บทที่ ๕
เธอผู้มีลูกถีบสลาตัน
เสียงประกาศเรียกทีมศัลยแพทย์อุบัติเหตุผ่านวิทยุสื่อสารทำให้ร่างสูงที่กำลังจัดแฟ้มเอกสารชะงัก เขาลุกขึ้นแล้ววิ่งไปทางห้องฉุกเฉินทันที ภาพความโกลาหลของเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ที่เห็นจนชินตาปรากฏสู่สายตา ก่อนที่เขาจะสาวเท้าเข้าไปหาหัวหน้าพยาบาลที่กำลังคุยโทรศัพท์ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“หมอวิน” เดือนเต็มหันมาทักชายหนุ่มที่ยืนมองเธอด้วยสีหน้าร้อนรน “คนไข้ฉุกเฉินชายอายุประมาณยี่สิบถูกรถกระบะชน ทีมกู้ภัยกำลังนำตัวส่งโรงพยาบาลเรา หมอธีร์ไม่ยอมรับสาย พี่เลยแจ้งไปทางอาจารย์บดินทร์แล้วค่ะ”
“อาการเป็นยังไงบ้างครับ”
“คนไข้ไม่รู้สึกตัวค่ะ ใส่ท่อช่วยหายใจแล้ว BP๓ 60/40 สงสัยว่ากระดูกต้นขาซ้ายหักด้วยค่ะ”
ดวินพยักหน้ารับแล้วสั่งการพยาบาลเวรให้เตรียมอุปกรณ์ที่จำเป็น ก่อนที่บุรุษพยาบาลและหน่วยกู้ภัยจะช่วยกันเข็นเตียงคนไข้เข้ามาในห้องฉุกเฉิน
“คนไข้หัวใจหยุดเต้น ณ จุดเกิดเหตุ แต่กู้ภัยช่วยทำซีพีอาร์ไปสามรอบแล้วชีพจรกลับมา ตอนนี้ V/S๔ คงที่ครับ”
ดวินพยักหน้ารับก่อนที่เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์จะนับหนึ่งถึงสามเพื่อย้ายเตียงคนไข้ ชายหนุ่มเดินไปสวมถุงมือแล้วมารวมกลุ่มกับอาจารย์แพทย์ที่กำลังดูบาดแผลตามร่างกายของคนเจ็บ
“Blunt abdominal injury๕” ศาสตราจารย์ นายแพทย์บดินทร์พูดด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด ขณะที่ดวินตรวจระบบทางเดินหายใจของคนไข้และบาดแผลบริเวณหน้าอกแล้วเสริมต่อ
“มีภาวะลมรั่วในเยื่อหุ้มปอดซ้าย และเลือดออกในช่องท้องระหว่างม้ามกับไตซ้าย เตรียมเซตไอซีดี๖ แล้วจองห้องผ่าตัด”
“ค่ะ” พยาบาลประจำห้องฉุกเฉินรับคำ ก่อนที่เครื่องวัดคลื่นหัวใจจะร้องเตือนเสียงแหลม
“อีเคจี๗เป็นวีที๘ค่ะ!”
“คลำชีพจรไม่ได้ เริ่มทำซีพีอาร์ เตรียมดีฟิบริลเลเตอร์๙”
บดินทร์ประกาศเสียงเข้ม ขณะที่ดวินปั๊มหัวใจช่วยชีวิตคนเจ็บพร้อมกับมองกราฟบนหน้าจอด้วยแววตาเคร่งเครียด ก่อนจะผละออกห่างเมื่อพยาบาลเตรียมเครื่องกระตุกหัวใจพร้อม
“เตรียมดีฟิบริลเลชัน สองร้อยจูล”
“เคลียร์!”
ปึ้ก!
ร่างของคนเจ็บกระตุกเต็มแรง ทว่ากราฟคลื่นหัวใจยังไม่กลับมาเป็นปกติ บดินทร์จึงหันไปสั่งการให้ช็อกไฟฟ้าให้คนเจ็บอีกครั้ง
ปึ้ก!
