บทที่ 3 กีกี้ กังสดาล
ถ้าลางสังหรณ์แบบสัตว์เล็กของกังสดาลทำงานได้ดี สัญชาตญาณสัตว์ใหญ่นักล่าของสหกรณ์ก็ไม่เคยเป็นสองรองใครมาก่อนเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงสามารถห้ามตัวเองไม่ให้กระโดดข้ามโต๊ะทำงานไปตะปบเธอให้ติดเก้าอี้ ซึ่งดันกลายเป็นความผิดพลาด เพราะเธอหนีออกไปจากห้องของเขาแบบหนูขี้ขลาด พร้อมคำพูดทิ้งท้ายงี่เง่าที่ว่า
‘ขอโทษนะคะ คุณคงจำคนผิด’
“จำคนผิด” สหกรณ์ทวนคำพูดกังสดาลหลังจากกัดฟันกรอด อยากตามตัวเธอกลับมาแต่ไม่สะดวกวิ่งไล่จับต่อหน้าผู้คน เลยได้แต่จ้องมองเก้าอี้ที่ตอนนี้ว่างเปล่าหลังเธอเผ่นหนี
“ผมจำคนทั้งโลกผิดได้ ยกเว้นคุณ”
เขามั่นใจว่าต่อให้เธอกลายเป็นขี้เถ้าเพราะถูกจับไปเผานั่งยางรวมกับคนอื่น เขาก็สามารถแยกแยะชิ้นส่วนเศษกระดูกของเธอออกมาได้ เพราะเธอฝังลึกในความทรงจำของเขาเกินกว่าจะลืม
ผ่านมาหลายปี สหกรณ์ไม่เคยลืมคืนนั้นในนิวยอร์กเลยสักครั้ง แล้วถามตัวเองซ้ำไปซ้ำมาว่าหากเขาเลือกทางอื่นจะดีกว่าหรือไม่
เจ็ดปีก่อน
สหกรณ์เพิ่งออกจากงานเลี้ยงพบปะนักลงทุนด้วยอารมณ์ไม่สู้ดีสักเท่าไร เพราะยังหาแหล่งเงินทุนจากภายนอกประเทศไม่ได้ ซึ่งจะมีผลต่อธุรกิจในเมืองไทยของเขา ความเครียดก่อเป็นความอึดอัดในอก ร้อนใจกับปัญหาที่ดูท่าจะแก้ไม่ง่าย ทั้งที่เห็นว่าฝนกำลังโปรยปราย เขายังเลือกเดินเท้าไปหาป้ายรถประจำทางเพื่อกลับโรงแรม และนั่นทำให้เขาพบเหตุอาชญากรรมบนท้องถนน
แวบแรกที่เห็นหญิงสาวถูกต้อนเข้าซอยเปลี่ยว สหกรณ์ผู้เคยชินกับการไม่ข้องเกี่ยวกับเรื่องของคนอื่นเลือกโทร. หา 119 สายด่วนแจ้งเหตุร้ายของอเมริกาแทนที่จะเข้าไปช่วยเธอ เพราะคำนวณดูแล้วว่าไม่อาจเอาชนะฝ่ายตรงข้ามได้แน่ๆ หนำซ้ำพวกอันธพาลในเมืองใหญ่เหล่านี้ไม่เคยไปไหนมาไหนโดยปราศจากอาวุธ หลายวันก่อนคนรู้จักของเขาเข้าไปช่วยคนแก่จากนักเลงทวงหนี้ ผลคือโดนทำร้ายจนเข้าโรงพยาบาล และเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นในเมืองพุทธที่คนพูดจากันด้วยรอยยิ้มมากกว่าลงมือถึงตายเหมือนในประเทศนี้ เขาเลยยิ่งมั่นใจในตัวเลือกที่จะช่วยโดยไม่เอาตัวเข้าไปเสี่ยง...หล่อ เท่ บู๊เก่งมีแค่ในละคร หรือต่อให้มีอยู่จริงก็ไม่ใช่เขา
เจ้าหน้าที่รับเรื่องบอกว่าจะส่งตำรวจที่ลาดตระเวนใกล้ๆ ไประงับเหตุ คาดว่าจะถึงภายในไม่กี่นาที สหกรณ์จึงภาวนาให้ตำรวจมาถึงโดยไว เพราะถ้าเหตุรุนแรงกว่านี้เขาก็คงช่วยหญิงสาวแปลกหน้าไม่ได้ เขามีชีวิตเพื่อช่วยตนเอง ไม่ได้มีเพื่อคนอื่น แม้จิตสำนึกจะกระหน่ำเตือนว่าเขาไม่ควรดูดายผู้หญิงไร้ทางสู้ แม่ของเขาคงเสียใจถ้ารู้ว่าลูกชายตนเองไม่ปกป้องคนอ่อนแอ แต่สมองก็เถียงจิตสำนึกรัวๆ ว่านี่ไม่ใช่เมืองไทย เขาไม่ได้อยากมาเสี่ยงตายในต่างแดน
“ช่วยด้วย!!! ช่วยฉันด้วย!”
