2

คนแปลกหน้าบนเตียง

บทที่ ๒
 คนแปลกหน้าบนเตียง

 

         “คุณ...”

หญิงสาวครางเสียงแผ่ว รับรู้ได้ว่าปลายลิ้นของเขากำลังเคลื่อนเข้าใกล้ส่วนที่อ่อนไหวที่สุดของร่างกาย และถ้าหากปล่อยให้มันเกิดขึ้น ทุกอย่างก็ไม่มีวันเหมือนเดิมอีกแล้ว

นรินรักษ์หอบสะท้าน เอียงแก้มแนบหน้ากับหมอนอย่างอับอาย ไม่รู้อะไรทำให้เธอบ้าบิ่นยอมปล่อยตัวปล่อยใจเดินตามการชักนำของเขามาไกลได้ถึงขนาดนี้ รสสัมผัสของเขาหวานละมุน เปี่ยมไปด้วยพลังบางอย่าง ล่อหลอกให้เธอหลงเข้าไปในดินแดนหฤหรรษ์จนหาทางออกไม่ได้

“คุณ...”

ชายหนุ่มไล้มือหนาเบาๆ ที่จุดอ่อนไหวของเธอก่อนจะแนบริมฝีปากตามลงไปอย่างแช่มช้า สัมผัสวาบหวามของเขาทำให้หัวใจเธอโหมกระหน่ำจนแทบหลุดออกมานอกอก มือบางขยุ้มเส้นผมของชายหนุ่มเพื่อระบายความเสียวซ่าน ร้อนรุ่มไปทั่วทั้งกายจนทนแทบไม่ไหว

ได้โปรด...

อย่าทำให้เธอทรมานไปมากกว่านี้เลย

หญิงสาวกัดริมฝีปากแน่น แม้จะเคลิบเคลิ้มกับความอ่อนหวานที่ได้รับเพียงใด แต่จู่ๆ สติเบื้องลึกกลับร้องเตือนอย่างรุนแรง จนสั่งให้มือเลื่อนไปแตะไหล่หนาแล้วออกแรงดันเพื่อให้เขาหยุดการกระทำทั้งหมด

“ฉัน...ฉันไม่...”

ฉันยังไม่พร้อม

ดวินเงยหน้ามองดวงตาที่คลอหน่วยไปด้วยน้ำตาของหญิงสาวอย่างไม่เข้าใจ ท่าทางหวาดกลัวระคนสับสนของอีกฝ่ายบอกชัดว่าเธอไม่ได้พร้อมสำหรับเรื่องนี้จริงอย่างที่พูด เขากัดฟันผละออกห่างจากร่างบาง ก่อนจะลุกขึ้นนั่งแล้วประคองเธอให้ลุกขึ้นนั่งตาม

“ฉัน...”

นรินรักษ์มองคนที่นั่งหันหลังให้เธอด้วยนัยน์ตาสั่นระริก ฤทธิ์แอลกอฮอล์ทำให้ร่างกายเธอไม่ปกติ เรื่องเลวร้ายที่พบเจอเมื่อเย็นทำให้จิตใจของเธอสับสนวุ่นวาย ขณะที่เสน่ห์อันเย้ายวนของผู้ชายตรงหน้าก็ทำให้เธอเผลอปลดปล่อยอารมณ์ยอมให้เขาชักนำจนมาไกลถึงขนาดนี้

ไม่ควร...ไม่ควรเป็นแบบนี้เลย

ร่างบางเอามือกอดเข่าแล้วก้มหน้าร้องไห้ให้ความอ่อนแอของตนเอง 

เสียงสะอื้นและร่างสั่นสะท้านของคนตัวเล็กทำให้ชายหนุ่มถอนหายใจยาว พึมพำบอกให้เธอเงยหน้ามาสบตาเขา

“ร้องไห้ทำไมครับ” ชายหนุ่มถามเสียงนุ่ม “คุณกลัวผมเหรอ”

หญิงสาวส่ายหน้าทั้งน้ำตา ขณะที่มือหนาเลื่อนมาลูบหัวเธอเบาๆ อย่างปลอบประโลม

“หยุดแค่นี้ดีไหม”