“คนไข้คลำชีพจรได้ อีเคจีปกติ”
ดวินพูดหลังจากอ่านกราฟบนหน้าจอ ขณะที่เสียงผ่อนหายใจอย่างโล่งอกของใครบางคนดังขึ้น การเป็นศัลยแพทย์อุบัติเหตุทำให้เขาต้องพบเจอเหตุการณ์แบบนี้ทุกวัน
บดินทร์คืนเครื่องกระตุกหัวใจให้พยาบาลผู้ช่วย จากนั้นแต่ละคนก็ผละไปทำหน้าที่ของตัวเองเพื่อเตรียมเคลื่อนย้ายผู้ป่วยไปยังห้องผ่าตัด
“เห็นว่าคนไข้คนนี้วิ่งไปให้รถชนงั้นเหรอ” บดินทร์ถามพยาบาลที่ไปกับรถฉุกเฉิน “ตั้งใจฆ่าตัวตายหรือเปล่า ถ้าเป็นแบบนั้นต้องขอคำปรึกษาจากจิตแพทย์ร่วมด้วย”
“พยานบอกว่าเขาเป็นขโมยค่ะ เขาวิ่งหนีคนที่ตามจับแล้วพลาดท่าถูกรถกระบะชน” พยาบาลสาวตอบด้วยน้ำเสียงคล้ายไม่ชอบใจ
เกิดความเงียบขึ้นหลังจบคำพูดของหญิงสาว สีหน้าของแต่ละคนบ่งชัดว่าไม่พอใจร่างที่นอนแน่นิ่งอยู่บนเตียง
“แย่จริงๆ” แพทย์ฝึกหัดชายพึมพำ ขณะที่หลายคนพยักหน้าอย่างเห็นด้วย “สร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้าน แล้วยังจะสร้างปัญหาให้พวกเราอีก”
“คนไข้จะเป็นใคร ทำอะไรมา ไม่ใช่สิ่งที่เราต้องให้ความสนใจ” ดวินเอ่ยเสียงเรียบพร้อมกับสบตาคนพูดด้วยแววตานิ่งสนิท “หน้าที่ของเรามีเพียงอย่างเดียวคือช่วยชีวิตเขา”
ท่าทางเข้มงวดไม่ผ่อนปรนของศัลยแพทย์หนุ่มทำให้แพทย์ฝึกหัดก้มหน้าหลบตา ขณะที่ศาสตราจารย์บดินทร์ยักคิ้วให้คนพูดราวกับชอบใจ จากนั้นดวินและบดินทร์ก็ผละออกไปเปลี่ยนชุดสำหรับเข้าห้องผ่าตัด
หลอดไฟในห้องผ่าตัดสว่างขึ้น คณะแพทย์และเจ้าหน้าที่ก้าวเข้ามายืนประจำตำแหน่งตามหน้าที่ของตนเอง ดวงตาเรียวรีของดวินจับจ้องบาดแผลบริเวณหน้าอกของอีกฝ่ายอย่างพิจารณา จากนั้นการผ่าตัดช่วยชีวิตคนไข้จึงเริ่มขึ้น
“BP ลดลง”
“ดูเหมือนเส้นเลือดแดงจะฉีกครับ”
ดวินตอบบดินทร์เสียงขรึมขณะคลำไปตามเส้นเลือดเพื่อหาบริเวณที่ฉีกขาด คิ้วเรียวขมวดมุ่นเมื่อยังหาบริเวณเจ้าปัญหาไม่พบเสียที ขณะที่ศาสตราจารย์ นายแพทย์บดินทร์ก็กำลังวุ่นวายกับการซ่อมแซมม้ามที่เสียหาย
“BP 70/40 ค่ะ”
เสียงเตือนของวิสัญญีแพทย์ทำให้ดวินรีบห้ามเลือดให้คนไข้เพื่อป้องกันภาวะหัวใจหยุดเต้น แล้วสั่งให้พยาบาลเตรียมเลือดเพิ่ม ชายหนุ่มสบตาบดินทร์อย่างขอความเห็น ก่อนจะตัดสินใจใช้มือคลำไปตามเส้นเลือดเมื่อประเมินอาการคนไข้แล้ว ความหวาดหวั่นเกาะกุมหัวใจของทุกคน ทว่าหมอผู้ช่วยสุดหล่อของบดินทร์ก็ยังคงทำหน้าที่ของตัวเองต่อด้วยสีหน้านิ่งสงบ
