10

บทที่ 10


10

 

หญิงสาวห่อตัวร้องไห้เงียบๆ อยู่บนรถคันหรู นานเท่าไรไม่รู้ที่ปล่อยให้เรื่องราวคืบคลานเข้ามากระทบอารมณ์และระบายออกเป็นน้ำตา ครุ่นคิดถึงการไปให้พ้นจากขุนพล เขาอาจจะยุ่งยากเพราะเธอได้อีกหากปานธีรากับแพรนันท์ไม่ยอมหยุด กันย์ณิตาใกล้จะเรียนจบก็จริง แต่เธอไม่อยากให้น้องสาวพบเจอเหตุการณ์อย่างที่เธอเจอ มันโหดร้ายเกินไป ถ้าไม่มีขุนพล ปานธีรากับแพรนันท์คงจะเปลื้องผ้าเธอประจานต่อหน้าผู้คนนับร้อยที่มีคนรอถ่ายคลิปเกินครึ่งร้อย

รถแล่นมาตามถนนที่โล่งกว่าตอนหัวค่ำ อัยย์ศยาซุกตัวปล่อยน้ำตาไหลเงียบๆ เริ่มรู้สึกแสบระบมใบหน้าและตามท่อนแขน จนกระทั่งรถหยุดลง รอบกายมีแต่ความมืด อัยย์ศยาขยับกายที่กำลังปวดแปลบ โดยเฉพาะตรงขั้วหัวใจพลางกลั้นสะอื้น พยายามไม่ทำตัวให้ขุนพลตะโกนใส่หน้าว่าสำออย เขาคงเตรียมระเบิดอารมณ์ไล่เธอลงจากรถเหมือนครั้งก่อน

“จะไปไหนไหม” เสียงเข้มถามขึ้นตอนที่เห็นร่างบางหันไปเปิดประตู ดีที่เขากดล็อกอัตโนมัติเอาไว้ทัน

“คุณอิฐ จะให้ไหมกลับเองไม่ใช่เหรอคะ”

ขุนพลกัดริมฝีปากสลับการกัดฟันอยู่ชั่วอึดใจ เขามองใบหน้าเปรอะน้ำตา ผิวเนียนผ่องนั้นเต็มไปด้วยริ้วรอยที่เหมือนคมหนามแหลมจากนรกโลกันตร์ มันกำลังบีบบิดหัวใจเขาจนแทบปริแตกตลอดเวลาตั้งแต่ขับรถออกจากร้านนั่นเขาครุ่นคิดมาตลอด และวันนี้เขาต้องเค้นเอาความจริงจากคนปากแข็งให้ได้

“คุณไม่รู้จักไอ้สารเลวนั่น!”

อัยย์ศยาจ้องเขาเหมือนไม่เชื่อหูตัวเอง อย่างน้อยขุนพลก็ไม่ใจดำไล่เธอให้กลับแท็กซี่เอง ทว่าประโยคที่เขาพูดออกมาทำให้อัยย์ศยาเม้มปากแน่น

ขุนพลกระชากแขนเธอไม่ได้แรงนัก แต่ก็ทำให้คนที่ไม่ทันตั้งตัวปลิวไปปะทะแผงอกที่กระเพื่อมไหวรุนแรง ชายหนุ่มโน้มใบหน้าลงมาจนลมหายใจร้อนที่เจือกลิ่นสุรารดผิวหน้านวล “บอกผมมานะไหม ผมคิดมาสักพักแล้ว ตั้งแต่คุณบอกผมว่ามันเป็นผู้ชายแก่คราวพ่อ คุณโกหกอะไรผมอยู่!”

อัยย์ศยาร้อนวูบวาบแข่งกับหัวใจที่หน่วงหนึบ “ไหมไม่ได้โกหกค่ะคุณอิฐ ไหมแค่...”

