3

บทที่ 3


 

 3

 

                ลมหายใจของคนขับรุนแรงขึ้นทุกขณะที่รถแล่นไปบนท้องถนนยามค่ำคืน ขุนพลเม้มปากก็แล้ว กัดริมฝีปากก็แล้ว แต่อารมณ์ของเขาก็ไม่เย็นลง เพราะสาวสวยที่ยังเชิดหน้านิ่งเงียบอยู่ภายในรถทำให้เขาหมดความอดทน

                ความหวังที่จะให้อัยย์ศยาปริปากขอร้องให้เขาเห็นใจเธอหมดสิ้นไปแล้ว ชายหนุ่มหักพวงมาลัยเลี้ยวเข้าข้างทางและเบรกอย่างกะทันหัน จนหญิงสาวที่ไม่ทันตั้งตัวศีรษะพุ่งไปกระแทกข้างหน้า

                “คุณอิฐ” อัยย์ศยาหันไปมองเจ้านายหนุ่มอย่างงุนงง

                ขุนพลทำตัวไม่ถูกแต่เพียงครู่เดียวเขาก็คิดได้ ชายหนุ่มหยิบธนบัตรใบละห้าร้อยยื่นให้เธอ “คุณลงไปจากรถผม”

                อัยย์ศยาอึ้ง ปวดหนึบในอกจนแทบหายใจไม่ออก กระดาษสีม่วงในมือใหญ่พร่าเลือนลงทุกที เธอรู้ว่าขุนพลเป็นคนใจดำ แต่เขาก็น่าจะห่วงสวัสดิภาพชีวิตของเธอมากกว่าจะไล่ให้เธอลงไปโบกรถกลับบ้านในชุดราตรีเช่นนี้ แถมข้อเท้าเธอก็ยังบาดเจ็บ ถึงจะน้อยใจเช่นไร อัยย์ศยาก็ไม่คิดปริปาก เธอกล้ำกลืน รับเงินจากเขามา แต่เหมือนขุนพลจะยังไม่สาใจ เขายังคงกระชากแขนเธอไว้ขณะที่อัยย์ศยาจะก้าวลงจากรถ

                “คุณจำไว้นะไหม ถ้าคุณยังไม่อยากตกงาน อย่าทำให้ผมขายหน้าแบบนี้อีก!” ขุนพลบีบแขนเรียวแน่น เขากัดริมฝีปากด้วยความรู้สึกกดดัน กระบอกตาเต้นตุบๆ ขณะจ้องใบหน้านิ่งเฉยของอัยย์ศยา “ไหม! พูดออกมาซิว่าคุณทำได้ยังไง หน้าตาคุณก็ดี การศึกษาคุณก็มี ทำไมถึงได้ทำตัวชั่วช้าแบบนั้น หา!”

                “ขอโทษนะคะ นั่นมันเรื่องส่วนตัวของไหมค่ะ”

                “แต่คุณเป็นลูกน้องผม! การที่คุณสร้างเรื่องในงานวันนี้ถือเป็นการกระทำที่ผมเริ่มจะรับคุณไม่ได้!” เขาตวาดก้อง มองอัยย์ศยาปาดน้ำตาออกอย่างเชื่องช้า ใจเขายิ่งพลุ่งพล่าน

                ทำไม ทำไมอัยย์ศยาไม่ขอร้องเขา ทำไมเธอไม่อ้อนวอนให้เขาเห็นใจเธอ

                “ไหมทำงานกับคุณอิฐด้วยความสัตย์ซื่อและตั้งใจต่อหน้าที่ ถ้าคุณอิฐคิดว่าไหมไม่เหมาะสมก็เลิกจ้างไหมเถอะค่ะ ไหม...คงกลับไปเปลี่ยนอดีตเพื่อให้คุณอิฐพอใจไม่ได้”

                “คุณไปให้พ้นหน้าผมเลยไหม ก่อนที่ผมจะ...”

                “คุณอิฐก็เอามือออกจากแขนไหมสิคะ” เธอบอกเสียงเรียบ แม้ท้ายประโยคเสียงจะสั่นเครือ แต่ก็ไม่มีวี่แววว่าจะร้องขอให้ขุนพลเห็นใจเธอ กลับยิ่งทำให้เขาหายใจฟืดฟาดจนอกกระเพื่อม แต่ก็ยอมปล่อยมือจากแขนของเธอ

                อัยย์ศยาลูบรอยบีบจากฝ่ามือร้อนเบาๆ แล้วพยายามลงจากรถของเขาให้เร็วที่สุด ได้ยินเสียงขุนพลหายใจแรง พอปิดประตูรถได้เขาก็ลดกระจก ชะโงกหน้ามามองเธอตาขวาง ก่อนจะขว้างสูทของเขาใส่ร่างหญิงสาวจนรับแทบไม่ทัน

