๙
ผู้หญิงคนนี้หุ่นผอมเพรียว แต่หนักเป็นตันเลย แม่งเอ๊ย!
อย่างไรก็ตาม เหมือนเวลาคนยกโอ่งได้ตอนไฟไหม้ ในที่สุดดนีย์นาถก็สามารถพาเจ้าหล่อนเคลื่อนพ้นประตูห้องพักบังกะโลเอสองออกมาจนได้ หญิงสาววางหุ่นไม้ลงกับพื้นทั้งเหงื่อท่วม ในทันทีที่ประตูห้องวาดตัวปิดสนิท
รอด!
ถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วปาดเหงื่อกระเซ็น กำลังคิดว่า คงต้องไปเรียกพนักงานชายมาช่วยขนย้ายต่อ ก็พอดีเสียงเรียกดังอีก
“เพลงทราย!”
“คุณบัตเลอร์!”
คุณปภังกรก้าวผ่านประตูด้านหลังสำหรับพนักงานตรงมา หน้าตาถมึงทึงเหมือนกำลังจับผิดตลอดกาล “มาทำอะไรที่นี่ เธอก็รู้ไม่ใช่เหรอว่าคุณโดอาจจะจำเธอได้”
“ดิฉันทราบค่ะ แต่ว่าเรื่องมันยาว”
ก่อนที่อีกฝ่ายจะบ่นต่อ หญิงสาวรีบชิงบอก “คุณเงินยวงให้ขนตัวนี้ออกไป แล้วก็อยากได้น้ำหอมปรับอากาศให้คุณโดด้วยค่ะ แบบอีโค-เฟรนด์ลี”
“แล้วคุณโด?”
“เขาเห็นด้วยค่ะ”
ผู้มาใหม่จึงเดาะลิ้น “เดี๋ยวฉันไปเอาเอง”
“ดิฉันไปดีกว่านะคะ คุณบัตเลอร์จะได้...”
“เธอยกหุ่นนี่ไม่รอดหรอก” คนพูดส่งตาเขียวให้ ไม่วายกำชับ “คอยอยู่แถวนี้แหละ ระวังไม่ให้คุณโดโดนละเมิดความเป็นส่วนตัวมากเกินไป”
ทั้งที่ไม่อยากให้เป็นอย่างนั้น เธอจึงจำพยักหน้า
ลับหลังคุณปภังกร ดนีย์นาถบิดนิ้วตัวเองไปมา ไม่สามารถเดินไปแอบดูสถานการณ์จากผนังกระจก เพราะถ้าโดหันมาเห็น ทุกอย่างเป็นอันพัง จึงตัดสินใจก้าวไปแนบหูฟังข้างประตูห้องแทน
มีเสียงคุณเงินยวงดังลอดออกมาผะแผ่ว จับความไม่ได้ว่าพูดอะไร แต่จับบรรยากาศได้ว่าน่าจะยังโอเค ระหว่างนั้นดนีย์นาถก็นึกภาพว่าตัวเองเป็นคุณปภังกร จากที่นี่ไปห้องเก็บอุปกรณ์ของโซนนี้ไม่ไกลนัก อาจลำบากที่หุ่นหนักพอควร แต่เขาก็น่าจะกลับมาได้ในเวลา...
ความคิดชะงัก หูอีกข้างที่ไม่ได้แนบประตูบังกะโลได้ยินเสียงกุกกักดังมาจากประตูสำหรับพนักงาน จากนั้นแง้มเปิดแบบเบา
ทันทีที่ดนีย์นาถหันไป เสียงแหวก็ดังลั่น “เธออีกแล้วเหรอเนี่ย!”
งามจิตเขม้นมองมาจากหลังช่องประตู แล้วเพราะคำนั้น คนที่เดินมาด้วยกันจึงพยายามชะเง้อบ้างจากข้างหลัง
ศรีตรังร้อง “เพลง!”
“ห้องนี้ฉันกับไอ้ศรีคลีนเสร็จไปแล้ว นี่เธอจะมาเสนอหน้ารับสมอ้างรึไง!” งามจิตไม่ยอม ถึงกระนั้นก็ยังกดเสียงเบาพอไม่ให้รบกวนไปถึงแขกในห้อง
“เพลง ทำไมมาอยู่นี่” เห็นได้ชัดว่าศรีตรังไม่ใส่ใจคำว่าร้ายของแม่บ้านรุ่นพี่
“คะ…คุณปภังกรบอกว่าคุณโดเรียกแม่บ้าน” ดนีย์นาถปะติดปะต่อเรื่องเอา
“แล้วทำไมไม่เข้าไปล่...” ศรีตรังก้าวอ้อมเพื่อไปแอบมองตรงผนังกระจกของบังกะโล ดนีย์นาถรีบปราดขวาง ... แน่นอน โดยหันหลังให้คนในห้องไม่อาจเห็นเธอ
“พวกเธอมาทำอะไรห้องนี้เหรอ”
“เอ๊ะ นั่นมีแม่บ้านอีกคนเหรอ”
ศรีตรังสะดุดภาพคุณเงินยวงเข้าให้แล้ว!
ดนีย์นาถเบิกตา จะรุนไหล่เพื่อนให้ถอยกลับ แต่งามจิตก็ผลุนผลันเข้ามาผลักเธอออก “ไหน!”
กระเด็นห่าง ดนีย์นาถปากเบะเหมือนจะร้องไห้ ก่อนค่อยๆ ปรายตามอง
คุณพระ! โชคดีเหลือเกินที่แม่บ้านกำมะลอในห้องยืนหันหลังมาทางนี้ โดก็นั่งอยู่บนโซฟา หยิบรีโมตกดเปิดทีวี
“นี่! เดี๋ยวคุณโดเห็นก็หาว่าแม่บ้านบ้าดารามาแอบดูเขาหรอก” เธอเข้าไปฉุดแขนเพื่อนร่วมงานทั้งสองพ้นออกจากช่องกระจก
ศรีตรังยังชะเง้องง “เรามีแม่บ้านตัวใหญ่อย่างนั้นด้วยเหรอ”
งามจิตก็ไม่ต่าง “ใครมาโผล่โซนเรา”
“ตกลงว่ามาทำอะไรกันเนี่ย จะมาแอบดูดารากันจริงๆ ใช่มั้ย!” พอเธอใช้เสียงดุ แล้วรุ่นพี่หน้าตึงเชิดคาง จึงเป็นอันว่าสิ่งที่คาดการณ์น่าจะถูกต้อง
“รีบออกไปเถอะ คุณปภังกรไปเอาของ กำลังจะมาที่นี่แล้ว!”
