3

บทที่ 3

 

ดนีย์นาถ คิ้วพิศาล อายุยี่สิบสี่ปี ปกติไม่มีใครเดาอายุเธอถูกเพราะลักษณะโครงหน้า รูปร่าง และบุคลิก ทำให้ดูเด็กลงไปมาก 

ทั้งที่สูญเสียพ่อ แม่ไปแต่ยังเยาว์ พิภพผู้เป็นอาก็เลี้ยงดูเธอต่อมาให้เชื่อมั่นอย่างผู้ไม่ขาดพร่อง เธอไม่เคยต้องอาศัยเสื้อผ้า ทรัพย์สิน หรือแม้แต่เครื่องประทินโฉมมาสร้างความมั่นใจ ทั้งที่มีโอกาสซื้อหาชนิดที่ดีหรือแพงที่สุดในโลก ไม่แยแสแม้ใครมองด้วยสายตาพิพากษาว่าเป็นเด็กสาวตกยาก ไม่รู้สึกสาแก่ใจด้วยซ้ำเมื่อคนเหล่านั้นอ้าปากค้างครั้นได้รู้ความจริงภายหลัง ว่าเธอคือทายาทเพียงคนเดียวของผู้ก่อตั้งเอนเตอร์ไทม์ บริษัทบันเทิงชั้นนำของประเทศ มีสิทธิ์เหนืออาภพด้วยซ้ำ!

นั่นเพราะดนีย์นาถไม่เคยสนใจเรื่องพรรค์นั้นเลย เธอใฝ่ใจอยู่กับเรื่องของสิ่งแวดล้อมตั้งแต่เริ่มจำความได้ แฟนหนุ่มเอออวย พิมล์ไพลินเพื่อนรักก็เออออ หลังจากเรียนจบสาขาวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม เธอก็กอดคอเพื่อนสนิทที่จบจากสาขาการออกแบบผลิตภัณฑ์มาร่วมงานกันตามฝัน มันเป็นกิจการสีเขียว ขนาดเล็กกระจิด ทำอะไรกระจุกกระจิกหลายอย่าง แต่หลักๆ คือการออกแบบเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อม มีเว็บไซต์ข่าว บทความให้ความรู้ เป็นที่ปรึกษาเรื่องการทำธุรกิจสีเขียว ทั้งด้านข้อมูล การตลาด การออกแบบสถานที่ และอะไรต่อมิอะไรที่พวกเธอพอจะทำได้ 

แน่นอน มันไม่ใช่งานที่ได้กำไรมากมาย อันที่จริง ตอนนี้แทบจะยังไม่ทำกำไรเลยด้วยซ้ำ แต่ละงานที่เข้ามาล้วนเกิดจากเส้นสายของเธอ จากเอนเตอร์ไทม์ จากเพื่อนๆ และแฟนหนุ่มของเธอ ซึ่งตอนนี้ได้กลายเป็นอดีตแฟนหนุ่มไปเรียบร้อยแล้ว ทั้งงานและสภาพหัวใจนี่เองคือเหตุผลหลักที่ทำให้เธอมาอยู่ที่เวียงอวัศย์เกาะช้างรีสอร์ต

ต้องนับเป็นโชคดี สถานที่เป้าหมายแห่งนี้อยู่ภายใต้การครอบครองของอาหนาว ภรรยาของอาภพ

เป็นเรื่องที่คนเล่าลือ อาภพอยู่ในวงโคจรอันเต็มไปด้วยสาวๆ สวยๆ ช่างฉอเลาะและนิสัยปรู๊ดปร๊าดน่าตื่นตา ทว่ากลับเลือกคว้าสาวบัญชีแว่นหนา หน้านิ่ง ทำผมป่วยๆ ในชุดปอนๆ แถมท่าทางเหมือนป้าครึๆ มาเป็นภรรยา หลายเสียงบอกว่า นั่นเพราะน้ำหนาวเป็นหนึ่งในเจ้าของธุรกิจที่มีมูลค่าอันดับยอดๆ ของประเทศอย่างเวียงอวัศย์ แต่ดนีย์นาถรู้ว่ามันมีเรื่องจริงยิ่งกว่า 

คนสองคนอายุต่างกันถึงแปดปี รู้จักกันมาตั้งแต่ฝ่ายหนึ่งยังเรียนไม่จบ ต่างฝ่ายฝ่าฟันจนนำนาวาชีวิตและนาวารักมาลงเอยกันจนได้ แม้ไม่หวือแหวว แต่มีแววมั่นคงและเสมอต้นเสมอปลายอย่างน่าชื่นชม

ดนีย์นาถมองคู่ของอาเป็นตัวอย่างเสมอมา คิดว่าตัวเองกับแฟนหนุ่มก็จะดำเนินรอยตามรูปนั้น เธอคบเขาเป็นแฟนคนแรกตั้งแต่สมัยมัธยมต้น จากนั้นก็ไม่เคยมองใครอื่นอีก อย่างเดียวที่มองคือกิจกรรมด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งเขาล้อว่ามันเป็น ‘แฟนน้อย’ ที่เขาไม่เคยเอาชนะได้

อาภพสนับสนุนเธอกับเขา ส่วนอาหนาวยืนมองห่างๆ 

ด้วยบุคลิกนิ่งๆ และนิสัยไม่ชอบก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวคนอื่นของอาหนาว ดนีย์นาถจึงไม่สนิทสนมกับเจ้าตัวนัก ใครหลายคนกระซิบให้เธอระวังอาหนาวไว้ ในข้อที่อามีประวัติฮุบกิจการลูกพี่ลูกน้องตัวเองมาก่อน ตอนนั้นเรื่องนี้เป็นที่โจษจันเพราะมีเหตุไล่ล่าฆาตกรรมไปทั่วประเทศร่วมด้วย แถมผลทางคดีก็ยังดูมัวซัวจวบปัจจุบันเหมือนหมอกห่มแดน แต่ดนีย์นาถเชื่อในความรู้สึกของตัวเอง เธอไว้ใจอา โดยเฉพาะเมื่ออาตกปากรับคำสนับสนุนให้เธอเข้ามา ‘ทำงาน’ ที่รีสอร์ตแห่งนี้

ทุกอย่างราบรื่นตลอดสิบวันที่ผ่าน ตั้งแต่ย้ายมาอยู่เกาะ กระทั่งเริ่มงาน จวบจนบัดนี้

หญิงสาวในชุดแม่บ้านรีสอร์ตยืนคว้างกลางห้อง รู้สึกคล้ายพื้นโยกไหว คำพูดของแขกวีวีไอพีสะท้อนมาสะท้อนไปในโสต

‘ฉันจะทำเป็นลืมมันไปซะ เพียงแต่ว่าต่อจากนี้เธอจะต้องทำตาม ‘ทุกอย่าง’ ที่ฉันสั่ง!’

