14

ลมเพชรหึง!


 

๑๕

ลมเพชรหึง!

 

ลูกสาวเจ้าพ่อบริษัทขายวัสดุก่อสร้างครบวงจรยักษ์ใหญ่นั่งครุ่นคิดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด หล่อนจะหาทางกำจัดผู้หญิงคนใหม่ที่อยู่ข้างกายคู่หมั้นหนุ่มของหล่อนตอนนี้เช่นไรดี

หล่อนไม่ชอบหน้าแม่นั่นเลยสักนิด!

ไม่รู้ทำไม ยิ่งคิดถึงตอนที่แม่นั่นสบตาธรรศ หล่อนก็ยิ่งร้อนใจ รู้สึกว่าต้องคอยกกกอดตัวเขาเอาไว้ให้แน่นๆ ไม่ให้ใครมากระชากไปจากอกของหล่อนได้เด็ดขาด!

มันคงเป็นสัญชาตญาณ เหมือนผีเห็นผีอะไรทำนองนี้ละมั้ง

ถ้าเป็นแม่สาวกร้านโลกที่จ้องจะให้ท่าธรรศอยู่บ่อยๆ ละก็ หล่อนไม่ห่วงหรอก หล่อนจะจัดการซัดพวกปลิงให้กระเด็นหายไปหมดทุกราย แต่แม่พวกที่เห็นหงิมๆ แต่งตัวก็เรียบๆ ไม่โดดเด่นนี่แหละตัวดี บทจะหน้าด้านขึ้นมาที ซีเมนต์ยังต้องอาย แกล้งทำเป็นอินโนเซนส์ ไม่สนใจเรื่องรักๆ ใคร่ๆ ปากบอกไม่ยุ่ง แต่ใจกลับระริกระรี้อยากจะชวนผู้ชายขึ้นเตียงเต็มแก่

หล่อนละเกลียดนัก...แม่พวกที่ชอบทำหน้าซื่อตาใส แต่กลับไวไฟ จ้องจะแย่งแฟนชาวบ้านเขามากกเนี่ย ผู้หญิงพวกนี้เคยมีสามัญสำนึกเสียที่ไหน พวกหล่อนไม่สนหรอกว่าผู้ชายจะเป็นใคร มีพันธะ มีลูกมีเมียแล้ว หรือจะทำให้ผู้หญิงอีกคนเจ็บช้ำน้ำใจมากขนาดไหน พวกหล่อนพร้อมกระโจนลงดงงิ้วโดยไม่เกรงกลัวหนามแหลมคมที่คอยจะครูดเกี่ยวเป็นแผลเหวอะหวะ เพราะกลิ่นของเงินและคาวโลกีย์มันยั่วยวนจนทำให้ลืมเจ็บ

คนมันจะแย่ง...มันก็เอาของมันจนได้!!

ไฮโซสาวแบะปาก ทำท่าขยะแขยงด้วยความรังเกียจ ก่อนจะบังเอิญเหลือบเห็นผู้ชายหน้าตาคุ้นๆ เดินผ่านไป หล่อนพยายามเพ่งมอง นึกอยู่ตั้งนาน คิดว่าเคยเจอกันที่ไหน แล้วก็พลันนึกออก

“นี่นาย! หยุดก่อนสิ”

คนถูกเรียกหันขวับ ไม่ชอบใจน้ำเสียงวางอำนาจ แต่พอเห็นว่าเป็นใครเท่านั้นละ ใบหน้าที่บูดบึ้งก็แปรเปลี่ยนเป็นยิ้มแย้ม

“อ้าว...คุณไอรีนนั่นเอง เรียกผมมีธุระอะไรเหรอครับ”

คนถามพอรู้เลาๆ ว่าอีกฝ่ายเรียกให้เขาหยุดด้วยเหตุผลใด ถ้าไม่ใช่เรื่องอดีตแฟนสาวของเขาที่ทำงานอยู่กับคู่หมั้นหนุ่มของเจ้าหล่อน เพราะฉะนั้นตอนที่บุตรสาวเจ้าของบริษัทเปิดปากตั้งคำถาม เขาแทบจะดีดนิ้วดังเป๊าะ

“นายคือคนที่อยู่กับยายสถาปนิกที่ออกแบบบ้านให้ธรรศวันนั้นใช่ไหม”

“ครับ”

“เป็นอะไรกับแม่นั่น”

เอกภพแกล้งทำหน้างง ทั้งๆ ที่รู้ความหมาย

“เป็นอะไร...ยังไงครับ”

ไอรีนชักสีหน้า ยิ่งหงุดหงิดหนักกว่าเก่า

“นายเป็นแฟนกับแม่นั่นรึเปล่า”

คนถูกถามนิ่งอึ้งไปนิดหนึ่ง ก่อนจะตอบเสียงเศร้าสร้อย

“ใช่และไม่ใช่ครับ”

“ตกลงมันยังไงกันแน่ยะ”

ยิ่งเห็นนายจ้างสาวหัวเสียเพราะเขาจงใจตอบกำกวม เอกภพก็ยิ่งพอใจ เขาจะกระพือเชื้อไฟแห่งความริษยาใส่หล่อนให้มากๆ เข้าไว้

“เมื่อก่อนเคยเป็นครับ แต่เดี๋ยวนี้ไม่ใช่”

“เลิกกันนานหรือยัง”

ไอรีนถามตรงๆ โดยไม่คิดจะรักษามารยาท วันก่อนหล่อนเห็นทั้งคู่มีปากเสียงกันอย่างรุนแรง แปลว่าเพิ่งจะเลิกกันสดๆ ร้อนๆ เพราะหากเลิกกันนานนมแล้วคงไม่เสียเวลาไปมาหาสู่กันอีก อย่างน้อยก็คงไม่มานั่งทะเลาะกับแฟนเก่าให้เสียเวลาแน่ สู้เอาเวลาช่วงนั้นไปสานสัมพันธ์กับคนใหม่ๆ ที่กำลังจะก้าวเข้ามาในชีวิตไม่ดีกว่าหรือ...

