9

บทที่ 9


 

9

 

                ตอนนี้ในห้องพักของโบริส ทั้งครอบครัวเขาและครอบครัวแอนตันต่างอยู่กันพร้อมหน้า อิวานอฟนั่งกดโทรศัพท์หาน้องสาว สีหน้าเริ่มบึ้งตึงเมื่ออีกฝ่ายไม่ยอมรับโทรศัพท์สักที หลังประชุมเสร็จเขาก็รีบมาเยี่ยมลุง แต่แทนที่จะเจอนาถลัดดา กลับพบเพียงพยาบาลที่จ้างไว้ แววตาเศร้าหมองของลุงทำให้สันกรามเขาขบแน่น ไม่รู้จะทำเช่นไรแล้ว คนหนึ่งก็รั้น อีกคนก็ปากหนัก เขาในฐานะคนกลางได้แต่ทำใจ

                “น้องสาวพี่หายไปไหนล่ะคะ ไหนว่ากลับมาดูแลคุณพ่อ แต่พอลับตาคนก็หายตัว สร้างภาพชัดๆ” เวโรนิก้าว่าเสียงดัง หวังให้แอนตันรู้ว่าลูกสาวคนโตของโบริสไม่ได้สนใจบิดา

                “เอียน แนนนี่หายไปไหน ป้าคิดว่าเขามาดูแลโบริสนะนี่ ถึงได้มาสาย ทำไมไม่ห่วงพ่อตัวเองบ้าง เอาแต่ใจตัวเองตลอด เฮ้อ...โตจนป่านนี้แล้วก็แก้ไม่หายนะ ไอ้นิสัยไม่มีความรับผิดชอบน่ะ” คริสเตียน่าว่าสำทับ

                อิวานอฟถอนใจ นี่คงจะสร้างเรื่องให้แอนตันเข้าใจว่านาถลัดดาไม่สนใจบิดาตัวเองสินะ ชายหนุ่มส่ายหน้า เอือมระอาทั้งป้าสะใภ้และญาติผู้น้อง

                “ถ้าคนที่พ่ออยากให้พบไม่อยู่ ผมขอตัวกลับก่อนนะครับ งานบริษัทตั้งมากมาย มานั่งเสียเวลารอแบบนี้ ระวังบริษัทจะเจอปัญหาขาดทุนนะครับ” คีริลล์เอ่ยขึ้น

เขาถูกบิดามารดาบังคับให้มาที่นี่ เพราะท่านจะให้ดูตัว นาตาชา ซาโกเยฟ แต่ดูแล้วนิสัยคงไม่ต่างจากน้องสาว พ่อป่วย แทนที่จะดูแล กลับหายตัวไป ปล่อยให้คนไข้อยู่กับพยาบาล ไร้ความรับผิดชอบพอกันทั้งพี่ทั้งน้อง ซึ่งเขาไม่ควรเอาเวลาทำกำไรมานั่งรอผู้หญิงไร้สามัญสำนึก

                “อย่าเพิ่งกลับเลยคีริลล์ เดี๋ยวแนนนี่ก็เข้ามา” คนป่วยที่นอนหลับตาเอ่ยขึ้น เขาไม่ได้หลับอย่างที่คนอื่นเข้าใจ โบริสแค่ซ่อนความเจ็บปวดไว้ด้วยการหลับตา ได้ยินทุกคำพูด แต่นอนฟังเฉย

                “คุณพ่อเป็นยังไงบ้างคะ เมื่อไหร่คุณพ่อจะหายสักที โรนี่เป็นห่วงคุณพ่อจังเลย” เวโรนิก้าถลาเข้าไปแตะแขนบิดา แล้วซบตรงอกอย่างน่ารัก

                อิวานอฟถอยห่างออกมา ส่ายหน้าเมื่อเห็นท่าทางของสองแม่ลูก ที่พุ่งเข้าไปเกาะแขนลุงของเขาแล้วเอ่ยถามเสียงหวาน

                “เดี๋ยวก็หายลูก เอียนออกไปดูน้องหน่อยสิ เห็นว่าหิวเลยออกไปหาของกิน” โบริสบอกหลานชาย รู้สึกเกรงใจเพื่อนรัก ซึ่งตอนนี้เดินมายืนที่ปลายเตียงและยิ้มให้กำลังใจ

                อิวานอฟเกือบจะเดินไปที่ประตู หากไม่เห็นว่าลูกบิดเริ่มหมุนแล้วประตูก็เปิดออก นาถลัดดาเดินหน้าเศร้าเข้ามา พอเห็นอิวานอฟก็รีบโผเข้ามาสวมกอด โดยไม่มองว่ามีใครอยู่ในห้องบ้าง