“คุ…คุณเงินยวงต้องการให้ดิฉันทำอะไรคะ” ในที่สุดดนีย์นาถเรียกเสียงตัวเองกลับมาจนได้

ใช่ เสียงของเธอ...หญิงสาวรู้สึกขอบคุณตัวเองเสมอที่ไม่เคยไยดีกับงานสังคมซึ่งอาภพคะยั้นคะยอให้ไป แทบไม่เคยมีรูปลงในเว็บไซต์สัมภาษณ์ต่างๆ ด้วยซ้ำ ถ้าเกี่ยวกับงาน มันจะเป็นหน้าที่ของพิมล์ไพลิน ชีวิตวุ่นวายของอาภพทำให้ดนีย์นาถขยาด เกรงว่าถ้ามีใครรู้จักมากไป ตัวเองอาจกลายเป็นเหยื่อแบบนั้น เพราะอย่างนี้ เธอจึงมาปรากฏตัวที่นี่ได้โดยแทบไม่ต้องแปลงโฉมใดๆ ไม่ต้องดัดเสียง เปลี่ยนนิสัย อ้อ อาจจะต้องพยายามหุบปากตัวเองเวลาเจอเครื่องกระตุ้นเรื่องรักษ์โลกใดๆ บ้างก็เท่านั้น!

ยิ้มของคุณเงินยวงยังอบอุ่น มือของเจ้าหล่อนถูกันไปมา 

“มะรืนนี้จะมีไอดอลหนุ่มมาพักที่นี่ ในบังกะโลสวีตหลังติดกันนี้ เธอจะต้องช่วยให้ฉันได้ใกล้ชิดเขา”

“หา?!”

กว่าจะรู้ตัวว่านั่นไม่ใช่กิริยาอันสมควร เสียงนั้นก็หลุดออกไปแล้ว 

“ขะ…ขอโทษค่ะ” คุณไปรู้ล่วงหน้าละเอียดขนาดนั้นจากไหน แล้วก็... “ ‘ใกล้ชิด’ หมายความว่ายังไงคะ”

“ที่รัก” ร่างบึกบึนคลาไคลมาหยุดข้างเธอ ท่าทาง ‘ตัวเล็ก’ ขวยเขินเหมือนกลับไปเป็นสาวน้อยวัยสิบสี่ น้ำหนักแค่สี่สิบกว่า กำลังฝันถึงรุ่นพี่สุดกรี๊ด เหมือนตอนที่หล่อนสะบัดผมกลับให้ดนีย์นาถลั่นชัตเตอร์ แล้วเห็บเผลอกระเด็นใส่ตัว 

คุณเงินยวงกุมข้อมือทั้งสองข้างของดนีย์นาถด้วยมือทั้งสองข้างของตัวเอง ราวกับว่าจู่ๆ แม่บ้านสาวก็กลายเป็นเพื่อนซี้ของเจ้าหล่อนขึ้นมา 

สาวสิบสี่ น้ำหนักสี่สิบ พูดต่อไปว่า “ก็เหมือนที่เธอมีโอกาสใกล้ชิดกับแขกพิเศษของเธอตอนนี้ไงล่ะ” 

ถ้ามีวี่แววแม้แต่นิดเดียว วูบหนึ่งนั้นดนีย์นาถต้องชักมือแล้วถอยหนีแน่ๆ เพราะนึกว่ากำลังจะถูกตระโบมจูบ

“ฉันเป็นคนใจดีมากนะ...” 

คนฟังนึกถึงฉากในละครเรื่องเลือดข้นคนจาง ตอนที่ภัสสรตะโกนว่า ‘พูดออกมาได้ เฮงซวย!’ 

“เธอไม่ต้องห่วงเรื่องเสื้อผ้านั่นหรอกน่า” คนพูดปรายตาไปยังเสื้อผ้าบนเตียงแค่นิดหนึ่ง “เพราะฉันคงจะไม่ได้ใส่เลย”

จากตระโบมจูบ ตอนนี้คนในฐานะแม่บ้านสาวเริ่มจินตนาการถึงการใช้นิ้ว...

หยุดคิด!

ก่อนที่เธอจะชักเท้าห่าง แขกก็เป็นฝ่ายปล่อยมือและก้าวคล้ายเริงระบำไปที่โต๊ะเขียนหนังสือ หยิบปากกาขึ้นมาลากจนได้ยินเสียงครูดตวัด จากนั้นหยิบเอกสารเช็กอินขึ้นแสดง

“เอกสารที่คนพวกนั้นต้องการ เอามันไปส่งซะ แล้วก็หาชุดเมดมาให้ฉันสำหรับอีกสองวัน ฉันจะเป็นแม่บ้านของเขา!”

“คุณเงินยวงจะ…ปลอมตัว?!”

คนถูกถามเบิกตากว้างอย่างเด็กหญิงน้อยสุดน่ารัก พยักหน้าเบาถี่

ให้ตาย นี่คุณนึกว่าเป็นแม่บ้านมันง่ายๆ หรือใครก็ปลอมเข้ามาเพื่อใกล้ชิดเป้าหมายได้ไม่ยากงั้นเหรอ!...

ความคิดของดนีย์นาถสะดุดลงเมื่อเผลอหลบสายตาคาดหวังจากอีกฝ่าย แล้วทันได้เห็นเงาตัวเองในกระจก

เออ มันก็อาจจะมีอยู่บ้าง คนที่ ‘พอจะ’ ทำอย่างนั้นได้ แต่...