ดวินถามเสียงนุ่ม แม้จะถามคนตรงหน้า แต่ก็เป็นคำถามที่เขาถามตัวเองเช่นกัน ร่างกายของเขาร้อนรุ่มอยากครอบครองเธอจนแทบระเบิด แต่อาการสั่นกลัวเป็นลูกนกของเจ้าหล่อนทำให้เขาต้องพยายามควบคุมความรู้สึกของตัวเองอย่างหนัก 

“คุณไม่พร้อมหรอก แล้วผมก็ไม่อยากเอาเปรียบคุณด้วย เรื่องแบบนี้ต้องเกิดจากความตั้งใจของทั้งสองฝ่าย”

นรินรักษ์ชะงัก มองแววตาห่วงใยของชายแปลกหน้าอย่างไม่เข้าใจ เธอเป็นผู้หญิงหน้าไม่อายที่ขอมีอะไรกับเขา แล้วสุดท้ายก็ปฏิเสธความต้องการของเขาอย่างไม่ไยดี แต่เขากลับยังใจดีและอ่อนโยนกับเธออย่างไม่น่าเชื่อ

“ฉัน...ฉันขอโทษนะ”

“ไม่เห็นต้องขอโทษเลย” ดวินปลอบด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “มันไม่ใช่ความผิดของคุณ อย่าคิดมากเลยนะครับ”

“แต่ฉัน...”

“ผมเองก็ไม่อยากทำให้คุณต้องเสียใจไปตลอดชีวิต” ชายหนุ่มพูดต่อเสียงทุ้ม “นอนพักเถอะ ผมไม่ทำอะไรคุณแล้ว คืนนี้ผมจะอยู่เป็นเพื่อนคุณเอง”

นิ้วเรียวไล้เช็ดน้ำตาที่เปรอะเปื้อนตามใบหน้านวลก่อนจะประคองร่างบางให้ล้มตัวลงนอน มือหนาเอื้อมไปดึงผ้าห่มมาคลุมให้ร่างเล็กที่ยังมองเขาอย่างไม่เข้าใจ แล้วล้มตัวลงนอนเคียงข้างอีกฝ่าย

“นอนเถอะครับ ดึกมากแล้ว”

เมื่อเห็นว่าเขาไม่คิดจะสานต่อ ความรู้สึกหวาดหวั่นก็ค่อยๆ จางหาย แทนที่ด้วยความไว้วางใจ นรินรักษ์ยอมให้เขาดึงตัวเข้าสู่อ้อมกอด ก่อนจะหลับตาลงแล้วหลับใหลไปในวงแขนอุ่นนั้น

                “เฮ้ย!”

เสียงตะโกนลั่นห้องทำให้เจ้าของนัยน์ตาเรียวรีค่อยๆ ลืมตาขึ้น กะพริบตาถี่ๆ เพื่อให้ชินกับแสงสว่าง ร่างหนาค่อยๆ ยันกายขึ้นนั่งแล้วส่ายหน้าไล่ความง่วงงุน เสียงแหลมเสียดหูที่ดังไม่หยุดทำให้คิ้วเรียวขมวดมุ่นด้วยความรำคาญ

“คุณเป็นใคร แล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้น!”

ชายหนุ่มมองท่าทางเสียสติของอีกฝ่ายด้วยสีหน้านิ่งสนิท แล้วเอี้ยวตัวไปเก็บเสื้อที่หล่นอยู่ขึ้นมาสวมโดยไม่ตอบอะไร

“ถามทำไมไม่ตอบ ตกลงคุณเป็นใครเนี่ย” 

ชายหนุ่มมองท่าทางหวาดระแวงนั้นด้วยแววตาเฉยเมย ดูท่าวิญญาณของเธอจะกลับคืนร่างแล้ว ถึงได้ส่งเสียงโวยวายน่ารำคาญไม่เหลือเค้าผู้หญิงเจ้าน้ำตาคนเมื่อคืนเลยสักนิด

“ไอ้...ไอ้โรคจิต! ไอ้คนฉวยโอกาส!”

