7

บทที่ 7


 

7

 

                นาถลัดดาเดินเลี้ยวเข้าไปในตึกโรงพยาบาล ระหว่างยืนรอลิฟต์ สมองซึ่งอัดแน่นไปด้วยความกังวลและเครียดต้องทบทวนอย่างหนักหน่วง คิดว่าควรทำเช่นไรต่อไป ทว่าไม่ทันจะได้คิด หางตาก็เหลือบเห็นแม่เลี้ยงกับลูกสาวสุดที่รักของหล่อนเดินตรงมา หญิงสาวรีบเดินเลี่ยง ยังไม่พร้อมจะเผชิญหน้ากับผู้หญิงวายร้ายอย่างคริสเตียน่า สิ่งเลวร้ายที่แม่เลี้ยงเคยทำสอนให้เธอเรียนรู้ ต้องสู้อย่างมีชั้นเชิง สติและสมองต้องพร้อม หากจะต่อกรกับผู้หญิงคนนั้น ถ้าคริสเตียน่ารู้ว่าเธอมามอสโก อาจจะหยุดทำเรื่องเลวๆ ไม่เหลือร่องรอยให้เอาผิด ซึ่งนั่นจะทำให้ทุกอย่างมันยากขึ้น

                “อย่าให้สองแม่ลูกนั่นเห็นเราจะดีที่สุด”

                นางแบบแองเจิ้ลพึมพำแล้วเดินเลี่ยงออกมาอีกทาง เธอห่วงแต่มองคริสเตียน่า จึงไม่เห็นว่าชายคนหนึ่งกำลังก้าวเข้าหาอย่างคุกคาม

                “นึกว่าจะเล่นตัวเรียกราคา ที่แท้ก็มีลูกค้าคนสำคัญรออยู่” เสียงกังวานดังด้านหลังเธอ

นาถลัดดาได้ยินเสียงนั้นชัดจึงหยุดยืนนิ่งเพราะตกใจ ภายในอกกำลังสั่นรัว พยายามบอกตัวเองว่าไม่ใช่ โลกไม่กลมและเล็กจนย่นระยะทางที่ควรห่างมาชิดใกล้

ชายหนุ่มไม่เพียงพูด แต่ยังยื่นมือไปกระชากแขนเรียวจนเธอเซเกือบล้ม

                “คุณ!” แม้จะคิดว่าใช่เมื่อได้ยินเสียง แต่พอเห็นหน้าชัดๆ หญิงสาวก็แทบเข่าทรุด

เธอหนีไปหลายวัน เฝ้าภาวนาให้หลุดพ้นจากชายคนนี้ แต่ไยโชคชะตาถึงพาเขามาเจอเธอ หญิงสาวบิดมือหนี พอไม่หลุดก็ใช้มืออีกข้างหยิกเนื้อตรงสีข้าง ตบตีทั้งแขนและอกเขา แล้วใช้สายตาดุกร้าวตวัดจ้อง เห็นรอยยิ้มสะใจพร้อมคิ้วหนายกสูง

นาถลัดดาทุบจนเหนื่อย แต่อีกฝ่ายยังยืนทำหน้าระรื่น สุดท้ายเลยยืนเฉยรอดูว่าเขาจะทำอะไรต่อ

ชายหนุ่มไม่สะทกสะท้านเมื่อถูกทำร้ายร่างกาย ยืนมองด้วยแววตาล้อเลียนเมื่อคนทำร้ายเริ่มเหนื่อย

“ปล่อยฉัน!” เสียงแข็งลากต่ำ เธอจ้องดุดันมากขึ้น

“หึๆ อยากหนีจากผมรึ” เขาถาม แววตาเรียบนิ่งเช่นเดียวกับน้ำเสียง

“ใช่ คนชั่วอย่างคุณ ฉันต้องหนีให้ไกล ผู้ชายเลวๆ ที่ฉันไม่ควรเข้าใกล้” เธอแสดงความรังเกียจด้วยแววตาและน้ำเสียง

“จับคนใหม่ได้นี่ปากเก่งเสียงดังเชียวนะ หึๆ ผมเคยคิดจะตามหาคุณ เอามาเป็นคู่ควงลองศึกษานิสัย ในฐานะที่ได้เป็นผู้ชายคนแรก แต่เพิ่งจะเห็นเมื่อกี้...ว่ามีคนมารับเดนเสียแล้ว ดีใจด้วยนะ อิวานอฟถึงรวยไม่เท่าผม แต่ก็...คงจะเลี้ยงคุณได้”

หัวคิ้วของนาถลัดดาย่นเข้าหากัน ก่อนคลายออกเมื่อนึกอยากยิ้มเสียเหลือเกินยามได้ยินประโยคนั้น ค่อยๆ เงยหน้าสบตาเขาอย่างท้าทาย ไม่คิดจะอธิบายหรือตอบโต้ ปล่อยให้เขาเข้าใจแบบนี้ก็ดีแล้ว จะได้เลิกตามรังควานเสียที อีกไม่นานเธอคงได้กลับไปใช้ชีวิตปกติ ไม่ต้องกลัวเขาจะตามวอแวจนเรื่องไปถึงหูเอเดียน่า

“อึ้งที่ผมรู้ทันสินะ แต่ก็อยากขอบคุณที่ช่วยมอบประสบการณ์สุดวิเศษให้ผม ยอมรับเลย ตั้งแต่โตเป็นหนุ่มจนป่านนี้ ก็เพิ่งได้สัมผัสรสชาติสาวบริสุทธิ์ พรุ่งนี้จะส่งเช็คไปให้ สิบล้านรูเบิลน่าจะสมคุณค่า...”