                อัยย์ศยาสูดลมหายใจลึกเข้าปอด ปาดน้ำตาออกตอนที่โบกมือเรียกแท็กซี่ ต่อให้เขาร้ายแค่ไหน เธอก็สัมผัสได้ถึงมุมดีๆ ของเขาอยู่บ้าง มือบางกระชับเสื้อตัวใหญ่ที่ความอุ่นจากเสื้อและกลิ่นกายของเขายังอวลอยู่แนบกาย หัวใจของเธอนับวันก็ยิ่งบังคับให้นิ่งเฉยไม่ไหวขึ้นทุกที

               

                ทางด้านคนใจร้าย หลังจากไล่อัยย์ศยาลงจากรถไปด้วยความโมโห เขาก็เริ่มรู้สึกเป็นห่วงความปลอดภัยของเธอขึ้นมา ถึงปากจะร้ายแต่ใจห่วงใยเป็นที่สุด เสื้อสูทตัวเดียวจะไปปกปิดเนื้อหนังมังสาในชุดราตรีแสนสวยนั้นได้อย่างไร ความรู้สึกผิดกระพือโหมอยู่กลางใจ เขาปวดร้าว ว้าวุ่นไปหมด

                ขุนพลขับรถไปจอดซุ่มอยู่หลังต้นไม้ใกล้บ้านของหญิงสาว จนกระทั่งเห็นอัยย์ศยาลงจากแท็กซี่ เดินลากเท้าเข้าบ้านอย่างยากเย็น เขาเจ็บร้าวแทนทุกย่างก้าวของอัยย์ศยาที่ย่ำลงพื้นทั้งที่ข้อเท้าบาดเจ็บ ชายหนุ่มต้องต่อสู้กับตัวเองอย่างหนักเพื่อไม่ให้ปรี่ลงไปอุ้มอัยย์ศยาเข้าบ้าน

                สิ่งที่เขาทำคือหลับตาพิงศีรษะกับเบาะรถหรู สองมือลูบใบหน้าแรงๆ ถ้อยคำด่าทอของแพรนันท์ สายตาเหยียดหยามของทุกคน ประโยคเสียดแทงของเปรมพลอย และความจริงที่อัยย์ศยาไม่เคยปริปากปฏิเสธว่าเธอเคยเป็นเมียน้อยของปรนัย นักธุรกิจค้าอัญมณีแบรนด์หรูที่ได้ภรรยาแก่กว่าเกือบสิบปีคนนั้น ทำให้ขุนพลอยากจะดึงอวัยวะสักอย่างที่สร้างความอับอายและเจ็บปวดออกไปเสีย

                เขารู้ดีว่า เขาได้เดินผ่านความทุกข์ยากมามากมายเพียงใด เหนื่อยแค่ไหนกว่าจะขึ้นมาถึงจุดนี้ได้ และคนที่เขาแคร์ที่สุดก็คงจะเป็นใครไปไม่ได้ นอกเสียจากมารดา

                ถึงแม้ทุกวันนี้เขาจะยัดเยียดอัยย์ศยาให้เข้าไปมีส่วนร่วมในชีวิตของแม่ ถึงแม่จะแสดงออกว่ารักอัยย์ศยามากแค่ไหน แต่เขาไม่มั่นใจว่าอัยย์ศยาเป็นคนดีจริงๆ อย่างที่เขาเห็น หรือว่าเธอเสแสร้งแกล้งทำ เขาต้องการเวลาพิสูจน์และเฝ้าทบทวนด้วยหัวใจที่ปวดร้าว หากแม่รู้อดีตของอัยย์ศยา แม่จะรับได้เหมือนที่เขาพร้อมจะให้โอกาสเธอหรือไม่เล่า 

                สายฝนที่จู่ๆ ก็กระหน่ำลงมาทำให้มองเห็นหลังคาบ้านหญิงสาวพร่าเลือน ไม่ว่าวันนี้ วันไหน เขากับอัยย์ศยาก็คงมีบุญร่วมกันเพียงเท่านี้ สิ่งที่แพรนันท์พูดมาเป็นความจริง ไม่เช่นนั้นอัยย์ศยาต้องโกรธและปฏิเสธเพื่อปกป้องตัวเองจากคำครหาของสังคม ยามที่อัยย์ศยาพยายามหยัดยืนอย่างทุลักทุเล ผู้ชายคนอื่นกลับถลาเข้าไปประคับประคองเธอ ในขณะที่เขามัวแต่กลัว