ลูกสาวเจ้าพ่อบริษัทจัดจำหน่ายวัสดุก่อสร้างคาดเดา แล้วก็ได้คำตอบตรงตามความคิดว่า

“เราเพิ่งกลายเป็นแค่คนรู้จักกันครับ”

“ทำไม”

“นั่นสิครับ ผมเองก็ยังสงสัย รู้สึกงงๆ จับต้นชนปลายไม่ถูกว่าเราเลิกกันได้ยังไง เพราะอันที่จริงฝ่ายผมไม่เคยเปลี่ยนไป เคยรักจันทร์ยังไง ทุกวันนี้ก็ยังเหมือนเดิม แต่...” น้ำเสียงชายหนุ่มขาดห้วง ตีหน้าเศร้าได้อย่างแนบเนียน ชวนให้คนมองรู้สึกเห็นใจเป็นอย่างมาก ก่อนจะหย่อนระเบิดลูกเล็กๆ แต่มีพลังทำลายล้างสูงให้แก่นายจ้างสาวผู้มีหัวใจร้อนรุ่มไม่ต่างจากเตาปฏิกรณ์ “คงต้องรบกวนคุณไอรีนถามคู่หมั้นคุณเองแล้วละครับว่าทำยังไง ถึงทำให้จันทร์เปลี่ยนใจได้”

ได้ผล...หล่อนกระชากเสียงแหลมวี้ดถามเขาทันควัน

“หมายความว่ายังไงยะ!”

เอกภพอิดออด เหมือนไม่อยากพูด แต่ก็รีบบอกให้อีกฝ่ายรู้

“วันก่อนผมบังเอิญเห็นคู่หมั้นคุณยืนจับมือถือแขนอดีตแฟนผมอยู่ คงไม่ต้องบอกคุณไอรีนใช่ไหมครับว่าผมรู้สึกยังไง แล้วเราทะเลาะกันเพราะสาเหตุอะไร”

ดวงตาของคนฟังลุกวาว

“นายเห็นที่ไหน เมื่อไหร่ อย่ามามั่วนะยะ ธรรศไม่เคยใฝ่ต่ำแบบนั้น!”

“ผมกะแล้วว่าร้อยทั้งร้อย ผู้หญิงต้องเข้าข้างแฟนตัวเองวันยังค่ำ” เอกภพทำสีหน้าผิดหวัง แต่ยังคงยืนยันหนักแน่น “ผมเห็นมากับตาตัวเอง อย่าให้ถึงขั้นต้องเล่าเลยนะครับว่าทั้งคู่ดูสนิทสนมกันมากขนาดไหน มองตากันงี้หวานเชื่อมเชียว แค่นึกผมก็เจ็บปวดหัวใจมากพออยู่แล้ว อย่าให้ผมต้องสาธยายอย่างละเอียดไปมากกว่านี้เลยครับ”

“ฉันจะไปถามธรรศให้รู้เรื่อง!”

ไฮโซสาวโพล่งออกมาราวกับทนฟังต่อไปไม่ไหว ไม่ต้องถาม เอกภพก็รู้ดีว่าบุตรสาวเจ้าของบริษัทเกรี้ยวกราดมากเพียงใด ฟังจากน้ำเสียงที่ดังราวฟ้าผ่าก็มั่นใจได้แล้วว่าถ้าคู่กรณียืนอยู่ตรงหน้า ไอรีนคงไม่ลังเลที่จะพุ่งเข้าไปทึ้งผม ตบตีศัตรูหัวใจให้สาแก่ใจเป็นแน่

เอกภพกระตุกยิ้มนิดๆ บนมุมปาก คิดแล้วสะใจ!

ใครใช้ให้สลักจันทร์ทำเขาเจ็บก่อนล่ะ...

หล่อนเคยคิดถึงใจของเขาบ้างไหมว่าจะเจ็บและอายมากขนาดไหน ที่ถูกหล่อนยัดเยียดความปราชัยมาให้ด้วยสองมือของหล่อนเอง เขาเจ็บมาก เจ็บหนัก หนัก...จนแทบกระอัก มันเป็นความเจ็บปวดอย่างสุดแสนสาหัส รวดร้าวเจียนขาดใจ เพราะคนเป็นแฟนอย่างเขากลับไม่เคยมีค่ามีความสำคัญเท่ากับผู้ชายคนอื่นที่อยู่รายล้อมรอบตัวสลักจันทร์ ไม่มี...ไม่เคยมีเลย…

ทำไมเขาต้องเป็นผู้แพ้...

ทำไมต้องกลายเป็นเขาที่ไม่เหลืออะไร...

ทำไมเขาไม่ได้ตัวสลักจันทร์ก่อนที่ใครจะคว้าไป...

ทำไมหล่อนถึงทรยศหักหลังเขาได้ลงคอ...