                “พี่เอียน ไหนว่าประชุมทั้งวันไง” นาถลัดดาเอ่ยถามแล้วปล่อยพี่ชาย

                สองพี่น้องยิ้มให้กัน ก่อนจะหันมองทางเตียงคนป่วย ความปรีดาแปรเปลี่ยนเป็นตกใจสุดขีดยามได้เห็นหน้าชายหนุ่มที่อยากหนีให้ไกล แต่เขายืนอยู่ตรงหน้า ปลายเท้าของนางแบบสาวก้าวถอยเมื่อสบแววตาดุกร้าว

คีริลล์จ้องหญิงสาวด้วยแววตาดุเดือดปนสับสน มองใบหน้านางแบบสาวสลับกับอิวานอฟ เกือบจะก้าวเข้าไปกระชากแขนนาถลัดดาที่อยู่ในอ้อมกอดชายคนนั้น แต่หยุดตัวเองทัน ยืนนิ่งพร้อมเม้มปากระงับแรงโทสะที่เพิ่มสูง ไม่รู้ทำไมถึงได้โมโหมากมายยามเห็นเธอสวมกอดผู้ชายอื่น ไม่สิ เขาไม่ควรรู้สึกอะไรทั้งสิ้นกับผู้หญิงที่เป็นของเก่า

                แอนตันเห็นสีหน้าลูกชายแล้วก็ส่ายหน้าเบาๆ รีบก้าวมายืนเคียงข้าง วางมือแตะบ่าหนาที่รับรู้ได้ถึงแรงสั่น

                “คีริลล์ รู้จักลูกสาวคนโตของลุงโบริสสิ นาตาชา ซาโกเยฟ หรือแนนนี่” แอนตันรีบแนะนำให้ลูกชายรู้จักกับนาถลัดดา ซึ่งแววตาและสีหน้าของคีริลล์ไม่ได้ผิดไปจากที่เขาคาดไว้...ตกใจ สับสน งงงัน

                เมื่อได้สติชายหนุ่มก็หันมองหน้าพ่อแม่ด้วยแววตานิ่งแต่ดุดัน และทำให้แอมมาเรียต้องรีบเดินมารั้งแขนลูกชาย เธอใช้ไม้อ่อนด้วยการยิ้มอบอุ่น ลูบต้นแขนหนาอย่างปลอบโยน รู้ว่าคีริลล์กำลังโกรธ

                “ผมต้องการคำอธิบาย” เขาก้มกระซิบกับมารดา ซึ่งยิ้มแห้งยามสบตาขึ้งโกรธ

                ฝ่ายนาถลัดดายืนงง ก่อนจะเข้าใจเมื่อเห็นเพื่อนรักของบิดายืนขนาบข้างผู้ชายวายร้าย คนที่เธออยากหนีให้ไกล ความจริงบางอย่างทำให้เธอรีบภาวนา ขออย่าให้สิ่งที่เธอคิดเป็นจริง เขาต้องไม่ใช่ลูกชายของชายหญิงคู่นี้

                “นาตาชา มารู้จักพี่คีริลล์สิ ลูกชายคนโตของลุงเอง” แอนตันเอ่ยพร้อมยิ้มใจดี

                ริมฝีปากของนาถลัดดาแห้งผาก คำภาวนาของเธอไม่มีใครสนใจ สิ่งที่เธอพยายามหนีแท้จริงแล้วรอคอยอยู่ตรงทางออกนี่เอง นางแบบสาวเกือบจะก้าวถอยหากว่าอิวานอฟไม่ดันหลังไว้ ชายหนุ่มยิ้มให้กำลังใจน้องสาว เมื่อเห็นแววตาหวาดหวั่นของนางแบบสาว

                “ไม่จำเป็นต้องรู้จักกันก็ได้นี่คะคุณลุง” เวโรนิก้าเอ่ยเสียงห้วนจัด ความรู้สึกบางอย่างบอกให้เธอรีบขวาง ยามเห็นคีริลล์จ้องหน้านาถลัดดา พี่สาวต่างแม่สวยเด่นทั้งใบหน้าและเรือนร่าง เธอเทียบไม่ได้สักอย่าง ถ้าไม่อยากเสียผู้ชายอย่างคีริลล์ให้พี่สาวต่างมารดา เธอต้องขวางไม่ให้คีริลล์สานสัมพันธ์ หรือเห็นนาถลัดดาเป็นหนึ่งในตัวเลือก

                “ใจเย็นโรนี่ อย่าเพิ่งแผลงฤทธิ์” คริสเตียน่ากระซิบเตือน จิกปลายเล็บตรงเอวคอดกิ่ว

                “รู้จักกันไว้ก็ไม่เสียหายนี่ครับ” หลังจากยืนระงับอารมณ์อยู่นาน คนโกรธจัดจึงเอ่ยขึ้น จับจ้องใบหน้าเรียวรีเรียบนิ่งเหมือนไม่รู้สึกรู้สาว่าสร้างเรื่องให้เขาโกรธได้มากแค่ไหน สองมือเขาต้องกำแน่นเพราะกลัวจะเผลอคว้าคอนาถลัดดามาบีบเคล้น ถามว่าสนุกมากใช่ไหมที่ปั่นหัวเขาเล่น แต่เชื่อเถอะ เธอจะได้รับการตอบแทนอย่างสาสมแน่นอน

