11

บทที่ 11


 

11

 

                ขุนพลออกจากคอนโดเพื่อมาเข้าประชุมกับผู้ถือหุ้นและกรรมการคนอื่นๆ ตั้งแต่เช้า เขาไม่อยากรบกวนการพักผ่อนของอัยย์ศยา การประชุมกินเวลายาวนานจนเกือบสิบเอ็ดโมง ชายหนุ่มเดินกลับมาถึงหน้าห้องทำงานโดยมีกมลพรหอบข้าวของตามหลังมาสีหน้าอิดโรย

                “คุณอิฐคะ” อารดาลุกขึ้นยืนเรียกเจ้านายหนุ่มก่อนที่เขาจะผ่านหน้าเธอไป “มีผู้หญิงมาขอพบคุณอิฐค่ะ แอมให้รออยู่ที่ห้องรับแขก ให้เข้าพบได้หรือเปล่าคะ”

                “ใคร”

                “เธอแจ้งว่า ชื่อกันย์ณิตา”

                ขุนพลหยุดคิดก่อนพยักหน้าอนุญาตแล้วเดินเข้าห้องทำงานส่วนตัว ครู่เดียวอารดาก็พาหญิงสาวในชุดนักศึกษามาพบ เธอมีรูปร่างสูงเพรียว ใบหน้าสวยคม ผิวขาวอมชมพู ผมสลวยดัดเป็นลอนตามสมัยนิยมเสริมให้บุคลิกดูน่ามองยิ่งขึ้น เธอสวยระดับที่เป็นดาราได้เลยทีเดียว

                “คุณมาขอพบผม มีเรื่องอะไรรึเปล่าครับ” เขาคุ้นหน้าแต่นึกไม่ออกว่าเคยเห็นเธอที่ไหน ใจเขาตอนนี้พะวงไปถึงคนที่คอนโด

                ผู้หญิงตรงหน้าไหว้เขาอย่างนอบน้อมแล้วเดินมานั่งบนเก้าอี้ตรงข้าม

                “เอิงเป็นน้องพี่ไหมค่ะ”

                ขุนพลเลิกคิ้ว เขาตื่นเต้นเลยทีเดียว แต่เก็บอาการมิดชิดด้วยมาดนิ่งๆ รอให้หญิงสาวตรงหน้าพูดออกมาเสียเองโดยที่เขาไม่ต้องแสดงท่าทีอะไรออกไปก่อน “ครับ”

                “พี่ไหมไปทำงานที่หัวหินเหรอคะ” กันย์ณิตายิ้มตบท้ายประโยค หญิงสาวไม่ค่อยคุ้นชินกับบุคคลระดับผู้บริหารจนทำให้เธอเกร็ง แต่เธอรู้จักที่จะใช้ความจริงใจต่อหน้าคนเหล่านี้ ขุนพลก็เช่นกัน เขาไว้ตัวและจะไม่ยอมเปิดปากหากว่าเขายังไม่ไว้ใจ “เอาเป็นว่า เอิงไม่เชื่อ เอิงเห็นคลิปนี้”

                ขุนพลยื่นหน้ามาดูคลิปวิดีโอที่กันย์ณิตาเลื่อนมาบนโต๊ะทำงานตัวยาว เสียงหวีดร้องของอัยย์ศยาพุ่งเข้ากระแทกโสตประสาทของเขา ภาพที่พยายามจะลืมกลับมาทำให้เขาปวดแสบในอกจนใบหน้าแดงก่ำ

                “พี่ไหมเป็นยังไงบ้างคะ”

                “ใครส่งคลิปให้คุณ” เขาถามกลับ จ้องหน้ากันย์ณิตานิ่ง เขาเคยเจอผู้หญิงมามากมายหลายแบบ ทั้งเจ้ามารยาอย่างปาลิน แมนๆ อย่างนรีสุดา และเห็นแก่ตัวอย่างเปรมพลอย