“โกหก! คุณยังกล้าโกหกผมอีกเหรอ คุณจะทำให้ผมเป็นบ้าตายหรือไง ไหม!” หัวใจเหมือนถูกบีบรัดจนแทบหายใจไม่ออก ก้ำกึ่งระหว่างความโกรธที่ตัวเองทำให้อัยย์ศยาถูกทำร้ายกับโกรธที่หญิงสาวปฏิเสธความหวังริบหรี่ในหัวใจ

“ไหมไม่ได้โกหก ถ้าไหมไม่ได้ทำอะไรแบบนั้นจริง ไหมจะยอมให้คุณปานธีรากับลูกตบตีไหมทำไมคะ”

“เพราะคุณมันโง่!” ขุนพลใช้มือข้างที่ว่างชี้หน้าหญิงสาวที่น้ำตาร่วงเผาะ ชายหนุ่มสูดลมหายใจเข้าครั้งแล้วครั้งเล่า “คุณยอมให้คนพวกนั้นทำร้ายคุณราวกับสัตว์ป่าแบบนี้ได้ยังไง! ทำไมคุณไม่สู้ ทำไม...”

“ถ้าคุณอิฐมีมนุษยธรรม ทำไมคุณอิฐไม่เคยช่วยไหม...”

“เพราะคุณมันอวดดีไงไหม คุณมันเป็นคนน่าสมเพช!” ขุนพลระเบิดอารมณ์ใส่อัยย์ศยาที่น้ำตาร่วงไม่หยุด เขาทั้งสะเทือนใจและสับสน “คุณถูกตบตี ถูกทำร้าย คนพวกนั้นเกือบจะฆ่าคุณให้ตายทั้งเป็น แต่คุณก็ยังไม่คิดจะสู้ ไม่คิดจะปกป้องตัวเอง แล้วคุณจะมาหวังการปกป้องจากคนอื่นได้ยังไง ไหม!” เขาทำเสียงสูงอย่างดูแคลน จนอัยย์ศยาสะอื้นฮักออกมาอย่างคนที่สิ้นสุดความอดกลั้น

หญิงสาวหันไปตะเบ็งเสียงใส่เจ้านายอย่างเหลืออด เขาจะไล่เธอออกก็ช่าง เพราะขุนพลเลือดเย็นกับเธอเกินไป “คุณอิฐรู้จักคุณปรนัย แต่คุณก็ยังเรียกไหมออกมา คุณอิฐต้องการอะไรคะ”

ขุนพลตัวชาไปในเสี้ยวนาทีนั้น เขามองใบหน้าเจ็บปวดของอัยย์ศยาแล้วสะท้านเยือกไปถึงไขสันหลัง มือไม้พานอ่อนแรง ปากที่เคยเปล่งเสียงต่อว่าอยู่ก่อนหน้าเหมือนถูกฉีดยาชาจนหนักอึ้ง

“ผม...” ชายหนุ่มหายใจหอบแรง กัดริมฝีปากแน่น

“คุณอิฐอยากเห็นไหมอยู่ในสภาพน่าสมเพชเพื่อที่คุณจะได้หัวเราะเยาะ จะได้ด่าซ้ำเติมไหมใช่ไหมคะ”

“ไหม มันไม่ใช่ คือ...” พอถูกอัยย์ศยาดักทางได้แม้จะไม่จริงขุนพลก็ถึงกับพูดไม่ออก ความรู้สึกผิดไหลบ่าท่วมใจยามที่มองร่างบอบบางสะอื้นจนทั้งกายสั่นไหว

“ที่ผ่านมา ไหมทำงานกับคุณอิฐด้วยความซื่อสัตย์ คุณอิฐจะเหยียบย่ำน้ำใจไหมไปบ้าง ไหมก็อดทน เพราะไหมยังศรัทธาในตัวคุณอิฐนะคะ แต่ทำไมคุณอิฐถึงได้ใจร้าย ถ้าคุณอยากเห็นไหมเจ็บ คุณตบตีไหมด้วยมือคุณเองก็ได้”