ไม่ใช่คุณเงินยวง! ดูเจ้าหล่อนสิ ไม่มีตรงไหนเลยที่พอจะเข้าเค้า ผมแห้งหยักสยายเป็นสีน้ำตาลทอง ผิวสีส้ม ท่าทางสุดปลอมนั่นอีก ถ้าโรงแรมคือธุรกิจแห่งภาพลักษณ์ คุณก็จะพบว่าแม่บ้านนี่ละคือความ ‘จริง’ ที่สุดแล้ว คุณเงินยวงกับแม่บ้าน ตาย ยังไงความต้องแตกแหง และมันจะทำให้เวียงอวัศย์เกาะช้าง ไม่สิ อาจทำให้เวียงอวัศย์ทั้งเครือสิ้นชื่อ!  

เพราะดนีย์นาถไม่ยื่นมือไปรับเสียที คน ‘จะ’ เป็นแม่บ้านจึงคลายนิ้วที่คีบกระดาษเอกสารอยู่ให้มันร่วงเสียเฉยๆ 

หญิงสาวโผเข้าตะปบทันก่อนมันจะถึงพื้น

คุณเงินยวงล่องลอยไปหยิบเสื้อผ้าบนเตียงเพื่อเรียงเข้าตู้ด้วยตัวเอง ถึงกับฮัมเพลงที่ฟังเหมือนผีร้องไห้ ดนีย์นาถหมุนตามเพื่อบอก 

“แต่คือ…เราจะหาชุดไม่ได้ง่ายๆ นะคะ เครื่องแบบแม่บ้านต้องเบิกเอาจากทางแผนก แม้แต่ชุดที่ใช้นานแล้ว ถ้าจะเปลี่ยนก็ต้องเอาของเก่ามาส่งแลกชุดใหม่ ลาออกก็ต้องเอามาคืน ทุกอย่างจะถูกตรวจสอบกับใบเซ็นรับค่ะ”

นั่นคือเรื่องจริง แต่...หญิงสาวแอบไขว้นิ้วไว้ข้างหลัง...เรื่องจริงกว่าก็คือมันพอจะมีทางเป็นไปได้ 

เช่นเดียวกับที่ดนีย์นาถมาอยู่ที่นี่ ผู้บริหารระดับสูงรู้เรื่องกันไม่กี่คน หนึ่งในนั้นคือหัวหน้าฝ่ายแม่บ้านซึ่งเธอมาสังกัดอยู่ คุณแม่ช่วยฝึกอบรมเธอเป็นพิเศษ และแม้จะเต็มไปด้วยความหนักใจก็ยังให้คำแนะนำเธอหลายอย่าง

‘นี่ดีนะคะที่เป็นช่วงไฮซีซัน เราต้องการพนักงานเพิ่มเพราะห้องเต็มตลอดค่ะ ถ้าเป็นช่วงโลว์ พนักงานจะทำสองวีก พักสองวีกสลับกัน รับคนใหม่มาอย่างนี้ ไม่รู้จะบอกเหตุผลกับพนักงานยังไงเลย’

นึกถึงเจ้าของคำอธิบาย ดนีย์นาถคิดว่า ถ้าถึงคราวจำเป็น คุณแม่อาจช่วยเธอได้อีกครั้ง 

เพียงแต่ขออย่าให้ต้องถึงคราวนั้นเลย!

คิดแล้วเธอรีบต่อ “อีกอย่าง ต่อให้เป็นแม่บ้าน ก็ไม่มีโอกาสใกล้ชิดกับแขกหรอกค่ะ พนักงานที่จะได้ติดต่อกับแขกมากที่สุดคือบัตเลอร์”

“ที่รัก” คุณเงินยวงยิ้มให้ มองด้วยสายตาคล้ายผู้ใหญ่เห็นความผิดที่เด็กพยายามซ่อนอยู่ ความผิดตัวเท่าวาฬสีน้ำเงิน “บัตเลอร์มีหน้าที่อะไรจ๊ะ”

“ก็…” เธอนึกถึงข้อมูลที่ศึกษามาในตอนต้น ก่อนเลือกว่าควรจะเข้ามาที่นี่ในตำแหน่งไหน

สมัยโบราณ บัตเลอร์คือทาสที่คอยดูแลไวน์ให้เจ้าของบ้าน แต่ปัจจุบันมีหน้าที่กึ่งๆ เลขาฯ ส่วนตัว หรือผู้ช่วยส่วนตัวของนายจ้าง บัตเลอร์ในบ้านทำหน้าที่ตั้งแต่เป็นหัวหน้าพ่อบ้าน ช่วยบริหารการเงิน ดูแลตั้งแต่ผู้เป็นนายตื่น รับประทานอาหาร จัดงานเลี้ยง วางผังที่นั่งให้เหมาะสม บางรายดูแลกันตั้งแต่รุ่นหนึ่งสืบสู่อีกรุ่นและอีกรุ่นจนเหมือนญาติผู้ใหญ่ นอกจากนั้นยังมีบัตเลอร์ในเรือสำราญซึ่งทำหน้าที่คล้ายๆ บัตเลอร์ในโรงแรม

“ปกติบัตเลอร์ของโรงแรมจะอันแพ็กและแพ็กกระเป๋าให้แขกค่ะ เอาผ้าไปให้ห้องซักรีด ติดต่อรูมเซอร์วิซ แล้วก็อำนวยความสะดวกทุกอย่างภายในโรงแรมสำหรับแขก” ตรงข้ามกับ concierge ที่อำนวยความสะดวกเรื่องที่พ้นจากประตูโรงแรมออกไป 

“และตอนนี้เธอก็เป็นบัตเลอร์ของฉันไงล่ะ” คุณเงินยวงสรุปง่ายๆ

“ดะ…ดิฉันเกรงจะทำไม่ได้จริงๆ ค่ะ ทั้งเรื่องปลอมเป็นแม่บ้าน...” นิ้วยังไขว้อยู่ “แล้วก็บัตเลอร์ หน้าที่นี้มีรายละเอียดเยอะ ได้ข่าวว่าคุณบัตเลอร์แต่ละคนต้องฝึกฝนกันหนักมากกว่าจะ...”

