6
คริสเตียน่ากังวลว่าตัวเองจะสูญเสียทรัพย์สมบัติ จึงวางแผนกับชายหนุ่มคนสนิทตักตวงผลประโยชน์จากโกลพรอมกรุ๊ป เซ็นหนังสือโอนถ่ายทรัพย์สินเงินทองบางส่วนมาไว้บัญชีอื่น อาศัยฐานะภรรยาเซ็นเบิกจ่ายมากมาย
อิวานอฟเห็นทุกอย่าง แต่เลือกจะเงียบ ไม่อยากเล่าให้ลุงซึ่งป่วยหนักรับรู้ เพราะมันไม่ช่วยให้ทุกอย่างดีขึ้น แต่อาการป่วยของลุงจะแย่ลงเมื่อภรรยาที่ท่านเทิดทูนเริ่มออกลายตั้งแต่ท่านยังไม่สิ้นลม
“เธอต้องกลับมอสโก นาตาชา ยูราซอค” เขาเอ่ยสั่งคนปลายสายเสียงแข็ง เรียกชื่อจริงเสียเต็มยศ หวังให้หญิงสาวรู้ตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง ไม่ใช่แฝงอยู่ในนามของ นาถลัดดา เพชรจำรัส
“พี่บอกจะให้เวลาคิด” นาถลัดดาหรือนาตาชาเถียงกลับ เธอห่วงบิดา กังวล และหวาดหวั่น แต่เพราะเรื่องราวในอดีตดึงรั้งให้คิดย้อนถึงพฤติกรรมที่ท่านทำกับเธอและแม่
เพียงแค่ฟังลมปากของคริสเตียน่า ท่านก็เชื่อหัวปักหัวปำ กล่าวหาว่าแม่เธอทำร้ายเวโรนิก้า ทั้งที่ความจริงแล้วคริสเตียน่าเข้ามาทุบตีเธอ และแม่เอาตัวมาขวาง เวโรนิก้าเห็นภาพที่แม่ตัวเองยื้อยุดกับแม่เธอ จึงเข้ามาช่วยทุบตีแม่ของเธอ และในช่วงชุลมุนก็ทำให้แขนของแม่เธอเหวี่ยงไปโดนเวโรนิก้าจนเด็กน้อยในตอนนั้นเซไปชนกระถางต้นไม้จนหัวแตก
คิดมาถึงตรงนี้ น้ำตาที่เหือดหายก็ไหลเอ่อ เรื่องราววันนั้นทำให้แม่ของเธอเจ็บปวดกับข้อหาทำร้ายเด็ก ถูกสามีด่าทอไม่ฟังความ ลงมือตบตีแม่ของเธอเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้าย
“พี่ไม่มีเวลาอีกแล้ว ตอนนี้คุณป้าคริสตี้เริ่มออกลาย ถ่ายโอนเงินทองทรัพย์สิน พี่ก็แค่กาฝากอย่างที่คุณป้าค่อนขอด ไม่มีอำนาจจะยับยั้ง แต่เธอ! เป็นลูก มีสิทธิ์จะสู้เพื่อปกป้องสมบัติพ่อเธอนะนาตาชา เดินทางเที่ยวบินพรุ่งนี้เลย พี่จัดการเรื่องตั๋วให้เธอแล้ว กลับมาดูแลสมบัติของพ่อเธอซะ พี่จะได้กลับไปดูแลสมบัติของพ่อแม่พี่บ้าง” อิวานอฟไม่ให้โอกาสอีกฝ่ายเถียงกลับ สั่งแล้ววางสาย
นาถลัดดาวางโทรศัพท์อย่างหงุดหงิด ความไม่อยากไปมีเท่ากับอยากไปเยี่ยม ไปดูแล หญิงสาวคิดถึงหน้าแม่เลี้ยง จำได้ดีว่าอีกฝ่ายทำอะไรกับเธอไว้บ้าง แล้วเธอจะปล่อยให้คนอย่างนั้นเสวยสุขขณะที่พ่อเธอป่วยหนักรึ