                “ที่จริง ผมกับนาตาชาเราเคยเจอกันมาแล้วครับ และค่อนข้างสนิท...แนบชิดกันมาก” ชายหนุ่มเล่นคำและเน้นจนคนถูกกล่าวถึงแก้มแดงเรื่อ อับอายแม้คนอื่นไม่เข้าใจสิ่งที่อีกฝ่ายเอ่ยขึ้น

                “ในนามของ ‘นาถลัดดา เพชรจำรัส’ ใช่ไหมครับ” ชายหนุ่มถามแล้วตวัดสายตามองมือของอิวานอฟที่กำแขนเรียวไว้แน่น อยากเดินไปกระชากออก แต่ต้องระงับอารมณ์ไว้  

                “ใช่ค่ะ คุณคีริลล์มีคู่ควงเป็นดารานางแบบหลายคน เราอาจเคยเดินสวนกันในงานเลี้ยงที่คุณคีริลล์ไปกับสาวๆ สวัสดีค่ะคุณลุงคุณป้า”

หญิงสาวทักทายเพื่อนสนิทบิดา วางตัวไม่ถูกเมื่อตาคมเข้มวับวาวจับจ้อง ถ้าไม่มีคนอื่นอยู่ด้วย มือที่กำแน่นนั่นคงวางตรงคอเธอ แต่อย่าคิดว่าเธอจะสนใจ อยากโกรธจนเส้นเลือดในสมองแตกก็เชิญตามสบาย

                แอมมาเรียหันมองหน้าสามี คนที่คบกัน เวลาเจอหน้ากันเขาทักทายกันแบบนี้รึ เธอมองหน้าสามีเพื่อให้เขาเข้าใจสิ่งที่เธอคิดตอนนี้ เพราะอยู่ต่อหน้าคริสเตียน่าจึงไม่เอ่ยออกเสียง และดูเหมือนแอนตันจะเข้าใจความคิดภรรยาจึงส่งยิ้มเจ้าเล่ห์กลับมา

                “แต่ก็ดีไปอย่างนะ ที่พี่คีริลล์ไม่มีข่าวฉาวกับเธอ” แม้มีเล็บคอยหยิกเตือนสติ แต่มันแผ่วเบาจนไม่สามารถห้ามปากเวโรนิก้าได้ เธอเอ่ยเสียดสีพี่สาวต่างแม่พร้อมตวัดสายตามองอย่างเดือดดาล 

                “มันก็ดีกับเธอไม่ใช่เหรอโรนี่ จะได้ไม่ถูกมองว่ารับช่วงต่อคู่ควงพี่” นาถลัดดาว่าเสียงเข้ม ยอกย้อนจนคนฟังยืนสั่น ยิ่งคนพูดมองด้วยสายตาท้าทาย น้องสาวยิ่งหวาดกลัว

                “กินอะไรมาหรือยัง” โบริสเอ่ยกับบุตรสาวคนโต ซึ่งยิ้มให้คนป่วย

                “ยังค่ะ ที่นี่ไม่มีอะไรน่าทาน แนนนี่เลยเดินกลับมา เดี๋ยวจะออกไปทานกับพี่เอียนข้างนอก”

นาถลัดดาอยากเอ่ยขอโทษเรื่องก่อนหน้านี้ แต่ในห้องมีคนอื่นอยู่ด้วยจึงเพียงยิ้มให้ ใช้แววตาบอกว่าตัวเองรู้สึกผิดจริงๆ ซึ่งแค่นี้โบริสก็รู้ว่าลูกสาวหายโกรธเรื่องที่เขาสั่งห้ามทำงานเดินแบบ

                “อยู่เฝ้าพ่อมาตั้งแต่เช้าคงจะเหนื่อย กลับไปพักเถอะ เอียนดูแลน้องด้วย” โบริสสั่งหลานชาย

                “ครับ” อิวานอฟเดินเข้ามายืนใกล้นาถลัดดา แล้ววางมือโอบไหล่น้องสาวพร้อมยิ้มให้กำลังใจลุง

                คีริลล์มองภาพนั้นด้วยความโมโห นาถลัดดาคือเมียเขา อิวานอฟเป็นแค่พี่ชาย ไม่ควรมาโอบกอด สองมือที่กำแน่นเลยยิ่งแน่น ริมฝีปากหนาเม้มเป็นเส้นตรง ความอดทนเขาใกล้จะหมดลงแล้ว