“เจอแล้ว” ชายหนุ่มพึมพำ เขาเอ่ยขอคีมมาหนีบเส้นเลือดที่ขาดออกอย่างเชี่ยวชาญแล้วเย็บปิดแผล ตามมาด้วยเสียงของวิสัญญีแพทย์
“BP 100/80 แล้วค่ะ”
เสียงถอนหายใจอย่างโล่งอกดังมาจากใครสักคนในห้อง เวลาผ่านไปราวครึ่งชั่วโมง การผ่าตัดช่วยชีวิตคนไข้ก็เสร็จสิ้น
“ผมกับดวินเย็บอวัยวะภายในที่ฉีกขาดเรียบร้อยแล้ว หลังจากนี้ส่งคนไข้ไปพักที่ห้องไอซียูเพื่อรอดูอาการนะครับ” บดินทร์บอกทุกคนด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ดวินช่วยไปอธิบายการรักษาให้ญาติคนไข้ฟังหน่อยนะ รบกวนด้วย พอดีผมมีเคสอื่นต่อ”
“ครับ” ศัลยแพทย์หนุ่มตอบรับเสียงขรึมก่อนจะผละออกจากห้องผ่าตัดอย่างรวดเร็ว
นรินรักษ์นั่งประสานมือกันแน่นอยู่บนเก้าอี้หน้าห้องฉุกเฉินเพื่อลดอาการหวาดกลัว แม้ไม่ได้ตั้งใจให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่าการที่โจรขโมยเงินถูกรถชนนั้นไม่ใช่ความผิดของเธอ
“ขอให้ปลอดภัยเถอะ” หญิงสาวพึมพำ แม้คนเจ็บจะเป็นโจรร้ายที่ปล้นเงินชาวบ้าน แต่เธอก็ไม่นึกอยากให้มัจจุราชพรากชีวิตอีกฝ่ายไปเป็นบทลงโทษ โจรคนนั้นควรจะชดใช้ความผิดของตนด้วยวิธีทางกฎหมาย
“คุณเป็นญาติคนไข้ที่ถูกรถชนหรือเปล่าคะ”
เสียงที่ดังขัดขึ้นทำให้ร่างบางสะดุ้งหลุดจากภวังค์ เธอมองสีหน้าร้อนรนของพยาบาลอย่างงุนงง
“เอ่อ...ไม่ใช่ค่ะ มีอะไรหรือเปล่าคะ”
“คือว่าทางเราพยายามหาทางติดต่อญาติคนไข้ค่ะ แต่ไม่พบข้อมูลอะไรเลย ไม่ว่าจะโทรศัพท์มือถือหรือว่ากระเป๋าเงิน คุณพอจะทราบอะไรบ้างไหมคะ”
นรินรักษ์ส่ายหน้าแทนคำตอบ ก่อนที่บทสนทนาของทั้งคู่จะชะงัก เมื่อเสียงของล้มระเนระนาดดังขึ้นพร้อมกับการปรากฏตัวของกลุ่มนักเลงนับสิบคนที่สาวเท้าเข้ามาในศูนย์อุบัติเหตุและฉุกเฉิน เสียงก่นด่าหยาบคายพร้อมกับการอาละวาดทำลายข้าวของทำให้ผู้คนวิ่งหนีอย่างหวาดกลัว
“ลูกพี่กูไปไหน หมอ! หมออยู่ไหน!”
“ที่นี่โรงพยาบาลนะคะ กรุณารักษาความสงบด้วย” เดือนเต็มพูดเสียงเข้มก่อนที่กลุ่มพยาบาลและ รปภ. บางส่วนจะมายืนกันกลุ่มเด็กวัยรุ่นที่ตั้งท่าจะเข้าไปในห้องฉุกเฉิน
“ใครมันทำลูกพี่กู มึงออกมาเดี๋ยวนี้ ไปมุดหัวอยู่ที่ไหน!” คนพูดถีบเก้าอี้รถเข็นที่อยู่ใกล้ตัวระบายอารมณ์ ขณะที่เสียงกรีดร้องอย่างหวาดกลัวดังขึ้นอีกระลอก เมื่อกลุ่มนักเลงเริ่มทำลายข้าวของและทำร้ายร่างกาย รปภ. ที่พยายามเข้ามาควบคุมสถานการณ์
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ!”