                ขุนพลเปิดประตูลงจากรถแล้วทรุดกายลงนั่งพิงตัวรถ ปล่อยให้เม็ดฝนกระหน่ำใส่ร่างอย่างหมดเรี่ยวแรง

                คนที่เขาถวิลหาที่สุด กลับมาพบกันอีกครั้ง พร้อมอดีตที่เขาไม่รู้ว่าจะลบเลือนมันออกจากชีวิตอัยย์ศยาได้อย่างไร

 

                กลิ่นแกงเขียวหวานไก่หอมฟุ้งมาถึงโถงทางเดินขณะที่อัยย์ศยาในชุดอยู่บ้านเดินตามกลิ่นเข้าไป จนได้ยินเสียงจุฑามาศผู้เป็นแม่คุยโทรศัพท์เสนอขายเครื่องกระตุ้นความสมดุลของชั้นผิวอย่างคล่องปาก ข้อเท้าของเธอดีขึ้น เป็นผลจากการกินยาแก้อักเสบและทายานวดที่ข้อเท้าเมื่อคืน

                กันย์ณิตาในชุดเสื้อยืดพอดีตัวกับกางเกงขาสั้นกุดทำปากยื่นให้พี่สาวแล้วบุ้ยใบ้ไปทางแม่ อัยย์ศยายิ้มพลางส่ายหน้าเมื่อเห็นแม่เอาไหล่แนบหูเพื่อหนีบโทรศัพท์มือถือไว้ อีกมือก็พยายามจะใช้ทัพพีชิมแกงในหม้อ

                “ไหมช่วยค่ะแม่” ลูกสาวสบตากับแม่แล้วยิ้มพลางแย่งทัพพีมาคนแกงที่เดือดได้ที่ ชิมรสแล้วเติมน้ำปลาเล็กน้อย ใส่มะเขือเปราะหั่นแล้วลงหม้อ รอให้น้ำเดือดเติมใบมะกรูด พริกชี้ฟ้าหั่นเฉียง และตามด้วยโหระพา กลิ่นแกงหอมเรียกน้ำลายสอ ก่อนจะปิดเตาตอนที่แม่คุยโทรศัพท์จบพอดี

                “วันนี้อยู่บ้านได้เหรอคะพี่ไหม” กันย์ณิตาถามพี่สาวทันทีที่สบช่อง เธอเอียงคอมองอัยย์ศยาแล้วเลิกคิ้ว ก่อนจะวางโทรศัพท์มือถือที่ต้องใช้ตอบแชตลูกค้าออนไลน์ของเธอ พลางปรี่เข้าไปแตะแก้มพี่สาว “ไปโดนอะไรมาคะ”

                “เปล่าหรอก เมื่อคืนพี่ซุ่มซ่ามเปิดประตูรถชนหน้าตัวเองน่ะ” อัยย์ศยาโกหก แต่ดูท่าน้องสาวจะไม่เชื่อ เธอจึงหันเหไปที่มารดา “วันนี้แม่ไม่ออกไปหาลูกค้าเหรอคะ แล้วพ่อล่ะคะ”

                “พ่อเราเขากำลังตื่นเต้น เมื่อคืนแทบไม่นอนเลยนะนั่งตรวจแบบทั้งคืน ช่วงหลังมานี่พ่อเราทุ่มเทกับงานมาก แม่ละกลัวจะล้มป่วยเอา แต่ความสุขของเขาก็ไม่อยากห้าม พอจบงานที่เก่าไม่กี่วัน คุณตั้มอะไรนั่นก็เอางานใหม่ประเคนให้ ครั้งที่แล้วได้กำไรมาตั้งหลายแสน แม่ถึงได้มาสมทบทุนซื้อรถใหม่ป้ายแดงไงจ๊ะ” จุฑามาศพูดอย่างตื่นเต้น และปลื้มใจที่ไม่ต้องนั่งแท็กซี่ไปเข้าประชุมกับบริษัทต้นสังกัด หรือเวลาออกไปพบปะลูกค้าก็ไม่ต้องอาศัยรถคนอื่นไปอีก “คราวนี้ได้โครงการจัดสรรมาทั้งเฟสเลยนะ พ่อเราทุ่มเทมากเลยละ”

                “เตือนพ่อบ้างก็ดีนะคะ นี่ไหมแทบไม่ได้เจอหน้าพ่อมานานแล้ว ตั้งแต่พ่อรู้จักกับคุณตั้มอะไรนี่ก็ทำงานตลอด ไว้ใจได้หรือเปล่าก็ไม่รู้”

