5

บทที่ 5



บทที่ ๕ 

 

“นายได้รับของที่ส่งไปแล้วใช่ไหม”

 กรกฎทักมาในแอปพลิเคชันไลน์ก่อนที่ทั้งคู่จะคุยกันแบบเห็นหน้า ในยุคที่การสื่อสารเจริญก้าวหน้าแม้จะอยู่ห่างกันครึ่งค่อนโลกแต่ก็สามารถคุยกันได้

 “เรียบร้อยแล้ว ฉันเพิ่งให้คนขับรถแวะไปเอา ขอบใจนายมากนะโก้”

 “เฮ้ย ไม่ต้องคิดมาก แค่นี้เอง ไอ้ฉันก็กลัวว่าของจะล่าช้า”

 “ขอบใจนะที่ช่วย ฉันไม่ต้องเสียค่าปรับเพราะกระเป๋าน้ำหนักเกิน” ตอนที่ชายหนุ่มรีบกลับเมืองไทยเพื่อมาดูแลพ่อ เขานำเฉพาะของใช้จำเป็นกลับมา แต่ส่วนที่เหลือเก็บใส่กล่องไว้เพื่อให้กรกฎส่งตามมาทางเรือ

 “นายเป็นยังไงบ้าง งานหนักหรือเปล่า”

 “เอาการอยู่ อะไรๆ ก็เลยยังไม่ค่อยลงตัว คงต้องปรับอีกหลายอย่าง”

กรกฎเป็นคนเดียวที่ภูรินทร์ยอมเล่าให้ฟัง ทั้งนี้ก็เพราะเขาไม่กล้าไว้ใจเพื่อนคนอื่น ข้อมูลทั้งหมดคือความลับทางธุรกิจ ดังนั้นตอนที่ปฐวีถาม ภูรินทร์จึงไม่ยอมพูดต่อ 

 “ไม่ต้องเครียด ฉันเชื่อว่านายทำได้ ไบรอันก็ยินดีช่วยนายเต็มที่ไม่ใช่หรือ”

 ไบรอันคือเจ้าของบริษัทยักษ์ใหญ่ของอเมริกาที่ไปเจรจาด้วย ภูรินทร์เป็นเพื่อนกับลูกชายของไบรอันที่มาเรียนปริญญาโทที่อเมริกา ไบรอันเคยเห็นฝีมือของภูรินทร์อีกทั้งโพรเฟสเซอร์ในมหาวิทยาลัยแนะนำ หลังจากบินไปเจรจากันหลายครั้ง สุดท้ายก็ยอมตกลงเซ็นสัญญาด้วย 

 “ใช่...ตอนนี้โครงการเราที่พม่าก่อสร้างไปเยอะแล้ว แต่คงใช้เวลาอีกเป็นปี”

 “เชื่อสิว่าทุกอย่างต้องไปได้สวย แต่ฉันสิ กินข้าวคนเดียวเหงาจะตายชักอยู่แล้ว”

 กรกฎเองก็พักอยู่หอพักเดียวกับภูรินทร์ หลังจากเขาย้ายออกก็มีคนเช่าใหม่เข้าไปแทน 

 “นักศึกษาไทยคนอื่น ไม่มีใครโอเคเลยหรือ ฉันได้ยินว่ามีรุ่นน้องหลายคนเพิ่งบินไป”

 “มี แต่ส่วนใหญ่ยังเด็ก คุยไม่ค่อยรู้เรื่อง ฉันเองก็ต้องแก้ธีสิส เหลืออีกนิดเดียวก็จะผ่านแล้ว”

 “ถ้ามีอะไรให้ช่วยบอกมาเลย ฉันยินดี นายช่วยฉันมาเยอะแล้ว”

 “งานนายหนักอยู่แล้ว อย่าเอามาเป็นภาระเลย ฉันก็แค่หงุดหงิดโพรเฟสเซอร์ สั่งแก้ซ้ำๆ อยู่ที่เดิมนั่นละ”

 “เอาน่า ก็แบบนี้ละ กดขี่นักศึกษาเป็นประจำ แกก็รู้กิตติศัพท์อยู่”

 กรกฎนิ่งไป ก่อนที่เขาจะเอ่ยขึ้นเหมือนถาม “นายได้คุยกับมิวบ้างไหม”

