4

บทที่ 4



4

 

บ้านของขุนพลอยู่ย่านรังสิต เป็นโครงการคฤหาสน์หรูที่สร้างล้อมรอบทะเลสาบนับร้อยไร่ สนามหน้าบ้านติดทะเลสาบกว้าง ตัวบ้านขนาดห้าร้อยกว่าตารางเมตรตกแต่งเรียบง่ายแต่หรูหรามีระดับ สมฐานะของนักธุรกิจหนุ่มที่นอนป่วยอยู่บนห้อง

ขุนพลเพิ่งซื้อบ้านหลังนี้เมื่อสามปีก่อนตอนที่เธอมาทำงานกับเขาช่วงแรกๆ ลัดดาอยู่ที่นี่กับญาติห่างๆ ชื่อเข้มและคนรับใช้สาวชื่อจอย โดยขุนพลจะค้างที่คอนโดของเขาเป็นส่วนใหญ่ และจะกลับมาที่นี่เฉพาะช่วงวันหยุด หรือไม่ก็ขับรถมากินข้าวเย็นกับแม่แล้วกลับไปนอนที่คอนโด

อัยย์ศยาเคยรู้จากการบอกเล่าของลัดดาว่า ขุนพลเคยสัญญากับแม่ไว้ หากเขาสร้างตัวจนฐานะมั่นคงแล้วจะกลับมาอยู่กับแม่ที่บ้านหลังนี้ ความหวังของขุนพลคืออะไรเธอเดาไม่ถูก เห็นเพียงความมุ่งมั่นและจริงจังกับหน้าที่การงาน ส่วนความหวังของลัดดานั้น คือการรอคอยให้ลูกชายเพียงคนเดียวกลับมาอยู่ด้วยกันในบ้านหลังนี้

                หญิงสาวเข้าไปอุ่นข้าวต้มปลาจากร้านดังที่เธอดั้นด้นไปซื้อ และถือโอกาสซื้ออาหารอีกหลายอย่างมาฝากลัดดาด้วย ร่างบอบบางเดินไปมาอยู่ในครัวกว้างขวางสะอาดเอี่ยมอย่างคุ้นเคย จนกระทั่งคนรับใช้ไปตามลัดดาลงมา

                “คุณท่าน สวัสดีค่ะ” หญิงสาวละมือจากการตักข้าวต้มที่ส่งกลิ่นหอมฟุ้งใส่ถ้วยเพื่อทำความเคารพแม่เจ้านาย

                “ซื้ออะไรมาเยอะแยะลูก” ลัดดาพูดเสียงอ่อนหวาน ยิ้มรับอย่างดีใจและเอ็นดูตามแบบฉบับ พลางเดินเข้ามาลูบไหล่ลูบหลังอัยย์ศยาอย่างรักใคร่

                “คุณอิฐอยากทานข้าวต้มค่ะ แต่ไหมฟังเสียงแล้วเกรงว่ามื้อเย็นคุณอิฐอาจจะทานข้าวไม่ลงเลยซื้อกวยจั๊บเจ้าอร่อยมาฝากคุณท่าน พี่เข้มแล้วก็พี่จอยด้วยค่ะ” เธอยิ้มหวานไปด้วยขณะพูด พลางจัดทุกอย่างใส่ถาด

                “ดีเลย งั้นเดี๋ยวแม่จะทำมันต้มขิงให้ตาอิฐสักหน่อย ไหมยกขึ้นไปให้พี่เขาเลยนะลูกนะ”

                อัยย์ศยาอึกอัก แต่ลัดดาลูบแขนเหมือนจะบอกว่าอย่าคิดอะไรมากพลางดันแผ่นหลังเธอเบาๆ เธอรู้ดีว่าห้องของเจ้านายอยู่ตรงไหน แน่ละ เธอรู้ทุกซอกทุกมุมของบ้านนี้ เพราะเมื่อสามปีก่อน เขาให้เธอคอยเดินตาม ติดต่อตัวแทนขาย ดีลงานกับช่างต่อเติม คนจัดสวน ร้านผ้าม่าน โดยที่เขาไม่เคยทำอะไรเองเลย

               