เสียงร้องขอความช่วยเหลือภาษาไทยชัดเจน และก่อนจะคิดให้ถี่ถ้วนสหกรณ์ก็ทำตามที่แม่เคยสอน วิ่งเข้าไปช่วยเธอ
ทุกอย่างเป็นไปตามสัญชาตญาณล้วนๆ สหกรณ์พุ่งเข้าไปในซอยมืดๆ กระแทกตัวชายผิวหมึกชนเข้ากับชายผิวขาวที่กำลังดึงไหล่ผู้หญิงไทย แล้วก็คว้าข้อมือเธอลากออกจากซอยวิ่งไปให้ไกลคนร้าย ด้วยความกังวลว่าพวกมันจะตามมาทัน เขาจึงวิ่งโดยไม่ดูทิศทาง วิ่งจนเหนื่อยหอบค่อยหันมามองดูเธอ
ภายใต้แสงไฟพร่ามัวและม่านฝนบดบังวิสัยทัศน์ สหกรณ์เห็นผู้หญิงร่างเล็กที่ทำให้เขานึกถึงคำว่าบอบบางอ่อนแอ ผมยาวหลุดลุ่ยจากมวยเคลียแก้มป่องน้อยๆ ทำให้เธอดูเหมือนเด็กมัธยมศึกษา แต่การแต่งตัวด้วยชุดกระโปรงมินิสเกิร์ตหนังสีดำกับแจ็กเกตชวนให้คิดถึงคำว่าเด็กแก่แดด ดวงตากลมโตรับกับปากนิดจมูกหน่อยดูน่าสงสารเวลาเธอกะพริบตาปริบๆ ไล่น้ำฝนที่ทำทั้งคู่เปียกปอน สภาพของเธอไม่ต่างจากลูกแมวโดนทิ้งข้างทางวันฝนตก เขาไม่แน่ใจว่าเธออายุเกินยี่สิบปีหรือไม่ แต่การเดินทางคนเดียวในต่างแดนยามค่ำคืนก็ไม่ใช่เรื่องที่ผู้หญิงบรรลุนิติภาวะควรทำอยู่ดี ในฐานะคนไทยด้วยกันเขาจึงเตือนด้วยความหวังดี
“ทีหลังอย่าลืมพกสมองก่อนออกจากบ้านนะครับ” สหกรณ์รู้ว่าตนปากร้ายหยาบคาย แต่ใครใช้ให้ยายลูกแมวน้อยมาเดินท่อมๆ ล่อหมาไฮยีนาในต่างแดนจนเดือดร้อนถึงเขากัน
“ฉะ...ฉัน...”