“เธอมีครอบครัวกี่คน” คนถามยกนิ้วขึ้นพินิจเล็บมืองามของตัวเอง “เขาทำงานอะไรกันบ้างจ๊ะ”

หมายความว่าอะไรนะ 

ไม่ทันคิดหาคำตอบได้ เพราะเธอมีอีกคำตอบที่ต้องเร่งหา 

“มีแค่สองคนค่ะ ดิฉันกับอา...”

อย่างไม่รอรายละเอียดด้วยซ้ำ อีกฝ่ายแทรกทับ ช้อนสายตาขึ้นมาสบ “รู้มั้ยจ๊ะ ไม่ใช่แค่เธอ ฉันสามารถทำให้ทุกคนในครอบครัวเธอ กินอยู่สบาย หรือจะไม่มีอะไรกินตั้งแต่มื้อเย็นนี้เลยก็ยังได้”

แน่นอน นั่นไม่จริง

“พนักงานที่นี่หัวช้ากันเป็นส่วนใหญ่นะ เอาเป็นว่าฉันจะให้เวลาเธอคิด ระหว่างที่เอาสีม่วงทุกอย่างในห้องนี้ออกไปทิ้ง มันไม่เห็นจะเข้ากะโทนสีที่นี่ตรงไหน”

 

หน้าที่บัตเลอร์ของรีสอร์ตแบ่งเป็นกะเช่นเดียวกันหน้าที่ส่วนใหญ่ในโรงแรม กะเช้าของปภังกรเริ่มต้นตั้งแต่เวลา ๙ โมงเช้าถึง ๕ โมงเย็น หลังจากนั้นจึงมีอีกกะมารับช่วงต่อ นิสัยช่างฉอเลาะ รู้จักเอาอกเอาใจ ทำให้แขกมักชอบให้เขาอยู่ใกล้ตัว 

แปดชั่วโมงของทุกวัน ปภังกรไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองกำลังทำงาน เขารู้สึกคล้ายตัวเองกำลังเล่นเกม จะชนะได้ต้องอาศัยทักษะการสังเกต แล้วคิดต่อยอด ไม่ใช่แค่แขกอยากได้อะไร แต่ ถ้าเราเป็นแขก เราจะอยากได้อะไร นั่นทำให้ทุกอย่างออกมาเกินระดับพอใจ ยอดทิปของเขางดงามเสมอ ไม่นานมานี้ถึงกับได้รับแหวนเพชรจากแขกรายหนึ่งเลยทีเดียว 

คุณเงินยวงคือเคสแรกที่ไม่ปกติ!

บัตเลอร์หนุ่มจิตตกไปพักหนึ่ง ตอนที่ได้ยินจากปากแขกรายสำคัญว่าจะเขี่ยเขากระเด็นจากหน้าที่ แถมให้แทนที่ด้วยพนักงานใหม่ในตำแหน่งแค่แม่บ้าน! เขาพยายามค้นหาว่าอะไรคือสิ่งที่ตัวเองบกพร่อง ครั้นถูกไล่ออกจากบังกะโลเอหนึ่ง ก็ยังมิวายสอดส่องดู 

ปภังกรบอกตัวเองว่าไม่ได้ห่วง ‘ตำแหน่ง’ มากเท่ากับห่วงว่าคุณเงินยวงจะไม่ได้รับการบริการที่ดีพอ อย่างไรก็ตาม แอบดูอยู่ตั้งนานก็ไม่เห็นจะเกิดปัญหาใดๆ แขกร่างใหญ่ถึงกับกระซิบกระซาบยายเด็กเพลงทรายเหมือนสนิทสนมกันด้วยซ้ำ ฉะนั้น เพื่อหาสาเหตุที่แน่ชัด บัตเลอร์หนุ่มจึงลัดเลาะไปเสาะข่าวจากงามจิต แม่บ้านในโซนรับผิดชอบเดียวกันที่ประสานงานกันมานาน 

‘แกเอาผ้าไปคืนก่อนเถอะ เดี๋ยวฉันตามไป’ งามจิตบอกศรีตรังอย่างนั้น ทั้งสองช่วยกันทำความสะอาดห้องพักในโซนบังกะโลสวีตเรียบร้อยแล้ว กำลังจะออกเวร 

รอจนแม่บ้านรุ่นน้องก้าวไปไกล งามจิตจึงหันมาพูดเสียงเบา ‘ไอ้ศรีมันพวกเดียวกับนังเด็กเส้นนั่น!’

‘เส้นเหรอ’

งามจิตเป็นผู้หญิงผอมสูง หน้ายาว ดวงตาก็เรียวยาว ทว่าลูกตาลอย ปากคว่ำ ยิ่งดูยิ่งไม่น่าพิสมัย 

เจ้าหล่อนกดมุมปากให้คว่ำลงกว่าทุกที และกลอกตาให้ลอยกว่าทุกทีเช่นกัน หูกางยื่นออกมาจากเส้นผมที่รวบไว้เรียบร้อย ‘ตายละ คุณปภังกรไปอยู่ที่ไหนมาเนี่ย เด็กใหม่ไม่เป็นงานอย่างนั้น ถ้าไม่เส้น จะมีสิทธิ์เสนอหน้ามาอยู่บังกะโลสวีตได้ยังไงคะ’

‘เส้นใคร!’

คำใหม่เบาลงอีกจนแทบเหลือแต่ขยับปาก ‘คุณแม่!’

‘หา?!’ ต่อให้ตกใจแค่ไหน ปภังกรก็ไม่เผลอร้องเสียงดังไป เพราะนี่คือกฎที่ผสานผนึกเป็นนิสัยเขาไปแล้ว

ปกติคุณแม่เอือมระอาเรื่องอย่างนี้ที่สุด พวกเด็กฝาก ไม่ว่าตำแหน่งไหนก็มักจะมีปัญหาด้านทัศนคติ เกินครึ่งที่สุดท้ายไปกันไม่รอด 

งามจิตบอกว่า ‘ก็ไม่ได้ออกหน้าหรอกนะ แต่คิดว่าอย่างนั้น ไอ้ศรีมันก็คงคิดเหมือนกัน ถึงได้ไปสนิทสนมด้วย ทั้งที่เพิ่มงานให้ตัวเองแท้ๆ!’