                อัยย์ศยาถอนใจ เธอยังคงรู้สึกไม่ดีกับเรื่องเมื่อคืน แต่ด้วยสปิริตการทำงาน แค่นึกว่านี่เป็นหน้าที่ก็จบ หญิงสาวเลือกที่จะเปิดประตูห้องนอนทิ้งไว้ เสียงถ้วยกับแก้วน้ำตอนที่วางมันลงบนโต๊ะข้างเตียงทำให้คนป่วยลืมตาขึ้น

                “เปิดประตูไว้ทำไม มันเปลืองแอร์” เขาบอกทั้งที่เสียงแหบแห้ง

                แต่แทนที่อัยย์ศยาจะเดินไปปิดประตูอย่างที่เขาสั่ง เธอกลับเดินไปลากเก้าอี้ที่โต๊ะเครื่องแป้งมานั่ง

                “ไปปิดประตู” เขาสั่งย้ำ

                “คุณอิฐต้องรีบทานนะคะ ทานอุ่นๆ จะได้คล่องคอ แล้วก็นอนพักจะได้หายทัน พรุ่งนี้คุณอิฐมีประชุมที่บริษัท...”

                “ผมบอกให้คุณไปปิดประตู!”

                อัยย์ศยาชะงักคำที่กำลังจะทวนหมายกำหนดการของพรุ่งนี้ เธอเผลอมองหน้าเขาอย่างตำหนิที่จู่ๆ ชายหนุ่มก็ทำตัวเหมือนเด็กเอาแต่ใจ แต่พอเห็นใบหน้า หูตาที่แดงจัดของเขา อัยย์ศยาก็ใจอ่อน

                “ข้าวต้มปลาที่คุณอิฐอยากทานค่ะ” เธอเลื่อนถาดใส่อาหารให้เขา

                ขุนพลขยับกายนั่งเอนหลังบนเตียง เหลือบมองเธอเหมือนรำคาญตา แล้วเอื้อมมือมาตักข้าวต้มอุ่นๆ ใส่ปากไปสองคำก็วางช้อนลงแล้วคว้าแก้วน้ำมาจิบ ท่าทางเหมือนเด็กที่พอป่วยก็งอแง แต่พอเธอดั้นด้นจากบ้านไปซื้อมาให้ นั่งรถสองสามต่อกว่าจะถึงมารังสิตเขากลับกินแค่สองคำ

                อัยย์ศยายังไม่ทันพูดอะไร ลัดดาก็เดินเข้ามาเสียก่อน

                “เป็นอะไรฮึ ตาอิฐ ไหมอุตส่าห์ไปซื้อของที่อยากกินมาให้ ทำไมงอแง” ลัดดาดุลูกชายเสียงไม่จริงจังนัก มองขุนพลซึ่งยกแขนขึ้นมาก่ายหน้าผาก สูดน้ำมูกจนจมูกแดงก่ำแล้วยิ้มอย่างเอือมระอา

                แค่ข้าวต้ม ลัดดาทำให้กินเองก็ได้ แต่ลูกชายกลับเรื่องมากจะต้องกินร้านที่อยากกิน “ตาอิฐ”

                “อิฐไม่สบายนี่ครับแม่ อิฐอยากนอน”

                ผู้เป็นแม่ถอนใจ หลุบตาลงมองหน้าอัยย์ศยาสลับกับลูกชายแล้วส่ายหน้า มีหรือลัดดาจะมองไม่ออกว่าขุนพลรู้สึกอย่างไรกับอัยย์ศยา ที่งอแงอยู่นี่ก็เพราะจะหาเรื่องให้อัยย์ศยามาหาเท่านั้น

                “ไหม ช่วยจัดการทีเถอะ แม่ปวดหัวเหลือเกินแล้ว ถ้าเขาไม่ยอมกิน ไหมก็เอาช้อนตักข้าวต้มนั่นยัดใส่ปากเขาหน่อยเถอะลูก” พูดจบลัดดาก็เหล่มองลูกชายอย่างอ่อนใจ ไม่เข้าใจว่าทำไมขุนพลถึงไม่ยอมรับกับอัยย์ศยาไปเลยว่ารู้สึกอย่างไรกับหญิงสาวที่คนเป็นแม่ก็พึงใจอยู่ไม่น้อย จะมางอแง อ้างความเป็นเจ้านายไปเพื่ออะไร เธอเองก็ชักจะรำคาญเสียแล้ว ลัดดาเดินออกไป ปิดประตูห้องให้เสียเอง