“พวกมึงอย่ามาแส่ ไอ้พวกยามกระจอก!”
“ไอ้หน้าตัวเมียที่มันทำลูกพี่กูอยู่ไหน ออกมาสิวะ!”
โครม!
คนพูดกระเด็นไปกระแทกกับผนังทันทีก่อนจะไถลลงกับพื้น ขณะที่เจ้าของลูกถีบยกมือกอดอกมองอีกฝ่ายด้วยสีหน้าเย็นชาพร้อมกับเชิดหน้าขึ้นด้วยท่าทางเย่อหยิ่ง
“ฉันนี่แหละ ไอ้หน้าตัวเมียที่แกว่า” หญิงสาวตอบเสียงเย็น ขณะที่กลุ่มนักเลงตรงหน้าอ้าปากค้างอย่างตื่นตะลึง เพราะไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะเป็นเพศแม่อย่างที่ด่าไว้ ไม่เว้นแม้แต่เหล่า รปภ. บุรุษพยาบาล และคนอื่นๆ ที่อยู่ในเหตุการณ์ที่เบิกตากว้างอย่างตกใจเช่นกัน
ร่างบางสะบัดผมไปมาด้วยมาดของวันเดอร์วูแมน จะให้ใครมาดูดีกว่าเธอในตอนนี้คงไม่มีอีกแล้ว ขณะที่แก๊งนักเลงเด็กชี้หน้าเธอพร้อมตะคอกอย่างเกรี้ยวกราด
“มึง! มึงเป็นผู้หญิงเหรอวะ!”
“ผู้หญิงแล้วยังไง ถ้าจะตีกันก็ออกไปข้างนอก ที่นี่ต้องการความสงบ” นรินรักษ์พูดเสียงกร้าวพร้อมกับพยักพเยิดไปยังประตูทางออก “กลับบ้านไปทำการบ้านไป นี่ถ้าเป็นลูกนะ จะจับตีก้นเสียให้เข็ด!”
“ปากดีนักนะมึง มึงกระทืบลูกพี่กู ต้องโดนเอาคืนอย่างสาสม!”
หญิงสาวทำเสียงจึ๊กจั๊กในปากอย่างหงุดหงิดก่อนจะกระโดดหลบร่างหนาที่พุ่งเข้าใส่ แล้วหมุนตัววิ่งหนีไปยังทางออก
“ตามนังนั่นไป อย่าให้มันหนีไปได้!”
นรินรักษ์วิ่งฝ่าฝูงชนไปยังประตูทางออกของโรงพยาบาลด้วยสีหน้าร้อนรน เธอไม่อยากให้เกิดการปะทะ เหนือสิ่งอื่นใดคือไม่อยากให้ใครต้องมาได้รับบาดเจ็บจากลูกหลงในการต่อสู้ เมื่อเห็นว่ากลุ่มนักเลงวิ่งตามมาไม่หยุด หญิงสาวก็สับขาเร็วขึ้น ทว่ายังไม่ทันก้าวออกจากประตูโรงพยาบาล ข้อมือก็ถูกกระชากเต็มแรง
เผียะ!
ร่างบางหน้าหันตามแรงตบ ได้กลิ่นเลือดคละคลุ้งจากมุมปากของตัวเอง ขณะที่นัยน์ตาของชายตรงหน้าวาวโรจน์อย่างโกรธเกรี้ยว
“นังแพศยา!” เด็กหนุ่มตะโกนก้องพร้อมกับบีบข้อมือเธอแน่น “มึงทำร้ายลูกพี่กูทำไม!”
นรินรักษ์มองอีกฝ่ายอย่างนึกสมเพชก่อนจะสะบัดมือ แล้วสวนหมัดเข้าที่ใบหน้าหยาบกร้านนั้นเป็นการเอาคืน
“ก่อนจะห่วงลูกพี่ ห่วงตัวเองดีกว่าไหม ดูยังไงอายุก็ยังไม่ถึงยี่สิบ กลับบ้านไปกินนมไป!”