“ไหม...” คำตัดพ้อต่อว่าของหญิงสาวทำให้ขุนพลใบ้กิน ป่านนี้หัวใจเขาคงจะขาดเป็นริ้วๆ เสียแล้ว ชายหนุ่มเม้มปากแน่น หลุบตามองมือตัวเองที่วางอยู่บนบ่าเล็ก ส่วนอีกข้างเริ่มบวมแดงเพราะถูกส้นรองเท้ากระแทก

“ผมเหรอจะตบตีคุณ” เขาถามเสียงต่ำพร่า ไหล่บางที่มือเขาจับอยู่ยิ่งสั่นสะท้านตามแรงสะอึกสะอื้น นี่หรือสิ่งที่เขาอยากเห็น

ขุนพลยอมรับว่าอารมณ์ชั่ววูบทำให้เขาอยากให้อัยย์ศยามาอยู่เคียงข้างต่อหน้าปรนัย และอยากรู้ด้วยว่าอัยย์ศยายังมีเยื่อใยกับผู้ชายมักมากคนนั้นอยู่หรือเปล่า เขาปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเขาเป็นต้นเหตุที่ทำให้เหตุการณ์เลยเถิด ทั้งที่อัยย์ศยาเลิกรากับปรนัยมานานแล้ว คิดถึงตรงนี้ใจเขาสั่นระรัวด้วยความรู้สึกใหม่

ความจริงอัยย์ศยาไม่รู้จักปรนัยเลยด้วยซ้ำ เขาปล่อยให้อารมณ์หึงหวงอยากเอาชนะมาบดบังดวงตากว่าสามปี ถึงแม้หญิงสาวจะปากแข็ง แต่เขาเริ่มมั่นใจว่าอัยย์ศยากำลังโกหก

“ผมขอโทษ”

“ไหมไม่ไหวแล้วค่ะ ไหมขออนุญาตลางานสักสองสามวันนะคะ” เธอพยายามปาดน้ำตาทิ้ง แต่มันก็ยังหลั่งรินไม่หยุดเสียที “ช่วยกรุณาไปส่งไหมที่บ้านด้วยนะคะ ไหมไม่อยากกลับแท็กซี่ กลัวว่าสภาพแบบนี้ ไหมอาจจะโชคร้ายถูกข่มขืนซ้ำ แล้วจะกลับไปทำงานไม่ทันวันลา กรุณาด้วยค่ะ”

                นี่ใช่ไหมสิ่งที่ขุนพลต้องการ เล่นสนุกกับศักดิ์ศรีของเธอ

                พวงแก้มอิ่มขึ้นรอยช้ำจากฝ่ามือของสองแม่ลูก หน้าผากมีรอยเล็กๆ จากการกระแทกมุมโต๊ะ ริมฝีปากมีเลือดซึม ภาพความอ่อนโยนของเธอที่ทำให้เขามากมายในระยะเวลาสามปีไม่อาจเลือนหายไปจากใจเขาได้ และตอนนี้อัยย์ศยากำลังกลั้นสะอื้น หันมากระพุ่มมือสั่นเทาไหว้เขา

                “ไปส่งไหมที่บ้านนะคะคุณอิฐ”

                “ไหม” ขุนพลทนอยู่หลังกำแพงที่สร้างขึ้นมาไม่ไหว เขารั้งร่างบอบบางเข้าหา โอบกระชับหญิงสาวไว้ในอ้อมอก มือใหญ่ข้างหนึ่งลูบหลัง อีกข้างลูบศีรษะปลอบโยน

                ตอนนี้อัยย์ศยากำลังเสียใจและเสียขวัญอย่างมาก ชายหนุ่มปล่อยให้อัยย์ศยาร้องไห้กับอกเขาครู่หนึ่งจึงค่อยๆ ดันเธอออกห่าง ประคับประคองให้แผ่นหลังบอบบางแนบกับพนักเบาะนุ่ม 

                “คุณอิฐ ไหมอยากกลับบ้านค่ะ” เธอบอกเขาเสียงสั่นเครือ

                “ครับ”