                ขุนพลยังก่ายหน้าผากถอนใจเฮือกแล้วเฮือกเล่า อดใจเต้นแรงขึ้นมาไม่ได้เมื่อได้ยินเสียงอัยย์ศยาหยิบจับช้อน เขาทำเป็นไม่ลืมตา รอให้อัยย์ศยาง้องอนให้เขากินอาหารให้สมใจเสียก่อนจะได้ดับอารมณ์หงุดหงิดของเขาลงได้บ้าง

                “คุณอิฐคะ”

                “คุณเป็นเลขาฯ ผมนะไหม เวลาผมป่วย คุณจะมีน้ำใจกับผมโดยไม่ต้องรอให้ใครสั่งบ้างไม่ได้หรือไง” เขาพูดเสียงแข็ง ทั้งที่แทบไม่มีเสียงและยังหลับตาอยู่ จึงไม่เห็นว่าอัยย์ศยายิ้มแล้วส่ายหน้าระอา

                “หน้าที่ของเลขาฯ ต้องมาป้อนข้าว เช็ดตัว บังคับให้คุณอิฐทานยาในห้องนอนด้วยเหรอคะ” อัยย์ศยาพูดเสียงเรียบเรื่อยแล้วเป่าไล่ความร้อนข้าวต้มในช้อนก่อนพูดต่อ “ทำไมคุณอิฐ ถึงไม่โทร. ตามคุณนีน่า คุณปาลิน หรือว่าคนอื่นมาทำหน้าที่ล่ะคะ หน้าที่ของคนรักน่ะค่ะ”

ขุนพลหน้าชา เขากำลังร้อนรุ่มเพราะพิษไข้และร้อนรนเพราะคำเหน็บแนมจากเลขาฯ เป็นครั้งแรก “ก็ตอนนี้ผมยังไม่มีคนรัก ไว้ผมมีเมื่อไรก่อนเถอะ ผมจะไม่ใช้คุณเลย”

                “งั้นก็เลิกงอนเสียทีเถอะค่ะ ไหมจะได้ป้อนข้าวป้อนน้ำคุณอิฐอย่างที่คุณท่านสั่ง” อัยย์ศยาจ่อช้อนไปที่ปากเจ้านายหนุ่ม ซึ่งยอมลืมตาแต่ยังไม่วายบ่น

                “ถ้าแม่ไม่สั่งก็ไม่ทำ”

อัยย์ศยาทำเป็นไม่ได้ยิน ตักอาหารป้อนเขาทีละคำ ความร้อนที่แผ่จากเรือนกายแกร่งทำเธอรู้สึกได้ว่าเขาตัวร้อนจัด ชายหนุ่มยอมอ้าปากกินอาหารที่เธอป้อนคำแล้วคำเล่า หญิงสาวซ่อนหน้าอยู่กับถ้วยข้าวต้ม รู้สึกว่าเสียพลังในการควบคุมตัวเองยามอยู่ใกล้เขามากขึ้นทุกที ไรหนวดเขียวครึ้มที่อยู่เหนือริมฝีปากทำให้หญิงสาวใจสั่น แต่ไม่เท่าต้นแขนกำยำที่ส่งไอร้อนออกมาไม่ขาดสาย

จนกระทั่งคนป่วยกินข้าวต้มปลาหมดถ้วย อัยย์ศยาก็ประคองแก้วน้ำให้เขาดื่มพร้อมยาลดไข้ หญิงสาวอมยิ้มส่ายหน้าขณะมองภาพชายหนุ่มคิ้วเข้มหลับตาพริ้ม ลมหายใจสม่ำเสมอเหมือนเด็กดื้อจอมงอแงที่พอได้ดั่งใจ กินอิ่มสบายท้องก็หลับปุ๋ย

 

พยาบาลจำเป็นยกถาดอาหารกลับเข้ามาในครัว ลัดดากำลังคุมจอยให้ปอกขิงสดเพื่อจะต้มน้ำขิง พอเห็นอัยย์ศยาเดินกลับมาพร้อมถ้วยเปล่าก็ทำหน้าระอา

