2

บทที่ 2


พนักงานทำความสะอาดภายในรีสอร์ตแบ่งเป็นสามกะ กะเช้า ๗.๐๐ น. - ๑๕.๓๐ น. ชั้นหรือโซนละสามคน กะบ่าย ๑๔.๓๐ น. – ๒๓.๐๐ น. ชั้นหรือโซนละสองคน และกะดึก ๒๒.๓๐ น. จนสว่าง มีพนักงานประจำอยู่ในรีสอร์ตแค่สี่คน รวมทั้งซูเปอร์ไวเซอร์อีกหนึ่งคนที่คอยให้บริการแขก เพลงทรายประจำกะเช้าในโซนบังกะโลสวีต วันนี้เธอกับเพื่อนร่วมงานไล่ทำความสะอาดห้องอื่นๆ จนครบ เหลือแค่ห้องสุดท้ายที่จะยังไม่มีผู้เข้าพักวันนี้ คือห้องเอสองเท่านั้น มันกำลังจะเรียบร้อยก่อนเธอและเพื่อนออกกะในอีกไม่ถึงครึ่งชั่วโมงนี้เอง ไม่น่าเกิดเรื่องแปลกๆ นี่ขึ้นเลย!   

ตลอดมา มีคนเคยบ่นว่าเธอควรจะหุบปาก เก็บลิ้นตัวเองไว้บ้าง ต่อให้หัวข้อสนทนาเรื่อง ‘รักษ์โลก’ จะทำให้หูผึ่งตาโตแค่ไหน 

เพลงทรายคิดว่านั่นคือเรื่องงี่เง่า เพราะโลกใบนี้เป็นของเราทุกคน และในเมื่อมันไม่มีปากเสียง ก็จำเป็นจะต้องมีคนพูดแทนมัน ซึ่งนั่นก็หมายถึงพูดแทนมนุษย์ทุกคน สิ่งมีชีวิตทุกชนิดด้วย ถ้าเธอเงียบ ย่อมเหมือนกับยินยอมให้คนเผาบ้าน เผาครัวตัวเอง ของเพื่อนและสัตว์เลี้ยงของตัวเองไปจนวอด

ไม่คิดเลย ในบางสถานการณ์ คำเตือนที่ไม่เข้าท่ากลับกลายเป็นเข้าท่ากว่าตรรกะเธอ

เพลงทรายอายุยี่สิบสี่ปี ปกติไม่มีใครเดาอายุเธอถูกเพราะลักษณะโครงหน้า รูปร่าง และบุคลิก ทำให้ดูเด็กลงไปมาก นี่นับว่าระเบียบในการเกล้าผมยาวเป็นมวย และชุดเครื่องแบบแม่บ้านกระโปรงสีปูน ตัดขาวที่ปกเสื้อขนาดใหญ่ ชายแขนสั้น และผ้ากันเปื้อน ช่วยให้เธอดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นแล้ว แต่ก็ยังไม่มากพออยู่ดี

เชื่อเถอะ แม้ผู้หญิงส่วนมากอยากดูเด็ก แต่ไม่มีใครอยากดู ‘เด็กเกิน’ คุณจะตกเป็นเป้าของการกลั่นแกล้ง หยอกล้อ ต่อให้มันจะมีที่มาจากความเอ็นดูก็ตาม 

สมัยเล็กๆ เพลงทรายผวากับการถูกหยิกแก้มย้วยๆ เธอกลายเป็นเด็กกลัวคนแปลกหน้า เกลียดความรู้สึกว่าแก้มตัวเองเป็นพื้นที่สาธารณะอย่างคันจับประตู เธอค่อยๆ กลายเป็นเด็กเก็บตัว แต่นั่นละ คำว่าเก็บตัวไม่ได้หมายความว่าเธอชอบเก็บปากเก็บคำ

ทั้งที่สูญเสียพ่อแม่ไปแต่ยังเยาว์ อาผู้จับงานสร้างวงดนตรีก็เลี้ยงดูเธอต่อมาให้เชื่อมั่นอย่างผู้ไม่ขาดพร่อง เธอไม่เคยต้องอาศัยเสื้อผ้า ทรัพย์สิน หรือแม้แต่เครื่องประทินโฉมมาสร้างความมั่นใจ ไม่แยแสแม้ใครมองด้วยสายตาพิพากษาว่าเป็นเด็กสาวตกยาก 

ปูมหลังและนิสัยเก็บตัวนี่เอง บ่มให้เพลงทรายสนใจในสิ่งที่เด็กคนอื่นไม่ค่อยสนใจ เมื่อมีแฟนหนุ่มเอออวย เธอยิ่งไม่รู้สึกว่าตัวเองแปลกแยก ความสนใจนั้นเองค่อยๆ เปิดประตูพาสู่โลกภายนอก เพราะการใส่ใจชีวิตและสิ่งแวดล้อมเป็นงานที่ต้องร่วมมือกันระหว่างผู้คน มันค่อยๆ ทำให้เธอเป็นคนกระตือรือร้น และ...นั่นแหละ...พูดมาก