เผียะ!

ไม่ต้องรอให้พูดจบ นาถลัดดาฟาดมือตรงปากที่เอ่ยวาจาร้ายๆ นั่นเต็มแรง เขาทำร้ายร่างกายเธอจนเปื้อนราคีแล้วยังใช้คำพูดเหยียดหยามให้เจ็บช้ำ ผู้ชายคนนี้ร้ายกาจไม่ต่างจากแม่เลี้ยงของเธอ

“คิดว่าตัวเองวิเศษมากหรือไง คิดว่าฉันอยากได้คุณจนตัวสั่นรึ...หึ! คิดเข้าข้างตัวเองมากไปแล้ว ผู้หญิงมากมายอยากครอบครองคุณ แต่หนึ่งในนั้นไม่มีฉันแน่นอน อย่ามายุ่งกับฉัน ไอ้คนชั่ว”

นาถลัดดาตวาดใส่อย่างดุเดือด บังคับเสียงตัวเองไม่ให้สั่น กลั้นหยดน้ำตาแห่งความคับแค้นให้อยู่ภายใน ซ่อนความเจ็บช้ำไว้ภายใต้ท่าทางแข็งกร้าว

“แน่นอน ผู้หญิงมากมายอยากได้ผม ถึงผู้หญิงคนไหนไม่อยากได้ผม เล่นตัวให้วิ่งตาม แต่สุดท้ายก็ต้อง...สยบหมดแรงคาอก”

“หุบปาก!”

ชายหนุ่มเลิกคิ้วยียวน สวนกลับอย่างร้ายกาจ เมื่อเธอร้ายมา เขาก็ต้องร้ายตอบ เห็นผอมเพรียวบางแต่ฝ่ามือหนักระดับพระกาฬ ทำเอาแก้มขวาชาหนึบแสบไปทั้งแก้ม

“ถ้ารับไม่ได้ อยากให้หยุดพูดความจริง...ก็ปิดปากผมด้วยปากคุณสิ...” ชายหนุ่มว่าตาพราว มองเรือนร่างอวบอิ่มซึ่งเคยได้ครอบครองและรู้ว่า ร่างกายนี้ทำให้เขาเร่าร้อนได้แค่ไหน

“ถอยไป!”

“ผมไม่เคยฟังคำสั่งใคร” สีหน้าเขาดูจริงจัง ก้าวเข้าหาขณะที่นาถลัดดาถอยห่างอย่างหวาดระแวง

“ถ้าคุณไม่รีบหาผู้ชายคนใหม่ เราคงมีเวลาศึกษาเรียนรู้สร้างประสบการณ์ร่วมกัน หรือไม่แน่ผมอาจจะจ่ายค่าเลี้ยงดู ให้คุณอยู่บ้านสบายๆ ไม่ต้องทำงานให้เหนื่อย เสียดาย รีบร้อนหาครูคนใหม่เร็วไปหน่อย แต่ก็น่าแปลกใจนะ ว่าผู้หญิงแบบคุณถ่ายรูปเกือบเปลือยมาก็เยอะ แต่สามารถรักษาพรหมจรรย์ไว้ได้ถึงป่านนี้ หรือว่าเก็บไว้ให้ผม ฮะๆ อย่าทำหน้าอย่างนั้นสิ ทำเหมือนอยากจะกรี๊ดแต่ไม่กล้าส่งเสียง ทำไม โกรธมากเหรอ หึๆ อกเกือบระเบิดหรือยัง จุ๊ๆ อย่าเพิ่ง นี่มันเพิ่งเริ่ม ถ้าโลกยังแคบขนาดพาเราสองคนมาเจอกันได้ก็เตรียมตัวไว้เลย ผมไม่ปล่อยให้คุณเป็นสุขแน่นาถลัดดา” ท่าทางหยอกล้อเมื่อครู่เปลี่ยนเป็นขึงขังจริงจัง  

“เป็นไง อิวานอฟกับผม ใคร...ปรนเปรอได้เต็มอิ่มมากกว่ากัน” ชายหนุ่มกัดริมฝีปากล่างแผ่วเบา ก่อนจะยิ้มตาพราว กวาดมองเรือนร่างอวบอิ่มอย่างเหยียดหยาม กดหญิงสาวให้ดูต่ำไร้ค่า

“...” นาถลัดดาโกรธจนสั่นไปทั้งร่าง มือสองข้างกำแน่นจนเล็บจิกเข้าเนื้อ

“มันคงอึดไม่เท่าผม...โอ๊ย!”