งามจิตกับศรีตรังตาโต แต่ไม่ใช่เพราะชื่อที่เธออ้าง รายหลังอุทาน “ว้าย คุณโดออกมาแล้ว!”
ก่อนที่ประตูบังกะโลจะเปิดกว้าง คนทั้งสามก็วิ่งกลับออกทางประตูหลังได้ว่องไว
“อ้าว จะตามมาทำไม!” งามจิตตวาดเมื่อเห็นดนีย์นาถวิ่งตามมาด้วย เจ้าหล่อนยกมือผลักเธอก่อนปิดประตูใส่หน้า หญิงสาวยืนเหลอหลาตัวแข็ง ปรายตากลับไปข้างหลัง พบว่ามีปลายเท้าใครบางคนก้าวออกมาจากห้องพักแล้ว ปลายเท้าที่ไม่ใช่ของคุณเงินยวงแน่ๆ!
“ขอบคุณมาก แต่ไม่เป็นไร คุณเพลงทรายไปทำงานได้ตามสบาย ผมไม่อยากได้อะไรแล้ว”
“แหม ไม่ต้องเกรงใจเลยนะคะ ดิฉันยินดี...”
ดนีย์นาถหันรีหันขวาง ตรงนี้ไม่มีที่หลบ ไม่มีของให้บัง ไม่มีอะไรสักอย่าง ความลับของเราจะแตกตอนนี้แล้วเหรอ!
เหมือนเวลาถูกถ่วงช้า โดค่อยๆ เคลื่อนตัวออกมาจากห้อง พร้อมๆ กับที่ดนีย์นาถหันกลับ ขณะกำลังจะหาวิธี ก็พอดีมีอะไรบางอย่างวิ่งปรู๊ดผ่านเข้ามาในคลองตา
คุณชาโตบริยองด์!
เจ้าหมาสีน้ำตาลคงวิ่งขึ้นมาจากบันไดหน้าชาน มันวิ่งอ้อมตัดหน้าดนีย์นาถไปทางสระว่ายน้ำส่วนตัวของแขกห้องพักเอสอง ซึ่งตั้งอยู่ตรงข้ามกับประตูห้อง
“เฮ่ย! หมาจากไหน!” เสียงโดดังขึ้นข้างหลัง อดีตคนรักของเธอไม่ชอบสัตว์ทุกประเภท ถึงตอนนี้คงดึงเท้าถอยกลับไป
“ชาโตบริยองด์!” เสียงคุณเงินยวงลืมตัว ดนีย์นาถจินตนาการเห็นภาพเจ้าหล่อนก้าวออกมายืนข้างโด ตะครุบปากตัวเอง
อย่างว่องไว หญิงสาวใช้โอกาสนี้วิ่งตามเจ้าหมาขนเหี้ยน แม้เมื่ออ้อมข้างสระว่ายน้ำ ก็ยังพยายามหันหลังให้จุดที่อดีตแฟนหนุ่มน่าจะกำลังยืนมองอยู่
“ขอโทษนะคะ!” ไม่ลืมกดเสียงแหบแบน “หมาของแขกอีกห้องหลุดมา!”
คุณชาโตบริยองด์จะวิ่งหนีกลับไปทางโด ดนีย์นาถรีบใช้ขาเตะมันเบาๆ เหมือนลูกบอล ส่งให้มันวิ่งต่อไปยังชานหน้าบันไดที่ขึ้นมาแต่แรก
กำลังจะไล่ตามมันลงบันได จู่ๆ ร่างใหญ่ก็โผล่พรวดมา “เฮ้! ยูนี่เอง”
“คะ…คุณคามินทร์?!”
เป็นอันรู้ว่าเจ้าหมาระริกระรี้กำลังเล่นวิ่งไล่จับกับใคร พอเห็นแขกห้องพักเอสามโผล่มาบังหน้า มันก็รีบหมุนตัวทำท่าจะกวดกลับขึ้นมาบนชานอีกครั้ง
คามินทร์ทำท่าจะแจ้นตาม ดนีย์นาถรีบขวาง
คุณเงินยวงยืนอยู่มุมข้างใน ถ้านายคามินทร์ได้เห็น ความลับอีกอย่างก็จะแตก!
“เมือนมันจาหลุดมานะ” คามินทร์พยายามก้าวซ้ายสลับขวา เพื่อเบี่ยงหลบเธอตามเจ้าหมาขึ้นไป แต่ดนีย์นาถก็พยายามขวางไว้สุดแรง “ทำไมเจ้าคองไมดูแล”
เสียงต่อว่าคงลอยไปถึงเจ้าของหมา ได้ยินเสียงคุณเงินยวงร้อง “เอ๊ะ!” จากนั้นมีเสียงฝีเท้าย่ำโครมครามตรงมาด้วยโทสะ
โดยสัญชาตญาณ หญิงสาวหมุนตัวกลับไป พบว่าร่างใหญ่ของคน ‘เอ๊ะ!’ กำลังใกล้เข้ามา ถ้าเพียงพ้นแนวไม้ประดับที่ตัดเป็นพุ่มเหลี่ยมต่างรั้วตรงขอบชานบังกะโล ก็จะโผล่ออกจนคามินทร์เห็นหน้า
อาศัยความใหญ่โตของร่างคุณเงินยวงบังตัวเองไว้จากโด ดนีย์นาถยกมือเป็นเชิงเตือนให้เจ้าตัวถอยกลับ ขยับปากบอก ‘ไม่ได้นะคะ!’