                ชายหนุ่มกดยิ้มเล็กน้อยให้สาวสวยตรงหน้า เขาคิดว่าพิมพ์พราวเป็นหญิงสาวที่ฉลาดเป็นกรดแล้ว แต่ถ้าเทียบกับคนตรงหน้า กันย์ณิตามีครบทุกอย่าง เธอทั้งฉลาด เท่าทันคน และยังเต็มไปด้วยจริตมารยาอันพึงมีของสตรี

                “คุณอิฐทำหน้าเหมือนคนที่ถูกทำร้ายในคลิปนี่เป็นตัวคุณเองเลยนะคะ”

                ขุนพลถูกยอกย้อนก็เริ่มเก็บอาการไม่อยู่ คนเรานี่ก็แปลก เห็นความเจ็บปวดอับอายของคนอื่นเป็นเรื่องบันเทิงใจ

                “ผมถามว่าใครส่งคลิปมาให้คุณ คุณทนดูไอ้คลิปบ้าๆ นี่ได้ยังไง”

                “แล้วทำไมคุณอิฐถึงทนไม่ได้ล่ะคะ” กันย์ณิตาสู้สายตาขุนพล ก็แค่ทำให้เขาก้าวข้ามภาพลักษณ์ที่เข้าปั้นแต่งให้ภายนอกเห็นเธอก็จะชนะ ตอนนี้เธอได้เห็นแววตาที่เต็มไปด้วยอารมณ์เจ็บช้ำของชายหนุ่มที่ลุกขึ้นเท้าขอบโต๊ะแล้วจ้องหน้าเธอ

                ก่อนจะบอกความลับที่ตั้งใจกับเขา กันย์ณิตาต้องการเค้นเอาความลับที่ขุนพลยังไม่เคยยอมรับแม้แต่กับตัวเองออกมาเสียก่อน เธอจะไม่ทำพลาดเพราะมองโลกแต่ในแง่ตัวเองอีกต่อไป ที่สำคัญอัยย์ศยาจะต้องไม่โกรธเธอ

                “ผมจะไม่ทนให้คนของผมถูกทำร้ายเหมือนสัตว์ป่าแบบนี้อีก บอกคนที่ส่งคลิปนี้มาให้คุณลบมันออกก่อนที่ผมจะตามฟ้องให้หมดทุกคน!”

                “คุณอิฐ อย่าตีโพยตีพายไปสิคะ คิดว่าเอิงรู้สึกยังไงเวลาเห็นพี่สาวตัวเองถูกกระทำเหมือนไม่ใช่คน ทั้งที่พี่ไหมมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี มีจิตใจที่สูงส่งมากกว่าสองคนแม่ลูกนั่นซะอีก” กันย์ณิตาพูดเน้นคำ ไม่ละสายตาไปจากใบหน้าหล่อเหลาที่เต็มไปร่องรอยโทสะ

                เธอมองไม่ผิดหรอก หากขุนพลขาดสติอีกนิดเขาคงจะกระโจนเข้าไปขย้ำคนที่ทำร้ายพี่สาวของเธอ แต่คนอย่างเขามันถูกคำว่าชื่อเสียง เงินตราค้ำคออยู่ หญิงสาวแค่นยิ้มออกมาทันที “คุณอิฐมีกำแพงอะไรค้ำคออยู่เหรอคะ”

                “ผมไม่ใช่เพื่อนเล่นคุณ”

                แทนที่หญิงสาวจะโกรธ เธอกลับหัวเราะ “เอิงไม่ได้มาเล่นๆ เอิงจะเอาบางอย่างมาให้คุณอิฐ”

                “อะไร” ขุนพลถามเสียงกระชาก แต่กันย์ณิตายังไม่ทันได้ตอบ เปรมพลอยก็ถือวิสาสะเปิดประตูห้องทำงานเข้ามา แล้วมองหญิงสาวในชุดนักศึกษาด้วยสายตาวาววับ ก่อนจะหันมาปั้นยิ้มให้ขุนพลที่รู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันที

                “เห็นข้างนอกบอกว่าคุณมีแขก สัมภาษณ์งานเด็กอยู่เหรอคะ”

                “คุณพลอย” ขุนพลไม่รู้จะเอ่ยกับเปรมพลอยอย่างไร เมื่อหญิงสาวเดินเข้ามายืนข้างเขาแล้วคว้าแขนไปควง

                “เที่ยงแล้วค่ะ ไปกินข้าวกัน” เปรมพลอยปรายตามองกันย์ณิตาที่เจือยิ้มในสีหน้าแล้วลุกขึ้น ยิ้มมากกว่าอีกฝ่ายเล็กน้อยตอนที่หันไปมองหน้าขุนพล

                “ขอบคุณที่ให้โอกาสได้พูดคุยนะคะคุณอิฐ สวัสดีค่ะ” กันย์ณิตาไม่อยากยืนประกอบฉากเลิฟซีนที่เปรมพลอยคงจะทำแน่หากเธอไม่ออกไป จึงกล่าวลาชายหนุ่มและไหว้เขาเพียงคนเดียว ก่อนจะเดินออกไปหลบอยู่ในมุมหนึ่งจนเห็นขุนพลกับเปรมพลอยเดินออกไปด้วยกัน

                กันย์ณิตาถอนใจอย่างขุ่นเคืองแทนพี่สาว หมดมาดสตรีผู้มากด้วยเล่ห์มารยาที่พยายามเก๊กต่อหน้าขุนพล เธอทำปากยื่นครุ่นคิดหาทางพบขุนพลอีกครั้งให้ได้ หญิงสาวเดินกลับมาที่โต๊ะเลขาฯ แล้วยิ้มกว้างสดใสให้ทุกคน

                “มีอะไรอีกหรือเปล่าคะ” พิมพ์พราวเป็นคนถาม

                “ขอฝากโน้ตให้คุณอิฐหน่อยนะคะ”

                พิมพ์พราวยื่นกระดาษโพสต์-อิตให้ กันย์ณิตารับมาแล้วเขียนข้อความฝากไว้กับบรรดาสามสาวที่พากันอ่านแล้วต่างก็วิพากษ์วิจารณ์ไปต่างๆ นานา 

               

                อัยย์ศยาใช้เวลาช่วงเช้าในคอนโดของขุนพลตอบแทนน้ำใจเขาด้วยการทำความสะอาดห้องให้ โดยไม่เข้าไปยุ่มย่ามในห้องส่วนตัวของเขา แผลที่ริมฝีปากและใบหน้าระบมขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ ตกบ่ายท้องก็ร้องโครกครากด้วยความหิว แต่หญิงสาวก็ไม่กล้าพาหน้าเยินๆ ลงไปซื้อของกินที่ใต้ตึก กลัวคนจะมองขุนพลในทางไม่ดี รวมถึงเลิกคิดเรื่องสั่งอาหารจากร้านดิลิเวอรีไปด้วยเหมือนกัน เพราะคนส่งอาหารต้องเห็นสภาพใบหน้าของเธอ หนำซ้ำในตู้เย็นของเขาก็ไม่มีของสด หลังจากรื้อดูอยู่พักใหญ่เธอก็ยอมแพ้

                หญิงสาวถอนหายใจ โชคร้ายไปกว่านั้นเมื่อเธอดันมีรอบเดือน อัยย์ศยารื้อค้นจนเจอผ้าอนามัยที่เธอพกติดกระเป๋าไว้หนึ่งชิ้น ระหว่างที่กำลังคิดว่าจะทำอย่างไร ขุนพลก็เปิดประตูเข้ามา

“คุณอิฐ!”

