1

ผมไม่เคยทำใครท้อง


ผมไม่เคยทำใครท้อง

 

สรัชเงยหน้าขึ้นเมื่อเห็นหญิงสาวร่างระหงเดินเข้ามาหยุดยืนด้านหลังเด็กหญิง ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนขณะที่แม่หนูน้อยหันหลังแล้ววิ่งไปกอดขาของผู้หญิงคนนั้น เขาพิจารณารูปร่างแล้วคิดว่าอาจจะไม่ใช่แม่ เพราะยังหุ่นดีและหน้าตายังดูเด็กมาก ดวงหน้าเรียวได้รูป ดวงตาคมกล้าน่าค้นหา ริมฝีปากหยักลึกสีชมพูระเรื่อที่กำลังยกยิ้มบางเป็นกระจับ

“คุณแม่...”

สรัชชะงัก ก่อนจะหรี่ตามองผู้หญิงคนนั้น ชายหนุ่มเลิกคิ้วขึ้น รอท่าว่าคนที่ถูกเรียกว่า ‘คุณแม่’ จะพูดอะไร ทว่าหล่อนกลับก้มลงฟัดแก้มยุ้ยของลูกตัวเองเสียนี่ จนเขาต้องกระแอม พอกระแอมแล้วเจ้าหล่อนก็ยังทำนิ่ง คุยหงุงหงิงกับลูกราวกับว่าเขาไม่ได้อยู่ตรงนี้

“นี่คุณ...”

หลังจากกระแอมสองสามครั้งแล้วหล่อนไม่สนใจเขาจึงท้วงขึ้น ชายหนุ่มล้วงมือข้างหนึ่งเข้าไปในกระเป๋ากางเกงยีนสีซีด ส่วนอีกข้างยกขึ้นมาทำท่าทักผู้หญิงคนนั้น

“คุณนั่นแหละ ตรงนี้ก็มีคุณคนเดียว จะหันไปหาใครอีก”

“คะ...?”

หญิงสาวลุกขึ้นยืน ก่อนจะฉีกยิ้ม แต่สรัชไม่มีอารมณ์จะมาชมรอยยิ้มของเจ้าหล่อนหรอก สิ่งที่เขาอยากรู้มากที่สุดตอนนี้คือ หล่อนสอนให้ลูกตัวเองเรียกคนที่ไม่รู้จักอย่างเขาว่าพ่อได้อย่างไร อ้อ บางทีอาจจะเป็นพวกมิจฉาชีพ แต่การแต่งตัวดูเหมือนไม่ใช่ ชายหนุ่มมองอีกครั้งอย่างพินิจ แล้วคิดขึ้นได้ว่าการแต่งตัวมันไม่ใช่สิ่งที่จะมาตัดสินได้ว่าใครดีหรือไม่ดี

หน้าตาสวย รูปร่างดี แต่งตัวดีแบบนี้แต่อาจจะเป็นโจรก็ได้ พอคิดได้ดังนั้นเขาก็ตีหน้าเคร่ง ก่อนจะพูดด้วยเสียงเข้ม

“ผมไม่รู้ว่าคุณต้องการอะไร แต่...” เขาหันไปสบตาแม่หนูน้อยที่กอดตุ๊กตาเงยหน้ามองเขาด้วยดวงตาใสแจ๋วแล้วชะงักคำพูด จากที่ทำท่าเหมือนจะดุก็เปลี่ยนเป็นกระแอมอีกรอบ เพราะไม่กล้าดุต่อหน้าเด็ก ชายหนุ่มเปลี่ยนมาใช้น้ำเสียงปกติ แต่เบาจนเหมือนเสียงกระซิบว่า “ตามผมมานี่...”

พิมพ์พิชญาจูงมือลูกสาวเดินตามเข้าไปในรั้วบ้าน สรัชเดินนำไปจนถึงบริเวณระเบียงก่อนจะบอกให้ปวันวาตนั่งรออยู่ที่โต๊ะ ส่วนผู้เป็นแม่ให้เดินตามเขาไปอีกฝั่งของระเบียง เมื่อทั้งคู่มายืนอยู่ห่างจากเด็กหญิงแล้ว ชายหนุ่มจึงเข้าประเด็นทันที

“ผมไม่รู้จักคุณ และมั่นใจว่าเราไม่เคยรู้จักกัน”

“ค่ะ ฉันคิดว่าไม่รู้จักคุณเหมือนกัน”

หญิงสาวพูดเสียงเรียบพร้อมกับรอยยิ้มซื่อ แต่สรัชมองออกว่าแววตาพริบพราวของเจ้าหล่อนไม่ได้ซื่อตามรอยยิ้ม

“คุณไม่รู้จักผม แล้วคุณบอกลูกคุณได้ยังไงว่าพ่อเขาชื่อสรัช”

