10

ตอนที่ 9


.

 

การมาสังเกตการณ์ในที่เกิดเหตุของ โทมัส ไมเออร์ และคณะ ทำให้ชีคอัลมาญิดอดไม่สบายใจขึ้นมาไม่ได้เลยทีเดียว เพราะเหตุผลหนึ่งที่บริษัท เยอร์เก้น ให้การสนับสนุนด้านยาและเวชภัณฑ์กับลิฮาซนั้นเป็นเพราะดินแดนแห่งนี้เต็มไปด้วยความสุขสงบ ไม่มีสงครามและโจรปล้นชิงสินค้ามานานมากแล้ว และในภาพรวม ราชอาณาจักรอัซดิฮารก็เป็นประเทศหนึ่งในหลายประเทศของภูมิภาคตะวันออกกลางที่ห่างไกลจากความขัดแย้งทั้งปวงซึ่งอาจนำไปสู่สงครามเช่นกัน แม้ภายในเมืองดุนยา เขตการปกครองที่หนึ่งกับสามจะมีเรื่องระหองระแหงกันอยู่บ้างก็ตาม

“ผมต้องขอโทษท่านชีคด้วย หากจะต้องรายงานความจริงให้ทางบริษัทรับทราบถึงเหตุร้ายนี้”

น้ำเสียงของโทมัสบ่งบอกถึงความกังวลไม่ต่างกัน เจ้าหน้าที่ชาวเยอรมันผู้นี้คงไม่ได้คาดหวังว่าจะได้พบกับเรื่องน่าสะพรึงกลัวเช่นนี้พอดี เพราะมันอาจเป็นเหตุให้การเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลมาที่นี่ต้องสูญเปล่าก็ได้ คำพูดของโทมัสทำให้อัลมาญิดถึงกับชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะฝืนยิ้มออกมาและปล่อยให้ชะตาของลิฮาซตกอยู่ในลิขิตของอัลลอฮ์

“ผมเข้าใจ”

โทมัสทำหน้าอึดอัดเล็กน้อย ก่อนจะฝืนยิ้มให้เขาพร้อมยกผ้าเช็ดหน้าขึ้นซับเหงื่อที่ขมับ

“ถ้าอย่างนั้นผมกับทีมงานขอเดินดูรอบๆ ได้ไหมครับ”

“เชิญครับ” ชีคหนุ่มผายมือ “แค่อย่าเข้าไปในเขตที่เจ้าหน้าที่กั้นเอาไว้ก็พอครับ มันอันตราย”

“ครับ” โทมัสค้อมศีรษะ ก่อนจะเรียกทีมงานอีกสองสามคนให้เดินตามไป

ชายหนุ่มถอนใจเฮือกด้วยความกลัดกลุ้ม ไม่ว่าใครที่ต้องการทำลายเขาและลิฮาซ สิ่งที่คนพวกนั้นทำลงไปเมื่อวานได้สร้างความเสียหายให้เขตการปกครองที่สามหลายประการทีเดียว เพราะไม่เพียงแต่อินทผลัมที่เป็นรายได้หลักของเขตจะถูกทำลายไปกว่าครึ่ง บางทีความช่วยเหลือทางด้านสาธารณสุขที่เขาคาดหวังจากบริษัทเยอร์เก้นไว้ก็อาจพังครืนลงด้วย

“ฉันเสียใจด้วยนะคะ ที่เกิดเหตุแบบนี้”

เสียงของอันนาทำให้เขาละสายตาจากโทมัสและทีมงานหันไปหาเธอด้วยความแปลกใจว่า ทำไมหญิงสาวถึงไม่เดินตามคนอื่นไป เธอทำราวกับไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของคณะ

“ขอบคุณครับ” เขาค้อมศีรษะลงเล็กน้อยตามมารยาท

“แล้วคุณจะทำอย่างไรต่อไปคะ”

“ผมเองก็ยังไม่รู้เหมือนกัน” ชีคอัลมาญิดถอนใจ มองเจ้าพนักงานดับเพลิงช่วยกันฉีดน้ำใส่กองเถ้าถ่านเพื่อกันไม่ให้มันเกิดติดไฟลุกลามขึ้นมาอีกด้วยความหนักใจ

“ฉันเองก็หนักใจแทนคุณเหมือนกันนะคะ คณะกรรมการซี.เอส.อาร์. (Corporate Social Responsibility) ของบริษัทอ่อนไหวกับเรื่องพวกนี้มาก ถึงพวกเขาจะอยากทำเพื่อสังคม แต่พวกเขาก็ต้องการให้มันคุ้มค่าและได้ประโยชน์สูงสุดกับภาพพจน์ของบริษัทด้วย พวกเขาอยากแน่ใจว่าสิ่งของที่บริษัทนำมาให้คุณจะปลอดภัย ไม่ถูกทำลายไปเสียก่อนด้วยปัญหาการเมืองภายใน”

“ผมเข้าใจ” เขาตอบเหมือนที่ตอบโทมัส คำตอบของเขาสร้างความอึมครึมเงียบงันให้ทั้งสองฝ่าย อันนาทอดเวลาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเสนอความคิดของเธอขึ้นมา

“บางทีคุณอาจต้องหาทางอื่นเตรียมไว้ อย่างเช่นเรื่อง...น้ำมัน”

ชีคอัลมาญิดชะงักมองเธอ ดวงตาแวววาวของเธอบ่งบอกความคาดหวังในเรื่องเดิมๆ อย่างที่ปากพูดออกมา หากเขาไม่รู้ว่าเธอมาจากอีกซีกโลกหนึ่ง และเพิ่งจะมาถึงอัซดิฮารไม่กี่วัน เขาก็คงต้องอดคิดไม่ได้ว่าเธออาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้ก่อการร้ายในครั้งนี้ด้วยแน่ๆ

“ผมจะลองคิดดู” เขาตอบอย่างแบ่งรับแบ่งสู้

หญิงสาวหน้าเครียดลงเมื่อเขาตอบเช่นนั้น เธอคงรู้ได้ทันทีว่าคำตอบที่เขาให้มันเหมือนการตอบปฏิเสธกลายๆ จึงเปลี่ยนเรื่องไปเหมือนจะถอดใจกับการโน้มน้าวเขา

“คุณลืมสัญญาว่าจะพาฉันขี่อูฐเล่นหรือยังคะ”

ชายหนุ่มไม่ลืม เหตุการณ์ไม่คาดฝันทำให้การเดินทางด้วยอูฐจากหมู่บ้านซัลมูนไปโอเอซิสลิฮาซต้องล้มเลิก อันนาจำต้องนั่งรถมากับคนอื่นๆ ในคณะ ส่วนเขาก็ต้องแยกทางเร่งมาที่โอเอซิสซับฮ์นี่เพื่อดูแลและควบคุมสถานการณ์ให้เรียบร้อย

“ยังไม่ลืมครับ” ชีคอัลมาญิดตอบ นึกไปถึงอีกฟากหนึ่งของโอเอซิสที่ชาวบ้านพาเขาไปดู เผื่อจะต้องหาพื้นที่ทดแทนการปลูกอินทผลัม หากพื้นที่ที่เสียหายเกินจะเยียวยาจริงๆ

“ถ้าคุณอยากขี่อูฐท่องทะเลทราย ผมมีทริปสั้นๆ เผื่อคุณจะสนใจ”

อันนาหันมามองเขาด้วยความสนใจจริงๆ “จริงหรือคะ”

เขายิ้มเมื่อเห็นหน้าตาของหญิงสาวเหมือนเด็กหญิงได้ตุ๊กตาถูกใจ

“ผมจะพาคุณขี่อูฐย่ำทะเลทรายอ้อมไปอีกด้านหนึ่งของโอเอซิสซับฮ์ ที่นั่นมีสระน้ำเล็กๆ มีมุมเงียบๆ ที่คนของผมเพิ่งจะพาไปดูมาเมื่อเช้า หากคุณอยากว่ายน้ำเล่นก็สามารถทำได้ เราจะค้างที่นั่นคืนหนึ่ง ผมจะให้คนไปจัดเตรียมกระโจมพักและเคลียร์พื้นที่เอาไว้ให้”

ดวงตาหญิงสาวเป็นประกายระยิบระยับขึ้นมาทันที “ฉันอยากว่ายน้ำค่ะ อยากนอนในกระโจมด้วย ตั้งแต่มานี่ก็หมกตัวอยู่แต่ในโรงแรม”

เธอทำปากเบ้เมื่อพูดถึงโรงแรม เพราะโรงแรมในเขตสามที่หรูที่สุดก็ยังนับได้ว่าเป็นเพียงโรงแรมระดับหนึ่งหรือสองดาวสำหรับเกณฑ์ทั่วไปเท่านั้นเอง โดยเฉพาะที่ซับฮ์ซึ่งไม่ใช่เมืองท่องเที่ยว สภาพโรงแรมจึงไม่ต่างอะไรกับรังหนูเลยทีเดียว

“ถ้าอย่างนั้นก็เตรียมชุดได้เลยครับ เย็นนี้หลังเลิกงานผมจะไปรับคุณที่โรงแรม”

“งั้นฉันไปเตรียมตัวก่อนนะคะ” อันนาตบมือด้วยความดีใจ ก่อนจะปลีกตัวเดินไปทางหมู่บ้านโดยไม่ได้สนใจสถานการณ์ของโอเอซิสซับฮ์อย่างเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ เลย

ชีคอัลมาญิดขมวดคิ้วเข้มมองเธออย่างแปลกใจ เพราะรู้สึกตั้งแต่พบกันครั้งแรกแล้วว่า โทมัสซึ่งเป็นหัวหน้าเธอเองก็ดูจะไม่ได้สนใจเคี่ยวเข็ญหญิงสาวนัก ดูๆ ไปก็เหมือนอันนาจะไม่ใช่ผู้ช่วย แต่เป็นเจ้านายเสียมากกว่า หรือไม่ก็อาจเป็นพวกเศรษฐีปลอมตัวมาเที่ยวเล่นในสถานที่แปลกตาเพื่อความบันเทิงส่วนตัวเท่านั้น