คุณเงินยวงคงเพิ่งรู้สึกตัว แต่แม้รู้สึกตัวก็ยังหน้าคว่ำ ท่าสะบัดกลับค่อนข้างเจ้าอารมณ์
ยังไม่หมดปัญหา ห้ามคนหนึ่งได้ แต่อีกคนยังทำท่าจะตามขึ้นบันไดมา ดนีย์นาถรีบเอี้ยวตัวแล้วก้าวลงมายกมือให้คามินทร์เช่นกัน
“คุณคามินทร์ลงไปก่อนนะคะ” เธอพยายามกระซิบ ป้องกันคนข้างบนจะได้ยิน “นี่เป็นห้องของแขกคนอื่น เขาต้องการความเป็นส่วนตัว เดี๋ยวดิฉันพาคุณชาโตบริยองด์ออกไปเองค่ะ”
ทั้งที่จ้องมาด้วยสายตาเคลือบแคลง แต่ในที่สุดคามินทร์ก็ยอมก้าวกลับไปแต่โดยดี
กว่าจะหาทางลอบต้อนคุณเงินยวงกลับเข้าบังกะโลเอหนึ่ง ดนีย์นาถก็เหงื่อแตกไปทั้งตัว เธอรอดพ้นจากสายตาของโดไปได้อย่างหวุดหวิด เท่าๆ กับที่คุณเงินยวงก็รอดพ้นจากสายตาของคามินทร์อย่างเส้นยาแดงผ่าสิบแปด
ในขณะที่หญิงสาวปาดเหงื่อ แขกวีวีไอพีกลับไม่มีทีท่าเหน็ดเหนื่อยแม้แต่น้อย เจ้าหล่อนยังคงเริงรื่นขณะเปลี่ยนคืนชุดลำลองตามคำขอของดนีย์นาถ ครั้นเรียบร้อย คุณปภังกรก็เปิดประตูตามเข้ามาพอดี
“คุณพังไม่อยู่เมื่อกี้ โดเขาเป็นห่วง บอกให้ฉันไปพักหรือทำงานอื่นบ้าง นี่ขนาดกับแม่บ้านนะ ช่างเป็นคนที่จิตใจดีจริงๆ”
“ครับๆ” สภาพคุณบัตเลอร์ก็ไม่ได้ต่างกันกับดนีย์นาถเลย เจ้าตัวเพิ่งแบกหุ่นสลักไปเก็บ แล้วนำน้ำหอมปรับอากาศไปพ่นสลายกลิ่นที่คุณเงินยวงทิ้งไว้
“ฉันไม่เคยได้ใกล้ชิดโดอย่างนี้มาก่อนเลย ปกติตามแต่ดาราเมืองนอก เพิ่งไม่นานนี้เองเพื่อนส่งคลิปของเขาให้ดู โฮ้ย!” คนพูดยกกำมืออุดปาก “ฉันเลยโดนตกมาตั้งแต่นั้น แต่หน้ากล้องกับหลังกล้องเขาก็เป็นสุภาพบุรุษไม่ต่างกันเลย จริงสิ!” ดวงตาใต้แผงขนตาปลอมเบิกขึ้น คนเบิกกระวีกระวาดไปหยิบสมุดปกแข็งประดับกลิตเตอร์สีชมพู มีชายเป็นพู่ฟูวิ้งขึ้นมาเปิดหน้าที่คั่นไว้ “ตอนกลางวันโดสั่งอะไรมากิน พวกบ้านเบส แฟนไซต์ บอกว่าโดชอบกินหอย แต่เลือกเฉพาะพวกเมนูรสจัดๆ หอยจืดๆ ไม่ชอบ”
คุณปภังกรปรายตามองดนีย์นาถที่ไอสำลัก ก่อนตอบว่า “น่าจะจริงครับ เมื่อกี้แกสั่งหอยแมลงภู่ผัดพริกเกลือวาซาบิด้วย นอกนั้นก็มีกรรเชียงปูนึ่ง กับผัดผักกูดปลาเค็ม ส่วนน้ำ แกชอบกินน้ำมะพร้าว”
“น้ำมะพร้าวจากลูกน่ะนะ?!”
“ใช่ครับ”
“รสนิยมดี”
คุณบัตเลอร์เหล่ตามองด้วยความรู้สึกอันยากจะบรรยาย
แขกสาวลากปากกาหมึกเจลกลิ่นหอม (และมีกลิตเตอร์เล็กๆ) จนจบ แล้วปิดสมุดดังพึ่บ! “เรียบร้อยสำหรับช่วงเช้า เราจะพักกันก่อนแล้วค่อยกลับไปหาข้อมูลอื่นๆ อีกครั้งตอนบ่าย”
ดนีย์นาถเก็บตาเหลือกแทบไม่ทัน
“แต่คุณโดเพิ่งมาถึง ได้ข่าวว่าเดินทางมาจากอเมริกาด้วย วันนี้น่าจะเหนื่อยจนหลับยาวนะคะ”
“เธอก็ต้องหาทางทำให้เขาตื่นสิจ๊ะ ที่รัก” คนพูดวางสมุดโดยเพ่งมองให้สันขนานกับขอบโต๊ะ มากกว่าจะหันมามองเธอ
“จริงด้วย” คุณปภังกรกลับเห็นดีเห็นงามกับแขก “ที่นอนไม่ได้มีแค่ที่ห้องที่เดียวนี่นะ เดี๋ยวผมจะเชิญคุณโดไปนวดตัวที่สปาแล้วกันนะครับ”
“เอ๊ะ แม่บ้านทำห้องนี่นวดแขกได้มั้ยนะ”
คราวนี้คนตาเหลือกกลายเป็นคุณบัตเลอร์เสียเอง เจ้าตัวละล่ำละลัก “แม่บ้านทำไม่ได้ครับ!”