“มันเป็นเรื่องจริงนี่คะ วินดี้เป็นลูกของพ่อเลี้ยงสรัช”

“ไม่จริง!” สรัชปฏิเสธเสียงหนัก ก่อนจะลูบหน้าตัวเองเพื่อระงับอารมณ์โกรธ “คุณบอกว่าคุณไม่รู้จักผม แต่คุณท้องกับผมจนมีลูกโตขนาดนี้น่ะหรือ มันไม่ตลกไปหน่อยหรือไง”

“อ้อ คุณชื่อสรัชหรือคะ...ดูแก่กว่าเมื่อก่อนตั้งเยอะจนฉันจำไม่ได้” หล่อนว่าหน้าตายเหมือนกำลังพูดเรื่องลมฟ้าอากาศอย่างนั้นแหละ

“ไม่ต้องมาเล่นลิ้น ที่คุณบอกว่าลูกคุณมีพ่อชื่อสรัช สรัชไหนเอาให้แน่ ผมไม่เคยทำใครท้อง” ชายหนุ่มยืนยันเสียงหนักแน่น แม้แต่หน้าผู้หญิงคนนี้เขาก็ไม่เคยเห็นมาก่อน

พิมพ์พิชญาทำท่าคิด...ความจริงหล่อนจำเขาได้ตั้งแต่แรก เพียงแต่อยากกวนประสาทเท่านั้นเอง หญิงสาวลอบสังเกตคนตรงหน้า เขากำลังประสาทเสียอย่างถึงที่สุด ในแววตาของเขามันเต็มไปด้วยความว้าวุ่น แต่หล่อนกลับรู้สึกสนุกอย่างไรไม่รู้ ยิ่งเห็นเขาร้อนรนยิ่งอยากแกล้ง

“สรัช เผ่าพันธุ์พยัคฆ์ ไงคะ...คุณจำชื่อตัวเองไม่ได้หรือ ฉันลองเช็กมาแล้ว มีแค่คนเดียวในโลกนี้ที่ชื่อนี้ นามสกุลนี้ ไม่มีที่ไหนอีกแล้วละค่ะ”

สรัชแทบเต้นเมื่อหญิงสาวพูดแบบนั้น ชายหนุ่มยกมือขึ้นเท้าสะเอว เตรียมมีเรื่องเต็มที่ ยิ่งเห็นว่าหล่อนออกจะขำที่เขาโกรธ เขาก็ยิ่งโกรธหนักเข้าไปใหญ่

“คุณเป็นมิจฉาชีพใช่มั้ย” ชายหนุ่มกดเสียงต่ำ “ผมไม่เชื่อหรอกนะว่าคุณจะท้องกับผม มันไม่มีทางเป็นไปได้ แล้วอย่าบอกนะว่าผมเมา คุณเมา แล้วเรามีอะไรกันจนคุณท้อง มันนิยายเกินไป ผมไม่เชื่อ!”

“ถูกทุกอย่างเลยค่ะ เรื่องของเรามันเป็นสูตรสำเร็จของนิยายยุคนี้เลย คุณเมา ฉันเมา เรามีอะไรกัน ฉันท้อง...” พิมพ์พิชญาว่าหน้านิ่งไม่มีแววล้อเล่นแต่อย่างใด ก็หล่อนพูดเรื่องจริง เรื่องของหล่อนกับเขามันเป็นแบบนั้นจริงๆ

“ไหนหลักฐาน .คุณจะมาพูดลอยๆ แบบนี้ไม่ได้”

“นั่นไงคะหลักฐาน”

พิมพ์พิชญาชี้ไปยังเด็กหญิงปวันวาตที่กำลังเดินดูดอกไม้อยู่อีกด้าน สรัชหันไปมองตาม ก่อนจะหันกลับมาจ้องหล่อนราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ แต่หญิงสาวไม่รู้สึกกลัว เขาก็เก่งแค่ขู่เท่านั้นแหละ ไม่มีทางทำอะไรหล่อนได้หรอก จะแกล้งให้เต้นไม่หยุดเลยคอยดู มีอย่างที่ไหนจำหน้าหล่อนไม่ได้!

“ฟังนะ ผมไม่เคยรู้จักคุณมาก่อน แล้วผมจะไปทำคุณท้องได้ยังไง อ้อ แม้แต่หน้าผม คุณยังจำไม่ได้เลย เอาอย่างนี้นะ คุณกลับไปเถอะ ผมรับรองว่าจะไม่บอกเรื่องนี้กับตำรวจ และจะให้เงินค่ารถคุณกับลูกด้วย”

“ฉันไม่ได้ต้องการเงินค่ะ ต้องการความรับผิดชอบจากพ่อแบบคุณเท่านั้น”

