4

ยังซิงจริงๆ เหรอ

บทที่ ๔
 ยังซิงจริงๆ เหรอ

 

“กลับมาแล้วค่ะ”

เสียงคุ้นเคยที่ได้ยินทำให้หญิงวัยกลางคนที่นั่งดูรายการโทรทัศน์ค่อยๆ ลุกขึ้นสาวเท้าไปหาลูกสาวที่ยิ้มให้เธออย่างเหนื่อยอ่อน

“กลับมาแล้วเหรอริน หายไปไหนมาทั้งคืนเลยลูก แม่โทร. หาก็ไม่ยอมรับสาย”

“พอดีเมื่อคืนรินแวะไปศูนย์วิจัยมาค่ะแม่ อ่านเปเปอร์จนดึกแล้วเผลอหลับไป ขอโทษที่ทำให้แม่เป็นห่วงนะคะ” 

นรินรักษ์ตอบเสียงอ่อย รู้สึกผิดเหลือเกินที่ต้องโกหกแม่ แต่ถ้าจะให้บอกว่าลูกแม่เพิ่งไปนอนค้างกับผู้ชายที่ไหนก็ไม่รู้ แถมยังลากเขาเข้าห้องขอมีอะไรด้วยอีก ก็กลัวว่าแม่จะเป็นลมสลบไปเสียก่อน เพราะลูกสาวที่แสนจะเรียบร้อยมาจนถึงอายุยี่สิบเก้าปีมาดีแตกเอาตอนอายุจะขึ้นเลขสาม

“งั้นก็ไปอาบน้ำ กินข้าวก่อนเถอะลูก แม่เตรียมไว้ให้แล้ว”

หญิงสาวขอบคุณผู้เป็นแม่แล้วขอตัวกลับขึ้นห้อง ร่างบางทิ้งตัวลงนอนบนเตียง จ้องเพดานด้วยสีหน้านิ่งสนิท ขณะที่คำพูดของใครบางคนผ่านเข้ามาในหัวอีกครั้ง

‘หากคุณยอมรับข้อเสนอของเรา นี่คือสิ่งที่คุณและคุณราณีจะได้รับครับ’

นรินรักษ์เหลือบตามองเช็คจำนวนเงินมหาศาลที่ทำให้เธอกับแม่อยู่สบายไปทั้งชาติโดยไม่ต้องทำงานด้วยแววตานิ่งสนิท แล้วมองหน้าคนพูดอีกครั้ง

‘เขาต้องการแค่นี้เองใช่ไหม’ หญิงสาวถามเสียงเรียบ ‘เขาสนใจแค่สิ่งที่เขาต้องการ แต่ไม่เคยสนว่าฉันกับแม่จะเป็นยังไงบ้าง’

ความเงียบของอีกฝ่ายยืนยันคำพูดของเธอได้เป็นอย่างดี คิดแล้วก็สมเพชตัวเองเหลือเกินที่คิดว่าผู้ชายคนนั้นจะห่วงใยเธอกับแม่บ้าง สิ่งที่เขาสนใจมีเพียงอย่างเดียวคืองานของเธอ หญิงสาวดันเช็คเงินสดกลับไปให้คู่สนทนาแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า

‘ฉันไม่ต้องการข้อเสนออะไรทั้งนั้น ฝากคุณไปบอกเขาด้วย’

ร่างบางผุดลุกขึ้นยืน สะพายกระเป๋าแล้วตั้งท่าจะเดินออกจากร้าน ทว่าเสียงเคร่งขรึมที่ดังขึ้นด้านหลังทำให้ขาที่กำลังก้าวหยุดชะงัก

‘คุณท่านยังไม่หยุดความพยายามหรอกนะครับ’

นรินรักษ์กำมือทั้งสองข้างแน่นอย่างระงับอารมณ์ แล้วหันกลับไปสบตาคนพูดด้วยแววตาแข็งกระด้าง มุมปากยกสูงขึ้นคล้ายจะยิ้มเยาะ