คุณเงินยวงทำเหมือนไม่ได้ยินคำตอบนั้น หันมาที่ดนีย์นาถ “เธอน่าจะหาชุดพนักงานนวดให้ฉันได้ใช่มั้ยจ๊ะ”
“คะ…คุณโดจะจำหน้าคุณเงินยวงได้นะคะ”
นั่นเองเจ้าตัวจึงไหล่ตกเป็นเชิงยอมรับ “ก็ถูก”
“เราเอาเวลานี้ไปเยี่ยมชมห้องคุณโดดีกว่ามั้ยคะ ให้เธอได้ผู้เชี่ยวชาญช่วยนวดไปก่อน ปกตินวดตัวที่สปาใช้เวลาเท่าไหร่คะ คุณปภังกร”
อีกฝ่ายตอบอุบอิบเหมือนไม่อยากตามน้ำเธอนัก “มันก็มีนวดหลายแบบ ถ้านวดคลายเครียดก็ราวๆ สี่สิบห้านาที นวดเท้าชั่วโมงนึง ถ้านวดสำหรับแขกที่ชอบเล่นกีฬา นวดสวีดิช หรือนวดกระตุ้นระบบน้ำเหลือง จะมีทั้งชั่วโมงนึงกับชั่วโมงครึ่ง แต่ถ้านวดอายุรเวท นวดแผนไทย หรือออฟฟิศซินโดรมก็ชั่วโมงครึ่ง”
“เยอะจัง” หญิงสาวแสร้งบ่น ก่อนสรุปเอาเองด้วยความมุ่งหมายเฉพาะตน “งั้นเอาเป็นว่าดิฉันจะช่วยคุณเงินยวงเข้าไปดูต้นทางที่ห้องคุณโดให้นะคะ ถ้าคุณโดจะมาที่ห้อง คุณปภังกรก็ส่งสัญญาณมา แบบนี้ดีมั้ย”
“น่าสนใจ ฉันเตรียมกล้องมาแล้วด้วย” ว่าพลางแขกถลาไปยังกองกระเป๋าสัมภาระ ที่ซึ่งคุณชาโตบริยองด์วิ่งวนกัดหางตัวเองอยู่
ทว่าหนนี้คุณบัตเลอร์ยืดคอห่างอย่างไม่เห็นดีด้วย
“ผมเสียใจจริงๆ ครับ แต่พวกนั้นเป็นข้าวของส่วนบุคคล เราไม่ควรเก็บภาพไว้ ถ้าหลุดออกไปจะมีปัญหาแน่ๆ”
“ที่รัก” คนอยากถ่ายยิ้มยะเยือก “เธอคิดว่าฉันจะทำมันหลุดรึไง”
อีกฝ่ายแสร้งทำไม่ได้ยินบ้าง “...และมันจะไม่เป็นผลดีกับคุณเงินยวงด้วยเช่นกันครับ”
เจ้าของยิ้มหลอน จ้องคุณบัตเลอร์ด้วยสายตาอันมีความหมาย
เจ้าหล่อนเบนมายังดนีย์นาถบ้าง ถามด้วยเสียงยะเยือกเช่นกัน “ฉันฟังไม่ถนัด บัตเลอร์ของรีสอร์ตเธอพูดว่าอะไรนะ แก้มบวม”
คนถูกถามสลับสายตาระหว่างคนทั้งสอง
คุณบัตเลอร์จ้องเธอตาคว่ำ สุดท้ายหญิงสาวจึงได้แต่ยิ้มแหย “ที่คุณปภังกรพูดมาก็มีส่วนถูกนะคะ”
แขกทำเสียงจึ๊กจั๊ก สะบัดหน้าไปทางอื่นราวกับจงใจไม่รับรู้
“ฉันหิว!”
คุณปภังกรรีบกุลีกุจอหยิบเมนู “งั้นตอนนี้เราพักทานอะไรง่ายๆ กันก่อนแล้วกันนะครับ วันนี้ได้ยินว่าทางครัวมีหมึกสด...”
“ฉันต้องการซาชิมิปลาอิชิไดจากเกาะคิวชู กินกับปลาฮาโมะจากเกียวโตตุ๋นเห็ดเสิร์ฟในซุปกา!”
อิชิไดนับว่าเป็นราชาแห่งโขดหิน ส่วนฮาโมะคือปลาไหลที่มีเนื้อนุ่มอร่อย แต่ทั้งสองอย่างเหมือนกันตรงที่เป็นอาหารประจำฤดูกาล - ใช่ ฤดูกาลที่ไม่ใช่ฤดูนี้!
อย่างไรก็ดี คุณปภังกรก้มลงอย่างนอบน้อม “ผมจะโทร. สั่งทางครัวให้เดี๋ยวนี้ครับ”
โชคดีดนตรีไม่ได้นอน ตอนที่คุณบัตเลอร์เข้าไปเคาะประตูแนะนำบริการสปาของทางรีสอร์ตให้เขา อดีตแฟนหนุ่มของดนีย์นาถเพิ่งอันแพ็กข้าวของเสร็จ ทันทีที่เจ้าตัวกับคุณปภังกรลับหายไปทางหาดทรายด้านหน้าบังกะโล คุณเงินยวงที่แอบแง้มประตูสำหรับพนักงานดูอยู่ข้างสระว่ายน้ำก็ก้าวออกไป
แขกห้องพักเอหนึ่งอารมณ์ดีหลังจากได้รับบริการอย่างใจ ไม่ใช่แค่ได้เข้ามาในพื้นที่ของศิลปินคนโปรดอีกครั้ง ทว่าเมื่อครู่ เชฟของรีสอร์ตก็ไปหาอาหารพวกนั้นมาให้ได้อย่างน่าอัศจรรย์ แถมใช้เวลาไม่นานจนเกินไปอีกต่างหาก ราวกับว่าลิ้นชักในครัวใหญ่นั้นเป็นลิ้นชักโดราเอมอน สามารถเปิดทะลุไปสู่ที่ไหน หรือเวลาใดในโลกก็ได้
ในที่สุด ด้วยคีย์การ์ดแม่บ้าน ดนีย์นาถก็พาแขกเจ้าปัญหาผ่านเข้ามาในห้องพักของโดจนได้ กลิ่นที่คุณเงินยวงทิ้งไว้ รวมถึงกลิ่นน้ำหอมปรับอากาศสลายไปแล้ว เหลือแต่กลิ่นละมุนๆ อันเป็นเอกลักษณ์ของโด กลิ่นซึ่งก่ออารมณ์ชวนหวนนึกถึงอดีตอย่างน่ารำคาญใจ