“แม่คะ หนูจะไปมอสโก ไปจัดการคนที่เคยทำร้ายแม่และหนู และที่สำคัญ หนูจะทำให้พ่อรู้ว่าท่านจะได้ผลกรรมใดบ้าง จากการทำร้ายจิตใจแม่”
หญิงสาวตัดสินใจแล้วเตรียมเดินทาง แต่ระหว่างที่กำลังเก็บเอกสารก็ได้ยินเสียงเหมือนมีอีเมลเข้ามา จึงกดเปิดอ่าน เป็นมอเดลลิงต้นสังกัดที่ส่งตารางงานมาให้ เธอขอลาพักร้อนสองเดือนเพื่อหลบคนใจทราม ไม่อยากกลับไปเป็นเหยื่อกามสวาทให้เขาตักตวง และตารางที่เห็นนี้เป็นช่วงฤดูใบไม้ผลิ อีกหลายเดือนกว่าจะถึงวันนั้น คงมีเวลามากพอจะจัดการชีวิตที่มอสโกให้เรียบร้อย ก่อนกลับไปสู่เวทีรันเวย์อีกครั้ง
และหวังว่าชายคนนั้นจะหมดความอยากในตัวเธอ หาสาวงามคนใหม่แนบกาย หรือไม่เขาอาจจะตกลงแต่งงานกับเอเดียน่า เธอจะได้หมดความกังวล ทำงานในสิ่งที่ตัวเองรัก ไม่ต้องกลัวจะถูกอีกฝ่ายตะครุบ
คนที่นาถลัดดาคิดว่าหมดความอยากในตัวเธอกำลังนั่งเม้มปากแน่น ไม่สบอารมณ์อย่างรุนแรงเมื่อลูกน้องไม่พบหญิงสาวที่เพียรสืบหา
“มันจะยากอะไรนักหนากับการหาตัวผู้หญิงคนหนึ่ง แกไม่เคยทำงานพลาดนะอังเดร ฉันกำลังจะถูกพ่อแม่จับเข้าคุกคู่กับโรนี่ ฉันไม่มีเวลาแล้ว! ฉันต้องได้ตัวนาถลัดดา”
รสสวาทที่ได้รับจากกายสาวนั้นยังตราตรึงจนอยากจะลิ้มลองซ้ำ ทำให้ชายหนุ่มเพียรตามหามาหลายสัปดาห์ แต่ลูกน้องทำงานได้เชื่องช้ามาก ไม่รู้ทำไม กาลเวลาที่เคลื่อนผ่านไม่ทำให้ความปรารถนาในตัวนาถลัดดาลดลง เขายังคงต้องการครอบครองร่างกายนั้น และดูท่ามันจะมากขึ้นจนสะสมไว้พร้อมมอบให้อีกฝ่ายรู้ว่า การหนีจากเขานั้นสร้างความทรมานให้เธอได้แค่ไหน
“เมืองไทยไม่ใช่แคบๆ นะครับ พวกผมทำเต็มที่แล้ว” อังเดรโอดครวญ
“ถ้าแกจับตัวนาถลัดดากลับมาไม่ได้ ก็ไม่ต้องกลับมาให้ฉันเห็นหน้า”
ชายหนุ่มนั่งพิงเก้าอี้นวม ใบหน้าบูดบึ้ง ปลายนิ้วจับปากกาเคาะกับแฟ้มเอกสาร คิดวนไปวนมาเกี่ยวกับนางแบบแองเจิ้ล
“สงสัยจะต้องเสียเงินค่าเที่ยวรอบโลกให้เจ้าเทมส์” ชายหนุ่มพึมพำ เริ่มหงุดหงิดเมื่อสิ่งที่คิดว่าง่าย แท้จริงแล้วยากยิ่งนัก
แสงตะวันฉายลงบนแผ่นดินมอสโกรำไร เพราะหมู่เมฆเคลื่อนคล้อยบดบังแสงแดด จนคล้ายกับว่าดินแดนแห่งนี้ตกอยู่ใต้อาณัติของหมู่เมฆาขาวนวล นาถลัดดามองพื้นดินด้านล่างด้วยความรู้สึกหลากหลาย อึดอัด ตื้นตัน กังวล และตื่นตระหนก แต่คงถอยไม่ได้แล้ว ที่นี่คือลานประหารคริสเตียน่า และเธอต้องทำหน้าที่เพชฌฆาต
