ตลอดไม่ให้คลาดสายตาก็พอ

          ไม่ให้คลาดสายตา...แต่หลังติ๊ดบัตรออกที่สถานี Longshan อาเฮียที่เฝ้าติดตามอยู่ห่างๆ ก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย

          “ไปไหนแล้ววะ”

          เขายืนเคว้งคว้าง กลับมารู้สึกโดดเดี่ยวอีกครั้งแต่ไม่ได้เสียใจสักเท่าไหร่ พอหาย่ามพระสีส้มไม่เจออคราก็เริ่มมองหาป้ายบอกทางที่เป็นภาษาอังกฤษ เพื่อพิจารณาว่าจะไปที่ไหนต่อดี

          แต่ช่วงหัวไหล่ดันถูกสะกิดจากด้านหลัง พอหมุนตัวกลับไป ภาษาอังกฤษสำเนียงชัดเป๊ะก็สาดเข้ามา

          นี่คือเสียงการแปลจากผู้เชี่ยวชาญ ทรานสเลทบายเอิ้งเอิ้งสไตล์

          “!@#$%^&*_ ฟอลโลว์วิ่ง มี@#$%^&)+))__(*^%*(%$#@$%&#_%_#@&$+*”

          “ผมรู้พี่เป็นคนไทย กูไหว้ล่ะ ภาษาไทยเถอะ” ประกบมือขึ้นไหว้เหนือศีรษะ หลังเห็นชัดว่าคนที่สะกิดจึกๆ เป็นคนคนเดียวกันกับที่เขาเดินตามมาตั้งแต่ที่สถานีไทเป อีกฝ่ายน่าจะถามเขาว่าเดินตามทำไม ได้ยินนิดๆ ว่าฟอลโลว์ๆ อะไรสักอย่างนี่แหละ

          เทคนิคการเรียนภาษาอังกฤษอย่างได้ผล คุณครูสอนว่าต้องจับคำกริยาให้ทัน...

          เอาตามตรงแล้วกัน คำกริยาคืออะไร ทุกวันนี้กูยังงงอยู่เลย

          “อ้าว...”

          “เมื่อกี้พี่ถามผมว่าอะไรอ้ะ ฟังไม่ทันเลย”

          “ถามว่าเดินตามมาทำไม เรา...เคยรู้จักกันหรือเปล่า”

          “ไม่ๆ ไม่เคย”

          “อืม...ก็ว่า แบบนี้เห็นครั้งเดียวก็จำได้แล้ว” เสียงทุ้มต่ำพูดเรียบๆ ตาคมอ่อนโยนกวาดมองไปตามท่อนแขนที่มีรอยสัก ตอนแรกเขานึกว่าพวกมาเฟียด้วยซ้ำ แต่จากการยกมือไหว้ อธิบายว่าเป็นคนไทย คิดว่าน่าจะเดินตามมาด้วยเหตุผลอื่น เห็นตั้งแต่ที่ไทเปแล้ว แต่มาแน่ใจบนขบวนรถไฟ

          ชะเง้อคอมองอยู่นั่น...เหมือนพวกโรคจิต

          “ขอโทษทีเฮีย พอดีผมได้ยินเฮียคุยโทรศัพท์ที่ไทเปอะ ว่าจะมาไหว้พระเลยเดินตาม” อคราสารภาพ ยกมือขึ้นลูบต้นคอแก้ขัดเขิน “ผมมาคนเดียว ไม่มีแผนจะไปไหนด้วย ขอโทษจริงๆ ครับ”

          “ไม่เป็นไร วัดไปทางนั้น มาดิ ไปพร้อมกันก็ได้ นี่ก็มาคนเดียว”

          “เยส! เฮียชื่ออินอินใช่ปะ”

          “หยุด! ชื่อนั้นแม่กูเรียกได้คนเดียว”

          “อ่อ แบบชื่อเล่นน่ารักๆ ที่เรียกกันที่บ้านงี้ ผมก็มี พ่อเรียกไอ้เข้ม แต่ผมชื่อเอิ้งนะ น่าจะเด็กกว่า ปีนี้ 24 ละ”

          “อินทะ”

          “ชื่อเฮียอะเหรอ” อคราเอียงคอถาม เดินไปยิ้มกว้างไป เขาหลังโชคดีจังได้เพื่อนร่วมทางมาตั้งหนึ่งคน

          “ใช่ อินทะ เรียกอินเฉยๆ ก็ได้”

          “ได้เลยครับเฮีย เฮียอิน”

 

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น