8

บทที่ 8


 

8

 

“คุณลุงแอนตันดูจะต้อนรับเราอย่างดี?” อิวานอฟเอ่ยถามเมื่อทั้งสองก้าวลงจากรถแล้วเดินเข้าบ้านพัก

ชายหนุ่มสังเกตว่าระหว่างรับประทานอาหาร บิดามารดาของคีริลล์สนใจเรื่องราวของนาตาชา เอ่ยถามหลายคำ แต่บางครั้งก็ไม่ได้คำตอบเพราะคนถูกถามไม่อยากจะเล่าเรื่องราวชีวิตตัวเองให้คนอื่นฟัง

“เขาเป็นเพื่อนคุณโบริส ก็ไม่แปลกนี่คะที่จะต้อนรับแนนนี่” หญิงสาวตอบ และไม่เข้าใจว่าชายหนุ่มจะนึกสงสัยอะไร

“พี่เห็นเราคุยกับเขาเหมือนสนิทกันมาก เรื่องราวเมื่อสิบกว่าปีก่อนพี่ก็จำได้รางๆ” อิวานอฟชวนคุยขณะรับแก้วน้ำมาจากน้องสาว

“คุณแอมมาเรีย...เป็นคนเดียวที่อยู่กับแนนนี่ตอนแม่เสีย พี่ลองคิดดูสิ เด็กคนหนึ่งจะเสียขวัญแค่ไหนเมื่อรู้ว่าแม่จากไปตลอดกาล อยากได้อ้อมกอด อยากได้ยินเสียงปลอบ หึๆ แต่คนที่ต้องทำหน้าที่นั้นหายไปไหนไม่รู้ ถ้าตอนนั้นไม่มีคุณแอมมาเรียอยู่ด้วย แนนนี่ก็ไม่รู้เลยว่าตัวเองจะสติแตกแค่ไหน ท่านพูดปลอบ โทร. เรียกลูกน้องมาช่วยจัดการศพแม่ ท่านมีบุญคุณกับแนนนี่มาก” เสียงขมขื่นดังขึ้น ก่อนที่เธอจะสลัดความเศร้าหมอง แกล้งหันมองไปทางประตูครัวแล้วรีบปาดน้ำตาทิ้ง

“แนนนี่...” อิวานอฟดึงร่างน้องสาวมาสวมกอด ภายใต้ท่าทางเหมือนไม่รู้สึกอะไรนั้น นาถลัดดากำลังเจ็บปวดเมื่อเรื่องราวในอดีตย้อนมาให้นึกถึง และเขาเผลอไปสะกิดแผลลึกที่ฝังในใจหญิงสาวมาตลอด

“ขึ้นไปอาบน้ำนอนพักเถอะ พรุ่งนี้คงมีเรื่องให้เราปวดหัว ป้าคริสตี้ไม่อยู่เฉยแน่ ทำใจให้สบายนะแนนนี่ จำไว้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พี่จะอยู่เคียงข้างเรา” ชายหนุ่มกระชับอ้อมแขนแน่นขึ้น

“ค่ะ เอ่อ...พี่เคยบอกว่า คริสเตียน่าจะจับลูกชายลุงแอนตันให้แต่งงานกับโรนี่ แนนนี่อยากเจอผู้ชายคนนั้น พี่วางแผนทำให้เป็นเรื่องบังเอิญได้ไหมคะ”

เธอจะแย่งทุกอย่างจากเวโรนิก้า และทำให้สองแม่ลูกนั่นเจ็บปวดเหมือนที่เธอกับแม่เจ็บ

“อย่าดีกว่าแนนนี่ พี่รู้นะว่าเราคิดจะทำอะไร อย่าเล่นกับไฟ ลูกชายป้าแอมมาเรียขึ้นชื่อเรื่องเจ้าชู้ เป็นผู้ชายวายร้ายชัดๆ เขาไม่เหมาะกับคนดีๆ อย่างเธอ และพี่ไม่เห็นด้วยที่เธอจะทำร้ายสองแม่ลูกด้วยการเอาตัวเองไปยุ่งเกี่ยวกับชายเจ้าชู้ ซึ่งสุดท้ายแล้วเธอจะต้องเสียน้ำตา ใช้วิธีอื่น พี่ไม่เห็นด้วยกับวิธีนี้”

