ช่วงเย็นสิรดาแวะกลับมารับน้องสาวเพื่อกลับบ้านพร้อมกัน สิรดารอสิรรินอยู่หน้าตึก สองมือของหญิงสาวเต็มไปด้วยถุงใส่ของมากมาย แต่ทั้งหมดนั่นไม่ใช่ของที่ตนเองตั้งใจจะไปซื้อหา ของมากมายที่อยู่ในถุงส่วนมากล้วนแล้วแต่เป็นอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับการปฏิบัติภารกิจเพื่อชาติในครั้งนี้
“รอนานไหมดาว” สิรรินเอ่ยถามพี่สาวทันทีที่เห็นหน้า
“ไม่หรอก ดาวเองก็เพิ่งมาถึงเหมือนกัน ทำงานวันนี้เป็นยังไงบ้าง มีใครรังแกไหม เจ้านายดุหรือเปล่า” สิรดาเอ่ยถามน้องสาวฝาแฝดชุดใหญ่
สิรรินอมยิ้ม “ไม่มีหรอก เดือนนั่งทำงานทั้งวัน แทบไม่ได้เจอใครสักคน”
“วันแรกของการทำงาน เจ้านายของเดือนใช้งานเดือนโหดขนาดนั้นเลยหรือ ท่าทางก็ดูสุภาพเรียบร้อย ดูไม่ออกเลยนะว่าจะเป็นคุณชายจอมโหด”
สิรรินหัวเราะเบาๆ “ไม่โหดหรอกดาว แต่ช่วงนี้งานเยอะจริงๆ แล้วเดือนก็เป็นเด็กใหม่ ต้องเรียนรู้งานอีกเยอะ คุณราฟัซยังลงมาสอนงานเดือนด้วยตัวเองเลย คงอยากให้เดือนเป็นงานเร็วๆ”
สิรรินเล่าถึงการทำงานในวันแรกของตนเองให้พี่สาวฟัง
“เจ้านายเดือนลงมาสอนงานเดือนด้วยตัวเอง!” สิรดาทวนประโยคน้องสาวด้วยสีหน้าสงสัย “หวังว่าเจ้านายของเดือนจะไม่เป็นพวกสมภารอยากกินไก่วัด หรือพวกเฒ่าหัวงูสองแฉกนะ”
“ไม่น่าใช่หรอก คุณราฟัซสุภาพ ไม่มีทีท่ารุ่มร่ามกับเดือนสักนิด” สิรรินยิ้ม เธอรู้ดีว่าพี่สาวฝาแฝดทั้งหวงทั้งห่วงเธอมากขนาดไหน
“ขึ้นชื่อว่าผู้ชายอย่าได้วางใจเด็ดขาด ทำเป็นเงียบๆ หงิมๆ แบบนี้พอเราเผลอเท่านั้นแหละ กระโจนเข้ากัดทันที ยิ่งพวกท่าทางสุภาพดูดีส่วนมากมักเป็นภาพลวงตา ล่อหลอกให้เราตายใจ กว่าเราจะทันรู้ตัวก็สายไปแล้ว ฉะนั้นเราต้องอย่าประมาท อย่าวางใจผู้ชายง่ายๆ ต้องคิดไว้เสมอ ผู้ชายกับงูตีคู่มาพร้อมกัน แล้วถ้าให้เลือกตีหัว ต้องตีหัวผู้ชายก่อน” สิรดาสอนน้อง
“ค่ะ เดือนจะจำไว้” สิรรินยิ้มหวาน
สองสาวเดินคุยกันมาจนถึงห้องพัก สิรดารอเวลาจนตนเองและน้องสาวทำธุระส่วนตัวเสร็จเรียบร้อย แล้วจึงพูดถึงงานระดับชาติที่ตนเองได้รับมอบหมายมา
“อืมเดือน...ดาวมีอะไรจะบอก” สิรดาเกริ่นนำ
สิรรินเงยหน้ามองพี่สาว เห็นสีหน้าอีกฝ่ายจริงจังแสดงว่าจะต้องมีเรื่องเกิดขึ้นแน่นอน “เรื่องใหญ่หรือ”
“ไม่เชิงใหญ่มาก แต่ว่าดาวต้องไปทำงานอะไรบางอย่างที่มันค่อนข้างแปลกไปสักเล็กน้อย” สิรดาพยายามพูดไม่ให้น้องเป็นห่วง
