2

ตอนที่ 2


ลุงหมีขั้วโลก

 

อาทิตย์อัสดงทอแสงลงตกกระทบบึงบัวขนาดใหญ่ย่านชานกรุง ติดกันนั้นคือเรือนไม้ทรงไทยประยุกต์ ซึ่งมีระเบียงกว้างเปิดให้บริการเป็นร้านอาหารภายใต้ชื่อ ‘เรือนกุมาริกา’

ดอกเตอร์พนัส พยัคฆา...บิดาของเขตพนาเป็นเจ้าของร้านอาหารแห่งนี้ ทุกๆ เย็นหากไม่ติดธุระอะไร เขตพนากับเขตชลจึงมักกลับมากินข้าวฝีมือพ่อ ชวนกันคุยเรื่องสัพเพเหระตามประสาพี่น้อง บางครั้งถ้าลูกค้าไม่เยอะมากนัก พนัสกับภรรยาก็จะมานั่งร่วมโต๊ะด้วย แต่วันนี้ค่อนข้างพิเศษกว่าวันอื่นๆ เพราะมีน้องสาวคนสุดท้องกับสามีหนุ่มราชนิกุลเดินทางมาร่วมรับประทานอาหารด้วย

แม้แต่งงานไปนานเกือบครึ่งปีแล้ว กุมาริกาก็ยังคิดถึงพ่อแม่และพี่ชายทั้งสองจนอดไม่ได้ที่จะต้องขออนุญาตหม่อมราชวงศ์นพคุณมากินข้าวที่บ้านทุกเย็นวันพุธ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วคุณชายจะเป็นฝ่ายขับรถพามาเอง เว้นเสียก็แต่วันที่ติดงานสำคัญจริงๆ ถึงให้คนอื่นมาส่ง

“อุ๊ย!” กุมาริกาอุทาน ดวงตาเบิกกว้างพลางยกมือกุมท้องที่นูนกว่าปรกติเพราะตั้งครรภ์มานานกว่าสิบแปดสัปดาห์ ท่าทางตกอกตกใจนั้นทำให้พี่ใหญ่ของบ้านอดห่วงไม่ได้

“เป็นอะไร มด” เขตพนาไถ่ถาม มองน้องสาวที่กำลังกะพริบตาปริบๆ อยู่บนเก้าอี้ตรงข้าม

“เหมือนลูกจะเริ่มดิ้นแล้วเลยค่ะ”

“จริงหรือ...” หญิงวัยกลางคนที่นั่งอยู่หัวโต๊ะมีท่าทางตื่นเต้น “แบบนี้เป็นสัญญาณที่ดีนะ ตอนแม่ท้อง...มดก็ชอบดิ้นเวลาแม่กินข้าวแบบนี้ละ”

“ไหน” หม่อมราชวงศ์นพคุณอดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปคลำท้องภรรยา ก่อนจะยิ้มน้อยๆ อย่างยินดีปรีดาที่สัมผัสได้ถึงแรงดิ้นเบาๆ ของลูกน้อย “จริงด้วย”

“ไหนๆ” เขตพนารีบลุกจากเก้าอี้ประจำตัวไปย่อกายลงทางซ้ายมือน้องสาว “ขอลุงหมีฟังเสียงหลานหน่อย”

ขณะที่พี่ชายคนโตเอียงหูไปแนบลงกับท้องน้องสาว พี่ชายคนรองก็ลุกจากเก้าอี้ไปย่อกายนั่งลงทางขวามือหล่อน โดยไม่ได้สนใจเลยว่าจะแทรกเข้ากึ่งกลางระหว่างสามีภรรยา แม้หม่อมราชวงศ์นพคุณจะมีสีหน้าเหวอๆ แต่เขตชลก็หาได้แคร์ไม่ เขาก้มลงแนบหูกับท้องของกุมาริกาเช่นกัน

“ไม่เห็นได้ยินเลย”