ทำไมหล่อนถึงยอมพลีกายให้ผู้ชายคนอื่นเชยชมง่ายๆ ทำไม...

ในใจของเอกภพเต็มไปด้วยความเคียดแค้น เจ็บใจที่เขากลายเป็นไอ้หน้าโง่ถูกแฟนสวมเขาโดยไม่รู้ตัว ความจริงเขาน่าจะเอะใจตั้งแต่ตอนที่เห็นหน้าผู้ชายคนใหม่ยืนจับมือถือแขนอดีตแฟนสาววันนั้นแล้ว แต่เขาไม่รู้ว่าธรรศเป็นใคร จวบจนกระทั่งได้เข้ามารับผิดชอบควบคุมดูแลงานในพื้นที่ก่อสร้างของเจ้าตัว วิศวกรหนุ่มถึงเพิ่งรู้ว่าคนที่เข้ามาพัวพันกับอดีตแฟนสาวเป็นถึงเจ้าของบริษัทยักษ์ใหญ่ในแวดวงอุตสาหกรรมพัฒนาที่ดิน ซึ่งเขาเคยได้ยินชื่อเสียงมาช้านาน แต่เพราะไม่ค่อยได้ติดตามข่าวสารหรือสนใจเรื่องราวของผู้บริหารมากนัก เลยไม่เคยได้เห็นใบหน้าบรรดาพวกเจ้าของบริษัทตามสื่อประชาสัมพันธ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นทั้งหนังสือพิมพ์ นิตยสาร หรือแม้แต่ในโทรทัศน์

ผู้ที่เขาข้องแวะด้วยจะเป็นพนักงานในระดับปฏิบัติการหรือไม่ก็หัวหน้างานบางแผนกเสียมากกว่า จะมีที่รับงานจากเศรษฐีบ้าง แต่ก็เป็นเพียงการรับผ่านนายหน้า ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะมาจากไพฑูรย์ วิศวกรคนเก่งที่เป็นทั้งคนคุมงานก่อสร้างและที่ปรึกษาให้กับบริษัทชั้นนำต่างๆ โชคดีที่เขาได้รู้จักผ่านเพื่อนรุ่นพี่คนหนึ่ง ทำให้เขามีงานพิเศษรายได้งามๆ วิ่งผ่านเข้ามือมาจนถึงทุกวันนี้...

งานที่เขาแค่เซ็นชื่อลงในแบบโดยไม่ต้องเปลืองแรง ก็ได้เงินมาใช้เป็นหลักหมื่นหลักแสน ใครไม่ทำก็โง่บรมโง่เต็มทีแล้ว!

ทั้งๆ ที่เขาสามารถสร้างเนื้อสร้างตัวขึ้นมาได้ถึงขนาดนี้ ทำทุกอย่างก็เพื่อหวังจะสร้างครอบครัวกับแฟนสาว อยากให้หล่อนเชิดหน้าชูคอได้ว่ามีเขาเป็นแฟนโดยไม่ต้องอายใคร...

แต่สลักจันทร์ก็ยังไม่พอใจ!

ใช่สิ...หากเทียบกันแล้ว เขาจะไปสู้อะไรกับเจ้าของโครงการคอนโดระดับร้อยล้านพันล้านอย่าง ธรรศ ธุวานนท์ ได้ล่ะ

เอกภพขบกรามแน่น ยิ่งคิดก็ยิ่งเจ็บใจ หล่อนคิดจะเฉดหัวเขาแล้วหนีไปเสวยสุขกับชู้ใหม่อย่างนั้นหรือ...ฝันไปเถอะ!

เขาไม่ยอม ในพจนานุกรมของเขามีแค่ ‘รัก’ กับ ‘เกลียด’ และคนอย่างเอกภพไม่ยอมถูกใครถีบหัวส่งง่ายๆ ในเมื่อสลักจันทร์ไม่รักเขา เลือกที่จะเลิกกับเขา เขาก็ไม่มีความจำเป็นต้องแคร์หล่อนอีก สู้เกลียดกันไปเลยดีกว่า

ถ้าเขาไม่ได้...คนอื่นก็ต้องไม่ได้เหมือนกัน!

ถ้าเขาไม่มีความสุข...คนอื่นก็ยิ่งต้องทุกข์มากกว่าเขาหลายเท่า!

เขาจะทำลายหล่อนให้ย่อยยับ เขาจะตามจองล้างจองผลาญหล่อนไม่ให้อยู่อย่างเป็นสุข เอกภพสาบาน...

การแก้แค้นเริ่มต้นขึ้นแล้ว...เขาจะยืมมือไอรีนนี่ละเล่นงานสลักจันทร์ ที่เขาจงใจพูดจาใส่ไคล้ก็เพื่อตอกย้ำให้คุณหนูสาวเจ้าอารมณ์เกิดความหึงหวง ยิ่งโกรธมากเท่าไรก็ยิ่งดี ไฟแห่งความเกลียดชังในตัวสลักจันทร์ก็จะยิ่งปะทุโหมกระหน่ำแผดเผาหล่อนให้เจ็บปวดทุรนทุราย หล่อนจะต้องเจ็บยิ่งกว่าที่เคยทำให้เขาเจ็บ!