เมื่อเครื่องบินพาณิชย์ปล่อยล้อลงกระทบพื้น วิ่งฝ่าแรงลมเข้าสู่ลานจอดภายในสนามบินดามาเดียดาวา สนามบินแห่งชาติรัสเซีย หญิงสาวก็ก้าวออกจากสนามบินด้วยท่าทางเงียบปนกังวล เธอจากที่นี่ไปร่วมสิบปี แม้จะบอกตัวเองให้เข้มแข็ง แต่คริสเตียน่าร้ายกาจจนเธอต้องระวังตัว
“อยู่ไหน พูดเองนี่ว่าจะมารอ” หญิงสาวบ่นอย่างหงุดหงิดเมื่อมองรอบกายแต่ไม่เห็นอิวานอฟ
เธอเดินตรงไปยังทางออก และหยุดรอพี่ชายตรงนั้น ใบหน้าสวยหวานเริ่มหงุดหงิด เมื่อผ่านมาร่วมครึ่งชั่วโมง แต่คนนัดไม่โผล่หน้ามาสักที
อีกฟากหนึ่งของสนามบิน อังเดรเดินทางกลับจากประเทศไทย เหวี่ยงกระเป๋าเป้ใบใหญ่ขึ้นพาดหลัง พร้อมสอดแขนเข้าสายเป้ ก้าวตามผู้คนที่ต่างเดินตรงไปยังประตูทางออก ชายหนุ่มถอนใจกับคำสั่งปัจจุบันทันด่วน คีริลล์เพิ่งสั่งกำชับทางโทรศัพท์ให้ตามหาตัวนางแบบแองเจิ้ลให้พบ แต่พอข้ามวันก็ส่งอีเมลไปเรียกตัวกลับ เพราะมีงานใหญ่ต้องร่วมกันสะสาง หยุดเรื่องนางแบบนั่นไว้ก่อน
ดวงตาสีฟ้าครามมองกวาดรอบตัว หาคนขับรถประจำบริษัทที่จะมารับ พอเห็นจึงยิ้มร่า ไม่ต้องถูกเจ้านายต่อว่าโทษฐานไปสาย
“ผู้หญิงคนนั้น...” อังเดรเห็นหญิงสาวในชุดกางเกงยีนเสื้อยืดสีขาวยาวคลุมเข่า ใบหน้าด้านข้างมีความละม้ายคล้ายคลึงกับหญิงสาวที่เขาเพียรตามหา
“เร็วๆ สิวะ เดี๋ยวก็โดนคุณเจ้านายกินหัวหรอก ช่วงนี้ยิ่งลมเพลมพัด” ปีเตอร์ หนึ่งในลูกน้องของคีริลล์เรียกเสียงดัง
“เออๆ”
“มองอะไรของแก เห็นสวยหน่อยไม่ได้เชียว”
“ไอ้บ้า ฉันแค่เห็นผู้หญิงคนนั้นหน้าคล้ายนาถลัดดา” อังเดรขยายความขณะที่รถเคลื่อนตัวออกจากสนามบิน มุ่งตรงสู่ชีคอฟกรุ๊ป
“อ้อ...แต่เจ้านายเรากำลังแย่ว่ะ ทางโกลพรอมรวบรัดเอานายเราเป็นคู่ชีวิตแน่นอน” ปีเตอร์เล่า สีหน้ามีรอยกังวล
เขารู้จักนิสัยของว่าที่นายหญิงดี หากได้มาเป็นนายอีกคนคงมีแต่เรื่องปวดหัว แม้คีริลล์จะเจ้าชู้มากรัก แต่เป็นคนดูแลลูกน้อง ใครป่วยใครเจ็บ ลูกหลานใครจะเรียนต่อ เจ้านายมีน้ำใจดูแลทุกคน แต่สำหรับเวโรนิก้า แค่ไม่จิกหัวใช้และมองอย่างเหยียดหยามก็พอแล้ว
“นายเราจะยอมง่ายๆ รึ เสียเชิงเพลย์บอยชื่อดังหมด” อังเดรคิดว่าเจ้านายไม่มีทางยอมเดินตามเกมผู้ใหญ่แน่นอน