“ไหม อย่าเพิ่งกลับนะลูก อยู่ทานข้าวเย็นที่นี่ด้วยกันเลย ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวแม่จะให้เจ้าเข้มไปส่ง” ลัดดาหมายถึงหลานชายที่เอามาอยู่ช่วยงาน ขับรถซื้อหาข้าวของให้ “คอยดูเถอะ ตาอิฐจะต้องงอแงอีกเมื่อถึงมื้อเย็น ไหมอย่าไปถือสาพี่เขานะลูกนะ” ลัดดาพูดพลางลูบแขนหญิงสาวอย่างขอร้อง

อัยย์ศยายิ้มอ่อน เริ่มต้นล้างถ้วยจานที่ยกมาอย่างไม่รีบร้อน ก่อนจะถูกลัดดาไล่ขึ้นไปดูแลเจ้านายบนห้อง อย่างแรกที่ทำคือปรับอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศ เมื่อเห็นท่าทางหายใจไม่สะดวกของขุนพล อัยย์ศยาข่มใจกลั้นความตื่นเต้น เธอต้องใจเต้นขนาดนี้เชียวหรือ เพียงแค่จะแตะหลังมือวัดอุณหภูมิร่างกายเขา พยาบาลที่ไหนก็ทำกัน

คนป่วยปรือตาขึ้นอย่างยากเย็น สัมผัสอ่อนโยนห่วงใยเมื่อครู่ทำให้เขารู้สึกตัว แต่รอบกายกลับมีเพียงความว่างเปล่า ขุนพลไม่พอใจขึ้นมาทันทีเมื่อคิดว่าอัยย์ศยาทิ้งเขากลับไปแล้ว ชายหนุ่มห่อตัวโอบกอดตัวเองเพราะความหนาวจากพิษไข้ จนรู้สึกถึงขอบเตียงที่ยุบยวบ หัวใจเขาก็เต้นรัว แกล้งหลับตาไว้อย่างนั้น เขาดีขึ้นบ้างแล้ว อย่างน้อยยาแก้ไข้สองครั้งที่รับประทานเข้าไปก็ทำให้ไม่ปวดหัวจัดอย่างเมื่อเช้า

ผ้าขนหนูนุ่มถูกแตะซับเบาๆ บนใบหน้า ชายหนุ่มยังคงหลับตา ขยับตัวให้คนเช็ดตัวสะดวกขึ้น แต่อัยย์ศยาชักมือกลับคิดว่าเขารำคาญ วินาทีต่อมาขุนพลก็แทบจะตัวแข็งค้าง เมื่อหญิงสาววางฝ่ามือลงบนต้นแขนแล้วตบเบาๆ เหมือนแม่ปลอบลูกน้อยตอนสะดุ้งตื่น เสียงหวานแผ่วเบาที่เจ้าตัวก้มลงมากระซิบบอก

“ไหมเช็ดตัวให้นะคะคุณอิฐ ไข้จะได้ลดเร็วๆ”

ขุนพลแทบกลั้นใจตายตอนที่มือนุ่มเนียนของเลขาฯ สาวแตะซับผ้าขนหนูเปียกหมาดลงบนซอกคอ ใบหน้า ใบหู และหลัง เขาปรือตาขึ้นมองตอนที่อัยย์ศยาบรรจงประคองฝ่าเท้าของเขาขึ้นมาวางบนตักของเธอและเช็ดทีละข้าง พอเธอเหลือบตาขึ้นมอง เขาก็รีบหลับตาด้วยใจเต้นระรัว ความร้อนที่นอกเหนือจากพิษไข้กำลังรุมเล่นงานเขาจนแทบบ้า

หญิงสาวลุกขึ้นดึงผ้าห่มคลุมให้เขาถึงลำคอ ชายหนุ่มลืมตาขึ้นมองแผ่นหลังอรชรที่เดินถือกะละมังเข้าไปในห้องน้ำด้วยหัวใจเต็มตื้น ในหัวเต็มไปด้วยความคิดที่ขัดแย้งกันอย่างรุนแรง อัยย์ศยาแสนดีกับเขาถึงขนาดนี้ เพียงพอหรือยังที่เขาจะเลิกทดสอบจิตใจเธอ