แอนตันกับแอมมาเรียแอบยิ้มให้กันเมื่อเห็นท่าทางลูกชาย สื่อถึงกันทางสายตาว่าต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว

                “อย่าเพิ่งกลับสิแนนนี่ ป้าจะชวนพวกเราทุกคนไปทานข้าวด้วยกัน ไปด้วยกันนะคริสตี้ หนูโรนี่ เอียน” แอมมาเรียเชิญทุกคน เพราะเรื่องสำคัญที่คลุมเครือมาเนิ่นนานยังไม่ได้จัดการให้เสร็จสิ้น

                “เสียดายที่หมอยังไม่อนุญาตให้นายออกจากโรงพยาบาล” แอนตันเอ่ยกับเพื่อนรัก พร้อมบีบกระชับมือหนาอย่างให้สัญญา อีกไม่นานหรอก สัญญาระหว่างทั้งสองจะสำเร็จ

                คริสเตียน่าเม้มปากแน่น เมื่อเห็นแอนตันต้อนรับนาถลัดดาอย่างเอ็นดู เหมือนรักใคร่ลูกเลี้ยงของเธอ ฝ่ายคีริลล์ก็จ้องใบหน้านาถลัดดานิ่ง ไม่หันหนีเหมือนตอนมองหน้าเวโรนิก้า แล้วยังแววตาที่สามีมองตอบเพื่อนรักอีก ยิ้มยินดีเหมือนกับว่าแผนจับลูกชายลูกสาวแต่งงานจะสำเร็จแล้ว ทุกคนมองไปที่นาถลัดดา หลงลืมว่าเวโรนิก้ายืนอยู่ที่นี่ด้วย ลูกสาวเธอกำลังถูกลืม

                “ทำไมต้องเชิญคนอื่นไปด้วยล่ะคะคุณป้า โรนี่ว่าเราน่าจะไปกันแค่พวกเรานะคะ จะได้คุยเรื่องงานแต่งระหว่างโรนี่กับพี่คีริลล์เสียที คุณพ่อคะ...”

                “หนูโรนี่!” แอนตันเรียกเสียงดัง หวังห้ามอีกฝ่ายพูดเรื่องที่ยังไม่ได้ข้อสรุป

                “อะไรหรือคะคุณลุง โรนี่กำลังจะบอกข่าวดีคุณพ่อนะคะ ท่านจะได้มีกำลังใจเข้ารับการรักษา คือพี่คีริลล์ตกลงจะ...”

                “ผมตกลงจะแต่งงานกับนาตาชาครับ”

                “อะไรนะ!”

                ทุกคนในห้องร้องเสียงหลง เมื่อคีริลล์ประกาศเสียงดัง ไม่เพียงพูด เขายังเดินไปดึงตัวนาถลัดดาออกจากอ้อมกอดอิวานอฟ บีบกระชับเอวบางแน่น เมื่อเธอพยายามจะเบี่ยงตัวหนี

                “ไม่จริง/ไม่จริง” ทั้งเวโรนิก้าและนาถลัดดาร้องปฏิเสธลั่น

                “อยู่นิ่งๆ” ชายหนุ่มขู่เสียงเข้ม ยามขยับริมฝีปากลมหายใจเขารินรดใบหูเธอ และเหมือนมันจะกระตุ้นให้ร่างบางสั่นสะท้าน ไม่เท่านั้น เขายังแกล้งกดริมฝีปากลงตรงซอกคอขาวอย่างว่องไว สูดดมกลิ่นกายที่โหยหา ยิ่งเห็นทุกคนมองมาอย่างตะลึงยิ่งกระหยิ่มยิ้มย่อง

                นางแบบสาวอยากจะถองศอกแรงๆ เอาให้จุกจนเขาปล่อยแขนที่รัดแน่น แต่คีริลล์ยืนแนบชิดจนไม่สามารถทำร้ายร่างกายเขาได้

                อิวานอฟขมวดคิ้วสงสัย ท่าทางของสองหนุ่มสาวดูเหมือนรู้จักกันมาก่อน แต่ทำไมเขาถึงไม่รู้ นึกย้อนไปถึงคำพูดของคีริลล์ที่เข้ามาถามเขาก่อนหน้า แถมยังเตือนเหมือนหวังดีนั่นอีก หรือว่า...

