9

บทที่ 9

บทที่ ๙ 


“โอ๊ยยย เจ็บ! อู้ยยย”  

ภาพที่ฟ้ารดาเห็นเมื่อเปิดประตูออกมาคือ แจ๋วแหววนอนคว่ำหน้าอยู่กับพื้นในสภาพที่พลัดตกรั้วขณะปีนเข้ามาในบ้าน หญิงสาวรีบเข้าไปช่วยพยุงอีกฝ่ายให้ลุกขึ้นยืน ถามไถ่ว่าเป็นอะไรไหม โชคดีที่สาวใช้ผิวเข้ม หน้าบานๆ จมูกหักๆ ตามสไตล์สาวอีสานแข้งขาไม่ได้หัก แค่มีรอยถลอกและอาการจุก แต่ก็พยายามลุกขึ้นตามแรงพยุง โดยมีเสียงเร่งยิกๆ ระคนบ่นอย่างอารมณ์เสียของคุณนายแขไขดังอยู่ที่อีกฟากของประตู 

“ไม่เป็นไรค่ะ คุณฟางรีบไปเปิดประตูให้คุณนายเถอะค่ะ เดี๋ยวแกยิ่งหงุดหงิด จะตัดเงินเดือนแจ๋วอีก”

“สวัสดีค่ะคุณป้า” ฟ้ารดายกมือไหว้หลังเปิดประตู เชิญ ‘คุณป้า’ ซึ่งเป็นผู้หญิงเลยวัยเกษียณไปหลายปีแล้ว “เชิญเข้าบ้านก่อนค่ะ”

“ทำไมช้านักยะ ฉันมายืนเรียกตั้งนาน รู้ไหมว่ามันร้อน”

“ขอโทษค่ะ พอดีฟาง...เข้าห้องน้ำอยู่ค่ะ” ฟ้ารดาคิดว่านั่นคงเป็นคำตอบที่ดี ถ้าบอกว่าเธอมัวแต่ตกลงกับน้องชายอยู่ คุณป้าได้ของขึ้นแน่ๆ แล้วเวลานี้น้องชายก็ขอกลับไปเตรียมตัวก่อน แล้วจะออกมาเจอคุณป้าทีหลัง เธอไม่ได้เห็นด้วย แต่ก็ไม่มีเวลารั้งไว้ จึงออกมารับหน้าก่อน 

“แล้วคุณป้ามายังไงคะ” ฟ้ารดาถาม เพราะปกติแล้วคุณนายแขไขจะไปไหนก็ต้องมีคนขับรถและคนใช้ตามไปด้วยหนึ่งคน วันนี้เจอแค่แจ๋วแหวว แต่ไม่เจอคนขับรถหรือรถสักคันจอดอยู่หน้าบ้าน 

“รถเสียค่ะ เสียระหว่างทาง แจ๋วกับคุณนายเลยมาแท็กซี่” เป็นแจ๋วแหววที่ตอบแทน พลางส่งกระดาษแผ่นหนึ่งให้ฟ้ารดา ทำอย่างที่เคยทำ เพราะสายตาคุณนายแขไขบอกให้ต้องทำอย่างนั้น “ใบเสร็จค่ารถค่ะ”

“จ่ายมาก่อนสามเท่า” คุณนายแขไขบอกเสียงขรึม “ค่าแท็กซี่บวกค่าน้ำมันรถ และค่าปรับที่ให้ฉันต้องมายืนรอร้อนๆ อยู่หน้าบ้าน” บอกหลานสาวที่ได้แต่ยิ้มรับแห้งๆ พร้อมบอกว่าเข้าไปจะหยิบให้ “ส่วนแกนังแจ๋ว ฉันจะปรับแกอีกสองร้อยที่ชักช้า ยืดยาด! อย่ามาเถียงฉัน ไม่งั้นฉันจะหักแกเพิ่ม!” 