                หญิงสาวเอนกายราบกับเบาะรถ เพียงเขารับคำสั้นๆ เธอก็พอใจแล้ว

                ขุนพลขับรถออกจากริมทางด้วยความหน่วงใจ ความขัดแย้งอย่างรุนแรงกำลังอัดแน่นในอกทำลายกำแพงเย็นชาให้ค่อยๆ หลอมละลาย หลายครั้งที่เขาเหลือบมองร่างแบบบางที่พิงศีรษะ น้ำตาไหล ดวงตาทอดไปไกลจนเขาอดสงสัยไม่ได้ ว่าอัยย์ศยากำลังทอดสายตาไปหยุด ณ ที่แห่งใด

                รอยฟกช้ำบนใบหน้า วันพรุ่งนี้คงระบมขึ้นกว่าเดิม ชายหนุ่มตัดสินใจขับรถไปคอนโดของเขาแทนที่จะเป็นบ้านหญิงสาว

               

                “คุณอิฐคะ” อัยย์ศยาปาดน้ำตาลวกๆ เหลียวมองรอบกายแล้วหันมามองเขาอย่างคนสิ้นหวัง “คุณจะไม่มีน้ำใจให้ไหมเลยเหรอคะ คุณก็เห็นว่าสภาพไหมเป็นแบบนี้ ไหมจะกลับบ้านเองได้ยังไง” เสียงหวานสั่นเครือขณะที่ขุนพลยังขับรถวนขึ้นไปบนลานจอดรถคอนโดมิเนียมหรูของเขา และจอดตรงชั้นที่มีลิฟต์อยู่เบื้องหน้า อัยย์ศยาโกรธเขาเป็นริ้วร้อนในใจแต่เธอทำได้แค่ข่มกลั้นเอาไว้ “โอเคค่ะ ไหมจะขอร้องคนใจดำอย่างคุณ แค่ครั้งนี้ครั้งเดียว”

                “คุณจะกลับบ้านได้ยังไงไหม หน้าตาคุณช้ำไปหมดแบบนี้ คุณจะบอกครอบครัวคุณว่ายังไง” น้ำเสียงเขาหงุดหงิด แต่ก็อ่อนนุ่มจนอัยย์ศยาได้แต่อ้าปากค้าง ปลายนิ้วเรียวเคลื่อนมาแตะตามใบหน้าที่เปียกชื้นด้วยน้ำตา ขุนพลใจอ่อนสุดจะหักห้าม “ไหม...”

หญิงสาวกลอกตา แล้วหยุดที่ใบหน้าหล่อเหลาที่ใกล้เพียงคืบ ลมหายใจอุ่นรดผิวหน้าของเธอจนพูดอะไรไม่ออก

                “อยู่ที่นี่สักสามสี่วัน แล้วโทร. ไปบอกที่บ้านว่ามีงานด่วนต้องไปจัดการที่ต่างจังหวัด”

                อัยย์ศยากังวลใจ แต่พอนึกตามเหตุผลที่เขาพูดมาทั้งหมดก็เห็นด้วย และตอนนี้เธอเหนื่อยจนอยากนอนพักคิดอะไรเงียบๆ ตามลำพัง จึงยอมพยักหน้าแล้วเดินตามขุนพลขึ้นไปยังคอนโดส่วนตัวราคาครึ่งร้อยล้านของเขา

                เขาพาเธอขึ้นบันไดหลายขั้นแล้วเปิดประตูห้องนอนให้ อัยย์ศยาสูดลมหายใจลึก เธอเคยมาคอนโดของเจ้านายหนุ่มหลายครั้ง นึกถึงวันที่เขาพาปาลินมาที่นี่แล้วพลอดรักกันต่อหน้าเธอ หญิงสาวก็อดกวาดตามองหาคราบราคีคาวที่พวกเขาทิ้งไว้ไม่ได้

                “ไม่ต้องขยะแขยงผมหรอก ผมเคยพาผู้หญิงมานอนที่นี่ก็จริง แต่ห้องนี้ยังไม่เคยพาใครมานอน” ขุนพลเดาความคิดเธอออก เขาเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า ซึ่งมีผ้าเช็ดตัววางพับไว้ และเสื้อผ้าของเขาที่รีดเก็บไว้ไม่กี่ชุด ชายหนุ่มดึงเสื้อเชิ้ตสีขาวแขนสั้นออกมายื่นให้คนที่นั่งนิ่งอยู่ปลายเตียง “อาบน้ำแล้วใส่นี่ไปก่อนแล้วกัน ผมพาผู้หญิงมานอนด้วยบ่อยๆ ก็จริง แต่ผมไม่มีหรอกนะ ชุดนอน ชุดชั้นในอะไรพวกนั้น พรุ่งนี้ผมจะ...”