“อยู่ทางนี้” เขตพนาเงยหน้าขึ้น บุ้ยใบ้ให้น้องชายคนรองแนบหูลงบริเวณเดียวกับที่เขาลองฟังเมื่อครู่ ครั้นได้ยินเสียงดิ้นเบาๆ ของหลานชายตัวน้อย เขตชลก็ยิ้มร่า

“จริงด้วย!” ว่าแล้วชายหนุ่มก็เงยหน้าสบตาน้องสาวด้วยความตื่นเต้น “หลานลุงหมึกดิ้นแรงมาก”

“แบบนี้ท่าทางจะดื้อเหมือนแม่แน่ๆ” เขตพนาสัพยอกพลางก้มลงแนบหูฟังเสียงหลานตัวน้อยอีกครั้ง กุมาริกาจึงอดขำไม่ได้ที่พี่ชายทั้งสองคนของหล่อนมามะรุมมะตุ้มอยู่ข้างๆ แย่งกันฟังเสียงหลานด้วยอาการตื่นเต้นเหมือนเด็กเห่อของเล่น ทั้งๆ ที่อายุสามสิบสี่สามสิบห้ากันแล้ว

แต่จะว่าไปก็ไม่แปลก...หล่อนเองก็แอบตื่นเต้นเหมือนกันเพราะเพิ่งเคยท้องครั้งแรก และลูกของหล่อนก็เพิ่งจะส่งสัญญาณของการมีชีวิตให้รู้เป็นครั้งแรกเช่นกัน

“พอแล้ว...” กุมาริกาอยากกินข้าวต่อ “มดจะกินข้าว”

“เดี๋ยวก่อนสิ พี่ยังได้ยินไม่ค่อยถนัดเลย” เขตชลยังคงเห่อหลาน เขารอจังหวะที่เขตพนาเงยหน้าขึ้น แล้วแนบหูลงไปฟังเสียงดิ้นอีกครั้ง หม่อมราชวงศ์นพคุณจึงอดกระแอมขัดไม่ได้

“แต่ผมว่าให้มดกินข้าวก่อนดีไหมครับ”

“ใครถาม” เขตชลหันไปหาเรื่อง เพราะแต่ไหนแต่ไรเขาก็ไม่ค่อยชอบหน้าอีกฝ่ายมากนัก “ลุงกับหลานเขาจะคุยกัน เป็นคนนอกไม่ต้องออกความคิดเห็น”

“ใช่” เขตพนาสนับสนุนน้องชายคนรอง “พูดมาก เดี๋ยวเอามดคืนเลย”

“เอ่อ...” หม่อมราชวงศ์นพคุณตะลึง ก่อนจะหัวเราะน้อยๆ อย่างไม่อยากเชื่อ “ผมเป็นพ่อของลูกมดนะครับ”

“พ่อของลูกแล้วไง” เขตชลเลิกคิ้ว ดวงตาวาววับอย่างไม่สบอารมณ์ที่อีกฝ่ายอ้างสิทธิ์เหนือกว่า “ผมกับพี่หมีเป็นคนเลี้ยงมดมาตั้งแต่เด็กๆ ถ้าไม่มีผมกับพี่หมี มดคงไม่โตมาให้คุณชายขอไปเป็นเมียได้ เพราะงั้นคงไม่ต้องให้อธิบายว่าระหว่างผมกับพี่หมี และคุณชาย...ใครมีสิทธิ์ในตัวหลานมากกว่า”

“ดูมัน” ดอกเตอร์พนัสหัวเราะขำ ไม่อยากเชื่อเลยจริงๆ ว่าลูกสาวของเขาแต่งงานไปนานขนาดนี้ ลูกชายทั้งสองจะยังทำตัวเป็นจงอางหวงไข่เหมือนเดิม “คุณชายอย่าไปถือสาเลยนะ พวกไม่มีปัญญาทำเองก็แบบนี้”