                “จริงหรือคีริลล์” เสียงแหบแต่เต็มไปด้วยความปีติของคนป่วยดังขึ้น หลังจากนอนนิ่งเพราะประหลาดใจ ไม่คิดว่าคีริลล์จะยอมเดินตามเกมผู้ใหญ่เช่นนี้

                ชายหนุ่มดึงร่างบางติดมาด้วยตอนเดินเข้าไปยืนตรงหน้าโบริส เขาหันมาเลิกคิ้วก่อกวน แสยะยิ้มมุมปาก ใช้สายตาเหนือกว่าจ้องใบหน้าเรียวรี ซึ่งแววตาฉายชัดถึงความกังวล เห็นแล้วยิ่งสะใจ ที่สุดแล้วชัยชนะก็ต้องเป็นของเขา แล้วหันไปพูดกับโบริส

                “ก่อนหน้านี้ผมปฏิเสธไม่ยอมแต่งงานกับลูกสาวคุณลุง เพราะผมมีคนที่ถูกใจอยู่แล้ว และเธอคือผู้หญิงคนนี้ครับ”

นาถลัดดาทำตัวไม่ถูกเมื่อคีริลล์ดันไปยืนต่อหน้าบิดา ซึ่งมองเธอด้วยแววตาเต็มไปด้วยความสุข เห็นแล้วลำคอตีบตัน ไม่กล้าเอ่ยคำพูดที่อาจทำลายความสุขของคนเพิ่งได้ยิ้ม

“แต่ผมรู้จักเธอในฐานะ นาถลัดดา เพชรจำรัส ถ้ารู้ว่าเธอเป็นลูกสาวคุณลุง ผมคงยอมเข้าพิธีไปนานแล้ว”

                ชายหนุ่มเอ่ยเสียงดังฟังชัด แต่นาถลัดดารู้ว่าอีกฝ่ายกำลังโกหก เขากับเธอไม่ได้คบกัน เขาใช้เล่ห์เหลี่ยมวางแผนให้เธอติดบ่วงร้าย ทำลายเกียรติของเธอจนหมดสิ้น

                “จริงหรือแนนนี่” โบริสยิ้มร่า เอ่ยถามลูกสาวเสียงพร่า ดีใจที่ลูกสาวคนโตได้คนดีๆ อย่างคีริลล์มาดูแล

                “ไม่จริงค่ะ โรนี่ไม่เชื่อ พี่คีริลล์วางแผนหลอกทุกคนให้เชื่อ จ้างมันมาเท่าไหร่คะ อยากหนีโรนี่ขนาดนี้เลยหรือคะ”

เวโรนิก้าไม่ยอมให้ทุกอย่างเป็นไปตามที่คีริลล์ต้องการ จึงเอ่ยแทรกและกระชากตัวนาถลัดดาออกจากอ้อมกอดชายหนุ่ม

                คริสเตียน่าพยายามห้ามลูกสาว แต่เวโรนิก้าหงุดหงิดเกินจะฟังใคร ไม่มีสติยับยั้งชั่งใจว่าควรทำหรือไม่ควรทำ

                “เปล่า พี่ไม่ได้คิดหนีเธอ แต่นี่คือเรื่องจริง ไม่เชื่อถามพี่สาวเธอสิ” เขาโยนลูกไปให้นาถลัดดา ที่ตวัดตาวับวาวมองหน้าเขา

                หญิงสาวถอนใจยาว อยากพูดปฏิเสธ แต่ท่าทางโกรธจัดของเวโรนิก้ามันน่ามองจนเธอต้องยอมสมอ้าง แล้วค่อยไปจัดการแก้ปัญหาทีหลัง

                “ใช่จ้ะโรนี่” หญิงสาวตอบเสียงหวาน แล้วยิ้มสะใจยามเห็นสีหน้าโกรธจัดของอีกฝ่าย ไม่เท่านั้นยังเลิกคิ้วเยาะเย้ย เหลือบมองไปที่คริสเตียน่าซึ่งยืนสั่นราวมีพลังความร้อนสะสม แน่ละ ไฟแห่งแรงริษยากำลังเผาร่างหล่อน และอีกไม่นานมันจะถึงเวลาประชุมเพลิงสองแม่ลูกนี่

                เวโรนิก้าแทบจะกระโจนเข้าไปกระชากเส้นผมดำขลับของพี่สาวต่างแม่ เธอไม่มีวันแพ้ผู้หญิงที่แย่งความรักบิดาไป ตั้งแต่เล็กจนโตแม้เธอจะได้อยู่กับบิดา แต่คนที่ท่านมองหาตลอดเวลาคือนาถลัดดา บิดาแค่แสดงว่ารักเธอมากมาย แต่ไม่เคยรักได้เท่ากับที่รักลูกสาวคนโตซึ่งเกิดจากภรรยารอง

                “พ่อดีใจมากแนนนี่ ดีใจที่หนูได้คนดีๆ อย่างคีริลล์เป็นสามี”

น้ำเสียงปลาบปลื้มของบิดาเป็นดั่งเส้นเชือกที่รัดตัวเธอไว้กับผู้ชายวายร้าย ความสะใจแปรเปลี่ยนเป็นกังวล หันมองด้านข้างของคีริลล์ด้วยความวิตก เธอจะต้องใช้ชีวิตร่วมกับผู้ชายเจ้าชู้มักมากจริงหรือ ทำไมเกลียดสิ่งไหนถึงได้เจอสิ่งนั้น

