10

บทที่ 10


 

10

 

                “นี่ไม่ใช่ทางไปบ้านพี่เอียน” นาถลัดดาเอ่ยขึ้น เมื่อรถเลี้ยวซ้ายออกจากถนนอาราบัต มุ่งหน้าไปทางนอกเมือง ซึ่งไม่ใช่ทางไปบ้านอิวานอฟ หญิงสาวหันมองซ้ายขวา เริ่มหวาดระแวง ผู้ชายอย่างคีริลล์ร้ายและเจ้าเล่ห์แค่ไหนเธอรู้ดี

                คนถูกถามไม่ตอบ เพียงแค่แสยะยิ้มขณะเอียงหน้ามองสำรวจเรือนร่างอวบอิ่ม “สนุกมากไหมที่ทำให้ผมกลายเป็นไอ้โง่ เชื่อว่าอิวานอฟคือผู้ชายคนใหม่ของคุณ”

                “หึ! ไม่มีใครหลอกคุณ” นาถลัดดาว่าพร้อมยกมือกอดอกมองหาทางหนีทีไล่รอบตัว แต่ด้านนอกมืดมากจนไม่รู้ว่าเส้นทางนี้ไปที่ไหน เธอจากมอสโกไปมากกว่าสิบปี ทุกอย่างเปลี่ยนไปจนไม่รู้ว่าถนนไหนไปสู่เมืองไหน

                “ไม่หลอกกับการไม่บอกความจริง มันไม่ต่างกัน อยากหนีจากผมมากรึไง”

เขาย้อนถาม และขยับตัวเข้าใกล้ร่างบาง ซึ่งตอนนี้แทบจะฝังตัวเองกับประตูรถ ยิ่งเห็นท่าทางอยากหนียิ่งอยากเข้าใกล้ ซึ่งนาถลัดดาไม่มีวันหนีจากอุ้งมือเขาได้ ในเมื่อเธอสร้างรอยจารึกที่น่าจดจำไว้เสียแล้ว

                “ขอร้องละ พาฉันกลับไปส่งบ้าน ฉันเหนื่อยมาทั้งวัน ไม่มีแรงมาโต้เถียงกับคุณ”

หญิงสาวแกล้งพูดดีๆ กับเขา หวังให้อีกฝ่ายเห็นใจ แต่นาถลัดดาเจ้าเล่ห์จนคีริลล์ไม่อยากจะปล่อยโอกาสกักขังให้หลุดลอย

                “ไม่ ขี้เกียจไล่ตาม เหนื่อย คุณยิ่งพูดไม่ค่อยเข้าใจ”

                “หมายความว่าไง” เธอแหวใส่

                “ก็...ไม่มีอะไร แค่อยากได้คุณไปนอนด้วยคืนนี้ และอีกหลายๆ คืน” เขายิ้มร่าเมื่อเห็นนัยน์ตาเอาเรื่องมองจ้อง สนุกทุกครั้งที่ได้แกล้งให้อีกฝ่ายโกรธ

                “ไม่มีวัน เรื่องบ้าๆ แบบนั้นจะไม่เกิดขึ้นอีก พาฉันกลับเดี๋ยวนี้ อุ๊ย! ปล่อยนะ”

หญิงสาวตวาดลั่นรถ แต่ต้องร้องตกใจเมื่อคนที่นั่งนิ่งคว้าตัวเธอเข้าไปกอดแนบแน่น ไม่เพียงเท่านั้น ปากร้ายที่ชอบเอ่ยคำพูดร้ายๆ ยังแนบชิดริมฝีปากช่างพูดอีก

                คีริลล์เบื่อจะฟังคำพูดต่อต้าน และคิดถึงความหวานล้ำที่เคยได้สัมผัส อยากซึมซับอีกครั้ง ซึ่งไม่ว่าจะห่างนานกี่วัน เรียวปากช่างพูดนี้ยังคงหวานน่าลิ้มลอง มือที่วางนิ่งตรงเอวคอดจึงเลื่อนเข้าไปในเสื้อเชิ้ตสีขาวและไล้สูงจนแตะผิวเนื้ออวบอิ่ม

                “อื้อ...หยุดนะ...อือ” คนถูกรังแกพยายามผลักอกแกร่งดั่งกำแพงนั่น ทว่ายิ่งผลักก็เหมือนยิ่งแนบชิด

                “...”