“ก็ว่าอยู่ แต่คุณโบริสป่วยหนัก นายใหญ่ก็สงสารเพื่อน หาสารพัดวิธีมาบีบลูกชาย แต่ถ้าเราเจอลูกสาวคนโตของคุณโบริสก็น่าจะมีทางแก้ ถ้านิสัยไม่สุดโต่งแบบน้องสาว”
ปีเตอร์หยุดพูดแล้วถอนใจยาว แค่คิดว่าได้เวโรนิก้าเป็นนายก็สยองไปถึงไส้ติ่ง
“แล้วนางแบบที่เจ้านายเราหลงใหลขนาดสั่งให้นายตามหาล่ะ ว่าไงบ้าง เจอหรือเปล่า”
“ไม่เจอ นาถลัดดาเก็บตัวเงียบเหมือนพวกนกรู้ ฉันตระเวนหาทั่วภูเก็ต แต่ไม่เจอ”
“สวยอวบอิ่มแบบนั้น นายคงติดใจ” ปีเตอร์เล่าอย่างสนุก เพราะใครๆ ต่างก็เคยเห็นหุ่นอวบอิ่มบนเวทีรันเวย์ หรือบางครั้ง นาถลัดดาก็ปรากฏกายเกือบเปลือยบนปกนิตยสารชื่อดัง
“แกอย่าได้เผลอไปวิจารณ์นาถลัดดาต่อหน้าเจ้านายเชียว” เสียงอังเดรดูจริงจัง
“โธ่...แกจะเครียดทำไม เดี๋ยวก็เหมือนผู้หญิงที่ผ่านๆ มาของเจ้านายนั่นแหละ ไม่เกินเดือนก็จบกัน แต่ว่า...ถ้าคุณเอเดียน่ารู้ว่าเจ้านายติดใจนางแบบคนนั้น จะไม่ลงมือยกเลิกสัญญา หาทางบีบให้นาถลัดดาหมดปัญญาหางานหรือวะ เหมือนนางแบบคนอื่นๆ”
ปีเตอร์รู้เรื่องนี้ เพราะอดีตคู่ควงของเจ้านายหลายคนที่เป็นนางแบบเคยเล่าให้เขาฟัง และต่างบอกต่อๆ กันเพื่อเลี่ยงปัญหาดังกล่าว แต่ก็มีนางแบบจำนวนมากคิดว่าตัวเองสามารถมัดใจเจ้าของชีคอฟกรุ๊ปได้ ยอมเล่นกับไฟ สุดท้ายก็ถูกเปลวเพลิงเผาไหม้ แล้วก็ถูกเอเดียน่าฝังกลบไม่ได้ผุดไม่ได้เกิด
“เอาเถอะ ฉันเตือนแกแล้วกัน ไม่ฟังก็ไม่ว่ากัน” อังเดรตัดบท เมื่อเตือนแล้วไม่ฟัง ก็รอดูผลตอนถูกเจ้านายกระทืบแล้วกัน ผู้หญิงคนนี้ไม่เหมือนคนอื่น เขามั่นใจเช่นนั้น
แม่เลี้ยงกับน้องสาวต่างแม่ยังไม่รู้ว่านาถลัดดาเดินทางมาถึงมอสโกแล้ว หญิงสาวบอกให้อิวานอฟปกปิดเป็นความลับ เธอจะไปเยี่ยมบิดาตามที่พี่ชายขอร้อง เธอพูดเช่นนั้น แต่แท้จริงแล้วเธอห่วงบิดาจนร้อนรน ทว่าทิฐิอันแรงกล้าทำให้พูดกับอิวานอฟไปแบบนั้น
“นี่เอกสารที่พี่เก็บได้ อ่านเล่นๆ ไปก่อนแล้วกัน” อิวานอฟวางเอกสารปึกหนึ่งบนตักน้องสาว
“...” นางแบบสาวเปิดอ่าน เพียงแค่เห็นความต่างของตัวเลขสองบัญชีก็รู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ แต่ยังนิ่ง