สรัชยังไม่ทันจะพูดอะไรต่อก็เหลือบไปเห็นว่าเด็กหญิงหายไป จึงถอนหายใจก่อนจะบอกว่า

“ลูกคุณคงเดินไปไหนอีกแล้ว ไปตามมาเถอะ ผมว่าเราอาจจะต้องไปที่โรงพัก”

พิมพ์พิชญาเดินนำออกไป พอเดินไปถึงหน้าบ้าน สรัชก็เห็นรถของพ่อกับแม่จอดอยู่ ชายหนุ่มเบิกตาโตเตรียมจะออกตัววิ่งไปหาแม่ตัวเอง เพราะกลัวว่าแม่จะถามว่าหนูน้อยมาหาใคร แล้วถ้าเด็กหญิงตอบเหมือนที่ตอบเขามีหวังไร่แตกแน่

สรัชวิ่งแซงพิมพ์พิชญาไป พอถึงตัวปวันวาตก็เห็นแม่เขากำลังยิ้ม โดยมีพ่อยืนอยู่ด้านหลัง แต่ขณะยื่นมือไปหมายจะคว้าตัวเด็กหญิง

“หนูมาตามหาพ่อค่ะ”

อย่านะ...อย่าพูด

“พ่อวินดี้ชื่อ สรัช เผ่าพันธุ์พยัคฆ์ เป็นเจ้าของไร่ที่นี่ คุณตากับคุณยายรู้จักมั้ยคะ”

จบ...จบกันชีวิต!

ภาจรีอ้าปากค้างก่อนจะยกมือขึ้นมาทาบที่อก ดวงตาของผู้เป็นแม่เบิกกว้างจนแทบถลนออกมา ขณะที่สรัชยกมือขึ้นปิดหน้าราวกับว่าได้ทำเรื่องผิดพลาดที่สุดในชีวิตไปแล้ว ยังไม่ทันที่เขาจะได้อธิบายอะไร ภาจรีก็เป็นลมทำท่าจะหงายหลัง ทุกคนในบริเวณนั้นหวีดร้อง ชายหนุ่มพุ่งตัวไปเตรียมจะรับแม่ตัวเอง พิมพ์พิชญาก็เช่นกัน ทว่าโชคดีที่ภวัตรับภรรยาเอาไว้ได้ก่อนจะล้มตึง ไม่อย่างนั้นคงล้มลงไปฟาดพื้นเป็นแน่

 

หลังจากที่พาภาจรีเข้าบ้านแล้ว ทุกคนก็มารวมกันที่โถงภายในบ้านของสรัช ภาจรีนั่งดมยาดมอยู่บนโซฟาตัวยาว ข้างๆ คือภวัตที่กำลังพัดให้ผู้เป็นภรรยา สรัชยืนหน้าเคร่ง อยู่อีกด้านของห้อง พิมพ์พิชญานั่งที่โซฟาเดี่ยวด้านข้าง ส่วนปวันวาต น้ำผึ้งซึ่งเป็นแม่บ้านของสรัชพาออกไปเล่นข้างนอก เพราะผู้ใหญ่มีเรื่องจะพูดคุยกัน

“ลม แกไปทำลูกสาวใครท้องฮะ!” พอหายตกใจภาจรีก็ตะโกนเสียงลั่นจนสรัชกับภวัตสะดุ้ง ก่อนที่คนนั่งข้างๆ จะขยับตัวออกเล็กน้อย เบี่ยงทางให้ผู้เป็นภรรยาลุกขึ้นยืน

สรัชเหลือบตามองอย่างหวาดๆ สองพ่อลูกหันมาสบตากันเป็นเชิงรู้กันว่างิ้วโรงเล็กของแม่เริ่มเปิดทำการแสดงแล้ว แต่ยังไม่ทันที่ชายหนุ่มจะได้อ้าปากพูด ภาจรีก็สาวเท้ายาวๆ ไปประชิดตัวก่อนจะดึงหูของผู้เป็นลูกชายจนเจ้าตัวร้องลั่น

ชายหนุ่มพยายามส่งสายตาให้ผู้เป็นพ่อช่วย ทว่าอีกฝ่ายกลับหันหลังให้ พร้อมกับหยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมากาง โดยที่ไม่ได้สังเกตเลยว่าหนังสือพิมพ์มันกลับด้าน!

“ผมไม่รู้เรื่องนะครับแม่ โอ๊ย ผมไม่ได้ทำ ปล่อยๆ” ยิ่งสรัชดิ้นหูก็ยิ่งถูกดึงจนแดงไปหมด นอกจากหูจะแดงแล้วหน้าของพ่อเลี้ยงหนุ่มก็แดงไปด้วย คนถูกดึงหูจ้องมองพิมพ์พิชญาอย่างแค้นเคือง ยิ่งเห็นเจ้าหล่อนหัวเราะคิกคักเขายิ่งแค้น

ฝากเอาไว้ก่อนเถอะ...สบโอกาสเมื่อไรได้เจอดีแน่!