เห็นได้ชัดว่าเธอตกใจหลายเรื่องนับจากคนโฉดข้างทางมาจนถึงคนปากร้ายอย่างเขา สหกรณ์ไม่ถือสาถ้าเธอจะเถียง เขาพร้อมจะยืนเถียงกับเธอจนกว่าจะหาทางย้อนกลับไปป้ายรถประจำทาง แต่จมูกของเขาไม่เอื้อ จามออกมาเสียงดัง
หลายวันมานี้สหกรณ์วิ่งวุ่นเรื่องหาทุนจนแทบไม่มีเวลาพักผ่อน ประกอบกับอากาศเปลี่ยนแปลงทำให้เขามีอาการหวัดเมื่อรวมกับตากฝนจนเปียกชุ่มจึงจามติดกันสองครั้งจนเขากับคนตรงหน้าลืมไปเลยว่ากำลังจะเถียงกันเรื่องอะไร
“คุณไม่สบายเหรอคะ”
ขณะที่เขาล้วงกระเป๋าหาของมาซับน้ำมูกที่ทำท่าจะไหล ก็มีมือขาวผ่องข้างหนึ่งยื่นซองทิชชูขนาดพกพามาให้
สหกรณ์รีบดึงมาหนึ่งแผ่นเพื่อซับจมูกก่อนจะทำตัวเองขายหน้า แล้วก็รู้สึกได้ว่ามีบางอย่างแตะโดนหน้าผากของเขา นำพาความอบอุ่นจากจุดนั้นไปยังจุดที่แข็งกระด้างใต้แผ่นอกด้านซ้าย เขาก้มมองดูหญิงสาวแปลกหน้ากำลังตั้งอกตั้งใจเช็ดน้ำฝนที่เปียกหน้าเขาอยู่ ชายหนุ่มอยากจะแขวะเธอว่าฝนตกแบบนี้เช็ดไปก็ไม่มีประโยชน์ แต่เห็นสีหน้าคร่ำเคร่งของเธอแล้วก็พูดไม่ออก เพราะด้วยนิสัยชอบผลักไสคนให้ออกห่างจากตัวเองจึงยากจะหาใครเข้าใกล้แสดงความห่วงใยเขาเช่นนี้
สัมผัสเงอะงะนุ่มนวลทลายกำแพงที่ไม่เคยมีใครทำพัง นับจากสูญเสียแม่ สหกรณ์ไม่เคยปล่อยให้ใครเข้าใกล้เขาขนาดนี้มาก่อน แต่เพราะความเป็นห่วงที่ฉายชัดในดวงตาเธอ เขาเลยปล่อยให้เธอเช็ดใบหน้าเปียกฝนของเขาไปสักพัก พอเธอรู้ตัวว่าไร้ประโยชน์ก็ยังพยายามเขย่งตัวยกมือมากันฝนให้เขาอีก
“ขอบคุณ” คำพูดหลุดออกจากปากแล้วเขาก็รู้สึกเขินโดยไม่ทราบสาเหตุ ได้แต่ขยับหลบความปรารถนาดีของเธอ เปลี่ยนไปพูดเรื่องสำคัญแทน
“ผมชื่อสหกรณ์ คุณเรียกผมว่าสตางค์ก็ได้ คุณพักที่ไหน เดี๋ยวผมไปส่ง”
เพราะหลายวันมานี้คุยแต่เรื่องธุรกิจ เขาเลยบอกชื่อจริงออกไปก่อนชื่อเล่น แล้วก็เห็นเธอเอียงคอมองเขาด้วยความสงสัย สหกรณ์กำลังจะเอ่ยปากบอกว่าเขาไม่ได้มีเจตนาอื่นใดในการพาเธอไปส่งที่พักนอกเหนือจากความห่วงใยฉันเพื่อนร่วมชาติ เธอก็กะพริบตาปริบๆ แล้วส่งยิ้มให้
