12

การเผชิญหน้าของ ‘แฟนเก่า’ กับ ‘เจ้านายวายป่วง’


 

“ใครมายืนเถียงกันอยู่ตรงนั้นคะธรรศ”

สาวสังคมชั้นสูงหันมาถามคู่หมั้นหนุ่มด้วยสีหน้าไม่ชอบใจ พลางปรายตาจ้องฝ่ายหญิงเขม็ง หลังเห็นคนข้างกายให้ความสนใจจนออกนอกหน้า

นาน...หลายนาทีแล้วที่ธรรศมองเธอไม่วางตา!

ทั้งๆ ที่เขายืนอยู่กับคู่หมั้นที่ทั้งสวยและเพียบพร้อมกว่าทุกอย่างเช่นหล่อน แต่ไอรีนกลับรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นแค่อากาศสำหรับเขา ไม่มีตัวตนอยู่ในสายตาของธรรศ

อันที่จริงต้องบอกว่าไม่มีสิ่งใดอยู่ในสายตาของเขาเลย นอกเสียจาก...ผู้หญิงแปลกหน้าที่ยืนอยู่ตรงนั้น!

ไอรีนพลันไม่พอใจ คล้ายจู่ๆ ก็ศรศิลป์ไม่กินกันกับอีกฝ่ายขึ้นมาแบบไม่รู้สาเหตุ หาเหตุผลไม่ได้ว่าทำไมถึงไม่ถูกชะตาด้วย รู้แต่ว่าไม่ชอบขี้หน้ามากๆ แม่นั่นไม่มีข้อไหนที่ทำให้ลูกสาวบริษัทวัสดุก่อสร้างยักษ์ใหญ่เช่นหล่อนต้องเหลียวมองเลยสักนิด แต่งตัวก็บ้านๆ ใส่เสื้อเชิ้ต กางเกงยีนสีซีดเกือบขาดวิ่นตรงเข่า หน้าตารึก็แสนจะธรรมดา ไม่มีเสน่ห์ชวนให้ดึงดูดใจ ยิ่งเทียบผิวพรรณกันด้วยแล้ว อีกฝ่ายยิ่งดูหมองกว่าอย่างเห็นได้ชัดเพราะผิวที่หยาบคล้ำ ผิดกับผิวสวยๆ นุ่มๆ ของหล่อนอย่างลิบลับ ไม่รู้เจ้าตัวเคยได้สัมผัสครีมบำรุงบ้างรึเปล่า อย่างไอรีนต้องเข้าสปาอย่างน้อยอาทิตย์ละสองสามหน

ถ้าเทียบรูปร่างหน้าตา หล่อนมั่นใจเกินล้านว่าชนะขาด!

ใช่! หล่อนไม่มีอะไรที่จะต้องกลัว หล่อนเหนือกว่าแม่นั่น...

แต่ทั้งๆ ที่สมองสั่งให้คิดแบบนั้น ทำไมหล่อนถึงยังร้อนรนกระวนกระวายใจอย่างไรชอบกล ยอมรับตามตรงว่า...

หล่อนริษยา?!

ไอรีนรู้สึกว่าข้อดีของหล่อนที่เพียรร่ายมาเป็นสิ่งที่ผู้หญิงคนนั้นก็มี และเป็นสิ่งที่เกิดจากธรรมชาติสร้างสรรค์ได้อย่างพอเหมาะพอดี โดยไร้การแต่งเติมเสริมสวย ผิดแผกกับหล่อนที่ต้องเพียรปรุงแต่งรูปโฉมให้สวยงามดูดีอยู่เสมอ หล่อนไม่รู้ว่าทำไมจึงรู้สึกหวั่นใจ ทั้งที่สาวสวยอย่างหล่อนไม่มีวันพ่ายแพ้ให้แก่ผู้หญิงคนไหนเป็นอันขาด โดยเฉพาะผู้หญิงตรงหน้า แต่หล่อนก็อดอิจฉาไม่ได้ คงเพราะลึกๆ ไอรีนรู้ดีว่าหล่อนคงเป็นไม่ได้และไม่มีวันเป็นเหมือนผู้หญิงคนนั้นได้

 “เอะอะมะเทิ่ง ไม่มีสมบัติผู้ดี!” สาวสวยหาเรื่องว่า เพราะริษยาจนทนไม่ไหว

“ไอรีน...คุณรอผมอยู่ตรงนี้ก่อนนะ ผมจะเข้าไปดูสักหน่อยว่าเกิดอะไรขึ้น”

ธรรศแทบไม่ใส่ใจคำพูดของคู่หมั้นสาวเลยแม้แต่น้อย เพราะใจเขาลอยไปอยู่อีกฝั่ง ที่...ที่วิศวะหนุ่มกับสถาปนิกสาวยืนถกเถียงกัน!

“ไอรีนจะไปด้วยค่ะ!” หล่อนบอกเสียงห้วน จงใจบอกให้เขารู้ว่ากำลังไม่พอใจ

แต่แทนที่ธรรศจะรีบหันมาสนใจถามไถ่หรืองอนง้อ คู่หมั้นหนุ่มกลับสาวเท้าไปข้างหน้า ไอรีนจึงต้องรีบก้าวตาม เพียงไม่กี่อึดใจทั้งหล่อนและเขาก็มาหยุดยืนอยู่ต่อหน้าคู่รักที่กำลังทะเลาะกันอย่างรุนแรงจนถึงขั้นลงไม้ลงมือ

 “มาทำอะไรที่นี่...สลักจันทร์”

“คุณธรรศ!”

คนถูกทักเบิกตากว้างด้วยความตกใจ ต่างจากคนทักทายที่เหยียดปากออก

“อย่าบอกว่าจะมาส่งแบบบ้านให้ผมดูถึงที่” ธรรศเลิกคิ้วถาม สีหน้ามีรอยยิ้มเยาะ

ก็เห็นอยู่ว่าหญิงสาวไม่ได้มาเรื่องงาน แต่มาเพื่อพบกับแฟนหนุ่มโดยเฉพาะ ที่รู้เพราะเขายืนมองหล่อนมานานสักระยะแล้ว ก็ตั้งแต่ที่หล่อนเหยียบเท้าเข้ามาในไซต์งานก่อสร้างของเขานั่นละ นาน...จนทำให้คู่หมั้นของเขาชักสีหน้าไม่พอใจ แต่ธรรศไม่สน เพราะสิ่งที่เขาอยากรู้มากกว่าอะไรก็คือหล่อนมาที่นี่ทำไม

ทีแรกธรรศหลงคิดว่าหล่อนอาจมาเขาเพราะมีธุระปะปัง แม้จะเป็นแค่เรื่องงานที่ทำให้หล่อนยอมมาพบเขา แต่ธรรศก็พึงใจ จนกระทั่งได้รู้จุดประสงค์ที่แท้จริงของหล่อน

คงจะอาลัยอาวรณ์กันมากละสิท่า...