ขุนพลชะงักไปเล็กน้อยคล้ายจะตกใจกับสภาพใบหน้าของเธอ ริมฝีปากที่บวมขึ้นมากกว่าเมื่อคืน และโหนกแก้มเขียวช้ำ

“ผมซื้อเสื้อผ้ามาให้คุณ มาดูซิว่าใส่ได้ไหม” เขาชูถุงข้าวของที่ถือมาแล้วเดินมาวางไว้บนโต๊ะกินข้าว

“ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวซาบซึ้งใจที่เขาอุตส่าห์เป็นธุระเรื่องที่เธอเป็นกังวล ในถุงกระดาษหลายใบมีทั้งเสื้อผ้าผู้หญิงหลายชุด แปรงสีฟัน โฟมล้างหน้า ครีมบำรุงผิวแบรนด์ดัง แต่ที่ทำให้อัยย์ศยาแก้มร้อนผ่าวคือถุงกระดาษใบหนึ่งที่เป็นชุดชั้นในสตรีแบรนด์ดัง “เอ่อ...คุณอิฐซื้อมา...” เธอถามอ้ำอึ้ง เพราะปกติเขาไม่เคยซื้อของด้วยตัวเองบ่อยนัก

ชายหนุ่มหัวเราะแล้วเดินไปนั่งที่โซฟาห่างออกไปอย่างเขินๆ “บ้าเหรอคุณ ผมให้นีน่าช่วยซื้อให้น่ะ”

ถึงจะเป็นเรื่องที่ทำให้ใจแกว่ง แต่อัยย์ศยาก็พอใจในส่วนของเธอ อย่างน้อยขุนพลก็ยังเอาใจใส่กัน

“คุณทำความสะอาดห้องด้วยเหรอไหม” เขาส่งเสียงถามมาจากอีกที่หนึ่ง

“ค่ะ” อัยย์ศยารับคำแล้วรู้สึกปวดท้องขึ้นมาจนต้องทรุดนั่งบนเก้าอี้ มือข้างหนึ่งกุมท้องไว้ ไม่แน่ใจว่าระหว่างปวดประจำเดือนกับปวดกระเพาะ อย่างไหนมากกว่ากัน

ขุนพลเห็นหญิงสาวเงียบไปจึงหันมามอง “ไหมเป็นอะไร” เขาวางแท็บเล็ตที่หยิบมาอ่านข่าว แล้วก้าวเร็วๆ เข้ามาหาคนที่นั่งตัวงออยู่บนเก้าอี้ “ปวดท้องเหรอครับ”

“ค่ะ” อัยย์ศยาเงยหน้าชื้นเหงื่อขึ้นมาตอบ ก่อนจะเบ้หน้าเมื่อความปวดแล่นพล่านไปทั่วช่องท้อง

“ไหวไหมคุณ ไปหาหมอไหมครับ”

“ไม่ต้องหรอกค่ะ ไหมแค่...ยังไม่ได้ทานอะไรตั้งแต่เช้า”

ขุนพลหน้าเหลอ มองข้าวของที่ซื้อมามากมายแต่ไม่มีสักอย่างที่กินได้ หนุ่มโสดอย่างเขาก็ไม่มีของสดหรือขนมนมเนยอะไรติดตู้เย็น มีแต่เบียร์กระป๋อง “แล้วทำไมไหมไม่โทร. บอกผมล่ะครับ”

ชายหนุ่มประคองอัยย์ศยามานั่งที่โซฟา ความห่วงใยฉายชัดในแววตา เขาลูบหน้าผากชื้นเหงื่อ ทำตัวไม่ถูกด้วยไม่เคยต้องเป็นธุระจัดหาอาหารการกินให้ใครแม้แต่ตัวเอง อยู่บ้านก็มีแม่คอยทำให้ อยู่ที่ทำงาน ถ้าไม่มีเวลาออกไปกินข้าวข้างนอก ก็มีอัยย์ศยาคอยจัดหาให้แทบทุกมื้อ ถึงเวลาก็มีคนเอาอาหารมาเสิร์ฟตรงหน้า