เพลงทรายไม่สนใจโรงเรียนมากไปกว่า ที่นั่นมีชมรมอนุรักษ์ธรรมชาติให้เธอเข้าร่วม เด็กสาวได้รู้จักเพื่อนสนิท ซึ่งต่อมาก็ยังคบหาและร่วมใจกันจนถึงทุกวันนี้ ผู้ใหญ่มองว่าเธอมัวทำบ้าทำบออะไร ทำไมไม่สนใจคะแนนสอบ ทำไมไม่สนใจอนาคต เพลงทรายงงงวยมากว่าถ้าเราไม่มีโลกแล้ว เรายังจะมีอนาคตได้อย่างไร ต่อให้มนุษย์ย้ายไปอยู่ดาวนานาได้ เราก็ต้องร่วมกันรักษาสภาพแวดล้อมอยู่ดี 

คงเป็นเพราะอย่างนี้ วัยผู้ใหญ่ของเธอจึงไม่เฉิดฉายเท่าใครอื่น และสุดท้ายต้องกระเด็นมาอยู่ในชุดเครื่องแบบนี้ 

ด้วยความขวนขวายอย่างยิ่ง ในที่สุดหญิงสาวได้เข้ามาเริ่มงานแม่บ้านห้องพักในเวียงอวัศย์เกาะช้างรีสอร์ตสมใจประมาณหนึ่งสัปดาห์แล้ว เธอต้องย้ายมาอยู่หอพักที่นี่ เพิ่งจะผ่านการปฐมนิเทศและฝึกงานอย่างเข้มข้นโดย ‘คุณแม่’ หรือหัวหน้าฝ่ายแม่บ้านเองกับมือ ก่อนจะได้รับการอนุมัติให้เข้าประจำส่วนงานที่ใครๆ ก็ฝันหา ส่วนงานที่ได้รับทิปสูงที่สุดในบรรดางานทำความสะอาด!  

ใครๆ ก็รู้สึกว่านี่ไม่ยุติธรรม ปกติแม่บ้านโซนบังกะโลสวีตจะใช้คนที่มีประสบการณ์แล้วเท่านั้น ป้องกันความผิดพลาดอันจะระคายเบื้องยุคลบาทของแขกสำคัญ พี่งามจิตก็คงคิดอย่างนั้น เจ้าหล่อนจงใจให้เธอเงอะงะ มะงุมมะงาหราตั้งแต่เริ่มงานวันแรกเมื่อวานนี้ 

ยังดีที่มีศรีตรัง สาวผิวเข้ม ตาคมคือคนที่คุณแม่มอบหมายให้เป็นบัดดี้ในการทำงานของเพลงทราย รายนี้คอยสอนและดูแลหน้างานตั้งแต่เธอเริ่มงานจริง อายุเท่าๆ กัน แต่หลังจบ ปวส. ก็เริ่มงานแม่บ้าน จากโรงแรมเล็กๆ แล้วต่อยอดมาถึงที่นี่ ปัจจุบันได้บรรจุระดับซีเนียร์ 

ศรีตรังเล่าว่าเป็นคนเรียนไม่เก่ง สุดท้ายจึงเลือกงานได้ไม่มาก เพลงทรายฟังแล้วงุนงง เพราะเจ้าตัวออกจะหูตาไว แล้วมันสมองก็แทบจะไวยิ่งกว่าหูตา 

เพื่อนของเธอสามารถบอกได้ว่าแขกผู้เข้าพักนั้นมีปัญหาข้อเข่า หลังจากเห็นพื้นรองเท้าแต่ละคู่ของเจ้าตัว แจกแจงได้ว่าเครื่องสำอางในห้องน้ำแต่ละชิ้นเป็นของแขกคนไหนในห้องพัก โดยอาศัยลักษณะผิวและเส้นผมในการตั้งสมมติฐาน 

‘ฉันไม่เก่งอย่างอื่น ตั้งใจจะเอาดีทางนี้ก็ต้องรู้จักทำอะไรอย่างนี้แหละ’ ศรีตรังอธิบายให้ฟังกลั้วหัวเราะ ครั้นเห็นเธออึ้งเหวอ

‘งานรีสอร์ตมันขายการบริการ ทำให้ลูกค้าประทับใจได้เท่าไหร่ เราก็ยิ่งได้กับตัวเองมากขึ้นเท่านั้น การบริการที่ดีกับการบริการที่ ‘ดีกว่า’ มันแยกจากกันด้วยสกิลการสังเกตแล้วก็คิดต่อยอด’

ตอนที่พูด เจ้าตัวเลื่อนตะกร้าขยะเข้าไปข้างเตียงฝั่งตรงข้ามกับระเบียบของรีสอร์ต

‘แขกคนนี้วางปากกาของเขาฝั่งซ้ายมือตลอด แสดงว่าเขาถนัดซ้าย เอาถังไปไว้ฝั่งขวามันลำบากเขา’

‘เคยมีใครสงสัยว่าเธอปลอมตัวเข้ามาสืบอะไรที่นี่บ้างมั้ย!’

‘บ้าละครนะเรา’ เจ้าหล่อนหัวเราะคิกพร้อมขยิบตา ‘แต่ฉันอาจจะเป็นอย่างนั้นจริงๆ ก็ได้นะ ถ้าค่าจ้างสืบมันมากกว่าทิปจากแขก!’