“งานแปลก!” สิรรินทวนอย่างไม่ค่อยเข้าใจ
“ใช่ วันนี้ดาวไปเดินซื้อของ เจอผู้ชายคนหนึ่ง เขามีปัญหาค่อนข้างแปลก คือว่าเขาต้องตามหาอัญมณีที่ถูกขโมยไป แล้วบังเอิญจริงๆ ที่อัญมณีชิ้นนั้นตกไปอยู่ในมือของคนที่มีปัญหามากๆ เขาจึงไม่สามารถไปเอากลับคืนมาได้ด้วยตัวเอง ดังนั้นเขาจึงขอให้ดาวไปเอามาให้ เท่านี้แหละ” สิรดาอธิบายคร่าวๆ ไม่ลงรายละเอียดมากนัก ด้วยไม่อยากให้อีกฝ่ายเป็นห่วง
“แล้วทำไมต้องเป็นดาวด้วย คนที่ให้ดาวไปแทนเป็นพวกสิบแปดมงกุฎหรือนักโจรกรรมหรือเปล่า ดาวต้องดูให้ดีนะ ระวังจะติดร่างแหไปด้วย” สิรรินเตือนพี่สาว
“ดาวไปสืบมาหมดแล้ว ไม่ใช่โจรแน่นอน” สิรดาบอกน้อง หลังจากที่เธอกับอาเหม็ดแยกกันแล้วนั้น เธอลองไปสืบข้อมูลเกี่ยวกับประวัติของชายหนุ่ม และมันก็ตรงกับที่เขาบอกเธอทุกประการ
“แล้วดาวจะเริ่มงานนี้เมื่อไหร่” สิรรินไม่คิดคัดค้าน เพราะเธอเคารพในการตัดสินใจของสิรดาเสมอมา
“พรุ่งนี้ และดาวคงไปหลายวัน เดือนอยู่คนเดียวได้ไหม” สิรดาถาม สิ่งที่เธอเป็นห่วงมากที่สุดคือการทิ้งให้สิรรินต้องอยู่คนเดียว
“ได้ ดาวไม่ต้องเป็นห่วงนะ เดือนอยู่ได้” สิรรินยิ้มเพื่อยืนยันให้พี่สาวเห็นว่าตนเองอยู่ได้จริงๆ “แต่ดาวต้องรักษาสัญญา ว่าจะไม่ทำอะไรที่เสี่ยงเด็ดขาด แล้วถ้ามีอะไรที่ไม่ชอบมาพากลก็ถอยออกมาตั้งหลักก่อน เดือนเป็นห่วงดาวนะ”
“จ้า รับรองดาวจะดูแลตัวเองอย่างดี จะไม่วู่วามใจร้อน จะทำทุกอย่างให้รอบคอบที่สุด” สิรดาพูดยิ้มๆ
“ทำให้ได้ตามที่พูดด้วย เดือนเห็นดาวพูดอย่างนี้ทีไร ก่อเรื่องทุกที” สิรรินค้อนพี่สาว
“เรื่องมันมาหาเอง ไม่ได้ตั้งใจซะหน่อย หึๆๆ” คนที่ถูกกล่าวหาว่าชอบก่อเรื่องหัวเราะเสียงดัง จากนั้นก็ยื่นโทรศัพท์มือถือให้ “ถ้ามีอะไรด่วน โทร. หาดาวได้เสมอ ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าเรื่องของเราสองคน”
สิรรินมองหน้าพี่สาวด้วยความซาบซึ้ง ตั้งแต่เด็กจนโต เธอมีพี่สาวฝาแฝดคอยเป็นทั้งแรงใจแรงกายดูแลปกป้องเธอมาตลอด เธอเสียอีกที่เป็นตัวภาระให้สิรดาต้องดูแล ทั้งเรื่องการเรียนที่สิรดาต้องคอยเป็นพี่เลี้ยงให้เสมอ รวมทั้งค่าใช้จ่ายที่สิรดาได้รับจากทุนเรียนดีก็ต้องแบ่งปันมาให้เธอ พี่สาวฝาแฝดของเธอเป็นคนเก่งมาก ผิดกับเธอลิบลับที่กว่าจะเรียนจบได้ก็เกือบแย่