 “คุยสิ เมื่อวานนี้ก็เพิ่งคุยกัน เธอชอบงอน เอะอะก็หาว่าฉันไม่มีเวลาให้บ้างละ โทร. คุยสั้นไปบ้างละ ถ้านายว่างช่วยดูแลมิวแทนฉันหน่อยนะ อยู่ที่นู่นคนเดียวคงเหงา”

 “ฉันว่าเธอสบายดีออกนะ เมื่อวันก่อนตอนงานเลี้ยงต้อนรับนักศึกษาใหม่ก็เห็นร่าเริงดี”

น้ำเสียงเพื่อนรักเหวี่ยง แต่ภูรินทร์คงไม่ทันสังเกต เขามัวแต่จดจ่อไปที่งานเลี้ยง

“พี่ติ๊กจัดงานเลี้ยงอีกแล้วหรือ ใจป้ำชะมัด”

“ถ้านายอยากเห็นรูป ลองดูในไลน์กรุ๊ปนักศึกษาสิ ลงไว้เยอะ..นี่สายมากแล้ว ฉันขอตัวไปมหาวิทยาลัยก่อน ไว้คุยกันใหม่”

 นักศึกษาในอเมริกามีไลน์กรุ๊ปที่ใช้ติดต่อกันอยู่เสมอ ทั้งไว้สำหรับนัดกินข้าว แจ้งข่าวสำคัญๆ ภูรินทร์กับกรกฎเองก็อยู่ในไลน์นั้นด้วย ชายหนุ่มดูเวลาและพบว่าเวลาทางโน้นคือตอนเช้า 

“ไปเถอะ โชคดีนะเพื่อน” น้ำเสียงของกรกฎเหมือนลำบากใจ ก่อนที่เขาจะพูดประโยคสุดท้าย “ถ้าอยากรู้อะไรถามมาได้ทุกเมื่อ เราสองคนเป็นเพื่อนรัก อยากให้รู้ว่าฉันคนนี้หวังดีกับนายที่สุด”

 

 ไม่รู้เพราะอะไรภูรินทร์ถึงรู้สึกว่ากรกฎซ่อนความนัยบางอย่างเอาไว้ แต่คงเป็นตัวเขาที่ปฏิเสธมาตลอด หลายครั้งที่มีข่าวลือมาเข้าหูแต่ก็ไม่สน ชายหนุ่มถือหลักว่าคนรักกันต้องเชื่อใจ แม้ว่าหลายครั้งที่ถามตัวเองว่าเขาเชื่อใจมธุรินเกินไปหรือเปล่า 

ชายหนุ่มรักแฟนมาก หล่อนคือรักแรก สมัยเรียนภูรินทร์ไม่เคยมีแฟน เขาตั้งใจเรียนเพราะต้องการให้เกรดออกมาดีที่สุด ทันทีที่เรียนจบเขาก็ต้องเรียนรู้งานที่บริษัท เวลาส่วนตัวก็แทบไม่มี จนกระทั่งมาเรียนต่อปริญญาโทที่อเมริกาและได้เจอกับหล่อน ภูรินทร์ก็ตกหลุมรักหญิงสาวทันที 

มธุรินน่ารัก ช่างเอาใจ แม้ว่าจะขี้น้อยใจเกินไปสักหน่อย แต่ภูรินทร์ก็อดทน ทุกคู่ย่อมมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้ง การจะคบกับใครสักคนต้องรู้จักยอมรับข้อและดีข้อเสียของอีกฝ่าย สิ่งเดียวที่รับไม่ได้ก็คือการนอกใจ

นับตั้งแต่กลับเมืองไทย ข่าวลือก็หนาหูขึ้น อย่างล่าสุดที่ตติยาโทร. มาก็พูดแปลกๆ ทุกคนเหมือนต้องการบอกบางอย่าง 

ทำไมกรกฎถึงบอกว่ามธุรินสบายดี...ความสงสัยทำให้สุดท้ายแล้วก็ตัดสินใจเปิดไลน์ดู 

นิ้วเลื่อนไปแตะหน้าจอโทรศัพท์ มีชื่อผู้ติดต่ออยู่เป็นจำนวนมาก ไลน์กลุ่มของนักศึกษาอยู่แถวล่างของจอ เนื่องจากภูรินทร์งานยุ่งจึงไม่ได้เปิดอ่าน ภายในมีข้อความอยู่กว่าสองร้อยข้อความ น่าจะเป็นการโต้ตอบกันภายในกลุ่ม  