เพลงทรายเพิ่งจะรู้จักเพื่อนได้ไม่นาน แต่เธอก็พอจะรู้ว่าทิปเหล่านั้นสำคัญกับศรีตรังจริงๆ ถ้าจุดอ่อนของเธอคือเรื่องรักษ์โลก จุดอ่อนของศรีตรังก็คือเรื่องเงิน ประมาณว่าแค่เห็นเหรียญบาทตกอยู่ในรูลึก เจ้าตัวก็จะตาโตแล้วหาวิธีขุดเอาขึ้นมาให้ได้ และ ใช่! สายตายอดนักสืบของศรีตรังสามารถมองเห็นเหรียญในขณะที่ไม่มีใครทันสังเกต!

ตอนนี้ เพื่อนสาวกำลังมองเธอสลับกับแขกที่ชื่อคุณเงินยวง แม้ริมฝีปากจะสงบนิ่ง แต่เพลงทรายรู้ว่าศรีตรังคงคันจนอยากขมุบขมิบเต็มแก่ นี่ถ้าอยู่ลับหลัง เจ้าหล่อนคงเขย่าแขนแล้ววิเคราะห์ให้ฟังเป็นฉากๆ ว่าตกลงแขกตรงหน้ามีจุดประสงค์อะไรแน่ 

อย่างไรก็ดี เพลงทรายคิดว่าเจตนาของคุณเงินยวงคงไม่ใช่เรื่องแย่ การรักษ์โลกก็คือรักทุกชีวิต คนรักคนอื่น ย่อมปรารถนาดีกับคนอื่นอยู่แล้ว เพียงแต่มันอาจจะยุ่งยากนิดหน่อยต่องานที่เธอทำอยู่

พี่งามจิตจ้องเธอเช่นกัน นัยน์ตาและมุมปากมีรอยหยัน 

เพลงทรายไม่ทันพูดอะไรตอบ ผู้จัดการแผนกต้อนรับก็เป็นฝ่ายตอบ

“ขออภัยแทนคุณปภังกรด้วยนะคะ ดิฉันคิดว่าแกอาจจะเป็นห่วงการเข้าพักคุณเงินยวง แต่คงไม่ได้ลืมคุณชาโตบริยองด์...”

“แล้วสิ่งที่ฉันเห็นเมื่อกี้?” คุณเงินยวงเลิกคิ้วเล็กบางถามพร้อมรอยยิ้ม เป็นรอยยิ้มชนิดที่ยากจะตอบโต้

“เดี๋ยวดิฉันจะประสานให้ว่าตอนนี้...”

“ที่รัก” อีกครั้งที่แขกแทรกขึ้น กะพริบตาจ้องชนิดที่ไม่ว่าใครที่ถูกจ้องก็ต้องรู้สึกว่าตัวเองมีเขางอกจากหัว “ฉันไม่ต้องการคุณพังนั่น หรือบัตเลอร์คนไหนในทีมอีก ฉันต้องการเพลงทรายจ้ะ”

“แต่เพลงทรายเป็นแค่แม่บ้าน ไม่เคยได้รับการอบรมให้เป็นบัตเลอร์มาก่อน ดิฉันเกรงว่าคุณเงินยวงจะไม่ได้รับความสะดวกสบาย...”

คนพูดสะดุดคำของตัวเอง เพราะยิ้มหวานและสายตาเอ็นดูคนเขลาจากแขก

“ตกลงค่ะ” ผู้จัดการแผนกต้อนรับต้องรับคำในที่สุด 

นั่นเป็นสาเหตุที่เพลงทรายต้องก้าวตามออกมาจากห้องพักเอสอง 

หญิงสาวยังคงหันมองสองเพื่อนร่วมงานในห้อง ศรีตรังและพี่งามจิตมองตามมาด้วยความเป็นห่วงในระดับที่ต่างกัน เพลงทรายพอจะเข้าใจ รายหลังคงเป็นห่วงว่าระดับการบริการของรีสอร์ตนี้จะถูกเธอทำพังเสียมากกว่า 

แม่บ้านสาวหันกลับมาทัน ก่อนที่จะชนคนข้างหน้าทั้งสองล้มตกบันไดลงไปจากชานหน้าบังกะโล และเป็นโชคดีที่เธอยังพอมีสติเก็บเสียง ‘อุ้ย!’ เอาไว้แค่ในใจ

คุณเงินยวงกำลังก้าวตามหลังผู้จัดการแผนกต้อนรับ ดูเหมือนเจ้าหล่อนจะเห็นอะไรบางอย่าง จึงชะลอปลายเท้าเพื่อยังอยู่บนชานด้านบน และเชิดปลายคางขึ้นอย่างมีมาด 

องศาปลายคางนั่นเองบอกเพลงทรายว่า มาดดังกล่าวถูก ‘แสดง’ ต่อใคร แม่บ้านสาวกวาดสายตาตามไปที่หาดทรายด้านล่าง

ขณะนี้ ร่างสูงดูแข็งแรงเหมือนนักกีฬากำลังวิ่งเหยาะๆ ผ่านมา ผิวนวลสว่างบริเวณข้างแก้ม ไหล่กว้าง และลำแขนของคามินทร์เริ่มแดงจัดเพราะถูกแดด เนื้อตัวเปียกเป็นเงาทำให้เห็นแนวกล้ามชัดขึ้น ขนหน้าแข้งยาวพันท่อนขาอันเปื้อนไปด้วยเม็ดทราย เจ้าตัวไม่ได้สวมรองเท้าด้วยซ้ำ ไม่รู้ย่ำไปบนทรายร้อนจัดขนาดนั้นได้ยังไง

แต่นั่นละ ใครจะสน ทันทีที่เห็นเป็นเขา เพลงทรายก็หลุดตาถลน รีบเบี่ยงหน้าหลบ

ซวยชะมัด ชุดแม่บ้านดันไม่มีหมวก แถมต้องรวบผมเปิดหน้าหมดอีก! 