“ทำไมต้องทำหน้าสลดอย่างนั้นด้วย” สิรดาถามน้อง “ไม่ต้องเป็นห่วงดาวหรอกน่า ถึงงานนี้จะไม่ง่ายเหมือนกินแฮมเบอร์เกอร์ แต่ก็ไม่ยากถึงขนาดงมเข็มในทะเลทราย เชื่อดาวเถอะ ถ้าคิดว่าทำไม่ได้ ไม่มีทางที่ดาวจะรับงาน แล้วงานนี้ได้ค่าตอบแทนดีด้วยนะ ถ้าทำสำเร็จ ดาวจะได้ส่งเงินให้ที่บ้านของเรา น้องๆ จะได้สบายขึ้นมาหน่อย”
สิรดายิ้มเมื่อนึกถึงน้องๆ เธอกับสิรรินเติบโตมาจากสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า พ่อแม่ของเธอตายตั้งแต่เธอยังเด็ก ตัวเธอเองก็ไม่มีญาติที่ไหนจึงถูกส่งตัวไปยังสถานรับเลี้ยงเด็กตั้งแต่อายุห้าขวบ ดังนั้นเมื่อโตขึ้นความตั้งใจอย่างหนึ่งของเธอคือการกลับไปช่วยเหลือน้องๆ ที่ประสบชะตาชีวิตแบบที่เธอเคยผ่านมา
“เราสองคนจะหาเงินให้ได้เยอะๆ ส่งเสียน้องๆ เหล่านั้นให้ไปได้ไกลที่สุด” สิรรินจำสิ่งที่เธอกับพี่สาวฝาแฝดให้สัญญาไว้กับตัวเองได้
“ใช่ และนี่ก็จะเป็นเงินก้อนโตก้อนแรก ที่ดาวจะหาได้” สิรดายิ้มกริ่ม ทางอาเหม็ดบอกว่างานนี้มีค่าเหนื่อยตอบแทนด้วย ซึ่งสิรดาลองมาคำนวณเป็นเงินบาทดูแล้ว มันก็มากโขอยู่เชียวแหละ
“ตกลงที่รับงานนี้เพราะเงินใช่มั้ยเนี่ย” สิรรินแซ็วพี่สาว
“มันก็มีส่วนนิดหนึ่ง” สิรดาหัวเราะเขินๆ ในเมื่ออาเหม็ดเสนอเงินค่าตอบแทนให้ แล้วเธอจะไปขัดความตั้งใจของเขาได้อย่างไร...
เมื่อรุ่งเช้ามาถึง ก่อนออกไปทำงาน สิรรินย้ำกับพี่สาวอีกครั้งว่าให้ดูแลตัวเองดีๆ สิรดาก็รับคำอย่างแข็งขันและสัญญาว่าจะโทรศัพท์หาน้องสาวทุกวัน เมื่อสิรรินได้รับคำยืนยันจากแฝดผู้พี่จึงพยักหน้าอย่างพอใจและออกไปทำงานได้ในที่สุด
หลังจากสิรรินไปแล้ว สิรดาออกมายังสถานที่นัดพบกับอาเหม็ด ทันทีที่มาถึงเธอพบอาเหม็ดกับผู้ชายอีกคนหนึ่งมานั่งคอยอยู่ก่อนแล้ว อาเหม็ดแนะนำให้สิรดารู้จักชายคนดังกล่าว และบอกว่าผู้ชายที่ชื่อมูจาลคนนี้จะพาเธอเข้าไปทำงานที่คฤหาสน์อัลบารอม และถ้ามีเรื่องเร่งด่วนอะไรให้ติดต่อมูจาลได้ทันที
อาเหม็ดยื่นเช็คเงินสดให้สิรดา “ผมคงไปส่งคุณสิรดาไม่ได้ แต่ได้โปรดรับสินน้ำใจของพวกเราก่อนนะครับ”
“ฉันยังไม่ได้เริ่มทำงานเลยนะคุณอาเหม็ด” สิรดาเหลือบสายตาไปมองยอดเงิน แล้วทำหน้างงๆ เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายให้มากเกินกว่าที่ได้บอกไว้ “เอ่อ เงินมันจะมากไปหรือเปล่าคุณอาเหม็ด แล้วฉันก็ไม่รู้ด้วยว่าจะทำได้สำเร็จหรือเปล่า”