                “นั่นสิคะป้ามัท” กันย์ณิตาออกความเห็นอย่างไม่ค่อยเชื่อถือ เพราะเธอเองก็ได้ยินอุดมพูดถึงผู้ชายที่ชื่อตั้มมาสักระยะแล้ว และออกจะชื่นชมเอามากๆ เสียด้วย แต่คนในครอบครัวยังไม่เคยมีใครรู้จักเขาเลย อาจเป็นเพราะว่า คนบ้านนี้มีหน้าที่ของตัวเองและต่างรับผิดชอบชีวิตตัวเอง

กันย์ณิตาเป็นลูกสาวคนเดียวของจารุนี น้องสาวของจุฑามาศ แต่แม่ของเธอโชคร้ายได้สามีไม่ดีจึงทิ้งไป พอเธออายุได้สิบสี่ย่างสิบห้าแม่ก็เสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุ ป้าแท้ๆ เลยรับมาอุปการะส่งเสียประหนึ่งลูกสาว และเธอเองก็ไม่เคยรู้สึกเลยว่าตัวเองเป็นส่วนเกิน หรือภาระของบ้านหลังนี้ ถึงอุดมจะขี้บ่นและชอบดุว่าเธออยู่บ้าง แต่ลุงเขยก็ใจดีและรักเธอมากไม่ต่างจากป้าแท้ๆ ยิ่งกับอัยย์ศยาพี่สาวเพียงคนเดียว กันย์ณิตาก็ทั้งเทิดทูนและรักใคร่สุดหัวใจ

                “ไม่รู้หรอก ช่างพ่อพวกเราเถอะ” จุฑามาศเหมารวมคำว่าพ่อพวกเราสำหรับสองสาว เพราะสำหรับตน ทั้งสองสาวคือลูกของเธอเท่าเทียมกัน “เออนี่ไหม แม่เกือบลืมแน่ะ วันก่อนแม่เจอพ่ออิฐด้วยนะ”

                อัยย์ศยาเกือบจะทำทัพพีกับถ้วยหลุดมือเมื่อได้ยินสรรพนามที่แม่ใช้เรียกเจ้านายของเธอ เขาเพิ่งจะโมโหเธอสุดขีด แถมยังไล่เธอลงจากรถด้วยความฉุนเฉียว แต่แม่กลับไปเรียกเขาอย่างเอ็นดู

                “แม่ก็เพิ่งจะรู้ว่าลูกเคยเรียนโรงเรียนเดียวกับพ่ออิฐมาด้วย” จุฑามาศพูดด้วยสีหน้าปลาบปลื้ม มือก็บรรจงจับเส้นขนมจีนให้เป็นก้อนพอดีคำใส่จานให้ลูกสาวทั้งสองคน “พอรู้ว่าแม่มีผลิตภัณฑ์ดีๆ เยอะแยะเขาก็สนใจ เจอกันโดยบังเอิญน่ะ เขาไปกินข้าวกับแฟนเขา”

อัยย์ศยาใจกระตุกวูบกับคำว่าแฟนเขา มันทำให้เธอรู้สึกเหมือนเป็นคนขี้อิจฉาที่ไม่เคยแสดงออก แต่จิตใจของเธอร้ายกาจเสมอเวลาได้ยินเรื่องของขุนพลกับผู้หญิงคนอื่น แต่สิ่งที่เธอทำคือยิ้มอ่อนๆ แล้วฟังแม่พูดต่อไป

“พ่ออิฐก็เลยช่วยซื้อผลิตภัณฑ์ดีๆ ของแม่ไปหลายอย่างเชียวแหละ ทั้งแชมพู เครื่องสปาหน้า ครีมบำรุงเส้นผม แม่ก็เลยเสนอวิตามินสูตรพิเศษ นำเข้าจากเยอรมันเลยนะลูก พ่ออิฐเขาก็สนใจ เขาน่ารักนะลูก เป็นกันเองกับแม่ทุกอย่าง เรียกคุณแม่ครับ ทู้ก...คำ จะว่าไป วันจันทร์นี้แม่ฝากวิตามินไปให้เขาหน่อยนะลูกนะ แล้วก็...แม่กำลังคิดว่าจะชวนพ่ออิฐให้เปลี่ยนมาใช้เครื่องกรองน้ำที่แม่เป็นตัวแทนจำหน่ายอยู่ ไหมนัดพ่ออิฐให้แม่หน่อยได้ไหมลูก บ้านเขาท่าจะหลังใหญ่ อย่างน้อยๆ ก็ต้องติดสักสองสามเครื่อง...”