“ค่ะ หักก็หักค่ะ” 

แจ๋วแหววคอตก ขยับถอยไปหลบอยู่หลังฟ้ารดาซึ่งเวลานี้กำลังรู้สึกกดดันกับสายตาจับผิดของผู้มากวัยกว่า คุณนายแขไขปรายตาที่ฉายแววเอาเรื่องนั้นไปยังรถสปอร์ตและรถบิ๊กไบค์คันใหญ่ที่จอดอยู่ที่โรงจอดรถในบริเวณบ้าน 

“กล้าดีมากนะยายฟางที่ขัดคำสั่งป้า ถึงกับให้มันขนรถมาทิ้งไว้ที่บ้านสองสามคัน หิ้วกระเป๋าเสื้อผ้าเข้ามาอยู่ด้วย ไม่นึกถึงหน้าตัวเองก็หัดนึกถึงหน้าพี่น้องโคตรเหง้าบ้าง เธอใช้นามสกุลพวกฉันอยู่ จะทำอะไรให้รู้จักคิดบ้าง” 

“ขอโทษค่ะ แต่ฟางไม่ได้ทำอะไรผิด ซีเป็นน้องฟาง ถ้าคุณป้ามาที่นี่เพื่อให้ฟางไล่น้องไปจากบ้าน ฟางทำไม่ได้ค่ะ ขอโทษด้วยนะคะ”

“ยายฟาง!” 

ถ้าเป็นเมื่อก่อนโดนตวาดใส่อย่างนี้ ฟ้ารดาคงยอมทำตาม แต่คราวนี้หญิงสาวยังคงมองคุณป้าด้วยแววตาที่ยืนกรานจะทำอย่างที่บอกไป 

“ดื้อด้านจริงๆ ดีนะที่ฉันไหวตัวทัน บอกปัดคุณพลไปก่อน ถ้าเขามาเจอภาพเธอเอาผู้ชายเข้ามาอยู่ในบ้าน เขาคงรู้สึกแย่...แล้วนี่มันอยู่ไหน ไอ้เด็กนั่น มันไม่รู้รึยังไงว่าฉันมา กล้าดียังไงถึงไม่ออกมาต้อนรับฉัน...ไม่มีมารยาท! ขาดการอบรม!”

พูดเสร็จก็เดินนำเข้าบ้านไป แจ๋วแหววได้แต่คอตกจนฟ้ารดาสงสาร เข้าไปกระซิบบอกว่า “ไว้สองร้อยฟางช่วยจ่ายให้นะคะ เดี๋ยวเข้าไปในบ้านฟางเอาให้”

“ขอบคุณค่ะ” แจ๋วแหววยิ้มได้ พลางกระซิบ “เดือนนี้แจ๋วโดนไปเป็นสองพันแล้วค่ะ คุณนายตัดดุมาก คราวละสองร้อยเลย ถ้าตัดมากกว่านี้ เดือนนี้พี่แจ๋วกินแกลบแน่ๆ ค่ะ เพราะต้องส่งกลับบ้านมากกว่าทุกเดือน น้องจะลงทะเบียนเรียนค่ะ ตั้งแต่คุณนายให้คุณพลจ่ายเงินเดือนพี่แจ๋วผ่านคุณนาย แจ๋วลำบากมากเลยค่ะ”

“ถ้าไม่พอยังไง พี่แจ๋วบอกฟางได้นะคะ เอาจากฟางไปก่อนก็ได้”

“ได้เหรอคะ คุณเองก็ลำบาก ต้องจ่ายให้คุณนายก็แทบไม่เหลือใช้แล้ว”

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฟางรับดูแลเด็กเพิ่ม พอมีค่ะ” 

ฟ้ารดามีน้ำใจเสมอโดยเฉพาะกับคนที่เดือดร้อน อย่างคนที่ต้องส่งน้องเรียนอย่างแจ๋วแหวว เพราะเธอนึกถึงสภาพตัวเองเมื่อก่อน ตอนที่อยากเรียนก็ยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้เรียน กระทั่งยอมให้ป้าเอาบ้านไปจำนอง ยอมย้ายออกจากบ้านมาอยู่ที่อื่น เพื่อแลกกับการได้เรียนต่อจนจบปริญญาตรี 

“จะยืนอยู่ตรงนั้นอีกนานไหม หรือต้องให้ฉันเปิดประตูบ้านเองอีก!” 

