3

บทที่ 3


3

 

“คุณฌอนครับ”

ฌอนฤทธิ์ได้ยินเสียงดนัยเรียกเขา แต่โชคร้ายที่ชายหนุ่มยังอ่านข่าววิเคราะห์แนวโน้มธุรกิจท่องเที่ยวไม่จบ เลยยกมือขึ้นเป็นเชิงห้ามอีกฝ่ายเจรจาต่อ ทั้งๆ ที่มีหนังสือพิมพ์ปิดอยู่ครึ่งหน้า

ส่วนแพรวพรรณรายที่เดินตามหลังดนัยมาคว่ำปาก กลอกตามองเพดาน หมั่นไส้ความท่ามากขี้เก๊กของเขา นี่ขนาดยังไม่เห็นหน้ายังอยากจะอ้วก แต่แล้วก็บ่นในใจได้ไม่นานเพราะอีกคนลดหนังสือพิมพ์ลง มองผ่านเลขาฯ พุ่งตรงมาที่หล่อนด้วยแววตาไร้อารมณ์ ไม่มีความรู้สึก อ่านอาการไม่ออก แต่อดหน้าร้อนผ่าวไม่ได้เมื่อเห็นเขากวาดตามองหล่อนตั้งแต่หัวจดเท้า เรียกว่าเป็นครั้งแรกที่แพรวพรรณรายรู้สึกเขินอายการแต่งตัวแบบที่แต่งมาตลอดชีวิต

“รู้ไหมว่าให้ผู้ใหญ่รอมันไม่ดี”

ไม่มีคำทักทาย ไม่มีคำต้อนรับ เล่นเอาดนัยที่กำลังง่วนอยู่กับการอ่านข้อความในโทรศัพท์ถึงกับเงยหน้าขึ้นมองผู้เป็นนาย เกิดมาไม่เคยเห็น ไม่เคยได้ยินฌอนฤทธิ์ทำแบบนี้กับใคร ถึงจะไม่ถึงขั้นเอาอกเอาใจแขกเหรื่อ แต่ก็ไม่เคยแดกดันใครแบบนี้

“จะนัดใครทำไมไม่แจ้งล่วงหน้าล่ะคะ นี่มาก็ดีเท่าไหร่”

แล้วดนัยก็แทบจะหันไปตะครุบปากคุณหญิงคนสวย รู้หรอกว่าไม่ได้เรียบร้อย แต่ก็ไม่คิดว่าจะยอกย้อนอะไรขนาดนี้ ยิ่งกับฌอนฤทธิ์ด้วยแล้วมีหวังของขึ้นระเบิดลง แน่ๆ แต่แล้วกลับต้องช็อกหนักขึ้นไปอีกเพราะกลายเป็นว่าในนัยน์ตานิ่งเรียบของผู้เป็นนายวาววับด้วยความพอใจ แบบเดียวกับเวลาเจ้านายหนุ่มเห็นผลประกอบการ แถมเสียงที่หลุดออกมาจากลำคอดันเป็นเสียงหัวเราะ แทนที่จะเป็นคำตำหนิ

“แต่ก็มาแล้วนิ นั่งก่อนละกัน ไม่แพ้อาหารใช่ไหม ผมสั่งมาให้แล้ว”

“สั่งแล้วจะถามหาอะไรล่ะคะ ว่าแต่มีอะไรถึงต้องเชิญดิฉันมา อาหารเช้าดิฉันรับมาแล้วจากที่บ้าน ไม่รบกวน”

คนที่โตมาในรั้วในวังเอ่ยถึงเคหสถานด้วยศัพท์ท้องถิ่น จนทำให้เกิดความรู้สึกบางอย่างในใจคนฟัง แต่ก็ยังกดเก็บไว้ตามประสาคนไม่ผลีผลาม ไม่แสดงออก

“ก็อยากเลี้ยงต้อนรับ ไม่อยากรบกวนก็ต้องรบกวน เพราะสั่งไปหมดแล้ว กินให้หมดด้วยล่ะ”