“พ่อ...” สองเขตลุกขึ้นยืนประสานเสียงท้วง ไม่อยากเชื่อเลยว่าบิดาจะเข้าข้าง ‘คนนอก’ อย่างหม่อมราชวงศ์นพคุณเสียได้

“ก็มันจริงนี่หว่า!” ดอกเตอร์พนัสยืนกรานว่าไม่ได้พูดอะไรผิดไป “น้องจะเป็นแม่คนอยู่แล้ว แทนที่พวกแกสองคนจะหวงไม่เข้าเรื่อง เอาเวลาไปหาลูกสะใภ้ให้พ่อดีกว่าไหม”

“นั่นสิคะ” กุมาริกาหัวเราะคิกคัก ก่อนจะถือโอกาสแท็กทีมกับพ่อเสียเลย “พี่หมีกับพี่หมึกชอบทำเหมือนมดเป็นเด็กๆ อยู่เรื่อย ถ้าจะหวงมดขนาดนี้ ตอนนั้นยกให้คุณชายทำไม”

“ก็ถ้าไม่ใช่เพราะไอ้...”

เขตชลยังพูดไม่ทันจบประโยค เสียงกระแอมเบาๆ ของมารดาก็ทำให้เขาชะงัก จำได้ว่าอีกฝ่ายไม่ชอบให้ใช้คำหยาบกับราชนิกุลหนุ่ม เหตุผลคือถึงแม้ไม่อยากให้เกียรติคุณชาย แต่ก็ควรจะให้เกียรติราชสกุลเขาบ้าง

“ถ้าไม่ใช่เพราะคุณชายเป็นคนที่มดรัก คิดว่าพวกพี่อยากยกให้นักเหรอ”

หม่อมราชวงศ์นพคุณยิ้ม มองหน้าภรรยาอย่างรู้ใจกันดีว่าลึกๆ แล้วสองเขตก็วางใจในตัวเขา เพียงแต่ที่ต้องทำเข้มก็เพราะห่วงว่าเขาจะทำให้กุมาริกาผิดหวัง ยิ่งตอนภรรยากำลังตั้งท้องแบบนี้ เปอร์เซ็นต์ที่สามีจะแอบนอกใจมีสูง แต่สำหรับเขาแล้วเรียกว่าไม่มีทาง

“พี่หมี พี่หมึก อย่าห่วงเลยครับ ผมไม่มีทางทำให้มดเสียใจแน่นอน”

“ก็หวังว่าจะไม่ดีแต่ปาก...” น้ำเสียงของเขตพนาราบเรียบเช่นเดียวกับสีหน้า แต่แววตากลับมีประกายเชือดเฉือนเบาๆ “ถ้าผมรู้ว่าคุณชายแอบไปมีกิ๊กตอนที่มดท้อง รับรองศพไม่สวยแน่” 

“ถ้าพี่หมีไม่เชื่อผม งั้นลองถามมดดูเองดีไหมครับ” หม่อมราชวงศ์หนุ่มหันไปหาภรรยา นัยน์ตาหวานหยดราวมดจะไต่ “ผมเลิกงานก็กลับบ้านตรงเวลาทุกวัน แถมยังทำการบ้านทุกคืนไม่เคยขาด แปลว่าไม่ได้แอบไปมีกิ๊กที่ไหนหรอกเนอะ”

“คุณเก้า...” กุมาริกาหน้าร้อน อดไม่ได้ที่จะตีแขนสามีเบาๆ ที่พูดเรื่องนี้ต่อหน้าพี่ชายสองคนของหล่อน แต่เวลาเดียวกันก็พอเดาได้ว่าเขาอยากแกล้งเอาคืนบ้าง และดูเหมือนว่าจะได้ผลอย่างหนักเสียด้วย ตอนนี้สองเขตถึงได้ยืนนิ่งงันเหมือนถูกกำปั้นหนักๆ ชกเข้ากลางใจอย่างแรง