ไม่ต้องฟังให้เจ็บใจ นาถลัดดาชกเข้าเบ้าตาชายหนุ่มเต็มแรง ความโกรธ ความเสียใจผสมปนเปคล้ายกับสีตาชายหนุ่มตอนนี้ที่เขียวช้ำปนม่วง

คนถูกชกไม่มีโอกาสได้เอาคืน ยืนงงและกุมเบ้าตาที่ถูกซัดเต็มเหนี่ยวนั่น หญิงสาวทำเร็วหนีเร็วจนชายหนุ่มไม่ทันตั้งตัว

“เจ้านายเป็นอะไรหรือเปล่าครับ”

คีริลล์อยากจะสั่งพักร้อนลูกน้องเสียตอนนี้ อังเดรโผล่มาทันทีที่เกิดเรื่อง แสดงว่าเห็นตอนเขาถูกผู้หญิงตัวเล็กๆ ชก หมดกันกับความผยองยโสที่เคยมี นาถลัดดาทำให้เขาอับอายหลายหนแล้ว

“แกหุบปาก ห้ามพูด!”

อังเดรพยายามกัดกระพุ้งแก้มเมื่อเห็นดวงตาของเจ้านาย นี่เป็นครั้งแรกที่เห็น คีริลล์ ซาโกเยฟ หมดท่า แถมยังมีร่องรอยเป็นหลักฐานเสียด้วย

คีริลล์เดินไปที่รถ ตอนนี้อยากจะถล่มอะไรสักอย่างเพื่อระบายอารมณ์ที่อัดแน่น นาถลัดดาท้าทายอำนาจฝ่ายต่ำในตัวเขาอีกแล้ว

“เธอต้องได้รับการสั่งสอนนาถลัดดา” ชายหนุ่มกัดฟันคำรามเสียงเบา

“ฉันเห็นนาถลัดดาอยู่กับอิวานอฟ แกไปสืบมาว่าสองคนนั้นพักที่ไหน หรือเธอพักค้างที่ไหน ด่วนที่สุด”

ชายหนุ่มสั่งลูกน้องเมื่อรถแล่นออกจากโรงพยาบาล คนฟังคำสั่งได้แต่พยักหน้ารับ

อังเดรโคลงศีรษะขณะมองกระจกหลัง สุดท้ายผู้หญิงที่เพียรตามหาก็ปรากฏตัว แถมอยู่ไม่ไกล มอสโกถิ่นฐานบ้านเกิดของเขาเอง คงไม่ถูกส่งตัวไปภูเก็ตเพื่อตามล่าผู้หญิงคนนั้นอีก

 

อิวานอฟมองเสี้ยวหน้าของนาถลัดดาด้วยความสงสัย ตลอดทางที่รถแล่นกลับบ้าน น้องสาวนั่งกัดฟัน สองมือที่วางบนต้นขากำแน่นจนเส้นเอ็นปูดนูน

“เจอน้าคริสตี้มารึไง” ชายหนุ่มรู้ว่านาถลัดดาไม่ถูกกับแม่เลี้ยง เจอกันคราวใดก็มักมีเรื่องปะทะอารมณ์ตลอด และเมื่อครู่เขาเห็นป้าสะใภ้เดินเข้าไปในโรงพยาบาลตอนออกไปซื้อกาแฟ

“ค่ะ” เธอปดคำโต ไม่อยากให้พี่ชายถามต่อ

อิวานอฟส่ายหน้าแล้วขับรถต่อเงียบๆ ปล่อยให้น้องสาวนั่งสงบสติเพื่อเตรียมสู้กับแม่เลี้ยงที่ร้ายกาจ มากแผนการ แต่หากชายหนุ่มล่วงรู้อนาคตจะทราบได้ว่า ชีวิตของนาถลัดดากำลังจะเข้าสู่วงจรความวุ่นวายที่ไม่ได้เกิดจากแม่เลี้ยงเท่านั้น

 

เมื่อกลับมาถึงบ้านพักของอิวานอฟ นาถลัดดาก็เดินเลี่ยงออกมาคุยโทรศัพท์เรื่องงานเดินแบบ ซึ่งตารางงานที่ได้รับนั้น นาถลัดดาต้องร่วมเดินแบบเปิดตัวคอลเล็กชันโอต์ กูตูร์ ซึ่งดีไซเนอร์ชาวปารีเซียงจะเปิดบูติกแห่งแรกที่รัสเซีย