 

ขุนพลป่วยยืดเยื้อถึงสองวัน ทำให้อัยย์ศยาต้องเดินทางไปประชุมที่พัทยา โดยมีกมลพรและรองประธานกรรมการร่วมเดินทางไปด้วย การประชุมกินเวลาตลอดทั้งวัน เมื่อมีเวลาว่าง ทิวเมธที่บังเอิญมาประชุมด้วยเช่นกันอาศัยจังหวะที่หญิงสาวเดินออกจากโรงแรมไปหาซื้อของฝากและของกินกับกมลพรมาดักหน้าเธอ

“ผมขอคุยกับคุณไหมสักยี่สิบนาทีได้ไหมครับ” ทิวเมธถามและยิ้มให้อย่างสุภาพ เขารู้สึกเสียหลักกับข้อกล่าวหาที่หลานสะใภ้โยนให้เธอ หลายวันที่ผ่านมา ทิวเมธพยายามบอกตัวเองว่าไม่ให้ใส่ใจอัยย์ศยา แต่ไม่รู้ทำไม พอเห็นหน้าเธออีกครั้งเขากลับทนไม่ไหว อย่างน้อยก็ขอให้ได้ยินจากปากเธอ

อัยย์ศยาเหลือบมองผู้ช่วยของตน ก่อนจะไหว้ทิวเมธ “ไหมต้องขอโทษด้วยนะคะ พอดีมากับน้องโบ เดี๋ยวต้องรีบกลับให้ทันคุณดนุพลเสร็จธุระด้วย” หญิงสาวอ้างกมลพรและหัวหน้าที่มาด้วยกัน แต่ทิวเมธก็ไม่ยอมแพ้

“สิบนาทีก็ได้ครับ” เขาเหลือบตามองกมลพรที่ทำหน้าลำบากใจอย่างขอร้อง “เดี๋ยวผมจะเดินไปส่งคุณไหมถึงรถเลยครับ”

“พี่ไหมคุยธุระเถอะค่ะ โบเดินเล่นแล้วจะกลับไปรอที่ล็อบบีโรงแรมนะคะ” ผู้ช่วยสาวบอกหัวหน้าแล้วปลดของในมืออัยย์ศยามาช่วยถืออย่างมีน้ำใจ มีผู้ชายหล่อๆ รวยๆ แถมยังดูสุภาพแสนดีมาสนใจหัวหน้าผู้แสนใจดี ทำไมกมลพรจะไม่พลอยตื่นเต้นดีใจไปด้วย

 

ยามบ่ายคล้อยท่ามกลางความเงียบเชียบบนชั้นสิบแปดของตึกกลางกรุง ในวันที่เพื่อนร่วมแผนกออกไปทำงานข้างนอกกันหมด อารดาเป็นคนเดียวที่วุ่นวายจนหัวหมุนอยู่จัดการงานเอกสารเร่งด่วนที่ออฟฟิศ ยังดีที่ก่อนไปประชุม อัยย์ศยาหัวหน้าที่แสนดีของเธอได้ขอตัวบุษยานุช นักศึกษาฝึกงานจากแผนกอื่นมาช่วยเรื่องเอกสาร กว่าจะเคลียร์ทุกอย่างเสร็จสิ้น ผู้ช่วยเลขาฯ สาวก็ถอนใจ เอนหลังแล้วคว้าน้ำผลไม้ปั่นที่ดื่มไปค่อนแก้วขึ้นมาดูดอึกใหญ่

เมื่อจัดการงานทุกอย่างเรียบร้อยจนหมด เจ้านายก็ป่วยมาทำงานไม่ได้ อารดาจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาหมายจะเล่นเกมโปรดแก้เครียดสักสิบนาที แต่แล้วเสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นเสียก่อน

อารดาเอนหลังรับสายในท่าสบายๆ หมุนเก้าอี้หันหลังให้โต๊ะทำงาน ฟังเสียงกมลพรที่โทร. มาชวนคุยจากพัทยาไปเรื่อยเปื่อย เริ่มจากเรื่องงานไปจนถึงสาเหตุที่ทำให้กมลพรมีเวลาโทร. ถึงอารดา