เขาจะขัดขวางทุกวิถีทางไม่ให้อดีตแฟนสาวได้ดิบได้ดีไปกว่าเขา ก็เจ้าหล่อนบอกเองนี่ว่าไม่เคยคิดหวังรวยทางลัด เขาก็จะช่วยส่งเสริมให้หล่อนจมปลักดักดานอยู่กับความยากจนต่อไป อย่าได้คิดจะจับผู้ชายรวยๆ ที่ดีและเพียบพร้อมมากกว่าเขาได้สำเร็จเลย

“ถ้าบังเอิญคุณเจออดีตแฟนผมอยู่ที่นั่นด้วย ก็ฝากถาม...”

เอกภพยังไม่ทันกล่าวคำว่า ‘จะเอายังไง’ ต่อ นางพญาสาวก็หุนหันพลันแล่นเดินจากไป ทิ้งเขาไว้กับรอยยิ้มสะใจที่ผุดขึ้นบนใบหน้า

‘ช่วยไม่ได้...จันทร์ทำร้ายภพก่อนนะ ถึงตาภพเอาคืนบ้าง...อย่าหาว่าใจร้ายเลยนะจันทร์!’

 

ไอรีนหอบลมเพชรหึงบุกมาหาคู่หมั้นหนุ่มถึงห้องทำงานส่วนตัวของเขาราวกับพายุทอร์นาโดลูกใหญ่ พอเจอหน้าปุ๊บ ก็ร้องถามเขาอย่างเอาเรื่อง

“ธรรศคะ! ไอรีนต้องการคำตอบเรื่องแม่นั่นจากปากคุณเดี๋ยวนี้!”

ประธานหนุ่มที่กำลังคร่ำเคร่งกับงานแทบยกมือขึ้นปิดหู เมื่อได้ยินเสียงแหลมๆ ดังลั่นจนแสบแก้วหู พลางขมวดคิ้ว เงยหน้ามองคนที่เดินกระแทกส้นสูงเข้ามาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าโต๊ะทำงานด้วยท่าทางเกรี้ยวกราดอย่างที่เขาไม่เคยชอบใจ

“แม่นั่น? แม่ไหนอีกครับไอรีน” เขาย้อนถามน้ำเสียงติดรำคาญ แต่ยังคงเก็บอาการได้มิดชิด

“ก็แม่สถาปนิกสาวที่คุณไปยืนจับมือถือแขนอยู่กับมันเมื่อวันก่อน จนมีคนเห็นไงล่ะคะ”

“ผมบอกแล้วว่ามีคุณเพียงคนเดียว”

“แล้วที่คุณไปอี๋อ๋อกับมันล่ะคะ หมายความว่ายังไง ใครๆ เขาก็รู้ว่าคุณเป็นคู่หมั้นไอรีน ธรรศทำแบบนี้ จะให้ไอรีนเอาหน้าไปไว้ที่ไหน”

“เอาไว้บนบ่าเหมือนเดิมนั่นแหละครับ” ธรรศยักไหล่ตอบง่ายๆ

“นี่ธรรศไม่คิดจะไว้หน้าไอรีนบ้างเลยเหรอคะ”

“ไม่ใช่ครับ ผมแค่อยากให้คุณใจเย็นๆ นั่งลงก่อน แล้วค่อยๆ พูดค่อยๆ จากันด้วยเหตุผลดีกว่า” ท้ายเสียงจงใจเน้นเป็นพิเศษ

“เหตุผลของไอรีนมีเพียงข้อเดียวค่ะ คือธรรศต้องตอบมาเดี๋ยวนี้ว่าทำไมถึงไปยืนจับมือถือแขนกับแม่นั่นคะ” ไอรีนดื้อแพ่งยังคงยืนอยู่ที่เดิม ไม่ยอมขยับเขยื้อนไปไหน นัยว่าถ้าเขาไม่ตอบเรื่องที่หล่อนอยากรู้ละก็ หล่อนจะกวนใจเขาอยู่แบบนี้ไม่ยอมเลิก ให้มันรู้กันไปว่าใครจะมีความอดทนมากกว่ากัน!

“ไม่เอาน่า...คุณไปฟังใครยุแยงมาอีกล่ะครับ คุณก็รู้ว่ามีพวกไม่หวังดีอยากทำลายความรักของเราอยู่” คนถามถอนหายใจ สีหน้าเริ่มเซ็งจัด

“อดีตแฟนของแม่นั่น หรือไม่ก็อาจจะต้องเรียกว่า ‘อดีตสามี’ ทีนี้เชื่อถือได้รึยังคะ!”

“แล้วยังไงครับ”

สีหน้าเรียบเฉยเหมือนไม่ใส่ใจ ไม่แม้แต่จะพยายามอธิบายให้หล่อนรู้สึกสบายใจ ทำให้ไฮโซสาวฉุนขาด

“แล้วยังไงเหรอคะ ธรรศช่างพูดออกมาได้นะคะ”

“ก็ผมไม่เห็นว่ามันจะสลักสำคัญอะไรนี่ครับ แค่จับมือ ไม่ได้มีอะไรกันสักหน่อย”

“ธรรศ!” คู่หมั้นสาวตวาดลั่น “คุณจะให้ไอรีนแกล้งปิดหูปิดตา ทำเป็นไม่รู้ว่าคุณซุกกิ๊กเอาไว้อย่างนั้นเหรอคะ”

“แล้วคุณทำได้ไหมล่ะครับ” ชายหนุ่มเลิกคิ้ว ตั้งใจกวนประสาท

คนถูกยอกย้อนโกรธจนแทบเต้นเร่าๆ

“ไม่มีวัน! ไอรีนต้องเป็นที่หนึ่งและมีสิทธิ์ในตัวคุณเพียงคนเดียวเท่านั้น”

“คุณได้สิทธิ์นั้นอยู่แล้วนี่ครับ”

“งั้นคุณก็ไปเลิกกับมันสิคะ ไล่มันออกเดี๋ยวนี้เลย!”