 

สิ่งที่ชีคอัลมาญิดสงสัยเกี่ยวกับอันนาแจ่มชัดขึ้นมา เมื่อพันเอกซาอิดให้คนไปสืบหาประวัติของเธอกลับมารายงานเขาตามคำสั่ง ก่อนถึงเวลาที่เขานัดกับเธออย่างละเอียด ตามรายงานระบุว่า แท้จริงแล้วเธอไม่ได้ชื่อ อันนา เกอร์ฮาร์ดท์ เพียงเท่านั้น แต่ชื่อเต็มๆ ของเธอก็คือ อันนา เกอร์ฮาร์ดท์ เยอร์เก้น ต่างหาก

เกอร์ฮาร์ดท์ ที่ใช้เป็นนามสกุลแนะนำตัวกับเขาตั้งแต่วันแรกที่พบกัน เป็นเพียงชื่อกลางของเธอ ซึ่งก็ได้มาจากนามสกุลของมารดา ส่วนนามสกุลจริงๆ ของเธอคือ เยอร์เก้น ซึ่งเป็นนามสกุลเดียวกันกับนาย โยอาคิม เยอร์เก้น ผู้เป็นเจ้าของบริษัทยายักษ์ใหญ่ที่เขากำลังขอความช่วยเหลือด้านสาธารณสุขอยู่ในขณะนี้นั่นเอง

แน่นอน เธอคือคนในตระกูลเยอร์เก้น และเป็นลูกสาวคนหนึ่งของประธานบริษัท เยอร์เก้น นั่นเอง

ฐานะของเธอไม่ได้ผิดเพี้ยนไปจากที่เขาคาดเดาเลย เธอไม่ใช่ลูกน้องของโทมัส ในทางตรงกันข้าม อันนาถือได้ว่าเป็นเจ้านายโดยทางอ้อม เธอคงเป็นสาวประเภทที่ต้องการความแปลกใหม่ให้ชีวิตด้วยการออกผจญภัยในดินแดนที่ไม่เคยพานพบมาก่อนแน่ๆ บางที...

เธออาจเป็นทางออกสำหรับปัญหาด้านสาธารณสุขของลิฮาซก็ได้

“ขอบคุณสำหรับรายงานนะ...ผู้พัน”

“ไม่เป็นไรครับ มันเป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้ว” ซาอิดค้อมศีรษะลง “ว่าแต่เธอจะไม่สร้างปัญหาให้กับเราใช่ไหมครับ”

“คงไม่” อัลมาญิดตอบ ก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง “สถานที่ที่ผมให้ไปเตรียม เรียบร้อยดีไหม”

“เรียบร้อยครับ”

ชีคหนุ่มพยักหน้า “งั้นผมฝากทางนี้กับผู้พันสักวันก็แล้วกันนะ แต่ถ้ามีปัญหาอะไรก็ให้คนไปบอกผมได้”

“ครับผม” พันเอกซาอิดตอบรับ

อัลมาญิดยืนสั่งงานอยู่อีกสักครู่ ก่อนจะปลีกตัวเดินไปที่คอกอูฐ แล้วจูงเจ้าสัตว์ใหญ่ออกมาสองตัว พาพวกมันเดินทางต่อไปยังโรงแรมที่เธอพักอยู่ตามนัดหมาย

โรงแรมในโอเอซิสซับฮ์ส่วนใหญ่เป็นอาคารทำจากดิน มีห้องไม่มากและไม่ใหญ่นัก เพราะที่นี่เป็นเมืองเกษตรและอุตสาหกรรมแปรรูปทางด้านการเกษตร ไม่ใช่แหล่งท่องเที่ยว เมื่ออัลมาญิดไปถึง เขาเห็นอันนายืนรออยู่ที่หน้าโรงแรมในชุดอะบายะห์สีดำ คลุมศีรษะด้วยผ้าหนาๆ สีเดียวกัน ไหล่ขวาสะพายเป้ใบใหญ่บรรจุเสื้อผ้าจนเต็ม อันนายิ้มแจ่มใสเมื่อเห็นเขาพาอูฐสองตัวเข้าไปหมอบต่อหน้าเธอ

“มันตัวใหญ่กว่าที่คิดอีกนะคะ”

อัลมาญิดยิ้มตอบ แล้วตรงเข้าไปช่วยประคองเธอขึ้นไปนั่งบนหลังอูฐ จากนั้นก็ตบบั้นท้ายเจ้าสัตว์ใหญ่เพื่อให้มันลุกขึ้น ร่างใหญ่โตเทอะทะโยกคลอนไปมาทำให้อันนาถึงกับหวีดร้องออกมาด้วยความกลัว แต่เมื่อเจ้าอูฐยืนขึ้นได้แล้ว เธอก็หัวเราะออกมาอย่างพออกพอใจที่ไม่ตกลงไปเสียก่อนที่จะออกเดินทาง