“จริงเหรอ เอ๊...เดี๋ยวนะ คุณทิวเมธนี่เป็นลูกชายของเมียน้อยท่านดิเรกที่เสียไปแล้วใช่ไหม” คนฟังน้ำเสียงตื่นเต้น ทำตาโต หัวเราะคิกคักตามประสาคนช่างเมาท์

“ตายแล้ว โอบไหล่ด้วยเหรอ อ๊าย! เขินแทนพี่ไหมอะ แบบนี้นะ อีกหน่อยพี่ไหมก็จะกลายเป็นซินเดอเรลลาเลยสิ นี่แก แล้วตอนนี้แกอยู่ไหน กำลังกลับล็อบบีเหรอ มันต้องแบบนี้สิยะ ฉันนึกว่าแกจะสะเหล่อตามพี่เขาไป เอาเถอะ พี่ไหมน่ารักจะตาย นิสัยก็ดี มารยาทก็งาม แถมความอดทนยังสูงขั้นเทพ ไม่ต้องกังวลว่าทางบ้านคุณทิวเมธจะรังเกียจพี่ไหมหรอกแก๊” อารดาลากเสียงทั้งสูงทั้งยาวพลางหัวเราะคิกคัก คุยเลยเถิดแก้เหงาอย่างออกรส โดยไม่รู้เลยว่ามีใครกำลังหยุดฟังเธอคุยโทรศัพท์อยู่ตั้งแต่ประโยคแรกๆ “ถ้าลองทนบอสเราได้ เรื่องญาติโกโหติกาก็ไม่น่าเป็นปัญหาของพี่มะ...”

เสียงหัวเราะสะดุดหายตอนที่เธอนึกถึงน้ำผลไม้ก้นแก้วที่ยังเหลือ แล้วหมุนเก้าอี้กลับมาเจอเจ้านายที่ควรจะนอนซมอยู่บนเตียงกำลังยืนนิ่งมองเธอ

“คะ...แค่นี้ก่อนนะ” สาวร่างกะทัดรัดรีบโยนโทรศัพท์ลงบนเก้าอี้อีกตัวอย่างคนที่ตกใจสุดขีดแล้วยืนขึ้น ยิ้มกว้างให้ขุนพล

เขากระตุกยิ้มให้เธอเล็กน้อย “อยู่คนเดียว คงจะยุ่งหน่อยนะครับคุณแอม”

“เอ่อ กะ ก็ นิดหน่อยค่ะ” อารดาตอบตะกุกตะกัก ทำหน้าเบะเหมือนคนจะร้องไห้แต่ร้องไม่ออก พอขุนพลหันหลังเดินเข้าห้องทำงานไปแล้ว เธอก็ลนลานโทร. หากมลพรมือไม้สั่น ใจยังเต้นไม่หายจนแทบจะกรี๊ดใส่โทรศัพท์

“เกิดอะไรขึ้น” ปลายสายถามทันทีที่รับสาย

“ฮือๆ ฉันซวยแล้วยายโบ คุณอิฐอะดิ เข้ามายืนฟังฉันคุยโทรศัพท์กับแกตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้”

 

ขุนพลเข้ามาตรวจเช็กงานของเขาทั้งที่ยังไม่สร่างไข้ เพราะรู้ว่าอัยย์ศยาต้องไปประชุมตามลำพัง แต่เรื่องที่ได้ยินอารดาพูดเมื่อครู่ทำให้ไข้ที่เริ่มลดลงทวีความร้อนขึ้นจนร้อนโพรงจมูก

เขาพลิกนาฬิกาข้อมือดูหลายครั้งราวกับเข็มวินาทีเชื่องช้าเป็นวัน อารมณ์หึงหวงทะยานแทบถึงขีดสุด หากเสร็จงานแล้วอัยย์ศยาไม่กลับพร้อมดนุพลและทีมงานละก็ เขาจะเล่นงานเธอให้น่าดู

ยิ่งคิดขุนพลก็ยิ่งขาดสติจนต้องสูดลมหายใจลึกๆ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มากดโทร. ถึงใครบางคน ฝ่ายนั้นรับสายด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน

“ปาล์ม เย็นนี้ว่างหรือเปล่า”