“ได้ค่ะ เจอกันวันลองชุด” หญิงสาวรับงาน เพราะนี่คือโอกาสสร้างชื่อเสียง อนาคตกับการเป็น ‘นาตาชา ยูราซอค’ ยังไม่ชัดเจน เธอไม่รู้มันจะจบแบบไหน ตอนที่ทุกคนยังรู้ว่าเธอคือนางแบบชื่อนาถลัดดา ก็ขอทำงานหาเงินเก็บไว้เลี้ยงตัวก่อน

“มีงานรึ” อิวานอฟเดินเข้ามาพร้อมนมสดแก้วโต เอ่ยถามเมื่อน้องสาวเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋ากางเกง

“ใช่ค่ะ คืนนี้พี่ให้คนเอาเอกสารไปไว้บนห้องนอนของแนนนี่ด้วยนะคะ แนนนี่จะดูบัญชีบริษัท”

อิวานอฟยิ้ม ดึงร่างบางเข้ามากอดและจุมพิตหน้าผากน้องรักราวได้วางเรื่องหนักใจ

“พี่ดีใจที่แนนนี่เลือกกลับมาช่วยคุณลุง”

“หนูไม่ได้ให้อภัยเขา แต่กลับมาเพราะอยากจัดการผู้หญิงวายร้าย สองแม่ลูกนั่นทำกับแม่ของแนนนี่ไว้มากมายแค่ไหน ไม่มีใครรู้เท่าแนนนี่ คนพวกนั้นไม่ควรสุขสบายด้วยการกอบโกยและโกงไปหน้าด้านๆ ต่อให้คุณโบริสทำร้ายแนนนี่และแม่แค่ไหน ก็ไม่ควรถูกผู้หญิงอย่างคริสเตียน่าทำร้ายซ้ำ คนอย่างคริสเตียน่าไม่ควรสุขสบาย”

เรื่องเงินบริษัทถูกยักยอกออกไปนั้น นาถลัดดาได้ข้อมูลจากอิวานอฟแล้ว ชายหนุ่มรู้ข้อมูลเพราะผู้จัดการฝ่ายวิศวกรรมเหิมเกริมมากเกินไป จนไม่ระวังตัวเผลอทิ้งร่องรอยให้สืบค้น คงคิดว่าอิวานอฟไม่มีอำนาจจะขวาง โบริสเข้าโรงพยาบาลเพียงไม่กี่วัน เงินของบริษัทเริ่มถูกถ่ายโอน แสดงให้เห็นว่าสองคนนั้นรวมหัวกันทำเรื่องแบบนี้มาก่อนแล้ว

“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พี่จะอยู่ข้างแนนนี่ตลอด”

“ขอบคุณค่ะพี่เอียน...พี่ดีกับแนนนี่ตลอดเลย”

“ก็พี่มีแค่เรา ถ้าไม่ดูแลเรา พี่จะไปดูแลใคร นอกจากลุงโบริสก็มีเพียงเรานี่ละที่พี่ห่วง...ดูแลตัวเองด้วย ป้าคริสตี้...ไม่ธรรมดา” ชายหนุ่มเอ่ยเตือน

“ตอนนี้หนูกำลังคิดว่า คุณโบริสเคยรู้มาก่อนไหมว่าเมียรักของเขาร้ายกาจแค่ไหน”

“...” อิวานอฟไม่ตอบ เขารู้ว่าลุงรู้สึกผิดมาตลอดที่เคยทรยศคำสาบานต่อหน้าพระเจ้า มีมารดาของนาถลัดดาอีกคน ทั้งที่สาบานว่าจะรักมั่นเพียงมารดาของเวโรนิก้า และลุงมักจะถูกป้าสะใภ้โต้เถียง ยกเรื่องนี้มาเรียกคะแนนสงสารให้ตัวเองและลูก เมื่อลุงต่อว่าเรื่องเวโรนิก้าไม่เอาถ่าน

“ค่ะ แยกย้ายกันพักผ่อนเถอะ รอเวลาให้สองแม่ลูกนั่นออกจากโรงพยาบาลก่อนเราค่อยกลับเข้าไป”

“แต่ถ้าแนนนี่ไปเดินแบบ สองคนนั้นคงรู้ว่าเรากลับมามอสโก”

“อีกเป็นเดือนกว่าจะถึงวันงาน ระหว่างนี้แนนนี่ว่า...เราน่าจะได้ข้อมูลมากพอจัดการคริสตี้”

อิวานอฟยิ้ม สองพี่น้องยืนมองแสงสลัวรอบกายซึ่งอีกไม่นานแสงสว่างคงส่องสาดขับไล่ความมืดมัว เหมือนกับปัญหาที่ถาโถมเข้ามาตอนนี้จะหมดไปในอีกไม่นานนี้

 