“เอางี้นะไหม คุณไหวไหม ผมจะลงไปซื้อข้าวให้คุณนะครับ คุณอดทนก่อนนะ”

“ค่ะ”

ชายหนุ่มหยุดกะทันหันแล้วหลุบตามองมือเรียวที่บีบกุมข้อมือแกร่งไว้ “ทำไมครับ ปล่อยผม เดี๋ยวก็หิวข้าวตายหรอกไหม” เขาบอกเสียงอ่อน สัมผัสจากมือนุ่มกำลังทำให้เขาปั่นป่วน

“เอ่อคือว่า ไหม...”

“เอ๊า! อะไรของคุณ”

“ไหม ไหมเป็นวันนั้นของเดือนค่ะ” เธอบอกเสียงแผ่วเบา นึกอับอายที่ต้องบอกเขาไปจนได้เพราะไม่มีทางเลือกแล้ว ถ้าไม่ไหว้วานขุนพล เธอก็ต้องถ่อสังขารลงไปซื้อเอง “คือว่า...”

ชายหนุ่มเก้อกระดากไปในทันที “โอเคครับ ผมเข้าใจแล้ว”

อัยย์ศยามองตามร่างสูงแล้วหัวเราะออกมาเบาๆ อย่างไม่อยากเชื่อว่าเธอจะกล้าขอร้องคนแบบนั้นให้ไปซื้อของใช้สำหรับผู้หญิงได้

...

ขุนพลเดินออกจากหน้าคอนโดมิเนียมเพื่อหาซื้อของกินให้อัยย์ศยา นึกโทษตัวเองที่ลืมไปว่าเธอตื่นมาแล้วต้องกินข้าว อัยย์ศยาก็น่าตีนัก แทนที่จะโทร. บอกกลับอดทนอยู่ได้ทั้งวัน

ชายหนุ่มซื้อของกินหลายอย่าง และแวะซูเปอร์มาร์เกตขนาดเล็กเพื่อซื้อของสดอย่างไข่ หมู ผักสดบรรจุแพ็ก และบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เผื่อว่าพรุ่งนี้อัยย์ศยาจะทำอาหารกินเอง จนมาถึงแผนกที่จัดวางของใช้สำหรับผู้หญิง เขายืนเก้กังเหลียวมองรอบด้านที่เต็มไปด้วยผ้าอนามัยหลากหลายยี่ห้อ พอจะเอื้อมมือหยิบก็มีคนเดินมา เขาก็ชักมือกลับ ทำเป็นหันไปดูครีมอาบน้ำบนชั้นวางด้านหลัง เป็นแบบนั้นอยู่หลายครั้งจนนึกถึงคนที่คงหิวจนตัวงออยู่บนห้อง พอเห็นว่าปลอดคน เขาก็หยิบผ้าอนามัยสองสามห่อมาใส่ตะกร้า ตอนจะหันหลังกลับก็ดันเจอกับกลุ่มสาวๆ ที่เดินเข้ามาเมื่อไรก็ไม่รู้

ชายหนุ่มเดินหน้าม้านและทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ไปจ่ายเงินที่จุดชำระเงิน เชื่อได้ว่าพอลับหลังจะต้องมีเสียงพูดถึงเขา เรื่องผ้าอนามัย

เวรกรรม...ทำดีมันยากถึงเพียงนี้เชียวหรือ

 

ปานธีรานั่งไขว่ห้างบนโซฟาสไตล์หลุยส์หรูหราภายในคฤหาสน์หลังใหญ่ นักธุรกิจหญิงที่ร่ำรวยจากธุรกิจจำหน่ายจิวเอลรีแบรนด์ดัง เมื่อสามีเก่าเสียชีวิตไปนับสิบปี เธอจึงใช้ชีวิตอย่างสุขสบายกับธุรกิจที่มั่นคงโดยมีสามีใหม่อย่างปรนัยเป็นผู้บริหารภายใต้อำนาจของเธอ