ถ้าไม่ติดว่ามีคนนอกร่วมวงอยู่หลายคน เขาจะกระชากตัวหล่อนมาเขย่าให้หัวสั่นหัวคลอน ไม่รู้ทำไมเขาถึงได้รู้สึกหงุดหงิดหัวเสียมากขนาดนี้ เมื่อเห็นสลักจันทร์เพียรมาง้อขอคืนดีกับแฟนหนุ่ม ราวกับมันเป็นของแสลงที่เขาไม่ถูกโรคด้วยเอามากๆ และเหมือนสติพร้อมจะขาดผึงทุกครั้งที่คิดว่าหล่อนยังรักแฟนเก่าอยู่ เขาจึงต้องรีบแจ้นมาที่นี่ เพื่อขัดขวางไม่ให้หล่อนมีความสุข

“ดิฉันมาธุระค่ะ”

“กับอดีตแฟนเก่าของคุณน่ะเหรอ”

ฟังที่เขาถามแล้วสลักจันทร์แทบจะร้องกรี๊ดใส่หูเขาให้หนวกไปเสียเลย เธออุตส่าห์บอกไปแล้วว่ามาด้วยกิจธุระ ไม่ได้ลงรายละเอียด คนมีการศึกษาสูงอย่างเขาก็น่าจะเข้าใจได้ว่าเธอไม่ต้องการบอกใคร เพราะเป็นเรื่องส่วนตัว แต่เขายังซอกแซกถามเหมือนกับตั้งใจจะโพนทะนาให้คนอื่นรู้ไปทั่ว สลักจันทร์จึงอดคิดไม่ได้ว่า...

หรือคนอย่าง ธรรศ ธุวานนท์ เจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์ผู้ยิ่งใหญ่คนนี้จะไม่รู้จักคำว่ามารยาทจริงๆ!

“ดิฉันมาเพื่อธุระส่วนตัวค่ะ! ขออนุญาตไม่ตอบคำถาม!”

กิริยาเชิดหน้าและท่าทางถือดีของคนพูดทำให้คู่หมั้นสาวของธรรศยิ่งเขม่นเข้าไปใหญ่ จากบทสนทนาที่หล่อนตั้งใจฟังเมื่อครู่ ทำให้พอเดาได้ว่าแม่นี่คือสถาปนิกที่ออกแบบบ้านหลังใหม่ให้ธรรศ ไอรีนเลยไม่ชอบใจที่คู่หมั้นของหล่อนต้องข้องแวะร่วมงานกับผู้หญิงอื่น ซ้ำยิ่งพอได้ยินเขาพูดว่า ‘อดีตแฟนเก่า' หล่อนก็ยิ่งหวาดระแวงขึ้นมาทันที

แสดงว่าแม่นี่เพิ่งเลิกกับแฟน!

เลิกกันเพราะอะไร…

หรือหล่อนมีเป้าหมายใหม่ คิดจะหันมาจับเจ้านายรวยๆ แทน

ริมฝีปากเคลือบสีแดงสดเหยียดออก ปรายตามองจิกสถาปนิกสาวอย่างไม่พอใจ

“นี่น่ะหรือคะธรรศ...สถาปนิกของคุณ”

แววตาเหยียดหยามที่มองสลักจันทร์แทนคำพูดต่อมาที่ว่า

‘ดูแล้วไม่เห็นจะเก่งกาจตรงไหนเลยนี่คะ’

คนที่ถูกสบประมาททางสายตาคอแข็งขึ้นมาทันควัน อดคิดไม่ได้ว่าธรรศกับคู่หมั้นช่างเหมาะสมกันเสียนี่กระไร เพราะเป็นพวกที่ไร้มารยาทและยังชอบดูถูกคนอย่างร้ายกาจเหมือนกันไม่มีผิด

สลักจันทร์ยังไม่ทันได้ตอบโต้หรือพูดอะไร เจ้าหล่อนก็ชิงเบ่งความเป็นเจ้านายที่ใช้เงินฟาดหัวลูกจ้างอย่างเธอเต็มที่

“ท่าทางอวดดีไม่ใช่เล่นเลยนะคะธรรศ คุณเป็นเจ้านายแท้ๆ ยังกล้าทำท่าชูคอจองหองขนาดนี้ พูดจาก็ไม่มีสัมมาคารวะ ไม่รู้จักให้เกียรติเจ้านาย คนพรรค์นี้จะเลี้ยงไว้ให้เปลืองเงินทำไมคะ ไอรีนว่าให้ยามมาลากตัวโยนออกไปดีกว่า”

สลักจันทร์ตั้งใจจะกลับพอดี เพราะหมดธุระกับอดีตแฟนหนุ่มแล้ว แต่ก่อนไปขอตอกหน้าผู้หญิงแต่งตัวเปรี้ยวจี๊ดที่ยืนอยู่ข้างกายนายจ้างหนุ่มเสียหน่อยเถอะ คนอะไรหน้าตาก็สะสวย แต่ปากเหมือนปากร้าที่ดีแต่ส่งกลิ่นเหม็น

“ดิฉันกำลังจะกลับแล้วค่ะ ไม่ต้องลำบากคุณให้ใครมาไล่” เธอบอกเสียงเรียบ ก่อนจะหันไปเอ่ยกับคู่หมั้นหล่อนสีหน้านิ่งเฉยไม่ต่างกัน “แบบบ้านที่ดิฉันคิดไว้คงเสร็จภายในอาทิตย์นี้ ถ้าคุณมีเวลาว่างวันไหน กรุณาเข้ามาดูแบบที่ดิฉันสเกตช์ไว้ด้วยค่ะ ถ้าเกิดไม่ชอบใจหรืออยากให้ดิฉันปรับเปลี่ยนตรงไหน ดิฉันจะได้คิดให้ใหม่”

“ผมจะเข้าไปวันเสาร์” ธรรศตอบพร้อมๆ กับที่คู่หมั้นสาวแหวขึ้นมา

“นี่ต้องทำงานใกล้ชิดสนิทสนมถึงขั้นต้องนัดเจอกันด้วยเหรอคะ”

ธรรศยักไหล่ “ก็มันเป็นงานนี่ครับ”

“แค่คนออกแบบบ้าน ไม่เห็นคุณจะต้องลงไปดูเองเลย ลูกน้องมีออกตั้งมากมาย”

“แต่นี่มันบ้านของผมนะครับ ผมก็ต้องดูเองสิ จะให้คนอื่นมาดูแทนได้ยังไง” ธรรศพยายามใจเย็น ทั้งที่เริ่มจะเบื่อหน่าย

“ไม่รู้ละค่ะ ไอรีนไม่ไว้ใจ ไหนวันนั้นคุณบอกว่าไม่ได้อยู่กับผู้หญิงอื่นไงคะ แล้วนี่มันอะไร”

“ผมบอกว่าจะไม่มีใคร ไม่ได้พูดสักหน่อยว่าอยู่กับผู้หญิงหรือผู้ชาย”

“พูดแบบนี้ก็เหมือนกับคุณโกหกไอรีนนะคะ”

“ตรงไหนครับ”

“คุณกำลังทำให้ไอรีนโกรธอยู่นะคะ” หล่อนเตือนเสียงเขียว เมื่อพ่อปลาไหลเล่นลิ้นจนเธอจับไม่อยู่หมัด ซ้ำร้ายแทนที่เขาจะสลด กลับย้อนหล่อนด้วยสุ้มเสียงระอาอีกว่า

“นั่นเพราะคุณไม่มีเหตุผลครับ”

“ธรรศ!” ไอรีนแผดเสียงลั่นอย่างขัดใจ “นี่คุณหาว่าไอรีนเป็นคนผิดงั้นเหรอคะ”

“เปล่า ผมกำลังบอกให้คุณมีเหตุผล หัดใช้สติคิดและพิจารณาอะไรให้รอบคอบมากขึ้นต่างหาก”

“แก้ตัวน้ำขุ่นๆ” ไอรีนค้อนควัก พลางหันไปกล่าวโทษตัวต้นเหตุที่ทำให้หล่อนกับแฟนหนุ่มทะเลาะกันอย่างพาลๆ เมื่อหาทางระบายอารมณ์กับเขาไม่ได้ “ผู้หญิงสมัยนี้หน้าด้านจะตาย ทำเป็นเงียบๆ ติ๋มๆ ที่แท้ก็อยากจะแย่งแฟนคนอื่นจนตัวซีดตัวสั่น ยิ่งเป็นพวกหน้าซื่อตาใส ไอรีนยิ่งต้องระวังเป็นพิเศษ”