ตาคมเรียวเหลือบมองด้านหลัง เห็นพนักงานในห้องอาหารกำลังลำเลียงสิ่งที่เขาออร์เดอร์ไปมาเสิร์ฟก็ยกมุมปาก ก่อนจะเบนสายตากลับมามองหน้าเนียนใส ถึงเขาจะเย็นชาแข็งกระด้าง แต่ฌอนฤทธิ์ก็ผ่านโลกมาไม่น้อยสมกับฐานะและวัยสามสิบสี่ปี บอกได้เลยว่าผู้หญิงคนนี้สวยจับตาเป็นธรรมชาติแบบแม่ให้มาร้อยเปอร์เซ็นต์ ไม่มีปรุงแต่งแม้แต่น้อย แม้กระทั่งผิวเนียนใสที่แทบจะสะท้อนแสงตอนนี้ก็ของแท้ไม่มีเครื่องสำอางเจือปน ไม่ได้ใช้เอฟเฟกต์ make up like no make up หลอกตา ไหนจะปากแดงก่ำเป็นสีเชอร์รีที่น่าดูดดึงนั่นอีก แต่ก่อนที่แพรวพรรณรายจะทำสติของชายหนุ่มเลื่อนลอยไปมากกว่านี้ คนที่เคยขึงขังก็ดึงสมาธิกลับมา มองที่อาหารหลายจานเกินกว่าที่มนุษย์สองคนจะกินหมด แอบเห็นคุณหญิงคนสวยแต่กิริยาไม่น่ารักขมวดคิ้วเรียวจนชนกัน

“นี่คุณกินคีโตเหรอคะ”

หญิงสาวอดปากไม่ได้เมื่อเห็นอาหารทุกจานล้วนแต่มีไข่เป็นส่วนประกอบหลัก ถามเขาด้วยความสงสัยว่าเจ้าตัวกำลังลดน้ำหนักด้วยวิธีกินไขมันเป็นหลักหรือไม่ เพราะส่วนประกอบของอาหารมื้อนี้แปลกเกินกว่าที่คนปกติธรรมดาจะกินกัน

“ป๊าว ผมจะไปลดทำไมน้ำหนัก นี่ก็ฟิตจะแย่”

“อ้าว แล้วทำไมมีแต่ไข่ ไข่ ไข่ และก็ไข่เต็มไปหมด”

ตาหวานกวาดมอง ปกติหล่อนก็ไม่ได้เลือกกิน อาจจะเรียกได้ว่ากินไม่เลือกด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้ไม่เข้าใจตรรกะการสั่งกับข้าวของเขาเลยแม้แต่น้อย

“ก็อยากต้อนรับแบบทำให้รับรู้ว่าที่ผมปฏิเสธเรื่องคาน หวงคาน...” ชายหนุ่มตั้งใจเน้นย้ำคำนั้นให้เจ้าตัวรู้ว่าเขาได้ยินสิ่งที่หญิงสาวสาปแช่งเขา “เพราะมันเกี่ยวกับเงิน เกี่ยวกับงาน และความปลอดภัยของคนอื่น ส่วนไข่น่ะผมไม่หวงแบบที่ใครเข้าใจหรอกนะ เลยสั่งมาให้มันล้นๆ เหลือๆ แบบนี้...”

ยิ่งพูดก็ยิ่งรื่นรมย์เหมือนเห็นสีหน้าโกรธปนอายแดงก่ำด้านหน้า อดไม่ได้ที่จะรังแกเด็ก...ก็ไม่เด็ก...แต่ก็อายุน้อยกว่าเขาหลายปีจะว่าไปก็น้อยกว่าตั้งเจ็ดปี แบบนี้จะห่างกันเกินไปไหม ฌอนฤทธิ์แอบตกใจที่ทำไมเขาถึงคิดเรื่องนี้ก่อนจะยียวนแพรวพรรณรายต่อ เพราะเห็นท่าทางเอาเรื่องของหล่อนก็ยิ่งชอบใจ

“...ยิ่งถ้าเป็นไข่ผม...”

เขาใช้ปลายนิ้วเกี่ยวส้อมขึ้นมาจากที่รองจาน ควงหมุนด้วยท่าทีเหมือนกำลังเล่นกล ก่อนจะปักปลายส้อมลงกลางไข่ดาวแบบไม่สุกที่วางอยู่หน้าหม่อมราชวงศ์แพรวพรรณรายเสียงดังกึ้กจนเจ้าตัวสะดุ้งโหยง เห็นไข่แดงไหลเยิ้มออกมานองเต็มจาน

“...ยิ่งไม่หวง พร้อมให้เจาะตลอดเวลาด้วย!”