“ทำไมคะ ลูกชายป้าแอมมาเรียนิสัยแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ แนนนี่จำได้ว่าเขามากับป้าแอมมาเรียในวันนั้น ถ้าเจอหน้ากันตอนนี้คงไม่รู้ว่าใครเป็นใคร เอ่อ...พี่คะ ครอบครัวเพื่อนสนิทคุณโบริสทำงานอะไรหรือคะ”

หญิงสาวรู้เพียงชื่อ ไม่เคยรู้ว่าสองเพื่อนสนิทของบิดาเป็นใคร ทำอะไร และนามสกุลอะไร

“พี่ไม่อยากพูดเรื่องนี้” อิวานอฟตอบเสียงเข้ม เมื่อรู้ทันแผนการของน้องสาว ชายหนุ่มเลือกจะปกปิดข้อมูลของครอบครัวแอนตัน ไม่อยากให้น้องสาวทำร้ายตัวเองด้วยการข้องเกี่ยวกับชายคนนั้น ซึ่งลือเลื่องเรื่องความเจ้าชู้ นาถลัดดาควรได้เจอผู้ชายที่ดีกว่านี้

“พี่ไม่บอก แนนนี่สืบเองก็ได้ พรุ่งนี้แนนนี่จะต้องรู้ให้ได้ ว่าผู้ชายที่โรนี่ต้องการคือใคร และ...แนนนี่จะเอาคืนสองแม่ลูกนั่น”

“ตามใจเธอ แต่บอกเลย เรื่องนี้พี่ไม่ช่วย เธอควรขึ้นไปดูเอกสารต่างๆ อีกรอบ เพราะพรุ่งนี้พี่จะพาเข้าไปที่บริษัท”

“มันไวไปค่ะ แนนนี่จะยังไม่เข้าบริษัท แต่ช่วงนี้พี่ให้คนของพี่ตามติดผู้จัดการนั่นไว้ รู้ว่าแนนนี่กลับมามอสโก พวกเขาต้องเคลื่อนไหวแน่ ส่วนเรื่องผู้ชายที่โรนี่อยากได้ แนนนี่ไม่ปล่อยแน่”

แววตาคนพูดดูมุ่งมั่นจริงจัง สองมือกำแน่นเมื่อนึกถึงสิ่งที่คริสเตียน่าและชู้รักกำลังทำ

อิวานอฟส่ายหน้า นาถลัดดาดื้อไม่ต่างจากลุงของเขา และหยิ่งยโสไม่ต่างจากแม่ของเธอ เขาคงได้แต่ตามประกบคอยช่วยเหลือเมื่อน้องสาวเพลี่ยงพล้ำ ห้ามไปเธอก็ไม่ฟัง แววตามุ่งมั่นฉายชัดจนเขาได้แต่ถอนใจ

นาถลัดดาอยากเจอลูกชายแอนตันมาก แต่หากเธอได้เจอผู้ชายคนนั้นจริงๆ เธอจะหนีหรือเดินตามเกมที่วางไว้ในใจ สวรรค์คงลิขิตไว้แล้ว

 

คีริลล์หน้าบูดบึ้งเมื่อเห็นบิดามารดานั่งรอในห้องรับแขกตั้งแต่เช้าตรู่ ซึ่งปกติแล้วในเวลานี้ทั้งคู่มักจะพักผ่อนหรือไม่ก็ชวนกันไปเดินออกกำลังกายในสวนหย่อม ไม่ใช่มานั่งหน้าตึงกลางห้องรับแขก มองจ้องเขาอย่างเอาเรื่อง

“เราเสียมารยาทมากนะเมื่อคืน” แอมมาเรียต่อว่าลูกชายคนโตทันที

“ผมก็บอกพ่อกับแม่ไปแล้วนี่ครับ ว่าไม่แต่งกับโรนี่เด็ดขาด ถ้าพ่อแม่อยากรักษาสัญญา ก็เรียกเจ้าเทมส์กลับมา ผมจะช่วยแค่ตามจัดการคนโกงบริษัทโกลพรอมเท่านั้น”