เนื่องจากรูดม่านปิดไม่ได้ เพราะถ้าเจ้าของห้องกลับมาอาจสะดุดใจ ดนีย์นาถจึงต้องพยายามกันให้คุณเงินยวงมุดมาเปิดดูข้าวของแถวมุมห้อง ตอนแรกเธอกะจะยืนข้างนอก ตรงแถบหน้าชาน พอดีพอร้ายโดกลับมา ตัวเองจะได้เห็นก่อนและรีบส่งสัญญาณบอกคุณเงินยวง
อย่างไรก็ดี แค่ไม่กี่นาที ครั้นหันกลับไปเห็นว่าแขกตัวแสบกำลังรื้อข้าวของโยนเป็นพัลวัน ลูกตาดนีย์นาถก็แทบกลิ้งร่วงจากเบ้า หญิงสาวรีบกรากกลับไปช่วยรวบรวมของเหล่านั้นใหม่ และต้องคอยอยู่ใกล้ๆ เพื่อเรียบเรียงของคืน หาไม่ ทันทีที่โดกลับมา ทุกอย่างจะโชว์หราประจานความผิดแน่ๆ
ได้แต่บอกตัวเอง หวังว่าคุณปภังกรจะจับตาโดและส่งสัญญาณมาแต่เนิ่นๆ…
“สมุดโน้ต ดินสอ น่ารักอ้ะ!” เสียงคุณเงินยวงดังขึ้นเป็นระยะ แต่ละครั้งก็จะตามด้วย “ดูนี่สิแก้มเบิ้ม โดเขาไลฟ์สไตล์เหมือนฉันเลย ยังใช้ของพวกนี้จด แทนที่จะพิมพ์ลงในมือถือ”
“ค่ะ”
“แล้วดูนี่ มีร่มพับอีกต่างหาก ลายตัวบีแปลกๆ จังนะ”
“กุญแจโดค่ะ” สายตาเธอจดจ้องสัญลักษณ์นั้น มันละม้ายตัวบีพิมพ์ใหญ่ ทว่าชดช้อยกว่า
“หืม?”
“มันคือรูปกุญแจโด เป็นกุญแจประจำหลักในการบันทึกดนตรีตัวนึง”
“งั้นเหรอ” คนได้รับคำตอบกลับเสียงต่ำลงอย่างไม่ปลื้มนัก โยนร่มพับในมือมาที่เธออย่างส่งๆ แทนที่จะยื่นให้อย่างทะนุถนอมเฉกชิ้นอื่น “แม่บ้านอย่างเธอรู้เยอะจังนะ!”
แน่ละ ทำไมจะไม่รู้ ในเมื่อเธอเป็นคนซื้อร่มพับนี้ให้เขาเอง
คนได้รับเคยโวย ‘โอ้โห ลายกะสีมันไม่โนเนะไปเหรอนีน่า’ ขณะโวยก็ไม่วายเสยผมด้านหน้าที่ไว้ยาวจนโค้งปัดไปทางใบหู
เธอรู้ว่าเขาไม่ได้รำคาญมันจริงๆ หรอก แต่การเสยผมเป็นท่าทางที่ทำแล้วเท่ อีกอย่าง เขาจะมีโอกาสอวดมือสวยบางและนิ้วเรียวยาวเหมือนพระเอกในการ์ตูนมังงะ ตลอดจนผมเส้นละเอียดเป็นเงางามน้ำตาลแกมดำตามธรรมชาติที่ดูสวยประหลาด
ตอนนั้นดนีย์นาถทำหน้าเจ้าเล่ห์ใส่ ‘ก็เวลาตัวเองเห็นร่มนี่ จะได้นึกออกไง ว่า ‘โด’ น่ะมีกุญแจคล้องเอาไว้แล้ว!’
‘นี่ๆ’ เจ้าตัวยกนิ้วชี้มาที่เธอ ‘โควตนี้จะต้องเป็นเพลงในอัลบัมใหม่แล้วละ’
‘บ้า!’
เขาหัวเราะ แต่สุดท้ายเพลง ‘กุญแจโด’ ก็ถูกรวมไว้ในอัลบัมที่สี่ของเขาจริงๆ มันเป็นไม่กี่เพลงที่โดร่วมเขียนเนื้อร้องด้วย เพราะที่จริงเขาไม่มีหัวทางนี้เลย ถึงกระนั้น กุญแจโดกลับเป็นเพลงหวานและถูกพูดถึงมากเป็นอันดับต้นๆ ของเขา
โด…คล้องกุญแจหัวใจ ไว้ไม่เคยแปรเปลี่ยน เขียนเป็นเพลงบทนี้ และจะไม่มีเนื้อความใดๆ
แค่เธอใช้กุญแจของเธอ เรียกกลับมาไขเพื่อฟังหัวใจ…ดวงนี้ยัง…กระซิบร้องเป็นทำนองดังเดิม
พิธีกรรายการหนึ่งเคยแซว ‘เพลงนี้ตั้งใจเขียนให้ใครรึเปล่า’ โดหันมองกล้อง แล้วตอบราวกับพูดกับเธอต่อหน้าว่า
‘ผมตั้งใจเขียนให้คนที่รักผม ให้เขารู้ว่าผมก็ยังรักเขาเหมือนกัน ไม่เคยเปลี่ยนไปเลย ไม่ต้องกังวลนะครับ’
เสียงกรี๊ดกึกก้องห้องส่ง ส่วนคนที่รู้ความนัยก็วิบวับอยู่ในหัวใจ อยู่บนใบหน้า
ไม่เพียงแค่ร่มกุญแจโด ของทั้งหมดที่เขาพกมาก็ล้วนเป็นการสรรหาของดนีย์นาถ โดเหนื่อยกับทุกงานที่เขาต้องทำจนละทิ้งทุกความสนใจ กลายเป็นคนที่ไม่ค่อยไยดีรายละเอียด เมื่อมีเวลาว่างเขาจะนั่งทอดหุ่ยด้วยการเล่นเกมไปตลอดทั้งวัน เธอป้อนอาหารให้เขาเหมือนเด็กๆ จัดกระเป๋าให้เขาในส่วนที่ผู้ดูแลถูกสั่งห้ามแตะต้อง เพราะมันเป็นหน้าที่ของเธอ - เคยเป็นแค่ของเธอเท่านั้น
‘สมุดโน้ตนี่เค้าเย็บจากกระดาษที่เหลือๆ มันจะได้ไม่เปลืองทรัพยากร...’