“อะ...ไอ้คุณชาย!” เขตชลกัดฟันกรอดๆ พลางชี้หน้าอีกฝ่าย “มดท้องโตขนาดนี้ยังไม่รู้จักละเว้น นี่ถ้ามดแท้งขึ้นมาใครจะรับผิดชอบ”

“หื่นพร่ำเพรื่อไม่รู้กาลเทศะ มดก็อย่าไปตามใจคุณชายมาก ทำอะไรคิดถึงลูกให้มากๆ รู้ไหม โอ๊ย...” เขตพนาตำหนิน้องเขย ก่อนจะหันไปอบรมน้องสาวจนคนเป็นมารดาอดหมั่นไส้ไม่ได้”

สองเขตสะดุ้ง หันขวับไปมองประมุขหญิงของบ้านที่ลุกจากเก้าอี้มาดึงหูพวกเขาคนละข้าง

“เลิกเพ้อเจ้อได้แล้ว อายุตั้งสามสิบกว่าแล้วยังทำตัวเป็นเด็กหวงของเล่นอยู่ได้” มุลิลาอบรมลูกชายตัวโตๆ ของหล่อนที่ชอบวางท่าข่มลูกเขยอยู่เรื่อย

“แม่...”

“ไปนั่งที่” เสียงเข้มๆ นั้นบ่งบอกว่าไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะให้ประท้วง สองเขตจึงได้แต่ยืนนิ่ง ก่อนจะพร้อมใจกันหันไปมองคุณชายตาขุ่นราวกับจะบอกเป็นนัยๆ ว่า...วันพระไม่ได้มีหนเดียว!

ร่างสูงราวร้อยแปดสิบห้าเซนติเมตรของสองหนุ่มขี้หวงเดินตามกันไปนั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม หม่อมราชวงศ์นพคุณจึงยิ้มขบขันนิดๆ ก่อนจะหันไปตักแกงเขียวหวานเนื้อใส่ในจานภรรยา เพราะจำได้ว่าหล่อนโปรดปรานเป็นพิเศษ

“แล้วนี่หมอนัดอีกทีเมื่อไรจ๊ะ” มุลิลาเริ่มไถ่ถามบุตรสาว เมื่อเห็นว่าบรรยากาศดีๆ บนโต๊ะอาหารเริ่มหวนกลับคืนมาอีกครั้ง

“พุธหน้าค่ะแม่” กุมาริกายิ้ม “มดกำลังจะบอกอยู่เหมือนกันว่าคงไม่ได้มากินข้าวเย็นด้วย แต่จะมาค้างวันงานครบรอบสิบปีฟาร์มพี่หมีแทนนะคะ”

หล่อนพยักพเยิดไปทางพี่ชายคนโตที่กำลังตักข้าวเข้าปาก จำได้ว่าฟาร์มเพาะรักกำลังจะก้าวเข้าสู่ปีที่สิบแล้ว ซึ่งแต่ละปีพี่ชายคนโตของหล่อนมักจัดงานเลี้ยงเล็กๆ ตอบแทนพนักงาน เพราะถือว่าทุกคนมีส่วนทำให้กิจการของเขาเติบโต ส่วนกุมาริกาเองก็ไม่เคยพลาดที่จะไปร่วมขอบคุณเช่นกัน

“จ้ะ” มุลิลาตอบรับเสียงนุ่ม “เอาไว้แม่จะทำความสะอาดห้องรอ”

“ขอบคุณค่ะแม่” กุมาริการับประทานอาหารหมดจานก็ยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม

หม่อมราชวงศ์นพคุณสังเกตว่าคนอื่นๆ เองก็เริ่มอิ่มกันแล้วจึงขอตัวกลับ

“งั้นเดี๋ยวผมกับมดขอตัวกลับเลยดีกว่านะครับ”