อิวานอฟเหลือบมองร่างบางที่ยังคงนั่งนิ่ง แล้วหันไปสนใจการจราจร แอบเม้มปากนึกหมั่นไส้ท่าทางยโสของน้องสาว ห่วงบิดาจนถามเขาตั้งแต่เช้าว่าจะไปโรงพยาบาลตอนไหน แต่พอพามาจริงๆ กลับทำเมินเฉยเหมือนไม่สนใจ
คีริลล์ปวดหัวกับคำสั่งของบิดา แค่งานตัวเองก็เหนื่อยจนแทบไม่ได้พัก นี่ยังจะให้เขาช่วยจัดการเรื่องบริษัทโกลพรอมกรุ๊ป แถมให้ทำแบบลับๆ อีกด้วย
“ผมไม่ได้ว่างนะพ่อ ถ้าพ่ออยากช่วยคุณลุงโบริส ก็เรียกเจ้าเทมส์มาช่วยสิครับ เรียนจบแล้ว ต้องเรียนรู้งาน” ชายหนุ่มบอกปัด
“น้องยังเด็ก เขี้ยวเล็บไม่เท่าแก ช่วยพ่อหน่อย แกมีทั้งอังเดร ทั้งปีเตอร์ ต้องจัดการเรื่องนี้ได้อยู่แล้ว” หากไม่เคยช่วยชีวิตกันมาก่อน แอนตันคงไม่รักและห่วงเพื่อนอย่างโบริสเพียงนี้
“หึ เด็กๆ อย่างมันนั่นแหละ เขี้ยวลากดิน” ชายหนุ่มแขวะน้องชายที่อยู่อีกซีกโลก
“ถือว่าพ่อขอร้องแล้วกัน ช่วยตามสืบให้หน่อย อ้อ แล้วเรื่องหนูโรนี่แกจะเอายังไง คริสตี้ถามเช้าถามเย็น”
“พ่อครับ...ทั้งแม่ทั้งลูกร้ายขนาดนั้น พ่อยังจะส่งผมไปลงนรกอีกหรือไง” ชายหนุ่มพ่นลมหายใจอย่างหงุดหงิด
“แต่ถ้าแกไม่แต่งกับโรนี่ คงเข้าไปควบคุมดูแลโกลพรอมได้ไม่เต็มที่ แกอยากให้พ่อผิดใจกับเพื่อนรักหรือไง แกรู้มั้ย ถ้าไม่มีโบริส พ่อคงไม่มีโอกาสได้ยืนตรงหน้าแกแบบนี้”
เอาอีกแล้ว เริ่มจะเล่าเรื่องดั้งเดิมอีกแล้ว...ชายหนุ่มคิดอย่างเบื่อหน่าย สุดท้ายก็ได้แต่พยักหน้ารับไปส่งๆ
“แล้วแม่ลูกสาวคนโตไม่มาดูใจพ่อบ้างหรือไง ใจดำจริงๆ”
“ถ้าหนูนาตาชากลับมาจริง โบริสคงจะหายวันหายคืน”
“เป็นลูกประสาอะไร พ่อเจ็บแต่ไม่กลับมาดูแล จะโกรธจะเคืองกันยังไงก็พ่อนะครับ ดูอย่างผมสิ ถูกพ่อบังคับให้ทำเรื่องบ้าบอยังทนนั่งฟังพ่อบ่น”
“ไอ้ลูกบ้า” แอนตันตวาดลั่น ก็รู้ว่าตัวเองกำลังบังคับลูกชายคนโตมากเกินไป แต่บุญคุณในอดีตก็ค้ำคอ
คีริลล์ก้าวออกจากห้องทำงานของบิดา หลังจากท่านระเบิดอารมณ์ใส่อีกหลายคำ ในฐานะลูกเขาได้แต่ถอนใจ เพราะรักและเคารพ ต่อให้ถูกบังคับมากกว่านี้ก็ยินดีทำให้ ขอเพียงมีรอยยิ้มประดับบนใบหน้าท่าน
“อังเดร แกจับตาดูแกรแฮม ผู้จัดการฝ่ายวิศวกรรมของโกลพรอมไว้หน่อย รู้สึกจะฟุ้งเฟ้อเหลือเกินช่วงนี้”
จากข้อมูลที่บิดาบอก มีการโยกย้ายถ่ายโอนเงินออกจากโกลพรอมบ่อยครั้งในช่วงที่โบริสป่วย และคนที่ทำให้เกิดเรื่องดังกล่าวคือแกรแฮม ผู้จัดการฝ่ายวิศวกรรม ชายคนนี้โบริสให้ความไว้วางใจพอควร เพราะเขาเคยช่วยกอบกู้วิกฤติของโกลพรอมไว้ และค่อนข้างสนิทกับคริสเตียน่า