‘ตัวเองใช้ดินสออันนี้นะ มันพิเศษจริงๆ นะ ทำมาจากเศษกระดาษหนังสือพิมพ์ม้วนจนแน่นรอบแท่งถ่าน...’
แล้วก็ยังมีครีมกันแดดแบบที่ไม่ทำร้ายปะการัง (กรณีที่มาเที่ยวทะเล) รองเท้าแตะสานจากวัชพืช กระเป๋าไฟรทาร์ก (Freitag) ซึ่งผลิตจากขยะรีไซเคิลจนทุกใบเป็นเอกเทศ และสารพันอื่นๆ ที่จำเป็นต่อเขา กับทั้งดีงามต่อโลกใบนี้
‘ตัวเองมีแฟนเยอะจะตาย ถ้าพวกเขาได้เห็นว่าตัวเองใช้อะไร มันก็จะเป็นแรงบันดาลใจให้พวกเขาใช้ตามไงล่ะ...’
‘แล้วก็รักษาอิมเมจหนุ่มหล่อรักษ์โลก เข้ากับแบรนด์ที่ตัวเองเลือกให้เค้าไปเป็นพรีเซนเตอร์ด้วยใช่มั้ย’
‘ใช่ เพราะคนอย่างตัวเองน่ะ ต้องใช้เงินล่อ!’
ทุกอย่างจึงเต็มไปด้วยความทรงจำ ไม่ว่าหยิบจับอะไร เรื่องราวเก่าๆ ก็คอยแต่จะผุดให้เห็นเป็นเงาหลังม่านตา ก่อนจะค่อยๆ ชัดขึ้น เป็นภาพสี เป็นภาพสามมิติ เป็นจริงเป็นจังอย่างแทบจะเอื้อมมือคว้า
เสียงปากกาคุณเงินยวงลากขีดกระดาษ ราวกับคัดสอบสินค้าว่ามีอะไรบ้าง มากกว่าจะแค่ ‘เยี่ยมชม’ นิทรรศการของใช้ของโด เจ้าตัวไม่มีทางรู้ว่า รสหวานปร่ากำลังละลายในปากของคนข้างๆ บางครั้งดนีย์นาถยิ้มเมื่อเผลอรำลึกถึงที่มาน่ารักๆ ของของสิ่งนั้น แต่พลัน เธอจะกลับนิ่งลง
ความทรงจำ…หมายถึงสิ่งที่ไม่มีวันหวนกลับมาอีกแล้ว…
จังหวะนั้นเอง จู่ๆ โทรศัพท์ในกระเป๋ากระโปรงดิ้นอีกครั้ง ดนีย์นาถรีบตะครุบมันขึ้นดูเพราะคิดว่าคุณปภังกรส่งสัญญาณเตือนอะไรมา ทว่าไม่ใช่ ทันทีที่เห็นหน้าจอเธอถึงกับชาไปทั้งร่าง
โด!
เป็นไปตามคาด ปลายทางยังคงไม่ยอมรับสาย
ชายหนุ่มกัดกราม ถอนหายใจ ก่อนเก็บสมาร์ตโฟนไว้ตามเก่า หัวคิ้วยังมุ่นเข้าหากันด้วยความคิด แล้วโฟกัสของสายตาก็เปลี่ยนไปจับจ้องที่แผ่นหลังชายร่างบอบบางซึ่งกำลังก้าวนำอยู่ข้างหน้า
บัตเลอร์ที่ชื่อปภังกรมาเคาะประตูเรียกเขา ตรวจดูว่าหลังจากอันแพ็กข้าวของแล้วเขายังยืนยันว่าไม่ต้องการบริการสปาจริงรึเปล่า เป็นเขาเองที่เปลี่ยนใจ ไม่คิดว่ากิจกรรมแค่นี้กลับสร้างความเมื่อยขบได้พอควร เจ้าตัวจึงชวนมาที่อาคารสปาอีกครั้ง
ใต้แมกไม้ ก้อนอิฐรูปทรงแปดเหลี่ยมฝังลงในพื้นทรายห่างๆ กัน เป็นทางเดินพาเลาะลัดผ่านบังกะโลหลังเล็กหลังน้อยอ้อมมาทางด้านหลังร้านอาหารที่เขาเพิ่งใช้บริการครู่ก่อน แล้วก็เหมือนทุกที ทั้งที่มีแว่นตากันแดดปิดครึ่งหน้า จนยากจะแยกแยะว่าเขาเป็นใคร แต่รูปร่างอันเป็นเอก ผิวพรรณ และรัศมีบางประการ กลับเรียกสายตาคนแปลกหน้าได้เสมอ ดนตรีมักต้องแสร้งทำเป็นไม่รู้สึกแล้วก้าวผ่านไปเอง
ตอนนี้เขาไม่ต้องแสร้งทำแบบนั้น เพราะความจดใจจ่ออยู่ที่คนตรงหน้า อาคารสปาอยู่แค่อีกไม่ไกล ในที่สุดเขาตัดสินใจออกปาก
“แม่บ้านคนที่มาช่วยทำห้องให้ผม เขาชื่ออะไรนะ”
“ครับ?” คนในชุดฟอร์มเลียนอย่างทรงราชปะแตนชะลอฝีเท้าแล้วหันกลับมา ถามราวกับว่าเมื่อครู่ได้ยินไม่ถนัด ทั้งที่เขาพูดชัดถ้อยชัดคำ
“แม่บ้านที่มาช่วยไล่หมาออกจากบังกะโลไปน่ะครับ ใครเหรอ”
“อ๋อ” บัตเลอร์เผยยิ้ม “เพลงทราย คนนี้ขยันขันแข็งนะครับ แขกคนไหนก็ชม”
“ไม่ใช่เพลงทรายครับ อีกคนนึง”
“อีกคนนึง?” เจ้าตัวทำหน้าฉงน “หน้าตายังไงเหรอครับ”
“ผมเห็นไม่ถนัด ตอนแรกหุ่นผู้หญิงนั่นบังหน้าหมดเลย เห็นอีกทีก็ตอนที่เขายืนอยู่ไกลๆ”
สีหน้าคนฟังเริ่มซีเรียส “เขาไม่ได้ทำอะไรให้คุณโดไม่พอใจใช่มั้ยครับ”
“เปล่าๆ” เขารีบบอก “แค่รู้สึกคุ้นๆ หน้าน่ะ”
“อ้อ” เป็น ‘อ้อ’ ที่บ่งบอกความโล่งใจมากกว่าจะสนใจ “ไว้ผมจะลองถามเพลงทรายให้นะครับ”
ว่าแล้วเจ้าตัวก็หันกลับไปจ้ำตามเก่า
แน่ละ เรื่องแค่นี้จะมีใครสนใจ แม้แต่พนักงานรีสอร์ตห้าดาวยังไม่สนใจช่วยไขความกระจ่างให้แขกวีไอพีอย่างเขาเลย!