‘ถ้านายอยากเห็นรูป ลองดูในไลน์กรุ๊ปนักศึกษาสิ ลงไว้เยอะ’

ภูรินทร์ชะงักนิ้วที่กำลังจะกดเปิดอัลบัม แต่แล้วก็หาเหตุผลให้การกระทำของตัวเองว่าเขาต้องการดูเพราะเป็นห่วงแฟน 

‘ดูสิ นายอยากรู้ไม่ใช่หรือ ถ้าไม่ดูแล้วจะหายห่วงงั้นหรือ’

สุดท้ายก็เลือกที่จะกดดู ภูรินทร์เลือกคลิกไปดูที่อัลบัมที่มีชื่อว่างานเลี้ยงต้อนรับนักศึกษาใหม่ 

รูปถ่ายมากมายที่ถูกโพสต์ให้เห็นบนหน้าจอ มีทั้งภาพหมู่ภาพเดี่ยว ทั้งหมดถูกถ่ายในงานเลี้ยงต้อนรับ สถานที่ก็คือที่เดิมกับที่เลี้ยงส่งภูรินทร์เมื่อวันนั้น เขาแตะหน้าจอเพื่อเลื่อนภาพขึ้นไล่ดู นักศึกษาหลายคนค่อนข้างคุ้นหน้าเพราะอยู่มานานแล้ว จนกระทั่งถึงภาพที่อยู่ล่างลงมา รูปถ่ายทำให้ภูรินทร์ต้องแตะหน้าจอเพื่อซูม มือเรียวเย็นเฉียบเมื่อเห็นว่าใครคนหนึ่งยืนอยู่ข้างมธุริน

‘ฉันว่าเธอสบายดีออกนะ ร่าเริงดี นายไม่ต้องห่วงหรอก’

กรกฎพูดถูก สีหน้ามธุรินไม่เหมือนหญิงสาวที่ตรอมใจด้วยความคิดถึง ทุกอย่างสื่อออกมาทางสีหน้าและแววตา ภูรินทร์คลิกดูภาพแล้วภาพเล่า หล่อนเอียงหน้าไปซบกับปฐวีอย่างสนิทสนม ภายในอกยอกแปลบกับความใกล้ชิดนั้น 

ปฐวีคอยเคียงข้างมธุรินไม่ห่าง หลายภาพที่ทั้งคู่ก่ายเกยกันจนแทบจะนั่งตัก แถมมือของอีกฝ่ายก็โอบเอวหญิงสาวอย่างสนิทสนม ภูรินทร์ทนดูไม่ไหวอีกต่อไป เขาปิดหน้าจอโทรศัพท์โยนลงบนโต๊ะ หมุนเก้าอี้ตรงโต๊ะทำงานให้หันไปทางหน้าต่าง สูดหายใจเข้าลึกเมื่อความหึงหวงผุดขึ้น ด้านนอกพระอาทิตย์ตกดินไปนานแล้ว แสงจากตึกระฟ้ามากมาย ท้องฟ้ามืดไม่มีแสงดาว ไม่ต่างจากหัวใจของเขาที่กำลังมืดดำเพราะความขุ่นมัว

โทรศัพท์เตือนเมื่อมีข้อความใหม่ส่งเข้ามาทางไลน์ เขามองหน้าจอ พบว่าเป็นข้อความจากกรกฎนั่นเอง ภูรินทร์กดดู รูปถ่ายในงานเดียวกันแต่คนละมุม แทบไม่ต้องเดาเลยว่ามันถูกถ่ายโดยโทรศัพท์มือถือของกรกฎ ชายหนุ่มกำมือแน่น มองหน้าจอโทรศัพท์ราวกับมันเป็นสัตว์ประหลาด สิ่งที่ทำให้รวดร้าวใจคือรูปถ่ายอีกชุด รวมถึงข้อความจากเพื่อนรัก 

“ฉันขอโทษภู แต่ฉันคิดว่าถึงเวลาแล้วที่นายต้องรู้”

 

