ตลอดทางที่รถยนต์อเนกประสงค์มุ่งหน้าออกจากสวนมะม่วงเครือฟ้า เขตพนาเหลือบตามองเด็กสาวที่นั่งหน้าตูมอยู่บนเบาะข้างๆ เป็นระยะๆ แล้วก็อดขำไม่ได้กับภาพที่หล่อนกำลังปีนต้นไม้หนีเขา เกิดมาไม่เคยพบเคยเห็นเลยจริงๆ ผู้หญิงอะไรแต่งงานแล้วยังซนเป็นลิง แต่เวลาเดียวกันก็เข้าใจดีว่านวินดาเพิ่งจบมัธยมปลายไม่นาน ทั้งยังถูกย่าตามใจสารพัด ไม่ใช่เรื่องแปลกถ้าจะยังมีพฤติกรรมแบบเด็กๆ อยู่บ้าง
แต่เด็กทำผิดก็ควรได้รับโทษ ไม่อย่างนั้นอีกหน่อยคงกลายเป็นผู้ใหญ่ไม่รู้จักโต และเขาจะไม่ใจดีกับหล่อนในเรื่องไม่เข้าท่าแน่นอน
เมื่อรถยนต์อเนกประสงค์แล่นมาหยุดตรงหน้าเรือนกุมาริกา เขตพนาก็ดับเครื่องยนต์แล้วก้าวลงจากพาหนะคู่ใจ ผิดกับนวินดาที่ยังคงนั่งนิ่ง อดคิดไม่ได้ว่าเขาจะทำโทษหล่อนด้วยวิธีไหน กระทั่งชายหนุ่มก้าวมาเปิดประตูให้ คนตัวเล็กกว่าที่คิดว่าไม่เคยกลัวอะไรก็ถึงกับผวาเฮือก
“ต้องให้อุ้มไหม”
นวินดาเม้มริมฝีปากเล็กน้อย ส่ายหน้าปฏิเสธพลางหลบตาวูบ
“งั้นก็ลงมาเร็วๆ พ่อกับแม่ฉันรอกินข้าวอยู่”
นวินดาเหวออีกครั้ง เงยหน้ามองสามีทางนิตินัยอย่างเหลือเชื่อ
“ลุง...” หล่อนอึกอัก แทบจะเรียบเรียงคำพูดไม่ถูกเลยทีเดียว “ไม่ได้พาน้ำผึ้งมาทำโทษเหรอคะ”
“ไม่ใช่ตอนนี้ แต่ถ้าเธอยังไม่ลงมาดีๆ รับรองคืนนี้โดนหนักแน่ๆ”
หัวใจดวงเล็กๆ เต้นโครมครามแทบหลุดมานอกอก แก้มใสเห่อแดงเป็นปื้น เพราะอดคิดไม่ได้ว่าเขาจะทำโทษหล่อนด้วยวิธีไหน จะเหมือนในนิยายโรมานซ์เรต ๑๘+ ที่เคยซื้อมาอ่านไหม
ครั้นเขาทำท่าจะเข้ามาอุ้มหล่อนลงจากรถจริงๆ นวินดาจึงรีบลอดใต้แขนเขาลงไปยืนนอกรถเสียเอง เพราะกลัวว่าเขาจะทำตามที่ขู่ แต่ไหนแต่ไรเขตพนาเป็นพวกคำไหนคำนั้น ทางที่ดีหล่อนควรทำตัวน่ารักๆ ไว้ก่อนดีกว่า เผื่อจะได้ขอลดหย่อนโทษภายหลัง
“ก็แค่นี้” เขตพนายิ้มมุมปาก ก่อนจะเดินนำขึ้นบันไดเรือนไป
เสี้ยวนาทีหนึ่ง นวินดานึกอยากฉวยโอกาสนี้วิ่งหนีกลับบ้านสวน แต่เขาเพิ่งบอกหยกๆ ว่าบิดามารดารอกินข้าวจึงทำให้เกรงใจมากกว่า