ใช่แล้ว เธอไม่อยากให้เขาเห็นหน้า ถึงจะค่อนข้างมั่นใจว่าต่อให้เขาเห็น ตัวแทนของบริษัท เฟม เมทัล เวิร์ก ก็ไม่น่าจำเธอได้

เธอกับเขาเคยเจอกันจังๆ แค่ครั้งเดียว ต่อให้เป็นครั้งเดียวที่มี ‘เหตุ’ มันก็ยังแค่ช่วงเวลาสั้นๆ เท่านั้น แถมตอนนั้นเธอก็ยัง...

เรามันควรจะหุบปากแล้วก็เก็บลิ้นตัวเองให้เรียบร้อยจริงๆ!

เพราะมัวคิดเรื่องตัวเอง เพลงทรายก็เลยลืมสงสัยไปซะสนิทว่าทำไมคุณเงินยวงจึงต้องเชิดใส่คามินทร์ด้วย แล้วคุณผู้จัดการแผนกต้อนรับอีกล่ะ ปกติเจอแขกระดับนี้ยังไงก็น่าจะยิ้มทักไม่ใช่เหรอ หญิงสาวกระดืบก้าวตามหลังทั้งสอง กะจังหวะที่คิดว่าบุคคลอันตรายน่าจะเดินพ้นไปพอสมควรแล้ว จึงค่อยๆ เบนสายตาหา…

เกือบสะดุ้งเมื่อปรากฏว่าคามินทร์ยังหยุดอยู่ ไม่แค่ยืนเปล่า เจ้าตัวถึงกับถอดแว่นกันแดดเพ่งจ้องตรงมาอีกต่างหาก!

อย่างอัตโนมัติ คอของเพลงทรายสะบัดกลับทันใด ตะโกนร้องในใจ เฮ่ย! เขาจำได้ไงวะ...มันสะดุดแค่นั้นเพราะตาเหลือกของเธอหันมาทันเห็นอะไรบางอย่างบนกลุ่มผมของคนข้างหน้า

เห็บ?...

ใช่! นี่มันเห็บจริงๆ ด้วย!

ปรายตามองชายผู้นั้นอีกที คราวนี้แน่ใจแล้วว่าเขากำลังเพ่งมองอะไร บ้าฉิบ อีตานั่นไม่ได้อยู่ใกล้ๆ ทำไมมองเห็น!  

เพลงทรายอยากช่วยดึงเห็บออก แต่เธอกลัวว่าถ้ายกมือขึ้นยุ่งกับมันตอนนี้ จะเป็นการเรียกความสนใจให้บุคคลอันตรายหันมาเพ่งเธอแทน 

หญิงสาวแสร้งก้มหน้าก้าวตัวแข็ง เพื่อให้คามินทร์ไม่สงสัยว่าทำไมเธอไม่ช่วยดึงเห็บออกจากหัวแขกวีวีไอพี รู้สึกเสียวสันหลังวูบวาบว่าวินาทีใดวินาทีหนึ่งหมอนั่นจะรั้งคุณเงินยวงไว้ แล้วก้าวมาใกล้เพื่อช่วยดึงเห็บออก

ไม่รู้โชคดีหรือร้ายที่คามินทร์ดันใจดำอย่างที่เธอคิดไว้จริงๆ ลอบปรายตาหนล่าสุด ปรากฏว่าเจ้าตัวหันเดินต่อไปแล้ว เพลงทรายแทบจะถอนหายใจ แต่ทำไม่ได้ เพราะเมื่อเบนสายตากลับมา เห็บตัวเป้งนั่นก็แทรกหายเข้าไปในกลุ่มผมคุณเงินยวงพอดิบพอดี

ทำไงดีล่ะ! วุ่นวนอยู่ในใจ กระทั่งก้าวเลี้ยวขึ้นบันไดของบังกะโลเอหนึ่งนั่นละ เสียงใบไม้ส่ายๆ ทำให้เธอนึกได้

ลม! จริงด้วย!

“วันนี้ลมดี เส้นผมคุณเงินยวงพลิ้วสวยมากเลยค่ะ”

“ใครๆ ก็พูดอย่างนั้น” คนผมสวยตอบโดยไม่ได้เหลียวกลับมา จะมีก็แต่คนหน้าสุดที่หันยิ้มให้แขก จากนั้นเผื่อแผ่มายังเธอด้วยสายตาที่พอจะอ่านได้ว่า หุบปากค่ะ อย่าเยอะไปกว่านี้! 

แต่เห็บอยู่บนหัวคุณเงิน! พยายามส่งสัญญาณบ้าง แต่อีกฝ่ายท่าทางจะไม่เข้าใจ จึงดึงสายตากลับไปก่อน

เพลงทรายเริ่มใหม่อีกครั้ง “สะบัดผมหน่อยมั้ยคะ เดี๋ยวดิฉันถ่ายรูปให้”

คราวนี้แขกหยุดก้าว ค่อยๆ หันมา จังหวะนั้นเองคุณผู้จัดการแผนกต้อนรับหมุนมาหาเธอทั้งตัวเพื่อถลึงตา ลูกตาคงหลุดมาจากเบ้าแล้ว ถ้าไม่เพราะแขกพูดขึ้นเสียก่อน 

“ก็ดี นั่นเป็นสิ่งที่ฉันกำลังคิด” 

คนหน้าสุดรีบเสนอ “เดี๋ยวดิฉันถ่ายให้...”