‘งั้นฝากไปบอกท่านของคุณด้วยนะคะว่าพยายามไปก็เท่านั้น’ หญิงสาวตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา ‘ฉันจะทำทุกอย่างเพื่อให้แน่ใจว่าเขาจะไม่มีวันได้สิ่งที่เขาต้องการ’

น้ำตาไหลรินออกจากดวงตาทั้งสองข้าง เธอปาดน้ำตาลวกๆ แล้วหยิบผ้าเช็ดตัวหายเข้าไปในห้องน้ำ ไม่เคยคิดเลยว่าการติดต่อกลับมาของผู้ชายคนนั้นจะมีแค่เรื่องผลประโยชน์ ทั้งที่ครั้งหนึ่งเธอเคยได้ชื่อว่าเป็นคนในครอบครัวของเขา

“เป็นเพราะเรื่องบ้านั่นแท้ๆ เลย” นรินรักษ์บ่นอย่างหัวเสีย เพราะหงุดหงิดจากเรื่องนี้ เธอถึงได้จองห้องพักของโรงแรมห้าดาว แล้วตั้งใจไปดื่มเหล้าที่บาร์จนเมามายทั้งที่ไม่ใช่คนชอบดื่ม จนสุดท้ายก็เกิดปัญหาตามมาจนได้

หญิงสาวสูดลมหายใจลึก มองใบหน้าอ่อนล้าของตนเองในกระจก ที่ลำคอมีรอยแดงเป็นจ้ำๆ ที่ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าชายแปลกหน้าคนนั้นดื่มด่ำกับผิวกายของเธอขนาดไหน

เมื่อคืนเธอกับผู้ชายคนนั้น...ไปไกลถึงขั้นไหนนะ 

‘เราแค่จูบกัน ผมยังไม่ได้ทำถึงขั้นนั้น เพราะคุณกลัวจนตัวสั่น ผมก็เลยเลิก’

‘ผมไม่อยากทำให้คุณต้องเสียใจไปตลอดชีวิต’

คำพูดจริงจังที่ผ่านเข้ามาในความคิดทำให้นิ้วเรียวเลื่อนมาแตะริมฝีปากที่บวมช้ำ ใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาอีกรอบ แม้อีกฝ่ายจะยืนยันหนักแน่นว่าไม่ได้ล่วงเกินเธอถึงขั้นนั้น แต่ความรู้สึกวาบหวามที่พองโตอยู่ในอกตอนนี้คืออะไร แล้วยังอาการปวดร้าวตามร่างกายนี่อีก 

ทำไมเธอถึงจำอะไรไม่ได้เลยนะ

“เรายังซิงจริงๆ เหรอวะเนี่ย” นรินรักษ์พูดพร้อมกับเอามือลูบหน้า “ไว้ไปพิสูจน์ตอนปักตะไคร้ครั้งหน้าก็แล้วกัน”

ร่างบางถอนหายใจยาว วักน้ำขึ้นมาล้างหน้าหลายครั้งเพื่อคลายความง่วงงุน โดยมีเสียงท้องร้องประกอบการแปรงฟันตลอดเวลา

เธอยังบริสุทธิ์ผุดผ่องไหมไม่รู้ แต่ที่รู้คือหิวข้าวมากจริงๆ

 

เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาราวเทพบุตรที่ก้าวไปตามทางเดินแผนกศัลยกรรมอุบัติเหตุเรียกความสนใจจากผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะเหล่าพยาบาลสาวที่พากันมองตามชายหนุ่มด้วยสายตาหยาดเยิ้ม