“เรื่องเงินคือ...ท่านชีคของผมรู้สึกซาบซึ้งในน้ำใจที่คุณสิรดามีต่อพวกเรา และท่านอยากตอบแทนในสิ่งที่คุณสิรดาทำเพื่อรัฐอัลซาดาห์และชาวอัลบาเรีย ท่านจึงเพิ่มเงินส่วนตัวของท่านมาให้ครับ ส่วนเรื่องจะทำสำเร็จหรือไม่นั้น ไม่เป็นไรครับ คุณสิรดาอย่าเป็นกังวล” อาเหม็ดเอ่ยบอก ด้วยวานนี้ตนเองนำเรื่องนี้เข้าไปรายงานต่อชีคกาเบรียน ว่าเขาหาคนที่เหมาะสมที่จะเข้าไปในคฤหาสน์อัลบารอมเพื่อหาทางนำเม็ดไพลินออกมาได้แล้ว
และในตอนแรกที่ชีคกาเบรียนรู้ว่าเป็นหญิงสาวชาวไทย ชีคกาเบรียนไม่เห็นด้วยที่จะให้หญิงสาวเข้าไปทำงานที่เสี่ยงเช่นนั้น แต่อาเหม็ดอธิบายเหตุผลว่าหญิงสาวน่าจะเอาตัวรอดได้ และที่สำคัญจากเหตุการณ์ที่ตนเองเห็น อาเหม็ดมั่นใจว่าเด็กชายเจ้าของรถวิทยุบังคับคันนั้นชอบใจในตัวสิรดามาก จนถึงกับเอ่ยปากขอให้ไปอยู่ด้วย
ซึ่งนั่นเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้เขาเลือกสิรดา คฤหาสน์อัลบารอมเต็มไปด้วยระบบรักษาความปลอดภัย บุคคลภายนอกทั่วไปเข้าถึงได้ลำบากมาก แต่ถ้าตัวบุตรชายของเจ้าของคฤหาสน์เปิดทางให้ รับรองได้เลยว่างานนี้ต้องประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน
เมื่อชีคกาเบรียนได้ฟังเหตุผลของอาเหม็ด แม้จะไม่เห็นด้วยนักที่ต้องส่งเด็กสาวรุ่นหลานไปเสี่ยง แต่เพื่อทวงคืนสมบัติของชาติและไม่มีวิธีไหนที่จะดีไปกว่านี้อีกแล้ว ชีคกาเบรียนจึงไม่อาจปฏิเสธได้ ดังนั้นชีคแห่งรัฐอัลซาดาห์จึงได้มอบเงินในส่วนของตนเองเพิ่มให้สิรดาอีกเท่าตัว เพื่อแสดงความขอบคุณ และตอบแทนในน้ำใจของหญิงสาว
“รับไว้เถอะนะครับ” อาเหม็ดเห็นสิรดาลังเลจึงเอ่ยขึ้น
“ค่ะ แต่ฉันขอรบกวนคุณอาเหม็ดหน่อยนะคะ ช่วยนำเงินในเช็คนี้ โอนเข้าบัญชีนี้ที่เมืองไทยให้ฉันด้วย” สิรดาหยิบกระดาษขึ้นมาจดรายละเอียดต่างๆ แล้วยื่นให้อาเหม็ด
“ทั้งหมดเลยหรือครับ” อาเหม็ดมองหน้าสิรดา ปลายทางที่หญิงสาวเขียนเป็นชื่อมูลนิธิเด็กกำพร้าแห่งหนึ่งที่เมืองไทย
“ค่ะหมดเลย ฉันจะโอนเงินให้บ้านของฉัน ไม่ต้องสงสัยหรอกค่ะ ฉันโตมาจากที่นั่น” สิรดายิ้ม พูดด้วยความภาคภูมิใจ ไม่เคยคิดปิดบังใครเรื่องภูมิหลังของตนเอง
“ครับ ผมจะโอนให้ รับรองด้วยเกียรติว่าไม่มีการหักค่านายหน้าไว้แน่นอน” อาเหม็ดตอบยิ้มๆ
“แหม...ฉันนึกว่าคุณอาเหม็ดจะยิ้มไม่เป็นนะคะเนี่ย เห็นทำหน้าเคร่งเครียดได้ตลอดเวลา” สิรดายิ้ม ก่อนจะยักคิ้วให้ชายหนุ่ม จากนั้นจึงหมุนตัวเดินจากไปพร้อมกับชายหนุ่มที่จะนำเธอไปที่คฤหาสน์อัลบารอม เพื่อเริ่มปฏิบัติภารกิจแห่งชาติ ชิงของล้ำค่ากลับคืนมา