“ไม่ยักรู้ว่าหลังอูฐจะสูงขนาดนี้นะคะ” เธอบอกเสียงใส

ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ กับความไร้เดียงสาของเธอ ก่อนจะโหนตัวขึ้นหลังอูฐบ้าง แล้วบังคับให้พวกมันเดินไปตามถนนแคบๆ ของหมู่บ้านซับฮ์ ซึ่งบัดนี้แผ่ขยายพื้นที่ออกไปกว้างกว่าพื้นที่ของโอเอซิสเสียแล้ว เนื่องจากอุตสาหกรรมทางการเกษตรนั่นเอง กระทั่งออกสู่ท้องทะเลทรายอันกว้างใหญ่ซึ่งลดความร้อนแรงลงไปเกือบครึ่งเมื่อแดดจัดราตัวลง

อันนาตื่นตาตื่นใจมากระหว่างที่อูฐย่ำเท้าไปตามผืนทราย เธอกางแขนออกกว้าง เงยหน้าขึ้นรับแสงแดดอ่อนๆ ยามเย็นแล้วบอกกับเขาว่าบรรยากาศเช่นนี้แตกต่างจากการนั่งรถอย่างสิ้นเชิง เธอรู้สึกเหมือนมีอิสระอย่างเต็มที่ ไม่มีอะไรห้อมล้อมตัวเธอนอกเสียจากอากาศมากมายมหาศาลเหนือผืนทรายสีทองอร่าม

ทั้งคู่พูดคุยกันอย่างสนุกสนานระหว่างเลาะไปตามรอยต่อของโอเอซิสกับทะเลทรายซึ่งเมื่อมองออกไปก็เห็นพื้นที่เวิ้งว้างที่เต็มไปด้วยเนินทรายน้อยใหญ่เรียงตัวกันอยู่เต็มไปหมด อัลมาญิดเล่าเรื่องที่เขาออกผจญภัยก่อนจะเข้ารับตำแหน่งชีคให้เธอฟัง หญิงสาวฟังอย่างตั้งใจ ดวงตาเป็นประกายแวววาวด้วยความทึ่งและเปรียบเทียบเขาเป็นดั่ง อินเดียนา โจนส์ ทีเดียว

ไม่นานอูฐสองตัวก็เดินทางมาถึงอีกฟากหนึ่งของโอเอซิสซับฮ์ ที่นี่มีสระน้ำเล็กๆ ที่เงียบสงบ ห้อมล้อมด้วยต้นปาล์มสูงใหญ่ ริมสระมีกระโจมใหญ่สีขาวสองหลังตั้งอยู่ อัลมาญิดสั่งให้คนมาปลูกเอาไว้เพื่อเป็นที่พักสำหรับเขากับเธอตั้งแต่ตอนที่เขานัดเธอมาที่นี่แล้ว

“นี่ฉันจะได้นอนในกระโจมจริงๆ แล้วใช่ไหมคะ”

“ใช่ครับ” เขาหัวเราะ ก่อนจะผายมือไปที่กระโจมหลังหนึ่ง “เชิญเข้าไปดูสิครับว่าพอจะนอนได้ไหม”

หญิงสาวมุดเข้าไปตามคำเชิญ ภายในดูสะอาดสะอ้าน ไม่มีเตียงแต่มีฟูกปูด้วยผ้าขาวสะอาดอยู่มุมหนึ่ง หมอนและผ้าห่มถูกจัดไว้เป็นระเบียบ อีกมุมมีโต๊ะไม้เล็กๆ กับเบาะรองนั่งพร้อมกระจกส่องหน้าและโคมไฟแบบอาหรับที่ทำจากกระจกสีต่างๆ เป็นลายดอกลเบอร์นัมละเอียดลออทีเดียว

“น่าอยู่กว่าที่คิดนะคะ”

“มันเป็นกระโจมสมัยใหม่สำหรับนักท่องเที่ยวน่ะครับ มันจะใหญ่และสะอาดกว่ากระโจมทั่วไป ผมให้คนมาปลูกไว้ตั้งแต่ตอนเช้าและกันพื้นที่นี้เอาไว้สำหรับเราสองคน ที่นี่จะไม่มีคนมารบกวนเราจนกว่าเราจะกลับไปที่หมู่บ้านในตอนเช้า”

“ดีเลยค่ะ อยากว่ายน้ำเต็มแก่แล้ว” เธอบอกพร้อมกับโยนกระเป๋าเสื้อผ้าลงบนที่นอน ก่อนจะถอดชุดอะบายะห์ออก เหลือเพียงเสื้อกล้ามสีขาวกับกางเกงยีนขาสั้น

เป็นครั้งแรกที่อัลมาญิดได้เห็นสัดส่วนและนวลเนื้อของเธออย่างเต็มตา นับได้ว่าอันนาเป็นผู้หญิงที่สวยสมบูรณ์แบบจริงๆ ทั้งรูปร่างและผิวพรรณเรียกได้ว่าประดุจดั่งนางฟ้าก็ไม่ปาน

ภาพตรงหน้าทำให้เขาต้องกระแอมออกมาเบาๆ เพื่อข่มใจตัวเอง “ผมไปรอข้างนอกนะครับ”