                อิวานอฟเห็นทุกความรู้สึกของนาถลัดดา เธออาจสะใจที่ชนะแม่เลี้ยงกับน้องสาว แต่พอรู้ว่าตัวเองต้องแต่งงานกับชายเจ้าชู้ก็ยืนหน้าซีด คงสับสนไม่น้อยที่ต้องทำเช่นนี้ จึงเดินเข้าไปใกล้แล้ววาดมือรอบเอวคอดพร้อมมองสันจมูกโด่งรั้นที่บ่งบอกนิสัยเจ้าตัว และรู้ด้วยว่าหญิงสาวอยากจะบอกความจริงกับบิดาว่าเธอไม่อยากแต่งงานกับคีริลล์

ฝ่ายคีริลล์มองหน้าอิวานอฟเมื่อเขาแตะเอวคอดของนาถลัดดา จ้องด้วยสายตาที่คล้ายค้อนปอนด์ อยากทุบให้อีกฝ่ายน่วมไปทั้งตัว โทษฐานสัมผัสเรือนร่างหญิงสาวที่เขาเป็นเจ้าของ

คนถูกทำร้ายทางสายตาไม่รู้ตัว เพราะเอาแต่จ้องหน้าน้องสาว และส่ายหน้าห้ามยามที่นาถลัดดาหันมอง

                “ฝากลูกสาวลุงด้วยนะคีริลล์ ลูกคนนี้ไม่ค่อยลงรอยกับลุงหรอก แต่ไม่ว่ายังไง...ลุงก็อยากให้เขามีความสุขที่สุด”

เสียงฝากฝังของโบริสที่ฟังดูห่วงใยลูกสาวคนโตทำให้คริสเตียน่ากับเวโรนิก้ายืนกำมือแน่น ริมฝีปากเม้มเป็นเส้นตรง คริสเตียน่าเจ็บฝังลึกมานานเท่าอายุของนาตาชาหรือนาถลัดดา ส่วนเวโรนิก้าเกลียดชังพี่สาวต่างแม่ที่แย่งคนรักทุกคนของเธอไป แต่ไม่มีวันที่นาถลัดดาจะมีความสุข เมื่อเธอไม่ได้ นาถลัดดาก็ต้องระทมทุกข์ไปตลอดชีวิต

สองแม่ลูกสุดจะระงับอารมณ์ จึงเอ่ยขอตัวกลับแล้วรีบเดินแทบจะวิ่งออกจากห้องพักคนป่วย แรงโกรธเกลียดชิงชังผลักดันให้รีบไปจากที่นี่ ก่อนจะกรีดร้องโวยวายเมื่อไม่ได้อย่างที่หวัง

 

“แม่ไม่ยอมให้ทุกอย่างเป็นแบบนี้แน่” คริสเตียน่าเอ่ยระหว่างนั่งรถกลับคฤหาสน์ยูราซอค

“มันต้องไม่มีความสุข” เวโรนิก้ากัดฟันพูดเมื่อนึกถึงภาพคีริลล์สวมกอดนาถลดา ที่ตรงนั้นควรเป็นของเธอ

“ตอนนี้เราจะทำอะไรมากไม่ได้ แอนตันกับแอมมาเรียดูจะชอบนังแนนนี่”

“เราจะไม่ทำตอนนี้ แต่มีคนอื่นทำแทน นังเอเดียน่าคงรีบมาฉีกอกนังแนนนี่ถ้ารู้เรื่อง”

หญิงสาวเอ่ยเสียงเรียบ พร้อมกับส่งข้อความหาพรรคพวกที่พอจะส่งภาพถ่ายของคีริลล์ไปให้ผู้บริหารแบรนด์บอนนี่ได้

“ฉลาดมากลูก ให้เอเดียน่าอาละวาดใส่นังแนนนี่ให้กระเจิง แล้วเราค่อยเข้าแทรก”

“ใช่ค่ะคุณแม่ ผู้หญิงของพี่คีริลล์ไม่ได้มีแค่นังเอเดียน่า รับรอง ถ้ามีข่าวหลุดออกไป ต้องมีใครสักคนมาจัดการนังแนนนี่ ดูซิ มันจะอยู่อย่างสงบได้ไหม”

“ครั้งนี้พ่อของลูกทำเกินไป แทนที่จะขวางกลับพูดเหมือนสุขยิ่งนักที่นังแนนนี่ได้แต่งงานกับคีริลล์ มันเกินไปแล้ว ทำแม่เจ็บเจียนตายมาแล้วครั้งหนึ่งยังไม่พอ คิดจะเอาสิ่งดีๆ ไปให้นังมารความสุขอีก”