                คีริลล์นั่งสงบสติภายในร้านอาหารชื่อดังกลางมอสโก ตาคมเข้มมองรอบกาย บรรยากาศช่างอบอุ่น แสงไฟสีทองอร่ามทอดเป็นทางยาวจากหน้าห้างสรรพสินค้ารวมไปถึงจัตุรัสแดง ทว่าพอมองกลับมาตรงหน้า ความโรแมนติกยามค่ำก็หมดไปทันทีเมื่อเห็นหน้าสองแม่ลูก แถมบิดามารดายังนั่งประกบ คงกลัวว่าเขาจะวิ่งหนี ถึงได้นั่งขนาบซ้ายขวา

คริสเตียน่ากับเวโรนิก้าเล่นบทโศกเศร้าตั้งแต่อยู่ที่โรงพยาบาล พูดบีบบังคับพร้อมร่ำไห้จนบิดามารดาเขาต้องยอมเดินตามเกม ออกมากินอาหารพร้อมคุยเรื่องแต่งงาน ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าภรรยาของประธานโกลพรอมกรุ๊ปคิดอะไรอยู่ ถึงได้อยากจับเขาเป็นเขย ในช่วงเวลาที่สามีป่วยหนัก

                “ว่าจะถามตั้งแต่ขึ้นรถแล้ว พี่คีริลล์โดนใครชกมาหรือคะ” เวโรนิก้าถามอย่างสนใจ นัยน์ตาห่วงใยมองสบ หวังให้ชายหนุ่มรับรู้ว่าเธอห่วงเขา

                “เปล่า ผมเดินชนขอบประตู” เอ่ยตอบเสียงเรียบ กัดฟันจนปวดหนึบ เมื่อนึกถึงคนฝากรอยเขียวช้ำ และก้มหน้าก้มตากินอาหารตรงหน้า แม้จะเลิศรส แต่อารมณ์เขาไม่สุนทรีย์พอจะซึมซับความอร่อย

                บิดามารดาของเขาเหลือบมองด้วยความสงสัย คนอย่างคีริลล์นี่หรือจะเดินชนขอบประตู แต่เลือกจะเงียบ

                “ถึงเวลาที่ฉันจะต้องพูดเรื่องสำคัญเสียที” คริสเตียน่าเอ่ยขึ้นหลังปล่อยให้ทุกคนกินอาหารมาสักพัก

                “เชิญครับ” บิดาของคีริลล์เปิดโอกาสให้ภรรยาเพื่อน ซึ่งรู้อยู่แล้วว่าจะพูดอะไร

                “อาจไม่เหมาะนักที่จะพูดเรื่องนี้ในขณะที่โบริสกำลังป่วย แต่ฉันคิดว่า...นี่อาจเป็นโอกาสดีที่จะสร้างความสุขให้เขา สามีฉันอยากให้เวโรนิก้าแต่งงานมานานแล้ว เขาคงมีความสุขที่ได้เห็นงานแต่งของโรนี่กับคีริลล์ ซึ่งเราได้ตกลงกันไว้แล้วว่าจะให้ลูกๆ แต่งงานกัน”

                คีริลล์นั่งฟังเงียบๆ หยิบแก้วไวน์ขึ้นจิบระหว่างทอดสายตามองไปรอบร้าน ไม่อยากมองหน้าสองแม่ลูกจอมวายร้าย

                “ผมคิดว่า...” คนเป็นพ่อเริ่มลำบากใจ ท่าทางของคีริลล์แสดงออกชัดว่าไม่มีทางยอมเดินตามเกมผู้ใหญ่ แต่คำสัญญาที่ให้แก่เพื่อนสนิทนั้น เขาควรรักษา อย่าให้ใครมาหยามได้ว่าเป็นคนตระบัดสัตย์

                “คุณจะปฏิเสธหรือคะ...” คริสเตียน่าเอ่ยถาม ตาเริ่มเขียวเข้ม

                เวโรนิก้าที่นั่งนิ่งขยับตัว นิสัยเอาแต่ใจทำให้เธอไม่สนใจสีหน้าของคีริลล์ ยิ่งเขาต่อต้าน ยิ่งเขาอยากหนี เธอยิ่งอยากเอาชนะ เมื่อวานเอเดียน่าให้สัมภาษณ์เรื่องที่มีข่าวว่าคีริลล์กำลังจะหมั้นกับทายาทตระกูลยูราซอค ยายผมบรอนซ์บอกไม่เชื่อ ตอนฟังคำพูดของยายนั่น เธอยิ้มสะใจ ปากบอกไม่เชื่อ แต่สีหน้าวิตกอย่างเห็นได้ชัด อยากรู้นัก ถ้ามีงานแต่งระหว่างเธอกับคีริลล์จริง เอเดียน่าจะกู้หน้าที่แตกยับอย่างไร

                “เปล่าหรอกครับ แต่ตอนนี้ผมอยากให้พวกเราสนใจที่อาการของโบริสมากกว่า” แอนตันยิ้มขณะเอ่ย หวังให้อีกฝ่ายหยุดเรื่องนี้ไว้ก่อน