ตอนเธอเอียงคอช่างเหมือนแมวน้อย แต่พอเธอยิ้มเขาก็ลืมความคิดที่เคยมองว่าเธอเป็นเด็กออกไป เพราะตรงหน้าเขาคือหญิงสาวคนหนึ่งที่ยิ้มแล้วทำให้เขาเกือบลืมหายใจ ไม่ใช่เพราะเธอสวย แต่รอยยิ้มของเธอทำให้โลกทึมๆ รอบกายสว่างไสวขึ้น
“ฉันชื่อกีกี้ค่ะ กีกี้ กังสดาล”
กีกี้ กังสดาล ต้นเหตุความทรงจำเลวร้ายของสหกรณ์ สาเหตุที่เปลี่ยนชายหนุ่มขี้เล่นที่ชอบพูดหยอกล้อเป็นประชดประชัน คนที่ทำให้เขาเสียใจจนวันนี้
ถ้าวันนั้นเขาไม่เลือกเดินไปขึ้นรถประจำทาง
ถ้าวันนั้นเขาไม่เปลี่ยนใจพุ่งเข้าไปช่วยเธอ
หรือถ้าวันนั้นเขาไม่จามออกมาแสดงอาการป่วย เขากับเธอก็อาจไม่เกี่ยวข้องกันเลยตลอดชีวิต
แต่น่าเสียดาย สิ่งที่แพงที่สุดในโลกคือ ‘ถ้า’ ซึ่งไม่มีวันเกิดขึ้นจริง เพราะไม่มีมนุษย์คนไหนย้อนเวลากลับไปแก้ไขเรื่องในอดีตได้ สหกรณ์คิดอย่างเคืองขุ่น ก่อนจะนึกได้ว่าเขากับกังสดาลไม่เกี่ยวข้องกันแล้ว เพราะวันนี้เธอแสดงให้เห็นชัดว่าทั้งคู่เป็นเพียงแค่คนแปลกหน้าต่อกัน
เธอกล้าทำเป็นลืมเขา ข้อหานี้ถูกจดลงบัญชีความผิดยาวเหยียด ซึ่งสหกรณ์จดเอาไว้ในสมองให้กังสดาลตลอดหลายปีที่ผ่านมา ถ้าเขาใช้กระดาษจดคาดว่าคงเย็บเล่มรวมกันได้ประมาณยี่สิบเล่ม ชายหนุ่มไม่เข้าใจว่าผู้หญิงที่บอกเลิกเขาอย่างอาจหาญ...อันที่จริงก็ไม่อาจหาญเท่าไร เพราะเธอส่งอีเมลมาขอเลิก แต่เมื่อเขาพยายามติดต่อ เธอก็วิดีโอคอลมาพูดอย่างชัดเจน
‘ถ้าอยากได้ตัวลูกของคุณ ก็อย่าขัดขวางอาชีพนักแสดงของฉัน’
คนที่กล้าแสดงความเห็นแก่ตัวทอดทิ้งหน้าที่ความเป็นแม่ ทำไมต้องเสแสร้งไม่ยอมเผชิญหน้ากับความจริงด้วย หรือว่าข้ออ้างในวันนั้นของเธอไม่ประสบความสำเร็จดังหวัง
‘คุณมีความฝันของคุณ ฉันก็มีความฝันของฉันเหมือนกัน’
“ก็ความฝันจะเป็นนักแสดงของคุณมันจบแล้ว ยังจะมาเสแสร้งอะไรอีก”
สหกรณ์นับหนึ่งถึงร้อยในใจแบบเดินหน้าและย้อนหลังสองรอบกว่าจะสงบใจลงได้ เช่นเดียวกับก่อนหน้านี้ที่เขานั่งนิ่งอยู่ครึ่งค่อนชั่วโมงก่อนจะให้เลขาฯ พากังสดาลเข้ามาพบ เขาคาดว่าตัวเองใจเย็นพอที่จะสนทนากับเธออย่างผู้ที่เจริญแล้ว แต่ความจริงไม่เลย!