“เฮ้ย! อะไรของคุณ” ดวินร้องเสียงหลงเมื่อถูกหมอนเขวี้ยงใส่หน้าเต็มๆ ตามมาด้วยผ้าห่มและหมอนข้าง 

“คุณเป็นใคร แล้วฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”

ชายหนุ่มถอนหายใจอย่างระอา ก้มลงไปเก็บหมอนและพับผ้าห่มมาวางบนเตียงอย่างเรียบร้อยราวกับมีอาชีพเสริมเป็นบริกรโรงแรม แล้วจึงตอบอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงไม่แสดงอารมณ์ว่า

“อะไรกันคุณ ลืมเรื่องเมื่อคืนไปแล้วเหรอครับ”

“หมาย...หมายความว่า...”

แม่คนขี้ลืมมีสีหน้าตื่นตะลึง รีบขยับถอยห่างจากเตียงโดยอัตโนมัติ ทว่าเป็นเพราะเธอเอาผ้าห่มมาพันตัวแน่นจนเหมือนข้าวต้มมัด ร่างบางจึงสะดุดขาตัวเอง ทำท่าจะหงายหลัง

“เหวอ!”

“ระวัง!” ชายหนุ่มถลาไปดึงมือเล็กเข้าหาตัวจนร่างบางถลาล้มลงมาทับร่างเขา ที่อันตรายยิ่งกว่าคือเขาและเธออยู่ในสภาพล่อแหลมบนเตียงนอนด้วยกันอีกครั้ง

ให้ตายสิ...

ไอ้ความนุ่มนิ่มที่แนบชิดกับอกเขาคืออะไร แล้วยังกลิ่นหอมอ่อนๆ จากกายของคนในอ้อมแขนนี่อีก เธอจะรู้ตัวบ้างไหมว่ากำลังท้าทายความอดทนของเขาแค่ไหน

“ทำอะไรของคุณ ปล่อยฉันนะ!” 

หญิงสาวพยายามดันตัวออกจากอ้อมกอด ทว่าชายหนุ่มขืนตัวไว้พร้อมกับรั้งร่างเล็กเข้าหาตัวมากกว่าเดิม ดวงตาที่สั่นระริกอย่างหวาดกลัวทำให้มุมปากของเขายกสูงขึ้น จะขบขันก็ไม่ใช่ จะรำคาญก็ไม่เชิง ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้สนุกนักยามที่ได้แกล้งเธอแบบนี้

“เมื่อคืนไม่เห็นตั้งแง่รังเกียจผมแบบนี้เลยนี่ครับ”

“ปล่อยฉันนะ แล้วเมื่อคืนมันเกิดอะไรขึ้นวะเนี่ย”

นรินรักษ์พยายามลุกออกจากร่างหนา ทว่าชายหนุ่มกลับกอดเอวบางก่อนจะพลิกกลับมาเป็นฝ่ายคร่อมร่างเล็กไว้แทน แล้วกดข้อมือของหญิงสาวแน่นจนเธอขยับไปไหนไม่ได้

“คุณจะทำอะไร!”

“จำเรื่องเมื่อคืนไม่ได้สินะ งั้นต้องทวนความจำใหม่อีกรอบ”

“เฮ้ย!” หญิงสาวเบิกตากว้าง พยายามดันร่างสูงออกห่าง ทว่าใบหน้าคมคายกลับโน้มลงมาใกล้จนรับรู้ได้ถึงลมหายใจอุ่น ดวงตาคมเข้มที่ทอดมองมาฉายประกายกล้าบางอย่างที่ทำให้หัวใจของเธอสั่นสะท้านอย่างหวาดกลัว

“ปล่อยนะ คุณลักพาตัวฉันมาที่นี่ใช่ไหม ฉันจะแจ้งความข้อหาข่มขืน!”