“อ๊ะอา”

คุณเงินยวงยกนิ้วชี้ ใช้สายตาที่ทำให้ผู้ถูกมองน่าจะนึกว่าตัวเองเป็นเด็กสองขวบ 

“กลับไปที่ออฟฟิศเธอเถอะที่รัก แก้มห้อยจะดูแลฉันเอง”

“คือว่า...” 

เช่นเคย สายตาและรอยยิ้มของหญิงร่างบึกเป็นสิ่งที่ไม่มีใครพึงทัดทาน

“ค่ะ” คุณผู้จัดการฯ ก้มหน้ารับ “มีความสุขที่เวียงอวัศย์เกาะช้างรีสอร์ตนะคะ”

ไม่รอให้รายนั้นก้าวจากไปก่อนด้วยซ้ำ คุณเงินยวงหยิบสมาร์ตโฟนของตัวเองออกมายื่นให้เพลงทราย

โทรศัพท์มือถือหน้าจอใหญ่สวมเคสวิบวับ มีพวงตุ๊กตาขนปุกปุยหน้าตาพิลึกห้อยมาพร้อมกับดอกไม้ปลอมละม้ายพวงหรีด  

เพลงทรายยังเกรงใจคุณผู้จัดการแผนกต้อนรับอยู่บ้าง เธอแสร้งกะมุมมองเพื่อรีรอให้รายนั้นก้าวลงบันไดไปก่อน 

“คุณเงินยวงยืนหันหลังแล้วสะบัดหน้ามาที่กล้องดีมั้ยคะ จะได้เห็นตอนผมสยาย”

“เธอคิดเหมือนที่ฉันคิดอยู่” เจ้าหล่อนขยิบตา แล้วเริ่มสะบัด 

เมื่ออยู่ต่อหน้ากล้อง สายตาและการวางมือ วางเนื้อตัวของคุณเงินยวงดูเป็นสาวตัวเล็กบอบบาง ทั้งที่หน้าอกเท่ากะละมังและสะโพกปิ่มถังน้ำมัน แต่เพลงทรายไม่สนใจเรื่องนั้น เพราะจังหวะหนึ่งที่คนตรงหน้าสะบัดผม เห็บดำตัวเกือบเท่าหัวแม่โป้งก็กระเด็นมาที่มือเธอ

แม่บ้านสาวเกือบสะดุ้งร้อง แต่ทันสะกดอารมณ์เหลือแค่สลัดมือออก ไม่อาจหันหาว่ามันตกไปที่ไหน เพราะนางแบบหน้ากล้องเลิกคิ้วตั้งคำถามที่เธอไม่กดชัตเตอร์

อย่างน้อยมันก็กระเด็นไปแล้วละ

หญิงสาวบอกตัวเองด้วยความโล่งอก ส่งโทรศัพท์ให้คนตรงหน้าตรวจภาพ “รูปนี้สวยดีนะคะ”

เจ้าของรูปยิ้มรับ “ก็ดีนะ แต่เธอเห็นผมเส้นนี้มั้ย มันบังปลายจมูกของฉันนิดหน่อย”

ต้องรอให้อีกฝ่ายใช้ปลายนิ้วถ่างหน้าจอซ้ำตั้งหลายรอบกว่าภาพจะขยายจนเธอมองเห็น “อ้อ…”

“เอาเถอะ เท่านี้คงสุดฝีมือของเธอแล้ว”

คนพูดหมุนกลับแล้วก้าวนำเข้าบังกะโล เพลงทรายได้แต่คิดว่าประโยคแปลกๆ นั่นอาจหมายความถึงคำขอบใจ

ตอนที่ก้าวตามเข้ามา แม่บ้านสาวพบว่าคุณบัตเลอร์ปภังกรกำลังยืนรออยู่ที่โต๊ะเขียนหนังสือ ในมือข้างหนึ่งมีชุดเอกสารกระดาษอยู่ เจ้าตัวผายมือในถุงมือขาวอีกข้างไปยังบนพื้นอีกฟาก ตรงนั้นมีผ้าขาวม้วนทบดูนุ่มนิ่มวางอยู่พร้อมชามอาหารสุนัขว่างเปล่า 

“ผมจัดข้าวของทั้งหมดเรียบร้อยแล้วครับ รวมถึงมุมพักผ่อนของคุณชาโตบริยองด์ด้วย เขาจะต้องมีความสุขเมื่อได้เข้ามาพักห้องนี้” 

แขกคนสำคัญไม่ได้ตอบรับ ทว่าตรงเข้าไปดึงประตูตู้เสื้อผ้าเปิดออก 

ครั้นเห็นว่าคุณเงินยวงสำรวจเสื้อผ้าอันเป็นระเบียบโดยไม่พูดอะไร ซึ่งน่าจะหมายถึงความพึงใจ คุณบัตเลอร์จึงชูเอกสารขึ้นพลางพูดต่อ 

“ส่วนนี่คือเอกสารสำหรับเช็กอิน เราต้องการเพียงแค่ลายเซ็นของคุณเงินยวงตรงจุดที่ติดโพสต์-อิตไว้เท่านั้นครับ”

“ขอบใจจ้ะ แก้มย้อยช่วยรับไว้ที”

ถ้าไม่เพราะคนพูดยักคอมาทางเธอ เพลงทรายคงไม่เข้าใจว่านั่นคือคำสั่งสำหรับตัวเอง 

คุณเงินยวงยิ้มอ่อนให้คุณบัตเลอร์ “ต่อไปนี้ แก้มย้อยจะมาช่วยดูแลฉันจ้ะ”

ประโยคนั้นจงใจละคำสำคัญที่สุด ในฐานะบัตเลอร์แทนคุณ!