 

ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าหม่อมราชวงศ์คนสวยไม่อยู่ร่วมมื้ออาหารกับคนบ้าที่มีตำแหน่งเป็นเจ้าของโรงแรม ลุกหนีทันทีที่ชายหนุ่มเจาะไข่แดงโชว์กลางห้องอาหาร ไม่วายบ่นพึมพำกับตัวเองมาตลอดทางกลับออฟฟิศชั่วคราว ไม่ได้รู้เลยว่าอีกคนก็เดินตามหลังมา ไม่ได้เพราะจะตามมาส่ง แต่เขามีเรื่องต้องมาทางทิศนี้เหมือนกันพอดี

“คนบ้า โรคจิต ประสาทกลับแบบนี้ ไม่สงสัยเลยที่ยังเป็นโสดไม่มีแฟน ผู้หญิงดีๆ ที่ไหนใครเขาจะเอามาเป็นแฟน ใช้ชีวิตทั้งชีวิตกอดคานที่รักไปไป๊”

ก่นด่าเหมือนมีเรื่องแค้นเคืองกันมาหลายปี ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วเมื่อคืนหล่อนโทร. ไปบ่นอุบอิบใส่พี่เกด คนออกแบบสถานที่แห่งนี้ ก็ได้รับคำสอนคำเตือนต่างๆ จากรุ่นพี่ จนสงบจิตสงบใจได้เยอะ แต่พอโดนต้นเหตุรังแกทางจิตใจแบบนี้อีกครั้งก็อดที่จะเกลียดชายหนุ่มขึ้นมาอีกรอบไม่ได้ ระหว่างนั้นก็รีบซอยขายาวๆ ที่โผล่พ้นชายกางเกงยีนขาสั้นกุดแทบจะปิดแก้มก้นไม่มิด

ฌอนฤทธิ์ที่เดินตามหลังหล่อนมาขมวดคิ้วนิ่วหน้าด้วยความฉิว อยากลากมาตีให้ขึ้นปื้นแดงๆ จนไม่กล้านุ่งสั้นแบบนี้ แต่แล้วก็ต้องเกือบถลาไปรับคนที่วิ่งเหมือนสะดุดขาตัวเอง แต่ดีที่อีกฝ่ายขืนตัวกลับมาตั้งหลักได้ทัน

“เกือบไปแล้วนะเนี่ย”

แพรวพรรณรายพ่นลมฟู่ออกจากปาก รีบวิ่งต่อโดยไม่สนใจ อยากทอดระยะให้ห่างจากผู้ชายขี้แกล้งคนนั้น โดยไม่ได้รู้เลยว่าระยะห่างระหว่างเขากับหล่อนไม่ได้มากขึ้น แต่กลับยิ่งลดลง และท้ายที่สุดปลายเท้าของฌอนฤทธิ์ก็หยุดลงตรงจุดที่หญิงสาวเกือบล้มเมื่อครู่นี้ ก่อนจะยอบตัวลงชี้ให้ดนัยที่เดินตามหลังมานั่งยองๆ ตามผู้เป็นนาย และมองสิ่งที่ชายหนุ่มกำลังสื่อ เห็นรอยกระเบื้องที่ไม่เสมอกันจนเกือบทำให้เกิดอุบัติเหตุเมื่อครู่

“ทางเดินส่วนนี้ไม่เกี่ยวข้องกับส่วนที่เราให้ วี.เค. มารีโนเวต เรียกช่างของโรงแรมมาดูด้วย เดี๋ยวมีเด็ก...” พูดแบบนั้น แต่ตามองตามหลังบางของคนที่วิ่งเลี้ยวพ้นมุมตึกไปเป็นที่เรียบร้อย นึกถึงโทรศัพท์สายสำคัญที่เขาเพิ่งได้รับ