อาเหม็ดยืนมองตามหลังคนที่เดินจากไปด้วยแววตาชื่นชม สิรดาไม่เพียงแต่เป็นหญิงสาวที่เฉลียวฉลาด จิตใจยังโอบอ้อมอารี ชายหนุ่มก้มลงมองเช็คที่อยู่ในมือแล้วอมยิ้ม เงินจำนวนไม่ใช่น้อย แต่ผู้หญิงคนนี้กลับไม่เสียดายแม้แต่นิดเดียว
ในทันทีที่รถยนต์กลางเก่ากลางใหม่เริ่มเคลื่อนตัวออกจากสถานที่นัดพบ สิรดาพยายามตั้งสติไม่ให้ตื่นเต้นจนเกินไปและเริ่มวางแผนการคร่าวๆ ไว้ในใจ ตอนกลางวันเธอต้องพยายามทำตัวเป็นเด็กรับใช้ให้ดีที่สุด ส่วนในเวลากลางคืนจะเป็นเวลาที่เธอจะปฏิบัติภารกิจ
สิรดานั่งครุ่นคิดหาวิธีการตามหาเม็ดไพลิน อันดับแรกสุดที่เธอจะต้องทำ คือต้องศึกษาและจัดการกับระบบกล้องวงจรปิดและสัญญาณเตือนภัยภายในบ้านให้ได้ทุกจุด จากนั้นก็ค่อยๆ สืบหาเบาะแสของเม็ดไพลิน ซึ่งเธอคาดว่ามันน่าจะอยู่ในห้องใดห้องหนึ่งที่นายชามาล์ใช้ประจำ ไม่แน่อาจเป็นห้องนอนของเขา หรือไม่ก็ห้องทำงาน สิรดานั่งขบคิดไปตลอดทาง จนกระทั่งรถยนต์เลี้ยวเข้าไปในคฤหาสน์หรูหลังใหญ่ ซึ่งมันทำให้หญิงสาวถึงกับหยุดคิดเรื่องต่างๆ และหันมาทำตาโต ตกใจกับความใหญ่สุดอลังการของความรวยเว่อร์ของเจ้าของบ้าน
มูจาลพาสิรดามาแนะนำตัวกับหญิงสูงวัยที่ทำหน้าที่เป็นหัวหน้าแม่บ้าน นางเพตราพยักหน้ารับรู้ถึงการมาของสิรดาสองสามครั้ง ก่อนจะเปิดฉากอบรมเกี่ยวกับกฎข้อบังคับและข้อห้ามต่างๆ ในการเป็นเด็กรับใช้ที่คฤหาสน์หลังงามนี้
“เธอน่ะเป็นเด็กเส้น ถ้าเจ้ามูจาลหลานฉันไม่พามาฝาก ฉันคงไม่รับเธอไว้หรอกนะ งานของที่นี่ต้องคัดคน งานดีเงินดีขนาดนี้ใครๆ ก็ต้องการ แล้วที่นี่ไม่รับเด็กที่ไม่รู้จักมารยาท ประเภทดีแต่แต่งหน้าทำผม ชอบวิ่งไปเสนอหน้าเจ้านายทั้งวันก็ไม่เอา เข้าใจใช่มั้ย พวกหวังสูงคิดจับเจ้านายมันมีเยอะ ยิ่งหวังจะเขยิบสถานะเป็นนายหญิงของที่นี่ก็ยิ่งไม่มีทาง คุณชามาล์เธอไม่เคยชายตาแลเด็กรับใช้ เขากับเรามันอยู่คนละชั้นกัน ฉะนั้นจำไว้ อย่าคิดไปเสนอหน้ากับเจ้านายเด็ดขาดถ้าไม่มีคำสั่ง เข้าใจใช่มั้ย” นางเพตราเตือนเสียงเข้ม เด็กสาวทั่วไปมักหลงใหลไปกับความเพียบพร้อมทุกด้านของเจ้านายตน ดังนั้นจึงต้องตักเตือนและต้องกำราบไว้เสียแต่ต้นมือ
“เข้าใจค่ะป้า รับรองฉันจะไม่ทำอะไรให้เสื่อมเสียชื่อเสียงของเด็กรับใช้เด็ดขาด” สิรดาตอบเสียงหนักแน่น