“ไม่ได้ครับ”

“ทำไมจะไม่ได้คะ” คุณหนูสาวร้องถามอย่างขัดใจ

“เพราะข่าวที่คุณได้มาไม่มีมูลและไร้สาระ คุณไม่จำเป็นต้องคิดมากยังไงล่ะครับ”

“พูดไปพูดมาก็คือคุณจะไม่ยอมเลิกกับแม่นั่นตามที่ไอรีนขอใช่ไหมคะ”

“ผมบอกแล้วว่าไม่มีอะไร”

“ก็ได้ค่ะ ในเมื่อคุณมาไม้นี้ งั้นธรรศยอมให้ไอรีนไปเฝ้าคุณทุกครั้งที่ทำงานกับแม่นั่นได้ไหมล่ะคะ”

คราวนี้คนถูกถามหน้าตึงขึ้นมาทันตา ไม่สามารถเก็บอารมณ์หงุดหงิดได้อีกต่อไป

“เราเคยตกลงกันตั้งแต่ตอนคบกันใหม่ๆ แล้วนี่ครับว่า...จะไม่ก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของกันและกัน” ธรรศเตือนความทรงจำหล่อนเสียงเครียด

คนฟังกระตุกยิ้มบนมุมปาก ทั้งที่ไม่ได้รู้สึกขันเลยสักนิด

“ตลกแล้วค่ะธรรศ ถ้าไอรีนถามคุณเรื่องผู้หญิงอื่นไม่ได้ แล้วจะเรียกว่าเราเป็นคู่รักกันได้ยังไงคะ!”

“ผมไม่เคยให้ความสำคัญกับคำนิยาม มีแต่เรื่องที่ไอรีนคิดมากไปเองคนเดียวทั้งนั้น” บอกแล้วก็ก้มหน้าให้ความสนใจกับงานบนโต๊ะของตนต่อ ราวกับจะย้ำให้อีกฝ่ายรู้ว่าเขาหมายความตามที่พูดจริงๆ

“ก็ถ้าคุณยอมส่งผู้ใหญ่มาสู่ขอไอรีนตั้งแต่ต้น ไอรีนคงไม่ต้องคิดมากกลัวว่าใครจะแย่งธรรศไปจากอกของไอรีนแบบนี้หรอกค่ะ ทั้งหมดธรรศเป็นคนผิดเองนะคะ” หญิงสาวตัดพ้อด้วยความน้อยอกน้อยใจ

“ผมขอย้ำนะไอรีน...เราจะไม่พูดเรื่องแต่งงานกันอีก” ชายหนุ่มเงยหน้ามองคู่หมั้นสาวด้วยแววตาเย็นชา ก่อนจะก้มหน้าทำงานต่อ

คนที่เห็นสายตาว่างเปล่าของคนรักหน้าชา ความผิดหวังแปรเปลี่ยนเป็นความเดือดดาล

“ไม่ว่ายังไงธรรศก็จะไม่ยอมแต่งงานกับไอรีนใช่ไหมคะ” หล่อนกัดฟันถาม

ชายหนุ่มไม่ได้ตอบรับหรือแม้แต่พยักหน้า แต่ท่าทีนิ่งเฉยแบบนี้ทำให้คนที่คบกับเขามาช้านานรู้ได้ในทันทีว่า...นี่แหละคือการปฏิเสธทางอ้อมของเขาละ!

 “ธรรศคะ!” ไอรีนออกอาการกระเง้ากระงอด เรียกร้องความสนใจจากเขาด้วยการตะโกนเรียก แต่คู่หมั้นหนุ่มก็ยังนิ่ง...

“ผมจะทำงานครับไอรีน...” เขาพูดโดยไม่ยอมเงยหน้าสบตากับหล่อนด้วยซ้ำ

‘เลิกกวนใจผมสักที’

ถึงธรรศไม่ได้พูดออกมา แต่หล่อนก็รู้ดีว่าเขาหมายความเช่นนั้น คู่หมั้นสาวเลยยิ่งทวีความฉุนเฉียวเกรี้ยวกราด ข่มขู่เขาด้วยน้ำเสียงห้วนกระชาก

“ถ้าธรรศไม่รีบง้อไอรีนตอนนี้ละก็ คุณจะต้องเสียใจไปตลอดชีวิต!”

พูดจบก็ปั้นปึ่งเดินกระแทกส้นสูงจากไปพร้อมกับหอบเอาพายุลูกใหญ่ของหล่อนจากไปด้วย เหลือไว้เพียงสายตากลัดกลุ้มของคนที่ลอบเงยหน้ามองตามหลังขณะที่หล่อนกำลังจะก้าวพ้นประตูห้องทำงานส่วนตัว

เขาไม่ได้แคร์คนที่เพิ่งเดินจากไปหรอกนะ...แต่รำคาญ!

ไม่รู้ทำไมช่วงนี้คู่หมั้นสาวถึงได้ลุกขึ้นมาทวงสิทธิ์ในตัวเขาปาวๆ ไอรีนก็รู้ว่าเขาไม่ชอบให้ใครมาแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ

แต่หล่อนก็ยังทำ!