เมื่อเช้าก่อนที่จะลงมานั่งต้อนรับคุณหญิงแห่งวังวิริยา “...วิ่งไม่ดูทางแบบเมื่อกี้มาสะดุดหกล้มเอาจะยุ่ง พ่อเขาอุตส่าห์ฝากไว้ให้ดูแล”

“ครับ”

คนเป็นลูกน้องพยักหน้ารับคำ แต่ตามองตามสิ่งที่ตรึงสมาธินายไว้ ก่อนจะยิ้มแบบคนอ่านเกมออก เอ่ยปากถามความต้องการของเจ้าของโรงแรมอย่างมั่นใจว่าฌอนฤทธิ์ต้องสั่งอะไรที่เกินคาดอีกแน่ๆ แล้วก็ไม่ผิดหวัง

“แล้วคุณฌอนมีอะไรอยากให้ผมทำเป็นพิเศษอีกไหมครับ”

“บอกทีมสถาปนิกให้เข้ามารายงานความคืบหน้า พร้อมเดินตรวจงานกับผมทุกเย็น ใกล้ถึงกำหนดแล้ว ไม่ต้องการความผิดพลาดอะไรทั้งนั้น”

 

“ไปด้วยดิ แกรอหน่อยดิวะ”

แพรวพรรณรายออกปากกับวโรตม์ที่โทร. มาบอกว่าหลังจากเลิกงานในวันนี้เขามีนัดกับตฤณและเพื่อนพ้องที่เรียนหนังสือด้วยกันมา พอหญิงสาวได้ยินแบบนั้นก็อยากจะขอตามไปด้วยเพราะหลังๆ พอเริ่มทำงานก็ไม่ค่อยได้ออกไปสังสรรค์ที่ไหน อีกทั้งพรุ่งนี้ก็เป็นวันศุกร์ จะดึกดื่นอย่างไรก็นอนตื่นสายได้สมใจอยาก

“รออะไรอีก ไม่รอ กูหิว นี่ข้าวกลางวันก็ยังไม่ได้กิน”

“โหนะแก ฉันจะได้ซ้อนมอ’ไซค์ไปด้วย ให้ขึ้นรถไฟฟ้าตามไปมีหวังโดนคนทับตายอยู่ในนั้น”

ด้วยความที่วังวิริยาอยู่ห่างจากโรงแรมแห่งนี้เพียงสองสถานีรถไฟฟ้า หม่อมราชวงศ์แพรวพรรณรายเลยไม่เคยขับรถหรือให้ใครที่วังมาส่ง เพราะแค่ก้าวออกจากรั้ววัง บันไดขึ้นสถานีรถไฟฟ้าก็จ่ออยู่ตรงหน้า พอออกจากสถานีปลายทางก็ถึงโรงแรมที่กลายเป็นที่ทำงานในช่วงไม่กี่เดือนมานี่แล้ว และปกติก็เลิกงานก่อนเวลาที่คนทั่วไปจะเข้าไปแออัดในรถขนส่งสาธารณะ แต่วันนี้หลังจากได้รับการแจ้งว่าหล่อนต้องสรุปการทำงานและความคืบหน้าในแต่ละวันให้ฌอนฤทธิ์ทราบพร้อมพาเดินในแต่ละส่วนที่พร้อมส่งมอบงาน เลยทำให้หญิงสาวอดหงุดหงิดขึ้นมาไม่ได้

“ก็นั่งวินตามมาดิวะ มึงนิ เดี๋ยวนี้โตแล้วเรื่องมากนะ ตามมาๆ ร้านนี้อาหารช้า เดี๋ยวกูสั่งไว้รอ”

“ก็...” แพรวพรรณรายหน้ามุ่ย “...เดี๋ยวพวกมึงเมานำอะ เออๆ ถ้าจะให้ตามไป รอกันด้วยนะ คืนนี้ไม่หมดร้านไม่เลิก ห้ามหนีกลับก่อนนะ”