“ครับ เอ่อ...เจ้านายครับ เมื่อครู่คุณเอเดียน่าโทร. เข้ามา บอกว่าจะคุยกับเจ้านาย”
ประธานชีคอฟกรุ๊ปฟังแล้วหยิบโทรศัพท์ออกมาโทร. ทางไกลไปหาหญิงสาว พูดคุยทักทายกันไม่กี่ประโยคก็วางสาย
เอเดียน่าพร่ำบอกว่าคิดถึง จะมาเที่ยวมอสโก ระหว่างรองานแฟชั่นโชว์ฤดูกาลหน้าที่กำลังเตรียมงาน บอกว่าอยากมาพักผ่อนชาร์จพลังไว้ทำงานต่อ ทั้งหมดที่อีกฝ่ายพูดมานั้นคือข้ออ้าง คิดว่าเขารู้ไม่ทันหรือไง อะไรทำให้เธออยากมาที่นี่ เพราะข่าวเรื่องที่เขากำลังจะหมั้นกับลูกสาวของโกลพรอมกรุ๊ปนั่นต่างหาก ที่ทำให้เธอรีบตามมาประกบเขา แต่เอเดียน่ามามอสโกก็ดีเหมือนกัน หากเกิดเหตุฉุกเฉินต้องใช้แผนสำรอง เขาคิดว่าเอเดียน่าน่าจะช่วยเขาให้รอดพ้นเงื้อมมือเวโรนิก้าได้
ใบหน้าของคนป่วยซีดราวไร้เลือด มือเรียวบางยื่นไปแต่ไม่กล้าแตะ ชักกลับและจับไว้เพียงขอบเตียง ทิฐิและความเคืองโกรธที่มีลดวูบเพียงได้เห็นสภาพบิดา ท่านดูป่วยหนัก อาการรุนแรงกว่าที่คิดไว้ ใจที่แกร่งพร้อมต่อต้านกลับอ่อนระทวยราวขี้ผึ้งลนไฟ หวนคิดไปว่า หากมาช้ากว่านี้เธออาจไม่มีโอกาสได้พูดคุย
“แล้วคุณพ่อจะรักษาไหมคะ” หญิงสาวกระซิบถามอิวานอฟ
“อยู่โรงพยาบาลมาร่วมอาทิตย์ กล่อมเช้ากล่อมเย็นก็ไม่ยอมรับคีโม พี่ถึงให้เธอมาพูดกับท่าน วางทิฐิลงก่อนนะแนนนี่ ก่อนมันจะสายไป”
“แล้วคุณคริสตี้กับโรนี่...”
“สองคนนั้นรึ กังวลว่าตัวเองจะลำบาก รีบหาทางสร้างความมั่นคงให้ชีวิต ปล่อยลุงไว้กับพยาบาล มาดูบ้างวันเว้นวัน แต่ก็ดีนะ พี่จะได้มีโอกาสมาดูแลลุงทุกวัน ถ้าสองคนนั้นอยู่พี่ก็ไม่อยากเข้ามา แต่ละคำพูดที่เอ่ยออกมา...เฮ้อ”
อิวานอฟเล่าเสียงเครียด แทบทุกครั้งที่เจอหน้ากัน สองแม่ลูกนั่นจะว่าตรงๆ เสียดสีหนักกว่าตอนที่ลุงเขายังไม่ป่วย นี่คงคิดว่าเขาจะฮุบสมบัติถึงได้รีบด่ารีบไล่ เอาเถอะ รอให้จัดการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย เขาจะไม่อยู่ขวางหูขวางตาสองแม่ลูกนั่น
นาถลัดดายิ้มให้กำลังใจพี่ชาย รู้ว่าอีกฝ่ายถูกเหยียดหยามอย่างไรบ้าง เพราะทุกอย่างที่พี่ชายเจอ เธอประสบมาแล้วทั้งนั้น