ทันทีที่เห็นใบหน้าเล็กกลมมนเท่าฝ่ามือของเธอ ดวงตากลมโตสีดำของเธอ แก้มกลมนุ่มนิ่มน่าหยิกของเธอ ผมหนานุ่มมือของเธอ ผิวขาวใสของเธอ รูปร่างเล็กบอบบางทว่าสมส่วนสัดของเธอ รอยยิ้มหวานๆ ของเธอ เขาก็อยากจะฆ่าเธอแล้ว
เหมือนย้อนกลับไปยังวันนั้นที่สหกรณ์เจอกังสดาลครั้งแรก และวันสุดท้ายที่เธอบอกลา วันแรกเธอรวบมวยผมแต่ปล่อยให้เคลียแก้ม วันสุดท้ายผมเธอปล่อยผมยาวปรกหลังเหมือนในวันนี้ เป็นการรีเพลย์ภาพทุกภาพที่เขาเคยมีเธอในสายตา ตลอดมาสหกรณ์พยายามทิ้งทุกอย่างที่ทำให้ระลึกถึงกังสดาล ขณะเดียวกันก็พยายามสอดส่ายสายตาค้นหาทุกอย่างที่เกี่ยวกับเธอ
เธอเป็นคนบอกชอบเขาก่อน และเป็นคนมูฟออนเช่นกัน มีแค่เขาที่ติดอยู่ตรงนี้
สหกรณ์หยิบเรซูเมในแฟ้มออกมา ถลึงตาใส่ภาพถ่ายขนาดหนึ่งนิ้วของกังสดาล พยายามหาคำตอบว่าเธอนึกอย่างไรถึงมาสมัครงานที่นี่ แต่ยากจะคาดเดาความคิดของเธอ จึงพาลโมโหจับกระดาษฟาดๆๆ ลงบนโต๊ะ จนเผลอไปโดนกรอบรูปที่วางอยู่บนนั้น ในภาพเป็นเด็กชายวัยห้าขวบตัวเล็กคนหนึ่ง ไม่แค่ดูนุ่มนิ่มเหมือนคนในเรซูเม ยังถ่ายทอดมาทั้งโครงหน้ากลมและรอยยิ้มหวานปานน้ำผึ้งมาด้วย
“คุณจะลืมผมไปก็เรื่องของคุณ แต่คุณจะลืมลูกไม่ได้”
ในฐานะคนที่เชื่อว่าการบริหารร่างกายที่ดีที่สุดคือการขยับนิ้วบนหน้าจอโทรศัพท์มือถือเล่นโซเชียล กังสดาลวิ่งเร็วที่สุดก็วันนี้นี่เอง แต่พอวิ่งกลับขึ้นรถแล้วพุ่งออกจากบริษัทจงทรัพย์ เธอค่อยนึกเรื่องสำคัญออก
เธอลืมถามว่าทำไมเขาถึงพูดกับเธออย่างนี้
กังสดาลเอาหัวโขกพวงมาลัยรถสองที ไว้อาลัยให้แก่ความหุนหันพลันแล่นของตน ก่อนจะหันไปมองด้านนอกรถที่ฝนเริ่มโปรยปราย บรรดาผู้คนวิ่งวุ่นหลบฝนหรือไม่ก็เดินช้าๆ ภายใต้ร่ม มองจากมุมนี้เธอไม่รู้ว่าใครเป็นใคร ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะทำอย่างไรต่อไป คนเราหลงลืมตัวเองภายใต้เมืองใหญ่ได้อย่างง่ายดาย ไม่ใช่เพราะอาณาเขตกว้างใหญ่ แต่เป็นเพราะความเวิ้งว้างในหัวใจเราเอง
แม้จะเป็นคนมองโลกในแง่บวก นั่นก็คือพยายามมองโลกในแง่ดี แม้ไม่มีอะไรชวนให้มอง แต่พอกังสดาลมองผ่านกระจกรถเห็นผู้คนสับสนวุ่นวายภายนอก แล้วเอามาเปรียบเทียบกับความสับสนวุ่นวายใจของตนก็ยังต้องทอดถอนใจ ผู้คนเต็มไปหมดเหมือนมดที่ยุ่งกับภารกิจ ส่วนเธอเป็นมดไร้งานที่ไม่รู้ทางกลับรังด้วยซ้ำ ได้แต่วิ่งไปเรื่อยๆ รอคนที่ไม่รู้ว่าใครมาบอกว่าเธอควรทำสิ่งไหนต่อไป