สงสัยเขาต้องหาเวลาตกลงทำความเข้าใจถึง ‘ข้อห้าม’ กับหล่อนใหม่อีกครั้งอย่างจริงจังเสียแล้ว เขาไม่อยากให้ความรู้สึกส่วนตัวมาทำลาย ‘งาน’ ที่กำลังขยับขยายความยิ่งใหญ่ในภายภาคหน้า เพราะธรรศมั่นใจว่าขืนหล่อนยังทำตัวเป็นแม่จงอางหวงไข่ เที่ยวเซ้าซี้ยุ่งวุ่นวายกับเขาไม่เลิกแบบนี้ ความเอาแต่ใจของหล่อนนั่นละ ที่จะทำให้เขาเป็นฝ่ายอดรนทนไม่ไหว เอ่ยปากขอเลิกกับหล่อนในสักวัน...

แล้วเมื่อถึงวันนั้น...ความสัมพันธ์อันดีที่บิดาหล่อนมีต่อตัวเขาและบริษัทตั้งแต่รุ่นพ่อคงจบลง ทีนี้เขาคงลำบาก จะทำอะไรก็ติดขัดอย่างที่หล่อนชอบยกเหตุผลนี้มาข่มขู่ เพราะการจะหาพาร์ตเนอร์ที่งานดี มีฝีมือ และไว้ใจได้คอยช่วยหนุนหลังส่งเสริมกัน หายากยิ่งกว่ามิตรแท้ในแวดวงนี้เสียอีก

นี่แหละคือเหตุผลที่เขาต้องพยายามอดทนอดกลั้นกับนิสัยแย่ๆ สารพัดของหล่อน เพราะธรรศไม่ต้องการหาคู่ค้ารายใหม่ ในขณะที่โครงการของเขากำลังดำเนินการก่อสร้างสูงตระหง่านขึ้นไปทีละชั้นอย่างสวยงาม!

 

หลังจากหาทางไล่ต้อนคู่หมั้นหนุ่มให้จนมุมไม่เป็นผล ไฮโซสาวที่อารมณ์ยังคั่งค้างจึงต้องการหาที่ระบาย หล่อนกระชากรถบึ่งมาที่บริษัทรับออกแบบก่อสร้างชั้นนำอีกแห่งหนึ่งราวกับเหาะมา เป้าหมายคือมาดูหน้าผู้หญิงคนใหม่ที่หล่อนต้องระวังเป็นพิเศษว่าจะงาบผู้ชายของหล่อนไปนอนกกกอดวันไหน

ถ้านังสถาปนิกจอมเสแสร้งทำอย่างที่หล่อนนึกระแวงเมื่อไร หล่อนจะตบเสียให้หน้าหงาย!

หล่อนอยากรู้นักว่าแม่รีแม่แรดพวกนี้จะพอมียางหลงเหลืออยู่บนหน้าบ้างไหม หากตัวจริงอย่างหล่อนมาปรากฏกาย ประกาศความเป็นเจ้าของธรรศต่อหน้ามันถึงถิ่น หรือว่าอันที่จริงมันหนังหนายิ่งกว่าที่หล่อนคิด ผู้หญิงพวกนี้ถึงได้หน้าด้านหน้าทนคอยจ้องจะแย่งแฟนชาวบ้านท่าเดียว ซ้ำยังไม่สะทกสะท้านหรืออับอายสายตาอยากรู้อยากเห็นของใคร!

สาวสังคมคนดังก้าวฉับๆ มาหยุดยืนตรงหน้าโต๊ะทำงานของศัตรูหัวใจที่หล่อนถามจากประชาสัมพันธ์ด้านล่าง ก่อนยกมือกอดอก ปรายตามองอีกฝ่ายที่ก้มหน้าก้มตาทำงาน ไม่รับรู้การเคลื่อนไหวและความเป็นไปรอบกายด้วยความหมั่นไส้

เชอะ...เสแสร้ง!

ทำตัวเป็นเวิร์กกิงวูแมน เป็นสาวแกร่งที่ไม่สนใจความรัก แต่ลับหลังคงกำลังคิดหาวิธีจับผู้ชายอยู่ละสิท่า เห็นหน้าซื่อๆ ท่าทางดูไม่มีพิษไม่มีภัย ที่แท้ก็แรดไม่เบา!

ไอรีนรู้จักธาตุแท้ของแม่พวกที่แสร้งทำเป็นอ่อนต่อโลกดี หล่อนเห็นมานักต่อนักแล้ว ไม่มีใครที่เรียบร้อยจริงดั่งผ้าพับไว้เลยสักคน ยิ่งพวกคุณหนูบอบบาง กิริยามารยาทอ่อนช้อย ชนชั้นเดียวกับเธอด้วยแล้ว ลับหลังพ่อแม่ก็ถกกระโปรง กระโดดข้ามหน้าต่าง หนีเที่ยวผับ ชม้ายชายตาให้ผู้ชายตั้งแต่สมัยตอนเรียนอยู่คอนแวนต์เสียด้วยซ้ำ!