เด็กรับใช้สาวชาวกัมพูชาที่พูดไทยได้ชัดแจ๋วเดินเข้ามาแล้วคุกเข่าลงเพื่อวางซองเอกสารที่ไปรษณีย์นำส่งเมื่อสักครู่ ปานธีราพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้และไล่ให้ออกไป

หลังจากมีเรื่องราวคืนนั้น ปรนัยทำตัวเป็นสามีที่ดี ทำงานเสร็จก็ตรงกลับบ้าน แถมเมื่อคืนเขายังทำโรแมนติกด้วยการพาเธอไปดินเนอร์ใต้แสงเทียนที่โรงแรมหรู และมอบดอกกุหลาบสีขาวพร้อมคุกเข่าขอโทษเธอที่หลงผิด

เขาแก้ตัวว่าจำใจต้องออกไปพบอัยย์ศยา เพราะฝ่ายหญิงขอร้องโดยอ้างว่ากำลังเดือดร้อนจนเขาหลงกล คำหวานนั้นทำให้ปานธีราหลงเชื่อ และสามีหนุ่มยังมอบบทรักอันร้อนแรง น่าตื่นเต้น และแสนสุขสมให้เธอจนหลับใหลไปในอ้อมแขนแข็งแกร่งของเขาตอนดึกดื่น ตื่นมาปานธีราจึงอารมณ์ดีเป็นพิเศษ ตอนนี้คนเลวสำหรับเธอจึงมีแค่อัยย์ศยาเพียงคนเดียว

“ไม่ออกไปไหนเหรอคะคุณแม่” แพรนันท์เดินเข้ามาทักทายแม่ “หน้าตาสดใสแบบนี้แสดงว่าต้องดีกับพ่อแล้วใช่ไหมคะ” แพรนันท์เรียกปรนัยว่าพ่อเต็มปาก เพราะอีกฝ่ายคือคนที่แม่รักมาก เขาทำให้ครอบครัวแหว่งเว้าของเธอกลายเป็นครอบครัวที่สมบูรณ์

“บ่ายๆ ว่าจะไปนวดตัวสักหน่อย นีนจะไปไหนลูก”

“ไปบ้านซันค่ะ” ร่างบอบบางในเดรสสั้นเต่อหย่อนกายลงนั่งข้างแม่ที่เริ่มหยิบจดหมายมาแกะอ่านทีละซอง “วันนี้คุณแม่ของซันเกิดอยากจะทำคุกกี้กับขนมเค้กไปแจกเด็กๆ ที่สถานสงเคราะห์ นีนก็เลยต้องไปเอาหน้า” แพรนันท์พูดแล้วถอนใจเฮือกใหญ่

“ก็ดีแล้วนี่ ประจบประแจงแม่ผัวเข้าไว้ เขาจะได้รักแกมากๆ ตระกูลวิทย์เทวินท์น่ะรวยมาก มีธุรกิจในเครือร้อยแปดพันอย่าง ต่อยอดไปไม่รู้จักจบสิ้น เจ้าสัวดิเรกเป็นคนแก่ที่ฉลาด สร้างมหาสมบัตินับหมื่นนับแสนล้านไว้ให้ลูกหลานรุ่นหลังทะเลาะแย่งกัน แม่ตาซันน่ะถึงไม่ได้บริหารงานอะไรเพราะขี้โรค แต่คุณไตรพ่อตาซันน่ะ เป็นคนสำคัญของดีอาร์กรุ๊ป อีกหน่อยตาซันเรียนจบก็คงจะได้ตำแหน่งสำคัญที่นั่น แกก็หมั่นเอาใจคุณวรรณวิภาไว้ ถึงจะขี้โรค เจ็บออดๆ แอดๆ แต่ทั้งพ่อทั้งผัวก็รักจะตายไป”