อันนาหัวเราะคิกคัก จับชายเสื้อพร้อมจะรูดขึ้นทางศีรษะโดยไม่สนใจว่าเขายังคงยืนอยู่ อัลมาญิดถึงกับผงะเมื่อเห็นหน้าท้องแบนราบขาวนวลเต็มตา ทำเอาต้องรีบปลีกตัวออกจากกระโจมก่อนที่เธอจะถอดเสื้อกล้ามออกจนหมด

ชีคอัลมาญิดออกจากกระโจมของหญิงสาวก็ดิ่งตรงไปที่กระโจมของตัวเอง เขาหยิบเสื้อผ้าเครื่องใช้ออกมาจากกระเป๋าของตน วางพับเอาไว้ในตู้เสื้อผ้า หากยังไม่ทันจะเปลี่ยนชุดก็ต้องสะดุ้งเฮือกเมื่ออันนาเปิดม่านประตูเข้ามาพร้อมส่งเสียงเจื้อยแจ้ว

“ฉันพร้อมแล้วค่ะ”

พอหันกลับไปมองหญิงสาว อัลมาญิดก็ถึงกับต้องผงะ เมื่อเห็นเธออยู่ในชุดบิกินีสีแดงสด ผ้าทั้งสองชิ้นเล็กกว่าอวัยวะอันควรปกปิดของเธอทำให้ปทุมถันอวบอิ่มเผยโฉมน่าเย้ายวนตาทีเดียว ดีที่เขาให้คนกันพื้นที่นี้เอาไว้ ไม่อย่างนั้นคงไม่เหมาะไม่งามแน่ๆ

รูปร่างสมส่วนของเธอทำให้เขาอดตะลึงมองไม่ได้ เลือดหนุ่มในกายร้อนผ่าว ก่อนจะกระแอมเบาๆ แล้วเบนสายตาไปทางอื่นเมื่อเธอยิ้มให้อย่างเย้ายั่ว

“คุณยังไม่เปลี่ยนชุดอีกหรือคะ”

“ผมขอเวลาสักครู่ ถ้าคุณร้อน อยากลงเล่นน้ำก่อนก็เชิญนะครับ”

“งั้นฉันไม่รอล่ะ” เธอบอกก่อนจะผลุบหายไป ไม่นานก็ได้ยินเสียงน้ำดังตูม ตามด้วยเสียงหัวเราะชอบอกชอบใจลอยมา

อัลมาญิดเป่าปากอย่างไม่แน่ใจตัวเอง ไม่รู้คิดถูกหรือคิดผิดกันแน่ที่ชวนเธอมาที่นี่เพื่อสานสัมพันธ์ หวังให้เธอเป็นสะพานเชื่อมระหว่างบริษัทเยอร์เก้นกับลิฮาซ เพราะยิ่งใกล้ชิดเธอมากขึ้น เขาก็รู้สึกว่าความยับยั้งชั่งใจของตนเองก็ยิ่งต่ำลงเท่านั้น

ยิ่งได้ยินเสียงอันนาหัวเราะคิกคักดังแว่วมาอีก เขาก็ชักไม่แน่ใจแล้วว่าตนเองจะหักห้ามใจอยู่หรือไม่ หากเธอรุกเร้าเขาจนจนมุม

ภาพเธอแหวกว่ายไปมาราวกับนางเงือกที่หวนคืนสู่มหาสมุทร ทำให้อัลมาญิดตัดสินใจไม่ลงไปด้วย ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งบนโขดหินแล้วมองดูเธอสนุกสนานอยู่เพียงลำพัง ไม่นานเธอก็กลับขึ้นมาพร้อมร่างกายเปียกปอน มีหยดน้ำเกาะพราวเต็มตัว เนื้อผ้าที่เปียกปอนแนบลู่ปทุมถันสล้างจนปุ่มเล็กๆ สองปุ่มนูนเด่นขึ้น ยิ่งทำให้ร่างกายของเขาเหมือนจะลุกเป็นไฟ ยามนี้เรือนร่างของเธอเปล่งปลั่งไปด้วยรัศมีแห่งความน่าเย้ายวนใจมากกว่าเดิมเสียอีก

“คุณไม่ลงไปเล่นน้ำด้วยกันหรือคะ”

“มันจะไม่เหมาะ” เขาแบ่งรับแบ่งสู้

“ไม่เห็นมีใครเลย” เธอเหลียวซ้ายแลขวา ผมยาวสีทองเปียกปอนสะบัดไปมา หยดน้ำเล็กๆ จากปลายผมกระเซ็นมาโดนเสื้อเขาเป็นรอยด่างดวง แต่สักพักมันก็จางหายไป

“ตะวันใกล้ตกดินแล้ว ผมว่าคุณเปลี่ยนชุดเถอะ” อัลมาญิดพยายามข่มใจกับภาพเนินอกขาวสล้างที่เบียดกันอยู่ภายใต้ท็อปบิกินีตัวจิ๋วซึ่งบัดนี้ถูกประดับด้วยปุ่มนูนเล็กๆ ลอยเด่นอยู่ตรงหน้า

“ทำไมคะ”