ปภังกรพยายามจับต้นชนปลายประเด็นต่างๆ อยู่ในใจ คนแบบไหนกันนะที่คุณแม่จะยอม ‘ดัน’ ขนาดนี้ แล้วคุณเงินยวงยังเลือกมันแทนเขาอีกล่ะ 

‘นี่งาม ถามจริงๆ เถอะ ตอนคุณเงินยวงไปที่ห้องพักเอสอง เด็กนั่นมันทำอะไร แขกถึงกับจะให้มันดูแลส่วนตัว’

‘ก็เสนอหน้าประจบน่ะสิ!’ งามจิตลงเสียงหนัก ‘นังคนนี้มันถือว่าตัวเองมีความรู้ ตั้งแต่เมื่อวานก็สาระแนให้ไอ้ศรีใช้น้ำส้มสายชูมาขัดห้องแทนครีม ประสาท!’

‘คุณเงินยวงชอบคนมีความรู้ดีหรอกเหรอ’ เขารำพึง แผนการเอาชนะใจคุณเงินยวงกระจ่างขึ้นกลางหัว ตบมือในถุงมือลงบนแขนแม่บ้าน ‘ขอบใจมากนะจิต!’

หลังผละจากเจ้าหล่อน ปภังกรตามไปเร่งสัตวแพทย์ที่ดูแลคุณชาโตบริยองด์ ถ้าคุณเงินยวงไล่เราเพราะเจ้านี่ เราก็ต้องทำให้เธอคืนตำแหน่งให้เราเพราะมันได้สิ!

เจ้าหมาขี้เรื้อนได้รับการอาบน้ำและให้ยาเรียบร้อยแล้ว ปภังกรห่อมันด้วยผ้าขาวดูสะอาดสะอ้านแล้วอุ้มตระกองดุจสัตว์เลี้ยงแสนรักของเขาเอง ท่องจำในใจถึงสิ่งที่หมอหมาบอกไว้ 

‘ขี้เรื้อนหมามีสองประเภทคือโรคไรขี้เรื้อนแห้งกับไรขี้เรื้อนเปียก กรณีคุณชาโตบริยองด์นี่เป็นแบบแรก แต่ดีที่ยังไม่เยอะมาก คุณหมอฉีดยาไอเวอร์เมคตินให้แล้ว และจะต้องฉีดต่อไปอีกสองครั้ง เว้นระยะประมาณครั้งละหนึ่งถึงสองสัปดาห์...’

ความรู้แม่นเป๊ะกวนความมั่นใจของบัตเลอร์หนุ่มให้พองฟูแทบล้นอก มั่นใจว่าหนนี้ เด็กเพลงทรายนั่นต่างหากจะต้องเป็นฝ่ายถูกไล่ไปแทนเขา

ก๊อกๆๆๆ ปภังกรเคาะลงตรงบานประตูบังกะโล “ขอประทานโทษครับคุณเงินยวง ผมพาคุณชาโตบริยองด์มาส่ง”

เงียบ

“ขอประทานโทษครับ...”

“วางไว้ข้างหน้านั่นแหละ” เสียงตอบกลับมาไม่ไยดี

หืม?

บัตเลอร์หนุ่มยังทำใจดีสู้เสือ แม้แต่กับบานประตูเขาก็ปั้นยิ้ม เพื่อให้เสียง ‘ยิ้ม’ ตามไปด้วย “ผมอาบน้ำให้คุณชาโตบริยองด์เรียบร้อย แล้วคุณหมอก็...” 

“ฉันไม่รู้จัก มันเป็นแค่หมาจรจัด!”

หา?! 

เกิดอะไรขึ้น!

อย่างเริ่มงุ่นง่านใจ ชายหนุ่มในชุดฟอร์มละม้ายราชปะแตนชะเง้อไปที่หน้าต่างกระจกหน้าบังกะโล แต่ทุกช่องล้วนมีม่านปิด เขาจึงต้องอาศัยวิธีเดิม ลอบใช้บัตรส่วนตัวเพื่อแตะเปิดประตูห้องพักแง้มออก สอดส่องสายตาผ่านช่องว่างเข้าไปสำรวจ…

ตอนนั้นเองที่ปภังกรตาโต โตยิ่งกว่าตอนที่รู้จากงามจิตว่าเพลงทรายเป็นเด็กเส้นของคุณแม่! เพราะภาพที่เขาเห็น คือคุณเงินยวงกำลังนั่งอยู่กับพื้น พยายามจับผ้าปูคลุมที่นอนแล้วยัดชายลงข้างใต้ มียายเด็กแม่บ้านใหม่ชี้นิ้วให้แขกทำอย่างนั้น ทำอย่างนี้!

     

ประตูเปิดผลัวะ! แล้วสุนัขขนเหี้ยนสีน้ำตาลตัวหนึ่งวิ่งพุ่งเข้ามา ดนีย์นาถกับคุณเงินยวงตกใจ แต่นั่นยังไม่เท่าผู้ตามเข้ามาใหม่

“ขอประทานโทษครับ คุณชาโตบริยองด์ตะกายหลุดจากผมแล้วเปิดประตูห้อง!...”

คุณบัตเลอร์ปภังกรอึ้งกว่าเธอกับแขกเสียอีก มันก็น่าอยู่หรอก เพราะภาพที่เขาเห็นตอนนี้คือ คุณเงินยวงกำลังนั่งยองๆ ยัดชายผ้าปูที่นอน ขณะที่แม่บ้านอย่างเธอยืนค้ำศีรษะชี้นิ้วสั่งอยู่ข้างๆ!

“นี่มันอะไร?” ผู้เข้ามาใหม่ตั้งคำถามกับเธออย่างเอาเรื่อง

“คะ…คือคุณเงินยวงต้องการให้เปลี่ยนผ้าม่วงทั้งหมดออกค่ะ ดิฉันเลยไปเอาผ้าจากห้องสต๊อก...”

“ฉันหมายความว่า ทำไมเธอถึงให้แขก...”