“ปากดีนักนะมึง วันนี้กูต้องแก้แค้นให้ลูกพี่กูให้ได้!”
นรินรักษ์จ้องเด็กหนุ่มด้วยสีหน้าแข็งกระด้าง ตั้งการ์ดรอรับการบุกของอีกฝ่าย ขณะที่กลุ่มนักเลงกระจายกำลังกันล้อมตัวเธอไว้ เจ้าของริมฝีปากอิ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า
“เข้ามาเลย ไอ้พวกหมาหมู่”
ภาพการทะเลาะวิวาทภายในศูนย์อุบัติเหตุและฉุกเฉินเบื้องหน้าทำให้สีหน้าของแพทย์หนุ่มฉายแววหงุดหงิด รปภ. ห้าคนกำลังพยายามระงับความวุ่นวายที่เกิดขึ้น ขณะที่หมอและพยาบาลหลายคนช่วยกันปฐมพยาบาลคนเจ็บที่ได้รับลูกหลงจากการปะทะ เสียงร้องโวยวายและข้าวของรอบกายที่ล้มระเนระนาดอย่างต่อเนื่องทำให้ริมฝีปากหยักได้รูปเม้มแน่นอย่างไม่ชอบใจ
“หยุดเดี๋ยวนี้!” รปภ. ตะโกนห้าม ทว่าความโกลาหลที่เกิดขึ้นก็ไม่มีทีท่าว่าจะจบลง ก่อนที่เสียงกร้าวที่ดังแทรกขึ้นมาจะทำให้ศัลยแพทย์หนุ่มเบนสายตาไปหยุดที่คนพูด
“นังตัวดี กูต้องลากตัวมึงไปกราบขอโทษลูกพี่กูให้ได้!”
“ถ้าจะตีกันก็ออกไปข้างนอก อยากติดคุกนักหรือไง” นรินรักษ์ตะโกนตอบอีกฝ่ายเป็นรอบที่สิบ ทว่าการจู่โจมของกลุ่มนักเลงทำให้เธอหมดหนทางล่อพวกมันออกไป หมัดและลูกถีบอันหนักหน่วงของเธอพุ่งใส่เด็กหนุ่มที่รายล้อมคนแล้วคนเล่าไม่มีหยุด ทว่าก็ไม่มีทีท่าว่าอีกฝ่ายจะยอมแพ้แม้แต่น้อย
เสียงกรีดร้องอย่างหวาดกลัวของคนในเหตุการณ์ดังอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ดวินมองแผ่นหลังของหญิงสาวที่ถูกนักเลงนับสิบคนรุมด้วยแววตาประหลาดใจ ท่วงท่าการต่อสู้ของอีกฝ่ายดูคล่องแคล่วและเชี่ยวชาญราวกับผ่านการฝึกฝนมาอย่างดี ทั้งที่เป็นผู้หญิงแท้ๆ แต่กลับบู๊เก่งอย่างไม่น่าเชื่อ
“มีใครแจ้งตำรวจหรือยังครับ” ชายหนุ่มถามพยาบาลที่อยู่ใกล้ หลังจากช่วยพยุงสตรีมีครรภ์ให้ไปหลบบริเวณที่พ้นจากรัศมีการปะทะ
“แจ้งแล้วค่ะ แต่ว่ายังมาไม่ถึง”
สีหน้าของแพทย์หนุ่มบึ้งตึงยิ่งกว่าเดิม ยิ่งเมื่อเห็นว่านักเลงที่ก่อความวุ่นวายเป็นพวกเด็กวัยรุ่น เขาก็ยิ่งหงุดหงิด สังคมไทยเสื่อมโทรมลงทุกวัน เด็กพวกนี้จะรู้ไหมว่าการทะเลาะวิวาทและก่อความวุ่นวายในที่สาธารณะเป็นเรื่องผิดกฎหมาย เหนือสิ่งอื่นใดคือเขาเจ็บปวดเหลือเกินที่ศีลธรรมไม่ได้อยู่ในหัวใจของอีกฝ่ายแม้แต่น้อย ถึงกล้ารุมทำร้ายผู้หญิงตัวคนเดียวแบบนั้น
ชายหนุ่มกดโทรศัพท์หาสารวัตรประจำสถานีตำรวจในพื้นที่ผู้เป็นเพื่อนรุ่นพี่สมัยมัธยมของเขาเพื่อขอความช่วยเหลือ เขามองร่างบางที่ยังสู้ไม่ถอยอย่างพิจารณา ใบหน้านวลของอีกฝ่ายดูคุ้นตาอย่างประหลาด ขณะที่จังหวะการทุ่มนักเลงลงพื้นอย่างรุนแรงก็กระตุ้นให้สมองของชายหนุ่มฉุกคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
“เธอ...”