หญิงวัยกลางคนยิ้ม พอจะรู้ว่าหม่อมราชวงศ์นพคุณมีงานต้องทำแต่เช้า อย่างไรเสียก็ควรรีบกลับไปพักผ่อนที่บ้าน

“ขับรถดีๆ นะคะ คุณชาย”

“ครับ” ราชนิกุลหนุ่มไหว้ลาพ่อตาแม่ยาย แต่สำหรับพี่ชายสองคนของภรรยา...เขากลับเพียงแค่ยิ้มลาเฉยๆ เนื่องจากตัวเองอายุมากกว่าสองสามปีได้ “ผมพามดกลับก่อนนะครับ พี่หมี พี่หมึก”

สองเขตเพียงแค่พยักหน้าน้อยๆ ไม่ได้พูดอะไรเพราะเกรงใจบุพการีที่ยังนั่งอยู่ร่วมโต๊ะ แต่เมื่อกุมาริกาหันไปกอดลามารดาและหอมแก้มหนึ่งที ก่อนจะลุกมาหอมแก้มพวกเขาชนิดไม่ให้น้อยหน้า หัวใจของสองหนุ่มก็เริ่มพองฟูด้วยความสุข ต่างฝ่ายต่างรู้สึกว่าต่อให้กุมาริกาแต่งงานไปแล้ว หล่อนก็ยังเป็นน้องน้อยคนเดิมของพวกเขาอยู่

“มดกลับก่อนนะพี่หมี พี่หมึก วันงานเจอกัน”

“อื้อ จะทำอะไรก็ระวังๆ ด้วยล่ะ ไม่ได้ตัวคนเดียวแล้วอย่าซนมากรู้ไหม” เขตพนาลูบศีรษะน้องสาว ดวงตามีประกายห่วงใยจนล้น

“รู้แล้วค่า...พ่อ” หล่อนแกล้งตอบรับประชดเสียงใสๆ ทุกคนจึงหัวเราะน้อยๆ อย่างพร้อมเพรียง เพราะบางครั้งเขาก็เจ้าระเบียบกับหล่อนมากกว่าพ่อแท้ๆ เสียอีก จากนั้นก็ก้าวไปหอมแก้มดอกเตอร์พนัสเป็นคนสุดท้าย “มดกลับก่อนนะคะ”

“รีบไปเถอะลูก เดี๋ยวจะถึงบ้านดึก”

เป็นที่รู้กันโดยทั่วไปว่าช่วงเย็นๆ แบบนี้การจราจรค่อนข้างติดขัด

คล้อยหลังที่กุมาริกาก้าวลงบันไดร้านอาหารไปโดยมีสามีคอยดูแลอย่างใกล้ชิด คนเป็นพ่อแม่ก็อดปลื้มใจไม่ได้ที่เห็นลูกสาวเป็นฝั่งเป็นฝา เหลือก็แต่ลูกชายอีกสองคนนี่ละที่ไม่รู้จะหาฝั่งหาฝาได้เมื่อไร

ลำพังแค่เขตชลอาจจะไม่ค่อยน่าเป็นห่วง เพราะดูเหมือนแค่ยังสนุกกับงานและยังไม่เจอคนที่ใช่ ผิดกับเขตพนาที่เคยผิดหวังกับรักครั้งแรกเมื่อหลายปีก่อนจนดูเหมือนอยากครองตัวเป็นโสดตลอดไป

“แม่นะแม่...เมื่อกี้ทำอะไรไม่ไว้หน้าผมกับพี่หมีบ้างเลย” เขตชลเปิดฉากพ้อ นึกถึงตอนถูกทำโทษด้วยการดึงหูแล้วก็ยังขายหน้าคุณชายไม่หาย

“นั่นสิครับ” เขตพนาเองก็แสนขัดอกขัดใจ “ทีกับลูกเขยละบอกให้พวกผมให้เกียรติ ฮึ! ลำเอียงเห็นๆ”