เพลงทรายแอบใจตกวูบ ช้อนตาสบคุณบัตเลอร์ด้วยอารามกลัวๆ กล้าๆ

หญิงสาวเคยได้ยิน บางทีพวกแขกก็มีความปรารถนาพิสดารเกินกว่าผู้บริการจะเข้าใจ แต่คุณบัตเลอร์ทำงานมานาน เขาน่าจะเข้าใจได้ดีกว่าเธอใช่มั้ย นั่นจะไม่ทำให้เขารู้สึกอะไรใช่มั้ยที่จู่ๆ ถูกแขกจับปลด แถมแทนที่ด้วยแม่บ้านใหม่ซึ่งแทบไม่มีประสบการณ์อะไรเลย

สีหน้าของคุณบัตเลอร์ยังเรียบเฉย เฉพาะสายตาเท่านั้นที่แสดงวี่แววของคำถามแต่น้อย 

เขาวาดรอยยิ้มอบอุ่นนิดหนึ่งก่อนจะพูดขึ้นว่า “บางทีผมอาจจะเข้าใจไม่ครบถ้วนว่าคุณเงินยวงต้องการอะไรนะครับ ถ้าคุณต้องการบริการเพิ่มเติม...?”

“ไม่เพิ่มจ้ะ” รอยยิ้มของผู้ตอบก็อบอุ่นเช่นกัน คำสั้นเสมือนเป็นเรื่องเล็กน้อย “แค่เปลี่ยน”

ความเงียบแผ่ตัวอยู่ในห้องแค่ชั่วอึดใจ แต่ก็เป็นอึดใจที่เล่นเอาเพลงทรายแทบหายใจไม่ออก

“ขออภัยครับ เป็นไปได้มั้ยที่ผมจะขอทราบว่าตัวเองทำอะไรขาดตกบกพร่อง หรือทำให้คุณเงินยวงไม่พอใจ...”

ผู้ถูกถามโบกมือประดับเพชรทรงมาคี ยิ้มแย้มแจ่มใส “แก้มใหญ่คุยกับฉันถูกคอมากกว่า และ...อ้อ เธอถ่ายรูปให้ฉันสวยด้วย”

เมื่อกี้คุณเงินยวงไม่ได้ตอบแบบนี้?

และตอนแรกเธอก็ไม่ได้เรียกเราชื่อนี้เหมือนกัน 

หรือเธอจะแค่ความจำสั้น?

“อ้อ” ท่าทางของคุณบัตเลอร์ดูไม่ ‘อ้อ’ อย่างปากพูด เจ้าตัวกวาดสายตามาสบเธอ เป็นสายตาอันส่งพลังเยือกเย็นบางอย่างจนน่ากลัวว่าอากาศตรงหน้าจะจับเป็นก้อนแข็ง 

แต่แค่แวบเดียว คุณปภังกรก็เบนไปสบสายตาแขกด้วยความอบอุ่นเช่นเดิม “ถ้านั่นคือความต้องการของคุณเงินยวง ผมจะช่วยกำกับดูแลแม่บ้านเพลงทรายให้ครับ เพราะเธอยังไม่เคยมีประสบการณ์ด้านการดูแลแขกมาก่อน เกรงว่าจะทำให้คุณเงินยวงไม่ได้รับความสะดวกสบายเท่าที่ควร” 

“ไม่จำเป็นหรอกที่รัก ฉันไม่เคยมองคนผิด” แขกหัวเราะ ละม้ายเยาะอยู่ในทีเช่นกัน จากนั้นหันมาเลิกคิ้วให้เธอ “แก้มห้อยทำได้ ใช่มั้ยจ๊ะ”

เพลงทรายมองแขก สลับกับสบตาคุณบัตเลอร์ซึ่งส่งสายตาทิ่มแทงมาให้เธอ 

ประโยคง่ายๆ ของคุณเงินยวงกลับกลายเป็นประโยคที่ตอบยาก ถ้าเธอปฏิเสธ นั่นอาจกินความไปถึงท่อนที่ว่า ‘ฉันไม่เคยมองคนผิด’ มิใช่หรือ

คุณบัตเลอร์เป็นผู้พูดขึ้นแทนเธอ “ผมจะลองดูครับว่าทำอะไรได้บ้าง เพราะปกติทางรีสอร์ตมีกฎ...”

“เข้าใจมาตลอดว่ากฎของการบริการ คือสิ่งที่ออกจากปากลูกค้าซะอีก?”