ชายหนุ่มส่ายหน้าขณะเอ่ย แอบถอนใจเมื่อเห็นมารดาถลึงตาใส่ เสมองไปทางอื่นแล้วยกแก้วกาแฟขึ้นจิบ พลางยักไหล่ราวไม่สนใจว่าบิดามารดาจะหงุดหงิดแค่ไหน

“แล้วถ้าไม่ใช่โรนี่ แต่เป็นคนอื่นล่ะ เราจะยอมแต่งไหม” แอนตันเอ่ยถาม

“ก็ลูกสาวคนโตของลุงโบริสไม่กลับมามอสโกนี่ครับ ถ้ากลับมาให้เห็นหน้าและสวยพอดูได้ ไม่เฟะเน่าในเหมือนโรนี่ ผมอาจจะตัดสินใจใหม่” ชายหนุ่มตอบ และหัวเราะร่ายามเห็นมารดาค้อนใส่

“เราเป็นผู้ชายไม่ควรเอ่ยถึงผู้หญิงแบบนี้” แอมมาเรียเอ็ดน้ำเสียงจริงจัง ไม่พอใจอย่างมากเมื่อลูกชายวิจารณ์ผู้หญิง แม้มันจะเป็นเรื่องจริงก็ตาม

“โธ่แม่...ผมพูดเรื่องจริง ไม่ได้ใส่ร้ายโรนี่สักหน่อย แม่อย่ามองผมแบบนั้น หรือแม่อยากได้ลูกสะใภ้ที่ผมต้องคอยส่งลูกน้องตามติดทุกฝีก้าว ป้องกันการถูกสวมเขา”

“ถ้าไม่อยากแต่งกับโรนี่ขนาดนี้ ก็ลองไปเจอหน้านาตาชาแล้วกัน”

แอมมาเรียสรุป แต่ไม่บอกคีริลล์ว่านาตาชาคือผู้หญิงที่เขายกมาอ้างว่ากำลังคบหา อยากเห็นสีหน้าคีริลล์ตอนรู้ความจริงว่าจะตกใจแค่ไหน งานนี้ดิ้นไม่หลุดแน่ บ่วงที่พยายามหนีรอคล้องอยู่แล้ว

“หล่อนกลับมาแล้วหรือครับ” เขาเอ่ยถามน้ำเสียงค่อนข้างวิตก คีริลล์เริ่มนั่งไม่สุขเมื่อเห็นบิดาพยักหน้าตอบรับว่าใช่

“วันนี้ผมไม่ว่าง มีธุระสำคัญต้องทำ คุณพ่อกับคุณแม่ห่วงครอบครัวคนอื่นจนลืมงานตัวเอง เราก็มีบริษัทที่ต้องดูแลนะครับ ผมมีประชุมทั้งวัน คงไม่ว่างไปพบลูกสาวใคร” ชายหนุ่มบอกเสียงเข้ม พร้อมเคาะปลายนิ้วกับต้นขาระบายความอึดอัด

“ก็ได้ แต่พอประชุมเสร็จแกต้องไปที่โรงพยาบาล” แอนตันสั่งกำชับทั้งน้ำเสียงและแววตา จ้องใบหน้าคมเข้มที่หันมาสบตาก่อนจะหันหนีอย่างรวดเร็ว

“ผมไม่รับปาก ขอตัวก่อนนะครับ เดี๋ยวสาย” ชายหนุ่มลุกเดินไปขึ้นรถอย่างรวดเร็ว ราววิ่งหนีบ่วงที่พ่อแม่กำลังโยนรัดชีวิตโสด ผูกมัดเขาไว้กับผู้หญิงที่ไม่เคยเห็นหน้า