“ดี ทำให้ได้ตามที่พูดด้วย ไม่ใช่พอเห็นหน้าคุณชามาล์ก็หลงใหลคลั่งไคล้เหมือนแม่ผู้หญิงทั้งหลายที่ฉันต้องไล่ออกไปไม่รู้กี่คน” นางเพตราทำเสียงหน่ายใจ กี่ครั้งแล้วที่ต้องไล่เด็กออก เพราะเด็กสาวเหล่านั้นต่างเข้าไปเสนอหน้าจนคุณชามาล์ถึงกับออกอาการไม่พอใจจนต้องออกปากไล่
“แน่นอนค่ะ ฉันจะตั้งใจทำงาน ไม่ว่อกแว่ก ไม่เข้าใกล้เจ้านายเด็ดขาด ป้าวางใจได้” สิรดายิ้มยืนยันให้นางเพตรามั่นใจ ถ้ามีกฎห้ามกันแบบนี้ งานของเธอก็ง่ายขึ้นสิเนี่ย
“ดี งั้นเธอตามฉันมา เดี๋ยวจะพาไปห้องพัก” นางเพตราพยักหน้าอย่างพอใจ เมื่อเห็นเด็กสาวมาใหม่ไม่มีทีท่าหลงใหลได้ปลื้มเจ้านายที่ขึ้นชื่อว่าเป็นชายหนุ่มที่ถูกหมายปองมากที่สุดในรัฐอัลซาดาห์
สิรดาเดินตามหัวหน้าแม่บ้านมายังห้องพักที่อยู่ทางตึกเล็กด้านหลัง หญิงสาวได้ห้องพักบนชั้นสอง เป็นห้องนอนขนาดไม่เล็กนักพร้อมห้องน้ำในตัว
“แล้วนี่ เสื้อผ้าสำหรับใส่กลางวัน” นางเพตรายื่นเสื้อกับกระโปรงสีฟ้าอย่างละสามตัวให้สิรดา
“มีชุดเด็กรับใช้ด้วยหรือป้า” สิรดาถาม เมื่อเห็นชุดที่นางเพตรายื่นให้
“มีสิ คุณชามาล์เธอโตมาจากเมืองนอก ก็เลยรับวัฒนธรรมต่างชาติมาพอสมควร คุณชามาล์ต้องการความเป็นระเบียบเรียบร้อย ทุกคนในบ้านก็สวมชุดแบบเดียวกันนี้” นางเพตราอธิบายให้หญิงสาวฟัง แม้ใจจริงนางเองก็ชอบสวมเสื้อผ้าพื้นเมืองมากกว่า แต่ก็ขัดความต้องการของเจ้านายไม่ได้
“ค่ะ” สิรดาพยักหน้าอย่างจำยอม ในใจรู้สึกหมั่นไส้คนเจ้าระเบียบเป็นที่สุด
“เอาละ รีบเปลี่ยนเสื้อผ้า เสร็จแล้วก็ไปหาฉันที่ห้องโถง ฉันจะพาเธอไปแนะนำให้คนอื่นๆ รู้จัก” นางเพตราสั่ง ก่อนจะเดินออกไปคอยหญิงสาวที่ห้องโถง
“ค่ะ เดี๋ยวฉันเปลี่ยนเสื้อเสร็จ จะรีบตามไป” สิรดาตอบตามหลัง และใช้เวลาไม่นานนักในการเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ จนเมื่อเรียบร้อยก็เดินออกจากห้องไปหานางเพตราที่ห้องโถงตามคำสั่ง
นางเพตราพาสิรดาไปแนะนำให้คนอื่นๆ ได้รู้จัก ก่อนจะสั่งให้เด็กสาวที่ชื่อซาร่าพาสิรดาเดินไปดูรอบๆ ตัวคฤหาสน์เพื่อแนะนำให้รู้จักสถานที่จะได้ไม่หลงทาง เพราะภายในคฤหาสน์อัลบารอมค่อนข้างซับซ้อนและกินเนื้อที่กว้างมาก
สิรดาถือโอกาสเก็บรายละเอียดเส้นทางเข้าออกต่างๆ ภายในตัวคฤหาสน์ รวมทั้งยังคอยสำรวจอุปกรณ์รักษาความปลอดภัยที่ติดไว้ตามทางเดินอยู่ตลอดเวลา