ร่างแน่งน้อยในชุดเอี๊ยมยีนตัวเก่งตัดสินใจเดินตามไปยังระเบียงเรือนร้านอาหาร ช่วงตะวันใกล้ลับขอบฟ้าแบบนี้ลูกค้าตามโต๊ะต่างๆ ค่อนข้างเต็มแน่น แต่แทนที่เขตพนาจะพาหล่อนไปยังโต๊ะประจำของครอบครัวเขา กลับพาลงบันไดอีกฝั่งไปยังศาลาทรงไทยริมบึงบัวขนาดใหญ่แทน เล่นเอานวินดาถึงกับตะลึง เพราะชายคาของศาลาถูกประดับด้วยม่านร้อยดอกไม้ดูงดงามชวนฝัน
ปรกติแล้วมุมนี้เป็นเหมือนไฮไลต์ของเรือนกุมาริกา และมักจะมีลูกค้ามาเช่าจัดงานเลี้ยงสำคัญบ่อยครั้ง แต่การที่สมาชิกในครอบครัวของเขานั่งสนทนากันอยู่ที่โต๊ะอาหารก็ทำให้เด็กสาวเดาได้ไม่ยากว่างานเลี้ยงสำคัญในเย็นวันนี้จัดขึ้นเพื่อใคร
“อ้าว หนูผึ้ง มาแล้วเหรอจ๊ะ” มุลิลาลุกมาทักทายด้วยสีหน้าชื่นบาน คนมาทีหลังจึงรีบยกมือไหว้
“ขอโทษนะคะที่มาช้า น้ำผึ้งไม่รู้ว่าทุกคนกำลังรอน่ะค่ะ” เด็กสาวอดละอายใจไม่ได้ โดยเฉพาะเมื่อเห็นผู้ใหญ่หลายคนกำลังยิ้มน้อยๆ มาให้
“ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ มาแล้วก็ไปกินข้าวกันเลยดีกว่า” หญิงวัยกลางคนชักชวนพลางโอบเอวลูกสะใภ้ไปที่โต๊ะอาหารกลางศาลาด้วยกัน “วันนี้พ่อกับแม่ทำเมนูพิเศษๆ เอาไว้เลี้ยงต้อนรับหนูผึ้งโดยเฉพาะเลยนะ”
นวินดาตื้นตันใจเหลือเอ่ย ไม่รู้จะพูดอะไรได้มากมายนัก
“ขอบคุณนะคะ”
ประมุขหญิงของบ้านเพียงแค่ยิ้มรับ ก่อนจะก้าวไปนั่งลงบนเก้าอี้ตัวเดิมข้างๆ สามี นวินดาจึงยื่นมือไปจับพนักเก้าอี้ว่างตัวหนึ่ง หมายจะดึงออกมานั่งลงเช่นกัน แต่แล้วก็แปลกใจที่เขตพนายื่นมือมาเลื่อนให้เสียก่อน สีหน้านิ่งๆ และแววตาพราวระยับของเขายากจะคาดเดาอารมณ์ ไม่รู้เหมือนกันว่าจะมาไม้ไหน ถึงได้ทำราวกับจะตบหัวแล้วลูบหลังแบบนี้
ก็ถ้าเขาบอกแต่แรกว่าทุกคนกำลังรอเลี้ยงต้อนรับ หล่อนคงไม่แอบหนีไปปีนต้นจามจุรีท้ายสวนแน่ๆ
นวินดาได้แต่มองค้อน ก่อนจะนั่งลงโดยไม่รู้เลยสักนิดว่าสามีกำลังยิ้มขบขันนิดๆ ตอนนั่งลงข้างกัน
ที่จริงเขาเองก็ไม่ได้ตั้งใจปกปิด แต่แม่เพิ่งโทร. ไปบอกเขาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงก่อนเองว่าอยากจะจัดงานเลี้ยงเล็กๆ ในครอบครัวเพื่อต้อนรับสมาชิกใหม่ เหตุเพราะไม่ได้จัดงานมงคลสมรสอย่างเป็นทางการ