“ค่ะๆ” ฟ้ารดารีบตรงเข้าไปจะเปิดประตูบ้านให้ แต่ดูจะช้าไปเมื่อคนอยู่ในบ้านเปิดประตูออกมาก่อน 

“ซี...หายไปไหนมา คุณป้าโกรธเลยเห็นไหม”

ชายหนุ่มไม่ตอบพี่สาวแต่ชี้ให้ดูจุกอุดหู

“ทำอะไร” 

ฟ้ารดาว่าจะเอ็ด แต่ก็นึกได้รีบหันไปบอกให้น้องชายยกมือไหว้ญาติผู้ใหญ่ที่มองน้องชายเธอตั้งแต่หัวจดเท้า มองด้วยสายตาที่ไม่ได้ต่างไปจากเมื่อก่อน และยิ่งไม่พอใจเมื่อเห็นหลานสาวไปกระตุกแขนชายหนุ่มให้ยกมือไหว้ ถึงตอนนี้ผู้ชายตัวสูงตรงหน้าจึงยอมทำตาม  

“สวัสดีครับคุณป้าแขไข” 

ต่างไปจากเมื่อแปดปีก่อนมาก ถ้าเจอกันข้างนอก แขไขคงจำไม่ได้ว่านี่คือเด็กผู้ชายที่หล่อนมองว่าเป็นโรคจิต เด็กที่บอกรักพี่สาวตัวเอง เด็กที่หล่อนรู้ว่าพ่อเขาก็เป็นพวกโรคจิต ชอบเพศเดียวกัน ทิ้งเมียกับลูกเพราะไปหลงผู้ชาย นั่นทำให้หล่อนยิ่งเชื่อว่าเรื่องแบบนี้สืบทอดกันทางสายเลือด พ่ออย่างไรลูกก็น่าจะอย่างนั้น หล่อนจึงยิ่งไม่อยากให้หลานสาวยุ่งกับคนจำพวกนี้ พวกจิตวิปริต

“หล่อ...ขาวโอโม่มาก สูงยาวเข่าดี ยิ้มสวยด้วย” 

แจ๋วแหววกำลังเพ้อกับภาพชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างๆ ฟ้ารดา ผู้ชายที่กำลังยิ้มหวานให้เธอ ได้ยินเรื่องของผู้ชายคนนี้มาไม่น้อยจากคุณนายแขไข เรื่องที่บอกว่าเขาเป็นตัวอันตราย จนต้องให้หล่อนมาช่วยปกป้องฟ้ารดา แต่เท่าที่เห็น ดูอย่างไรก็แค่ผู้ชายดูดีมากๆ คนหนึ่ง คนที่ทำเอาเธอเพ้อเหมือนกำลังถูกสะกดจิตไว้ 

“ไม่เห็นจะดูโรคจิตอย่างที่คุณนายว่าเลยค่ะ ถ้าโรคจิตแล้วดูดีขนาดนี้ เป็นแจ๋ว แจ๋วยอมให้มาโรคจิตใส่ค่ะ...หล่อจัง” 

“นังแจ๋ว!” เสียงตวาดของคุณนายแขไขเรียกสติเจ้าของชื่อกลับมา เห็นท่าทางแยกเขี้ยวใส่ของคุณนายก็จ๋อย “แกนี่มัน! ฉันจะตัดเงินเดือนแกอีกสองร้อย จดไว้ด้วย!”