“ซาร่าอะไรอยู่ที่มุมนั้น ฉันเห็นติดไว้ตามทางเดินตลอดเลย” สิรดาทำเป็นไม่รู้ และถามเด็กสาวที่เดินนำอยู่ด้านหน้า
“อ๋อ เขาเรียกว่ากล้องวงจรปิด ที่นี่ติดไว้ตามทางเดินตลอดนั่นแหละ ฉะนั้นอย่าทำอะไรไม่ดีตามทางเดินเชียวนะ มีภาพจับไว้” ซาร่าอธิบายให้ฟังด้วยความหวังดี
“หรือ แล้วเราต้องปีนขึ้นไปทำความสะอาดด้วยหรือเปล่า มันสูงนะ ฉันกลัวความสูง” สิรดาแอบหลอกถามต่อ
“ไม่ต้อง ไม่ต้อง มีคนมาคอยตรวจดูทุกวันที่สิบห้า พวกเราอย่าได้เข้าไปยุ่งกับมันเชียว ไม่งั้นโดนดุแน่” เด็กสาวรีบร้องบอก
“ดีจัง นึกว่าต้องปีนขึ้นไปเช็ดทำความสะอาดซะแล้ว” สิรดายิ้มตอบด้วยใบหน้าใสซื่อ
จากนั้นเด็กสาวก็พาสิรดาเดินไปตามจุดสำคัญรอบๆ คฤหาสน์ พร้อมทั้งแนะนำห้องต่างๆ ที่ต้องคอยดูแลทำความสะอาดให้อีกฝ่ายรับรู้ไว้
“ห้องนี้เป็นห้องทำงานส่วนตัวของคุณชามาล์ ห้ามเข้าก่อนได้รับอนุญาตเด็ดขาด ใครฝ่าฝืนโดนไล่ออกสถานเดียว ยิ่งห้องนอนของคุณชามาล์นั้นยิ่งไม่ต้องพูดถึง ห้ามแม้แต่จะเฉียดเข้าใกล้ คุณชามาล์ไม่ชอบให้ใครมาวุ่นวาย คนที่จะเข้าไปทำความสะอาดได้มีคนเดียวคือป้าเพตราเท่านั้น” ซาร่าเอ่ยถึงสองห้องต้องห้ามอย่างหวาดๆ
“ได้ ฉันจะไม่เดินมาทางนี้เด็ดขาด” สิรดาทำเป็นรับปากแข็งขันอย่างหวาดกลัวนิดๆ แต่สายตาสอดส่ายแอบนับกล้องที่ติดอยู่ตามมุมต่างๆ “แต่ว่าป้าเพตราทำคนเดียวไหวหรือ”
“ไหวสิ ป้าเพตรามีหน้าที่รับใช้คุณชามาล์โดยตรง แกอยู่ที่นี่มานานตั้งแต่รุ่นพ่อแม่คุณชามาล์ แกก็เลยเป็นคนที่ได้รับความไว้วางใจมากที่สุดของที่นี่ ฉะนั้นแกจึงเป็นคนเดียวที่คุณชามาล์อนุญาตให้เข้าออกห้องของคุณชามาล์ได้ คนอื่นๆ อย่าได้หลงเข้าไปเชียว หัวขาดแน่” ซาร่าพูดเจื้อยแจ้ว
สิรดาถึงกับอมยิ้ม เด็กสาวคนนี้นิสัยไม่เลว ท่าทางซื่อๆ น่ารักดี
“ซาร่า ที่อัลบารอมยังมีข้อห้ามอะไรอีกหรือเปล่า ถ้ามีบอกฉันก่อนได้เลยนะ ฉันอยากทำงานที่นี่นานๆ” สิรดาพยายามซักถามข้อมูลของสภาพแวดล้อมและตัวเจ้าของบ้านให้ได้มากที่สุด
“ก็ไม่มีอะไรมากนักหรอก แค่ทำงานให้ดี เช็ดถูให้สะอาด ป้าเพตราค่อนข้างเจ้าระเบียบ ไม่ชอบความสกปรกไม่เรียบร้อย นอกนั้นก็ไม่มีอะไรมาก ส่วนคุณชามาล์พวกเราไม่ค่อยได้เจอหน้าเท่าไหร่หรอก คุณชามาล์ไม่สุงสิงกับเด็กๆ อย่างพวกเรา ถ้าจะสั่งอะไร ส่วนมากก็สั่งผ่านป้าเพตรามา”