“เป็นคำขอของฉันเอง!” เสียงแขกแทรกขึ้น ตามด้วยเสียงข้อลั่นเมื่อเจ้าตัวยืดกายยืน

คุณปภังกรอ้าปากหวอ ขณะที่หมาชื่อประหลาดวิ่งเข้าไปดมทุกซอกทุกมุมในห้องแล้วเตรียมยกขา แกรีบพุ่งไปอุ้มมันขึ้นมา พอดีกับที่เจ้าหมาฉี่รดต้นคอคนอุ้มดังจ๊อกๆ

“เอามันออกไป!” เป็นครั้งแรกที่คุณเงินยวงเสียงแหว 

“คะ…ครับ!” คุณปภังกรรีบวิ่งออกไป ไม่ใช่แค่ที่ชานหน้าห้อง แต่ลิ่วๆ เหมือนปลิวลงบันไดไปหยุดที่ชายหาด ไม่ให้ฉี่คุณชาโตบริยองด์แตะพื้นที่ของแขกแม้แต่หยดเดียว 

คุณเงินยวงจ้ำตามลงไป ทิ้งระยะห่างคุณปภังกรไว้เล็กน้อย ถ้าไม่เพราะนี่เป็นเรื่องสำคัญ คงเว้นห่างมากกว่านี้แล้วอาศัยเสียงดังๆ ได้

“ที่รัก เธอรู้ใช่มั้ยว่าอีกสองวัน ใครจะเป็นบัตเลอร์ของแขกห้องพักเอสอง”

“พอจะทราบครับ” คนพูดพูดแล้วต้องหลับตา เพราะเจ้าหมายิงน้ำระลอกสุดท้าย มันกระเด็นขึ้นถึงใบหน้าคุณบัตเลอร์

แขกสาวถอยห่างอีกนิด รอให้อีกฝ่ายเปิดตาแล้วจึงยิ้มรอคำขยายความ

อาจเพราะคุณบัตเลอร์รู้สึกว่าตัวเองทำพลาดใหญ่หลวง และสิ่งที่แขกรอคอยน่าจะเป็นทางเดียวในการเยียวยาความพึงพอใจ เจ้าตัวจึงยอมตอบ “แขกแจ้งว่าไม่ต้องการบัตเลอร์ครับ”

“วิเศษ!” คุณเงินยวงยกมือขึ้นกุมแนบอก นัยน์ตาฝันหวาน 

“เอาละ” เธอจ้องตาคนอุ้มหมาอีกครั้ง คำพูดจริงจังมากขึ้น “เธอคงรู้ว่านี่...” ปลายนิ้วแต่งเล็บยาวติดอัญมณีเม็ดจิ๋วๆ ขยับชี้ หมายถึงตั้งแต่หัวจดเท้าของคุณปภังกรเอง “...ไม่ผ่าน”

“ผมขอประทาน...” คุณบัตเลอร์จะวางหมา แต่คุณชาโตบริยองด์ก็เบ่งฉี่ใส่คอเขาอีกระลอก เจ้าตัวได้แต่หุบปาก ปิดตา

คุณเงินยวงพูดต่อไปว่า “แก้มห้อยให้คำแนะนำว่าฉันควรฝึกงานแม่บ้านเพื่อความแนบเนียน นั่นเป็นความคิดที่น่าสนใจ แต่มันจะสมบูรณ์กว่าถ้าฉันได้ความช่วยเหลือจากเธอ คุณพัง ฉันหวังว่าเธอจะยอมรับทำเพื่อชดเชยนี่” ปลายนิ้วเธอกระดิกอีกรอบ

คุณบัตเลอร์เปิดตา กะพริบตาปริบๆ เพื่อไล่หยดน้ำออกจากขนตาด้วย “ผมไม่แน่ใจว่า...ผุย!” บางอย่างติดปากเขาด้วยเหมือนกัน เขาค่อยๆ วางคุณชาโตบริยองด์ลง “ขอประทานโทษครับ ผมไม่แน่ใจว่าผมเข้าใจสิ่งที่คุณเงินยวงกำลังพูด”

“เธอจะเข้าใจ หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่อีกครั้งแล้วมาพบฉันที่ห้องในอีกสิบนาทีจ้ะ” พูดจบคุณเงินยวงก็นั่งลง อ้าแขนดี๊ด๊าให้เจ้าหมาจร

“ชาโตบริยองด์ ทำได้ดีมากนะจ๊ะ หมัวะ!”


จนถึงตอนนี้ ดนีย์นาถยังไม่แน่ใจว่ามันเป็นเรื่องดี ‘จริงๆ’ หรือไม่ ที่เธอตกกระไดพลอยโจนไปในแผนการของคุณเงินยวง แถมใครอีกคนที่ติดร่างแหมาด้วยก็คือคุณบัตเลอร์ปภังกร

รายหลังกลับมาถึงบังกะโลหมายเลขเอหนึ่งตอนที่เธอกำลังสอนคุณเงินยวงทำเตียง เขาหอมกรุ่นไปทั้งตัวด้วยน้ำหอมกลิ่นยูนิเซ็กซ์ ไม่อยากคิดเลยว่าการเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยเรื่องงี่เง่าที่เกิดขึ้นจะทำให้โลกต้องเสียพลังงาน น้ำ และไฟฟ้าไปโดยเปล่าประโยชน์ขนาดไหน 

“ฉันต้องการให้แขกห้องเอสองเข้าใจว่าฉันเป็นแม่บ้านสำหรับห้องเขา” คุณเงินยวงประกาศประสงค์ทันที ระหว่างนี้คุณชาโตบริยองด์เดินเข้ามาดุนจมูกที่ข้อเท้าผู้เข้ามาใหม่ เห็นได้ชัดว่าคุณบัตเลอร์แสร้งทำเป็นไม่สนใจ ถึงกระนั้นก็ไม่วายยืนตัวแข็งกึ๋ง ทำท่าจดใจกับคำอธิบายของแขกวีวีไอพี

“เรื่องนี้จะสำเร็จไม่ได้ถ้าไม่มีแก้มอูมกับคุณพังคอยช่วยเหลือฉัน”

คนฟังส่งสายตาพิฆาตมาทางเธอ ดนีย์นาถได้แต่ก้มหลบตา

คุณเงินยวงคงทันเห็น จึงช่วยชีวิตเธอไว้ว่า “แก้มอูมให้การ ‘บริการ’ ที่ดี…พอใช้ เธอขนผ้าออกไปเก็บก่อนก็ได้จ้ะ”