แววตาของคุณเงินยวงเริ่มเปลี่ยนไปสู่ความสมเพชระคนเอ็นดู คราวนี้เจ้าตัวไม่รอคำตอบจากใคร พูดต่อไปว่า “แก้มใหญ่ช่วยเอาเสื้อผ้าที่แขวนในตู้กลับออกมาที” 

“คะ?” เพลงทรายคิดว่า ถ้าไม่ใช่ได้ยินผิด เธอก็อาจจะเข้าใจอะไรผิดอยู่แน่ๆ

“ใครเขาแขวนกันแบบนี้ ฉันต้องการอยู่ในที่ที่สนับสนุนความคิดสร้างสรรค์”

“แต่ว่า?...” คุณบัตเลอร์ล้วงโทรศัพท์มือถือขึ้นมา บางทีมันอาจมีข้อมูลการจัดเสื้อผ้าอยู่ละมั้ง 

อย่างไรก็ตาม เมื่อถูกผู้เป็นแขกเลิกคิ้วให้ รายนั้นก็สอดโทรศัพท์กลับคืน 

“คุณเงินยวงเข้าใจถูกต้องแล้วครับ” คุณปภังกรก้มหน้ารับ “ผมจะวางเอกสารสำหรับเช็กอินไว้ตรงนี้” ‘ตรงนี้’ คือโต๊ะเขียนหนังสือ “มีความสุขที่เวียงอวัศย์เกาะช้างรีสอร์ตนะครับ”

แม่บ้านสาวมัวแต่ยืนนิ่ง มองร่างผอมเพรียวของผู้พูดหมุนก้าวจากไป มารู้สึกตัวอีกครั้งก็เมื่ออีกคนในห้องเร่งขึ้น “เธอจ๋า”

“คะ…ค่ะ”

คนรับคำรีบเอื้อมไปดึงไม้แขวนเสื้ออันมีอาภรณ์แพงระยับในตู้ ออกมาวางพาดลงบนเตียงอย่างทะนุถนอม ระหว่างนั้นคุณเงินยวงกวาดตาไปรอบๆ ห้อง ราวกับว่าเพิ่งได้เห็นมันเป็นครั้งแรก

ปกติห้องพักในเวียงอวัศย์เกาะช้างรีสอร์ตถูกตกแต่งด้วยข้าวของสีขาว เพื่อเพิ่มความโปร่งเบาสบายตาจากเฟอร์นิเจอร์ไม้ และตัวอาคารบางส่วนที่เป็นอิฐสีน้ำตาลแดง แต่ด้วยอีเมลแจ้งล่วงหน้าของแขก บัดนี้สีขาวทั้งหมดกลับกลายเป็นสีม่วงแทน ผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน ดอกไม้ ผ้าม่าน แม้แต่กระดาษชำระก็เป็นสีม่วง! เพราะนั่นคือสีที่คุณเงินยวงโปรดปราน 

ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องควานหาเฉดสีตรงตามที่อีเมลฉบับนั้นกำหนดมา จากนั้นเป็นหน้าที่ของเธอกับศรีตรังและพี่งามจิตเตรียมห้องให้เสร็จตั้งแต่ช่วงเช้า ก่อนที่แขกจะเดินทางเข้าเช็กอิน 

ตอนที่พวกเธอทำเสร็จ และหัวหน้าแม่บ้านประจำโซนบังกะโลสวีตเข้ามาตรวจสอบ ทุกคนรู้สึกเหมือนกันว่ามันดู…ทะแม่งๆ สีม่วงไม่เห็นเข้ากับบรรยากาศชายทะเล แถมไม่รับกับสีน้ำตาลแดงตรงไหน หัวหน้าประจำโซนพูดทีเล่นทีจริงทำนองว่า ‘หวังว่าช่างจะไม่ต้องมาเปลี่ยนสีผนัง หลังคา แล้วก็พื้นห้องให้เข้ากับสีม่วงตอนที่แขกมาถึงนะ...’

ความคิดฟุ้งซ่านของเพลงทรายสะดุดลงเมื่อเสียงคนรักสีม่วงดังขึ้น “นั่นอะไร”

“คะ?” 

แม่บ้านสาวหมุนตัวกลับมา เธอเพิ่งวางเสื้อผ้าชุดที่สามลงบนเตียงและกำลังจะก้าวไปหยิบชุดถัดไปในตู้

“นั่นมัน?...”

เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นแขกทำตาถลน ต่อเมื่อไล่สายตาตามลงไปที่ชุดบนเตียง เพลงทรายก็แทบทำลูกตาหล่นออกจากเบ้าเช่นกัน

มันคือ…เห็บ! 

สีดำ ตัวใหญ่เกือบเท่านิ้วหัวแม่มือ ชัดเลยว่าตัวเมื่อกี้ที่กระเด็นจากผมคุณเงินยวงมาเกาะมือเธอ แล้วเธอก็สลัดจนนึกว่ามันหล่นพื้นไปแล้ว ที่แท้...

เป็นจังหวะเดียวกับที่ผู้เป็นแขกช้อนตาขึ้นมาสบเธอ แต่ก่อนที่แม่บ้านสาวจะพูดอะไร อีกฝ่ายก็ออกปาก เสียงนิ่งลง “อย่าออกเสียง!”

สายตาของเพลงทรายกำลังตั้งคำถามแน่นอน 

“ตอนนี้นายพังนั่นคงกำลังแอบรออยู่ข้างนอก เขาไม่ยอมปล่อยให้เธอดูแลฉันได้ราบรื่นหรอกจ้ะ”

คุณเงินยวงรู้?! แล้วทำไมถึง...?   