“อือ...อือ...” คนไข้ครางเสียงเบาแล้วหลับนิ่ง
นาถลัดดาเห็นแล้วสงสารยิ่งนัก ยอมวางมือแตะแขนบิดา
“หนูมาเยี่ยมค่ะ” หญิงสาวบอกเสียงเบา เหมือนเธอกำลังละเมอตอนที่เอ่ยออกไป
ใครไม่เป็นเธอคงไม่มีวันเข้าใจ รักและโกรธปนเปกัน เจ็บใจเมื่อนึกถึงภาพท่านไม่สามารถปกป้องภรรยาสองที่ครอบครองด้วยการหักหาญน้ำใจ อ้างว่ารัก แต่ไม่เคยช่วยให้แม่ของเธอรอดพ้นการหาเรื่องของคริสเตียน่า แถมบางครั้งท่านยังขอร้องให้แม่ยอมรับผิดทั้งที่ไม่ได้ทำ
“แนนนี่รึ” คนไข้ได้ยินเสียงนั้นจึงค่อยๆ ลืมตามอง ก่อนจะน้ำตาไหลเพียงแค่เห็นหน้าลูกสาวคนโต ลูกสาวที่เขาเฝ้ารอมานับสิบปี
“ค่ะ” นาถลัดดาตอบเสียงเบา แล้วยอมนั่งบนเก้าอี้ที่อิวานอฟยกมาให้
“พ่อขอโทษ...พ่อผิดไปแล้ว” คนป่วยหนักร้องไห้พร้อมเอ่ยเสียงแหบพร่า มือเย็นเฉียบเอื้อมบีบมือลูกสาวอย่างหนัก ย้ำว่าเขารู้สึกผิดและเข้าใจว่าการขอโทษคืออะไร ตั้งใจจะเอ่ยคำนั้นออกมาอย่างจริงใจ
“อย่าเพิ่งพูดเลยค่ะ นอนพักผ่อนเถอะ” หญิงสาวยังคงมีท่าทางแข็งกร้าวกับบิดา นั่งหน้านิ่ง เอ่ยเสียงแข็ง
“พ่ออยากคุยกับลูก อยากมองหน้าลูก”
“คุณ...เอ...เอ่อ...คุณพ่อนอนพักก่อนเถอะค่ะ หนูจะอยู่ที่นี่ อยู่ดูแลคุณพ่อเอง”
“หนูจะไม่หนีไปตอนที่พ่อหลับใช่ไหม” ชายสูงวัยที่เคยเป็นพญาอินทรี ตอนนี้ราวนกน้อยที่เรียกหาไออุ่น
“ค่ะ นอนพักนะคะ หนูกับพี่เอียนจะนั่งรอคุณพ่อตื่น”
โบริสกลายเป็นเด็กดี ยอมหลับตานอนพักอย่างสงบ แต่มือเขายังคงกุมนิ้วทั้งห้าของลูกสาว ซึ่งนั่งน้ำตาซึมเมื่อคนป่วยหลับตา
หลังจากคนไข้หลับไปพักใหญ่ อิวานอฟก็สะกิดน้องสาวให้เดินออกจากห้อง เพราะรู้ว่าอีกฝ่ายยังไม่ได้กินอะไรเลย เขารับเธอจากสนามบินแล้วตรงมาเยี่ยมคนป่วยทันที
“หมอให้ยาไป คุณลุงคงหลับอีกนาน ไปหาอะไรกินกันก่อนเถอะ”
หญิงสาวพยักหน้า ทั้งสองเดินตรงไปที่ร้านอาหารภายในโรงพยาบาล นาถลัดดาตื้อในอก ไม่แตะต้องอาหาร แม้อิวานอฟจะคะยั้นคะยอให้กินสเต๊กเนื้อหอมกลิ่นเครื่องเทศ เธอเลือกจิบเพียงน้ำกีวีปั่นผสมเลมอนเพื่อเรียกความสดชื่น ในเวลานี้สมองและจิตใจหดหู่เหลือเกิน
หลังจากกินอาหารเสร็จ อิวานอฟพานาถลัดดาไปนั่งบนเก้าอี้ซึ่งตั้งอยู่ในสวนด้านข้างโรงพยาบาล มองไกลออกไปเห็นต้นไม้สูงเรียงเป็นแถว ต้นสนซีดาร์ตั้งเด่นเป็นสง่าแตกกิ่งก้านสาขาเป็นพุ่ม แถวโคนนั้นมีดอกไม้สีเหลืองกำลังแบ่งบาน ตัดกับสีเขียวของผืนหญ้า เขาหวังว่าภาพเหล่านั้นจะช่วยให้คนใจแข็งรู้สึกผ่อนคลาย