“พี่ภูเข้าไปในผับแล้วกานต์ เรารีบตามเข้าไปกันดีกว่า”

ทั้งสามแอบซุ่มอยู่ในรถตู้ ทั้งหมดแอบตามภูรินทร์มาตั้งแต่ออกจากบริษัท กรกฎส่งข้อความมาว่าบอกความจริงกับภูรินทร์แล้ว กานต์รวีสั่งให้บอดีการ์ดคอยตามดูชายหนุ่ม เขาเลิกงานเร็ว สีหน้าเคร่งเครียดทำให้รู้ว่าไม่มีอารมณ์ทำงานและต้องการหาที่นั่งดื่ม 

“ใจเย็นๆ ก่อน พี่ภูของแกไม่หายไปไหนหรอกน่า”

“เขาคงเสียใจมาก”

“แหงสิยะ เล่นเห็นรูปแฟนของตัวเองไปควงผู้ชายคนอื่น”

คนอื่นรู้อยู่แล้วแต่ภูรินทร์เพิ่งเห็นเป็นครั้งแรก กรกฎเล่าว่าเขาเสียใจมากจนแทบช็อก

“นี่ดีนะที่เราไม่ได้ส่งคลิปพร้อมเสียงตอนที่ผนังห้องแกสะเทือนไปให้ ไม่อย่างนั้นพี่ภูสุดหล่ออาจจะไปโดดแม่น้ำเจ้าพระยาตายก็เป็นได้” ณัทกรวิจารณ์อย่างออกรส 

“แกก็อย่าไปขู่ไอ้ตาลมัน ดูสิ มันหน้าซีดแล้วเห็นไหม” กานต์รวีค่อน

“ฉันอยากลงไปดูพี่ภู พวกแกจะลงไปด้วยไหม”

“ลงสิ แต่ไม่ใช่ในสภาพนี้ แกต้องเปลี่ยนชุดก่อน”

ลวิตราชะงัก หล่อนสวมเสื้อยืดกางเกงยีนและแทบไม่ได้แต่งหน้า

“จะเข้าผับทั้งที่ใส่เสื้อยืดเนี่ยนะ”

“ก็ฉันไม่ได้จะเข้าไปดื่มนี่นา ฉันจะเข้าไปดูพี่ภูว่าเขาเป็นยังไงบ้าง”

 กานต์รวีสั่นศีรษะ ยื้อแขนเพื่อนเอาไว้ ส่งสายตาคาดโทษไปให้ “ก็นั่นละ จะลงไปแบบยายเฉิ่มเบ๊อะไม่ได้ แกต้องเปลี่ยนเป็นชุดที่เลิศที่สุด เอาให้พี่ภูตกตะลึงไปเลย เขาจะได้ยอมซบอกแก”

 “แต่ฉันไม่ได้เอาชุดมา แล้วนี่ก็ดึกมากแล้ว จะไปซื้อชุดที่ไหนทันล่ะ”

 เพื่อนสาวทอมกอดอก ยักคิ้วหันไปที่เบาะหลังซึ่งมีถุงกระดาษวางอยู่สามถุง 

 “ฉันเตรียมมาให้แล้ว ชุดสำหรับเที่ยวผับ”

 ลวิตราขมวดคิ้ว มองเพื่อนรักอย่างสงสัย เช่นเดียวกับณัทกรที่ประหลาดใจเช่นเดียวกัน 

 “นี่ตกลงแกเป็นเจ้าของเว็บไซต์ขายของออนไลน์หรือว่าเป็นเจ้าของร้านเสื้อกันยะ อะไรจะเตรียมพร้อมขนาดนั้น”

 “อย่าพูดมากเลยน่า แกปีนไปเปลี่ยนชุดด้านหลังด่วนเลย ส่วนแนนซี่ แกเตรียมแต่งหน้าจัดเต็มให้ตาลด้วย เดี๋ยวฉันสั่งให้ลูกน้องลงไปรอนอกรถ”

 “ทำไมต้องยุ่งยากด้วยกานต์”

 “เชื่อฉันสิตาล แค่เปลี่ยนชุดเอง ชุดดี คนสวย มีชัยไปกว่าครึ่ง” กานต์รวีโอ่ 

ลวิตรามองเพื่อนอย่างไม่เข้าใจ “อ้าว แล้วทำไมต้องใส่วิก”

“แกไม่อยากให้พี่ภูจำไม่ใช่หรือ รีบๆ หน่อย เกิดพี่ภูเมาพับไปแล้วโดนสาวอื่นหิ้วไปไม่รู้ด้วยนะ”

 สิ้นคำพูด ลวิตราก็รีบปีนไปที่เบาะหลังแล้วเปลี่ยนชุดตามคำสั่ง ณัทกรหยิบกระเป๋าเครื่องสำอางของตนขึ้นมา แล้วปฏิบัติการแปลงโฉมก็เริ่มต้นขึ้น...