                “พวกเราก็สนใจอาการคุณพ่ออยู่แล้วนะคะคุณลุง แต่เราจะทำอะไรได้นอกจากรอ โรนี่เข้าไปเยี่ยมคุณพ่อทุกวัน เฝ้าดูแลอย่างใกล้ชิด ไม่ได้บกพร่องเรื่องการดูแล และไม่เห็นว่าเรื่องระหว่างโรนี่กับพี่คีริลล์จะขัดขวางการรักษาคุณพ่อตรงไหน” เวโรนิก้าเอ่ยขึ้น แววตาดื้อรั้นอย่างเห็นได้ชัด

                “เอ่อ...แต่ว่า...” แอนตันหันมองหน้าภรรยา ซึ่งลำบากใจไม่แพ้กัน ยามเหลือบมองท่าทางลูกชาย

แอนตันกับแอมมาเรียรู้จักนิสัยลูกชายดี คีริลล์ไม่มีทางยอมรับเรื่องนี้แน่ ที่นั่งนิ่งไม่โต้แย้งนี่ก็ถือว่าลูกชายรักษาหน้าให้บิดามารดามากแล้ว

                “ขอร้องนะคะ เมตตาและปรานีเราสองแม่ลูกด้วย” คริสเตียน่ารู้ทันความคิดของแอนตัน จึงเปลี่ยนทีท่าแข็งกร้าวเป็นวิงวอนอย่างน่าสงสาร ซึ่งแอนตันนั้นรักและห่วงใยโบริสราวเป็นพี่น้อง เขาต้องยอมทำตามที่เธอวอนขอ

                “ถือว่าสงสารเถอะ โรนี่จะอยู่ได้ยังไงถ้าไม่มีคนดูแล เราสองครอบครัวสนิทชิดเชื้อกันมานาน ฉันคิดว่าโบริสจะมีความสุข ถ้าได้เห็นลูกสาวแต่งงานกับลูกชายเพื่อนรัก”

                “ขอตัวนะครับ ผมง่วงนอน เพลียกับงานมาทั้งวัน”

คีริลล์เห็นท่าทางของคริสเตียน่าแล้วสุดจะทนมอง จึงยอมเสียมารยาทเอ่ยขัดกลางวงสนทนา และไม่รอให้ใครอนุญาตก็เดินผ่านหน้ามารดาตรงไปที่รถส่วนตัว 

                คริสเตียน่าเห็นเช่นนั้นแล้วหน้าเสีย หวาดกลัวว่าสิ่งที่หวั่นจะเป็นจริง คีริลล์ไม่ใช่คนหัวอ่อน

                “เอ๊ะคุณแม่ นั่นมัน...นังนาตาชา”

                ระหว่างที่ครอบครัวซาโกเยฟกำลังหนักใจ เสียงของเวโรนิก้าก็ดังขึ้น เธอชี้นิ้วให้คริสเตียน่ามองไปตรงประตูทางเข้าร้านอาหาร

                ดวงตาคริสเตียน่าเบิกกว้าง ตกใจเมื่อเห็นลูกเลี้ยงเดินเข้ามาพร้อมกับอิวานอฟ คิดมาตลอดว่านาตาชาไม่มีวันให้อภัยโบริสและไม่กลับมาเหยียบมอสโก แต่ตอนนี้คงต้องคิดใหม่ สองมือบนต้นขากำแน่น ต่อหน้าแอนตันคริสเตียน่าแสดงออกมากไม่ได้ จึงนั่งเก็บอาการ และเอื้อมมือไปหยิกต้นขาเวโรนิก้าเมื่อเห็นลูกสาวจะลุกขึ้นไปเอาเรื่องนาตาชา

                “...” เวโรนิก้าหันมองหน้าแม่ แววตาสงสัยฉายชัด แต่ต้องนั่งนิ่งเมื่อคริสเตียน่าถลึงตาใส่ พร้อมทั้งยังพยักพเยิดไปทางครอบครัวซาโกเยฟ

“คนนี้รึ ลูกสาวคนโตของโบริส”

แอนตันเคยเจอนาตาชาเมื่อตอนหญิงสาวเป็นเพียงเด็กวัยใสอายุสิบกว่าขวบ ใบหน้าที่ผ่านกาลเวลามาร่วมสิบกว่าปีเปลี่ยนไปพอควร หากคริสเตียน่าไม่บอกว่านั่นคือ ‘นาตาชา’ เมื่อเดินสวนกันเขาคงไม่รู้ว่านี่คือลูกสาวคนโตของเพื่อนรัก ชายสูงวัยหันไปสบตาภรรยา ซึ่งอีกฝ่ายก็พยักหน้าเข้าใจ

บางทีฟ้าอาจลิขิตทุกอย่างไว้แล้ว รอยยิ้มแห่งความสุขผุดบนมุมปากสองสามีภรรยา ก่อนจะเบนหน้าหลบซ่อนรอยยิ้มนั้น