สลักจันทร์กลอกตาอย่างเซ็งๆ ที่ต้องมายืนให้ธรรศและคู่หมั้นสาวโต้เถียงกันข้ามหัวเธอไปมาแบบนี้ ซ้ำยังถูกลากเข้าไปมีเอี่ยว โดนด่าโดนแขวะจนยับเยิน

“จะระวังทำไมครับ ในเมื่อวันก่อนไอรีนเป็นคนบอกเองว่าถ้าผมไม่ทำตาม ไม่ส่งผู้ใหญ่ไปสู่ขอ เราจะเลิกกัน”

หญิงสาวหันขวับไปมองหน้าชายหนุ่ม แปลกใจไม่น้อย แทนที่คนโดนด่าตรงๆ เช่นเธอจะเป็นฝ่ายเดือดเนื้อร้อนใจ กลับกลายเป็นคู่หมั้นหนุ่มของคนพูดเสียเองที่เอ่ยแก้ต่าง ทำเอาสลักจันทร์ยังอดสงสัยไม่ได้ว่า ตกลงเขาต้องการปกปิดความผิดตัวเองหรือต้องการปกป้องเธอกันแน่!

แต่ด้วยความที่คนอย่างธรรศเป็นคนพูด เธอเลยไม่กล้าคิดเข้าข้างตัวเองว่าเป็นอย่างหลัง

“ไอรีนก็พูดไปอย่างนั้นเองละค่ะ”  คู่หมั้นสาวรีบแก้ตัวส่งๆ “ไอรีนรักธรรศนะคะ คุณเป็นของไอรีน ถึงคุณจะยังไม่ได้จัดการเรื่องของเราให้ถูกต้องตามขนบธรรมเนียมประเพณีเสียที แต่ผู้หญิงหน้าด้านคนไหนก็จะมาแย่งธรรศไปจากไอรีนไม่ได้ ไอรีนไม่ยอมปล่อยมือจากคุณเด็ดขาด และจะไม่ยอมให้คุณเที่ยวไปทำตาเล็กตาน้อยมองผู้หญิงคนอื่นนอกจากไอรีนด้วย”

“ดิฉันก็ไม่เคยมีความคิดที่จะแย่งแฟนหรือสามีชาวบ้านอยู่ในหัวเหมือนกันค่ะ แต่ถ้าคุณหวงแฟนคุณมากขนาดนั้นละก็ กรุณาล่ามคนของคุณหรือไม่ก็ใส่กรงขังไว้จะดีกว่า”

สลักจันทร์ชักจะเหลืออด เมื่อถูกพาดพิงในทางที่ไม่ดีบ่อยๆ แต่ยังคงเก็บอารมณ์ข่มความไม่พอใจเอาไว้ภายใต้สีหน้าเรียบเฉยได้อย่างดี แตกต่างจากคนที่ถือตัวว่าเป็นเจ้านายที่แทบจะเต้นเร่า ร้องกรี๊ดๆ ชี้หน้าด่าเธออย่างไม่แคร์สายตาใครหน้าไหน

“กรี๊ดดด! นี่แกกล้าย้อนฉันเหรอ ฉันจะเล่นงานแกให้หนักเชียว ให้มันรู้ซะบ้างว่าใครเป็นใคร ธรรศคะ...ไล่แม่นี่ออกไปเดี๋ยวนี้ แล้วก็เลิกจ้างมันด้วย ไอรีนไม่ชอบหน้ามัน”

ชายหนุ่มพลันหน้าตึงขึ้นมา...

ไม่ใช่เพราะไม่พอใจสถาปนิกสาวเหมือนคู่หมั้น ธรรศไม่สนว่าไอรีนจะชอบหรือเกลียดสลักจันทร์ มันไม่ใช่กงการอะไรของหล่อนที่จะเข้ามาวุ่นวายยุ่งเรื่องส่วนตัวของเขา เขาเท่านั้นที่มีสิทธิ์ตัดสินใจว่าจะให้สถาปนิกสาวอยู่หรือไป แค่เขาพอใจคนเดียวก็พอ แต่ที่ธรรศโมโหก็คือเรื่องที่สถาปนิกสาวพูดว่า...

‘ให้หาโซ่มาล่ามเขาไว้’

ลูกจ้างเช่นหล่อนกล้าดีอย่างไรมาพูดจากระทบกระเทียบเขาแบบนี้ คนอย่างธรรศไม่ชอบให้ใครมาลูบคมเล่นง่ายๆ เขาจะต้องเอาคืนด้วยการเชือดเฉือนสร้างรอยแผลให้คนคนนั้นหลาบจำไปนานแสนนาน ดวงตาคมกริบมองหน้าสลักจันทร์อย่างคาดโทษ ก่อนจะหันไปจัดการกับคู่หมั้นสาวที่เขาน่าจะรับมือได้ง่ายกว่า

“พอทีไอรีน หยุดอาละวาดได้แล้ว ผมกับเขาไม่มีอะไรกันทั้งนั้น”

“ถ้าไม่มีคุณก็ไล่มันออกไปสิคะ”

“ผมเป็นเจ้านายคนนะ ผมไม่ใช้เหตุผลส่วนตัวมาตัดสินลูกน้อง”

“แล้วธรรศจะให้ไอรีนเชื่อได้ยังไงล่ะคะ ในเมื่อคุณไม่มีหลักประกันให้ไอรีนมั่นใจเลย”

“จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ตามใจคุณ ผมคงพูดได้แค่ว่า...ผมเลือกคุณแล้ว คุณก็คือตัวจริงสำหรับผม คุณไม่จำเป็นต้องลดค่าตัวเองลงไปเปรียบเทียบกับใคร”

ธรรศพูดเพื่อตัดรำคาญ หวังให้คู่หมั้นสาวพอใจและเลิกยกประเด็นนี้ขึ้นมาหาเรื่องให้เขาปวดหัวเสียที ทว่าเขากลับไม่ทันคาดคิดว่ามันจะส่งผลต่อคนฟังอีกคนด้วย

สลักจันทร์หลุบตาจงใจหลบซ่อนความหม่นหมองในใจ เมื่อตระหนักได้ว่าเธอไม่มีและไม่เคยมี ‘ค่า’ ในสายตาของเขา ที่เขาจูบเธอ เป็นเพียงแค่ความพลั้งเผลอ ไม่อาจนำมานับว่าธรรศนอกใจคู่หมั้นสาวได้

หญิงสาวแน่ใจว่าเขาคงคิดแบบนี้ แต่ไม่รู้ทำไมหัวใจของเธอถึงได้กระตุกวูบ เกิดอ่อนไหวจนรู้สึกปวดแปลบโดยที่หาคำอธิบายไม่ได้ เป็นเพราะสีหน้าจริงจังยามที่มองหน้าคู่หมั้นสาว หรือน้ำเสียงหนักแน่นที่ยืนยันกับหล่อนว่าเขาจะไม่รักใครอีกรึเปล่า ที่ทำให้ใจของเธอโหวงๆ ปวดหน่วงๆ อยู่ตอนนี้ แปลว่าสิ่งที่เขาทำกับเธอไม่เคยมีความหมายอย่างนั้นสินะ...