“เยอะจริงๆ”
นรินรักษ์พึมพำพลางปาดเหงื่อที่หน้าผาก คู่ต่อสู้ของเธอมีมากเกินไป แม้จะมีไม่น้อยที่นอนร้องโอดโอยอยู่ที่พื้นเพราะฤทธิ์หมัดของเธอ แต่ก็มีอีกมากที่ยังตั้งการ์ดประจันหน้ากันอยู่
“วอนหาเรื่องนะมึง!”
นักเลงหนุ่มตะโกนพร้อมกับพุ่งตัวมาหาร่างบางที่เอี้ยวตัวหลบ แล้วหันไปถีบก้นอีกฝ่ายจนเจ้าตัวล้มหน้าคะมำ แม้จะมีพลเมืองดีและ รปภ. หลายคนพยายามเข้ามาช่วยคลี่คลายสถานการณ์เลวร้าย ทว่าหลายคนก็ถูกทำร้ายจนต้องล่าถอยไป ในขณะที่บางส่วนต้องไปช่วยดูแลคนไข้ที่ได้รับลูกหลงจากการปะทะ จนสุดท้ายก็เหลือเพียงนรินรักษ์เท่านั้นที่ยังคงยืนหยัดต่อสู้กับกลุ่มนักเลงอย่างไม่ยอมแพ้
หญิงสาวต่อยนักเลงอีกคนที่พุ่งเข้ามา ก่อนที่ข้อมือบางจะถูกกระชากเต็มแรงจนร่างของเธอเซถลาเข้าหาอีกฝ่าย นรินรักษ์ตาวาวโรจน์อย่างกรุ่นโกรธขณะบิดข้อมือให้หลุดจากการเกาะกุม แต่ก็ทำได้ยากเย็นเหลือเกิน
เผียะ!
เลือดไหลรินจากมุมปาก เจ็บแปลบไปทั้งร่างเพราะถูกตบซ้ำเข้าที่เดิม เธอไม่รู้ว่าตัวเองทำเวรทำกรรมอะไรไว้ ถึงได้มีเรื่องให้ปวดหัวไม่เว้นแต่ละวัน เหนือสิ่งอื่นใดคือเธอเจ็บปวดที่สุดที่ต้องต่อสู้กับกลุ่มอนาคตของชาติเพียงลำพังโดยไม่รู้ว่าตัวเองจะมีชีวิตรอดออกไปจากที่นี่หรือไม่
หัวโจกเงื้อมือขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับที่สมองของนรินรักษ์สั่งให้เธอเอี้ยวตัวหลบ แต่น่าเสียดายที่ร่างกายไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงจะขยับออกห่าง ริมฝีปากบางเม้มแน่นอย่างจำใจยอมรับความเจ็บปวดที่กำลังจะเกิดขึ้น
ทว่า...
พลั่ก!
“สุภาพบุรุษไม่ควรรังแกผู้หญิงนะครับ”
นัยน์ตาคู่สวยเบิกกว้างเมื่อเห็นพลเมืองดีที่อาสาเอาตัวเข้าปกป้องเธอโดยไม่ห่วงอันตรายของตนเอง เขากำข้อมือนักเลงแน่น นัยน์ตาทอประกายกร้าวอย่างโกรธเกรี้ยว ความเจ็บปวดทั้งมวลที่หญิงสาวได้รับมลายไปทันทีเมื่อเห็นใบหน้าคมคายของอีกฝ่าย
“คุณ!”
ความคิดเห็น |
---|