                “พอเลยค่ะแม่” อัยย์ศยาตักแกงใส่ถ้วยแล้วนำมาวางบนโต๊ะที่กำลังจะล้อมวงรับประทานอาหารกันสามคนแม่ลูก พลางทำหน้าเหนื่อยหน่าย แค่คิดว่าต้องนัดขุนพลเพื่อให้เขาเสียเวลามาฟังแม่เธอบรรยายสรรพคุณเครื่องกรองน้ำพลังงานแสงอาทิตย์อะไรนั่นก็ขนลุกแทนแม่ขึ้นมาแล้ว “แล้วไหมขอสั่งห้ามเลยนะคะแม่”

                “ทำไม” จุฑามาศทำหน้าสงสัยแล้วหันไปเหล่กันย์ณิตาที่หัวเราะพรืด “หัวเราะอะไรยะยัยเอิง”

                “ป้าขา ป้าขายของทุกระดับประทับใจเลยเหรอคะ ป้าไม่รู้เหรอว่าคุณขุนพลน่ะ เขามีหุ้นส่วนในบริษัทที่ป้าเป็นตัวแทนด้วยนะ เอิงได้ยินเขาพูดถึงชื่อนั้นตอนที่เขาไปบรรยายพิเศษที่มหาวิทยาลัย ก็เมื่อก่อนน่ะเขาเป็นที่ปรึกษาให้บริษัทที่ทำการตลาดแบบขายตรงพวกนี้หลายที่ ต้องมีหุ้นอยู่บ้างละ เมื่อก่อนเขาเป็นเซียนหุ้นด้วยนะ”

                จุฑามาศทำหน้าเหลอ แต่ลูกกับหลานไม่เปิดโอกาสให้แก้ตัว

                “ใช่ค่ะแม่ แล้วแม่ก็ยังเป็นตัวแทนของทุกบริษัท รวมทั้งบริษัทที่เป็นคู่แข่งของคุณอิฐด้วย ที่สำคัญนะคะ ไหมขอสั่งห้ามไม่ให้แม่ไปยุ่งเกี่ยวกับเขาอีก”

                “จะได้ยังไงล่ะลูก ถ้าแม่เจอพ่ออิฐ...”

                “เจอก็แค่ทักทายกันก็พอค่ะ ไหมขอเลยนะคะแม่ อย่าไปเรียกเขาด้วยสรรพนามแบบนี้” เธอเว้นระยะนิดหนึ่งเพราะรู้สึกขมคอที่ต้องพูดสิ่งที่คิดออกมาเพื่อให้แม่เข้าใจ “เขากับเรามันคนละระดับกัน ไหมไม่อยากให้ใครมองแม่ไหมไม่ดี”

                “คิดมากไปหรือเปล่าลูกไหม” จุฑามาศเริ่มคล้อยตาม แต่ยังเสียดายลูกค้ากระเป๋าหนักที่ควักไม่อั้น เลยทำหน้าม่อย “เขาก็ดูไม่ถือตัว”

                “เขาไม่ถือตัวหรอกค่ะแม่ แต่จะหาว่าเราเข้าหาเขาเพราะผลประโยชน์” พูดถึงตรงนี้อัยย์ศยาน้ำตาคลอ คนใจดำแบบนั้นเขาต้องคิดแน่ละ เขายื่นแบงก์ห้าร้อยให้เธอเรียกแท็กซี่กลับตอนมืดค่ำแบบนั้นแสดงว่าเขาไม่มีความเอ็นดูในตัวเธอเลยสักนิดเดียว เธอจะเป็นจะตายหรือถูกแท็กซี่ฆ่าข่มขืนที่ไหนเขาก็คงไม่สน อย่างมากเขาก็แค่หาเลขาฯ มาแทนหากเธอได้ขึ้นหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์วันนี้

                “แม่ขา...” หญิงสาวหันหาแม่ที่ยังทำหน้าเสียดายสุดซึ้ง “ไหมรักแม่นะคะ แม่ทำสนุกๆ ก็ได้ ไหมจะเลี้ยงแม่เองนะ แม่อยู่บ้านทำกับข้าวให้ไหมกับเอิงกินก็ได้ นะคะแม่”

                “จริงด้วยค่ะป้า ปีนี้เอิงจะเรียนจบแล้วนะคะ แล้วตอนนี้ธุรกิจออนไลน์ขายครีมหน้าขาวคุณภาพดีของเอิงก็กำลังไปได้สวย พอเรียนจบ เอิงก็จะมีงานทำ เอิงคิดจะสร้างแบรนด์เกี่ยวกับความสวยความงามขึ้นมาเลี้ยงป้ากับลุงได้สบาย...ในกรณีที่ลุงไม่เอาเงินไปลงทุนจนวอดวายอีกนะคะ”