หญิงสาวยังคาดคั้นเพื่อนให้รับปาก ไม่ให้หนีกันไปก่อนเพราะรู้สันดานกันดีว่าเวลาเครื่องติด พวกมันมักจะย้ายร้านไปตามอารมณ์ หันหลังพูดโดยไม่ได้รู้เลยว่ามีใครมาหยุดยืนฟังตั้งแต่เมื่อไร ได้สติอีกทีก็ตอนที่ไฟในห้องติดๆ ดับๆ ถึงหันไปมอง เห็นเจ้าของโรงแรมยืนกดเปิด-ปิดสวิตช์ไฟเล่นก็อาศัยช่วงที่ไฟดับถลึงตาใส่เขาก่อนจะรีบตัดสาย

“เดี๋ยวเจอกันละกัน สัญญาละนะ ไปทำงานก่อน”

พูดจบก็เก็บโทรศัพท์ไว้ในย่าม ก่อนจะซุกไว้ใต้เก้าอี้ทำงาน

ฌอนฤทธิ์เลิกคิ้วเป็นเชิงถาม แต่ตามองตามกระเป๋าเก่าแทบเน่าของเจ้าตัว

“ทำไมคะ”

“ไม่เอาไปหรือไง หรือมีงานค้างต้องกลับมาทำ”

“ไม่มีหรอกค่ะ แต่ไม่รู้จะถือไปทำไม ว่าแต่...” หญิงสาวหมุนข้อมือดูเวลาบนการ์เมนต์รุ่นล่าสุด แต่ไม่แพงสุด จับวัดอัตราการเต้นของหัวใจ นับก้าวเดินรวมไปถึงการเผาผลาญแคลอรีในแต่ละวัน

“...อีกตั้งสิบห้านาทีกว่าจะถึงเวลานัด แถมคุณดนัยยังบอกว่าให้ดิฉันไปรอคุณที่ล็อบบี เดินมาทำไมตรงนี้คะ”

แพรวพรรณรายคว้าไอแพดที่มีทั้งแบบทั้งภาพสามมิติติดมือมา ในมือยังมีสมุดโน้ตเล็กๆ พร้อมปากกาที่เจ้าตัวเสียบไว้กับกระเป๋าเสื้อแจ็กเกตสีเขียวแบบเสื้อทหารพราน ก่อนจะเดินมาหยุดตรงหน้าเขาที่ยังพิงประตูอยู่

“ผมเดินผ่านมาพอดีเลยมาเรียก ไม่ดีหรือไง เริ่มเร็วเสร็จเร็ว หรืออยากอยู่กับผมนานๆ”

คนหน้านิ่งค้อมตัวลง จนหากใครมองผ่านๆ ก็คงคิดว่าชายหนุ่มกำลังจะโน้มจูบหญิงสาว

แพรวพรรณรายรีบถอยหนี เห็นก๋ากั่นเอาเรื่องแบบนี้ แต่ก็ไม่เคยโดนใครประชิดตัว

“เอ๊ะ! คุณจะทำอะไรน่ะ”

มือบางเลื่อนทั้งแท็บเล็ตทั้งสมุดจดขึ้นมาบังปาก ถลึงตาใส่เขาเป็นรอบที่เท่าไรก็ไม่รู้ แต่คนตัวโตก็มิได้นำพา มองหน้าสวยสดแบบไม่หลบ ดูคุกคามมากยิ่งขึ้นจนหญิงสาวนึกหวั่น

“บังอะไร หน้าก็ไม่สวย” ตาคมค่อยๆ เลื่อนมองต่ำ จ้องปากที่เขาอยากรู้ว่าจะหวานฉ่ำเหมือนสีปาก หรือจะเผ็ดร้อนเหมือนวาจาที่เชือดเฉือน มองต่ำลงไปที่ทรวงทรงที่ไม่เคยได้รู้ว่าเล็กใหญ่แค่ไหน เพราะเจ้าตัวมักจะใช้เสื้อผ้าทรงใหญ่ห่อหุ้มร่างกาย โผล่มาให้เห็นเฉพาะเรียวขายาวเรียกน้ำลายคนอย่างเขา ทั้งๆ ที่ขายาวขาวเรียวอย่างนางแบบหรือดาราเขาก็ฟาดมาเสียหมดแล้ว

“ปากก็ไม่ดี นมก็ไม่มี...เลิกหลงตัวเองบ้าๆ แล้วเดินตามผมมาทำงานได้แล้ว!”