 

 ภูรินทร์ยกวิสกี้ออนเดอะร็อกแก้วที่ห้าเทลงคอรวดเดียวหมด เขาหวังว่าแอลกอฮอล์ดีกรีสูงจะทำให้ลืมความทุกข์ ภาพของแฟนสาวกับผู้ชายอื่นยังตอกย้ำ รวมถึงถ้อยคำที่กรกฎเพิ่งบอกด้วย แม้ไม่อยากเชื่อแต่ก็มั่นใจว่ากรกฎไม่มีวันโกหก ภาพถ่ายอีกส่วนหนึ่งที่แสดงถึงความสนิทสนมของมธุรินกับปฐวีถูกส่งเข้ามาทางไลน์เพิ่มเติม

 นานเท่าไหร่แล้ว เขากลั้นใจถามกรกฎ 

อีกฝ่ายพิมพ์ตอบมา น่าจะสามเดือนหรือมากกว่าแต่เท่าที่ฉันเจอกับตัวเองก็หลายครั้ง

 ภูรินทร์มองภาพเหล่านั้นด้วยความเจ็บปวด ไม่รู้ว่าตัวเองยังหายใจอยู่หรือไม่ แต่เพราะไม่อยากเป็นคนหูเบา เขาจึงตัดใจโทร. หามธุรินเพื่อถามความจริง แต่หล่อนกลับตัดพ้อมากมาย และเมื่อเขาส่งรูปไปเป็นหลักฐาน หญิงสาวก็เงียบ หล่อนไม่ตอบไลน์แต่รู้ว่าอ่านข้อความแล้ว คงกำลังหาคำแก้ตัวดีๆ อยู่

ฉันไม่ชอบที่มิวทำแบบนี้ลับหลังนาย ไอ้ปฐวีนั่นก็เหมือนกัน ไหนบอกว่าเป็นญาติกันไม่ใช่หรือ

 ชายหนุ่มไม่รู้จะเรียกความสัมพันธ์ระหว่างครอบครัวแบบนี้ว่ายังไง เขารู้แต่ว่าปู่โกรธปู่ปิยะเพราะเรื่องอะไรสักอย่าง ดังนั้นที่ผ่านมาแม้จะเป็นวันรวมญาติ แต่ปู่ก็ไม่เคยเชิญปู่ปิยะมาด้วยสักครั้ง  

 ไอ้ปฐวีจงใจ รู้ทั้งรู้ว่านายกับมิวเป็นแฟนกัน แต่มันก็ยังแอบไปที่หอของมิว

 รูปสุดท้ายทำให้ความอดทนขาดผึง ภาพที่ทั้งสองโอบเอวกันและยื่นหน้าไปหอมแก้มอย่างสนิทสนมทำให้เขาคิดเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้เลยนอกจากทั้งสองมีสัมพันธ์ลึกซึ้งต่อกัน 

ภูรินทร์ไม่ใช่คนใจแคบ เขาค่อนข้างชินกับสังคมตะวันตก เขาไม่แคร์ว่าหญิงสาวที่รักยังบริสุทธิ์อยู่หรือเปล่า แต่สิ่งที่เจ็บปวดคือความไม่ซื่อสัตย์ ทั้งสองยังเป็นแฟนกันอยู่ การที่มธุรินพาผู้ชายขึ้นห้องจึงรับไม่ได้