ดนีย์นาถก้มศีรษะรับ รีบก้าวไปกอบแขนอุ้มกองผ้าสีม่วงทั้งหลายที่ถูกถอดทิ้งไว้ คุณชาโตบริยองด์พยายามจะเข้ามาแย่งผ้า แต่เธอทำเสียงจึ๊กจั๊กจนมันนึกว่าเธอเล่นด้วย 

ก่อนออกจากห้อง หญิงสาวยังได้ยินคุณปภังกรถามแขก “ผมอาจจะต้องขอทำความเข้าใจอย่างครบถ้วนเพื่อให้บริการได้อย่างไม่ตกหล่น ทำไมคุณเงินยวงถึงอยากให้แขกห้องเอสองเข้าใจอย่างนั้นเหรอครับ”

“มันมีเหตุผลน่ารักเล็กๆ น้อยๆ จ้ะที่รัก...”

ประตูห้องปิดลงเท่านั้น แม่บ้านกำมะลอแทบจะเอาหลังพิงประตูแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ แผนการแต่ต้นที่ดูไม่น่ายาก กลับยากขึ้นมาซะฉิบ!

ก่อนมาที่นี่ อาหนาวเตือนเธอไว้แล้วว่าลูกค้าโรงแรม/รีสอร์ตมีหลายแบบ และหน้าที่ที่แท้จริงของพนักงานทุกคนล้วนคือการแก้ปัญหา เพื่อให้แขกพอใจที่สุด นั่นทำให้งานโรงแรมเป็นงานที่ต้องอาศัยทัศนคติที่ดี ‘มากๆ’ คุณแม่เองก็บอกเธอในชั้นเรียนปฐมนิเทศเมื่อสัปดาห์ก่อนว่า ทัศนคติที่ไม่ดีมันเจือไปในอากาศจนทำให้แขกรู้สึกได้ พนักงานอารมณ์ไม่ดีคนที่หนึ่งจะก่อให้เกิดพนักงานอารมณ์ไม่ดีคนที่สอง จากนั้นสาม สี่ ห้า ไม่ช้าทุกคนจะอารมณ์ไม่ดี และแล้วรีสอร์ตจะไม่ใช่ที่ที่แขกรู้สึกสบายใจ หรืออยากเข้าพัก 

หญิงสาวพยายามสงบจิตสงบใจแล้วก้าวนำผ้าเหล่านั้นไปคืนที่ห้องผ้า มันอยู่ภายในอาคารใหญ่ของรีสอร์ต ไม่ไกลจากห้องดอกไม้ซึ่งรับผิดชอบงานดอกไม้ทั้งหมด รวมถึงดอกไม้สีม่วงในบังกะโลเอหนึ่งที่กำลังจะต้องเปลี่ยนเป็นสีขาวด้วย ทั้งสองห้องนี้อยู่ภายใต้การกำกับของแผนกแม่บ้าน 

ห้องผ้าคือหัวใจของแผนกแม่บ้าน เป็นคลังเก็บรักษาผ้าทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน ผ้าเช็ดตัว ผ้าเช็ดเท้า ตลอดจนเครื่องแบบพนักงาน ภายในเป็นห้องกว้างใหญ่ มีชั้นเหล็กตั้งชิดผนัง และชั้นแบบลูกกรงเรียงกันเป็นแถวๆ ทั้งหมดอัดแน่นไปด้วยผืนผ้าสีขาวรูปแบบต่างๆ ซึ่งถูกพับไว้เป็นระเบียบ อีกฟากหนึ่งคือพื้นที่สำหรับพนักงานเย็บผ้า เสียงจักรดังคลอไปกับเสียงตึงตังที่แว่วมาจากเครื่องซักผ้าขนาดใหญ่ในห้องซักรีดข้างๆ 

ขณะนี้ห้องผ้ากำลังวุ่นวาย เพราะแม่บ้านส่วนใหญ่กำลังจะเลิกกะ ขนผ้าที่ใช้แล้วกลับมาส่ง และรอลงบันทึกข้อมูลในบัญชีผ้า ศรีตรังยืนคุยอยู่กับเพื่อนแม่บ้าน เห็นบัดดี้เดินหน้าเหนื่อยเข้ามาก็ผละมาทัก 

เจ้าหล่อนเบิกตาคมโต และอ้าปากค้าง หลังจากดนีย์นาถบอกเรื่องสีม่วงและสีขาว 

“ว่าแล้วเชียวว่าต้องเป็นอย่างนี้!”

ดนีย์นาถพยักหน้า ตั้งแต่แรกก็ไม่มีใครคิดว่าสีม่วงจะเข้ากับโทนสีห้องพักได้อยู่แล้ว “รู้งี้เราน่าจะโน้มน้าวใจเขามากกว่านี้ ไม่ยอมอ่อนง่ายๆ แต่แรกเนอะ”

“บ้าเหรอ ลูกค้าวีวีไอพีนะเธอ เขาอยากได้อะไรก็ต้องได้” ศรีตรังเดาะลิ้น “เนี่ยละที่ฉันหมายถึง ลองพยายามแสดงอำนาจกันตั้งแต่ยังไม่มาเหยียบที่นี่เลย วันมาถึงต้องยิ่งมีปัญหา” คนพูดลดเสียงลง เพราะการนินทาแขกเป็นเรื่องต้องห้าม

ดนีย์นาถอยากถ่ายความหนักใจเรื่องประสงค์ของคุณเงินยวงข้อที่หนักยิ่งกว่านั้น แต่อีกใจก็คิดว่ามันควรเป็นเรื่องลับ ที่เธอพูดได้ก็เพียง “นี่คุณเงินยวงอยากลองใส่ชุดแม่บ้านเล่นๆ ด้วย เธอรู้มั้ยว่าเราจะเอาไปให้ได้ยังไง”

“อยากใส่ชุดแม่บ้าน?!” คนฟังทำหน้าไม่อยากจะเชื่อ “คนมีเงินนี่คิดอะไรแปลกๆ เนอะ เราสิ อยากไปแต่งตัวสวยๆ แบบเขาบ้าง แต่ไม่มีทางได้แต่ง” 

เจ้าตัวเอาศอกไกวมาตีเธอเมื่อเห็นดนีย์นาถยังหน้ายุ่ง “นี่! ไม่ต้องคิดมาก เรื่องมันไม่ได้ยากขนาดนั้น”

“หืม?”