 

“ก็ตามนี้แหละค่ะ ถ้าเราเข้าใจตรงกันอีกรอบ ดิฉันจะเริ่มให้เขาปิดพื้นที่สัปดาห์หน้า แต่ส่วนตรงนี้คงจะทำเฉพาะตอนกลางคืน เริ่มสามทุ่ม เก็บงานให้เสร็จก่อนหกโมงเช้า ส่วนสปาจะเริ่มทำเลยก็ได้”

พื้นที่ต้อนรับของโรงแรมจะถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน เพื่อความสะดวกในการต่อเติมปรับปรุงส่วนนี้ และเพื่อให้ยังให้บริการแขกได้ตามปกติ

“แล้วใครจะมาคุมงานตอนกลางคืน” ฌอนฤทธิ์ถาม ตอนนี้งานที่ยังไม่ได้เริ่มรีโนเวตมีแค่ส่วนล็อบบีกับสปาเท่านั้น หากไม่มีอะไรผิดพลาดช่วงระยะเวลาสองเดือนครึ่งที่เหลือก็คงเสร็จสิ้น เชื่อมั่นเชื่อมือในศักยภาพของวี.เค. คอนสตรัคชั่นที่ใช้เวลาทำโพรเจกต์นี้แค่หกเดือน แต่สามารถทำงานเสร็จได้ตามงวดงานที่กำหนดไว้ในสัญญาอย่างไม่มีบิดพลิ้ว แถมงานที่ทยอยส่งมอบก็พูดได้เลยว่าไม่มีข้อตำหนิใดๆ ทั้งสิ้น

“เอ่อ ก็ดิฉันสิคะ”

ลืมคิดไปเสียสนิทว่าในฐานะสถาปนิกประจำโครงการต้องคอยดูแลการทำงานอย่างใกล้ชิด ยิ่งโพรเจกต์ใหญ่ๆ มูลค่าสูงยิ่งปล่อยให้เกิดข้อผิดพลาดไม่ได้ อีกทั้งยังเป็นงานแรกที่หล่อนได้ดูแล แม้จะไม่ได้คุมมาตั้งแต่เริ่มต้น แต่ก็เรียกว่าได้ดูแลเกือบห้าสิบเปอร์เซ็นต์ของระยะเวลางาน

“แล้วมานั่งคุมดึกๆ ดื่นๆ แบบนี้ ตัวเองก็เป็นผู้หญิง จะไหวหรือไง”

คนตัวโตหลุบตามองสถาปนิกที่ขยันทำหน้ายุ่งใส่เขา เพลินใจไม่น้อยเวลาได้ยั่วอารมณ์ให้คนตัวเล็กมีน้ำโห เรียกว่าทำเรื่องหนักหัวที่เขาเจอมาตลอดวันเบาไปเยอะ เหลือบเห็นดนัยกำลังเดินมาทางหางตา จึงใช้แววตาอำมหิตสะกดผู้ช่วยไม่ให้เข้ามาใกล้มากกว่านี้ ยิ่งไม่พอใจมากขึ้นไปอีกเมื่อเห็นว่าทั้งแขกทั้งพนักงานเแถวนั้นมองขายาวๆ ที่ตรึงตาเขาเช่นกัน อารมณ์ที่ไม่เคยคิดว่าจะมีกลับตีขึ้นมาที่คอหอยเสียดื้อๆ อาการเหมือนจะเป็นกรดไหลย้อนเสียอย่างนั้น จนรู้สึกว่ายืนอยู่ตรงนี้อีกต่อไปแทบไม่ไหว อยากจะเดินหนีผู้คนเสียดื้อๆ

“สถาปนิกคนเก่าก็ผู้หญิง ท้องโตด้วย พี่เกดยังคุมไหว ทำไมดิฉันจะไม่ไหว”

หน้าสวยเชิดขึ้นทันทีที่โดนสบประมาท ต่อให้ต้องมานั่งเฝ้าไซต์ทั้งคืนทั้งที่ไม่ใช่ความจำเป็น แต่หล่อนก็จะทำ เพื่อไม่ให้อีตาเจ้าของโรงแรมมาปากเสียใส่ได้แบบนี้