                อัยย์ศยามองเสื้อเชิ้ตแบรนด์ดังที่เธอเคยไปซื้อกับเขาบ่อยๆ แล้วแก้มร้อนขึ้นมาทันที ถึงเนื้อผ้ามันจะดีพอใส่นอนได้สบายๆ แต่มันไม่ค่อยมิดชิด ทว่านาทีนี้หญิงสาวไม่มีทางเลือก เธอจึงเอื้อมมือไปหยิบเสื้อของเขาแล้วลุกขึ้นหมายจะเดินเข้าห้องน้ำไปให้พ้นหน้าพ้นตาขุนพล

                “เอ๊ะ!” เขาดึงเสื้อกลับคืนจนอัยย์ศยาเสียหลักถลาเข้าหาแผงอกกว้าง หญิงสาวทำเสียงไม่พอใจ คิ้วเรียวพันกันยุ่งเหยิง ช้อนตาขุ่นเคืองมองคนที่ยิ้มใส่เธอแล้วโน้มใบหน้าลงมาจนปากแทบจะแตะลงบนริมฝีปากของเธออยู่แล้ว อัยย์ศยาถอยเท้าหนีด้วยความประหวั่นพรั่นพรึง “คุณอิฐ”

                ชายหนุ่มไม่ได้พูดอะไร เขาดึงเสื้อไว้แล้วสำรวจรอยแผลบนใบหน้าของอัยย์ศยา ก่อนจะหยุดที่ดวงตากลมสวย หวานซึ้งแต่เต็มไปด้วยความเด็ดเดี่ยวดั่งคนเย่อหยิ่ง เขาเคยชินกับภาพแบบนั้นจนบางครั้งก็อยากเอาชนะ ทว่าเมื่อนึกถึงสีหน้าหวาดกลัว ดวงตาหวาดหวั่น เสียงร้องขอที่ชวนเวทนาของอัยย์ศยาเมื่อครู่ เขากลับปวดแปลบเหมือนถูกเหล็กแหลมเสียดอก

                โดยไม่รอให้หญิงสาวได้ขืนตัวหนี เขาแนบหน้าลงกับหน้าผากของเธอ ปล่อยเสื้อเชิ้ตลงพื้นแล้วเลื่อนมือมาประคองใบหน้าสวยเอาไว้แล้วพึมพำแผ่วเบาด้วยถ้อยคำที่เขากลั่นออกมาจากหัวใจ “ผมขอโทษ”

               

                เช้าวันเสาร์ซึ่งทุกคนในครอบครัวควรจะได้อยู่อย่างพร้อมหน้าพร้อมตา จุฑามาศกลับได้รับโทรศัพท์จากลูกสาวว่าต้องไปทำงานกับขุนพลที่ต่างจังหวัดสองสามวัน หลังซักถามจนเข้าใจแล้วจุฑามาศก็เดินออกจากครัวมาพบกันย์ณิตาซึ่งกำลังนั่งตอบแชตลูกค้าที่สั่งซื้อครีมบำรุงผิวและสินค้าอื่นๆ ซึ่งหลานสาวสุดที่รักกำลังทำอย่างเป็นล่ำเป็นสัน

                อุดมยืนบิดกายในท่ากายบริหารอย่างง่ายพลางจิบกาแฟอย่างรื่นรมย์ พอหันมาได้ยินภรรยาพูดกับหลานสาวว่าอัยย์ศยาไปทำงานต่างจังหวัดก็ปรี่เข้ามาร่วมวงทันที