นายแพทย์ดวิน อาทิตยกุล ศัลยแพทย์อุบัติเหตุประจำโรงพยาบาลศิริรักษ์เป็นดาวเด่นประจำแผนก ทั้งที่เพิ่งมาย้ายมาประจำที่ศูนย์ศัลยกรรมได้ไม่ถึงสองเดือน เพราะฝีมือการผ่าตัดที่เก่งกาจอย่างหาตัวจับยาก ใบหน้าหล่อเหลาคมคาย อีกทั้งยังเป็นคนสุภาพ เคร่งขรึม จึงทำให้ชื่อเสียงของเขาขจรไกลได้ภายในระยะเวลาไม่นาน

แผนกศัลยกรรมอุบัติเหตุเป็นแผนกย่อยในศูนย์ศัลยกรรมของโรงพยาบาลศิริรักษ์ ซึ่งประกอบด้วยแผนกย่อยอื่นๆ อีกมากมาย เช่น แผนกศัลยกรรมทั่วไป แผนกศัลยกรรมกระดูกและข้อ แผนกศัลยกรรมประสาทและสมอง หน้าที่หลักของศัลยแพทย์อุบัติเหตุคือการผ่าตัดช่วยชีวิตคนไข้ที่ได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุต่างๆ โดยจะทำงานร่วมกับแพทย์เวชศาสตร์ฉุกเฉิน และใช้ชีวิตอยู่ในห้องฉุกเฉินเป็นหลัก

“สวัสดีครับหมอ”

ร่างสูงค้อมหัวรับการทำความเคารพจากบุรุษพยาบาลที่เดินสวนมา แล้วมาหยุดที่เคาน์เตอร์หน้าห้องฉุกเฉิน 

“ผมวางบันทึกการผ่าตัดของคุณสมชายไว้บนโต๊ะนะครับ” ชายหนุ่มบอกเดือนเต็ม หัวหน้าพยาบาลประจำห้องฉุกเฉิน “ผมรบกวนคุณเดือนติดต่อแผนกรังสี ขอผลเอ็มอาร์ไอเส้นประสาทไขสันหลังของคุณช่อแก้วที่จะมาผ่าตัดเนื้องอกที่กระดูกให้ผมหน่อยนะครับ”

“ได้ค่ะ หมอวิน” เดือนเต็มตอบแล้วส่งยิ้มให้อีกฝ่าย “หมอทานข้าวหรือยังคะ หน้าหมอดูซีดๆ นะ”

“ผมรอทานข้าวเที่ยงทีเดียวเลยครับ ขอบคุณมากนะครับที่เป็นห่วง” ดวินตอบเสียงขรึมเหมือนเคยแล้วจึงหมุนตัวเดินกลับไปทางเดิม หายเข้าไปในห้องพักสำหรับผู้ป่วยของศูนย์ศัลยกรรม

ร่างสูงทอดตามองจำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มมากขึ้นจากสัปดาห์ก่อนเพราะเป็นช่วงสงกรานต์ด้วยแววตาเคร่งขรึม แล้วเดินไปที่เตียงคนไข้เพื่อเริ่มต้นการราวนด์วอร์ด

“สวัสดีค่ะหมอ”

แพทย์หนุ่มรับไหว้คนไข้ที่ส่งสายตาหวานปานน้ำผึ้งมาให้ จากนั้นจึงรับบันทึกการรักษาจากพยาบาลประจำเวรมาเปิดอ่านด้วยสีหน้าราบเรียบ

“วันนี้อาการเป็นยังไงบ้างครับ”

“ไม่ปวดแผลเท่าเมื่อวานแล้วค่ะ แต่ยังรู้สึกอยากอาเจียนอยู่บ้าง”

“ขอหมอตรวจหน่อยนะครับ”

สีหน้าจริงจังของแพทย์หนุ่มทำให้พยาบาลจบใหม่สองคนที่อยู่ใกล้พากันอมยิ้ม พร้อมกับลอบมองชายหนุ่มด้วยแววตาหลงใหล ขณะที่ชายหนุ่มขยับเข้าไปใกล้ร่างเล็ก แล้วใช้สเตโทสโคปฟังเสียงชีพจรของอีกฝ่าย