เจ้านายเดินเร็วจนอังเดรที่เดินเกร่อยู่แถวนั้นเกือบจะขึ้นรถไม่ทัน

“ลูกชายเราคงไม่ยอมแต่งงานกับลูกสาวโบริส” แอมมาเรียบ่นงึมงำ

“หึๆ มันยังไม่รู้ไงว่านาตาชาคือผู้หญิงที่มันสมอ้างกับเรา”  

“แล้วคุณจะทำยังไงต่อ เราเสียเวลากับเรื่องนี้มามากอย่างที่คีริลล์ว่า ลูกเรามีภาระมากมาย ฉันสงสารลูกนะคะ เหนื่อยเรื่องงานยังต้องมาเหนื่อยเรื่องที่พ่อแม่ขอร้อง”

แอมมาเรียรู้ว่าลูกชายคนโตต้องแบกภาระบริหารงานชีคอฟกรุ๊ป ปกติก็แทบไม่ได้อยู่มอสโก ต้องไปดูแลบริษัทลูกในต่างประเทศ นานทีถึงจะได้กลับมาอยู่ที่บ้านสักครั้ง แต่พอได้กลับบ้าน พ่อแม่ก็หาเรื่องเดือดร้อนมาให้ ไม่ได้พักผ่อนอย่างที่เคยทำ

“เราจะนัดทุกคนไปเจอกันที่โรงพยาบาล ให้คีริลล์ได้เจอแนนนี่ ถ้าลูกยังไม่อยากแต่งอีก ผมจะพูดกับโบริส ขอช่วยเหลือแบบอื่นแทน”

“แล้วคริสตี้จะยอมหรือคะ คุณก็รู้ว่าเธอพยายามบังคับให้คีริลล์แต่งงานกับโรนี่”

แอมมาเรียคิดว่าทุกอย่างมันไม่ง่าย เธอรู้จักนิสัยของคริสเตียน่าดี ตอนนี้หนักใจเหลือเกิน เป็นห่วงลูกชายที่จะต้องแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รัก

“ผมรักเพื่อนและสำนึกในบุญคุณที่โบริสเคยช่วยเหลือ แต่ถ้าเทียบกับความรักที่มีต่อลูกสองคน ผมรักลูกมากกว่า ดังนั้น ผมจะเลือกวิธีที่ลูกเราไม่เจ็บปวด ตอนนี้มีอีกหนึ่งตัวเลือก เรามารอดูสีหน้าคีริลล์ตอนเห็นหน้านาตาชาดีกว่า”

แอนตันดึงตัวภรรยาเข้ามาสวมกอด เข้าใจดีว่าแอมมาเรียห่วงความรู้สึกลูกมาก คงไม่มีพ่อแม่คนไหนอยากบังคับลูกแต่งงาน แต่เขาต้องทำเพราะสัญญากันไว้แล้ว

“ไม่น่าเชื่อนะคะว่า เด็กตัวเล็กๆ คนนั้นจะโตขึ้นเป็นนางแบบที่สวยมาก ฉันลืมภาพเด็กน้อยที่เอาแต่ก้มหน้า ชอบซ่อนตัวหลังคนอื่นไปเลย”

แอมมาเรียเอ่ยขึ้น ขณะเปิดนิตยสารชื่อดัง พลิกดูรูปถ่ายของนางแบบสาว ‘นาถลัดดา เพชรจำรัส’

“แนนนี่เลือกจะปกปิดตัวตน ใช้ชื่อและนามสกุลของแม่ ไม่ให้ใครรู้ว่าเธอคือลูกสาวของมหาเศรษฐีดังแห่งมอสโก นี่ถ้าลูกชายคุณรู้คงอกแทบระเบิด จะพลิ้วหนีก็คงยากเพราะเอาแนนนี่มาสมอ้างเป็นแฟนเสียเอง จุดไต้ตำตอชัดๆ”

แอมมาเรียกับแอนตันเริ่มคลายกังวลเมื่อเอ่ยถึงนาตาชา ต่างนั่งหัวเราะเมื่อนึกถึงสีหน้าลูกชายตอนที่รู้ความลับบางอย่าง

 