                พอเห็นลูกกับหลานรักช่วยกันพูดสองแรงแข็งขัน จุฑามาศก็พยักหน้าหงอยๆ กลัวไม่ได้ทำงานหาเงิน เพราะลำพังตัวเองยังสนุกกับงาน ยอดขายคือความท้าทายของเธอ อีกอย่างจุฑามาศรักครอบครัวจนไม่คิดจะงอมืองอเท้าให้ลูกหลานเลี้ยง

                “ก็ได้” รับปากแล้วหันมาลูบแขนอัยย์ศยาอย่างประจบพลางยิ้มหวาน “แต่วิตามินแปดขวดที่พ่ออิฐ เอ้ย! คุณขุนพลสั่งไว้แม่ต้องฝากไปให้เขาด้วยนะลูก แม่เก็บเงินเขามาแล้ว”

                อัยย์ศยาสบตากับน้องสาวแล้วพากันกลอกตามองบน ก่อนจะลงมือรับประทานแกงเขียวหวานกับขนมจีน

 

                หลังอิ่มมื้อเช้า อัยย์ศยาไม่อยากคิดถึงเหตุการณ์เมื่อคืนจึงถือนวนิยายเล่มหนึ่งติดมือออกไปนั่งตรงชิงช้าสีซีดในสวนร่มรื่นข้างบ้าน ซึ่งมีบ่อซีเมนต์ขนาดสามเมตรถูกทิ้งร้าง เพราะหลายปีมานี้คนในบ้านต่างมีภารกิจนอกบ้านจนไม่ได้สนใจดูแลต้นไม้หรือสวนบริเวณนี้ นานๆ ทีแม่ของเธอจะจ้างคนมาตัดแต่ง หรือไม่กันย์ณิตาก็จะซื้อไม้ดอกกระจุกกระจิกมาปลูกบ้าง แต่พอนานไปก็กลายเป็นแค่ไม้ใบที่ทุกคนลืมไปว่ามันเคยมีดอก

หญิงสาวเอนหลังบนชิงช้า เปิดหน้าหนังสือค้างไว้แต่ไม่ได้ซึมซับวรรณกรรมตรงหน้าเลยสักนิด เสียงตวาดก้องของขุนพลเมื่อคืนนี้แล่นเข้ามาเล่นงานจนต้องถอนใจ  

                “พี่ไหมคะ” เสียงเรียกอย่างไม่ค่อยสบายใจดังขึ้น กันย์ณิตาอาสาล้างถ้วยจานจนแล้วเสร็จเดินตามออกมา

                พี่สาวขยับถอยเพื่อให้น้องสาวนั่งลงบนชิงช้าตัวเดียวกัน “ไม่ไปไหนเหรอเรา”

                “พี่ไหมคะ พี่ไหมเดือดร้อน เจ็บตัวเพราะเรื่องของเอิงอีกแล้วใช่ไหมคะ” กันย์ณิตาสีหน้าเครียดเคร่งผิดกับบุคลิกสดใสร่าเริงของเธอ

                อัยย์ศยาวางหนังสือลงแล้วถอนหายใจแผ่ว แต่ทำให้กันย์ณิตามั่นใจว่าสองแม่ลูกนั่นยังไม่เลิกราวีพี่สาวของเธอ

                “เอิง เราสัญญากันแล้วนะว่าจะไม่พูดถึงมันอีก เอิงทำหน้าที่ของเอิงให้ดีตามที่รับปากพี่ไว้ เรื่องอื่นเอิงไม่ต้องใส่ใจ มันไม่ได้ทำให้พี่เดือดร้อนขนาดนั้น” อัยย์ศยาอาจโกหกคนอื่นได้ดี แต่กับคนที่โตมาด้วยกัน ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาอย่างกันย์ณิตาย่อมรู้ทัน

                “เอิงเรียนจะจบแล้ว อีกแค่ปีเดียว เราไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับพี่ต่อแล้ว พวกมันมีสิทธิ์อะไรมาทำร้ายพี่ไหม เอิงจะไปคุยกับพี่ต่อว่าทำไมเมียเขาไม่ทำอย่างที่รับปาก” กันย์ณิตาบอกอย่างโกรธแค้น เธอยอมรับว่าเคยทำผิดพลาดในช่วงที่ครอบครัวกำลังมีปัญหาการเงินอย่างหนัก เธอยอมทอดกายแลกเงินจากผู้ชายในยามที่เงินขาดมือจริงๆ