“เอาละ ตักข้าวๆ” ดอกเตอร์พนัสหันไปบอกพนักงานเสิร์ฟที่ยืนรอบริการอยู่แล้ว ระหว่างนั้นกุมาริกาจึงอดไม่ได้ที่จะแกล้งเย้าพี่ชายคนโตของบ้าน
“ไม่น่าเชื่อเลยนะคะ จู่ๆ มดจะมีน้องสาวแทนพี่สาวเสียได้”
เขตพนานิ่ง ผิดกับบิดามารดาที่กำลังหัวเราะขบขัน ไม่คิดมาก่อนเหมือนกันว่าเขตพนาจะมีภรรยาเด็กขนาดนี้ และด้วยอายุที่ต่างกันเกือบยี่สิบปีจึงทำให้อดห่วงเรื่องช่องว่างระหว่างวัยไม่ได้ ไหนจะเรื่องที่เขตพนายังไม่ยอมอธิบายกับทุกคนให้ชัดเจนว่าไปรักใคร่ชอบพอกับเด็กสาวตั้งแต่เมื่อไร ดูมีพิรุธน่าสงสัย แต่ในเมื่อนวินดาเองก็ไม่ได้ติดขัดอะไร คู่สามีภรรยาวัยกลางคนจึงเคารพการตัดสินใจของลูก
“ต่อไปนี้หนูผึ้งก็เหมือนลูกสาวอีกคนของบ้านนี้แล้ว เพราะฉะนั้นถ้าพี่หมีรังแกหรือทำตัวไม่ดีก็มาฟ้องพ่อได้นะ” ดอกเตอร์พนัสไม่อยากให้ลูกสะใภ้รู้สึกเหมือนเป็นคนนอก ยังจำได้ว่าเช้าวันเกิดเหตุหล่อนดูหงอๆ กับลูกชายจอมเผด็จการของเขา แม้ไม่รู้ตื้นลึกหนาบาง แต่ในฐานะประมุขของบ้านย่อมต้องวางตัวเป็นกลางให้มากที่สุด
“ไม่ทันไรก็ให้ท้ายกันเสียแล้ว ตกลงว่าใครเป็นลูกพ่อกันแน่”
“ก็ลูกพ่อทั้งคู่แหละโว้ย” ดอกเตอร์พนัสเริ่มหมั่นไส้ลูกชายคนโตตงิดๆ “อีกอย่าง...แกไปผิดผีหนูผึ้งแบบนั้น แม่ของหนูผึ้งไม่เอาแกเข้าคุกก็ดีเท่าไร”
ข้อกล่าวหานั้นทำให้เขตพนาหันไปมองคนที่นั่งข้างๆ ราวกับจะแย้งว่าใครกันแน่ที่ผิดผีใคร และการที่หล่อนหลบตาวูบก็ทำให้อดแกล้งไม่ได้
“น้ำผึ้งอายุสิบแปดคืนนั้นพอดี ผมคงไม่ต้องนอนคุกหรอกครับ หรือถ้าจะต้องนอนคุกจริงๆ ก็คงเป็น ‘คุกรัก’ มากกว่า”
นวินดาหันขวับไปมองสามีอย่างตกตะลึงพรึงเพริด แก้มใสเห่อแดงแบบปัจจุบันทันด่วน เพราะดวงตาคมระยับคู่นั้นกำลังชวนให้นึกถึงการลงทัณฑ์อันร้อนเร่าที่มีหล่อนเป็นนักโทษ แต่ดูเหมือนคนอื่นๆ จะคิดว่าเขาเพียงหยอกเล่น ถึงได้พากันยิ้มชอบใจไปหมด
“แค็กๆๆ”
“เป็นอะไร เจ้าหมึก” คนเป็นพ่อขมวดคิ้วน้อยๆ แปลกใจที่จู่ๆ ลูกชายคนรองก็ทำเหมือนมีอะไรบางอย่างติดคอ ทั้งที่ยังไม่ได้กินอาหารสักคำ