ชายหนุ่มล้วงเข้าไปในกระเป๋าเสื้อสูท หยิบแหวนเพชรออกมา เขาซื้อแหวนวงนี้ตั้งแต่ก่อนกลับอเมริกา ไม่รู้ว่าเพราะอะไรถึงพกแหวนติดตัวตลอด อาจเพราะเขาคิดเสมอว่าจะเซอร์ไพรส์แฟนสาวด้วยการขอแต่งงาน แต่สุดท้ายเขาเองที่โดนเซอร์ไพรส์ด้วยความเจ็บปวด...มือกำแก้วเหล้าแน่น ยกขึ้นดื่ม บริกรคงรู้ใจจึงเตรียมมาให้ทั้งที่เขายังไม่ได้สั่ง

 เขาช่างโง่เหลือเกินที่ถูกมธุรินสวมเขา ที่แย่ก็คือเขารักหล่อนมากและไม่ได้เตรียมใจรับความผิดหวัง..ชายหนุ่มกำลังยกแก้วเหล้าเตรียมกระดก แต่มือของใครอีกคนก็ยื่นมาดึงแก้วเอาไว้..

 “พอเถอะค่ะ ดื่มมากแล้ว”

 เขาเงยหน้าขึ้นมองผู้หญิงตรงหน้า ทำไมถึงรู้สึกว่าคุ้นเหลือเกิน แอลกอฮอล์ที่สูงลิบทำให้การรับรู้รางเลือนเต็มที ภูรินทร์รู้เพียงผู้หญิงตรงหน้าสวย หล่อนสวมชุดเดรสสีแดงคอเว้าลึกจนเห็นทรวงอกอิ่ม ชุดที่รัดรูปทำให้เห็นส่วนโค้งส่วนเว้าละลานตา

 “คุณ...”

 “พี่ภูต้องหยุดดื่ม”

 “เราสองคนรู้จักกันหรือ ถึงมาห้าม” ภูรินทร์พูดด้วยน้ำเสียงอ้อแอ้ ดึงมือกลับ กระดกเหล้าขึ้นดื่มรวดเดียวครึ่งแก้ว หญิงสาวรีบคว้าเอาไว้และดึงไปดื่มเสียเอง

 “บอกว่าพอยังไงคะ ดื่มหนักแบบนี้ เดี๋ยวก็เมาพับหรอก”

 “จะสนใจทำไมว่าผมจะเมาหรือเปล่า บอกไว้ก่อนนะว่าผมไม่ใช่พวกเสี่ยสายเปย์ หน้าเด็กๆ อย่างคุณนี่เข้ามหาวิทยาลัยหรือยัง” ภูรินทร์พูดอ้อแอ้

 ผู้หญิงตรงหน้าเลิกคิ้ว มองภูรินทร์ก่อนถอนหายใจเฮือกใหญ่ 

“นี่พี่ภูจำไม่ได้หรือคะ”

 “จำคราย...เราสองคนไม่เคยเจอกันมาก่อน แล้วผมจะจำได้ได้ยังไง ผมจำมิวได้คนเดียว และตอนนี้เธอกำลังนอกใจผม ตลกใช่ไหม ผมจะขอเธอแต่งงานแต่เธอดันพาผู้ชายคนอื่นขึ้นห้อง...”

 ด้วยความเมาภูรินทร์จึงยื่นโทรศัพท์ให้หญิงสาวดู บอกน้ำเสียงอ้อแอ้

 “แล้วนี่ก็คือแหวนแต่งงาน แต่เธอไม่สนใจแล้ว หรือว่าผมจะขอเธอแต่งงาน ผมทนเสียเธอไปไม่ได้”

 หนุ่มร่างสูงพูดอ้อแอ้ ทรงตัวแทบไม่อยู่ เขาเซไปพิงหัวไหล่จนอีกฝ่ายต้องประคอง

 “พอเถอะค่ะพี่ภู เมามากแล้ว กลับบ้านเถอะนะคะ”

 สาวร่างบางพยายามฉุดอีกฝ่ายขึ้นแต่ภูรินทร์ขืนตัว พูดด้วยน้ำเสียงยานคาง

 “ไม่เอา...ผมจะขอเธอแต่งงาน คุณว่าเธอจะตอบตกลงไหม หรือว่าเธอกำลังอยู่บนเตียงกับผู้ชายก็เลยยุ่ง”

 ขอบตาของชายหนุ่มแดงก่ำสี หน้าเหมือนคนจะร้องไห้ 

 “พี่ภูจะขอแต่งงานทั้งๆ ที่เมาแอ๋แบบนี้หรือคะ”