“ใช่ค่ะ โรนี่โกรธที่คุณพ่อเข้าข้างพวกมัน ทั้งที่รู้ว่าโรนี่ต้องการแต่งงานกับพี่คีริลล์ คุณพ่อใจร้ายมาก และอย่าหวังว่าต่อไปนี้โรนี่จะฟังคุณพ่อ”

คริสเตียน่าดึงลูกสาวมาสวมกอด นั่งเข่นเขี้ยวสามีในใจ เมื่อมาถึงบ้านสองแม่ลูกก็แยกย้าย แต่ไม่ได้ขึ้นไปพักผ่อน เวโรนิก้าออกไปหาเพื่อน ท่องราตรีอย่างสนุกสนาน ฝ่ายคริสเตียน่าติดต่อหาผู้จัดการฝ่ายวิศกรรมและอยู่ค้างคืนที่โรงแรมนอกกรุงมอสโก

               

                คู่รักที่สองแม่ลูกคิดว่ามีความสุขตอนนี้กำลังนั่งจ้องหน้ากันอย่างเอาเป็นเอาตายภายในห้องอาหารหรูกลางห้างสรรพสินค้ากุม คีริลล์บังคับนาถลัดดาให้ออกมากินข้าวพร้อมบิดามารดาเขา โดยส่งสายตาขอความร่วมมือจากมารดาที่ดูเหมือนนาถลัดดาค่อนข้างจะเกรงใจ ส่วนอิวานอฟอยู่เวรดูแลลุง และคืนนี้เขาได้รับมอบหมายให้ไปส่งหญิงสาวที่บ้านพักของอิวานอฟ

                “อาหารไม่อร่อยหรือแนนนี่” แอมมาเรียเห็นตาคมดุจับจ้องหน้าลูกชายเงียบๆ จึงถามคั่นเพื่อไม่ให้สถานการณ์ดูตึงเครียดเกินไป

                “อร่อยค่ะ แต่แนนนี่ไม่ค่อยหิว” นางแบบสาวตอบเสียงเรียบ พยายามฝืนยิ้ม แต่เธอจะยิ้มได้เช่นไร อนาคตที่สดใสต้องจบลงเพราะผู้ชายวายร้ายตรงหน้า เขาเจ้าเล่ห์กว่าที่เธอคิดมาก แล้วไยสวรรค์ต้องขีดเส้นไว้เช่นนี้ พยายามหนีห่าง แต่สุดท้ายกลับมีเหตุให้ต้องผูกพันมากกว่าที่เป็นอยู่

                “นางแบบก็แบบนี้ละครับ ทานน้อย” ชายหนุ่มเอ่ยขึ้น อมยิ้มตลอดเวลาที่เห็นอีกฝ่ายทำหน้าบึ้ง คงคิดว่าจะหนีไปจากเขาได้สินะ ถ้ารู้อย่างนี้ ยอมมาเจอหน้าลูกสาวคนโตของลุงโบริสนานแล้ว ไม่ต้องวิ่งวุ่นตามหาให้เหนื่อย

                “คุณคีริลล์คงจะรู้ดีนะคะ” เธอถามอย่างหมั่นไส้ แววตาสุขสนุกของเขา เห็นแล้วอยากจะยกส้อมจิ้มตาให้บอดสนิท

                “กำลังจะมีเมียเป็นอดีตนางแบบ ก็ต้องเรียนรู้ไว้บ้าง”

เขายอกย้อนเสียงกลั้วหัวเราะ นี่มันแค่เริ่มต้น นาตาชา เอ๊ะ...หรือเขาจะเรียกว่านาถลัดดาดีล่ะ ชายหนุ่มเงยหน้าสบตาขุ่นเคืองนั่นแล้วเลิกคิ้วยั่วคนโกรธ

                “ใครบอก...ว่าฉันจะแต่งงานกับคุณ” นาถลัดดาแหวเสียงเข้ม แต่ลากต่ำไม่ดังกังวานจนรบกวนคนอื่น

                “อะไรกันแนนนี่ เราตกลงต่อหน้าพ่อหนูไปแล้วนะ” แอนตันตกใจจึงเอ่ยทักท้วง กว่าลูกชายจะยอมเดินตามเกมได้ต้องหว่านล้อมอยู่หลายวัน ถ้าฝ่ายหญิงปฏิเสธแล้วจะจัดการอย่างไรต่อ

                “เรื่องที่เกิดขึ้นในห้องนั้น แนนนี่คิดว่าไม่ถูกต้อง เหมือนแนนนี่ถูกมัดมือชก” หญิงสาวเอ่ยขึ้น พร้อมถอนใจเมื่อเห็นแววตากังวลของแอนตัน

                “คุณลุงไม่ต้องกังวลค่ะ แนนนี่จะยอมสมอ้างไปก่อน จนกว่าผลการรักษาของคุณโบริสจะดีขึ้น แต่ว่า...ระหว่างนี้ แนนนี่ไม่อยากให้คุณคีริลล์มาวุ่นวายกับแนนนี่” หญิงสาวบอกเสียงดังฟังชัด และหวังให้ทุกคนเข้าใจยอมทำตามที่เธอต้องการ