“ค่ะ” ตอบรับจ๋อยๆ

“ว้า แย่จังโดนตัดเงินเดือน” คำพูดของซาคาอิเรียกสายตาทุกคนให้หันไปมองเขาที่ยังคงยิ้มหวานให้แจ๋วแหวว “โดนตัดเงินเดือนเพราะชมผมว่าหล่อเหรอครับ งั้นไม่เป็นไร ผมให้พี่...แจ๋วใช่ไหมครับ เพิ่มให้สองพันเลย”

“สะ...สองพัน จะ...จริงเหรอคะ”

“จริงครับ จ่ายสดตอนนี้เลย” บอกพลางหยิบกระเป๋าเงินออกมา ขณะเดินผ่านหน้าคุณนายแขไขไปหาแจ๋วแหววที่ยังไม่เชื่อว่าจะได้เงินจริง “นี่ครับสองพัน...เอ๊ะ เดี๋ยว...เปลี่ยนใจให้ห้าพันเลยดีกว่า”

“ให้แจ๋วจริงเหรอคะ” คนที่มือสั่นรับเงินห้าพันไปยังแทบไม่อยากเชื่อ รีบยกมือไหว้เมื่ออีกฝ่ายปล่อยเงินให้จริงๆ “คุณช่วยชีวิตแจ๋วแหววไว้จริงๆ เลย คุณซีน่ารักที่สุดเลยค่ะ ขอบคุณนะคะ คุณฟางคะ พี่แจ๋วไม่ต้องยืมเงินคุณแล้วละค่ะ พี่แจ๋วรอดตายแล้ว” 

“นังแจ๋ว” เสียงตวาดของคุณนายแขไขมาพร้อมกับที่เงินในมือแจ๋วแหววถูกกระชากไปยัดคืนให้ซาคาอิ “เอาเงินของเธอคืนไป อย่ามาคิดให้สินบนคนของฉัน อย่ามาทำนิสัยชั่วๆ แบบที่เคยชินแถวนี้!”

“ผมเปล่าซะหน่อย ผมแค่...” กะจะเถียง แต่เมื่อเหลือบไปเห็นสายตาฟ้ารดาก็เลือกที่จะเงียบแล้วฉีกยิ้ม “ครับ ไม่ให้ก็ไม่ให้ เชิญคุณป้าเข้าบ้านครับ เดี๋ยวผมเอาน้ำมาเสิร์ฟให้ คุณป้าชอบชาใช่ไหมครับ ฟางต้องมีชาตงฟางเหม่ยเหริน ชาโปรดคุณป้าอยู่แน่ๆ ผมอยู่ญี่ปุ่นเรียนชงชามาด้วย ไว้ขอโอกาสผมชงให้คุณป้าชิมนะครับ เชิญเข้าบ้านเถอะครับ”

“ฉันต้องเข้าบ้านแน่อยู่แล้ว นี่บ้านหลานฉัน แล้วเธอก็เป็นแค่คนมาอาศัย อย่าทำตัวเหมือนบ้านตัวเอง” 

ซาคาอินั้นใช้ที่อุดหู ได้ยินเสียงพูดคนอื่นแค่เบาๆ แต่เขาอ่านริมฝีปากก็พอเดาได้ การได้ยินบ้าง อ่านปากเอาบ้าง ทำให้ของไม่ขึ้นมาก แม้จะไม่พอใจ แต่ก็ยังพอฉีกยิ้มออก แต่เมื่ออยู่ลับหลังสายตาคนที่สะบัดหน้าใส่เขาและเดินเข้าบ้านไป ชายหนุ่มก็เผลอเม้มปาก 

“ซี...” ฟ้ารดาเอื้อมมือแตะแขนชายหนุ่มที่อ่านปากเธออยู่ “อย่าถือสาคุณป้าเลยนะ”

“ครับ ไม่ถือสาอยู่แล้ว” 

คำพูดนั้นทำให้ฟ้ารดายิ้ม เพราะคิดว่าน้องชายยอมลงให้ หารู้ไม่ว่าอีกฝ่ายมีเป้าหมายอื่น แล้วก็กำลังบอกสิ่งที่เธอลืมไป 