เมื่อชิมความหวานจนพอใจ คีริลล์ก็จ้องแววตาตระหนกของนางแบบสาว ทำไมเขาถึงอยากครอบครองผู้หญิงคนนี้ ในเมื่อรอบกายรายล้อมด้วยผู้หญิงมากมาย ความสวยรึ หรือความท้าทายที่ได้สัมผัสยามสบแววตาดื้อรั้น คีริลล์ส่ายหน้าช้าๆ แล้วดึงตัวเองออกห่างเรือนร่างอวบอิ่ม กระเถิบถอยออกไป กลัวจะโผเข้าคลุกอกอวบอิ่มอีกครั้ง และเลยเถิดจนไม่อาจหยุดยั้ง

“ฉันจะไม่ยอมให้ทุกอย่างเป็นอย่างที่คุณต้องการ” หญิงสาวไม่รู้เลยว่า การพูดเช่นนี้เหมือนกำลังท้าทายจิตวิญญาณของคีริลล์

“ถูกผมสัมผัส...ทั่วทั้งร่าง พ่อคุณก็ยอมรับเรื่องของเรา คุณจะหนีไปทางไหนอีก นอกจาก...ก้าวเข้าสู่อ้อมกอดผม”

คีริลล์ตั้งคำถาม แม้แต่เขา หากอยากหนีบ่วงสมรสที่พ่อแม่วางไว้ก็ยังไม่รู้จะหนีไปทางไหน เมื่อทุกอย่างลงตัวไปเสียหมด

“เรื่องคุณพ่อไม่ใช่ปัญหา คนที่จะทำให้มีปัญหาคือโรนี่ เธอไม่ยอมให้คุณกับฉันแต่งงานกันแน่นอน”

หญิงสาวอ้างถึงน้องสาวต่างแม่ แววตาของเวโรนิก้าก่อนจะออกจากห้องคนไข้ดุดันเอาเรื่อง ไม่ต้องบอกก็รู้ดีว่าน้องสาวต่างแม่จะต้องขวางอย่างสุดพลังแน่นอน

คีริลล์ฟังแล้วนึกขำ ไม่เห็นต้องสนใจว่าเวโรนิก้าจะรู้สึกอย่างไร ถ้าวันนี้เขาไม่รู้ความจริงที่ว่า นาถลัดดา เพชรจำรัส คือ นาตาชา ยูราซอค ลูกสาวคนโตของโบริส เรื่องพันธสัญญาระหว่างสองครอบครัวจะจบลงเพียงแค่ ‘เขาผิดสัญญา’ ไม่มีงานแต่งงานระหว่างเขากับเวโรนิก้าแน่นอน

“แทนที่จะรักษาสิทธิ์ตัวเองกลับผลักไสสามีตัวเองไปให้คนอื่น แปลกคนดี” เขาประชด

“นั่นเป็นเซ็กซ์ที่ผิดพลาด คุณก็แค่คนร้ายที่ข่มขืนฉัน อย่ายกฐานะตัวเองให้หรูเลิศระดับสามี”

คีริลล์คงต้องยอมรับ นาถลัดดามีความสามารถในการสรรหาเรื่องให้ตัวเองเจ็บตัว ชายหนุ่มเอียงหน้ามองแล้วหรี่จับจ้องเธอ

“เจ้านายครับ” อังเดรไม่อยากจะเอ่ยแทรกเวทีวิวาทด้านหลัง แต่เสียงโทรศัพท์ด่วนจากพนักงานที่บริษัทดังซ้ำหลายครั้งแล้ว

“มีอะไร” คนไม่สบอารมณ์ตะคอกถาม แต่ไม่หยุดจ้องหน้านางแบบสาวที่เชิดสูงท้าทาย

“คนที่จับตาดูผู้ชายคนนั้นไว้โทร. มาครับ”