สลักจันทร์เองก็รู้ดีแก่ใจ เขาไม่ได้มีความรู้สึกพิเศษใดๆ ที่จูบเธอในวันนั้น รู้ทั้งรู้...แต่ลึกๆ เธอก็ยังอดเสียใจไม่ได้หญิงสาวไม่อยากจะยอมรับเลยว่าเธอเริ่มสนใจในตัว ธรรศ ธุวานนท์ เจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์เข้าให้แล้ว เพราะ ‘จูบ’ ครานั้นทำให้เธอหวั่นไหว มันตราตรึงฝังลึกอยู่ในใจไม่ยอมเลือนหาย มีแต่จะยิ่งจดจำทุกรอยสัมผัสได้อย่างชัดเจนมากขึ้น...มากขึ้นทุกวัน...จะลืมก็ลืมไม่ได้ ในหัวยิ่งมีแต่ภาพเขาวนเวียนเต็มไปหมด

เธอพยายามบอกตัวเองว่าเขาเป็นคนที่ไม่ควรใส่ใจ ไม่ควรให้ค่า ไม่ควรมอบความรู้สึกดีๆ ให้ เพราะในสายตาของคนอย่าง ธรรศ ธุวานนท์ ไม่เคยเห็นผู้หญิงคนไหนดีสักคน แม้กระทั่งคู่หมั้นสาวของเขา สลักจันทร์ก็คิดว่าชายหนุ่มคงไม่เคยมอบความจริงใจให้เช่นกัน

แล้วเธอจะหวังอะไร!

เขาก็เป็นแค่ผู้ชายมีปม ปิดกั้นหัวใจตัวเองเพราะอดีตที่เคยเจ็บช้ำ ส่วนเธอก็คือคนที่ออกแบบบ้านให้เขาและครอบครัวเพื่อแลกกับเงินเท่านั้น!

จงอย่าเก็บเรื่องของเขามา ‘ใส่’ ใจ...

สลักจันทร์เตือนตัวเองเป็นล้านๆ รอบ แต่สุดท้าย...เธอก็ยังเผลอ ‘ใส่ใจ’

หญิงสาวกล้ำกลืนก้อนแข็งๆ ที่แล่นขึ้นมาจุกลำคอ ทำให้ขอบตาชักจะเริ่มร้อนๆ แล้วฝืนกล่าวออกไป

“ดิฉันกับคุณธรรศไม่เคยมีความรู้สึกพิเศษต่อกัน ขอให้คุณสบายใจได้”

“ฉันจะมั่นใจได้ยังไง”

“เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ค่ะว่าดิฉันไม่ใช่คนสิ้นไร้ไม้ตอกขนาดนั้น”

“ขอให้จริงอย่างปากพูดเถอะ”

ไอรีนแบะปาก ปรายตามองคนที่เชิดหน้ามั่นใจอย่างหมั่นไส้ แม้จะไม่เชื่อน้ำคำของแม่นี่มากนัก แต่อย่างน้อยหล่อนก็คลายใจได้บ้างจนอารมณ์เริ่มจะดีขึ้น มือเรียวยกลูบไล้ซีกหน้าคมสันอย่างอ่อนโยน มองคู่หมั้นหนุ่มด้วยแววตาหวงแหน

“ธรรศคะ...คุณต้องรักและมีไอรีนคนเดียวเท่านั้นนะคะ”

ธรรศไม่ตอบ เขาหันไปสั่งลูกจ้างทั้งสองคนด้วยน้ำเสียงราบเรียบพอๆ กับใบหน้าที่ไม่บ่งบอกความรู้สึกอันใด

“กลับไปทำงานของพวกคุณได้แล้ว ที่นี่เป็นที่ทำงาน ไม่ใช่สถานที่ให้ใครมาทำธุระเรื่องส่วนตัว”

สลักจันทร์เม้มปาก ไม่รู้ว่าโกรธที่เขาว่ากระทบกระเทียบ หรือเป็นเพราะไม่สามารถละสายตาจากภาพบาดตาตรงหน้าได้กันแน่

“งั้นผมขอตัวครับ” วิศวกรหนุ่มที่ยืนเงียบงันมานานเอ่ยขึ้น ก่อนจะสาวเท้าเดินจากไป ไม่กล้ามีปากมีเสียงมากนัก เพราะธรรศเป็นเจ้านายโดยตรง และตอนนี้ก็ยังอยู่ในเวลาทำงานของเขาด้วย 

เอกภพเก็บซ่อนใบหน้าชิงชังร้ายกาจไว้ภายใน ไม่เปิดเผยความเคียดแค้นเจ็บใจให้ใครได้เห็นทั้งสิ้น เขาจะรอจนกว่าโอกาสดีๆ มาถึง โอกาสที่จะทำให้คนที่ชอบดูถูกมองข้ามหัวเขาไปในวันนี้ต้องเสียใจ ที่ทำให้คนอย่างเขาอับอายขายหน้า

“ถ้าอย่างนั้นดิฉันก็ขอตัวด้วยค่ะ เพราะหมดธุระกับคนที่นี่แล้ว” สลักจันทร์ประชด ก่อนจะหมุนกายเดินออกจากวงสนทนาเป็นรายต่อไป โดยไม่สนใจว่าชายหญิงที่ยังคงยืนอยู่ตรงนั้นจะมองเธอด้วยสายตาเช่นไร

คนหนึ่ง...เธอรับรู้ได้เลยว่าไม่ชอบหน้ากัน ติดจะหมั่นไส้เสียด้วยซ้ำ อาจเพราะเจ้าหล่อนเห็นเธอเป็นผู้หญิงเหมือนกัน จึงกลัวว่าจะแย่งแฟนหนุ่มไปจากอก ศรศิลป์เลยถูกยิงออกมาตั้งแต่แรกแล้วว่าไม่ค่อยกินเส้น ไม่ถูกโรคกัน ต่อให้ไม่ต้องเดาสลักจันทร์ก็เชื่อว่าลูกสาวเจ้าพ่อบริษัทขายวัสดุก่อสร้างครบวงจรคงไม่ได้มองเธอในแง่ดีเท่าไร

ส่วนอีกคน...เธอไม่ค่อยมั่นใจ เธออ่านสายตาเขาไม่ออก ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่หรือมองเธอในแง่ไหน แต่อย่างไรเสียก็คงไม่ได้ดีเด่ไปกว่าคู่หมั้นของเขาสักเท่าไรหรอก

หญิงสาวบอกตัวเองว่าอย่าไปใส่ใจ จงเชิดหน้าเดินต่อไปอย่างมาดมั่น แต่ไม่ทันเอะใจเลยสักนิดว่าคนที่เธอทำให้เสียหน้าได้เตรียมบทลงโทษไว้ให้เธอเรียบร้อยแล้ว!

 

สถาปนิกสาวเบิกตากว้าง งุนงงไม่น้อยที่เห็นใบหน้าของคนที่เพิ่งก้าวผ่านประตูเข้ามา

“ไหนคุณว่าจะเข้ามาวันเสาร์ไงคะ”

“ผมจะมาคิดบัญชี”

คนฟังขมวดคิ้ว ยิ่งฉงนใจเข้าไปใหญ่ แต่ไม่มีเวลาให้ครุ่นคิดหาเหตุผลนานนัก เพราะนายจ้างหนุ่มย่างสามขุมตรงมาหาจนเกือบจะถึงตัว สลักจันทร์จึงร้องถาม

“บัญชีอะไรคะ”

เขาไม่พูดพร่ำทำเพลงก็กระชากแขนเธอให้ลุกขึ้น ร่างบางเซถลาเข้าไปปะทะกับอกกว้าง ไม่แค่นั้น...มือหนาใหญ่ยังเลื่อนขึ้นเหนี่ยวรั้งต้นคอเธอไว้ บังคับให้แหงนเงยรอการลงทัณฑ์ ริมฝีปากบางหยักบดขยี้ริมฝีปากของเธออย่างไม่ปรานี ทุกการเคลื่อนไหว ทุกสัมผัสมีแต่ความรุนแรง กระแทกกระทั้น เอาแต่ใจ

เขาโกรธเธอมาตั้งแต่ชาติปางไหน!