“ผมจะทน ผมต้องชนะ วันนี้จะไม่ออกฤทธิ์ ฟางเตรียมตัวแพ้ได้เลย” 

ก็หวังว่าอย่างนั้น...อดทนไว้ซี...ทนแค่วันนี้วันเดียว 

นั่นคือสิ่งที่ทำให้ใบหน้าคมมีความมุ่งมั่นเต็มที่

“ถ้าซีทำได้พี่ก็ยินดี แต่ถ้าทำไม่ได้ก็ระวังตัวไว้ล่ะ ได้กลายเป็นทาสพี่แน่ๆ” ฟ้ารดาบอกก่อนจะรีบตามเข้าไปในบ้าน ทิ้งซาคาอิไว้กับแจ๋วแหววที่มีอาการจ๋อยเพราะอดได้เงิน 

“เฮ้อ บุญมีแต่วาสนาไม่ถึง...เอ๊ะ?”

เงินห้าพันถูกส่งมาตรงหน้าอีกครั้งด้วยมือของซาคาอิ ส่งแบบไม่ประเจิดประเจ้อ

“ให้พี่แจ๋วเหรอคะ” แจ๋วแหววถามแผ่วเบา รีบมองกลับไปในบ้าน “จริงนะคะ...ให้ฟรีๆ ไม่มีข้อแลกเปลี่ยน”

“ครับ ให้ฟรีๆ ไม่หวังอะไรตอบแทนเลย” ซาคาอิยิ้มใสๆ แสดงความเป็นมิตร “จริงๆ ครับ พี่แจ๋วจะได้ไม่กวนฟางไง ฟางยิ่งจนๆ อยู่ ถ้ามีปัญหาอะไรเรื่องเงินบอกผมได้นะ ผมรวย...รวยมาก”

แจ๋วแหววทำท่าคิด ก่อนจะรีบรับเงินไป ถลกคอเสื้อขึ้นเพื่อเหน็บเงินใส่ในนั้น ทำเอาชายหนุ่มต้องเบือนหน้าหนี พลางส่ายหน้าแล้วยิ้มในความเป็นคนหน้าเงินจนลืมอายของสาวใช้ร่างเตี้ยที่สูงไม่พ้นอกเขาด้วยซ้ำ 

“ขอบคุณค่ะ งั้นพี่แจ๋วเข้าไปก่อนนะคะ เดี๋ยวคุณนายจะ...ด่า หาว่าช้า อู้ แล้วหักเงิน!” 

ซาคาอิเลิกคิ้วเป็นคำตอบ อมยิ้มอยู่อย่างนั้น ก่อนจะปรายตาไปที่รั้วข้างบ้าน เห็นเงาใครบางคนวูบไหวอยู่ เมื่อหันไปดูจึงเห็นว่าเป็นเพ็ญศรี เพื่อนบ้านจอมสอดรู้สอดเห็น และหล่อนน่าจะเป็นต้นเหตุให้แขไขมาอยู่ที่นี่วันนี้ ทั้งที่มันควรเป็นวันที่เขาจะได้อยู่กับฟ้ารดาเพียงลำพัง แต่ก็มาพังลง คงได้เอาคืน...แม้ยังไม่ใช่เวลานี้ เพราะตอนนี้เขาต้องเตรียมตัว เตรียมใจ และเตรียมพลัง รับมือคุณป้ามหาภัยในแบบ...ละมุนละม่อม

“เอาวะ ทนเอาหน่อยซี เพื่อให้ได้พรจากฟางสามข้อ ไว้ค่อยเอาคืนแบบทบต้นทบดอก...ทีหลัง” บอกตัวเองพลางสูดลมหายใจเข้าปอด “ยิ้มไว้ก่อนไอ้เกลอ ต้องยิ้ม...ยิ้มชนะทุกอย่าง...มั้ง”