“หล่อนออกแบบบ้านให้ธรรศตั้งนานแล้ว ทำไมยังไม่เสร็จสักที หรือว่าตั้งใจจะถ่วงเวลาเพื่อหาทางจับแฟนฉันกันแน่”

ไอรีนถามเสียงดัง วางอำนาจบาตรใหญ่เต็มที่โดยไม่เกรงกลัวใครหน้าไหน แม้ว่าบริษัทนี้จะไม่ใช่ของบิดาหล่อนก็ตามที แต่หล่อนมั่นใจว่า เชาวกร แบงกอก โฮม เองก็มีเส้นสายในแวดวงงานก่อสร้างอยู่ไม่น้อย เรียกว่าไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าบริษัทชั้นนำไหนๆ คุณหนูสาวอย่างหล่อนเลยไม่จำเป็นต้องหวั่นเกรงต่ออิทธิพลใด

สลักจันทร์เงยหน้ามองผู้หญิงที่ยืนค้ำหัว สีหน้าบูดบึ้งด้วยความสงสัย เมื่อจู่ๆ ก็โดนยิงคำถามแบบจู่โจมโดยไม่ทันได้ตั้งเนื้อตั้งตัว

“คุณไอรีน...” เธอเรียกขานอีกฝ่าย ก่อนถามกลับอย่างไม่แน่ใจ “เมื่อกี้คุณพูดกับฉันเหรอคะ”

“ถ้าไม่ใช่หล่อนแล้วจะใครล่ะ” ไอรีนแว้ดกลับ ก่อนจะเหยียดปาก ปรายตามองนังผู้หญิงเซ่อซ่าอย่างดูถูกดูแคลน พร้อมกล่าวเตือนด้วยความสมเพชแกมหมั่นไส้ “อย่าฝันว่าจะจับธรรศได้ง่ายๆ นะ ถ้าฉันยังไม่ตายละก็ ใครหน้าไหนก็มาแย่งเขาไปจากฉันไม่ได้ทั้งนั้น!”

คนถูกกล่าวหากลอกตา เธอเบื่อเรื่องบ้าๆ แบบนี้เต็มที่แล้ว

“คุณยังไม่เลิกคิดเรื่องไร้สาระพรรค์นี้อีกเหรอคะ”

ไอรีนบอกตัวเองว่า ‘เกลียด’ แววตาระอาที่มองหล่อนด้วยความสังเวชขึ้นมาจับใจ มันทำให้หล่อนรู้สึกเหมือนเป็นบ้าคิดมากไปเอง หล่อนเป็นนางมารที่ใส่ร้ายมัน ส่วนมันเป็นคนดีบริสุทธิ์ผุดผ่อง มันตั้งใจจะหลอกให้หล่อนตายใจ แต่สุดท้ายก็จ้องจะฉกผู้ชายของหล่อนไปอย่างหน้าด้านๆ คนเพียบพร้อมอย่างธรรศ ผู้หญิงคนไหนได้ไปก็สบายไปทั้งชาติ

“แกไม่มีทางตบตาฉันได้หรอก ฉันรู้นะว่าแกคิดจะแย่งธรรศไปจากฉันอยู่ทุกเมื่อ”

“ไปกันใหญ่แล้ว”

สลักจันทร์แอบบ่นพึมพำ แต่คนหูดีราวกับหูผีก็ยังได้ยิน เลยยิ่งแหวกลับ

“ฉันรู้ทันสันดานของพวกผู้หญิงอย่างแกดี! ทุกคนที่เข้ามาใกล้ชิดเขาก็หวังจะใช้เต้าไต่ เอาตัวเข้าแลก เพราะหวังตกถังข้าวสารด้วยกันนั่นแหละ”

“แต่ยกเว้นฉัน” สลักจันทร์สวนทันควัน

“ฉันไม่เชื่อ!” ไอรีนแบะปาก แทบจะเท้าสะเอวชี้หน้าอีกฝ่าย “เชอะ! ทำเป็นหยิ่ง แต่พอลับหลังหล่อนก็จ้องจะให้ท่าแฟนฉันใช่ไหม คงระริกระรี้อยากจะนอนกับเขามากละสิ คิดเหรอว่าธรรศเขาจะโง่ลงมาเกลือกกลั้วกับผู้หญิงชั้นต่ำอย่างหล่อน”

“สบายใจได้...นั่นไม่ใช่นิสัยจันทร์!”

สองสาวต่างหันขวับเมื่อได้ยินเสียงห้าวทุ้มดังแทรกขึ้น

“พี่วีร์...”

“นึกว่าใคร ที่แท้ก็คุณปวีร์นี่เอง” ผู้ชายอีกคนที่หล่อนชังน้ำหน้าไม่ต่างกัน

ไฮโซสาวแบะปาก ก่อนจะหันมาเล่นงานคู่กรณีของหล่อนต่อ

“มีคนมาช่วยแล้วนี่ รายนี้ใครล่ะ...พี่ชาย เพื่อนร่วมโลก หรือว่าเหยื่ออีกรายที่หล่อนจ้องจะจับ”

“ผมเป็นใครไม่สำคัญเท่ากับมีคนไปบอกผมว่า มีผู้หญิงบ้าที่ไหนก็ไม่รู้บุกมาหาเรื่องคนของผมถึงที่ แถมยังเอะอะเสียงดังรบกวนสมาธิคนทำงานอีกต่างหาก ไอ้ผมก็คิดว่าใคร แต่คิดไม่ถึงเลยว่าผู้หญิงไร้มารยาทคนนั้นจะเป็นคุณ...ไอรีน!” ปวีร์จงใจเน้นชื่อหล่อนพลางปรายตามองอย่างตำหนิ หวังจะให้คนที่ทำเรื่องน่าอายสำนึกและรู้สึกตัวเสียบ้าง

“กรี๊ดดด!...นี่แกด่าฉันเหรอ!”