“ก็นั่นอ้ะท้องโต แปลว่ามีลูกมีผัว พวกช่างก่อสร้างเขาก็ไม่สนใจ แต่อย่างคุณน่ะ มาเดินเพ่นพ่านในไซต์ตอนกลางคืน ไม่รู้ว่ามาล่อเสือล่อตะเข้หรือเปล่า เดี๋ยวมาสร้างคดีให้โรงแรมผมเสียหายเปล่าๆ”

น้ำเสียงดูถูกอย่างเปิดเผยเล่นเอาคุณหญิงคนสวยเลือดเดือดปุดๆ เท้าสะเอวพร้อมหันหาอีกคนทันทีอย่างพร้อมจะเม้งแตกใส่

ฌอนฤทธิ์เดาอาการออกจึงคว้าหมับเข้าที่ต้นแขนกลมกลึง แค่สัมผัสผ่านเนื้อผ้าก็รับรู้ได้ว่ามีกล้ามเนื้อแน่นสวยงาม ลากเจ้าตัวไปที่ทางเดินเล็กๆ ด้านหลังล็อบบี้ ผ่านสวนไปสู่อาคารสปาที่ทำเป็นบ้านกระจก มองเห็นแต่จากด้านในไปด้านนอก โบกมือให้เหล่าพนักงานที่มีทีท่าทีตกใจเมื่อเห็นเจ้าของโรงแรมพุ่งพรวดเข้ามาพร้อมหญิงสาวหน้าตาดี

“ทำงานต่อไป ไม่ต้องสนใจ ผมแค่พาสถาปนิกมาดูงาน”

คำพูดง่ายๆ ทำให้ทุกคนงงหนักเข้าไปอีก เพราะดูจะไม่ใช่หน้าที่ของเจ้าของโรงแรมที่จะมาทำอะไรแบบนี้ แต่ก็ไม่มีใครกล้าเอ่ยถามในสิ่งที่สงสัย พยักหน้ารับคำ ก่อนจะหลบหลีกกันไป ‘ทำงาน’ ทั้งๆ ที่ไม่มีแขกมารอใช้บริการ

“ทำบ้าอะไรเนี่ย จะดึงมาทำไม”

หญิงสาวที่แทบจะปลิวขาลอยตามแรงดึงออกอาการเต็มที่เมื่อเห็นว่าไม่มีพนักงานคนไหนสอดส่องอยู่แถวนี้

“ก็คุณนั่นแหละบ้า” ชายหนุ่มปราม “เมื่อกี้ตั้งท่าจะด่าผมกลางโรงแรมชะมะ”

ฌอนฤทธิ์ชี้หน้าหม่อมราชวงศ์แพรวพรรณรายกึ่งเอาเรื่องกึ่งหาเรื่อง อยากจะยิ้มใส่ท่าทางกระทืบมือกระทืบตีนของคนมีเลือดสีน้ำเงิน เฮี้ยวหนักจนอยากจะปราบให้หมอบราบคาบแก้ว จะเอาให้คลานเข่าเข้าหาวันละสามเวลาเลย

“ใช่ ถ้าจะด่าแล้วคุณจะทำไม คนดีๆ ที่ไหนมาหาว่าจะเดินล่อเสือล่อตะเข้ ดิฉันมาทำงาน คนอื่นก็มาทำงาน มีแต่คุณนั่นแหละคิดอะไรอกุศล จิตใจต่ำช้า สมองสนอยู่แต่เรื่องใต้สะดือ!”

มาเป็นชุด...นี่คือคำเดียวที่ฌอนฤทธิ์นึกออก แต่ทำไมไม่รู้เขากลับรื่นรมย์แปลกๆ เพิ่งรู้วันนี้ว่าการพูดกับคนอื่นเยอะๆ ก็ทำให้มีความสุขผ่อนคลายดีเหมือนกัน

“มีแต่คุณสิที่คิดอะไรอกุศลแบบนั้น คนดีๆ ที่ไหนจะมาหาว่าคนอื่นคิดแต่เรื่องใต้สะดือ”

“โอ๊ย บ้า บ้า บ้าไปกันใหญ่” ตาหวานมองเขาแบบจะกินเลือดกินเนื้อ “นี่เวรกรรมหรืออะไรฮะ ถ้าไม่มีอะไร ดิฉันขอตัว อยู่กับคุณมากๆ ประสาทจะเสีย!”