“สำลักความเลี่ยนน่ะครับ” เป็นอันเข้าใจตรงกันว่าแกล้งล้อคนเพิ่งมีภรรยาหมาดๆ “ใครน้อ...คืนก่อนยังบอกผมหยกๆ ว่าไม่หัวงู เผลอแป๊บเดียวก็ฉกเหยื่อเสียอย่างนั้น ความรักคงแน่นอกน่าดูนะครับ”
เขตชลยักคิ้วข้างหนึ่งให้คนเป็นพี่ แต่คนที่อายจริงๆ กลับกลายเป็นสะใภ้วัยใสมากกว่า หล่อนอยากมุดลงใต้โต๊ะให้รู้แล้วรู้รอด เพราะรู้แก่ใจว่าเขตพนาไม่ได้เป็นอย่างที่ถูกกล่าวหา หรือถ้าจะมีอะไรจุกอกเขาจริงๆ ก็คงเป็นความแค้นที่ถูกแบล็กเมลต่างหาก
“แกไม่พูดก็ไม่มีใครว่าเป็นใบ้มั้ง”
“ก็มันเลี่ยนจนทนไม่ไหว” เขตชลยังคงเย้าพลางพยักพเยิดไปยังน้องสาวที่นั่งข้างๆ บิดา เพราะวันนี้หม่อมราชวงศ์นพคุณติดธุระที่ทำงานก็เลยไม่ได้มาด้วย “ตอนคุณชายประจบมดก็ว่าน่าหมั่นไส้แล้ว เจอพี่หมีประจบเมียเข้าไป อาการหนักว่าคุณชายอีก”
“คนไม่มีคู่ก็ได้แต่อิจฉาแบบนี้แหละ” กุมาริกาไหวไหล่น้อยๆ เปลี่ยนเป้าหมายไปแกล้งพี่ชายคนรองบ้าง เพราะไม่อยากให้นวินดาต้องอายนานๆ “คราวนี้ก็เหลือพี่หมึกคนเดียวแล้วนะคะ เมื่อไรจะหาลูกสะใภ้ให้พ่อกับแม่เสียที”
“เอ่อ...” คนเปิดประเด็นเริ่มแซ็วต่อไม่ออก พอได้ยินเสียงพนักงานเสิร์ฟสองคนหลุดหัวเราะคิกคักจึงนึกได้ว่าตักข้าวเสร็จนานแล้ว “ผมว่าเรากินกันเลยดีกว่านะครับ เดี๋ยวข้าวเย็นแล้วไม่อร่อย”
บิดามารดาได้แต่มองหน้ากันแล้วส่ายหัวยิ้มๆ ก่อนจะเริ่มหยิบช้อนขึ้นตักกับข้าวเพื่อนำทุกคนรับประทานมื้อเย็นร่วมกันอย่างเป็นกันเอง
ท่ามกลางแสงอาทิตย์ในช่วงเย็นย่ำ นวินดาควรจะสบายใจที่ครอบครัวใหม่ต้อนรับหล่อนอย่างอบอุ่น ทั้งยังจัดเตรียมอาหารอร่อยๆ แน่นโต๊ะไว้รอ แต่พอเหลือบมองหมีภูเขาไฟที่นั่งอยู่ข้างๆ แววตาระยิบระยับคู่นั้นก็ทำให้คำพูดประโยคหนึ่งของเขาลอยเข้ามาในสมอง
‘หรือถ้าจะต้องนอนคุกจริงๆ ก็คงเป็น ‘คุกรัก’ มากกว่า’
คนมีชนักติดหลังหายใจไม่ทั่วท้อง ทั้งที่เป็นอาหารมื้อแรกกับครอบครัวใหม่แท้ๆ แต่กลับรู้สึกเหมือนอาหารมื้อสุดท้ายของนักโทษประหารไม่มีผิด
ตายๆๆ หล่อนจะทำอย่างไรต่อไปดีนะ...