“เสียงหัวใจของหนูเต้นดังมากเลยใช่ไหมคะ มันจะดังเป็นพิเศษเลยค่ะเวลาได้เจอหมอ”

เจ้าของดวงตาเรียวรีมองรอยยิ้มอ่อนหวานของเด็กสาววัยรุ่นตรงหน้าด้วยสีหน้านิ่งสนิท ก่อนจะก้มลงจดอะไรบางอย่างแล้วตอบเสียงเรียบ

“เต้นดังก็ดีแล้วครับ เพราะถ้าหัวใจคุณหยุดเต้น หมอคงลำบาก”

พูดจบก็หมุนตัวเดินไปยังคนไข้เตียงถัดไปแล้วรับแฟ้มประวัติการรักษามาอ่าน ไม่สนใจสีหน้าตื่นตะลึงของเด็กสาวคนพูดเลยสักนิด ขณะที่พยาบาลสองคนลอบมองหน้ากัน 

เป็นที่รู้กันดีว่า แม้คุณหมอหนุ่มคนนี้จะสมบูรณ์แบบแค่ไหน แต่กลับมีเกราะน้ำแข็งสูงชันที่คอยปิดกั้นเขาจากคนอื่นเรื่อยมา

 

ร่างบางที่กำลังเช็ดกระจกหน้าร้านอย่างแข็งขันสลับกับส่งเสียงทักทายผู้คนที่เดินผ่านไปมา เป็นภาพที่เห็นจนชินตาแล้วสำหรับคนละแวกนี้ หญิงสาวที่กำลังก้มลงบิดผ้าขี้ริ้วในถังน้ำคือเจ้าของร้าน ‘เติมรัก’ ร้านหนังสือขนาดใหญ่ในอาคารสูงสี่ชั้นที่มีลูกค้าแวะเวียนมาอุดหนุนอยู่เสมอ

“ช่วยด้วย! ใครก็ได้ช่วยที!”

เสียงโวยวายทำให้นรินรักษ์หันไปทางต้นเสียง และพบว่าป้าเจ้าของร้านขนมจีนทรุดนั่งอยู่บนพื้นพร้อมกับชี้ไปทางชายฉกรรจ์ที่เพิ่งวิ่งหนีไปพร้อมกระเป๋าเงิน หญิงสาวรีบทิ้งผ้าขี้ริ้วแล้ววิ่งไปพยุงหญิงวัยกลางคนให้ลุกขึ้น 

“หนูจะตามมันไป ป้าโทร. ไปแจ้งตำรวจนะคะ” 

ร่างบางพูดรัวเร็ว ก่อนจะกระโดดขึ้นปั่นจักรยานแล้วเลี้ยวเข้าไปในซอยที่อยู่ใกล้เพื่อทะลุไปดักหน้าคนร้าย ทว่าทันทีที่ขี่จักรยานพ้นซอยออกมาก็พบว่าคนร้ายเพิ่งจะวิ่งผ่านหน้าไป หญิงสาวจึงตัดสินใจทิ้งรถแล้วสับขาวิ่งตามหัวขโมยทันที

พลั่ก!

โจรร้ายถลาล้มลงเพราะถูกนรินรักษ์กระโดดถีบ เธอกระชากตัวอีกฝ่ายขึ้นมาแล้วชกหน้าเขาจนเลือดกบปาก

“เอากระเป๋าคืนมาเดี๋ยวนี้!”

“กูไม่ให้!” 