“ไม่ได้ทำแล้วแกจะมีลูกได้ยังไงหา!” ภาจรีหอบแฮก

สรัชฉวยโอกาสนั้นรีบดีดตัวเองออกจากรัศมีของนางเอกงิ้วโรงเล็กไปยืนอยู่ที่ประตูทางออก มือหนึ่งกุมหูตัวเองเอาไว้ อีกมือหนึ่งจับกรอบประตู ส่วนตาก็จ้องมองคนที่นั่งทำเป็นทองไม่รู้ร้อนเหมือนอยากจะฉีกเนื้อหล่อนออกเป็นชิ้นๆ

“ไหนหนูช่วยบอกอีกทีซิว่าพ่อของเด็กคนนี้เป็นใคร”

พิมพ์พิชญาลุกขึ้นยืน ก่อนจะฉีกยิ้มกว้าง แล้วพูดช้าๆ ชัดๆ ทีละคำ

“วินดี้เป็นลูกของคุณลมกับพีชค่ะ”

“ไม่จริง!” สรัชเถียงเสียงดังลั่น ความเจ็บที่ถูกแม่ดึงหูยังไม่คลายลงจนนิดเดียว แต่ไม่เจ็บเท่าหัวใจในขณะที่ถูกหล่อนใส่ร้ายอย่างนี้หรอก “ผมไม่รู้จักคุณ คุณจะมาท้องกับผมได้ยังไง ผมไม่เคยรู้จักผู้หญิงหน้าตาแบบนี้”

“วันนั้นพีชไปงานเลี้ยงค่ะ คุณลมเมามากแล้วก็เข้ามาในห้องพีช จากนั้น...”

พิมพ์พิชญายังพูดไม่จบสรัชก็ตะโกนสวนมาอีก

“ไม่มีทาง!” ชายหนุ่มโกรธจนหน้าแดงกว่าเดิม “ผมไม่เห็นรู้สึกเลยว่ามีอะไรกับใครที่ไหน ตั้งแต่กลับมาอยู่บ้านผมก็ไม่เคยมีอะไรกับใครเลยนะแม่ ไอ้จ้อนของผมมันไม่เคยไปทักทายใครนอกจากดัชนีนางของผมเอง แล้วอย่างนี้มันจะไปทำใครท้องได้ยังไง!”

“เลิกโวยวายสักทีลม แกโตแล้วนะ”

สรัชเงียบเสียงลง แต่แอบเถียงในใจว่าแม่เองก็โวยวายเหมือนกันนั่นแหละ

“ปีนี้ลูกของหนูอายุเท่าไหร่แล้วจ๊ะ” ภาจรีถามพิมพ์พิชญาด้วยน้ำเสียงเรียบ

“วินดี้อายุสี่ขวบค่ะ”

เมื่อหญิงสาวพูดจบภาจรีก็ขมวดคิ้วพร้อมกับหันไปจ้องลูกชายตัวเอง

“แกเพิ่งกลับมาอยู่บ้านได้สี่ปี วินดี้อายุสี่ขวบ ลูกพีชอุ้มท้องเก้าเดือน นั่นก็แสดงว่าเขาท้องก่อนที่แกจะกลับมา แล้วอย่างนี้แกยังมีหน้ามาปฏิเสธอีกเหรอ”

“โธ่ แม่ ใครเขาก็พูดได้ทั้งนั้นแหละ”

ชายหนุ่มไม่มีทางเชื่อหรอกว่าเคยมีอะไรกับผู้หญิงคนนี้ ถ้าเคยมีจริงๆ เขาก็ต้องรู้สิ ต้องรับรู้สิว่าตัวเองกำลังร่วมรักกับใคร แต่นี่ไม่เลย ดังนั้นไม่มีทางที่เขาจะทำใครท้อง ไม่มีวันนั้นอย่างแน่นอน สรัชมั่นใจ

“รอยายมีนกลับมาก่อน แล้วไปตรวจดีเอ็นเอ เอาให้รู้ไปเลยว่าใครกันแน่ที่โกหก”

“ถ้าวินดี้เป็นลูกของแกจริงๆ ล่ะ” ภาจรีสาวเท้าเข้าไปใกล้ลูกชาย ขณะที่สรัชเตรียมถอยเท้าหนีผู้เป็นแม่ “ถ้าผลมันออกมาว่าแกเป็นพ่อของวินดี้จริงๆ แกจะต้องขอลูกพีชแต่งงานให้ได้ เพราะฉันจะไม่ยอมให้หลานฉันเป็นเด็กบ้านแตกเด็ดขาด แม่ขอยื่นคำขาดว่า ถ้าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริงแกจะต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น และอดีตที่ผ่านมาด้วย ไม่อย่างนั้น...ตาย!”