“ถ้าคุณจะแจ้งความ งั้นผมข่มขืนคุณจริงๆ เลยดีไหม”

นรินรักษ์เบิกตากว้างเมื่อริมฝีปากหนาเคลื่อนมาคลอเคลียผิวแก้ม ไม่นึกไม่ฝันว่าเขาตั้งใจจะทำอย่างที่ขู่จริงๆ ด้วยสถานการณ์ที่เป็นรองในตอนนี้ เธอคงจะใช้ไม้แข็งกับเขาไม่ได้แล้ว

“ปล่อยฉัน” หญิงสาวเปลี่ยนโทนเสียงอัตโนมัติ “คุณไม่มีสิทธิ์...ทำกับฉันแบบนี้”

ร่างบางพยายามบีบน้ำตาเหมือนนางเอกในละครที่แม่ชอบดู ได้แต่หวังว่าการเสแสร้งของเธอจะทำให้เขาใจอ่อนยอมปล่อยให้เธอเป็นอิสระเหมือนพระเอกในโทรทัศน์ เพราะถ้าเขายังดึงดันจะรังแกเธอด้วยวิธีนี้ต่อไป มือและเท้าของเธอคงถูกเอามาใช้แก้ปัญหาแทนสมองเหมือนทุกครั้งแน่ๆ

“ผมไม่ปล่อยจนกว่าเราจะคุยกันรู้เรื่อง” ชายหนุ่มตอบเสียงเรียบ มองคนที่สะอื้นฮักทั้งที่ไม่มีน้ำตาสักหยดด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “แล้วก็เลิกแกล้งร้องไห้ได้แล้ว สะอื้นขนาดนี้ น้ำตาไหลหมดตัวแล้วมั้ง”

นรินรักษ์กลอกตามองบนกับการประชดประชันของอีกฝ่าย คนบ้าอะไรไม่รู้รู้ทันกันไปเสียหมด อยากจะจระเข้ฟาดหางใส่เขาให้หายแค้นจริงๆ

“ปล่อยฉันได้แล้ว”

“ไม่”

หญิงสาวอยากยกเท้าถีบอกคนที่เอาแต่ยียวน แล้วซัดหนุมานถวายแหวนใส่รัวๆ ให้หายหงุดหงิด ทว่าทำได้แค่นับหนึ่งถึงสิบในใจเพื่อระงับความโกรธก่อนจะพูดอีกครั้ง

“ฉันเตือนคุณดีๆ แล้วนะ” นรินรักษ์พูดเสียงนิ่ง แววตาท้าทายของชายหนุ่มทำให้เธอหมดความอดทน ร่างบางรวบรวมพลังทั้งหมดดันเขาออกห่าง แล้วเตะสีข้างของอีกฝ่ายเต็มแรงทันที

พลั่ก!

“โอ๊ย!” 

ร่างหนาเซถลาล้มลงข้างเตียง หญิงสาวพุ่งไปกดร่างเขาลงกับพื้นแล้วล็อกแขนชายหนุ่มแน่นจนขยับตัวไม่ได้ 

“เป็นเพราะฉันมึนหัวหรอกนะ เลยมีแรงแค่นี้ ถ้าเป็นเวลาปกติ คุณถูกกระทืบไปแล้ว”

ดวินกลอกตาอย่างไม่สบอารมณ์ ยอมนอนนิ่งให้เธอล็อกตัวโดยไม่ขัดขืน ขณะที่หญิงสาวเอื้อมมือไปแกะเชือกรองเท้าผ้าใบของตัวเองมามัดข้อมือเขาไว้ หยิบเสื้อเชิ้ตที่หล่นอยู่มาสวมแล้วติดกระดุมอย่างเร่งรีบ

“ฉันจะพาคุณไปโรงพัก คุณต้องโดนจับข้อหาข่มขืน” ร่างบางพูดเสียงเข้ม “คุณนี่มันเลวจริงๆ กล้าฉุดผู้หญิงมาทำเรื่องเลวทรามแบบนี้ได้ยังไง”

เขาทำอะไรที่ไหนกันล่ะ! เธอเป็นคนลากเขาเข้าห้องเองด้วยซ้ำ

พอนึกถึงเรื่องเมื่อคืนแล้ว ชายหนุ่มก็หัวเสียขึ้นมาอีกรอบ

 

‘คุณคิดจะทำอะไรครับ’