สลักจันทร์มัวแต่ตกใจที่ถูกเขาปล้นจูบอย่างอุกอาจ กายสาวพลันชาวาบ หัวใจหล่นไปกองอยู่ที่ตาตุ่ม สมองขาวโพลนจนทำอะไรไม่ถูก จึงยืนตัวแข็งทื่อเป็นท่อนไม้ปล่อยให้เขาจูบตามใจ แต่พอตั้งสติได้ หญิงสาวก็ดิ้นรนขัดขืนสุดกำลัง

“อื้อ...ปล่อยฉันนะ คนเห็นแก่ตัว! ชอบเอาเปรียบ!” เธอต่อว่าเขาเสียงหอบๆ หลังพยายามหาทางหลุดพ้นจากการถูกครอบครองเรียวปากได้เป็นผลสำเร็จ แต่ก็เพียงแค่อึดใจเดียว เพราะคนถูกขัดใจตามมาล็อกต้นคอ ประกบปากลงมาใหม่อีกครั้งอย่างร้อนแรง

“อื้อ...อ” สลักจันทร์ได้แต่ครางประท้วงอยู่ในลำคอ เพราะสองมือแข็งแรงกอดรัดเอวเธออย่างแน่นหนาจนหายใจแทบไม่ออก เขาจงใจแนบแผงอกหนั่นแน่นชิดกับหน้าอกของเธอ ไม่ยอมให้มีช่องว่างระหว่างกันแม้แต่เซ็นต์เดียว เฉกเช่นปากเขาที่ประกบปากเธอแน่น ส่งปลายลิ้นเข้ามาสร้างความหฤหรรษ์เคลื่อนไปทั่วกระพุ้งแก้มบ้าง ใต้ลิ้นของเธอบ้าง เขาเจตนาล่อลวงเธอ เร้าอารมณ์เธออย่างยั่วยวน จนเธอต้องร้องครวญครางอยู่ในริมฝีปากของเขาอย่างสุดระงับความเสียวซ่าน

ธรรศถอนริมฝีปากออกเพื่อมองเธอ กระตุกยิ้มพราย ก่อนจะเคลื่อนปลายนิ้วลากไปตามขอบปากเธอช้าๆ จากบนลงล่าง เมื่อลากมาถึงจุดกึ่งกลางริมฝีปากล่าง ก็ใช้นิ้วโป้งและนิ้วชี้บีบริมฝีปากล่างแรงๆ จนดูเหมือนเธอกำลังห่อริมฝีปากอยู่ จากนั้นเขาก็ฉกใบหน้าเข้ามาใกล้ๆ ใช้ลิ้นชิมกลีบปากอิ่มของเธอที่ถูกบีบด้วยปากของเขา ทำเอาเธอแทบกรีดร้อง เพราะมันช่างให้ความรู้สึกรุนแรงระคนหยาบกระด้าง แต่กลับเร้าใจเธอเหลือเกิน

เขาปลุกเร้าความรู้สึกของเธออย่างช่ำชอง พอเห็นว่าไฟในกายเธอเริ่มจะลุกโชน เขาก็เปลี่ยนจังหวะรุกด้วยการทาบทับริมฝีปากหยักลงมาอีกครั้ง จูบซับปากเธออย่างแผ่วเบาอ้อยอิ่งในคราแรก แล้วค่อยๆ เร่งเร้ารุกล้ำอย่างเร่าร้อนในจังหวะต่อมา ปากเขาประกบปากเธอลึกล้ำและดูดดื่มจนแทบไม่มีช่องว่างให้อากาศรั่วไหลออกมาได้เลย จากนั้นเขาก็ค่อยๆ อ้าปากสูดลมหายใจ คล้ายกับว่าเขากำลังสูบลมหายใจออกจากปอดของเธอ ครั้งแล้วครั้งเล่า...กระทั่งลมหายใจของเธอสอดคล้องประสานกับลมหายใจของเขาราวกับเป็นคนคนเดียวกัน

ธรรศจงใจดูดกลืนร่างกายของเธอ ลมหายใจของเธอ ความรู้สึกของเธอจนหมดสิ้น เขาเป็นคู่ต่อสู้ที่เธอรู้ซึ้งว่าไม่มีทางชนะ สลักจันทร์จึงได้แต่ยืนนิ่ง เลิกต่อต้าน เลิกดิ้นรน ปล่อยให้เขาทำตามอำเภอใจ...

คนปลุกเร้าพลันหงุดหงิด รับรู้ได้ว่าร่างบางในอ้อมแขนหันมาประท้วงเขาด้วยการดื้อเงียบ ทำตัวจืดชืด ยืนเป็นผีดิบไร้อารมณ์ ไม่รู้สึกรู้สม จนในที่สุดธรรศก็ปล่อยให้หล่อนเป็นอิสระ

“คิดว่าใช้วิธีนี้แล้วจะทำให้ผมยอมแพ้คุณหรือ...สลักจันทร์”

“คุณต่างหาก...สนุกนักรึไงคะที่ชอบปั่นหัวคนอื่นเล่น” หญิงสาวย้อนถาม พลางสะบัดหน้าหนี เมื่อเก็บความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจที่พุ่งขึ้นมาอย่างกะทันหันแทบไม่อยู่

เมื่อตอนกลางวัน...เขาเพิ่งบอกรักคู่หมั้นสาว สัญญาว่าจะไม่มีอะไรกับเธอ

แต่พอตกเย็น...เขากลับเดินเข้ามากระชากตัวเธอเข้าไปกอดจูบง่ายๆ ไม่รู้สึกรู้สา ไม่แคร์ความรู้สึกของใครทั้งสิ้น!

แต่สำหรับสลักจันทร์...ไม่ใช่! เธอเป็นมนุษย์ มีเลือดเนื้อ มีจิตใจ ไม่ใช่ตุ๊กตายางที่ใครจะดึงไปเล่นยังไงก็ได้ เธอเจ็บปวดเป็น เสียใจเป็น

 “หยุดล้อเล่นกับความรู้สึกของคนอื่นเสียทีได้ไหมคะ”

“ผมไปทำอะไร” ธรรศถามกลับอย่างไม่เข้าใจ นึกอยากตะโกนใส่หน้าหล่อนนักว่าเขาต่างหากที่เป็นผู้ถูกกระทำ เขาน่ะหรือปั่นหัวหล่อน เล่นกับความรู้สึกของหล่อน

ไม่เลย...

หล่อนนั่นแหละที่ทำให้เขาเจียนคลั่ง หล่อนวิ่งแจ้นไปหาแฟนเก่าถึงไซต์งานของเขา ซ้ำยังออดอ้อนออเซาะกันตำตาเขา ทำแบบนี้มันเท่ากับมองข้ามหัวเขา ไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาเลยสักนิด หล่อนหักหน้าเขา แต่เขาก็ยังบ้าเฝ้าคิดถึงแต่หล่อน แม้จะคอยย้ำเตือน คอยก่นด่าตัวเองไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง หล่อนใช้มารยาเล่มไหนเล่นงานเขากันแน่

“เมื่อกลางวัน...คุณจงใจฉีกหน้าผม”

พอรู้เหตุผลว่าทำไมเขาถึงได้กระทำหยามและหยาบคายต่อเธอเช่นนี้ แววตาที่มองเขาก็ฉายชัดถึงความผิดหวัง ก่อนจะเอ่ยเยาะ

“อ้อ...นี่คือวิธีลงโทษฉันของคุณอย่างนั้นสิคะ”

“มันก็เหมาะกับผู้หญิงแบบคุณแล้วนี่”