                “ไม่มีวัน” คีริลล์เอ่ยขึ้น วางช้อนกับส้อมอย่างหงุดหงิด เป็นของเขาแล้วยังจะทำปากดีปฏิเสธ

                “คุณพ่อคุณแม่ครับ ผมขอตัวพา...เมีย เอ๊ะ หรือจะต้องใช้คำว่า ‘ว่าที่เมีย’ ไปเจรจาเป็นการส่วนตัว”

ชายหนุ่มหันไปบอกบิดามารดาที่เริ่มหนักใจ แววตาเอาเรื่องของลูกชาย ทั้งสองเห็นชัดและหวั่นกลัวว่านาตาชาจะเดือดร้อนเพราะอารมณ์ของคีริลล์

                “แต่ว่า...เราอย่ารุนแรงกับน้องนะ” แอมมาเรียเอ่ยเตือน

                “ไม่ต้องห่วงหรอกครับ” คำว่าไม่ต้องห่วง ฟังยังไงก็ต้องห่วง และกังวลกับสวัสดิภาพของนางแบบสาว ซึ่งยังไม่รู้ตัวว่าห้ามท้าทายผู้ชายอย่างคีริลล์

                “แนนนี่อยากกลับไปพักแล้วค่ะ พรุ่งนี้ต้องตื่นไปดูแลคุณโบริสแต่เช้า คุณลุงคุณป้าให้คนรถไปส่งแนนนี่ก่อนได้ไหมคะ” หญิงสาวพยายามหาข้ออ้าง ไม่มีทางไปกับเขาแน่

                “ไม่ต้องไปรบกวนพ่อแม่ผม ถ้าอยากกลับ มานี่ เดี๋ยวไปส่งให้ถึงสวรรค์เลย ขอตัวนะครับ”

พอกันที เขาทนได้เท่านี้จริงๆ นาถลัดดาดื้อรั้นเกินกว่าจะพูดด้วยวาจา คงต้องใช้กายสั่งสอนให้รู้เสียทีว่าควรทำตัวเช่นไร ถ้าวันนี้เธอไม่ยอมสยบ ก็อย่าหวังว่าจะได้ออกมาพบเจอผู้คน มีหลายเรื่องที่เขาต้องสะสางกับเมียนางแบบหัวดื้อคนนี้ โดยเฉพาะเรื่องที่ปล่อยให้เขาเข้าใจผิดคิดว่าอิวานอฟเป็นผู้ชายคนใหม่ของเธอ

                “ฉันไม่ไป!” หญิงสาวขืนตัวไม่ยอมลุกยืนเมื่อคีริลล์เดินมายืนด้านหลัง แล้วใช้แววตาขอร้องเพื่อนสนิทบิดา

ท่านทั้งสองเอาแต่ยิ้มเอ็นดู รู้ว่าหญิงสาวไม่มีวันรอดพ้นมือลูกชาย หากคีริลล์ไม่ปล่อยมือ

                “จะเดินไปดีๆ หรือให้ผมอุ้มออกไป คงดีนะ น่าจะมีนักข่าวนั่งอยู่ในนี้บ้าง คุณ...นางแบบดัง ผม...ผู้ชายเจ้าชู้ที่มีข่าวขึ้นหน้าหนึ่งบ่อยๆ เลือกเอา จะเดินไปดีๆ หรือให้ผมอุ้ม”

เขาไม่ได้ขู่ แต่พร้อมจะอุ้มอย่างที่บอก มือหนาวางแตะพนักเก้าอี้ ขณะก้มมองหน้านางแบบสาว มันใกล้มากจนปลายจมูกโด่งเกือบชิดแก้มเนียนใสไร้รอยสิวกระ

                “ผมไม่เคยขู่ และไม่เคยหยุดถ้าไม่ได้สิ่งที่ต้องการ คุณน่าจะรู้ดีนะนาถลัดดา!”

                นาถลัดดาเอ่ยลาพ่อแม่ของคีริลล์ แล้วลุกเดินออกจากห้องอาหารอย่างเร็วไว ไม่สนใจว่าชายด้านหลังจะเดินตามมาหรือยัง มุ่งตรงไปที่รถเก๋งซึ่งเห็นลูกน้องของเขายืนรอพร้อมเปิดประตูให้

                “ไปไหนครับเจ้านาย” อังเดรเอ่ยถามเสียงเบาเมื่อเจ้านายเดินมาหยุดตรงหน้า

                “เซฟเฮาส์”

                นาถลัดดาขยับตัวไปชิดประตูอีกฝั่ง จึงไม่มีโอกาสได้เห็นแววตาของเจ้านายลูกน้องขณะมองสบกัน

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น