สิรดาพยักหน้า ท่าทางนายชามาล์นั่นจะหยิ่งไม่เบา แต่ก็นับว่าเป็นการดี เธอกับหมอนั่นจะได้ไม่ต้องมาเจอหน้ากัน งานของเธอจะได้สะดวกแล้วก็ง่ายขึ้น สิรดาเก็บรายละเอียดเกี่ยวกับตัวบ้านและตัวเจ้าของบ้านได้อีกพอสมควร ซึ่งความรู้สึกหลังได้รับรู้ข้อมูลพื้นฐานทั่วไปจากเด็กสาวมานั้น สิรดาบอกได้เพียงคำเดียวว่า เจ้าของบ้านเป็นคนที่น่าหมั่นไส้...มากๆ
“แล้วนอกจากคุณชามาล์ พวกเราต้องเชื่อฟังใครเป็นพิเศษอีกบ้างหรือเปล่า” สิรดาซักถามต่อ เพราะต้องการรับรู้ข้อมูลให้ได้มากที่สุด
“มีแน่นอน นอกจากต้องเชื่อฟังแล้ว ต้องห้ามขัดใจเป็นพิเศษด้วย” ซาร่าพูดพลางถอนใจ
“ใครหรือ” สิรดาทำหน้าสงสัย ยิ่งเห็นท่าทางเด็กสาวตรงหน้าทำท่าเหมือนกลัดกลุ้มเป็นพิเศษก็เริ่มไม่วางใจ
“คุณชาจีฟ” ซาร่าตอบเสียงเบา “ลูกชายของคุณชามาล์ อายุห้าขวบแล้วละ”
นับเป็นข่าวใหม่ที่สิรดาเพิ่งรับรู้ว่าบ้านนี้มีเด็ก “แล้วคุณผู้หญิงล่ะ”
ซาร่าส่ายหน้า “ไม่รู้เหมือนกัน ป้าเพตราสั่งห้ามใครถามถึงเรื่องนี้เด็ดขาด เลยไม่มีใครกล้าพูด”
สิรดาผงกหัวรับทราบข้อปฏิบัติ สงสัยนายชามาล์นั่นจะเจอแจ็กพอต และด้วยความที่ไม่ได้คิดจริงจังกับฝ่ายหญิง ถึงเอาแต่ลูกไม่เอาแม่ อย่างนี้แหละคนรวย ชอบมีความสัมพันธ์ฉาบฉวยไร้ข้อผูกมัด แต่ก็ยังนับว่านายชามาล์นั่นพอมีความดีหลงเหลืออยู่ ถึงได้รับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่อย่างนั้นเด็กที่เกิดมาคงน่าสงสาร
วันนั้นสิรดาได้พักผ่อนหนึ่งวัน ก่อนจะเริ่มงานเต็มตัวในวันรุ่งขึ้น ตกค่ำหญิงสาวกลับมาจัดข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัว และใช้ช่วงเวลาที่เหลือนอนครุ่นคิดถึงสิ่งที่ตนเองได้รับรู้มาจากเด็กสาวที่ชื่อซาร่า
ภายในคฤหาสน์อัลบารอมเต็มไปด้วยระบบรักษาความปลอดภัย ยิ่งหน้าห้องทำงานและชั้นบนที่เป็นห้องนอนของเจ้าของบ้าน ถือได้ว่าจัดระบบรักษาความปลอดภัยไว้อย่างสูงสุดเต็มทุกรูปแบบ แทบไม่มีพื้นที่ไหนเล็ดลอดจากมุมกล้องไปได้แม้แต่น้อย
หญิงสาวผู้ที่ได้รับมอบหมายให้มาทำหน้าที่ชิงเม็ดไพลินคืนถึงกับนอนก่ายหน้าผากทอดถอนใจ เรื่องกล้องวงจรปิดเธอคงต้องศึกษาให้ละเอียดอีกทีและคงต้องพักไว้ก่อน เพราะสิ่งที่สำคัญกว่าในตอนนี้คือทำอย่างไรก็ได้ที่จะเข้าไปสำรวจดูในห้องต้องห้ามทั้งสองห้องโดยไม่มีใครสงสัย
สิรดาหลับไปพร้อมกับแผนการเต็มหัวสมอง...พรุ่งนี้เธอจะต้องเข้าห้องนอนนายชามาล์นั่นให้ได้ อยากรู้นักข้างในมีความลับอะไรนักหนาถึงได้หวงห้ามนัก
ความคิดเห็น |
---|