คีริลล์เลื่อนกระจกกั้นระหว่างห้องคนขับกับห้องโดยสารออก แล้วคว้าโทรศัพท์มากดรับสาย เขาไม่ได้พูดตอบโต้ ทำเสียงตอบรับอือออกลับไป ไม่อยากให้นาถลัดดารู้ว่าเขากำลังสืบเรื่องของแม่เลี้ยงเธอกับผู้จัดการฝ่ายวิศวกรรม

“ตามต่อไป มีอะไรเพิ่มเติมรีบโทร. มารายงาน” เขาตัดสายแล้วนั่งเงียบ เฝ้ารอเวลาให้ถึงเซฟเฮาส์

ฝ่ายนาถลัดดาหยุดโต้เถียง นั่งกอดอกระงับความพลุ่งพล่านในจิตใจ เธอโกรธมาก โกรธทุกคนรอบกายที่ทำให้เธอเจอเรื่องบ้าๆ เช่นนี้ แต่จะทำเช่นไรดีเล่า ถึงจะหนีพันธะนี้ได้

 

เอเดียน่าเดินเข้าโรงแรมหรูกลางกรุงมอสโก มือบางบีบและคลายผ่อนหลายครั้ง ภาพถ่ายที่ส่งเข้ามาในโทรศัพท์มือถือกระตุ้นให้เธอรีบมาที่นี่ เคยสงสัยถึงความสัมพันธ์ระหว่างนางแบบสาวเชื้อสายเอเชียกับชายคนรักมานาน แต่ไม่มีหลักฐานชัดพอจะลงมือเล่นงานนางแบบคนนั้น

“แกคิดว่าแกเป็นใคร ริอ่านมาแย่งคนรักของฉัน” หญิงสาวขยำรูปถ่ายนางแบบแองเจิ้ลแล้วขว้างทิ้งใส่ถังขยะ

                ผู้บริหารแบรนด์บอนนี่นั่งเข่นเขี้ยวยามนึกถึงสีหน้าของนางแบบสาว ที่เห็นครั้งใดก็รู้ว่าหล่อนมีเสน่ห์ดึงดูดเพศตรงข้ามอย่างรุนแรง แต่เสียงเพลงเรียกเข้าจากโทรศัพท์ดังคั่นจิตอาฆาต ผู้บริหารสาวจึงจำเป็นต้องหันไปสนใจเรื่องงาน แต่ก็ต้องอารมณ์เสียซ้ำ เมื่อลูกค้าต้องการได้นาถลัดดามาร่วมเดินแบบครั้งนี้ด้วย

                “ก็ได้ค่ะ” หญิงสาวตอบรับคู่สนทนา พร้อมกับวางแผนมากมายในหัว เป้าหมายคือจัดการนางแบบสาวที่กล้ามายุ่งกับผู้ชายของเธอ

                และทันทีที่ความคิดชั่วร้ายผุดขึ้นในสมอง หญิงสาวก็รีบโทร. หาผู้ช่วยคนสำคัญ อีกไม่นานหรอก นาถลัดดาจะได้รู้ว่าการแย่งของรักของเอเดียน่านั้น หล่อนจะได้เจอกับอะไรบ้าง

 

                คฤหาสน์สมัยเรอเนซองซ์ตั้งสง่าเด่นอยู่ท่ามกลางทิวไม้สีเขียว ด้านหลังเป็นเนินเขาใหญ่รับกับความโอ่อ่าของคฤหาสน์หรู ความสง่าของอาคารตรึงตาคมหวานจนจับจ้องนิ่งนาน

                “สวยมั้ย เซฟเฮาส์ของผมเอง”

                คนสงสัยหันมอง คำว่าเซฟเฮาส์ที่คิดไว้คือบ้านลึกลับ ไม่ใช่คฤหาสน์หรูคล้ายที่พักตากอากาศเช่นนี้

                “ไปเถอะ นี่คือที่พักของคุณกับผม”

                นาถลัดดาอยากจะหนีมือหนาที่โอบรอบเอว แต่ไม่รู้เพราะความสวยงามอลังการตรงหน้าดึงรั้งหรือเปล่า ทำให้เธอยอมเดินตามเขาเข้าไปด้านในราวคนไร้สติ