แพรวพรรณรายกะว่าจะบรีฟเรื่องสปาให้เจ้าของโรงแรมฟังในสัปดาห์หน้า หล่อนตั้งใจจะจัดการเรื่องการปิดพื้นที่ล็อบบีให้เรียบร้อยในสุดสัปดาห์ ถึงค่อยเริ่มเจรจาเรื่องการปิดปรับปรุงโซนสปา เพราะหล่อนเสนอเพิ่มเติมให้สร้างเรือนกระจกขึ้นในสวนเพื่อใช้งานเป็นสปาชั่วคราว หากสปาจริงปรับปรุงเรียบร้อย อาคารนั้นก็ยังเอาไว้ใช้ประโยชน์อื่นได้ แต่มาทรงนี้ไม่พ่งไม่พูดอะไรต่อมันแล้ว

“ขอตัวไปไหน! งานเสร็จแล้วหรือไงถึงจะปัดความรับผิดชอบ กลับบ้านดื้อๆ แบบนี้ ไม่น่าเชื่อว่าคุณพรรณพัตราจะส่งเด็กเมื่อวานซืนมาทำงาน ต้องรายงานกันหน่อยละ”

“อย่ามาบ้านะ ก็ใครล่ะที่ไม่ปล่อยให้ดิฉันพูดจนจบ ลากกันมาถึงในนี้”

“แล้วสปามันไม่ใช่ส่วนที่คุณต้องรีโนเวตด้วยหรือไง ไหนจะทำอะไรตรงไหนอย่างไร พูดมาสิ”

ชายหนุ่มเห็นอาการของแพรวพรรณรายแล้วก็ต้องยอมถอยให้ก้าวหนึ่ง กลัวดึงดันกวนประสาทมากไปเจ้าตัวจะพานเตลิดหนีกลับบ้านเสียดื้อๆ

“ใช่ แต่ยังไม่พูดวันนี้”

คนอยากรวนรวนขึ้นมาดื้อๆ ดึงไอแพดของตัวเองออกมาจากมือเขา ถือวิสาสะจบการทำงานในวันนี้

“แล้วทำไมถึงไม่พูด ทำไม” ชายหนุ่มเลิกคิ้วกวนประสาท แบบที่ดนัยซึ่งสังเกตการณ์อยู่ด้านนอกยังอดอ้าปากค้างไม่ได้ นี่มันยิ่งกว่าร่างทรงคนพูดมาก “ไม่ได้เตรียมมาหรือยังไง ผมอยากฟังวันนี้ ถ้าตอบคำถามผมไม่ได้ ผมจะได้บอกให้บริษัทคุณส่งคนอื่นมาคุมงานแทน ท่องบทมาทำงานเป็นวันๆ หรือไง จะขอเวลากลับไปเตรียมตัวก่อนไหม เสาร์-อาทิตย์สองวันพอไหม”

“โอ๊ย! เลิกบ้า เลิกดูถูกกันได้แล้ว ถึงฉันจะไม่เคยมีประสบการณ์ แต่ก็ไม่ได้โง่เง่าขนาดนั้น”

หม่อมราชวงศ์แพรวพรรณรายถลกแขนเสื้อขึ้นท่าทางเอาเรื่อง ก่อนจะกดเปิดโปรแกรมขึ้นมาให้ฌอนฤทธิ์ดูแบบของสปา สูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วยัดเยียดไอแพดให้เขาถือ อยากจะขยันในเย็นวันศุกร์ คนสู้งานอย่างแพรวพรรณรายก็พร้อมจัดให้ ตั้งใจว่าจะบรรยายอย่างละเอียดให้ฟังทั้งแปลนพื้น แปลนหลังคา จะอธิบายรูปตัด รูปด้าน แบบระบบให้หมดทุกอย่าง ดูสิว่าจะทนฟังได้สักกี่น้ำ

 

“เอ้า! ถือสิคะ อยากฟังมากนัก มาๆ ดิฉันจะบรรยายให้ฟัง หวังว่าเจ้าของโรงแรมอย่างคุณคงมีเวลานานพอนะคะ”

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น