“ก็บอกแล้วไงว่านี่แขกวีวีไอพี เขาอยากได้อะไรก็ต้องได้” ว่าแล้วเจ้าตัวก็ลากแขนเธอไปแจ้งเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลชุดแม่บ้าน รายนั้นบ่นพึม แต่ในที่สุดก็ยอมยื่นไซซ์ที่เหมาะกับคุณเงินยวงมาให้หนึ่งตัว 

“ลงบัญชีไว้ด้วย เสร็จแล้วต้องเอามาคืน” คนยื่นกำชับ

“จะเอามาให้พร้อมทิปเลยละ!” ศรีตรังยื่นหน้ายื่นตา ซึ่งทำให้ผู้ฟังอมยิ้มขึ้นได้บ้าง  

ตอนที่ผละออกมา คนหน้าเป็นกระซิบดนีย์นาถว่า “ใครๆ ก็อยากได้ทิปทั้งนั้นแหละ เธออย่าลืมคนที่ช่วยเหลือเราก็แล้วกัน แขกอย่างคุณเงินยวงน่ะอาจจะเรื่องมาก แต่ส่วนใหญ่ทิปเลิศ” คนพูดว่าพลางกางเสื้อแล้วไล่หาร่องรอยตำหนิด้วยสายตาพินิจพิเคราะห์ “แล้วนี่ต้องกลับไปหานางอีกอะดิ” 

“อื้อ”

“ก็ยังไม่ต้อง clock out โห วันนี้เธอจะได้ชั่วโมงทำงานเพิ่มไปอีกเท่าไหร่วะเนี่ยเพลง” 

“ไม่ได้อยากจะได้ซะหน่อย” เธออุบอิบ

“เอ้า!” อีกฝ่ายเสียงสูง “เนี่ยแล้ บ้านเธอ พ่อแม่ตายหมดเหลือแต่อา ยากจนยังไงมันก็ไม่เท่าบ้านที่ทุกคนยังอยู่ครบ แต่ไม่ค่อยมีใครได้งานดีๆ แบบบ้านฉัน ฉันน่ะอิจฉาเธอจะตายนะที่คุณเงินยวงเรียกไป”

เห็นได้ชัด ศรีตรังไม่ยักเหมือนคนชั้นล่างที่คนชั้นเธอมักให้นิยามว่า ที่ไม่รวย ไม่เจริญเสียที เพราะมัวขี้เกียจ ขี้ฉ้อ ขี้เล่น (พนัน) หรือขี้เหล้าเมายา การที่เจ้าตัวยัง ‘ทัศนคติดี’ สมกับที่อาหนาวกับคุณแม่กำกับไว้ ชักจะชวนสงสัยว่า คนข้างบนสั่งการคนข้างล่างให้เป็นแบบที่ตัวเองต้องการได้ ก็ด้วยความขาดของอีกฝ่ายงั้นหรือ

ดนีย์นาถจึงตอบ “ได้ทิปมา ฉันจะแบ่งให้ทั้งพี่คนเมื่อกี้แล้วก็เธอด้วย”

“จริงอ้ะ!” 

เมื่อเธอพยักหน้า อีกฝ่ายแทบจะกระโดดกอด “แม่พระที่ซู้ด! งั้นเอางี้ รีบไปดูแขกเลย ผ้านั่นเดี๋ยวฉันช่วยลงบันทึกบัญชีให้เอง อย่าลืมไปแจ้งห้องดอกไม้ด้วย”

ปรากฏว่าคนในห้องดอกไม้ถอนหายใจให้แขกเรื่องมากเช่นกัน ถึงกระนั้นก็รับปากด้วยดีว่าจะรีบจัดดอกไม้ไปเปลี่ยนให้คุณเงินยวง ดนีย์นาถขอบคุณทุกคน กำลังจะรีบกลับไปบังกะโลเอหนึ่ง แต่ระหว่างทาง เสียงซุบซิบของแม่บ้านอีกกลุ่มก็ลอยเข้าหู

“กูว่าคุณคามินทร์หล่อยังกะนายแบบ นี่ถ้าไม่ผิดกฎ อยากแอบเอามือถือไปถ่ายตอนที่เขานอนอาบแดดอยู่ริมหาด!”

คนที่มาด้วยกันหัวเราะคิก “จริง หล่อกว่าในรูปที่ได้ดูก่อนเขาจะมาถึงรีสอร์ตนี่ซะอีก” 

เมื่อมีแขกสำคัญมาพัก พนักงานทุกคนจะได้รับแจ้ง และต้องจำหน้าตาแขกให้ได้ รู้พื้นเพว่าแขกคนไหนชอบอะไร ไม่ชอบอะไร เพื่อสามารถสร้างความประทับใจได้สูงสุด คามินทร์เป็นแขกในบังกะโลสวีต คนในรีสอร์ตย่อมให้ความสำคัญไม่ต่างจากคุณเงินยวงนั่นละ

อย่างไรก็ดี ดนีย์นาถไม่ได้สนใจตรงนั้น

“ขอโทษนะ” เธอถาม “ตอนนี้คุณคามินทร์ยังนอนอาบแดดอยู่อีกเหรอ”

คนเหล่านั้นพยักหน้า ถึงจะไม่รู้จักกัน แต่ชุดแม่บ้านก็ทำให้รู้สึกเสมือนเป็นเครือญาติ 

“ขอบใจนะ” 

ผู้ให้ข้อมูลก้าวผ่านไปทางด้านหลัง แต่ความคิดของคนถามแล่นไปไกลกว่านั้น

จริงด้วย ถ้าคุณเงินยวงยังไม่เปลี่ยนความตั้งใจ และดนีย์นาถต้องติดอยู่กับรายนั้นไปตลอด นี่อาจเป็นโอกาสอันล้ำค่า

บางทีเธออาจจบทุกอย่างได้ก่อนที่ไอดอลของคุณเงินยวงจะมาถึงก็ได้!

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น