                วันรุ่งขึ้น อิวานอฟเดินเข้าโกลพรอมกรุ๊ปด้วยท่าทางสบายๆ ไม่ได้หวั่นกลัวปัญหาใด อาการของลุงเริ่มดีขึ้น ท่านตกลงจะทำคีโม หลังปฏิเสธไม่ยอมรักษาด้วยวิธีนั้น ท่านคงมีกำลังใจมากขึ้นจนอยากสู้กับโรคร้ายยามได้เจอหน้าลูกสาวคนโต มหาเศรษฐีคนดังของมอสโกหมดอาลัยตายอยากเมื่อนาตาชาไม่คิดจะกลับมาเหยียบบ้านเกิด ยอมให้มะเร็งร้ายลุกลาม

แต่เมื่อทุกอย่างเปลี่ยนไป คนใจแข็งยอมกลับมาดูแลบิดา คนป่วยก็อยากหาย แม้ตอนนี้สองพ่อลูกจะยังเฉยชาใส่กัน แต่เขารู้ว่าต่างห่วงใยกันและกัน แผลในอดีตทิ้งรอยลึก จึงต้องใช้ระยะเวลาในการรักษา และเขาก็หวังว่าทุกอย่างจะคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น

                “คงจะมีความสุขมากสินะ ที่นังแนนนี่มันกลับมา”

ยังไม่ทันจะเปิดประตูเข้าห้องทำงาน ชายหนุ่มก็ต้องถอนใจยาวเพราะป้าสะใภ้เอ่ยทัก

“ก็นิดหน่อยครับ ผมอยากให้แนนนี่กลับมามอสโกนานแล้ว” ชายหนุ่มตอบเสียงเรียบ พยายามไม่แข็งกระด้างใส่ป้าสะใภ้

“แกสองคนคิดจะทำอะไร ฮุบสมบัติของโบริสรึไง ไอ้คนนอกตระกูล” คริสเตียน่าด่าเสียงลั่น ไม่สนใจเลขาฯ ของอิวานอฟที่ยืนตะลึง เบิกตากว้างเมื่อได้ยินคำพูดที่ฟังดูหยาบกระด้าง  

“เปล่าครับ ผมไม่จำเป็นต้องฮุบสมบัติใคร พ่อแม่ผมทิ้งไว้ให้พอควร ที่ทนอยู่ที่นี่ก็เพราะห่วงคุณลุงเท่านั้น” ชายหนุ่มตอบกลับ ถอนใจยาวบ่งบอกถึงภาวะอารมณ์ที่เริ่มคุกรุ่น

“ฉันไม่เชื่อ แกนึกว่าฉันโง่จนไม่ทันเกมแกหรือไง รีบๆ ลาออกจากบริษัทนี้ซะ ก่อนที่ฉันจะไล่แกออก”

“คุณป้าจะใช้อำนาจอะไรไล่ผมหรือครับ ในเมื่อตอนนี้ผมรักษาการตำแหน่งประธานบริษัท คุณลุงเซ็นอนุมัติไว้เอง”

เขาบอกเสียงนุ่ม ไม่ตกใจเมื่อเห็นท่าทางของป้าสะใภ้ เพราะเจอมาจนชิน ต่อหน้าคนอื่นจะพูดจาอ่อนหวานน่าฟัง แต่ลับตาคนก็ด่ากระทบเสียงลั่นจนไม่เหลือเค้าผู้ดีเก่า

“อำนาจภรรยาเจ้าของบริษัทไง” คริสเตียน่าตะคอกกลับ ยืนกำมือแน่นขณะจ้องหน้าอิวานอฟ เมื่อเช้าเธอเพิ่งรู้ว่าสามีมอบอำนาจให้หลานชายรักษาการตำแหน่งประธานบริษัท มีอำนาจสั่งการเท่ากับโบริส

“ผมว่า...คุณป้ารู้เรื่องที่คุณลุงมอบอำนาจให้ผมแล้ว”