ร่างยักษ์ตอบเสียงเหี้ยมแล้วชักมีดออกมาขู่ นรินรักษ์ตั้งการ์ดรับ เธอเบี่ยงตัวหลบมีดที่อีกฝ่ายพุ่งเข้าใส่ ทว่าพลาดท่าถูกคมมีดเฉี่ยวแขนจนเลือดไหลซึม

นรินรักษ์กล้ำกลืนความเจ็บปวดแล้วถีบร่างยักษ์จนมีดกระเด็นหลุดจากมืออีกฝ่าย หญิงสาวชกใบหน้าเหี้ยมซ้ำแล้วรีบวิ่งไปเก็บมีดกับกระเป๋าเงินที่ตกอยู่ โจรร้ายเห็นท่าไม่ดีจึงรีบลุกขึ้นแล้วผลักนรินรักษ์ล้ม ก่อนจะรีบวิ่งหนีไปทางถนนใหญ่

“หยุดเดี๋ยวนี้นะ!” หญิงสาวตะโกนก้อง ตั้งใจจะวิ่งตามอีกฝ่ายไป ทว่า...

โครม!

นรินรักษ์เบิกตากว้าง เมื่อโจรหนุ่มถูกรถกระบะพุ่งชนอย่างจังจนร่างกระเด็นขึ้นฟ้าแล้วตกกระแทกพื้น ขณะที่รถกระบะต้นเหตุรีบถอยหลังแล้วเปลี่ยนเลนขับหนีไป โดยทิ้งร่างที่นอนแน่นิ่งไว้เบื้องหลัง

“กรี๊ด!” 

เสียงกรีดร้องอย่างตกใจดังขึ้นจากใครสักคนในที่นั้น นัยน์ตาของนรินรักษ์สั่นระริกอย่างหวาดกลัว ร่างบางวิ่งเข้าไปทรุดนั่งข้างร่างของคนเจ็บ กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งทำให้ความรู้สึกวิงเวียนครอบงำไปทั่วทั้งร่าง 

“คุณ...คุณได้ยินไหม” หญิงสาวตบแก้มชายหนุ่ม แล้วกดโทรศัพท์เรียกรถพยาบาลด้วยมือสั่นเทา เสียงหัวใจที่เงียบสนิทของอีกฝ่ายทำให้หัวใจของเธอกระตุกวูบ 

“กลับมานะคุณ กลับมา...” นรินรักษ์พึมพำพร้อมกับทำซีพีอาร์ให้ชายหนุ่มอย่างบ้าคลั่ง ความรู้สึกผิดที่เป็นสาเหตุให้ชายคนนี้ถูกรถชนเกาะกุมไปทั้งใจ หากเขาหมดลมหายใจไปต่อหน้าต่อตา เธอคงกลายเป็นฆาตกรที่พรากชีวิตเขา

“กลับมา...ได้โปรด” หญิงสาวอ้อนวอนเสียงพร่า 

อีกฝ่ายขยับนิ้วช้าๆ เป็นการยืนยันว่าเธอทำซีพีอาร์ได้สำเร็จ ผ่านไปไม่ถึงห้านาที หน่วยพยาบาลกู้ชีพพร้อมด้วยอุปกรณ์ครบมือก็มาปรากฏตัวเบื้องหน้า

“เขาถูกรถกระบะชนค่ะ ช่วยเขาด้วยนะคะ” นรินรักษ์พูดรัวเร็วกับเจ้าหน้าที่ที่กำลังสำรวจบาดแผลและอาการเบื้องต้นของคนเจ็บ มือบางกำชายเสื้อที่หลุดลุ่ยของตัวเองแน่นเพื่อสะกดกลั้นความกลัว

ผู้ชายคนนี้ถูกรถชนก็เพราะเธอ

“หัวใจเขากลับมาเต้นแล้วครับ แต่กระดูกขาน่าจะหัก ตอนนี้เราต้องป้องกันไม่ให้ไขสันหลังได้รับบาดเจ็บเพิ่ม” หน่วยกู้ชีพตอบ

เสียงตำรวจตะโกนขอเคลียร์พื้นที่ทำให้ไทยมุงที่รวมตัวดูเหตุการณ์แยกย้ายไปคนละทิศคนละทาง จากนั้นร่างของโจรหนุ่มก็ถูกพาขึ้นรถพยาบาลโดยมีนรินรักษ์มองตามอย่างเอาใจช่วย

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น