                กับปรนัยเขาก็เป็นแค่ลูกค้าในช่วงแรก แต่นานเข้า มีการพูดคุยกันมากขึ้น เขากลับช่วยเหลือเธอหลายๆ อย่าง แน่นอนว่ายิ่งนานวัน กันย์ณิตาก็เรียนรู้ว่าเธอควรจะทำอะไรให้ปรนัยพอใจและลุ่มหลงยอมให้ทุกอย่างที่เธอต้องการ ความสัมพันธ์ล้ำเส้นคำว่าลูกค้าไปมากทีเดียว เขามารับเธอไปมีความสัมพันธ์ด้วยบ่อยๆ

                นอกจากเงินและข้าวของที่ปรนัยหยิบยื่นตอบแทนเรือนกายที่ให้ความสุขแก่เขาแล้ว เธอมั่นใจว่าเขามีใจให้เธอมากกว่าคนซื้อบริการทั่วไป แต่ขึ้นชื่อว่าผู้ชายที่มีครอบครัวแล้วย่อมมีชนักติดหลังเสมอ สำหรับเธอแล้ว ปรนัยก็เป็นแค่ผู้ชายเห็นแก่ตัวคนหนึ่งเท่านั้น 

                กันย์ณิตาเป็นคนเรียนเก่ง ฉลาด ขยัน และรู้จักเก็บออม ตอนนั้นเธอกำลังเรียนมหาวิทยาลัยปีแรก กระทั่งปานธีรา ภรรยาของปรนัยจับได้ ปานธีราเป็นป้าแก่ขี้หึงที่พยายามจะบินไปดึงหน้าที่เกาหลีทุกปี มีลูกสาวที่นิสัยเสีย แต่แพรนันท์โชคดีที่เกิดมารวย สองแม่ลูกนั่นตามปรนัยไม่ทัน เขาเป็นห่วงว่าเธอจะเดือดร้อนเรื่องการเรียนจึงทำทุกทางไม่ให้สองแม่ลูกนั่นได้พบเธอ

                กันย์ณิตายอมรับว่าไม่ได้รู้สึกผิดต่อปานธีราเลย เพราะฝ่ายนั้นร้ายเกินกว่าเธอจะเห็นใจ ค่ำคืนหนึ่งเธอใช้โทรศัพท์มือถือของอัยย์ศยาโทร. ถึงชายหนุ่ม เพราะปรนัยบล็อกเบอร์โทรศัพท์ของเธอต่อหน้าภรรยาเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ จากนั้นกันย์ณิตาคิดว่าปรนัยคงจะบันทึกเบอร์ของอัยย์ศยาไว้ในเครื่องและชะล่าใจ ทำให้ปานธีราเข้าใจว่าเมียน้อยของสามีหนุ่มชื่อไหม

                การสืบค้นเมียน้อยของสามีเป็นไปอย่างบ้าคลั่ง ยายป้านั่นเคยขับรถไล่ล่าเธอกับปรนัยแต่ก็ตามไม่ทัน สุดท้ายเมื่ออัยย์ศยารู้เรื่อง พี่สาวตำหนิเธออย่างรุนแรง จนกันย์ณิตาเริ่มรู้ตัวว่าเธอทำผิดพลาดลงไป หากปานธีรารู้เรื่องเธออาจถึงขั้นถูกไล่ออกจากมหาวิทยาลัยรัฐบาลชื่อดังที่อุตส่าห์สอบเข้าได้

                เพื่ออนาคตของเธอ อัยย์ศยาจึงยอมรับสมอ้างเป็นเมียน้อยของปรนัยทั้งที่ไม่เคยเจอหน้าคนพวกนั้นเลยด้วยซ้ำ พร้อมคำสาบานว่าเธอจะไม่กลับไปยุ่งเกี่ยวกับปรนัยและหวนกลับไปทำอาชีพผิดบาปแบบนั้นอีก               

                ปานธีราตามมาตบตีอัยย์ศยาอีกหลายครั้ง ตามด่าประจานถึงที่ทำงาน พวกเธอต้องปิดบังไม่ให้จุฑามาศกับอุดมรับรู้ เพราะช่วงนั้นอุดมกำลังป่วยอยู่ด้วย สุดท้ายปานธีราก็ยื่นข้อเสนอให้อัยย์ศยาก้มกราบเท้าขอโทษเพื่อจบเรื่อง

                กันย์ณิตาเม้มปากแน่นเมื่อนึกถึงสิ่งที่อัยย์ศยายอมทำ กระทั่งทุกวันนี้ความรู้สึกผิดต่อสองแม่ลูกนั่นก็มีเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เธอขยับเข้าไปกอดพี่สาวไว้หลวมๆ ซบหน้ากับเรียวแขนนุ่ม น้ำตาปริ่ม “เอิงขอโทษนะพี่ไหม”