คนตรงหน้าหันมาสบตาเขาด้วยแววตาเลื่อนลอย หางตาของอีกฝ่ายคล้ายมีหยดน้ำใสเกาะ ดวงหน้าซีดเผือดอย่างน่าใจหาย ถ้าปล่อยให้เธอยืนอยู่บนดาดฟ้าของโรงแรมสูงราวสามสิบชั้นนี้เพียงลำพังคงไม่ดีแน่ 

คิดได้ดังนั้น ชายหนุ่มจึงตัดสินใจก้าวเข้าไปหาอีกฝ่ายช้าๆ

‘คุณ...จะทำอะไร’

ร่างบางถอยห่าง ทว่าขากลับก้าวพลาด เสียหลักเซถลาไปชิดขอบระเบียง มือหนาจึงรีบรั้งเอวบางเข้าหาตัวทันที กลิ่นแอลกอฮอล์ที่ลอยมากระทบจมูกทำให้เขาทำหน้านิ่วน้อยๆ อย่างไม่ชอบใจ

‘คุณดื่มมานี่ครับ ระวังหน่อยสิ ถ้าเกิดตกลงไปตายขึ้นมา มีคนเดือดร้อนเพราะคุณแน่’

‘ฉัน...ฉันไม่ได้...’ หญิงสาวตอบตะกุกตะกักก่อนจะรีบผละออกห่าง ‘เอ่อ...ขอบคุณค่ะ’

คนตรงหน้าส่ายหัวไล่ความมึนงงก่อนจะเดินอย่างไร้เรี่ยวแรงไปยังทางลง ชายหนุ่มถอนหายใจน้อยๆ แล้วเดินตามอีกฝ่ายเข้าไปในลิฟต์

‘ชั้นไหนครับ’ 

หญิงสาวไม่ตอบ กลับยื่นมือสะเปะสะปะไปกดปุ่มชั้นสิบ แล้วหลับตาลงเอนหัวพิงผนังลิฟต์ด้วยใบหน้าแดงก่ำ ท่าทางอ่อนแรงของเธอทำให้เขาเหลือบตามองอย่างหนักใจ จนเมื่อลิฟต์เคลื่อนลงมาถึงชั้นสิบ ร่างบางก็เดินโซซัดโซเซออกจากลิฟต์

ชายหนุ่มถอนหายใจยาว รู้ทั้งรู้ว่าไม่ได้รู้จักเธอ ไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น แต่สมองก็ตัดสินใจให้เดินตามร่างไร้สตินั้นออกไป แล้วช่วยประคองร่างบางเมื่อเธอทำท่าจะล้มลงอีกครั้ง

‘คุณอยู่ห้องไหนครับ เดี๋ยวผมไปส่ง’

‘ฉัน...ไปเองด้าย’

การตอบด้วยท่าทางมึนงงของอีกฝ่ายทำให้ร่างสูงทำหน้านิ่วน้อยๆ อย่างลำบากใจ เมาขนาดนี้จะกลับห้องตัวเองถูกได้อย่างไร เจ้าหล่อนล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงแล้วดึงคีย์การ์ดที่ระบุหมายเลขห้องออกมา ทว่ากลับมือไม้อ่อนทำคีย์การ์ดหล่นพื้นเสียอย่างนั้น

ชายหนุ่มทำท่าจะก้มลงไปเก็บ แต่หญิงสาวเอามือกันท่า ชี้เข้าหาตัวแล้วก้มลงไปเก็บเอง มือบางคลำสะเปะสะปะไปทั่วพื้น ทั้งที่คีย์การ์ดหล่นอยู่ตรงหน้าเธอแท้ๆ แต่กลับมองไม่เห็น

‘หายไปไหนแล้ว’ เจ้าตัวบ่นงึมงำ ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ ‘ฮือออ ไม่มีตังค์จ่ายด้วย แม่จ๋าาา’

ใบหน้าของเธอเหยเกราวกับเด็กน้อยอดได้ของเล่น ริมฝีปากเบะราวกับจะร้องไห้ การนั่งยองๆ คลำหาคีย์การ์ดด้วยท่าทางงกๆ เงิ่นๆ ทำให้ชายหนุ่มต้องพยายามกลั้นหัวเราะท่าทางประหลาดของอีกฝ่าย 