นวินดาเดินกลับไปกลับมาในห้องน้ำส่วนตัวของสามี ซึ่งอยู่บนชั้นสองของเรือนไทยประยุกต์ด้านหลังเรือนร้านอาหาร
เมื่อครู่เขตพนาเพิ่งอาบน้ำเสร็จหมาดๆ เลยบอกให้หล่อนเข้ามาอาบบ้าง แต่เอาเข้าจริงแล้วเด็กสาวอยากกลับไปอาบน้ำนอนที่บ้านสวนมากกว่า ติดเสียก็แต่ไม่อยากสร้างปัญหา เพราะสมาชิกในครอบครัวเขาดีกับหล่อนเหลือเกิน
แรกทีเดียวนั้นนวินดาวางแผนจะช่วยงานพ่อแม่สามีต่อที่ร้านอีกนิด เชื่อว่าเขตพนาเหนื่อยจากงานมาทั้งวัน กว่าร้านจะปิดให้บริการจริงๆ เขาคงหลับไปก่อน แต่มุลิลาปฏิเสธ เพราะเรือนกุมาริกามีพนักงานรับผิดชอบดูแลอยู่แล้ว ส่วนหล่อนยังต้องจัดเสื้อผ้าในกระเป๋าที่บื้อยกตามมาให้ ตอนนี้ภรรยามือใหม่เลยได้แต่คิดไม่ตกว่าจะผ่านคืนนี้ไปด้วยวิธีใด
หรือจะแกล้งอาบน้ำนานๆ จนกว่าดอกเตอร์หนุ่มจะหลับ...ความคิดหนึ่งผุดวาบขึ้นในสมอง แต่แล้วจู่ๆ ก็สะดุ้งตกใจเพราะเสียงเคาะประตูห้องน้ำ
ก็อก!ๆๆ
นวินดาหันขวับไปมอง ไม่แน่ใจว่าคนที่ยืนอยู่หลังประตูมีธุระอะไรกับหล่อน
“น้ำไม่ไหลเหรอ เงียบเชียว”
คนตัวบางสะดุ้งเล็กๆ เชื่อว่าเขาไม่ได้คิดอย่างที่พูดจริงๆ แต่รู้ทันว่าหล่อนกำลังหาทางหนีทีไล่มากกว่า
“เอ่อ...” เด็กสาวอึกอัก ลุกลี้ลุกลนคิดหาข้อแก้ตัวไปเรื่อย “พอดี...น้ำผึ้งเพิ่งรวบผมเสร็จน่ะค่ะ”
“รวบผม?” เขตพนาย้อนถาม น้ำเสียงฟ้องว่ากำลังขบขันนิดๆ คนโกหกไม่เนียนจึงเพิ่งตระหนักได้ตอนนี้ว่าตัวเองเข้ามาอยู่ในห้องน้ำนานกว่าสิบนาทีแล้ว
น้ำผึ้งเอ๋ย...ไหวพริบปฏิภาณที่เคยมีหายไปไหนหมด ผู้หญิงที่ไหนล่ะจะรวบผมนานขนาดนั้นได้!
“คือ...น้ำผึ้งเหนื่อยมาทั้งวัน แขนเหมือนจะยกไม่ขึ้นด้วย ตอนนี้ยังถอดเสื้อไม่ได้เลยค่ะ” นวินดาหาเหตุผลมารองรับเพิ่มเติม ลืมไปเสียสนิทว่าเหตุผลนี้ดูไม่ต่างอะไรจากการทอดสะพานให้เขา
“เหรอ” ชายหนุ่มยิ้มมุมปากเล็กน้อย “ช่วยไหม”
“บ้า!”
“เอ้า!” เขตพนาอุทานขำๆ ผิดกับนวินดาที่จินตนาการภาพเขามาช่วยถอดเสื้อแล้วเกิดอาการหน้าร้อนผะผ่าว “สามีช่วยภรรยาถอดเสื้อมันแปลกตรงไหน ใครๆ เขาก็ทำกันทั้งนั้น อีกอย่าง...”