 “ก็บอกแล้วไงว่าไม่เมา ผมยืนได้ตรงเป๊ะ ไม่เชื่อดูสิ” ร่างสูงยืนขึ้น แต่แล้วกลับโซเซ 

สาวชุดแดงเม้มริมฝีปากแน่น “พี่ภูเมามากแล้ว ไปค่ะ เดี๋ยวไปส่งที่บ้าน”

 “ไม่เมา ผมต้องขอเธอแต่งงาน เธอจะได้ไม่ทิ้งผมไปหาผู้ชายคนอื่น” ภูรินทร์หยิบมือถือขึ้นมาทำท่าจะกดเข้าแอปพลิเคชันไลน์ แต่ผู้หญิงชุดแดงกลับกระชากมือถือไปถือเอาไว้ 

 “ไม่ได้ค่ะ พี่ภูจะโทร. ไปสภาพนี้ไม่ได้ ไปล้างหน้าล้างตาก่อนสิคะ แล้วเราค่อยมาคุยกัน”

 ภูรินทร์ยิ้มหวาน หน้าแดงก่ำด้วยฤทธิ์เหล้า “จริงของคุณ สภาพผมดูไม่ได้” ร่างโงนเงน “ฝากโทรศัพท์ไว้ก่อนนะ เดี๋ยวมา ห้ามขโมยของนะ ไม่อย่างนั้นผมเอาคุณตายแน่”

 หนุ่มร่างสูงชี้หน้าคาดโทษ เดินโงนเงนเข้าไปในห้องน้ำ เมื่อคล้อยหลังชายหนุ่มไปแล้ว ผู้สังเกตการณ์อีกสองคนก็ก้าวเข้ามา

 “พี่ภูของแกเมาปลิ้นเลย สงสัยคงเสียใจมาก” ณัทกรวิจารณ์ 

สาวชุดแดงมองกล่องกำมะหยี่ตรงหน้ารวมถึงโทรศัพท์ที่เพิ่งยึดมา “จะทำยังไงดีกานต์”

 “ไม่มีทางเลือกแล้วตาล แกคงต้องใช้นี่”

 สาวหล่อหยิบซองพลาสติกใสออกมา ภายในมียาอยู่หนึ่งเม็ดและแอบส่งให้ลวิตรา หล่อนอ้าปากค้าง

 “นี่อะไรหรือกานต์”

 “ก็ของที่จะช่วยให้พี่ภูของแกหลุดพ้นจากนางแม่มดนั่นยังไงล่ะ”

 

 สามสาวช่วยกันประคองร่างอันไร้สติของภูรินทร์เข้ามาในห้องก่อนจะปล่อยให้ทิ้งตัวลงบนเตียง 

 “โอ๊ย ทำไมพี่ภูตัวหนักอย่างนี้วะไอ้ตาล”

 กานต์รวีโวย ลวิตราโอบเอวภูรินทร์พากันขึ้นห้อง แต่พอพ้นรัศมีกล้องวงจรปิด ณัทกรก็รีบเข้ามาช่วย 

 “ทำไมแกไม่ให้บอดีการ์ดช่วย ผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างพวกเราจะมาแบกผู้ชายล่ำบึ้กอย่างนี้ได้ยังไง”

 ภูรินทร์ไม่อ้วน เขาไม่มีไขมันส่วนเกินเลยสักนิด เพราะใช้เวลาออกกำลังกายวันละไม่ต่ำกว่าสองชั่วโมง แต่เพราะส่วนสูงที่เกินมาตรฐานชายไทย รวมถึงกล้ามเนื้ออันสมบูรณ์ทำให้ตัวหนักมาก 

 “ขืนให้พวกนั้นช่วยแบก มีหวังแผนแตกพอดี”

 ทั้งหมดเป็นแผนการของคนทั้งสามที่คิดขึ้นมาอย่างกะทันหัน ตอนแรกลวิตราคิดว่าเพื่อนพูดเล่น แต่สุดท้ายกลับทำจริงๆ 

 “ยาที่ใส่ในแก้วคือยาอะไร”

 “แค่ยานอนหลับ ไม่ต้องคิดมาก อีกไม่กี่ชั่วโมงก็ฟื้นแล้ว”