รายนั้นหันกลับมาอีกทีในอีกไม่กี่ก้าวถัดมา หลังจากวาดแขนไปเปิดประตูกระจกของอาคารสปาเป็นการต้อนรับ “เชิญครับ”
กลิ่นหอมระรวยเล็ดลอดมาปะจมูกแทบจะในทันที มีผลให้อารามกระสับกระส่ายคลายลง กอปรกับรอยยิ้มของคนเปิด แทบจะน่าเชื่อว่าเป็นความตั้งใจของเจ้าตัว
เมื่อก้าวเข้าข้างใน เจ้าหน้าที่สาวแผนกสปาก็ปรี่มาต้อนรับพร้อมคำขอโทษขอโพยที่ไม่มีห้องเดี่ยวเหลือแล้ว เนื่องจากเข้าใจว่าเขาจะไม่มาใช้บริการแล้ว
“ไม่เป็นไร ผมเปลี่ยนใจเอง พอดีโดนคุณบัตเลอร์ยุขึ้นน่ะ”
“เป็นความผิดของคุณบัตเลอร์จริงๆ ค่ะ” อีกฝ่ายแสร้งส่งค้อนไปทางนั้น “น่าจะยุกันตั้งแต่แรก นี่ดิฉันเพิ่งรับลูกค้าอีกรายเข้าใช้ในห้องคู่ เขามาถึงก่อนหน้าคุณโดแค่ไม่กี่นาทีนี่เองค่ะ ไม่งั้นจะปิดห้องนั้นเอาไว้ให้คุณโดคนเดียวเลย”
“ห้องคู่ก็ได้ครับ ผมไม่ทำร้ายใครแน่นอน”
คู่สนทนาหัวเราะ ไม่ช้าบัตเลอร์ปภังกรจึงส่งต่อเขาแค่ตรงนั้น ให้เจ้าของสถานที่พาเดินต่อเข้ามาสู่ภายในเอง
อาคารสปาเป็นอาคารชั้นเดียว ตกแต่งแบบเดียวกับบังกะโลอื่นๆ คือเน้นวัสดุจำพวกอิฐ หิน และไม้ ทว่ามีขนาดพื้นที่ใหญ่กว่า ภายในแบ่งเป็นห้องๆ สำหรับให้บริการแตกต่างกัน แต่ทั้งหมดล้วนล้อมสระน้ำสีฟ้าใสทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าใจกลางอาคาร เหนือสระนั้นเปิดโล่ง เผยให้แสงแดดส่องลงสว่างไสว ไม้ยืนต้นกลางสระผลัดใบเดียวดายเงียบงัน ครั้นใบนั้นแตะผิวน้ำก็ก่อระลอกกระเพื่อม วงแสงวิ่งสะท้อนไปทั่วอาคารผ่านผนังกระจก
หลังจากเปลี่ยนชุด ไอดอลหนุ่มก้าวเข้ามายังห้องนวดแบบเตียงคู่ ทั้งสองเตียงตั้งไว้พอห่างกันโดยหันเข้าหาผนังกระจก ม่านรูดตลอดเผยให้เห็นสระน้ำกลางอาคาร การตกแต่งห้องค่อนข้างโอ่โถง แสดงว่าปกติน่าจะเปิดรับเฉพาะแขกพิเศษเช่นกัน
บัดนี้เตียงด้านในมีชายอีกคนนอนคว่ำหน้ารับบริการอยู่ก่อน ดนตรีคงไม่สนใจ ถ้าไม่เพราะแค่เขาลงนอนไม่นาน รายนั้นก็ทักขึ้นด้วยเสียงเหน่อๆ
“โพมเคยเฮ็นคุณในป้าย”
ครั้นดนตรีหันหา จึงพบว่าคนพูดคือชายหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกัน - ถ้าจะอายุมากกว่ากันก็น่าจะไม่เกินปีสองปี เจ้าตัวมีรูปร่างล่ำสัน ขณะที่รูปกะโหลกค่อนข้างเล็ก จึงดูคล้ายศีรษะมีขนาดเท่ากับคอ ส่งผลให้ดูค่อนข้างตัน ไม่โปร่งเพรียวเท่ากับเขา ผิวสีน้ำตาลเรียบดูเกรียม - น่าจะเพราะอาบแดดที่นี่ ผมดำและเค้าหน้าออกไปทางเอเชีย แต่สำเนียงพูดกับบุคลิกบางอย่างชวนให้รู้สึกว่าน่าจะเป็นลูกครึ่ง
“คุณคือซูเปอร์สตาร์เมืองไทยแบบที่พวกแมบ้านพูดกันจริงมั้ยครับ”
น่าจะเป็นลูกครึ่งที่เพิ่งเดินทางมาเมืองไทยไม่นานด้วย ดนตรีคาดการณ์จากคำถามนั้น
“ผมเป็นอาร์ทิสต์ครับ”
“คุณโดถ่อมตัวจริงๆ” แม่บ้านที่นวดให้เขาหัวเราะแผ่ว ก่อนอธิบายให้คนพูดไม่ชัดได้ความกระจ่าง “คุณโด ดนตรี เป็นนักร้องเบอร์ต้นๆ ของประเทศไทยนะคะคุณคามินทร์”
“โอ้” เจ้าตัวห่อปาก “ดีใจจัง ขนาดซูเปอร์สตาร์ยังมาพักทีนี่ โพมเลือกไม่พลาด”