อิวานอฟรู้เรื่องที่คริสเตียน่าเข้าไปหาสามี เพื่อให้โบริสเซ็นเอกสารมอบอำนาจบริหารมาให้เธอเมื่อเช้า ทว่ามันสายเกินไป โบริสมอบอำนาจให้หลานชายตั้งแต่วันแรกที่เขาป่วย ตอนนั้นอิวานอฟนึกสงสัย แต่พอรู้เรื่องแกรแฮมก็เข้าใจชัดเจนว่าเพราะเหตุใดลุงถึงต้องทำเช่นนี้

“แกเข้าไปคุยโวว่าเก่งอย่างโน้นอย่างนี้สินะ โบริสถึงได้มอบอำนาจให้”

คนฟังได้ยินก็ส่ายหน้า ตลอดเวลานับสิบปี มีเพียงเขาเท่านั้นที่เข้ามาช่วยลุงบริหารบริษัท ลูกสาวอย่างเวโรนิก้าไม่ทำอะไรนอกจากเที่ยวเตร่ ส่วนภรรยาอย่างคริสเตียน่าเข้าออกบริษัทบ้าง แต่ไม่เคยทำงานจริงจัง โฉบไปวุ่นวายกับฝ่ายโน้นทีฝ่ายนี้ที ลุงมีเขาคนเดียวเป็นที่ปรึกษา แล้วมันจะแปลกตรงไหนถ้าท่านจะมอบอำนาจการดูแลมาให้เขา ซึ่งรู้งานทุกอย่างของโกลพรอมกรุ๊ป

“ผมว่า แทนที่คุณป้าจะมาโมโหใส่ผม คุณป้าควรเอาเวลาไปดูแลลุงดีกว่านะครับ”

“ฉันจะต้องดูแลทำไม ในเมื่อตอนนี้นังแนนนี่มันกลับมาแล้ว หึ! แกสองคนอย่าคิดว่าฉันรู้ไม่ทัน อย่าหวังว่าทุกอย่างมันจะง่าย ฉันไม่มีวันให้ของที่ควรเป็นของโรนี่ตกไปเป็นของใคร”

“แต่ตอนนี้ของที่ควรเป็นของโรนี่บางส่วน ถูกถ่ายโอนไปเป็นของคนอื่นอยู่นี่ครับ”

“แกพูดอะไร!” คริสเตียน่าซึ่งมีชนักติดหลังร้องถามเสียงลั่น

อิวานอฟยิ้มเบาบาง ไม่มีความเยาะหยันหรือถากถาง เขาแค่หลุดไปเท่านั้น ไม่ได้ต้องการจะหยามเหยียดป้าสะใภ้หรือบอกให้อีกฝ่ายรู้ตัวว่าเขารู้ทัน

“ผมไม่ได้หมายความอะไรหรอกครับ ขอตัวก่อนนะครับ วันนี้มีประชุมสำคัญ เอ่อ...ถ้าคุณป้าระแวงผม กลัวผมจะฮุบสมบัติคุณลุง เข้าร่วมประชุมพร้อมกันก็ได้นะครับ”

แค่ได้ยินคำว่าประชุม คริสเตียน่าก็ส่ายหน้าปฏิเสธ มันน่าเบื่อที่จะต้องเข้าฟังทุกคนพูดและซักถามในห้องสี่เหลี่ยม

“มันหน้าที่แก ไม่ใช่หน้าที่ฉัน” ว่าจบคริสเตียน่าก็ก้าวกลับไปทางเก่า เดินทิ้งส้นเท้าอย่างหงุดหงิด เมื่อไม่สามารถจัดการหลานสามีได้

 

                นาถลัดดานั่งอ่านเอกสารในแท็บแล็ตระหว่างเฝ้าอาการโบริส หญิงสาวเห็นคนป่วยมองมาหลายครั้ง แต่ไม่พูด ส่วนเธอเอาแต่นั่งเงียบ ไม่เอ่ยถาม ปล่อยให้พยาบาลพิเศษเฝ้าดูอาการคนป่วย หน้าที่ของเธอคือหาที่มาที่ไปของเงินหลายล้านรูเบิลที่ล่องหนไปจากบัญชี

                “เลิกทำงานนางแบบได้ไหม”