               

                เวโรนิก้าได้รับข่าวจากคนรู้จักว่าเห็นเอเดียน่าเดินทางมาถึงมอสโกเรียบร้อยแล้ว หญิงสาวยิ้มร้ายขณะมองภาพใบหน้าตัวเองผ่านกระจกเงาเบื้องหน้า

                “ฉันสวย ฉันรวย และดูดี ไม่มีจุดบกพร่อง หรือข้อด้อยกว่าแกเลย นังแนนนี่ ไม่มีทางที่แกจะชนะฉัน แม่แกแย่งพ่อฉันไป แต่อย่าหวังว่าประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย ไม่มีวันที่ฉันจะยอมให้แกแย่งพี่คีริลล์”

คนน้องเอ่ยอาฆาตพี่สาวเสียงเหี้ยม เวโรนิก้าพร้อมจะทำให้ชีวิตของนาถลัดดาย่อยยับไม่มีชิ้นดี

 

                ตั้งแต่ก้าวเข้ามาในคฤหาสน์หรู สิ่งที่เขาทำมีเพียงนั่งอ่านเอกสารสลับกับเงยหน้าสบตาเธอและยิ้มยั่วโมโห คีริลล์คงมองออกว่านาถลัดดากำลังหงุดหงิดเมื่อเขาเอาแต่เฉย ซึ่งท่าทางสะบัดค้อนบ่อยครั้งของหญิงสาวกระตุ้นให้ชายหนุ่มนึกขำ แต่ยังวางเฉย เร่งเซ็นเอกสารสำคัญ และเคลียร์งานอื่น เพื่อให้มีเวลาว่างในการจัดการผู้หญิงหัวดื้อสักหนึ่งสัปดาห์

                “หิวมั้ย” นี่เป็นคำถามแรกที่เขาเอ่ยขึ้นหลังจากทอดเวลายาวนานร่วมสองชั่วโมง

                ฝ่ายคนถูกถามหันมาค้อน “ไม่หิว ฉันอยากกลับบ้าน” คนหัวดื้อตวาดลั่น แต่มีอีกเสียงดังขึ้น จนใบหน้าบึ้งตึงแดงเรื่อ

                “ไม่หิว แต่ท้องร้องโครกคราก” เขาแกล้งว่าแล้วลุกเดินมาดึงตัวคนหัวดื้อออกไปข้างนอก

                “นั่งลง และกินซะ เมื่อกี้คุณไม่ได้ตักอะไรกินสักคำ ทำไม เห็นหน้าผัวแล้วกินไม่ลงเลยหรือไง” เขาเอ็ดเสียงเข้ม รู้ว่านาถลัดดาหิวมากเพราะเธอไม่ยอมกินอาหารมื้อเย็นที่พ่อแม่เขาสั่งมาสักคำ เอาแต่เขี่ยไปเขี่ยมา

                “อย่ามาลามปาม นายไม่ใช่ผัวฉัน”

                “หึๆ พี่ว่า...น่าจะเป็นหนูมากกว่านะแนนนี่ ที่ลามปาม อายุพี่แก่กว่าหนูตั้งหลายปี อย่ามาใช้น้ำเสียงดุดันกับแววตาน่ากลัวกับพี่และผัวเลย เพราะอะไรรู้ไหมหนูแนนนี่ เพราะพี่ไม่กลัว”

เขาแกล้งเปลี่ยนสรรพนาม ลองยั่วอีกฝ่ายเล่น ซึ่งดูแล้วจะได้ผล ตอนนี้ทั้งหน้าและหูคนฟังแดงเถือก แต่ไม่ใช่อายแน่นอน นาถลัดดากำลังโกรธจนควันออกหู

                “อย่ามาใช้คำพูดแบบนี้กับฉันนะ พี่ฉันมีคนเดียวคือพี่เอียน ไม่ใช่นาย”

                “อือ...ใช่ สงสัยผัวจะพูดผิด แนนนี่มีพี่คนเดียวคือนายเอียน แต่น้องก็ต้องจำไว้อย่างสิ ว่าน้องก็มีผัวคนเดียวด้วยคือพี่!”