“ผมเตรียมอาหารเย็นเอาไว้ เราจะได้นั่งดูพระอาทิตย์ตกด้วยกัน จากตรงนั้นเป็นมุมที่เห็นพระอาทิตย์ตกสวยมากเลยนะครับ”

“กินทั้งชุดนี้ไม่ได้หรือคะ เผื่ออยากจะลงน้ำอีก”

“สวมเสื้อผ้าเสียก่อนเถอะครับ พอพระอาทิตย์ตกแล้วอากาศจะเย็นมาก ผมไม่อยากให้คุณไม่สบาย”

“ก็ได้ค่ะ” น้ำเสียงหญิงสาวบ่งบอกความเสียดาย ก่อนจะหยิบผ้าเช็ดตัวมาซับน้ำออกจากตัวแล้วห่มคลุมเดินกลับเข้าไปในกระโจม ไม่นานเธอก็กลับออกมาพร้อมชุดอะบายะห์สีดำสนิทปิดบังเรือนร่างอันน่าเย้ายวนนั้นจนมิดชิด

ชีคอัลมาญิดพาเธอไปที่โต๊ะอาหารที่ถูกจัดเตรียมไว้บนเนินเขาลูกเล็กๆ ทั้งคู่นั่งรับประทานอาหารกันจนกระทั้งพระอาทิตย์ที่ร้อนแรงมาทั้งวันโบกมือลาลับจากท้องฟ้าตกลงสู่ท้องทะเลทรายอันกว้างใหญ่ระหว่างแนวปาล์มสองแถว สองหนุ่มสาวนั่งเคียงคู่กันดูแสงสุดท้ายของวันด้วยความเปรมปรีดิ์

ดวงตาของอันนาทอประกายแห่งความสุขออกมาจนเห็นได้ชัด อัลมาญิดเองก็เช่นกัน เขารู้สึกมีความสุขจนอาจบอกได้ว่า เขาหลงรักหญิงสาวผมทองคนนี้เข้าให้แล้ว ถ้าบังเอิญเขาไม่หวนนึกไปถึงหญิงสาวที่เพิ่งได้พบกันก่อนที่เขาจะมาที่นี่ขึ้นมา และตั้งคำถามกับตัวเองว่า ถ้าเธอมานั่งอยู่ข้างเขาภายใต้บรรยากาศอันสุดแสนจะโรแมนติกเช่นนี้แทนอันนา เขาจะมีความสุขมากขึ้นแค่ไหน

มันคงจะดีไม่น้อยหากคนที่นั่งอยู่ข้างเขาตอนนี้จะเป็น...อัสมิฮาน

 

อีกฟากหนึ่งของราชาอาณาจักรอัซดิฮาร หญิงสาวที่ถูกชีคหนุ่มคิดถึงกำลังยืนอยู่ตรงระเบียงห้องของตัวเอง และกำลังคิดถึงเขาอยู่เช่นกัน ดวงตาภายใต้แพขนตางามงอนกำลังเหม่อมองไปยังเส้นขอบฟ้าที่แสงสุดท้ายของวันกำลังจะหมดไปด้วยความรู้สึกหลากหลาย

แม้ว่าเหตุการณ์ร้ายในโอเอซิสซับฮ์ ซึ่งเป็นตำบลหนึ่งในเขตการปกครองของชีคอัลมาญิดจะสงบลงแล้ว แต่เธอก็ยังอดเป็นห่วงเขาไม่ได้ เพราะจากรายงานของฮัซซาน ระเบิดและเพลิงไหม้ครั้งนี้ไม่เพียงแต่จะสร้างความเสียหายให้กับโรงงานและสวนอินทผลัมเท่านั้น แต่มันยังส่งผลกระทบไปด้านอื่นๆ อย่างที่เธอเองก็คาดไม่ถึงในตอนแรกด้วย

ตอนนี้ชีคอัลมาญิดดูเหมือนจะถูกบีบจากสถานการณ์เลวร้ายต่างๆ ให้หวนกลับไปทบทวนเรื่องการขุดเจาะน้ำมันใต้ผืนแผ่นดินโอเอซิสลิฮาซขึ้นมา อย่างน้อยก็เพื่อแปรเปลี่ยนเป็นทุนรอนทดแทนรายได้จากสินค้าทางด้านการเกษตรที่เสียไป ทั้งยังสามารถนำมาใช้ในการฟื้นฟูความเสียหายต่างๆ ให้กลับมาใช้งานได้ดังเดิมได้อีกด้วย

แต่เขาจะตัดสินใจอย่างไร อัสมิฮานก็ไม่อาจล่วงรู้ได้เลย เพราะเธอพบหน้าเขาเพียงไม่กี่ครั้ง พูดคุยกันเพียงไม่กี่ประโยค เธอยังไม่รู้จักเขาดีพอที่จะตัดสินใจแทนเขาได้ สิ่งเดียวที่พอจะทำได้ก็คือติดตามข่าวสารของเขาจากสื่อทุกแขนง รวมไปถึงรายงานเชิงลึกจากฮัซซานเท่านั้น