“คุณใจร้ายมากนะคะที่ทำแบบนี้กับผู้หญิงอื่นที่ไม่ใช่คู่หมั้น ทั้งๆ ที่คุณให้สัญญากับเธอเป็นมั่นเป็นเหมาะ” หญิงสาวต่อว่าเขาเสียงพร่า แทบจะกลั้นน้ำตาไว้ไม่ไหว

ธรรศไม่ตอบ แต่ปล่อยมือออกจากเอวคอดด้วยความรู้สึกผิดที่แทรกซึมเข้ามาแทนที่

“ผมไม่คิดว่ามันเป็นความผิด เพราะมันไม่ใช่ความสัมพันธ์แบบที่ต้องผูกมัด แถมคุณเองก็ชอบนี่นา”

ถึงปากจะพูดจาดูถูกถากถางหล่อนเหมือนเคย แต่เขากลับไม่กล้าสบตามองหน้าสถาปนิกสาวอย่างเต็มตา เป็นครั้งแรกที่ธรรศเบือนหน้าหนีหญิงสาว เพราะไม่อาจทนมองสายตารังเกียจที่ส่งมาตัดพ้อต่อว่าเหมือนเขาเป็นผู้ชายร้ายกาจที่ดีแต่รังแกผู้หญิงที่อ่อนแอกว่าได้

สลักจันทร์มองเขาอย่างเย็นชา ก่อนจะผินหน้าหนีไปเสียเอง เธอถอนหายใจ รู้สึกอ่อนล้ากับความดื้อรั้นของเขาจนเหลือจะกล่าว และคร้านที่จะมานั่งโต้เถียงกันเป็นเด็กๆ เต็มที เพราะรู้ดีว่าสิ่งที่เธอพูดออกไปนั้นเปล่าประโยชน์ เขาคงไม่ฟัง

ไม่...แม้แต่จะปล่อยให้มันผ่านเข้าหูเสียด้วยซ้ำ!

“งานที่ดิฉันออกแบบไว้ใกล้จะเสร็จแล้ว วางอยู่บนโต๊ะตรงนี้นะคะ คุณดูเอาเองก็แล้วกัน” เธอบอกสั้นๆ แล้วเก็บข้าวของส่วนตัวเดินจากไปทันที

ธรรศอยากรั้งตัวหล่อนเอาไว้ อยากบอกว่าอย่าไป แต่ ‘ทิฐิ’ ที่ค้ำคออยู่ทำให้เขาปากหนัก เอาแต่ยืนเป็นไอ้ซื่อบื้อ ปล่อยให้หล่อนเคลื่อนกายหายลับไปจากสายตา เพราะไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไร จะหน่วงเหนี่ยวหล่อนไว้ด้วยเหตุผลกลใด…

และที่ร้าย...สลักจันทร์คงจะโกรธจะเกลียดจนแทบไม่อยากมองหน้าเขาอีกแล้ว!

 

 

เมื่อสถาปนิกสาวจากไปแล้ว เป็นนาน...กว่าธรรศจะขยับกาย เอี้ยวตัวเหลือบดูสิ่งที่หญิงสาวขีดๆ เขียนๆ ไว้ในกระดาษที่วางอยู่บนโต๊ะออกแบบ ‘บ้าน’ ที่สลักจันทร์ตั้งใจคิดและสร้างสรรค์ให้แก่คนในครอบครัวของเขาในอนาคต

ธรรศหยิบใบแรกขึ้นมาพิจารณา ลายมือหล่อนขยุกขยุย เขียนสวยบ้าง หวัดบ้าง คงตามแต่อารมณ์ แต่น่าแปลกที่เขาพยายามอ่านจนเข้าใจ คนใจร้อนอย่างเขาเคยเสียเวลากับเรื่องพรรค์นี้เสียที่ไหน ถ้าไม่ถูกใจ เขาก็แค่ขยำกระดาษทิ้ง แล้วสั่งให้คนไปทำมาใหม่ แต่กับหล่อน...เขายอมเสียเวลานั่งแกะลายมืออยู่ตั้งนานสองนาน

เขายิ้มออกมา ก่อนจะกวาดสายตาอ่านตัวอักษรทีละตัว

‘บ้านของคุณธรรศ ธุวานนท์ ผู้ชายปากร้าย เย็นชา...’

สมเป็นหล่อน...ธรรศหัวเราะ สลักจันทร์แอบด่าเขาตั้งแต่ยังไม่เริ่มเขียนแบบเลยด้วยซ้ำ

‘เขาอยากได้บ้านที่อยู่แล้วมีความสุข ไม่ใช่แค่อยู่สบาย แต่อยู่แล้วต้องสุขใจ ช่วยให้ลืมความทุกข์ด้วย...จะเสกให้ยังไงล่ะ หน็อย! คนนิสัยเสียอย่างเขาคงกำลังยิ้มเยาะนึกดูถูกเราแบบนี้อยู่สินะ จะทำให้รู้ทำให้เห็นเลยว่าสถาปนิกที่เป็นผู้หญิงน่ะเก่งและทำอะไรได้ตั้งมากมายขนาดไหน เสียเงินแล้วรับรองไม่มีผิดหวังเด็ดขาด!’

‘อวดตัวมากไปหน่อยมั้งแม่คุณ’

ธรรศอดแขวะด้วยความหมั่นไส้ไม่ได้ ก่อนจะไล่สายตายังประโยคถัดไป

‘เราจะต้องออกแบบบ้านที่ทำให้เขาและครอบครัวมีความสุข...ถึงโจทย์จะยาก แต่ก็ไม่เกินความสามารถของเธอหรอก...สลักจันทร์ สู้ๆ ไฟติ้ง!’

คนอ่านแทบขำพรืด เจ้าหล่อนใช้ภาษาวัยรุ่นเสียด้วย ผิดกับลุคที่ดูนิ่งๆ เป็นผู้ใหญ่เกินตัวเสียจริง...

ธรรศแปลกใจไม่น้อย เหมือนเขาได้รู้จักตัวตนของหญิงสาวมากขึ้นผ่านตัวอักษรที่หล่อนขีดเขียน และเขาก็อยากจะรู้เสียด้วย จึงกระตือรือร้นที่จะอ่านต่อไป

‘ภาพในหัวของเราคือ...บ้านไม้สองชั้น เน้นการตกแต่งแบบโมเดิร์น มินิมัล ทรอปิคัล เป็นหลัก เข้ากับบรรยากาศชานเมือง ที่สามารถออกแบบบ้านให้ทันสมัยด้วยวัสดุอุปกรณ์เพียงน้อยชิ้น เพื่อให้เข้ากับผู้อาศัยในเมืองร้อนอย่างประเทศเรา

‘ตัวบ้าน…ด้านหน้า ก่ออิฐถือปูนล้อมรั้ว มีทางเดินยาวๆ เป็นอิฐบล็อกความกว้างขนาดห้าเมตรกว่าทอดอยู่เหนือผืนน้ำที่ขุดคลองขนาบทางเดินทั้งสองข้าง ยาวจากรั้วด้านนอกจนถึงตัวเรือนด้านใน ภายนอกรั้วเฉพาะด้านประตูทางเข้าออกขุดเป็นคูเล็กๆ ไว้เหมือนกัน เพื่อเติมความเย็นภายในบ้านเวลาลมพัด

‘เมื่อเดินพ้นรั้ว หากหันหน้าเข้าตัวบ้าน ทางด้านขวามือมีเพียงคูน้ำเล็กๆ ที่ขุดยาวจนถึงลานบ้านติดกับตัวเรือนเหมือนท้องร่องนอกกำแพง และสวนหย่อมขนาดเล็กที่ปลูกพรรณไม้พุ่ม ทั้งชนิดที่มีดอกและไม่มีดอกไม่กี่ชนิด สำหรับเป็นพื้นที่สีเขียวด่านแรกที่เตรียมไว้สำหรับคนชอบทำสวนอย่างคุณแม่ของเขา

‘ด้านซ้ายมีท้องร่องเหมือนเดิม ติดน้ำพุและไฟใต้น้ำสำหรับเวลากลางคืน ถัดออกไปเป็นอาคารสารพัดประโยชน์ชั้นเดียว อยู่ริมสุด ไม่ได้เป็นสวนเหมือนด้านขวา ตัวอาคารแยกเดี่ยวออกมาทางด้านหน้า ไม่เชื่อมต่อกับตัวบ้าน แต่มีทางเดินถึงกัน ประดับกำแพงอย่างสวยหรูด้วยหินกาบหรือหินชนวนเนื้อดี...’