“ถ้าวินดี้ไม่ใช่ลูกผมล่ะ”

“ก็ไม่ใช่ไง ก็ไม่มีอะไร” ภาจรีทำหน้าซื่อ ก่อนจะเดินกลับไปนั่งที่โซฟาเหมือนเดิม

“ไม่ยุติธรรม!” สรัชว่าเสียงแข็ง “ทำแบบนี้มันไม่ยุติธรรมกับผม พ่อ...” ชายหนุ่มหันไปขอความช่วยเหลือจากผู้เป็นพ่อ

“เรื่องนี้พ่อไม่ยุ่ง อย่ามายุ่งกับพ่อ” ภวัตว่าเสียงเบา

ผู้เป็นภรรยาดึงหนังสือพิมพ์ออก หันด้านบนขึ้นแล้วยัดใส่มือให้เหมือนเดิม “เก่งจังนะคุณ อ่านหนังสือพิมพ์กลับหัวกลับหางได้เป็นนานสองนาน”

ภวัตยิ้มแหย ก่อนจะขยับออกห่างจากภรรยาเล็กน้อย เพราะเกรงจะโดนหางเลขไปด้วย

“ผมไม่ยอมนะครับแม่ ถ้าผมไม่ได้เป็นพ่อของวินดี้จริงๆ ผมจะเอายายนี่เข้าคุก!”

“พีชไม่กลัวค่ะ เพราะพีชพูดความจริง ถ้าคุณลมไม่เชื่อก็ลองเดินไปดูหน้าลูกคุณลมได้เลยค่ะ ว่าลูกเหมือนใคร” พิมพ์พิชญายักไหล่ “อ้อ พีชจำได้ว่าคุณลมมีปานที่แก้มก้นข้างซ้ายเป็นรูปหัวใจ แล้วก็มีแผลเป็นที่สีข้างด้านซ้ายด้วยนะคะ ไม่รู้จำผิดหรือเปล่า แต่คิดว่าน่าจะใช่” พูดจบพิมพ์พิชญาก็แสยะยิ้มร้าย

สรัชดูตกใจมากเพราะสิ่งที่หล่อนพูดมามันถูกทั้งหมด!

ชายหนุ่มเดินออกจากบ้านเพื่อไปสงบสติอารมณ์ แต่แม้จะสูดลมหายใจเข้าออกหลายครั้ง ก็ยังไม่สามารถดับความร้อนในใจได้เลยแม้แต่นิดเดียว พอเหลือบไปเห็นปวันวาตนั่งเล่นอยู่ที่ชิงช้าข้างบ้าน เขาก็รีบเดินลงไป พอถึงตัวแม่หนูน้อยก็ทรุดตัวนั่งยองๆ แล้วจับเด็กหญิงให้มายืนตรงหน้า พิจารณาใบหน้าจิ้มลิ้มว่าเหมือนเขาหรือเปล่า

ชายหนุ่มส่ายหน้า...

“ไม่เห็นจะเหมือนสักนิด จริงมั้ยผึ้ง ไม่เหมือนฉันเลยสักนิดเดียว” หันไปถามสาวใช้ที่ยืนอยู่ใกล้ๆ

น้ำผึ้งเดินเข้ามามองใบหน้าผู้เป็นเจ้านาย ก่อนจะหันไปมองแม่หนูน้อย จากนั้นก็พูดขึ้นว่า

“ใช่ค่ะ”

สรัชยกยิ้ม บอกแล้วว่าไม่เหมือน...

“ใช่เลยค่ะ หน้าเหมือนคุณลมจริงๆ ด้วย”

สรัชนั่งลงกับพื้นอย่างคนหมดแรง เขาไม่เคยรู้สึกท้อแท้ขนาดนี้มาก่อนเลย ทำก็ไม่ได้ทำ แต่ดันได้ลูกมาหนึ่ง สวรรค์เล่นตลกอะไรกับเขากันเนี่ย!

“วินดี้”

“ขา” เด็กหญิงขานรับเสียงใส

“ตอนที่วินดี้ยังไม่ตามหาพ่อ แม่บอกวินดี้ว่าพ่อไปไหน” เขาพยายามทำเสียงนุ่ม มองสบดวงตาใสแจ๋วซื่อบริสุทธิ์ของเด็กหญิงแล้วทำให้หัวใจสงบลงได้บ้าง “แม่พูดอะไรเกี่ยวกับพ่อบ้างคะ”

“คุณแม่บอกว่าพ่อตายค่ะ”

ตาย!?