“ก็คุณชายเขาไม่เกเรเหมือนเราสองคนนี่ แล้วตกลงว่าไง...เมื่อไรจะหาลูกสะใภ้ให้แม่”   

“เอ่อ...ผมเพิ่งนึกได้ว่ามีงานที่รีสอร์ต ถ้ายังไงผมขอตัวก่อนดีกว่านะครับ” เขตชลไม่พูดเปล่า ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูด้วยสีหน้าจริงจัง ก่อนจะลุกออกไปทางหน้าร้านอาหารแบบไวทายาด

ดอกเตอร์พนัสกับมุลิลาหันขวับมามองลูกชายคนโตเป็นตาเดียวกัน

“ผมก็ทำงานวิจัยค้างเอาไว้ครับ” เขตพนาไม่รอช้าที่จะลุกไปยังประตูหลังร้าน ซึ่งมีทางเดินเชื่อมต่อไปยังเรือนที่พักอาศัย คนเป็นมารดาจึงอดถอนหายใจไม่ได้

“ดูลูกพ่อสิ พูดเรื่องนี้ทีไรก็รีบชิ่งทุกที”

“ลูกพ่อแล้วไม่ใช่ลูกแม่หรือไงล่ะ” พนัสกระเซ้า ก่อนจะลุกขึ้นยืนพลางเรียกพนักงานเสิร์ฟในร้านให้มาช่วยกันเก็บโต๊ะ ตั้งใจว่าอีกเดี๋ยวจะไปดูแลงานครัวต่อ

มุลิลาลุกขึ้นตามสามี

“แม่ละอยากรู้จริงๆ ว่าผู้หญิงแบบไหนถึงจะเอาเจ้าสองเขตอยู่ หรือว่าแม่จะจับคลุมถุงชนกับลูกสาวเพื่อนแม่ไปจริงๆ เลยดีคะ”

“อย่าเพิ่งใจร้อนดีกว่า ลูกเราเป็นผู้ชาย รอให้สักสี่สิบก็ยังไม่สาย” พนัสพอจะเข้าใจนิสัยของหนุ่มๆ วัยนี้ตามประสาคนที่เคยผ่านช่วงเวลารักอิสระมาก่อน “ของแบบนี้บทจะมาก็มาเอง หรือบางทีอาจจะมาเร็วชนิดที่เราตั้งรับไม่ทันเลยก็ได้นะ”

“ปู่เล็ก ย่าเล็กขา”

เสียงหวานใสแว่วมากระทบโสต ดอกเตอร์พนัสกับภรรยาหันไปมองต้นเสียงก็พบว่านวินดากำลังก้าวขึ้นบันไดเรือนมา

“อ้าว หนูผึ้ง” มุลิลายิ้มทัก ตั้งแต่มาลงทุนเปิดร้านอาหารในละแวกนี้เมื่อสิบกว่าปีก่อน หล่อนก็ได้รู้จักกับย่าของอีกฝ่ายที่เป็นคนกว้างขวาง หากพูดชื่อคุณนายเครือวัลย์ ชาวบ้านละแวกนี้ไม่มีใครไม่รู้จัก เพราะนอกจากจะเป็นเจ้าของสวนมะม่วงชื่อดังของจังหวัดแล้ว ยังเป็นเจ้าของที่ดินอีกหลายผืน

ตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา คุณนายเครือวัลย์ปล่อยให้ชาวบ้านเช่าที่ดินทำกินในราคาถูก บางครั้งใครมีปัญหาเดือดร้อนไปขอให้ช่วย หากไม่ใช่เรื่องเหลือบ่ากว่าแรง คุณนายไม่เคยปฏิเสธเลยสักครั้งเดียว แม้กระทั่งหล่อนกับสามีเองยังเคยขอคำแนะนำจากคุณนายหลายเรื่อง ด้วยเหตุนี้สองครอบครัวจึงสนิทกันมาก