‘ตรงนี้สถาปนิกสาวเขียนว่า ‘ป้องกันคนเรื่องมากถามซอกแซกหรือหาเรื่องแกล้งให้เวียนหัวเล่น’ หล่อนจึงทำเครื่องหมายและเขียนอธิบายให้เขาเข้าใจอย่างละเอียดว่า

‘หินกาบหรือหินชนวนเนื้อดีเป็นหินแปรชนิดหนึ่ง เกิดจากการที่หินดินดานถูกอิทธิพลความร้อนและความกดดันภายในโลก ทำให้องค์ประกอบในหินดินดานเดิมเกิดการตกผลึกใหม่ มีการเรียงตัวของเม็ดแร่แตกต่างจากเดิมเนื่องจากแรงกดดัน ที่เลือกใช้หินชนิดนี้ตกแต่งอาคารด้านหน้า เพราะต้องการให้บ้านดูกลมกลืนกับธรรมชาติรอบด้านในทุกๆ ส่วน นอกจากเหตุผลนี้ ยังมีเรื่องของลักษณะหินที่มักมีเนื้อแน่นและแกร่งกว่าหินดินดานเดิม อีกทั้งผิวหน้าที่เป็นมันวาวจากการเรียงตัวของแร่ประกอบหินให้ความสวยงาม หรูหรา แต่เรียบง่าย สมกับที่คุณเจ้าของบ้านตั้งใจ ด้านบนทำเป็นหลังคาคานแบบไม่สลับซับซ้อนเท่าไร...’

พออ่านจบ ชายหนุ่มก็แทบจะวิ่งแจ้นตามไปจับแม่คนอวดดีมาหักคอเสียให้เข็ด หล่อนยังอุตส่าห์หาช่องแขวะเขาอีกจนได้ ถ้าสลักจันทร์ไม่ได้ว่าเขา...หล่อนจะตายหรือไง?!

ธรรศคิดอย่างเข่นเขี้ยว แล้วเอี้ยวตัวหยิบแบบที่สถาปนิกสาวสเกตช์ตามคอนเซปต์ที่เขาเพิ่งอ่านจบขึ้นมาดู หล่อนวาดซะเลิศหรู ทำเอาความรู้สึกขุ่นเคืองพลันมลายกลายเป็นความชื่นชมระคนพึงพอใจแทรกซึมเข้ามาแทน เขาเห็นถึงความตั้งใจอยากออกแบบบ้านให้เขาและครอบครัวได้อยู่กันอย่างสุขสบายที่สุด หญิงสาวทำให้เขาละสายตาจากความคิดของหล่อนผ่านตัวอักษรเหล่านี้ไม่ได้...

ธรรศไม่กล้ายอมรับ แต่ก็ต้องบอกกับตัวเองอย่างตรงไปตรงมาว่า ‘บ้าน’ ที่หล่อนออกแบบดียิ่งกว่าที่เขาและนิศานาถเคยร่วมสร้างฝันกันไว้เสียอีก สลักจันทร์ทำให้เขารู้สึกอึ้งและทึ่งกับความสามารถของหล่อนในหลายๆ ครั้ง

รอยยิ้มยินดีผุดขึ้นบนใบหน้าแข็งกระด้าง ก่อนที่มือหนาจะหยิบกระดาษแผ่นต่อไปที่ระบุหัวข้อว่า ‘ด้านในตัวบ้านและบริเวณข้างๆ’ ขึ้นมาอ่านอย่างละเอียด

‘ตัวเรือนแบ่งออกเป็นสองโซน ซ้ายและขวาเหมือนบริเวณหน้าบ้าน ชุดอาคารสำหรับอาศัยอยู่ทางด้านซ้าย แบ่งออกเป็นสองหลัง เชื่อมกันด้วยโถงทางเดินด้านบน ตัวบ้านยกสูงในระดับที่เท่ากันทั้งหลัง อยู่ติดกับอาคารสารพัดประโยชน์ ข้างล่างเป็นโถงสูงขนาดหนึ่งชั้น ปลูกเลียนแบบเรือนไทยในสมัยก่อน ประยุกต์ให้เหมาะกับการอยู่อาศัยในปัจจุบัน ปูพื้นด้วยกระเบื้องหินอ่อนอย่างสวยงาม ตั้งชุดโต๊ะรับแขกแบบเก้าอี้นวมสีขาวทันสมัย

‘ติดกระจกใสล้อมรอบเพื่อโชว์รายละเอียดการตกแต่งภายในห้อง และติดตั้งเครื่องปรับอากาศให้ความเย็นสบาย มีบันไดไม้ขึ้นสู่ตัวบ้านชั้นบนตรงใต้ถุนเรือนหลังที่สอง เล่นระดับสามช่วง ตัวบ้านชั้นบนแบ่งเป็นห้องนอนขนาดใหญ่สองห้อง ขนาดกลางและขนาดเล็กสำหรับเป็นที่พักแขกอีกอย่างละห้อง มีห้องพระเล็กๆ อยู่ในตัวบ้านด้านหน้า ติดกับห้องนอนใหญ่ที่เป็นของคุณแม่คุณธรรศ

‘นอกจากจะมีโถงทางเดินตรงกลางที่เชื่อมตัวบ้านสองหลังแล้ว ยังมีระเบียงทางเดินด้านในบ้านแต่ละหลังด้วย ตกแต่งเหมือนกันคือ ตรงส่วนปลายหลังคาจดพื้นระเบียงประดับด้วยประตูบานไม้ยาวตลอดแนว ฝั่งละสิบห้าบาน จากทิศเหนือถึงทิศใต้ เพื่อเป็นช่องลมและรับแสงอาทิตย์เข้าสู่ตัวบ้าน พัดพาเอาความเย็นจากสระว่ายน้ำด้านล่างขึ้นสู่ตัวบ้าน เพราะทิศทางลมมักพัดมาจากทางใต้ ช่วยให้คนในบ้านรู้สึกเย็นสบาย ผ่อนคลาย ที่สำคัญเนื่องด้วยตัวบ้านหันหน้าออกทางทิศตะวันตก จึงไม่เป็นประโยชน์หากจะทำช่องรับแสงและลม ควรปล่อยไว้เป็นผนังระแนงไม้หน้าจั่วทึบๆ ธรรมดาจะเหมาะกว่า