หญิงสาวกดเบอร์โทร. คุ้นเคย แล้วรอจนตัดสัญญาณเข้าสู่การฝากข้อความเสียงที่คุ้นชิน เพื่อพูดประโยคเดิมๆ “แม่สบายดีหรือเปล่าคะ อย่าลืมโทร. หากีกี้ด้วยนะคะ”
หลายเดือนแล้วที่เธอโทร. หาเบอร์ที่ไม่มีคนรับสาย แล้วก็ส่งข้อความเสียงเข้าแชตที่ไม่มีคนเปิดฟัง กังสดาลไม่รู้ว่าบุษบาแม่ของเธออยู่ไหน แต่ตอนนี้เธออยากได้ยินเสียงและอยากได้คำตอบหลายๆ เรื่อง น่าเสียดายที่ไม่ว่าจะพยายามติดต่อเท่าไร พยายามตามหายังไงก็ไม่เจอ
เธอคือมดหลงรัง นกซุกตัวในมุมอันไม่คุ้นชิน จดหมายที่ไม่มีวันส่งถึงผู้รับ บนโลกกว้างใหญ่นี้ไม่มีใครตามหาเธอ ไม่มีใครเห็นความสำคัญของเธอ แต่ทันใดกังสดาลก็คิดได้ว่ามีคนกำลังมอบตำแหน่งงานให้แก่เธอ
‘ในเมื่อคุณเลิกทำอาชีพนักแสดงที่ใฝ่ฝันแล้ว ก็กลับมาทำหน้าที่แม่ซะที’
‘เอ่อ...คุณถามฉันเหรอคะ’
เป็นปฏิกิริยาตอบสนองแรกของกังสดาล หลังจากสหกรณ์ตั้งคำถามว่าเธอพร้อมจะอำลาวงการมารับบทแม่หรือยัง เธอห้ามปากตัวเองได้ แต่ห้ามสายตาที่กวาดมองรอบห้องทำงานของเขาเพื่อหาบุคคลที่สามไม่ได้ ก่อนจะตระหนักได้ว่าทั้งสองอยู่ตามลำพังในห้องปิดตาย เหมาะกับการก่ออาชญากรรมประเภทข่มขืนแล้วฆ่าถ้าวัดจากความมั่นใจในความสวยของเธอ หรือฆ่าโดยไม่ข่มขืนถ้าวัดจากสายตาดุๆ ของเขา หลังจากคำนวณความเป็นไปได้ว่าอย่างหลังสูงกว่าอย่างแรก เธอก็ขอตัวอย่างนุ่มนวลแล้วเผ่นหนีโดยไว พอเข้ามาอยู่ในรถตามลำพังค่อยคัดกรองข้อมูล ซึ่งไม่สะดวกเท่าไรเพราะเธอไม่ได้มีข้อมูลอะไรเกี่ยวกับสหกรณ์สักนิด
กังสดาลนึกไม่ออกว่าเธอเคยเจอหน้าสหกรณ์ตั้งแต่เมื่อไร อย่าว่าแต่ฝากลูกเอาไว้กับเขาเลย และด้วยความโสดสนิทไร้คนรู้ใจของเธอยิ่งเป็นไปไม่ได้ว่าเธอจะมีฐานะแม่ ปัญหาคือเธอหนีเขาได้ แต่หนีสมองตัวเองไม่พ้น
เขาจำคนผิด เขามีอาการทางจิต หรือมิติเวลาของเขาบิดเบือน เธอเปรียบเทียบตัวเลือกทั้งสามแล้วพบว่าไม่มีข้อไหนเข้าท่า จึงเลือกข้อสี่ มีบางอย่างที่เธอไม่รู้ และเมื่อไม่รู้จงถามพ่อปู่กูเกิล
หญิงสาวอาศัยจังหวะรถติดใช้โทรศัพท์ค้นหาข้อมูล สหกรณ์ จงทรัพย์ เป็นชื่อที่กังสดาลได้มาจากการเช็กข้อมูลบริษัทของเขา แต่พอเข้ากูเกิล มันก็บอกได้แค่ว่าเขาเป็นประธานกรรมการบริษัทอะไร ซึ่งก็คือบริษัทที่เธอเพิ่งจะวิ่งหนีออกมานั่นแหละ บอกก็เหมือนไม่บอก พึ่งกูเกิลไม่ได้ เธอจึงหันไปพึ่งเส้นสาย หรือกรุ๊ปไลน์นั่นเอง
ความคิดเห็น |
---|