ชายหนุ่มเน้นประโยคหลังดังลั่น หวังให้มันดังเข้าไปถึงเซลล์สมองคนหัวดื้อ

                “พูดธุระของคุณมา คุยกันให้จบๆ ฉันจะได้กลับบ้านสักที”

                “นี่ยังพูดไม่รู้เรื่องอีกรึ วันนี้หรือวันพรุ่งนี้ เธอก็ไม่ได้กลับบ้านหรอกแนนนี่ เพราะผัวจะขังเมียไว้ที่นี่”

                “อย่ามาพูดแบบนี้กับฉันนะ นายไม่ใช่...” คนหัวดื้อพยายามเถียง ทั้งที่รู้ว่าหนีความจริงไม่พ้น

                ฝ่ายคนมีสิทธิ์เป็น ‘ผัว’ และพยายามประกาศกร้าวเริ่มหมดความอดทนกับคนหัวดื้อ ตอนนี้สองมือของคีริลล์กำแน่น เขาพยายามถ่ายทอดความโกรธผ่านแรงบีบตรงกำปั้น

                สองตาจ้องประสานอย่างไม่มีใครยอมใคร ฝ่ายคีริลล์ที่คิดว่าทุกอย่างง่าย กลายเป็นหงุดหงิดเมื่อถูกผู้หญิงตัวเล็กๆ ต่อกร ทั้งที่แพ้เขาตั้งแต่ยกแรก ฝ่ายนาถลัดดาขอสู้สุดใจขาดดิ้น ไม่มีวันตกเป็นเบี้ยล่างผู้ชายคนนี้

                “เจ้านายครับ คุณอิวานอฟโทร. มาครับ เขาขอสายเจ้านาย” อังเดรเดินเข้ามาคั่นกลางสงครามย่อมๆ ในห้องอาหาร เดินตัวลีบเข้าไปหาเจ้านายที่หันมามองจ้องด้วยสายตาดุดัน

                “เอามานี่ ฉันคุยเอง” คนหัวดื้อได้ยินว่าพี่ชายโทร. มา จึงรีบวิ่งเข้าไปแย่งโทรศัพท์จากมืออังเดร แต่รู้สึกว่าคีริลล์จะเร็วกว่า

                คนที่อยากแย่งโทรศัพท์เพื่อฟ้องพี่ชาย ตอนนี้ถูกจับตัววางพาดต้นขาคนตัวโต ไม่เท่านั้น มือที่ไม่ได้จับโทรศัพท์ยังร้ายกาจโดยลูบต้นขาเปลือยเปล่า สัมผัสผิวเนื้อเนียนละเอียดอย่างพอใจ

                “ผมคีริลล์” เขากรอกเสียงตอบกลับเมื่อจัดการคนหัวดื้อเรียบร้อย

                “ผมมีสิทธิ์ ในเมื่อเราสองคนกำลังจะแต่งงานกันอยู่แล้ว ผมจะพาเจ้าสาวมาค้างด้วยมันผิดตรงไหน” คนอยากเป็นเจ้าบ่าวตอบโต้เมื่อได้ยินอิวานอฟต่อว่าเรื่องที่เขาไม่พาน้องสาวมาส่งบ้าน แต่พาหายไปหลายชั่วโมง

                เมื่อพยาบาลพิเศษที่จ้างไว้มาเฝ้าไข้โบริส อิวานอฟก็ขอกลับบ้าน คิดจะไปซักถามเรื่องราวระหว่างนาถลัดดากับคีริลล์ แต่ต้องพบกับความผิดหวังเมื่อไม่เจอน้องสาวที่บ้าน เฝ้ารอจนผ่านไปหลายชั่วโมง ความมืดแห่งราตรีกาลมาเยือน แต่นาถลัดดายังไม่ถึงบ้าน จึงโทร. ถามพ่อแม่คีริลล์ ซึ่งแปลกใจไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน เมื่อรู้ว่าว่าที่ลูกสะใภ้ยังไม่ถึงบ้าน และไม่ต้องสงสัยว่าใครคือคนที่พาตัวหญิงสาวไปซ่อน