‘ส่วนโถงทางเดินตรงกลางที่เชื่อมระหว่างตัวบ้าน ออกแบบให้เป็นพื้นที่เปิดสำหรับถ่ายเทอากาศจากภายนอกเข้าสู่ภายใน และให้ความร้อนถ่ายเทจากในตัวบ้านออกสู่ภายนอกได้ จึงออกแบบให้มีหลังคากันแดด กันลม กันฝนด้านบน เป็นหลังคาทรงจั่ว ทอดยาวตามความกว้างด้านข้างของตัวบ้าน เชื่อมหลังคาระหว่างตัวบ้านทั้งสองอีกทีด้วยการปูกระเบื้องลอนโปร่งแสงใยแก้วทั้งแถบ เพิ่มลูกเล่นของเงาเวลาแสงตกกระทบโดยการวางไม้พาดกันในตำแหน่งจันทันแนวตรง เอียงตามองศาของหลังคา และแนวขวางหรือตำแหน่งแป ซึ่งเป็นโครงสร้างหลักที่ช่วยรับน้ำหนักวัสดุมุงหลังคา และช่วยให้ส่วนบนของตัวบ้านที่ทำหน้าที่กันแดดกันฝนแข็งแรงขึ้น ลวดลายของเงาที่ได้เวลาแสงสาดส่องก็จะดูเหมือนเป็นตาข่าย เพิ่มความเก๋ไก๋ไม่เหมือนใคร

‘ในส่วนบริเวณทางเดินโถงด้านล่างนั้น ปูพื้นด้วยวัสดุเลียนแบบไม้ ทำที่กั้นทางเดินกันตกด้วยแผ่นกระจกใสเนื้อหนา ล็อกด้วยอะลูมิเนียมเหล็กอย่างดีมีความแข็งแรง ปลายกระจกด้านบนตบแต่งด้วยไม้ท่อนสี่เหลี่ยมขนาดไม่หนามาก วางพาดอยู่บนผิวกระจกด้านในทางเดินยาวไปจนตลอดแนว ช่วยเป็นที่ยึดเกาะกระจกแต่ละแผ่นให้มีความคงทนแน่นหนาและให้ความสวยงามด้วย

‘พื้นที่บ้านฝั่งขวากระหนาบกับตัวเรือนที่พัก เป็นพื้นที่โล่ง ขุดสระว่ายน้ำ เล่นระดับเล็กน้อย เผื่ออนาคตบ้านนี้จะมีเจ้าตัวน้อยมาเป็นสมาชิกเพิ่ม ถึงเจ้าของบ้านจะนั่งยันนอนยันว่าจะไม่ยอมแต่งงานเด็ดขาดก็เถอะ แต่อนาคตมันแน่นอนเสียที่ไหน ใครจะไปกะเกณฑ์ได้...’

‘สู่รู้!’

คนอ่านค่อนขอดหล่อน แต่ก็เคลื่อนสายตาไปที่อักษรตัวถัดไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น

‘พื้นที่โล่งอื่นๆ ในบริเวณนี้ นอกเหนือจากสระว่ายน้ำทำเป็นสวนหย่อม ปลูกไม้ดอก ไม้ยืนต้น และไม้พุ่มสลับกัน รอบข้างรั้วปลูกกล้วยพัดเรียงตัวตามแนวกำแพงให้พอสวยงาม ส่วนพื้นที่โล่งกว้างอีกฝั่งที่มีตัวบ้านคั่นกลางกับสระว่ายน้ำอยู่ลึกถัดเข้าไปจนสุดเขตที่ดิน

‘ฝั่งนี้จะเอาไว้ปลูกพืชสวนทั้งหมด สร้างกิจกรรมให้แก่คุณแม่ของคุณธรรศ แถมยังเป็นส่วนที่ช่วยเพิ่มความร่มรื่นให้แก่ตัวบ้าน ทำให้ผู้อาศัยรู้สึกสดชื่นแจ่มใสที่ได้อยู่แวดล้อมท่ามกลางธรรมชาติจริงๆ ใครว่าผู้หญิงอย่างเธอ...สลักจันทร์คนนี้ ออกแบบบ้านดีๆ ไม่ได้! เขาจะต้องคิดใหม่!’

ใช่! เขาควรจะคิดใหม่ มองหล่อนใหม่จริงๆ นั่นละ...

ธรรศทั้งอึ้งและชื่นชอบแบบที่หล่อนร่างออกมาเป็นอย่างมาก ลายเส้นแต่ละเส้นที่หล่อนร่าง ภาพทุกภาพที่วาดขึ้นเพื่อประกอบแนวคิด ทำให้คนจ่ายเงินอย่างเขาเห็นภาพได้อย่างชัดเจน ธรรศรู้ซึ้งถึงความตั้งใจดีของสถาปนิกสาว เพราะเขาหยิบกระดาษทุกแผ่นขึ้นมาพินิจพิจารณาอย่างละเอียด เช็กองค์ประกอบทั้งหมดจนถี่ถ้วน แม้กระทั่งแผ่นสุดท้ายที่เจ้าหล่อนทำเครื่องหมายว่าเป็นส่วนสำคัญที่สุดในการออกแบบบ้านหลังนี้ และเป็นแผ่นเดียวที่เขาตั้งใจอ่านมากที่สุดถึงขนาดอ่านทวนอยู่หลายรอบ

‘บ้านจันทร์ทอแสง...เป็นชื่อที่คุณธรรศคิดไว้ อยากให้มีส่วนหนึ่งส่วนใดของบ้านที่แสงจันทร์สาดส่อง เพราะตัวเขาและคุณแม่ชอบมองท้องฟ้ายามค่ำคืน สวนขนาดใหญ่ด้านริมซ้ายสุดของตัวบ้านนี่ละเหมาะที่สุดที่จะทำให้บ้านหลังนี้มีความหมายและสวยสมชื่อ เราจะเนรมิตรบริเวณนี้สร้างเป็นซุ้มไม้เลื้อยไว้ตรงกลางสวน ขนานกับโถงทางเดินที่เชื่อมระหว่างบ้านสองหลัง เขาจะได้รู้ว่านอกจากกลางคืนแล้ว ยังมี...กลางวัน หากซุ้มไม้เป็นที่รับแสงจันทร์ หลังคาแบบโปร่งแสงที่เราตั้งใจจะสร้างขึ้นก็คือที่รับแสงจากพลังงานดวงอาทิตย์นั่นเอง เราจะออกแบบส่วนนี้ด้วยกระเบื้องโปร่งใส ให้แสงอาทิตย์สามารถสาดส่องเข้ามาได้ทั่วทุกพื้นที่ เพราะหวังอยากให้มันส่องสว่างเข้าไปถึงใจคนอยู่สักวันหนึ่ง...

’หัวใจ’ ของเขาจะได้ไม่มืดมิดและเหน็บหนาวไปตลอดกาล’

หลังอ่านจบ ชายหนุ่มก็ก่นด่าตัวเองไม่หยุด...

นี่เขาทำอะไรลงไป!

ผีบ้าตนไหนที่เข้าสิง...ทำให้เขาทำตัวร้ายกาจกับหญิงสาวแบบนั้น สมควรแล้วที่หล่อนจะโกรธจะเกลียดเขา

มาสำนึกเอาตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าจะสายไปไหม...

เขาต้องทำอย่างไรถึงจะหาทางเหนี่ยวรั้งตัวหล่อนเอาไว้ได้

ธรรศจ้องมองแผ่นกระดาษแล้วรอยยิ้มพรายก็ผุดขึ้น เขามีวิธีพันธนาการตัวหล่อนเอาไว้ข้างกายเขาแล้ว เป็นวิธีที่ทำให้หล่อนไม่อาจหนีเขาไปไหนได้ และเขาก็มั่นใจเสียด้วยว่าสลักจันทร์ไม่มีทางปฏิเสธข้อเสนอที่แสนจะยั่วยวนนี้ได้แน่นอน

ดวงตาเจ้าเล่ห์ฉายแววหมายมาด ก่อนที่ผู้เป็นเจ้าของจะวางแผ่นงานของหล่อนลงบนโต๊ะตามเดิม

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น