เมื่อประเมินว่าชาตินี้เจ้าหล่อนคงหาคีย์การ์ดไม่เจอแน่ จึงก้มลงนั่งเบื้องหน้าหญิงสาวแล้วเลื่อนคีย์การ์ดไปใกล้มือเธอแทน

‘อ๊ะ! เจอแล้ววว’ หญิงสาวตะโกนอย่างยินดีเมื่อมือสัมผัสถูกวัตถุเป้าหมาย ก่อนจะหยิบคีย์การ์ดมาแนบอกอย่างหวงแหน ‘ลูกแม่ ไม่ต้องเสียตังค์แล้ว แม่จ๋าาา’

รอยยิ้มหวานอย่างมีความสุขระบายบนใบหน้านวล เป็นรอยยิ้มพิมพ์ใจที่ทำให้เขาเผลอมองค้างอย่างตื่นตะลึง หัวใจเหมือนหยุดเต้นไปชั่วขณะ 

‘ไปกานเถอะ’

ชายหนุ่มจำได้ว่าตัวเองถูกเธอลากตัวไปอีกครั้งหลังจากจบคำพูดนั้น ไม่รู้เลยว่าแม่ตัวยุ่งไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไหน ถึงได้ฉุดเขาให้เดินไปด้วยกันได้ 

และกว่าจะรู้ตัว เขาและเธอก็มาอยู่ในห้องพักสุดหรูของโรงแรมห้าดาวด้วยกันสองต่อสองเสียแล้ว ด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่หญิงสาวดื่มประกอบกับอานุภาพของยาปลุกเซ็กซ์ที่เขาถูกมอม ทำให้เกิดเรื่องบ้าๆ ทั้งหมดนี่!

 

ชายหนุ่มถอนหายใจอย่างหงุดหงิด อาศัยจังหวะที่เธอลุกออกจากตัวเขาสะบัดมือเต็มแรง เชือกรองเท้าที่หญิงสาวมัดข้อมือเขาไว้ก็หลุดออกทันที 

“เฮ้ย!” นรินรักษ์ร้องเสียงหลง ทว่าดวินกลับผุดลุกขึ้น แล้วรีบหยิบโทรศัพท์มือถือที่อยู่ตรงหัวเตียงส่งให้เธอด้วยสีหน้าที่บ่งชัดว่าหมดความอดทน

“เปิดโทรศัพท์มือถือของคุณดูคลิปที่อัดไว้เมื่อวานสิ”

“เฮ้ย! นี่ถึงกับอัดคลิปตอนข่มขืนฉันไว้แบล็กเมล์กันเลยเหรอ ไอ้คนสารเลว!”

หญิงสาวพูดพลางเอาหมอนทุบเขาไม่ยั้ง สาบานเลยว่าถ้าย้อนเวลาได้เขาจะปล่อยให้เธอยืนรับลมเย็นเล่นเอ็มวีบนดาดฟ้าตามลำพังเหมือนเดิม ไม่รู้ว่าสมองส่วนไหนสั่งการให้ไปถามไถ่เธออย่างห่วงใยกัน 

หาเรื่องใส่ตัวแท้ๆ ไอ้สมองไม่รักดี!

“เมื่อคืนคุณพูดว่า ถ้าคุณโวยวายก็ให้ผมเอาคลิปนี่ให้คุณดู” ชายหนุ่มพูดอย่างข่มอารมณ์ ขณะที่นรินรักษ์มองอีกฝ่ายอย่างไม่วางใจ แต่ก็ยอมรับโทรศัพท์มาเปิดวิดีโอดูตามที่เขาว่า

“สวัสดีค่า รินคนปัจจุบันถึง...รินในอนาคต ตอนนี้ช้าน...กำลังขอให้ผู้ชาย เอ่อ...คุณชื่ออะไรนะ”

“ต้องบอกชื่อด้วยเหรอครับ”

“ช่าย ช้านกำลัง...ช่วยคุณไง ตกลงคุณ...ชื่ออาราย”