คิดอย่างนั้นแล้วเตรียมจะเข้าบ้าน แต่โทรศัพท์มีสายเรียกเข้าจึงกดรับสาย เพราะเป็นคู่สายที่เขารออยู่หลังจากที่ก่อนหน้านี้ไปสั่งงานไว้

“ว่าไงนารูโตะจัง...โอเคเลย จัดการได้เลย เอาคุณป้ามหาภัยออกไปจากบ้านเร็วเท่าไหร่ได้ยิ่งดี เพราะผมว่า...อยู่นานไปลางแพ้ผมจะมาเยือน...ครับ ฝากด้วยครับ”

สิ่งที่เขาเข้าไปทำเมื่อครู่ไม่ใช่หาที่อุดหูอย่างที่บอกฟ้ารดา ที่เขาทำคือให้นารูโตะหาทางเอาญาติผู้ใหญ่ของพี่สาวออกไปจากบ้านนี้ให้เร็วที่สุด จะใช้วิธีอะไรก็ได้ บอกไปไม่ได้คาดหวังว่าจะเร็วขนาดนี้ แต่พอได้มาก็ยิ่งทำให้อารมณ์ดี มีพลังจะเข้าไปรับมือคุณป้ามหาภัยมากขึ้น 

“ฟางรู้จักผมน้อยไป งานนี้ผมแพ้ไม่ได้ ไม่ได้โกงนะ ในกติกาไม่ได้ห้ามใช้ตัวช่วยนี่นา” เขาพึมพำ ก่อนจะนึกได้ว่ามีคนแอบซุ่มมองอยู่ไกลๆ จึงหันไปฉีกยิ้มหวานให้พลางกวักมือเรียก “ป้าเพ็ญมาดูใกล้ๆ ได้นะครับ อยู่ตรงนั้นเมื่อยเปล่าๆ...ไม่มาเหรอครับ ถ้าเปลี่ยนใจก็มาได้เสมอนะครับ”


นอกจากดูแก่ขึ้นแล้ว คุณนายแขไขในสายตาของซาคาอิดูไม่ได้ต่างไปจากเมื่อแปดปีก่อนนัก เป็นคนหน้าเงิน งก และเห็นแก่ตัว ตอนเขาเป็นเด็ก ตอนที่ปู่ของเขาหรือก็คือพ่อของพ่ออานนท์ยังมีชีวิตอยู่ ปู่อาศัยอยู่กับป้าแขไข พ่อของเขาจะไปเยี่ยมทีก็ต้องเตรียมเงินไว้ ไม่ใช่เอาไปให้ปู่ แต่เพื่อจ่ายให้ป้าแขไข ค่าเลี้ยงดูก็พอเข้าใจได้ แต่ที่ทำให้เห็นความงกคงเป็นค่าเข้าไปเยี่ยม โดยป้าจะคิดเงินเพิ่มจากค่าเลี้ยงดูรายเดือนซึ่งตัวป้าเป็นคนตั้งและเพิ่มขึ้นทุกปี 

ค่าเข้าเยี่ยมเท่าที่ซาคาอิพอจะจำได้คิดหัวละห้าร้อย เลี้ยงข้าวหนึ่งมื้อ ไปกันสี่คนพ่อแม่ลูกก็ต้องจ่ายสองพัน ถ้าจะพักค้างแรมก็ต้องเพิ่มค่าห้อง ค่าน้ำค่าไฟ รวมแล้วถ้าจะนอนค้างกับปู่หนึ่งคืนก็ต้องเสียไม่ต่ำกว่าห้าพัน ตอนนั้นครอบครัวเขาไม่ได้ร่ำรวย แม่หาเงินได้เยอะก็จริง แต่ต้องเลี้ยงดูคนในครอบครัวสี่คนก็ต้องประหยัด นั่นทำให้พ่อเลือกที่จะไปคนเดียว สองสามเดือนจึงจะไปกันพร้อมหน้าทั้งครอบครัว หรือถ้าเดือนไหนแม่ได้เงินพิเศษก็จะไปนอนค้างกับปู่หนึ่งคืนบ้างสองคืนบ้าง 