คนเป็น ‘ซูเปอร์สตาร์’ แค่ยิ้มให้โดยไม่ตอบอะไรเพิ่ม แม้โดยตัวตนเขาไม่ใช่คนที่มีมนุษยสัมพันธ์แย่ แต่ตั้งแต่ทำงานที่ต้องเปิดทุกส่วนของชีวิตให้เป็นสิทธิ์ของประชาชน เมื่อถึงเวลาส่วนตัว เขาจึงมักออมคำ บางหนถึงกับออมความสนใจและรอยยิ้มสำหรับคนแปลกหน้าเพื่อใช้เฉพาะเวลางาน ราวกับว่าการทำอะไรพรรค์นั้นต้องใช้พลังงานมากจนอ่อนเพลียได้ง่ายๆ
โดยเฉพาะหมอนี่ ทั้งที่ปิดตาลง ดนตรียังรู้สึกถึงการถูกจับจ้อง บางทีจะเป็นเกย์ซะละมั้ง
ห้องเงียบเสียงสนทนาลงพักหนึ่ง เหลือเพียงเสียงดนตรีบำบัดเบาแผ่ว ก่อนคนพูดไม่ชัดจะเริ่มใหม่
“ฮืม คุณนวดดีจัง เพื่อนโพมเคยบอกมานวดทีไทย เจ็บมาก มันป๊อดแหก”
คนนวดหัวเราะเบา “นวดไทยมีหลายอย่างค่ะคุณคามินทร์ แบบเจ็บก็มีค่ะ”
“แลวถ้า…มากกว่านวดล่ะ ที่นี่มีมั้ย”
เห็นท่าไม่ดี ดนตรีจึงตอบแทนพนักงานนวด ทั้งที่ตัวเองยังปิดตา “ไม่มีหรอกคุณ”
“แตโพมได้ยินมาว่า...”
“เมืองไทยมีอะไรน่าสนใจหลายอย่างนะ” ศิลปินหนุ่มเปิดตา คำอธิบายไม่มีร่องรอยหัวเสีย “คุณชอบเที่ยวแบบไหนล่ะ เชิงวัฒนธรรม เชิงอนุรักษ์ หรือชอปปิง อันที่จริงถ้าคุณสนใจเรื่องพรรค์อย่างว่า มันก็พอจะมีที่เฉพาะอยู่เหมือนกัน ไม่ต้องมาหาข้างนอกแบบนี้หรอกครับ”
“Good answer” อีกฝ่ายยิ้มให้ ในสายตาของคนที่เชี่ยวชาญด้านการแสดงเหมือนกัน ดนตรีสัมผัสถึงบางอย่าง ลึกลงไปกว่าแค่พึงใจเพราะได้คำตอบ แต่ยังมองไม่ออกว่าคืออะไร
ชายที่ชื่อคามินทร์พูดต่อไปว่า “คุณนาจะได้เป็นพรีเซนเตอร์การท่องเที่ยวนะ”
แม่บ้านรายที่นวดให้เจ้าตัวอยู่หัวเราะนิดๆ คามินทร์จึงเบิกตาที่ค่อนข้างเป็นขีดของตัวเอง
“What! คุณเป็นอยู่แล้วสินะ ผมนีโง่จริง”
“ไม่ได้โง่หรอก คุณแค่ไม่รู้” เขาแก้ให้ ก่อนขยายความ “เคยเป็นน่ะครับ”
“ควรจะเป็นต่อ แมแต่พนักงานทีนี่ยังหลงเสน่ห์จนไปบริการคุณกันหมดเลย” ตอนท้ายคล้ายพ้อ
“ไม่จริงหรอกน่า”
“จริงนะ โพมพักบังกะโลข้างๆ คุณ เมือเช้าเฮนแมบ้านมะรุมมะตุ้มฮองคุณคนเดียวตั้งหลายคน”
“อ๋อ” ดนตรีหัวเราะ “น่าจะเป็นตอนที่เขามาทำความสะอาดห้องน้ำให้ผมน่ะ ที่จริงก่อนหน้านั้นเขาก็ทำงานกันตามปกติแหละคุณ แต่มันมีคราบที่เหลืออยู่ แล้วเขาเพิ่งไปได้น้ำยามาเลยเอามาแก้ให้ ที่เห็นชุลมุนๆ เพราะตอนนั้นมีหมาของแขกอีกห้องหลุดเข้ามาพอดี”
“เดวนะ” อีกฝ่ายดูกังขา มุ่นคิ้ว “ทีคุณว่ามากำจัดคราบในฮองน้ำ ซงสัยเขาจะลืมแควนป้ายไว้หน้าห้องด้วยใชมั้ย”
“มันเลยวุ่นวายไง”
“อืม” ชายชื่อคามินทร์ครุ่นคิดนิดหนึ่งจึงถามใหม่ “คนที่มาทำฮองน้ำให้คุณ คือเพลงทรายรึเปล่า”
“ใช่” ดนตรีหัวเราะ “คุณรู้ได้ไงน่ะ”
“ก็เธอเก่งเรืองนี้” อีกฝ่ายยิ้ม เป็นอีกครั้งที่ยิ้มดูแปลกชอบกล จนเขาสะดุดตา และคิด…
คามินทร์พูดต่อด้วยท่าทีคลายความสนใจลง “เธอได้คอลายเซ็นคุณรึยัง”
จริงสิ!
สิ่งที่กระจ่างกลางหัวปลุกให้ดนตรีผุดลุก พนักงานนวดตระหนก ผงะ “คุณโด...?”
“ขอโทษนะ ผมมีเรื่องสำคัญ!”
จบคำ ร่างชะลูดก็คว้าชุดคลุมสวมแล้ววิ่งปรู๊ดออกจากห้อง ท่ามกลางความตะลึงงันของคนอื่นๆ
ความคิดเห็น |
---|