“ดวินครับ ผมชื่อดวิน”

“โอเค ช้านกำลังขอให้คุณดาวินนอนด้วย เป็นความต้องการของฉันเอง ห้ามแจ้งความเขานะ รินในอนาคตตต”

นรินรักษ์อ้าปากค้างหลังจากดูคลิปจบ รู้สึกหูอื้อตาลายราวกับมีใครสักคนมาตบบ้องหู นี่เธอเพี้ยนไปแล้วหรือไง ถึงได้อัดวิดีโออธิบายความต้องการของตนเองเสร็จสรรพ แล้วอะไรคือการขอให้คนแปลกหน้าอย่างเขามามีสัมพันธ์ลึกซึ้งด้วยสีหน้าระรื่นแบบนั้น

‘ห้ามแจ้งความเขานะ รินในอนาคตตต’

บ้าฉิบ! นี่เธอเป็นบ้าอะไรของเธอ!

“ชัดพอไหม”

มาก...

“จะคุยกันดีๆ ได้หรือยัง”

นรินรักษ์อยากร้องไห้ รู้สึกเหมือนคราวนี้น้ำตาจะไหลได้เองโดยที่ไม่ต้องเสแสร้งแต่อย่างใด ไม่รู้ผีเข้าหรืออะไร เธอถึงได้ทำเรื่องบ้าๆ แบบนั้น

“ฉัน...ฉันไม่เชื่อ”

“ถ้าไม่เชื่อไปขอดูกล้องของโรงแรมก็ได้ จะได้รู้ว่าผมล่อลวงคุณมาที่นี่จริงหรือเปล่า” ดวินพูดด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่าย หลักฐานชัดเจนขนาดนี้แล้ว เธอก็ยังหลอกตัวเองไม่เลิก “ที่นี่มีกล้องวงจรปิดอยู่ ไปขอดูย้อนหลังเอาก็ได้”

นัยน์ตาของนรินรักษ์เปล่งประกายอย่างมีความหวัง แม้จะรู้สึกแปลกใจไม่น้อยที่คนร้ายเสนอแนวทางช่วยเหลือเธอมากกว่าจะหาทางหนีทีไล่ แต่เธอก็เห็นด้วยว่าความคิดของเขาไม่เลวเลย

“ตกลง ฉันจะไปแต่งตัว คุณห้ามหนีไปไหนนะ” หญิงสาวสั่งเสียงเข้ม แบมือขอโทรศัพท์ส่วนตัวของเขามาเป็นหลักประกันแล้วมองไปรอบๆ เพื่อหากางเกงยีน เธอมัวแต่คาดคั้นเอาคำตอบจากเขาจนลืมไปว่าร่างกายส่วนล่างมีเพียงกางเกงในเท่านั้น โชคดีที่เสื้อเชิ้ตของเธอยาวพอที่จะปกปิดเรือนร่างจากสายตาอันตรายของเขา

“นี่กางเกงคุณ” ชายหนุ่มพูดพร้อมกับโยนกางเกงยีนที่อยู่ข้างตัวให้หญิงสาวอย่างรู้งาน เธอรับได้อย่างพอดิบพอดีแล้วตั้งท่าจะวิ่งไปทางห้องน้ำ ทว่าข้อมือบางกลับถูกรั้งไว้

“อย่าเพิ่งไป เอานี่ไปด้วย”

ดวินยัดบราเซียร์ใส่มือนรินรักษ์อย่างไม่ใส่ใจ ขณะที่หญิงสาวเบิกตากว้างอย่างตื่นตะลึงในความหวังดีของเขา ใบหน้าร้อนจัดเมื่อตระหนักได้ว่าอีกฝ่ายเห็นบราเซียร์ลายหมีพูห์สุดน่ารักของเธอเสียแล้ว เหนือสิ่งอื่นใดหมอนี่คงได้เห็นอะไรมากกว่านั้น

“อีตาบ้า!”

ด่าเสร็จก็วิ่งหายเข้าไปในห้องน้ำ ทิ้งให้ใครอีกคนมองตามด้วยความอ่อนใจระคนขบขัน

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น