เกือบสองชั่วโมงที่โบริสนั่งมองลูกสาว พลางนึกทบทวนว่าควรพูดห้ามหรือไม่ แล้วตัวเขายังมีสิทธิ์นั้นหรือเปล่า

“นั่นคืองานของฉันค่ะ” เธอตอบเสียงแข็ง ไม่เงยหน้ามองคนป่วย

“แต่มันควรรึ ที่จะเปิดเผยเนื้อตัวแบบนั้น” เสียงคนตักเตือนเริ่มเข้มขึ้น เมื่อเห็นท่าทางแข็งกร้าวไม่ยอมอ่อนข้อของลูกสาว

“มันเรื่องธรรมดา นี่มันโลกตะวันตกนะคะ ถ้าแม่อยู่ และแม่เป็นคนพูดเรื่องนี้ แนนนี่จะฟัง แต่คุณ...อย่าพูดเลยค่ะ”

ใช่...มันเป็นเรื่องธรรมดา วัฒนธรรมที่นี่เปิดกว้าง ไม่ได้บีบบังคับให้หญิงสาวต้องปกปิดเรือนร่าง และการเปิดเผยผิวกายนั่นก็เพื่องาน ไม่ใช่เปิดเพื่อโชว์หรือเรียกร้องสายตาหื่นกระหายจากชายหนุ่ม คนที่ต้องถูกห้ามน่าจะเป็นเวโรนิก้า ไม่ใช่เธอ

“แต่พ่อไม่ชอบ” โบริสเอ่ยขึ้นในที่สุด และหวังว่าอาการป่วยของตัวเองจะทำให้ลูกสาวยอมอ่อนให้บ้าง แต่มันไม่ได้ผล

“ก็เรื่องของคุณค่ะ ดิฉันไม่จำเป็นต้องสนใจ ขอตัวนะคะ”

นาถลัดดารีบลุกออกจากห้อง กลัวว่าถ้านั่งต่อจะเผลอพูดทำร้ายจิตใจคนป่วย ใจเธอไม่แข็งพอจะมองสีหน้าผิดหวังของโบริส ต่อให้แข็งกร้าวตอบโต้ไปอย่างไร แต่ใจเธอนั้นยังเกรงใจเขาอยู่ ที่ต่อต้านทุกวันนี้ก็เพราะเรื่องราวในอดีตเร่งเร้าให้ดื้อรั้น

น้ำตาคนป่วยไหลออกทางหางตาเมื่อเสียงประตูปิดสนิท เฝ้าโทษตัวเองตลอดว่าทำให้ลูกสาวต่อต้าน ไม่ยอมรับสายสัมพันธ์พ่อลูก

“เมื่อไหร่ลูกจะให้อภัยผม” คนเป็นพ่อพึมพำ แต่ไม่มีเสียงหลุดออกมา นัยน์ตาเจ็บปวดมองเพดานห้อง เฝ้านึกถึงใบหน้าของลัดดา หญิงสาวที่เขารักไม่แพ้หญิงสาวที่เพิ่งก้าวออกไป

 

นาถลัดดาเดินไปอย่างไร้จุดหมาย หญิงสาวอยากโทร. หาอิวานอฟ แต่ชายหนุ่มบอกไว้ตั้งแต่เช้าว่าวันนี้มีประชุมทั้งวัน เธอจึงต้องอยู่คนเดียว แม้จะเคยชินกับการเดียวดาย แต่ไม่รู้ทำไมตอนนี้จึงหวาดกลัวความว่างเปล่ารอบกาย ใจที่เคยแกร่งอ่อนแอลงตั้งแต่เมื่อไร

“แม่คะ...หนูเจ็บ หนูเสียใจ หนูโกรธทั้งพ่อ โกรธทั้งตัวเอง หนูสับสนเหลือเกิน”

หญิงสาวบ่นงึมงำขณะยืนกอดอกมองไกลไร้จุดหมาย เห็นใบไม้กำลังร่วงลงพื้น เพราะนี่เป็นฤดูใบไม้ผลิ อีกไม่นานยอดใบจะแตกผลิแทนใบเก่าที่ร่วงโรย คงเหมือนชีวิตคนที่วันหนึ่งก็ต้องลาจากกัน