อย่างว่องไวกว่าทุกครั้ง แขกร่างบึกหันไปสาวกระดาษชำระยื่นให้เธอ พยักหน้าไปทางเห็บบนเสื้อผ้าแล้วส่งสัญญาณทางสายตา จัดการมันซะ!

วินาทีนี้ ต่อให้ความหมายของสายตานั้นคือให้เพลงทรายกลืนมันลงไป เธอก็คงต้องทำตาม เพื่อความราบรื่นของเรื่องทั้งหมด เราจำเป็นต้องอยู่ที่นี่ให้ได้จนกว่าจะทำงานเสร็จ!

“ขะ…ขอโทษค่ะ”

“มันหล่นมาจากเธอ!”

“คือ…” มีประโยคยืดยาวอยากอธิบาย แต่เพลงทรายรู้ว่านั่นไม่น่าใช่ทางออกที่ดีนัก 

ความตกใจในดวงตาสีน้ำตาลกลมโตของคุณเงินยวงค่อยๆ หรี่ลง เหลือแต่ประกายวาววับด้วยนัยบางอย่าง 

เจ้าหล่อนเริ่มประโยคใหม่ ด้วยเสียงที่ทำให้เพลงทรายรู้สึกชวนสยองยิ่งกว่าการเคลื่อนไหวของเห็บในห่อกระดาษ “ถ้าฉันรายงานเรื่องนี้กับทางรีสอร์ต มันจะเกิดอะไรขึ้น”

หญิงสาวเบิกตา นั่นเป็นสิ่งสุดท้ายที่เธออยากให้เกิด “ขะ…ขอโทษจริงๆ นะคะ ดิฉันไม่ทราบจริงๆ ว่ามันติดขึ้นมาจากไหน”

แม้แต่กลุ่มผมย้อมสีทองแห้งๆ ของคุณเงินยวงก็เหมือนจะเลื้อยกลายเป็นงูขึ้นมา

“เอามันไปทิ้งในชักโครก กดลงไปให้มันไต่ขึ้นมาไม่ได้อีกตลอดกาล” เสียงนั้นราวกับจะย้ำชะตากรรมของเธอเสียมากกว่า “แล้วกลับมาหาฉัน เราจะพูดกันว่าเธอควรจะทำตัวยังไงต่อไป!”

เพลงทรายลนลานเข้าห้องน้ำแล้วทำตามคำสั่งด้วยมือสั่น ปกติเธอมีสติกว่านี้ ตอนนี้ก็อยากควบคุมสติให้ได้มากกว่านี้ เพราะนี่อาจเป็นเหตุการณ์สำคัญที่จะตัดสินว่า ความพยายามทั้งหมดจนเข้ามาที่รีสอร์ตนี่ได้ในฐานะแม่บ้าน จะกลายเป็นสูญค่าหรือไม่

ระหว่างย้ำปุ่มชักโครก กระแสความคิดของเธอก็หมุนวนว่องไว เราควรจะทำยังไงให้ยังได้ทำงานอยู่ที่นี่ ในบังกะโลสวีตนี้!...

เมื่อก้าวกลับออกมา แขกกำลังยืนสำรวจเสื้อผ้าบนเตียงอยู่ เจ้าตัวเงยหน้าขึ้นมองเธอด้วยรอยยิ้มอันแฝงความมาดหมายดูเป็นอันตรายชอบกล 

ถ้าเธอมีความสามารถแบบศรีตรังก็ดี อย่างน้อยตอนนี้จะได้วิเคราะห์ได้ว่าคนตรงหน้ากำลังรู้สึก หรือคิดจะทำอะไร

“เรื่องนี้เป็นปัญหาใหญ่ที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมา” คุณเงินยวงเริ่มพูดด้วยเสียงเล็กเสียงน้อย ผ่อนน้ำหนักลงบนขาข้างหนึ่ง “แต่ฉันจะทำเป็นลืมมันไปซะ เพียงแต่ว่าต่อจากนี้เธอจะต้องทำตาม ‘ทุกอย่าง’ ที่ฉันสั่ง!”

เธอจ้องตาอีกฝ่าย พยายามตีความว่า ‘ทุกอย่าง’ นั้นหมายความว่าอย่างไร และจะครอบคลุมแค่ไหน 

อันที่จริง เพลงทรายรู้ดีว่าความกว้างขวางของมันไม่ใช่สารัตถะ เธอสามารถดลบันดาล‘ทุกอย่าง’ ได้แน่ๆ เพียงแต่ ใช่ ด้วยทางไหนเท่านั้นมันจึงจะแนบเนียน และไม่ทำให้คนในรีสอร์ตแห่งนี้ล่วงรู้ความลับมากเกินจำเป็น ว่าที่แท้เธอไม่ใช่แม่บ้านมือใหม่ธรรมดา 

‘เคยมีใครสงสัยว่าเธอปลอมตัวเข้ามาสืบอะไรที่นี่บ้างมั้ย’

‘บ้าละครนะเรา’ 

อุตส่าห์ได้คำตอบที่น่าสบายใจจากเพื่อนร่วมงานแล้วแท้ๆ ไม่คิดเลยว่าจะต้องมาเจอปัญหานี้จากแขกคนแรกในชีวิต!

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น