“สำหรับคุณอิฐ ปาล์มพร้อมจะแคนเซิลทุกนัดค่ะ” เธอใช้วาจาหวานประจบเขาเสมอ   

“หกโมงเย็นมาหาผมที่คอนโด”

วางสายจากปาลิน ขุนพลตั้งสมาธิกับการงานของเขาได้ครู่ใหญ่ก่อนที่บุษยานุชจะเคาะประตูเข้ามา

เด็กสาวในชุดนักศึกษาฝึกงานถูกอารดาผู้ยังเข้าหน้าขุนพลไม่ติดใช้ให้นำน้ำกับกาแฟเข้ามาเสิร์ฟให้เจ้านายหนุ่ม บุษยานุชก้าวขาแทบไม่ออก ตอนที่ขุนพลเงยหน้ามองเธอด้วยดวงตาคมกริบ ความหล่อเหลาและออร่าแบบที่ไม่ได้มีอยู่ในตัวผู้ชายทุกคนทำให้หญิงสาวครั่นคร้ามเคอะเขินอยู่มากทีเดียว

“พี่แอมให้เอาน้ำมาให้คุณอิฐค่ะ”

ขุนพลพยักหน้ารับรู้ รอจนหญิงสาวเข้ามาจัดวางแก้วน้ำเปล่าเย็นเจี๊ยบกับกาแฟควันกรุ่นกลิ่นหอมลงบนโต๊ะ มือขาวผ่องที่จัดวางข้าวของอย่างเก้ๆ กังๆ ทำให้คิ้วเข้มเลิกขึ้นแล้วมองหญิงสาวที่เพิ่งเคยเห็นหน้าครั้งแรก ความคิดชั่วร้ายบางอย่างแวบเข้ามาในหัว รอยยิ้มจึงแตะแต้มมุมปากของขุนพล ทำให้เด็กสาวแทบเคลิ้มฝันจนแทบจะเดินกลับออกไปไม่ตรงทาง

เย็นวันนั้นก่อนเลิกงาน บุษยานุชจึงรีรอช่วยงานอารดาอย่างมีน้ำใจ หวังเพียงจะได้เห็นร่างสูงสง่าของเจ้านายหนุ่มเดินผ่าน ทว่าขุนพลยังอุตส่าห์ส่งยิ้มเล็กๆ ให้เธอ นั่นถือว่าเกินความคาดหมาย

อารดาเห็นภาพนั้นเข้าพอดี คิ้วเลยพันกันยุ่ง ปกติเห็นแต่ตีหน้าขรึมใส่อัยย์ศยา กับพวกเธอก็ทำตัวเว้นระยะห่าง แต่กลับยิ้มแบบนี้ให้บุษยานุช ขุนพลคิดจะเป็นสมภารกินไก่วัดหรืออย่างไร  

 

อัยย์ศยาเดินลงจากสถานีรถไฟฟ้า เบียดเสียดผู้คนที่ต่างรีบเร่งไปทำงานในช่วงเช้าตรู่ เธอรู้สึกอึดอัดกับการต้องแทรกตัวเบียดผู้คนบนรถ แต่ยังไม่เท่าความรู้สึกเหม็นขี้หน้าเจ้านายที่นับวันไม่แยกแยะเรื่องส่วนตัวกับเรื่องงานออกจากกัน

เมื่อวานขนาดป่วย แทนที่จะนอนพักให้หายดี เขากลับยังมีแรงโทร. จิกให้เธอไปรายงานสิ่งที่ได้เข้าประชุมให้เขาฟังที่คอนโดมิเนียมส่วนตัวของเขา อัยย์ศยารู้ดีว่าขุนพลเป็นคนที่ไม่ยอมพลาดอะไรง่ายๆ สามปีที่เธอทำงานกับเขามา ถึงเขาจะร้ายมากกว่าดี แต่เธอก็สัมผัสได้ถึงน้ำใจและสิทธิพิเศษเล็กๆ ที่เขามีให้เธอมากกว่าพนักงานคนอื่นๆ ซึ่งเธอก็ยินดีทำงานตอบแทนเขาให้คุ้มค่าจ้าง