อิวานอฟถอนใจยาวเมื่อหันไปเห็นป้าสะใภ้จ้องตรงมาทางเขากับนาถลัดดา ไม่คิดว่าทุกอย่างจะเร็วเช่นนี้ ทั้งที่อยากปกปิดเรื่องนาถลัดดากลับมามอสโกไว้ก่อน วางแผนหลบซ่อน ออกมากินข้าวเวลานี้เพราะคิดว่าป้าสะใภ้กับลูกสาวต้องอยู่เฝ้าไข้คนป่วย

แต่คงถอยไม่ทันแล้ว ชายหนุ่มบีบมือน้องสาวซึ่งมองกวาดไปทั่ว พอนาถลัดดาหันมาจึงพยักหน้าไปทางโต๊ะป้าสะใภ้

นาถลัดดาไม่หวั่นกลัวเมื่อหันไปสบตาดุกร้าว ดึงแขนอิวานอฟเดินตรงไปยังโต๊ะแม่เลี้ยง แม้ยังไม่พร้อมรับมือ แต่เธอถอยไม่ได้ หากก้าวหนีจะยิ่งทำให้คริสเตียน่าได้ใจว่าเหนือกว่า สามารถกำราบเธอได้เพียงแค่สบตา มันถึงเวลาแล้วที่เธอจะต้องสู้ ไม่มีนาตาชาเด็กน้อยที่แอบหลบอยู่ในมุมห้องอีก

“สวัสดีค่ะ” นาถลัดดาไม่รู้หรอกว่าหญิงชายที่นั่งอยู่กับแม่เลี้ยงเป็นใคร แต่ทักทายทุกคน

“แกกลับมาทำไม” เวโรนิก้าเอ่ยถามเสียงกร้าว แม้จะถูกเล็บของมารดาจิกบนหลังมืออย่างแรง แต่มันไม่เพียงพอจะหยุดเธอ แรงริษยาและเกลียดชังในตัวพี่สาวต่างมารดามีมากมาย ยิ่งเห็นหน้าชัดๆ เช่นนี้ยิ่งรู้ว่านาตาชาเด่นกว่าตัวเองในเรื่องหน้าตา

“คุณพ่อป่วย พี่ก็ต้องกลับมาดูแลสิน้องรัก” เสียงโต้กลับนั้นฟังดูมีความสุข นางแบบสาวพูดไปยิ้มไป สงครามประสาทกำลังเริ่มขึ้นแล้ว นาทีนี้เธอไม่ใช่เด็กขี้กลัวที่ต้องคอยซ่อนอยู่ในห้องมืด ยิ่งเห็นเวโรนิก้ากราดเกรี้ยว เธอยิ่งต้องนิ่ง สู้อย่างมีชั้นเชิง คริสเตียน่าเป็นคนสอนเอง เธอจะทำอย่างที่คริสเตียน่าทำกับแม่เธอ

“แกจะกลับมาแย่งสมบัติ...”

“โรนี่!” คริสเตียน่ากำราบเสียงแข็ง แม้มันไม่ดังลั่นแต่ทรงพลังเพียงพอที่จะทำให้เวโรนิก้านั่งสั่นเทิ้ม เพราะไม่สามารถอาละวาดใส่พี่สาวต่างมารดาได้

“สวัสดีจ้ะหนูแนนนี่ จำลุงกับป้าได้ไหม” แอนตันเอ่ยขึ้น

หญิงสาวหันมอง ก่อนจะขมวดคิ้ว ชายหญิงสองคนนี้เธอคุ้นหน้า แต่จำไม่ได้จริงๆ ว่าคือใคร

“ป้าแอมมาเรียไง ป้าเคยไปเยี่ยม...แม่ของหนู” เสียงแอมมาเรียขาดช่วงเมื่อเอ่ยถึงภรรยาชาวไทยของโบริส

ภาพหญิงสาวแต่งกายสวยหรูดูใจดีเดินเข้าไปในห้องพักฟื้นของแม่เมื่อนานมาแล้วย้อนมาให้นึกถึง วันนั้นเป็นวันที่แม่ของเธออาการทรุดหนัก และสิ้นใจในที่สุด ผู้หญิงคนนั้นเข้าไปเยี่ยมพร้อมเด็กชายสองคน จำได้ว่าตอนนั้นเธอนั่งร้องไห้จนตัวสั่น ไม่มีอ้อมกอดของบิดามาปลอบประโลมตอนที่หมอพยาบาลวิ่งวุ่นปั๊มหัวใจมารดา แต่ผู้หญิงคนนั้นเข้ามากอดและคอยประคองเธอตลอดเวลาที่หมอยื้อแย่งลมหายใจมารดากับยมทูต คอยพูดให้กำลังใจ เป็นอ้อมกอดเดียวที่เธอได้รับในวันที่สูญเสียมารดา