“มาได้ยังไงจ๊ะ” หญิงวัยกลางคนเปิดฉากไถ่ถามทันทีที่เด็กสาวก้าวมาหยุดตรงหน้า เพราะต่อให้สวนของนวินดาจะอยู่ติดกับฟาร์มเพาะรัก แต่ก็ไกลจากเรือนกุมาริกาประมาณห้ากิโลฯ ได้

“ได้ยินพวกคนงานในสวนคุยกันว่าเสาร์นี้ฟาร์มเพาะรักจะจัดงานครบรอบสิบปี น้ำผึ้งเลยเอาของขวัญเล็กๆ น้อยๆ มาฝากค่ะ” นวินดายิ้มหวานพลางยื่นกระเช้ามะม่วงให้ผู้ใหญ่ มีทั้งมะม่วงเขียวเสวย มะม่วงแรด และมะม่วงน้ำดอกไม้สีทอง “น้ำดอกไม้กำลังหวานกรอบ กินกับข้าวเหนียวฟินมากค่ะย่าเล็ก”

“โถ...” หญิงวัยกลางคนรับกระเช้าของขวัญมาอย่างไม่คิดไม่ฝัน ก่อนจะส่งต่อให้เด็กในร้านช่วยเอาไปไว้ในครัว “ที่จริงหนูผึ้งไม่ต้องลำบากก็ได้ ช่วงนี้ต้องดูแลสวนคนเดียวน่าจะเหนื่อยอยู่แล้ว มีอะไรให้ย่าเล็กช่วยก็บอกได้นะจ๊ะ”

“ขอบคุณย่าเล็กมากเลยค่ะ แต่ที่สวนมีน้าแสนคอยช่วยอยู่แล้ว...” เด็กสาวหมายถึงหัวหน้าคนงานเก่าแก่ที่ทำงานให้ย่าแท้ๆ ของหล่อนมานาน “ขี่จักรยานมาเพลินๆ ก็เหมือนได้ออกกำลังกายไปด้วย น้ำผึ้งไม่ลำบากหรอกค่ะ แต่อยู่บ้านคนเดียวบางทีก็แอบคิดถึงคุณย่า เพราะไม่มีคุณย่าสักคน...บ้านหลังเดิมๆ มันกว้างใหญ่ขึ้นเยอะเลย”

สีหน้าเศร้าๆ นั้นทำให้คนเป็นผู้ใหญ่กว่าอดไม่ได้ที่จะลูบศีรษะเพื่อปลอบประโลม

“คุณย่าท่านไปสบายแล้ว อย่าคิดมากเลยจ้ะ”

“น้ำผึ้งรู้ค่ะ ที่จริงตอนนี้ก็เริ่มทำใจได้แล้ว...” นวินดารู้สึกอย่างที่พูดจริงๆ เชื่อว่าถ้าวิญญาณของย่าเฝ้ามองอยู่คงไม่ชอบใจนักถ้าหล่อนเสียใจนานๆ “เอาเป็นว่าน้ำผึ้งขออวยพรให้กิจการของปู่เล็กกับย่าเล็กเติบโตยิ่งๆ ขึ้นไปนะคะ ตอนแรกก็ว่าจะเอามาให้วันงาน แต่ได้ยินว่าเป็นงานภายในก็เลยเอามาให้ล่วงหน้าดีกว่า”

“จริงๆ แล้วถ้าหนูผึ้งสะดวกจะมาสนุกด้วยกันก็ได้นะ” ดอกเตอร์พนัสถือโอกาสเชื้อเชิญ ดวงตากลมโตจึงไหวระริกด้วยความตื่นเต้น

ก็เหตุผลแท้จริงที่หล่อนหอบกระเช้าผลไม้มาฝาก ใช่อยากอวยพรอย่างเดียวเสียที่ไหนกันล่ะ!