“ขอซบไหล่พี่หน่อยนะคะ” นาถลัดดาเอ่ยขอก่อนจะซบไหล่หนาที่ไม่ว่าเมื่อใดก็อบอุ่นเสมอ ไหล่นี้เป็นที่พึ่งพิงยามทุกข์ใจ และเวลานี้เธอกำลังหวั่นกลัว อยากได้ไออุ่นมาช่วยบรรเทาความหวาดหวั่นที่มากมายจนไม่รู้จะระบายออกทางไหน
อิวานอฟรู้ว่านาถลัดดากำลังอ่อนแอ จึงไม่เพียงให้ซบพัก แต่มือหนายังโอบประคองบอกให้น้องสาวรู้ว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พี่ชายคนนี้พร้อมจะอยู่เคียงข้าง ไม่ว่าทุกข์หรือสุข
เขาปล่อยให้หญิงสาวเอนตัวซบไหล่ และกอดกระชับเมื่อเห็นอีกฝ่ายใช้หลังมือปาดน้ำตาทิ้ง ไม่มีเสียงพูด ไม่มีการเยาะเย้ยถากถาง อิวานอฟรู้ดี นาถลัดดาไม่ชอบให้ใครพูดปลอบ เธอมักจะรักษาบาดแผลด้วยตัวเอง
ขาที่กำลังก้าวเข้าสวนหย่อมหยุดชะงัก เขาเห็นใบหน้าของหญิงสาวที่เอนซบไหล่ชายหนุ่ม หลานของประธานโกลพรอมกรุ๊ปชัดเจน ผู้หญิงที่เขาตามหาขนาดส่งลูกน้องไปล่าถึงภูเก็ต ที่แท้แล้วเธอไม่ได้หายไปไหน กำลังนั่งซบกับชายหนุ่มคนอื่น ซึ่งฐานะการเงินไม่ได้แย่จนเรียกว่าขัดสน อิวานอฟเป็นคนเก่ง หากเขาออกจากโกลพรอมกรุ๊ปไปทำธุรกิจของตัวเอง เชื่อว่าอีกฝ่ายจะประสบความสำเร็จ แต่ที่ยอมดักดานในโกลพรอมคงเพราะห่วงโบริส
“ตามหาตั้งนาน ที่แท้ก็ได้ผู้ชายคนใหม่แล้วนี่เอง ถึงไม่เรียกร้องอย่างผู้หญิงคนอื่น นี่ฉันบ้าหรือเสียสติ ถึงได้ตามหาผู้หญิงแบบนั้น ก้าวลงจากเตียงฉัน เธอคงหาลูกค้ารายใหม่ทันที เหมือนกันหมด พวกผู้หญิงหิวเงิน”
คนเสียงเข้มเอ่ยกับตัวเอง โชคดีที่ลูกน้องอยู่ด้านใน ถ้าอังเดรมาเห็นภาพนี้คงจะสมน้ำหน้าราชสีห์เช่นเขา ถูกนางกวางสอนมวยหรือนี่ แค่ความบริสุทธิ์ที่ได้สัมผัสทำให้เขาโง่งมหลงเธอจนต้องตามหา พอกันทีกับผู้หญิงในวงการมายา
ชายหนุ่มกอดอกมองภาพสองคนนั้นอย่างเข่นเขี้ยว เกือบจะเดินถอยหลังถ้าไม่เห็นสองคนนั้นเดินแยกกันไปคนละทาง นาถลัดดาก้าวเข้าไปในตึก ขณะที่อิวานอฟเดินเลี่ยงไปทางร้านกาแฟข้างตึก ชายหนุ่มไม่รอช้า ก้าวตามเข้าไปในตึกทันที ถึงไม่อยากจะเสวนา แต่ต้องการให้อีกฝ่ายเจ็บช้ำ โทษฐานทำให้เขาเหนื่อยตามล่า
ความคิดเห็น |
---|