 “ตอนนี้เอาไงต่อ จะมอมให้พี่ภูหลับปุ๋ยอย่างนี้เนี่ยนะ”

 “จำที่ตัวเองพูดไม่ได้หรือไงแนนซี่ แผนการนี้แกเป็นคนออกไอเดียเองนะ ทำเป็นจำไม่ได้”

 ณัทกรขมวดคิ้ว ก่อนจะเบิกตากว้างเหมือนนึกขึ้นได้ “เฮ้ย! นี่แกเอาจริงหรือกานต์ ฉันพูดเล่นนะ”

 “ถ้าไม่เอาจริง แล้วฉันสองคนจะช่วยกันแบกพี่ภูขึ้นมานี่งั้นหรือ แต่ตอนนี้ต้องแล้วแต่ตาลว่าจะกล้าหรือไม่กล้า”

 แผนการที่พรั่งพรูออกจากปากเพื่อนสาว ขณะที่ลวิตราส่ายหน้าดิกๆ         

 “เฮ้ย! จะดีหรือ คราวนี้พี่ภูต้องโกรธแน่ เผลอๆ อาจจะหักคอฉันเลยด้วยซ้ำ”

 “แล้วแกมีแผนอื่นที่ดีกว่างั้นหรือ ก็แกบอกเองว่าพี่ภูกำลังจะขอแต่งงานกับยายแม่มดนั่น เห็นโทร. เข้ามาง้อเป็นสิบๆ สาย ถ้าปล่อยให้มันได้พูดกับพี่ภู รับรองว่าเสร็จมันแน่ มีหวังใจอ่อนอีกตามเคย”

 ลวิตรามองอย่างลังเล ก่อนจะหันมาสบตาเพื่อนรัก ณัทกรพยักหน้า

 “ฉันว่าเหลือทางเดียวอย่างที่กานต์บอก อยู่ที่แกแล้วว่าจะเซย์เยสหรือเปล่า”

 “แต่ฉัน...”

 “ขึ้นหลังเสือแล้ว ลงไม่ได้นะตาล ไม่อย่างนั้นจบ เกมโอเวอร์ เลือกเอาว่าจะตายคู่หรือรอดทั้งคู่”

 หากยอมให้มธุรินมาง้อ เชื่อว่าสุดท้ายภูรินทร์ก็อาจจะหลงคารมอีก หล่อนเหมือนคนที่ยืนอยู่บนปากเหวแล้วต้องตัดสินใจ หากยอมแพ้ไม่สู้ ชะตาก็คงถึงฆาต 

 “แกรักพี่ภูหรือเปล่า”

 ลวิตราอ้ำอึ้งก่อนพยักหน้าหงึกๆ แทนคำตอบ 

 “ถ้ารักจะกลัวอะไรล่ะ แกเองก็ไม่อยากตาย และพี่โก้ก็ไม่อยากให้พี่ภูตกนรก ดังนั้นนี่คือวิธีที่ดีที่สุด”

 หญิงสาวมองชายหนุ่มที่หลับปุ๋ยอยู่บนเตียง เพื่อนทั้งสองต่างก็ช่วยลุ้น สุดท้ายลวิตราก็พยักหน้า

 “ก็ได้ ฉันจะทำ”

 “ต้องอย่างนี้สิ กล้าๆ หน่อยเพื่อน รักแล้วก็ต้องลุย” กานต์รวีเชียร์

 “แล้วฉันต้องทำยังไงต่อล่ะแนนซี่ กานต์”

 “ไม่ยากหรอก แกแค่ทำทุกอย่างตามที่ฉันบอก เริ่มจากถอดเสื้อของพี่ภูสุดหล่อออกเป็นอย่างแรก...”

“ถอดเสื้อเลยหรือ”

“เออสิยะ ทั้งของแกและพี่ภูด้วย ถ้าไม่ทำแบบนี้แล้วจะทำให้พี่ภูยอดยาหยีเชื่อได้ยังไงว่าแกกับเขาฟีเจอริงกันแล้วน่ะ”

แผนการมากมายถูกถ่ายทอดผ่านปากเพื่อนรัก ลวิตราข่มความอายทำสิ่งที่เพื่อนรักบอกทีละอย่างๆ และสุดท้ายคือการสอดตัวเข้าไปในผ้าห่ม...

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น