“คิดแล้วก็โมโหไอ้ขุนพลนัก มันใช้งานลูกเรายังกับทาส!” อุดมเปิดฉากด่าพลางทำท่าเข่นเขี้ยวเมื่อนึกถึงขุนพล

                “ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะคุณ คุณอิฐน่ะมีงานเร่งด่วนเลยเรียกไหมไปช่วย ตอนนี้ก็อยู่หัวหิน อีกสองสามวันถึงจะกลับค่ะ” จุฑามาศลูบแขนสามีอย่างเตือนให้ใจเย็น ขุนพลออกจะนิสัยดี อัยย์ศยาก็ทำงานกับเขามานานแล้ว ถ้าสองคนนั้นจะผูกพันรักใคร่กันก็ไม่เห็นจะแปลก

                “สองสามวันเหรอ!” อุดมฮึดฮัด “นี่มันเห็นลูกเราเป็นอะไร ลากไปลากมา เมื่อคืนก็โทร. ตามออกไปตอนสี่ทุ่ม ผมต้องทำงานให้มากกว่านี้แล้ว ไหมจะได้ไม่ต้องไปเป็นทาสไอ้ขุนพล”

                “ลุงขา” กันย์ณิตาลากเสียงเรียกชายที่กำลังหัวเสีย “ลุงเป็นนักลงทุนไม่ใช่เหรอคะ ทำไมไม่รู้จักมองให้เห็นประโยชน์ที่ตัวเองจะได้ คุณอิฐน่ะเป็นเซียนหุ้นนะลุง มีธุรกิจมากมายที่เขาเป็นหุ้นส่วน มีบริษัทเวิลด์เฮาส์เป็นของตัวเอง แล้วที่สำคัญลุงรู้ไหมว่า คุณอิฐน่ะเขาเป็นที่ปรึกษาด้านการตลาดคนสำคัญของเจ้าสัวดิเรกนะคะ”

                สิ่งที่หลานสาวตอกย้ำทำให้อุดมนิ่งไปเล็กน้อย แต่ถึงอย่างไรเขาก็ไม่ชอบหน้าขุนพล หลายครั้งที่เขาเห็นอัยย์ศยาออกไปงานเลี้ยงกับเจ้านาย แต่ขุนพลกลับไม่มีน้ำใจ ปล่อยให้อัยย์ศยานั่งแท็กซี่กลับเอง เขาเขม่นหน้าขุนพลตั้งแต่อัยย์ศยาไปทำงานกับหมอนั่นแรกๆ แล้ว อุดมพ่นลมหายใจอย่างหงุดหงิด

                “เอาเถอะน่าพี่ปก คุณอิฐเป็นคนดี มัทเชื่อใจคุณอิฐค่ะ”

                “หวงลูกสาวไม่เข้าท่า” กันย์ณิตาว่าแล้วหัวเราะคิกคักกับป้าที่หันมาสบตา “ถ้าได้คุณอิฐเป็นพี่เขย เอิงจะรำแก้บนหน้าศาลพระภูมิบ้านเราเลยค่ะลุง”

                “ยายเอิง! อย่าแก่แดด ถ้าพ่อยังไม่รวยเหมือนเดิม ไหมก็ยังไม่ต้องแต่งงานไปเป็นสะใภ้ให้ใครเขาดูถูก รวมทั้งแกด้วยนะตัวแสบ! ถ้าเป็นผู้ชายดีๆ แบบคุณตั้มก็ว่าไปอย่าง” อุดมเดินลงส้นอย่างหงุดหงิด พอผ่านหลานสาวที่หัวเราะคิกคักก็เอามือดันศีรษะอย่างมันเขี้ยวแล้วเดินขึ้นบันไดบ้านไป ทิ้งให้กันย์ณิตาหันไปมองจุฑามาศผู้เหนื่อยหน่ายใจกับสามี