แอนตันกับแอมมาเรียไม่เดือดร้อนเมื่อรู้เรื่อง ทำเพียงยิ้มสมใจ แต่คนที่เต้นเป็นเจ้าเข้าคืออิวานอฟ ไม่ว่าเรื่องราวในอนาคตจะเป็นเช่นไร ใครจะได้เป็นเจ้าสาวของคีริลล์ เขาไม่สน แต่สนใจเรื่องที่คีริลล์ไม่ยอมพาน้องสาวเขากลับบ้าน และตอนนี้กำลังเดือดดาลหนักเมื่อคนที่พาน้องสาวเขาไปค้างที่อื่นพูดราวเรื่องนี้เป็นเรื่องปกติ

                “มันผิด เพราะเรื่องราวระหว่างคุณกับนาตาชายังไม่เรียบร้อย พาน้องสาวผมกลับมาเดี๋ยวนี้” คนเป็นห่วงน้องตอกกลับ

                “มันเรียบร้อยมานานแล้วต่างหากอิวานอฟ ฉันว่า...นายควรจะอยู่เฉยๆ เรื่องนี้นายไม่เกี่ยว”

                “ฉันต้องเกี่ยว เพราะฉันเป็นพี่ชายนาตาชา” อิวานอฟสวนกลับ

                “แต่ฉันเป็นสามีนาตาชา มีสิทธิ์มากกว่านายที่เป็นแค่พี่ชาย”

คนปลายสายเงียบไป คงจะอึ้งกับความจริงที่เขาบอก คีริลล์ยิ้มมุมปากเมื่อนึกถึงใบหน้าของอิวานอฟในตอนนี้

                “แค่นี้นะ” เมื่ออีกฝ่ายเอาแต่เงียบ ชายหนุ่มก็ชิงตัดสาย

                “ไอ้ผู้ชายทุเรศ” เสียงแหวดังลั่นขณะที่ร่างเพรียวบางถูกจับแบกขึ้นมาบนชั้นสอง

                “ผมจะทุเรศกว่านี้แน่ ถ้าคุณยังหนีทั้งที่ไม่มีวันจะหนีพ้น” เขาว่า

                “นายข่มขืนฉัน แล้วยังประกาศไปทั่วว่าเป็นสามีฉัน นายไม่เคยคิดถึงจิตใจฉันเลย ไอ้ผู้ชายเฮงซวย”

ความเดือดดาลของนาถลัดดามากมายเกินกว่าจะบรรยายได้ว่าเธออึดอัดและกดดันแค่ไหน ครั้งหนึ่งแม่ต้องสมยอมถูกตราหน้าว่าแย่งสามีชาวบ้าน ทั้งที่ความจริงแล้วพ่อเป็นคนยัดเยียดทุกอย่างให้แม่ของเธอ เพศชายผู้กระทำไม่เคยถูกติติงจากคนรอบข้าง ผู้หญิงที่พยายามหนีแล้วหนีอีกกลับถูกเหยียดหยาม และตอนนี้เธอก็กำลังถูกคนภายนอกมองว่าแย่งว่าที่สามีน้องสาว ทั้งที่เธอถูกเขารวบรัดจับเป็นคู่นอน

                “ช่วยไม่ได้นะนาตาชา เพราะคุณทำให้ผมอยากเอาชนะ” เขาว่าแล้วทิ้งร่างเพรียวบางลงบนที่นอน จนนาถลัดดากระเด้งกระดอนตามความตึงของเตียงคิงไซซ์

                แม้ความจริงเรื่องราวมันไม่ใช่อย่างที่นาถลัดดาคิดทั้งหมด แต่คีริลล์ไม่อยากอธิบายให้อีกฝ่ายคิดว่าเขาแก้ตัว เพราะมันไม่มีหลักฐานยืนยันว่าเขาบริสุทธิ์

                นางแบบสาวพลิกตัวหนีในจังหวะที่อีกฝ่ายปล่อยมือเพื่อจัดการกับกระดุมเสื้อเชิ้ตสีขาว ขาเรียวกำลังจะแตะพื้นตอนที่ไหล่ของเธอถูกดึงรั้งจนเซล้มลงไปบนเตียงอีกครั้ง