“พ่อตายตั้งแต่แม่ท้อง ตอนนั้นคุณแม่บอกแบบนั้น”

ยายลูกพีชยายตัวแสบ

“แม่บอกว่าพ่อเป็นอะไรตายคะ” เขาถามต่อไปอีก อยากรู้ว่ายายปีศาจนั่นจะเล่นตลกอะไร

“แม่บอกว่าพ่อเป็นบ้าค่ะ กินเหล้าเมาสติไม่ดี พ่อข้ามถนนแล้วโดนรถสิบล้อชนตาย” เด็กหญิงทำท่าคิด ขณะที่สรัชขบกรามแน่น “อืม แม่บอกรถเหยียบพ่อจนแบนติดถนนเลยค่ะ”

“แล้วทำไมตอนนี้แม่ถึงพาหนูมาหาพ่อล่ะ”

“คุณแม่บอกว่าแม่เข้าใจผิดคิดว่าพ่อตาย แต่จริงๆ พ่อไม่ได้ตาย วินดี้ก็เลยอยากมาหาพ่อค่ะ”

สรัชอมยิ้มยามที่เห็นริมฝีปากบางเล็กจิ้มลิ้มนั้นยกยิ้ม

“เวลาคุณวินดี้ยิ้มยิ่งเหมือนคุณลมมากเลยนะคะ” น้ำผึ้งออกความเห็น

“คุณลุงเป็นพ่อลมของหนูเหรอคะ”

สรัชรู้สึกเขินเล็กน้อย และทำอะไรไม่ถูกจึงเพียงพยักหน้าตอบกลับไป

ปวันวาตยิ้มกว้างกว่าเดิม เด็กหญิงโผข้ากอดเขาเต็มรัก สรัชรับร่างเล็กๆ มากอดเอาไว้ เป็นความรู้สึกแปลกใหม่ที่เขาไม่เคยได้รับ มันเป็นเหมือนน้ำเย็นที่ราดรดดับไฟร้อนในใจของเขาจนดับสนิท

“วินดี้คิดเอาไว้แล้วว่าพ่อลมของวินดี้ต้องหล่อ พ่อลมหล่อที่สุดเลยค่ะ”

“จ้ะ” สรัชกอดปวันวาตเอาไว้แนบอก เขายกยิ้มโดยไม่รู้ตัว “วินดี้ก็เป็นเจ้าหญิงที่สวยที่สุดเหมือนกัน”

“ในที่สุดฝันของวินดี้ก็เป็นความจริง วินดี้ไม่ได้นอนหลับอยู่จริงๆ นะคะ ตอนนี้วินดี้ได้อยู่กับพ่อลมแล้ว”

“วินดี้ไม่ได้ฝันหรอกจ้ะ”

สรัชเองก็ไม่ได้ฝัน...ไม่เคยคิดจะฝันให้มันเป็นแบบนี้ด้วย!

 

พิมพ์พิชญาเดินออกมาบริเวณระเบียงหน้าบ้านของสรัช ก่อนจะมองหาปวันวาตที่ออกไปเล่นกับน้ำผึ้ง ทว่าไม่พบทั้งลูกสาวทั้งแม่บ้านของชายหนุ่ม หญิงสาวเดินมาหยุดยืนบริเวณทางเชื่อมระหว่างบ้านหลังนี้กับบ้านอีกหลังหนึ่ง บ้านของสรัชเป็นบ้านแฝดแยกออกจากกันอย่างชัดเจน แต่มีทางเชื่อมถึงกัน เป็นบ้านสไตล์ไทยล้านนาประยุกต์ผสมโมเดิร์น แม้จะมีความโมเดิร์น แต่ยังคงกลิ่นอายของล้านนาอยู่มากเช่นกัน ผสมผสานกันได้อย่างลงตัวทีเดียว

หญิงสาวเหยียดแขนขึ้น สูดอากาศบริสุทธิ์ก่อนจะผ่อนลมหายใจออก มองไปรอบบ้านอย่างสำรวจ นับว่าเจ้าของบ้านมีรสนิยมดีไม่น้อย โดยเฉพาะสวนแบบอังกฤษที่อยู่บริเวณบ้านอีกหลังนั่น หล่อนคิดว่าสรัชช่างเลือกและรู้จักตำแหน่งแห่งที่ในการจัดวางสิ่งต่างๆ ได้ดีและลงตัว

พิมพ์พิชญาถอดเสื้อตัวนอกออก ก่อนจะเดินตามทางเชื่อมไปยังบันไดของบ้านอีกหลัง พอเดินผ่านสวนสวยหน้าบ้านก็ได้ยินเสียงหัวเราะใสๆ ของปวันวาต ผู้เป็นแม่จึงเดินตามเสียงนั้นไปจนกระทั่งมาถึงบริเวณสนามหญ้าหลังบ้าน

ทิวทัศน์ด้านหลังเป็นภูเขา มีเนินสลับสูงต่ำ ห่างออกไปไกลสุดสายตาเป็นไร่ชาซึ่งเป็นเนินลาดลงไปด้านล่าง ในแปลงชามีคนงานกำลังทำงานกันอยู่ หญิงสาวอมยิ้มก่อนจะเดินมาหยุดอยู่ข้างหลังสรัชที่กำลังไกวชิงช้าที่ทำจากยางรถยนต์ให้ปวันวาต