แต่ยิ่งนับวันเขาก็ยิ่งทำตัวรุ่มร่ามไม่ไว้หน้าเธอ อย่างเมื่อวานขณะที่เธอนั่งอ่านสิ่งที่บันทึกจากที่ประชุมให้เขาฟัง ขุนพลกลับเรียกปาลินคู่ขาคนสวยที่หายหน้าไปได้พักใหญ่มาคอยปรนนิบัติพัดวีอยู่ใกล้ๆ แม่นางแบบไร้ยางอายคนนั้นแทบจะดูดซอกคอเขาต่อหน้าเธอด้วยซ้ำ

จู่ๆ อัยย์ศยาก็หน้าร้อนผ่าวเหมือนกลับไปอยู่ในเหตุการณ์เมื่อวาน ก่อนจะพยายามสลัดมันออกเมื่อลิฟต์หยุดที่ชั้นสิบแปด ก่อนจะตั้งสมาธิเพื่อตั้งใจทำหน้าที่ของตน

ขุนพลมาถึงตอนสายอย่างไม่ต้องเดา เมื่อคืนเขาได้นอนบ้างหรือเปล่าหากว่าแม่ปาลินคนงามยังคลอเคลียเขาอยู่แบบนั้น อัยย์ศยาละมือจากงานตรงหน้าเพื่อไปเตรียมน้ำกับกาแฟให้เขาอย่างเคย

ปกติขุนพลไม่ชอบให้ใครชงกาแฟหรือแม้แต่รินน้ำให้เขาดื่มนอกจากอัยย์ศยา เพราะคนเหล่านั้นล้วนงุ่มง่าม หรือไม่ก็ซุ่มซ่าม ทว่าวันนี้เขากลับยื่นหน้าออกมาพูดกับบุษยานุช นักศึกษาฝึกงานที่เธอขอให้มาช่วยงานชั่วคราว “เดี๋ยวคุณเอากาแฟให้ผมด้วยนะครับ” ขุนพลผลุบหายเข้าไปหลังประตู

อัยย์ศยาหน้าชา หันไปมองหญิงสาวแก้มใส แต่งหน้าอ่อนๆ อย่างเป็นธรรมชาติซึ่งยิ้มเขินอายเมื่อถูกบรรดาพี่ๆ หันมามองเป็นตาเดียว แล้วเดินตัวลอยไปทางคอฟฟีเบรก

อัยย์ศยานั่งลง ควันออกหูจนชาหนึบ พยายามสงบใจทั้งที่เริ่มกลัวตัวเองจะทนไม่ไหว ขณะที่เสียงของอารดาลอยแว่วมาทันทีที่คล้อยหลังบุษยานุช

“ตั้งแต่เมื่อวานแล้วค่ะพี่ไหม แอมใช้น้องไปเสิร์ฟกาแฟ พอเดินออกมาแก้มงี้แดงก่ำเลยค่ะ ไม่รู้ไปถูกเจ้านายเกี้ยวพาราสีมาอีท่าไหน ตอนเย็นทำท่าไม่อยากจะกลับบ้าน แถมคุณอิฐยังยิ้มตาพราวให้น้องก่อนกลับบ้านด้วยค่ะ” อารดากระซิบกระซาบฟ้องอย่างออกรส

“ชักยังไงแล้วนะ ปกติคุณอิฐต้องให้พี่ไหมทำทุกอย่างคนเดียว ใครทำให้ก็ไม่ถูกใจ” กมลพรออกความเห็นก่อนจะง่วนกับการพิมพ์งานตรงหน้า

“จะยังไงล่ะ ก็เด็กมันน่ารัก แก้มชมพู ปากนิด จมูกหน่อย” อารดากระเซ้าเย้าแหย่อย่างสนุกปากทั้งที่ความจริงเธอออกจะหมั่นไส้ ก็แหม พวกเธอนั่งทำงานมาตั้งนานจนหลังคด อย่าว่าแต่เจ้านายหนุ่ม หนุ่มไอทีสักคนยังไม่มีหลงมาจีบ คิดแล้วอารดาก็น้อยใจโชคชะตานัก

อัยย์ศยารู้สึกถึงปลายนิ้วที่สั่นระรัวจนเธอต้องกลบเกลื่อนอาการด้วยการเพ่งสมาธิกับการทำงาน ทำเป็นเมินบุษยานุชที่กำลังยกแก้วกาแฟเข้าไปให้เจ้านายหนุ่ม

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น