                “เอิงทำตามสัญญาที่ให้ก็พอ เรื่องอื่นพี่จะจัดการเอง” อัยย์ศยายิ้มอ่อนให้คนที่เงยหน้ามองเธอน้ำตาคลอ “แต่จำไว้นะเอิง คนเราต้องเอาความผิดพลาดเป็นบทเรียน เอิงต้องไม่กลับไปทำอะไรแบบนั้นอีก เอิงอาจจะคิดในมุมของเอิงว่าไม่ได้ทำร้ายใคร แต่เอิงรู้ไหมว่าการทำแบบนั้นเท่ากับเรากำลังทำให้ตัวเองหลุดพ้นความหิว ความไม่มีบนความเจ็บปวดของผู้หญิงด้วยกัน สัญญากับพี่นะเอิง”

                “เอิงสัญญา เอิงจะไม่มีวันทำแบบนั้นอีก แต่เอิงจะไม่ยอมให้ใครทำร้ายพี่ไหมอีกแล้ว”

                “อย่าพูดเรื่องนี้ ไม่ว่าในบ้าน หรือที่ไหน” มันคือความลับที่อัยย์ศยาจะเหยียบไว้แค่เธอกับน้องเท่านั้น

                กันย์ณิตามีแววรั้นเล็กๆ แต่สุดท้ายก็พยักหน้ายอมรับ

                เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นฉุดสองพี่น้องออกจากความตึงเครียด กันย์ณิตาขยับตัวออกห่างแล้วปาดน้ำตาทิ้ง ขณะที่เจ้าของโทรศัพท์สูดลมหายใจ ปรับเสียงให้เป็นปกติเมื่อเห็นว่าเป็นเบอร์ของเจ้านาย

                “สวัสดีค่ะ”

                “ไหมเหรอลูก”

                อัยย์ศยาขนลุกซู่ อุ่นซ่านกับน้ำเสียงเมตตาอารีของคุณลัดดามารดาของเจ้านาย ลัดดาเป็นคนใจดี ท่านเอื้อเอ็นดูเธอเสมอไม่เคยเปลี่ยน “ค่ะ คุณท่าน”

                “แม่เกรงใจ วันนี้วันหยุดของไหมแท้ๆ แต่ตาอิฐน่ะสิลูก ไม่รู้ไปตากฝนหรือสำมะเลเทเมาที่ไหนมา นอนไข้ขึ้นอยู่ที่บ้าน”

                “ค่ะ” ความห่วงใยในตัวเจ้านายที่มักมาก่อนสิ่งอื่นตลอดเวลาทำให้เธอนึกละอายใจ หลอกใครก็หลอกได้ แต่จะหลอกตัวเองได้นานแค่ไหนกัน...เธอกำลังห่วงคนที่ตวาดไล่เธอลงจากรถเมื่อคืน

                “อิฐจะคุยกับเขาเองแม่”

                อัยย์ศยาได้ยินเสียงพึมพำของคนที่คงอยู่ใกล้ๆ ลัดดา ครู่ต่อมาเสียงแหบแห้งก็ดังมาตามสาย เสียงซึ่งทำให้อัยย์ศยาใจหาย เขาป่วยหนักแน่ๆ ถ้าเสียงแย่ขนาดนี้

                “คุณอิฐ คุณเป็นอะไรมากหรือเปล่าคะ”

                “คุณไม่ต้องรู้หรอก คุณไปซื้อข้าวต้มปลามาให้ผมกินหน่อย เร็วที่สุดนะก่อนที่ผมจะตายซะก่อน”

                ความห่วงใยที่เกิดขึ้นก่อนหน้าเบาบางลงตอนที่อัยย์ศยารับคำอย่างง่ายดาย ลงว่าเขายังปากเสีย วางอำนาจได้ขนาดนี้ก็คงจะหายเพราะได้กินสิ่งที่เขาต้องการนั่นละ

                “พี่ต้องไปพบคุณอิฐ” เธอบอกกันย์ณิตาที่เดินตามกันมาถึงหน้าประตูบ้าน ทำให้จุฑามาศหูผึ่ง ทิ้งเครื่องดูดฝุ่นที่เพิ่งถอยมาใหม่ แล้วรีบฝากวิตามินหลากชนิดไปให้ชายหนุ่มด้วยทันที

                อัยย์ศยาไม่ปฏิเสธ แต่ไม่วายกำชับแม่ว่าห้ามไปขายอะไรให้เจ้านายของเธออีก

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น