                กระทั่งป้ากับลุงแยกย้ายกันไปทำกิจกรรมในวันหยุด จุฑามาศหายเข้าไปในห้องเพื่อคุยโทรศัพท์กับลูกค้าและอ่านนิตยสารที่ชื่นชอบ ส่วนอุดมก็สาละวนกับการตัดแต่งกิ่งไม้รอบบ้าน ขณะที่กันย์ณิตากำลังนึกเบื่อจึงคิดจะโทร. หาเพื่อนสักคนชวนออกไปข้างนอก ข้อความจากโทรศัพท์ก็ดังขึ้นเสียก่อน หญิงสาวเปิดคลิปวิดีโอสั้นๆ ที่ถูกส่งมาจากเพื่อนเก่าที่เธอเอาตัวออกห่างมาได้สักพักตามคำขอของอัยย์ศยา

                เอิง แกดูคลิปนี้สิ มีคนแชร์มา อีแก่เมียพี่ต่อตามไปตบกิ๊กผัวถึงร้านอาหารหรู ผู้หญิงในคลิปแม่งไม่ได้สู้สักแอะ อีสองแม่ลูกรุมทึ้งแทบจะแก้ผ้าประจาน ท่าทางอีสองคนนี้จะบ้าไปใหญ่แล้ว แต่มันมืดเลยมองหน้าผู้หญิงที่ถูกรุมไม่ชัด

            คนอื่นมองไม่ชัด แต่กันย์ณิตาจำได้ทันทีที่เห็น คิ้วเรียวขมวดมุ่น ใจเต้นแรงแทบทะลุทรวงอก คลิปวิดีโอความยาวเกือบหนึ่งนาทีทำให้หัวใจเธอเหมือนถูกบีบบิดจนเกือบขาด บรรยากาศสลัวแทบมองไม่รู้ว่าใครเป็นใคร แต่เธอจำชุดที่อัยย์ศยาสวมอยู่ได้ มันเป็นชุดเดรสที่เธอไปซื้อด้วยกันกับพี่สาว

                กันย์ณิตากลั้นเสียงสะอื้นด้วยการกัดริมฝีปากตัวเอง เห็นสองแม่ลูกรุมกระชากตบตีพี่สาวของเธอ แพรนันท์พยายามจะทึ้งดึงเสื้อผ้าพี่สาวที่กระเซอะกระเซิงอยู่บนพื้น ในมือที่ส่ายไปมาของปานธีรามีขวดเบียร์ปากฉลามอยู่ด้วย กันย์ณิตาปวดหน่วงในอกจนแทบจะกรีดร้องออกมา เธอกดดูคลิปสั้นๆ นั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพื่อสะสมความเกลียดชังและโกรธแค้นลงในอารมณ์

                เรื่องราวมันควรจะจบ แต่ปานธีรากับแพรนันท์ไม่อยากจบเอง แม้จะรับปากพี่สาวไว้เป็นมั่นเหมาะ แต่นาทีนี้กันย์ณิตาถูกความโกรธแค้นเข้าครอบงำ การกระทำโง่ๆ ของสองแม่ลูกนั่นจะต้องได้รับผลกรรมอย่างสาสม!

                ไม่มีใครรู้ว่ากันย์ณิตาคิดอะไร เธอมีแผนมากมาย หญิงสาวรู้ว่าอัยย์ศยาโกหกเรื่องไปทำงานที่หัวหิน ขุนพลคงพาพี่สาวของเธอหลบไปเพื่อจะได้ไม่ต้องพาใบหน้าบวมช้ำไปให้ใครเห็น คนโง่ก็ยังมองออกว่าขุนพลให้ความสำคัญแก่อัยย์ศยาเกินเจ้านายกับลูกน้อง แต่เธอมองออกมากกว่านั้น ที่ขุนพลสร้างกำแพงขวางตัวเองกับอัยย์ศยาก็เพราะเรื่องน่าอับอายที่พี่สาวต้องรับผิดแทนเธอ ถ้าอัยย์ศยาอ้างว่าสิ่งที่กำลังทำเป็นหน้าที่ของพี่สาว กันย์ณิตาก็จะทำหน้าที่ของน้องสาวตอบแทนเช่นกัน

 

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น