“คุณแม่” เด็กหญิงเรียกเสียงใส ริมฝีปากบางเล็กสีสดราวกับเยลลีฉีกยิ้มกว้างจนเห็นฟันขาวเรียงตัวสวย

สรัชชะงักเล็กน้อยก่อนจะจับชิงช้าที่กำลังไกวให้หยุด จากนั้นจึงหันหลังกลับมามองยายปีศาจ ที่เขาเพิ่งตั้งฉายาให้ ด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตรปนหวาดระแวง

เด็กหญิงกระโดดลงจากชิงช้าก่อนจะโผเข้าสู่อ้อมกอดของผู้เป็นแม่ พิมพ์พิชญารับลูกมาไว้ในอ้อมแขนก่อนจะอุ้มขึ้นมา ปวันวาตก้มหน้าลงแตะริมฝีปากเล็กๆ ของตัวเองกับริมฝีปากของผู้เป็นแม่เบาๆ

สรัชยืนมองภาพนั้นเงียบๆ เขาไม่เข้าใจความรู้สึกของตัวเองว่ากำลังคิดอะไรอยู่ มันงุนงง สับสน เหมือนยังไม่ตื่นเต็มตา หรือบางทีอาจจะเมาอะไรเทือกนั้น ในหัวตอนนี้มีแต่คำถามเต็มไปหมด ผู้หญิงคนนี้เป็นใครกันแน่ ทำไมหล่อนถึงมาพูดเรื่องนี้ตอนที่ปวันวาตอายุปาเข้าไปสี่ขวบแล้ว สรัชอยากจะรู้ว่าภายใต้รอยยิ้มหวานแต่ร้ายกาจนั่นหล่อนกำลังคิดอะไรอยู่

“คุณแม่ขา คุณพ่อหล่อเหมือนที่คุณแม่บอกจริงๆ ด้วยค่ะ” เด็กหญิงพูดเสียงใส

พิมพ์พิชญาหน้าตึง ขณะที่สรัชยกยิ้มพร้อมกับหัวเราะเบาๆ

“วินดี้จ๋า แม่ไม่เคยพูดว่าคุณพ่อหล่อนะคะ หนูอาจจะฝันไปก็ได้นะลูก” พิมพ์พิชญาลูบข้างแก้มลูกสาวเบาๆ ไม่สนใจเสียงหัวเราะของสรัชที่กำลังมองหล่อนด้วยสายตาแห่งผู้กุมชัยชนะ

“คุณแม่ของวินดี้พูดแบบนั้นจริงหรือเปล่าคะ” สรัชขยับเข้ามาใกล้ มองเด็กหญิงในอ้อมอกของผู้เป็นแม่ด้วยแววตาวิบวาว แล้วเบนสายตาไปมองพิมพ์พิชญาที่กำลังเม้มปากอยู่อย่างเยาะเย้ย “ผมรู้นะว่าผมหล่อ ท่าทางคุณจะชอบผมมากสิท่า”

พิมพ์พิชญาหัวเราะออกมาดังๆ พอวางวินดี้ลงแล้วหล่อนก็เงยหน้าขึ้นมามองพ่อเลี้ยงสรัชด้วยสายตาแข็งกร้าว ริมฝีปากเหยียดอย่างเย้ยหยันในคำพูดของชายหนุ่ม จากนั้นก็ถอยหลังออกไปหนึ่งก้าว ใช้สายตาคมกริบของตัวเองมองไล่ตั้งแต่หัวจดปลายเท้าของเขาอย่างพิจารณา ทำให้คนถูกมองถึงกับขมวดคิ้วมุ่น

หญิงสาวยกมือขึ้นมาก่อนจะชี้ไปที่สรัช จากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงกึ่งหัวเราะ

“ผมยาวยุ่งเหยิง ผิวหน้าหยาบกร้าน หนวดเคราก็ไม่โกน” หล่อนขยับนิ้วเป็นวงกลมก่อนจะหยุดแล้วกอดอก ทอดสายตามองเขาและเลิกคิ้วอย่างยียวน “แถวบ้านฉันเป็นได้แค่คนสวนเท่านั้นแหละ อ้อ ไม่สิ คนสวนที่บ้านยังหล่อกว่านี้ตั้งเยอะ”

คนถูกเปรียบกับคนสวนหน้าตึง จ้องคนตรงหน้าเขม็ง ขบกรามแน่นด้วยความโมโห ใครๆ ก็รู้ทั้งนั้นว่าเขาเป็นพ่อเลี้ยงที่เนื้อหอมที่สุดในแถบนี้ ไม่มีใครไม่รู้กิตติศัพท์ความหล่อเหลาบาดใจสาวเล็กสาวใหญ่ของ สรัช เผ่าพันธุ์พยัคฆ์สักคน แต่ยายปีศาจกลับบอกว่าอย่างเขาเป็นได้แค่คนสวนอย่างนั้นเรอะ!