“นั่นสิคะคุณแม่ นีนละเบื่อจะแย่ ชอบหาแต่งานน่าเบื่อน่ารำคาญมาให้คนอื่นวุ่นวาย แต่แปลกที่คนในบ้านนั้นไม่มีใครขัดใจแม่ซันได้สักคน นีนละเซ็ง วันนี้นีนคงได้หน้ามันอยู่ในครัวแน่ๆ”

“จะว่าไป คุณวรรณวิภานี่น่าอิจฉานะ ขี้โรคขนาดนั้นผัวยังไม่ทิ้งไปมีเมียใหม่”

“จะทิ้งได้ยังไงคะคุณแม่ เงินทองทั้งนั้น พ่อซันน่ะมาแต่ตัว ได้ดีเพราะสมองแท้ๆ มีเมียขี้โรคก็ต้องทนกล้ำกลืนถ้าไม่อยากม้วนเสื่อกลับบ้าน” แพรนันท์เบ้ปากเมื่อนึกถึงมารดาของคนรักที่แสนน่าเบื่อ ผิดกับตอนอยู่ต่อหน้าวรรณวิภาลิบลับ

“จะว่าไปนะ เจ้าสัวแกเป็นคนแปลก ลูกหลานตัวเองเต็มบ้าน แต่ใช่ว่าแกจะสนับสนุนไปหมดนะ ดูอย่างนายขุนพลนั่นสิ” ปานธีรานึกถึงขุนพลแล้วอดเบ้ปากไม่ได้ “นั่นน่ะได้ดีเพราะเป็นหลานยายกันติมาแท้ๆ”

“ใครคะคุณแม่ กันติมา”

“ก็พยาบาลที่เคยดูแลเจ้าสัวตอนที่แกล้มป่วยอยู่ช่วงหนึ่งไง เขาลือกันว่ายายนี่ดูแลท่านจนขึ้นสวรรค์กันทุกคืน ก็อย่างว่านะ เจ้าสัวก็เมียตายไปตั้งนานแล้วจะเอาคนดูแลมาเป็นเมียก็ไม่แปลก แต่ตอนหลังยายนี่ก็ไปแต่งงานกับฝรั่ง ไปทำร้านอาหารไทยอยู่สวิตเซอร์แลนด์ตั้งนานแล้ว แต่ยังทิ้งหลานไว้เป็นเสี้ยนหนาม พวกลูกหลานเจ้าสัวฝ่ายหนึ่งก็พวกมัน อีกฝ่ายก็เกลียดหน้ามันอย่างกับอะไรดี”

“จริงเหรอคะคุณแม่ นีนเคยได้ยินซันชื่นชมคุณอิฐจะตายไป” แพรนันท์นึกถึงคำพูดที่ทั้งสรรทิษและแม่เขาพูดถึงขุนพลแต่ในแง่ดี

“ตอนหลังมันกลับจากอเมริกาก็โชคดีเล่นหุ้นจนรวย ได้ข่าวว่าออกไปเปิดบริษัทขายพวกวัสดุอุปกรณ์เกี่ยวกับที่อยู่อาศัยครบวงจรเอง แล้วยังมีหุ้นในโรงแรมเอย ห้างสรรพสินค้าเอย ไหนจะพวกบริษัทขายตรงที่เขาไปทำการตลาดให้ก็มีหุ้นอยู่ตั้งมากมายหลายอย่าง แต่เจ้าสัวก็ยังดึงมันมาเป็นที่ปรึกษา”