“ขออัลลอฮ์คุ้มครองคุณนะคะ...อัลมาร์” อัสมิฮานงึมงำ

แต่แล้วความรู้สึกผิดก็เข้าเกาะกุมจิตใจเธอเมื่อนึกถึงชีคซอลีลขึ้นมา เพราะเขาแทบไม่ได้อยู่ในห้วงความคิดของเธอเลย นับตั้งแต่เกิดเรื่องที่ซับฮ์เมื่อวาน อัสมิฮานถอนใจออกมาอย่างหนักหน่วงกับความคิดเข้าข้างและเอาใจช่วยผู้ชายอีกคนที่ดูเหมือนจะยืนอยู่อีกฟากฝั่งกับคู่หมั้นของตัวเองเสียได้

แต่ถ้าคนที่อยู่เบื้องหลังการก่อการร้ายครั้งนี้เป็นชีคซอลีลอย่างที่ข้อมูลทุกอย่างบ่งชี้ไปที่เขาจริงๆ ล่ะ เธอควรจะยืนอยู่ข้างไหนมากกว่ากัน ระหว่างคนที่ถูกรังแกกับคนที่รังแกคนอื่นแต่เป็นคู่หมั้นของเธอ และเป็นคนที่เธอจะต้องร่วมชีวิตด้วย

ยิ่งคิดก็ยิ่งสับสน

อัสมิฮานส่ายหน้าแรงๆ เพื่อไล่ความคิดฟุ้งซ่านออกไป ก่อนจะทอดสายตาไล่ไปตามริ้วสีทองที่ขลิบเกาะอยู่ตรงเส้นขอบฟ้าอย่างคิดคำนึง

‘ป่านนี้คุณกำลังทำอะไรอยู่นะ...อัลมาร์’

 

หลังจากละหมาดอีซาเรียบร้อย ชีคอัลมาญิดก็เตรียมตัวเข้านอน เขาพลิกตัวลงบนฟูก ก่อนจะดึงผ้าห่มหนาขึ้นมาคลุมร่างกายเอาไว้ พอหัวถึงหมอน ดวงตาก็ปรี่ปรือเพราะความเหนื่อยล้าจากการทำงานช่วยเหลือประชาชนอย่างหนักมาทั้งวัน

หากในช่วงสภาวะครึ่งหลับครึ่งตื่นนั้นเอง เขากลับรู้สึกได้ถึงร่างอุ่นๆ นุ่มนิ่มที่เบียดกระแซะเข้ามา กลิ่นหอมจรุงของน้ำหอมทำให้เขายิ่งรู้สึกเคลิบเคลิ้ม ก่อนจะผงะเมื่อสติสัมปชัญญะที่ยังคงหลงเหลืออยู่กู่ก้องบอกเขาว่า นี่คือร่างกายหญิงสาว และคงเป็นหญิงสาวคนไหนไปไม่ได้แน่ นอกจาก...

“อันนา” อัลมาญิดผวาลุกขึ้นนั่ง

ในเงามืด รูปร่างของอันนาก็ยังคงน่าเย้ายวน กลิ่นหอมของเธอทำให้เขารู้สึกมึนเมาเหมือนอยู่ในความฝัน หญิงสาวลุกขึ้นแล้วโอบกอดเขา ซบใบหน้าลงกับอกแกร่งของเขาอย่างออดอ้อน

“ฉันนอนไม่หลับ กระโจมกลางทะเลทรายไม่เหมือนที่คิดไว้”

“คุณคงแปลกที่” อัลมาญิดรู้สึกเหมือนเสียงตัวเองแปร่งพร่า

“คงงั้น” เธอบอกดื้อๆ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นแล้ววางคางกลมมนบนอกของเขาแทน

ดวงตาของเธอกระจ่างใสในความมืด พาให้หัวใจของเขาเตลิดเปิดเปิงอย่างควบคุมไม่ได้ เลือดในกายเดือดปุดๆ จนรู้สึกเหมือนมีพลังงานที่ต้องการการปลดปล่อยปะทุอยู่ทั่วร่าง

“งั้นเราออกไปนั่งดูดาวข้างนอกไหม”

“ข้างนอกหนาวจะตาย” เธอว่า “ตอนเดินมาหาคุณ ขาแข้งสั่นไปหมด”

แน่นอน...เธอต้องหนาว เพราะผ้าแพรบางเบาที่ทำเป็นชุดนอนคงไม่อาจช่วยปกป้องผิวผ่องจากลมหนาวกลางทะเลทรายได้ อัลมาญิดถึงกับกลืนน้ำลายคงคอเมื่อประจักษ์แล้วว่า ยามนี้อันนามีสภาพไม่ต่างจากตอนสวมเพียงบิกินีเลยแม้แต่น้อย

สองสายตาประสานกันในความมืด อัลมาญิดรู้สึกเหมือนตกอยู่ในมนต์สะกด เมื่ออันนาเลื่อนใบหน้าขึ้นมาใกล้เขา ชายหนุ่มแทบไม่มีใจพอจะผงะถอย ในที่สุดริมฝีปากของคู่ก็ประกบกัน เปิดทางสู่ค่ำคืนอันเร้าร้อนยากที่ชายหนุ่มอย่างเขาจะอดใจกับแรงพิศวาสที่ถูกขับด้วยบรรยากาศอันสุดแสนจะโรแมนติกนี้ได้