‘ป้าแขไขก็เป็นอย่างนี้แหละลูก เขาเคยลำบาก เป็นพี่คนโต ชีวิตลำบากมามาก เลยจะงกเงินหน่อย เข้าใจป้าเขาหน่อยนะลูกนะ’ พ่อมักจะพูดกับเขาและฟ้ารดาอย่างนั้นเสมอ เวลาเจอป้าทำงกใส่ ‘เราเป็นเด็กอย่าไปตัดสินผู้ใหญ่เลยนะลูก’

ทุกครั้งที่พ่อพูดอย่างนี้ฟ้ารดาจะพยักหน้ารับเพื่อให้พ่อสบายใจ เธอจะไม่คิดอะไร ไม่ถือโทษ เป็นลูกสาวพ่อที่เชื่อฟังและเกรงใจผู้ใหญ่เหมือนพ่อ ในขณะที่ซาคาอิมองว่ามันเป็นการเอาเปรียบ รู้สึกว่ามันมากไป แต่ด้วยความเป็นเด็ก ยังเป็นน้องเล็กก็แค่คิด ไม่ได้พูดออกมา เคยเห็นแม่บ่นอย่างหงุดหงิดบ้างว่า งกมากๆ ระวังเงินทับตาย แล้วเขาก็ผ่านไปเห็นเข้า แม่เองก็ตกใจไม่น้อย แต่ก็เลือกที่จะล็อกคอเขาออกมาคุยกันตามประสาแม่ลูก

‘แม่รู้ซีก็คิดเหมือนแม่ แม่รู้ว่ามันไม่ค่อยดีถ้าพ่อกับพี่ฟางมาได้ยินว่าแม่บ่น เราสองคนงานเข้าแน่ เพราะงั้นเรื่องนี้จะเป็นความลับระหว่างเราสองแม่ลูก ใช่ไหมเจ้าซี เราทีมเดียวกันใช่มะ...ให้มันได้อย่างนี้สิ สมกับที่เป็นลูกของแม่’

‘แม่อึดอัดแล้วแม่จะทำเป็นอยากมาบ้านนี้ทำไมล่ะครับ เพราะเกรงใจพ่อนนท์เหรอครับ’

‘ไม่ได้เกรงใจ แต่แม่รู้ว่าพ่อนนท์คิดถึงคุณปู่ ถ้าเป็นไปได้ พ่อคงอยากมาเยี่ยมคุณปู่อาทิตย์ละครั้ง แต่ก็อย่างที่เรารู้ มาบ่อยพวกเราก็จ่ายให้ป้าแขไขไม่ไหว เลยต้องมาเดือนละครั้ง บางเดือนพ่อก็มาแค่กับพี่ฟาง แต่ถ้าเราสองแม่ลูกไม่มาด้วย พ่อเขาก็คงรู้สึกเศร้าละนะ เพราะพวกเรามักทำอะไรด้วยกันเสมอ’

‘อะไรทำให้แม่เอมิรักผู้ชายอย่างพ่อนนท์ครับ พ่อดูไม่เป็นผู้นำ ผมเคยได้ยินเพื่อนแม่เอมิบอกว่า แม่เลือกผิด ถ้าแม่เลือกบอสของแม่ แม่กับผมคงสบายไปแล้ว’ 

‘แล้วซีคิดว่าไง รู้สึกแย่ไหมที่มีพ่อเลี้ยงแบบพ่อนนท์ คิดไหมว่าถ้าแม่เลือกบอส ซีคงได้เป็นคุณหนูบ้านคนรวย หรือถ้าแม่ให้ซีไปอยู่กับพ่อคาโอรุ ชีวิตซีจะสบายกว่านี้มาก พ่อซีรวยมากเลยนะลูกรู้ไหม เขาทำ...’