                “ปล่อยนะ!” คนถูกกดจนแผ่นหลังฝังในฟูกร้องลั่นแล้วพลิกตัวดิ้นซ้ายดิ้นขวา หวังให้หลุดพ้นจากเงื้อมมืออสูรร้ายเจ้าเล่ห์ตนนี้

                “จะดิ้นให้เหนื่อยทำไม...เรามารื้อฟื้นความหลังกันหน่อยดีกว่า ผมจำได้ว่าคุณ...หอมหวานนุ่มลิ้นแค่ไหน”

ปลายลิ้นเขาแตะสัมผัสซอกคอหอมกรุ่นกลิ่นกายสาวเมื่อเอ่ยจบประโยค ไม่เท่านั้น นิ้วแข็งแกร่งอันเชี่ยวชาญยังแตะสัมผัสก่อนจะเพิ่มแรงบีบเนินเนื้ออวบอิ่ม

                “อย่าทำฉันเลย” เสียงห้ามเปลี่ยนเป็นวิงวอนเมื่อถูกเขาสัมผัสรุกหนัก ทั้งฝ่ามือและริมฝีปาก

                “โตได้แล้วนาตาชา เราสองคนหนีไม่พ้นตาข่ายสมรสที่พ่อแม่เราขึงครอบหรอก คุณเป็นของผม”

คนตัวโตพยายามกล่อมให้นาถลัดดายอมรับเรื่องที่ผู้ใหญ่ตกลงกันไว้

                “เราสองคนไม่ได้รักกัน ฉันไม่มีวันแต่งงานกับคนที่ไม่รัก”

ใช่...เธอไม่มีวันแต่งงานกับผู้ชายที่ไม่ได้รัก หญิงสาววาดฝันมาตั้งแต่เป็นเด็กสาวว่า เมื่อโตขึ้นจะเข้าสู่ประตูวิวาห์กับชายหนุ่มที่เขารักเธอ และเธอรักเขา จึงได้ถนอมตัวถนอมใจไว้รอใครคนนั้น แต่แล้วทุกอย่างก็ผิดพลาดเมื่อมาเจอกับคีริลล์ ทว่าเธอจะไม่ยอมให้ทุกอย่างมันผิดแผน ยังคงเฝ้ารองานวิวาห์ระหว่างเธอกับชายหนุ่มสักคนที่รักจริง

                “ไร้สาระ คำว่า ‘รัก’ มันก็แค่คำง่ายๆ ที่ผู้ชายมีไว้หลอกผู้หญิง แต่ไม่ต้องห่วงนะ ถึงผมไม่ได้รักคุณ แต่จะรับผิดชอบสิ่งที่ทำลงไป เราสองคนเป็นของกันและกันแล้ว แถมพ่อแม่ก็บังคับให้แต่งกันอีก ยอมรับเถอะนาตาชา เราต้องแต่งงานเป็นสามีภรรยา แล้วผมจะเป็นสามีที่ดี”

คนไม่เคยศรัทธาในรักเอ่ยขึ้น โดยไม่รู้เลยว่าคำพูดเขานั้นเหมือนมีดที่กรีดลงกลางใจหญิงสาว

                เรือนร่างเพรียวบางนอนนิ่งเมื่อได้ยินประโยคทำร้ายจิตใจ ขณะที่ชายหนุ่มลงมือตักตวงชิมรสสวาทจากกายสาวอย่างหลงใหล อาการนอนนิ่งของนาถลัดดา คีริลล์ตีความหมายเข้าข้างตัวเองว่าหญิงสาวยอมรับทุกอย่างแล้ว

                ชายหนุ่มไม่ได้สนใจว่าสมองและหัวใจของหญิงสาวเป็นเช่นไร ปรารถนาเพียงกายสาวแสนอวบอิ่ม แนบริมฝีปากเน้นหนักและขบเม้มในบางจุดเพื่อทิ้งรอยรักไว้ให้เธอจดจำว่าใครคือคนที่ฝากรอยรัก

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น