“เอ่อ...จะดีเหรอคะ” สาวน้อยวัยกระเตาะรีบปั้นหน้าเกรงใจ เกรงอีกฝ่ายจะระแคะระคายเสียก่อนว่าอยากเอาตัวไปใกล้ชิดลูกชายคนโตของท่าน

“ช่วงนี้หนูอาจจะยังอยู่ในช่วงไว้ทุกข์ แต่ถ้าคุณย่าของหนูยังอยู่ก็คงอยากเห็นหนูยิ้มได้มากกว่า”

“นั่นสิจ๊ะ” มุลิลาเห็นด้วยกับสามีวัยใกล้เกษียณ “ถ้าหนูผึ้งว่างก็มาเถอะ แต่ถ้าไม่สะดวกใจจริงๆ ก็ไม่เป็นอะไรนะ ย่าเล็กเข้าใจ”

“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกค่ะ น้ำผึ้งเกรงใจมากกว่า” นวินดารีบออกตัวเนิ่นๆ เพราะถ้าพลาดจากงานนี้แล้วแผนการหา ‘ผู้ปกครองคนใหม่’ ของหล่อนคงยากจะสำเร็จง่ายๆ “น้ำผึ้งไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับคนในฟาร์ม แล้วก็ไม่ได้เป็นอะไรกับปู่เล็กย่าเล็กนี่คะ” 

“ฮื้อ? ใครสอนให้คิดแบบนี้กัน” หญิงวัยกลางคนท้วง “ฟาร์มเพาะรักเติบโตมาขนาดนี้ได้ก็เพราะได้คุณย่าหนูช่วยแนะนำอะไรตั้งหลายอย่าง และย่าเล็กเองก็รักหนูเหมือนลูกหลานแท้ๆ”

“ยิ่งตอนนี้คุณย่าของหนูไปสบายแล้ว พวกเรายิ่งอยากจะดูแลหนูให้ดีที่สุด” ดอกเตอร์พนัสช่วยยืนยันอีกเสียง “อย่าคิดว่าตัวเองเป็นคนอื่นคนไกลอีกนะ”

นวินดายิ้ม ดวงตามีประกายตื้นตันจากหัวใจจริงๆ

“ปู่เล็กกับย่าเล็กใจดีจังเลยค่ะ งั้นถ้าสมมุติน้ำผึ้งอยากฝากตัวเป็นลูกสาวจริงๆ จะไม่รังเกียจน้ำผึ้งใช่ไหมคะ” เผลอพูดออกไปแล้วก็ได้แต่เม้มปากน้อยๆ ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าผู้ใหญ่จะมองหล่อนแบบไหน แต่ลึกๆ ของหัวใจก็อยากเรียกใครสักคนว่า ‘พ่อกับแม่’ มานานมากแล้ว

“รังเกียจอะไรกันล่ะ” หญิงวัยกลางคนหัวเราะน้อยๆ ด้วยความอารี “มีหนูผึ้งมาเป็นลูกสาวอีกคน บ้านนี้คงยิ่งคึกคักมากกว่า วันไหนเบื่อๆ เหงาๆ อยากแวะมากินข้าวกับพี่หมี พี่หมึก ก็มาได้เลยนะ คิดเสียว่าเป็นบ้านของหนูผึ้งอีกหลัง”

“ขอบคุณนะคะ ย่าเล็ก”

“เรียกแม่ก็ได้นะจ๊ะ”

“ค่ะ แม่...” นวินดาเบาใจที่รู้ว่าผู้ใหญ่ทั้งสองรักและเอ็นดูหล่อน ผิดกับเขตพนาที่ชอบทำตัวเย็นชาเหมือนหมีขั้วโลก แต่เชื่อเถอะว่าทางสะดวกขนาดนี้แล้ว...จบงานครบรอบสิบปีฟาร์มเพาะรักเมื่อไร เขาได้ตกลงในบ่อน้ำผึ้งของหล่อนจนหาทางขึ้นไม่เจอแน่นอน

 

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น