“มิน่า...” แพรนันท์ครางออกมา ทำให้ปานธีราชะงักมือที่กำลังแกะซองจดหมายฉบับหนึ่งแล้วหันมามองลูกสาว “ก็น้าพลอยน่ะสิคะ นีนเห็นพูดถึงแต่คุณอิฐไม่ขาดปากตั้งแต่กลับมาเมืองไทย นีนว่านะคะ น้าพลอยต้องอยากจบชีวิตโสดกับคุณอิฐแน่ๆ”

“จริงเหรอ” ปานธีรานึกถึงตอนที่เธอกระแทกปลายรองเท้าส้นสูงลงบนหลังมือขุนพลเต็มๆ แล้วแอบใจคอไม่ดี แต่นี่ก็ผ่านมาสามวันแล้ว ฝ่ายนั้นก็ยังเงียบหาย คงไม่คิดเอาเรื่องเธอให้เลขาฯ ตัวเองเสื่อมเสียหรอกกระมัง

“จริงสิคะ วันนั้นถ้าเขาไม่เอามือมารับส้นรองเท้าแม่ นีนจะตบอีไหมให้จมกองเลือดเลย”

“นึกแล้วแค้นไม่หาย” ปานธีราเริ่มโมโหอีกรอบ เธอฉีกซองจดหมายในมือ จนกระดาษกลิ่นหอมที่สอดไว้ข้างในร่วงลงบนตัก พอคลี่ออกอ่าน มือไม้ของสาวใหญ่ก็สั่นระริกด้วยความโกรธแค้น หน้าดำหน้าแดง  “ลูกนีน”

“นี่ นี่มันกล้าทำแบบนี้เลยเหรอคะ” แพรนันท์กระชากจดหมายจากมือแม่ ควันแทบออกหูเมื่ออ่านจบ สองแม่ลูกแทบจะกรีดร้องกับเนื้อความในจดหมาย

ขอบคุณในความโง่ของพวกแกสองคนแม่ลูกที่ทำให้พี่ต่อเห็นอกเห็นใจฉัน จะบอกให้เอาบุญนะ เมื่อก่อนฉันไม่คิดจะแย่งหรอก ฉันอยู่อย่างสงบๆ ให้พี่ต่อรักเงียบๆ ก็มีความสุขจนล้นหัวใจ แต่แกสองแม่ลูกกลับไม่จบ! ต่อไปเรามาลองดูกันว่าระหว่างฉันกับอีแก่หนังเหี่ยว หน้าโบทอกซ์อย่างแก พี่ต่อจะเลือกใคร อ้อ ลืมบอกไปอย่าง อย่าลืมดูแลตัวเองให้มากขึ้นอีกนิดนะ พี่ต่อเขากระซิบบอกฉันเกือบทุกคืน ว่าหน้าอกป้าหย่อนคล้อยจนแทบจะเหมือนคลำกระเพาะแพะเข้าไปทุกทีแล้ว

เสียงกรีดร้องของสองแม่ลูกดังก้องห้องรับแขกหรูหรา ปานธีราฉีกจดหมายออกเป็นชิ้นๆ จะเอาผิดใครก็ไม่ได้ เพราะอัยย์ศยาฉลาด ใช้วิธีพิมพ์แทนที่จะเขียนด้วยลายมือ แถมยังไม่ลงชื่อ

แพรนันท์ต้องใช้เวลาสงบสติอารมณ์ตัวเองอยู่พักใหญ่ ก่อนจะบอกแม่เสียงเหี้ยมเกรียม “แม่ไม่ต้องเครียดนะคะ ยังไงพ่อก็อยู่กับแม่ มันต้องการปั่นหัวแม่ให้เป็นบ้า นีนจะจัดการเขี่ยมันให้กระเด็นไปไกลๆ แม่อยู่เฉยๆ คอยสมน้ำหน้ามันก็พอค่ะ”

สองแม่ลูกสบตากันอย่างชิงชังอัยย์ศยา ในหัวมีแผนทำลายชีวิตอีกฝ่ายด้วยเพลิงแค้นที่รุมสุมอก

 

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น