ส่วนบิดาอยู่แห่งหนใดเธอไม่รู้ในตอนนั้น แต่วันรุ่งขึ้นก็ได้คำตอบ เมื่อได้อ่านข่าวประธานบริษัทโกลพรอมกรุ๊ปเข้าร่วมงานกิจกรรมโรงเรียนของลูกสาวคนเล็ก ช่วงเวลาที่เธอต้องการอ้อมกอดของบิดา ท่านไปร่วมกิจกรรมที่โรงเรียนน้องสาว และนั่นเป็นจุดแตกหักให้เธอหนีออกไปใช้ชีวิตที่อื่น

“จำได้ไหม ป้าอยู่กับหนูในวันที่...ลัดดาเสีย” แอมมาเรียถามย้ำเมื่อนาตาชาเอาแต่ยืนนิ่ง

“จำได้ค่ะ” นาถลัดดาตอบเสียงเรียบ กลืนความขมขื่นที่ระลึกได้ลงอก เธอจะไม่อ่อนแอ...หญิงสาวย้ำกับตัวเอง แล้วหันไปจ้องหน้าแม่เลี้ยง

“สวัสดีค่ะ ป้าแอมมาเรีย” เธอสวมกอดหญิงสูงวัย ซึ่งอ้อมกอดนี้ยังอบอุ่นเช่นเคย

“คุณแม่!” เวโรนิก้าเห็นภาพมารดาของคีริลล์สวมกอดนาตาชาแล้วหันมากระฟัดกระเฟียดกับมารดาที่นั่งหน้าเสีย

นาตาชากลับมาเช่นนี้มีผลต่อแผนการของเธอแน่นอน ภรรยาของโบริสเม้มปากแน่น อยากจะฉีกอกลูกเลี้ยงยิ่งนัก คงคิดว่าพ่อป่วยใกล้ตาย ถึงได้กลับมาแสดงตัว คงหวังสมบัติของโกลพรอมกรุ๊ป คริสเตียน่าตวัดสายตามองหลานชายสามีซึ่งยืนนิ่ง นี่เป็นอีกคนที่ต้องจัดการ

                “อย่าโวยวาย” คริสเตียน่ากระซิบเสียงต่ำ

                “อาหารมื้อนี้คงไม่อร่อยแล้ว ฉันขอตัว” แม่เลี้ยงรีบเอ่ยขอตัว เมื่อสบตาลูกเลี้ยงที่เกลียดชัง กลัวจะเผลออาละวาดจนแอนตันเห็นภาพร้ายๆ อีกมุมหนึ่งที่เป็นตัวตนจริงของเธอ

                คริสเตียน่าคิดว่าตัวเองสร้างภาพได้แนบเนียน โดยไม่รู้เลยว่าแอนตันกับภรรยารู้พฤติกรรมทุกอย่างของเธอ เมื่อคริสเตียน่าและลูกสาวเดินออกจากโต๊ะ แอมมาเรียดึงนาถลัดดาให้นั่งลงข้างตัว

                “หายไปนาน ถ้าป้าเจอที่อื่นคงจำหนูไม่ได้” แอมมาเรียเอ่ยขึ้น

                “ขอบคุณค่ะ ที่ยังจำนาตาชาได้” หญิงสาวเอ่ยเสียงเบา ไม่คิดว่าเพื่อนของบิดาจะให้ความเอ็นดูเธอยิ่งกว่าคนในครอบครัว โดยเฉพาะแม่เลี้ยงและน้องสาวต่างมารดา ป่านนี้คงกลับไปวางแผนกำจัดเธอ

                “สบายดีหรือนาตาชา รู้เรื่องอาการป่วยของพ่อแล้วใช่ไหม” แอนตันเอ่ยขึ้นหลังจากเงียบเพราะอึ้ง เรื่องราวความวุ่นวายตั้งเค้าแล้ว โชคดีที่คีริลล์ลุกออกไปก่อนที่นาตาชาจะเข้ามา

                “สบายดีค่ะ หนูมีงานมีเงินพอเลี้ยงตัวเองได้ ถ้าไม่ใช่เพราะคุณ...โบริสป่วย หนูคงไม่กลับมามอสโก” ท่าทางของนาถลัดดาดูแข็งกร้าวเมื่อเอ่ยถึงบิดา

                แอนตันยิ้มแห้งเมื่อเห็นเช่นนั้น ได้แต่ภาวนาให้พ่อลูกเคลียร์ปัญหากันได้ในเร็ววัน

                “คงมาทานข้าวกัน สั่งสิ อิวานอฟด้วย วันนี้ลุงเป็นเจ้ามือเลี้ยงต้อนรับหนูเอง”

                อิวานอฟพยักหน้าแล้วรับเมนูจากบริกร ซึ่งแอนตันกวักมือเรียก เมื่อได้อาหารทั้งสี่ก็นั่งกินพร้อมกับถามเรื่องราวตลอดสิบปีของนาตาชา แต่หญิงสาวเอ่ยเล่าเพียงแค่บางส่วน เรื่องไหนไม่อยากตอบก็เพียงยิ้มให้คนถาม ซึ่งไม่คาดคั้นอยากรู้

 

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น