“ไม่ต้องๆๆ” เด็กสาวรีบปฏิเสธ ไม่อยากฟังเหตุผลใดๆ ทั้งนั้น เพราะคงมีแต่จะทำให้จนมุมกว่าเดิม “น้ำผึ้งถอดได้แล้วค่ะ ลุงไปนอนเถอะ”
“งั้นถ้ามีอะไรให้ช่วยก็เรียกละกัน” เขตพนายิ้มมุมปากเล็กน้อย ผิดกับเด็กสาวที่กำลังย่นจมูกใส่ประตูอย่างหมั่นไส้ กระทั่งได้ยินเสียงฝีเท้าเขาห่างออกไป ถึงค่อยถอนหายใจเบาๆ อย่างคิดไม่ตก
หล่อนตัดสินใจพลาดหรือเปล่านะที่เลือกผู้ชายระดับดอกเตอร์มาเป็นสามี เพราะดูเหมือนเขาจะช่างสังเกตจนไม่รู้จะใช้ลูกไม้ไหนมาตบตาเขาได้
ทันใดนั้น เสียงโทรทัศน์ที่แว่วมาถึงห้องน้ำก็ทำให้หล่อนเดาได้ทันทีว่าเขาคงยังไม่เข้านอนง่ายๆ เป็นอันว่าแผนถ่วงเวลาคงต้องพับเก็บไป และก่อนที่เขาจะมาตามอีกรอบ นวินดาจึงตัดสินใจถอดเสื้อวางไว้บนชั้นไม้ใกล้ๆ ประตู
ร่างเปล่าเปลือยตรงไปเปิดฝักบัวอาบน้ำในพื้นที่ซึ่งกรุกระจกใสล้อมกรอบเอาไว้ พอน้ำเย็นๆ ชุ่มโชกไปทั่วกายก็เหมือนความสบายตัวจะทำให้สมองโปร่งมากขึ้น
มาถึงขั้นนี้แล้ว...หล่อนไม่ควรหนีอีกแล้วหรือเปล่า เพราะต่อให้หล่อนหาทางเอาตัวรอดได้ในคืนนี้ พรุ่งนี้ก็คงมิวายต้องคิดหาทางเอาตัวรอดต่อไปอีกเรื่อยๆ แต่ไหนแต่ไรหล่อนเองก็ไม่ใช่คนชอบหนีปัญหาเสียหน่อย ส่วนที่หนีไปปีนต้นไม้เมื่อเย็นก็เพราะตั้งหลักไม่ทันมากกว่า
ก็ใครจะไปคิดเล่าว่าดอกเตอร์หนุ่มจะอ่านเกมขาดแต่ต้น จากที่ตั้งใจจะแอ๊บเป็นสาวน้อยใสซื่อตามสไตล์นางเอกแสนดีผู้ไม่เคยตื่นมาบนเตียงกับผู้ชาย ไม่รู้เลยจริงๆ ว่าเสียเวอร์จินไปแล้วหรือยัง เพราะคนมันไม่เค้ย...ไม่เคย กลับต้องกลายมาเป็นเด็กใจแตกในสายตาเขาแบบนี้ แต่เอาเข้าจริงเขตพนาเป็นคนมีเหตุผล หากลองเจรจาต่อรองดีๆ น่าจะพอมีหนทางรอด
คิดอย่างนั้นแล้วนวินดาก็ไม่รอช้าที่จะรีบอาบน้ำอาบท่าให้เรียบร้อย ก่อนจะตรงไปหยิบชุดนอนลายการ์ตูนที่วางอยู่บนชั้นใกล้ๆ อ่างล้างมือมาสวม ดวงตากลมโตมองเงาสะท้อนของตัวเองในกระจก สูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ เพื่อรวบรวมพลังความกล้าหาญในการหันไปจับลูกบิดประตู
เป็นไงเป็นกัน!
ความคิดเห็น |
---|