ริมฝีปากและลิ้นนุ่มเปียกชื้นเล็กๆ กระตุ้นความเป็นชายของเขาให้เริงโลดขึ้น เปลี่ยนจังหวะจุมพิตเนิบช้ามาเป็นเร่งแรงกระชั้นเร่าร้อน ชีคหนุ่มโอบแขนกอดรัดร่างเต็มตึงของอันนา รั้งหน้าท้องของเธอเข้าหามัดกล้ามลูกระนาดของเขาแนบแน่น ก่อนจะเปะปะไปทั่วจนพบว่า นอกจากชุดนอนบางเบาแล้ว ไม่มีอะไรห่อหุ้มร่างกายอันน่าเย้ายวนรัญจวนใจนี้อีก เขาถอดมันออกอย่างไม่รอช้า จังหวะที่ริมฝีปากผละจากกันเพื่อให้ชุดของเธอผ่านขึ้นไปทางศีรษะ ชายหนุ่มจึงยันกายขึ้นมองเรือนร่างขาวผ่องอวบอัดอย่างเต็มตา

ภายใต้แสงจันทร์ที่สาดส่องผ่านระหว่างช่องประตูเข้ามา อัลมาญิดมองเห็นอันนาได้แทบจะทุกส่วนสัด เรือนร่างของเธอสมบูรณ์แบบ ไม่ว่าหน้าอกที่เต็มตึงประดับด้วยยอดอกสีกุหลาบชูชัน เอวคอดกิ่ว หรือเนินเนื้อระหว่างโคนขาซึ่งโหนกนูนยวนตา

คุณสวยจริงๆ” เขาอดชมเธอไม่ได้ ก่อนจะวางมือทั้งสองทาบบนปทุมถันแล้วแนบร่างลงบนตัวเธอ ริมฝีปากกลับสู่จุมพิตหวานหวามเร่าร้อนอีกครั้ง

อันนาครางแผ่วด้วยความสุขสมเมื่อชีคหนุ่มใช้นิ้วเคล้าคลึงยอดปลายถันอย่างเป็นจังหวะเดียวกันกับจูบกระชั้นเร่าร้อน ก่อนจะส่งเสียงครางหนักขึ้นเมื่อเขาเลื่อนริมฝีปากลงครอบรองยอดอกเคร่งครัดสีกุหลาบเข้มนั้นแทน

อารมณ์ปรารถนาแล่นพล่านไปทั่วร่างกายกำยำ ชีคอัลมาญิดหักห้ามใจตัวเองไม่ได้อีกแล้ว ริมฝีปากร้อนผะผ่าวเลื่อนลงไปตามผิวงามขาวผ่องอย่างนักสำรวจ แวะเวียนโลมไล้แอ่งเล็กๆ กลางหน้าท้องแบนราบด้วยปลายลิ้น ก่อนจะลากไล้ลงไปถึงจุดเปราะบางของหญิงสาว

ร่างกายของอันนากระตุกวูบเมื่อริมฝีปากและลิ้นร้อนชอนไชและดูดดื่มไปทั่วส่วนที่อ่อนไหวต่อความรู้สึกสัมผัสมากที่สุดของร่างกาย ไม่นานอารมณ์ของเธอก็พรั่งพรูออกมา พร้อมสำหรับรองรับอารมณ์ของเขาที่กำลังจะปะทุออกจากร่างเช่นกัน

อัลมาญิดเคลื่อนกายขึ้นจูบริมฝีปากเธออีกครั้ง คราวนี้เป็นจังหวะที่เร่งเร้าบ่งบอกให้เธอรู้ว่าเขาพร้อมที่จะรุกโรมเธอด้วยพายุเสน่หารัญจวนใจแล้ว สองมือแกร่งแยกปลีน่องเนื้อแน่นของเธอออกจากกัน พร้อมสอดประสานเชื่อมต่อร่างสองร่างให้เป็นหนึ่งเดียวกัน ก่อนจะขยับสะโพกเพื่อให้พิธีการผสมผสานความปรารถนาเป็นไปอย่างสมบูรณ์

เสียงกรีดร้องของอันนาดังสะท้านไปทั่วเวิ้งสระเล็กๆ สอดรับกับเสียงครางเข้มอย่างสุขสมของอัลมาญิด ราวกับเป็นเสียงดนตรีแห่งความปรารถนาอันล้ำลึก พาให้ทั้งสองเคลื่อนสู่ห้วงธาราอันสุดแสนรัญจวนใจ แล้วโลดโผนโจนทะยานไปด้วยกันท่ามกลางดวงดาวนับร้อยที่พร่างพราวอยู่รอบกายชนิดที่แทบจะเอื้อมคว้าได้ แม้ความจริงแล้วทั้งคู่จะอยู่ภายในกระโจมที่บัดนี้อบอวลไปด้วยไอร้อนของเสน่หาตลอดทั้งค่ำคืนอันร้อนแรงก็ตาม

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น