“ลูกพีช!”

สรัชกดเสียงต่ำ คำรามในลำคออย่างเหลืออด ไม่เคยมีใครมองเขาด้วยสายตาเหยียดหยามขนาดนี้เลยนะ ชายหนุ่มไม่อยากพูดอะไรต่อเพราะอยู่ต่อหน้าปวันวาตซึ่งเงยหน้าขึ้นมามองผู้ใหญ่สองคนที่กำลังจ้องตากันด้วยความสงสัยใคร่รู้ เด็กหญิงไม่ควรต้องมาเห็นภาพแบบนี้

สรัชหลับตาลง สูดลมหายใจเข้าก่อนจะผ่อนลมหายใจออกช้าๆ เพื่อระงับความโกรธของตัวเอง

“แต่คุณแม่เคยพูดจริงๆ นะคะ คุณแม่บอกว่าคุณพ่อหล่อ วินดี้ไม่ได้ฝันแน่ๆ”

สรัชเหยียดยิ้มอีกครั้ง ขณะที่พิมพ์พิชญาเริ่มหน้าเสีย

“พ่อลมหล่อจริงๆ หล่อที่สุดเลย”

“วินดี้จ๋า” พิมพ์พิชญาว่าเสียงอ่อน

“คุณแม่ก็สวยค่ะ”

พิมพ์พิชญายิ้มออกได้บ้าง พยายามจะลืมเรื่องที่เคยชมสรัชให้ลูกฟัง ทว่าดูเหมือนฝ่ายนั้นจะยังไม่ยอมปล่อยผ่าน

“คุณแม่ชมบ่อยมั้ยคะ” สรัชอุ้มเด็กหญิงบ้างแล้วซักต่อ พลางเดินกลับเข้าไปยังบริเวณบ้าน โดยมีพิมพ์พิชญาเดินตามมาด้วย หญิงสาวพยายามจะคว้าลูกคืน แต่ชายหนุ่มเบี่ยงตัวหนีและกันไม่ให้หล่อนได้เข้าใกล้ลูก “ถ้าวินดี้พูดความจริง จะได้รางวัลเป็นของตอบแทน ดีมั้ยคะ”

ปวันวาตยิ้มกว้าง ก่อนจะพยักหน้าอย่างดีใจ

“คุณแม่ชมคุณพ่อ...” ปวันวาตยกแขนข้างซ้ายขึ้นมาวางทาบบริเวณท้อง ก่อนยกศอกขวาขึ้นมาตั้งบนแขนซ้าย เคาะนิ้วเล็กๆ สีชมพูระเรื่อที่คางเบาๆ ระหว่างคิดคำตอบให้พ่อเลี้ยงสรัช “วินดี้จำไม่ได้ว่ากี่ครั้ง แต่หลายครั้งค่ะ คุณแม่บอกว่าคุณพ่อตัวสูง คุณแม่ชอบคนตัวสูงๆ แบบคุณพ่อ”

“จริงหรือจ๊ะ พ่อไม่เคยรู้เลยนะเนี่ยว่าแม่เขาชอบพ่อขนาดนี้” สรัชหันกลับไปเหยียดยิ้มใส่พิมพ์พิชญาที่เดินหน้าบึ้งตามมาข้างหลัง

“วินดี้มาหาแม่ค่ะ”

พิมพ์พิชญายกมือขึ้นทำท่าจะอุ้ม เด็กหญิงโน้มตัวไปหาแม่ ทว่าสรัชไม่ยอมปล่อยแม่หนูน้อยไป หล่อนพยายามดึงลูกมาหาตัวเอง พอเขาปล่อย หล่อนจึงเซเหมือนจะล้ม ชายหนุ่มจึงยื่นมือมาโอบเอวของหญิงสาวไว้ โดยมีปวันวาตอยู่ตรงกลาง

สรัชก้มลงไปมองใบหน้าเนียนละเอียดของหญิงสาวและพิจารณาอยู่นาน ทำไมเขาถึงไม่เคยเห็นผู้หญิงคนนี้ ทำไมเขาถึงจำไม่ได้ว่าเคยเจหล่อนที่ไหน แล้วทำไมหล่อนถึงบอกว่าเขาเป็นพ่อของปวันวาต พิมพ์พิชญากำลังเล่นตลกอะไรกันแน่ เขาไม่รู้ว่าเหตุผลของผู้หญิงคนนี้คืออะไร แต่สัญญากับตัวเองเอาไว้แล้วว่า...เขาจะต้องหาความจริงเรื่องนี้ให้พบ และต้องรู้ให้ได้ว่าเมื่อห้าปีที่แล้วมันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น!

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น