                อังเดรเห็นเรือนร่างบอบบางเดินผ่านหน้าตอนนั่งพักจิบกาแฟ ระหว่างรอเจ้านายเข้าไปเยี่ยมคนป่วย ชายหนุ่มกำลังแปลกใจ ทำไมถึงเห็นนางแบบสาวที่โรงพยาบาลนี้บ่อยเหลือเกิน เธอมาเยี่ยมใคร

                “มองนานเชียวนะแก” ปีเตอร์ใช้ศอกกระทุ้งสีข้างคู่หู เอ่ยแซ็วเมื่ออังเดรมองจ้องนางแบบแองเจิ้ลเนิ่นนาน

                “ไอ้บ้า ฉันไม่ได้คิดอะไร ไม่ต้องทำตาพราวแบบนั้น แกเองก็ห้ามมองเธอด้วย” อังเดรเอ่ยเตือน

                “เออ รู้หรอกว่านั่นผู้หญิงของนาย แต่เอ...ทำไมคนนี้เร็วกว่าทุกคน ตอนแรกก็เห็นเจ้านายโวยวายสั่งให้ตามหา แต่มาอยู่ใกล้กันแค่นี้ เจ้านายกลับนิ่งเฉย”

                “ก็คงเหมือนรายอื่นๆ นั่นแหละ” อังเดรสงสัยเช่นกัน แต่คิดว่าเจ้านายคงเบื่อวิ่งตาม คนอย่างคีริลล์เบื่อง่าย ที่สั่งให้ตามหานาถลัดดาตอนนั้นน่าจะเป็นเพราะยังสดใหม่ และกว่าจะได้ตัวเธอมานั้นค่อนข้างยาก เจ้านายต้องใช้เวลาและวางแผนมากมาย ต่างจากหญิงสาวคนอื่น

“แต่ว่าก็ว่าเถอะ พอเธอแต่งตัวแบบนี้ก็ดูน่ารักน่าทะนุถนอมดีนะ” แต่งตัวแบบนี้ของปีเตอร์คือ นาถลัดดาอยู่ในชุดกางเกงผ้าไหมสีน้ำเงินเข้ม สวมเสื้อแขนกุดคอวีสีขาวมุก ผมยาวถักเป็นเปียด้านข้าง แล้วรวบเป็นหางม้าด้านหลัง ส่งให้ใบหน้าเรียวรีเด่นชัด โชว์เครื่องหน้าที่สวยงามลงตัว

                “ไม่รู้ว่าเธอมาอยู่ที่นี่ทำไม มาดักรอเจ้านายเราหรือเปล่า”

ผู้หญิงที่ถูกคีริลล์ทิ้งมักจะเข้ามาวุ่นวาย กว่าจะเคลียร์กันลงตัวก็เนิ่นนาน บางคนสร้างข่าวเสียหายอยู่หลายเดือน ทำให้เจ้านายตกเป็นจำเลยสังคม ถูกตราหน้าว่าเป็นผู้ชายวายร้าย ทั้งที่จริงแล้วผู้หญิงเหล่านั้นละเมิดสัญญา พอจบเรื่องบนเตียงก็ไม่ยอมหยุดตามครอบครอง

                “ไม่รู้ว่ะ ผู้หญิงเป็นเพศที่เดาใจยาก” อังเดรส่ายหน้าแล้วมองตามเรือนร่างบอบบางที่เดินลงไปด้านล่าง เขาหวังว่าเธอจะไม่ลงไปดักรอเจ้านายอย่างที่ปีเตอร์คาดเดา

                “ตามลงไปเถอะ เผื่อเธอไปดักรอเจ้านาย เราจะได้กันออกมา เกิดเธอทำให้เจ้านายอารมณ์เสีย จะเดือดร้อนพวกเราอีก”

                สองหนุ่มเดินตามนาถลัดดาไปเงียบๆ และเบิกตากว้างเมื่อเห็นเธอเดินเข้าห้องพักคนป่วยอย่าง ‘โบริส ซาโกเยฟ’

 

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น