ไอรีนกระทืบเท้าเร่าๆ ยกมือชี้หน้าอีกฝ่ายอย่างเดือดดาล หล่อนไม่เคยถูกโรคกับเพื่อนสนิทของคู่หมั้นหนุ่มคนนี้เลยจริงๆ เจอกันทีไรเป็นต้องมีเรื่องกระทบกระทั่ง ในเมื่อตอนนี้ไม่ได้อยู่ต่อหน้าธรรศ หล่อนก็ไม่จำเป็นต้องสวมบทแฟนสาวผู้แสนดีอย่างที่เขาต้องการ และไม่ต้องญาติดีกับมันอีก

“แกเป็นใคร ก็แค่ผู้ชายจนๆ อย่าสะเออะมาตีตัวเสมอฉัน”

“ครับ ผมไม่ได้รวยล้นฟ้าเหมือนไอ้ธรรศ แต่ผมก็ไม่เคยตีค่าคนที่เงิน”

“ฉันละสงสัยจริงๆ ว่าธรรศเขายอมลดตัวลงมาคบกับแกได้ยังไง แค่ได้กลิ่นก็เหม็นสาบจนจะอ้วกแล้ว”

“ผมเองก็อยากรู้ว่ามันหน้ามืดคว้าคนอย่างคุณมาเป็นแฟนได้ยังไง นิสัยเกินจะรับซะไม่มี”

“แก๊...!” คนถูกขัดใจร้องกรี๊ด เต้นผางเป็นเจ้าเข้า “ถ้าธรรศรู้ว่าพวกแกรวมหัวกันรังแกฉันละก็ อยากรู้นักว่าเขาจะทำยังไง”

“มันก็คงอยู่เฉยๆ มั้งครับ” ปวีร์ยืมท่าของเพื่อนสนิทมาใช้ ยักไหล่อย่างไม่แยแส พร้อมกับเอ่ยทีเล่นทีจริง “ผมว่าไอ้ธรรศมันคงไม่ชอบใจมากกว่า ถ้ารู้ว่าคุณมาตามหึงหวงมันแบบนี้”

ไอรีนพลันหน้าซีดเผือด

“นี่แกกล้าขู่ฉันเหรอ!”

“เปล๊า...ผมเพียงแต่เตือนคุณในสิ่งที่เพื่อนผมไม่ชอบก็เท่านั้น”

“ธรรศเขาไม่มีวันโกรธฉัน”

นางพญาสาวเชิดหน้า เก็บงำความหวั่นใจเอาไว้ แต่ไม่พ้นดวงตาขี้เล่นที่ซ่อนความหลักแหลม ปวีร์จึงแกล้งเกทับ หวังบั่นทอนความมั่นใจของหล่อน

“อย่าถือว่ามีคุณพ่อหนุนหลังแล้วผู้ชายเขาจะไม่กล้าขอเลิกนะครับ ผมรู้จักเพื่อนของผมคนนี้ดี ลองไอ้ธรรศมันเบื่อขึ้นมา อะไรก็ฉุดไม่อยู่ ต่อให้มีคุณสมบัติเพียบพร้อมยังกับนางงามจักรวาล มันก็ทิ้งครับ ขอเตือนด้วยความหวังดี”

“แก…ไอ้บ้า! ไอ้ผู้ชายปากหมา! ฉันเกลียดแก!” ไอรีนแผดเสียงลั่น

“แหม...เรานี่ใจตรงกันเลยนะครับ” คนช่างยั่วกระตุกยิ้ม “เผื่อคุณยังไม่รู้...ผมเองก็ไม่ค่อยชอบคุณสักเท่าไรเหมือนกัน”

ไอรีนได้แต่ยืนเม้มปากแน่นจนเป็นเส้นตรง โกรธจนตัวสั่นเทิ้ม นึกเจ็บใจที่ไม่รู้จะเล่นงานฝ่ายตรงข้ามอย่างไรให้เจ็บแสบ เลยงัดมุกเก่ามาใช้เพื่อไม่ให้ตัวเองเสียหน้า เอาไว้หล่อนค่อยหาทางเอาคืนพวกมันทีหลัง

“ฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่าธรรศเขาจะเลือกใคร ระหว่าง...เพื่อนเฮงซวยอย่างแกกับคู่หมั้นที่คอยค้ำจุนเรื่องงานของเขาอย่างฉัน”

“จะกลับไปฟ้องมันว่างั้นเถอะ” เขาถามอย่างรู้ทัน หมายให้คู่กัดอับอายขายหน้า

“ฝากไว้ก่อนเถอะ...ฉันจะต้องเป็นฝ่ายชนะ!” ไอรีนประกาศกร้าว แล้วสะบัดหน้าพรืด เดินกระแทกเท้าจากไปราวลมกรดสาว

“อย่าลืมมาเอาคืนล่ะครับ” ปวีร์ต่อปากอย่างนึกสนุก

แต่พอคล้อยหลังคู่หมั้นสาวของเพื่อนรัก ใบหน้าที่มีรอยยิ้มอยู่เมื่อครู่ก็เลือนหายแปรเปลี่ยนเป็นสีหน้าเคร่งขรึมของคนที่เป็น ‘นาย’

“ไปพบพี่ที่ห้องด่วนนะจันทร์”

เขาสั่งเสียงเฉียบ แล้วสาวเท้าเดินจากไปโดยไม่หันกลับมามองลูกน้องสาวที่เพิ่งออกโรงปกป้องเลยแม้แต่นิดเดียว ทำเอาคนที่นั่งหน้าสลดใจหายวาบ...

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น