‘พ่อนนท์คือพ่อผม แม่บอกผมเองว่าห้ามพูดเรื่องนี้ แล้วแม่พูดเองทำไม เดี๋ยวฟางมาได้ยินหรอก ผมดีใจที่แม่เลือกพ่อนนท์ พ่อนนท์เป็นคนดี ดูแลเราสองแม่ลูกดีมาก แล้วการมีพ่อนนท์ก็ทำให้ผมได้เจอฟาง’

‘ตั้งแต่รู้ว่าพี่ฟางไม่ใช่พี่สาว ก็แทบจะไม่ยอมเรียกพี่ฟางเลยนะ เรียกฟางตลอดเลย...คิดไม่ซื่อกับพี่เหรอเราน่ะ’ ตอนนั้นแม่ก็แค่พูดเล่น แต่มันทำให้เขาฉุกคิด ‘อะไร หน้าแดง...เอาจริงดิ! นี่แม่ต้องระวังไหมเนี่ย อยู่บ้านเดียวกัน อย่าไปทำอะไรไม่ดีกับพี่ฟางนะ’

แม่พูดแล้วก็หัวเราะ บ่งบอกว่าไม่ได้จริงจัง แต่เขาก็กลัวว่าแม่จะคิดอย่างนั้นจริงๆ จนต้องถาม ‘แม่กลัวไหมว่าผมจะทำอย่างนั้น แม่ไว้ใจผมไหม’

“ซี...” แม่ลูบหัวเขาพร้อมยิ้มอย่างภูมิใจ “นี่ใคร...นี่เจ้าซี กนธี ลูกชายแม่เอมิ แม่เลี้ยงมากับมือ แม่รู้ว่าลูกชายแม่เป็นคนยังไง แม่ไว้ใจลูกชายแม่ว่าจะไม่ทำให้พี่ฟางเสียหาย”

‘แล้วพ่อนนท์ล่ะ พ่อนนท์กลัวบ้างไหม เพราะพ่อนนท์ก็รู้แล้วว่าผมรู้ว่าตัวเองไม่ใช่น้องชายฟาง’

‘พ่อนนท์ไว้ใจซีมากกว่าแม่อีก แม่เคยถามพ่อนนท์ เพราะแม่ก็ห่วงความรู้สึกของพ่อนนท์ แต่พ่อนนท์บอกว่าเจ้าซีไม่มีทางทำอะไรที่ทำให้พี่ฟางของเขาเสียหายอยู่แล้ว แล้วถ้าเจ้าซีจะรักพี่ฟางมันก็คงช่วยไม่ได้ เพราะพี่ฟางอ่อนหวาน อ่อนโยน น่ารัก น่ารักเหมือนแม่เอมิ...อ่อนโยนเหมือนแม่เอมิ หนุ่มๆ ก็ต้องตกหลุมรักเป็นธรรมดาใช่ไหมหนุ่มน้อย’

‘แม่ ไม่ต้องมาล้อผมเลย ว่าแต่แม่เนี่ยนะอ่อนโยน อ่อนหวาน น่ารักแม่น่ะตรงข้ามกับฟางทุกอย่างเลย แล้วผมก็ดีใจที่ฟางไม่เหมือนแม่ ห้าวซะขนาดนั้น! เหมาะสมแล้วที่จะมาเป็นช้างเท้าหน้าให้พ่อนนท์ ผมไม่ได้พูดเองนะ พ่อนนท์บอกผมเองว่าให้แม่เอมิเป็นช้างเท้าหน้า ตัดสินใจทุกอย่างได้เลย’

‘เพราะงั้นแม่ว่าพี่ฟางก็จะเป็นเหมือนพ่อนนท์ คู่ของพี่ฟางน่าจะเป็นคนที่เป็นช้างเท้าหน้าได้ ดูแลพี่ฟางได้ อย่างเจ้าซีตอนนี้น่ะเป็นไม่ได้แน่ ไม่ใช่แค่เด็กกว่านะ ยังเอาแต่ตามพี่ฟาง อ้อนพี่ฟาง แม่ว่าไม่ไหวละมั้งจ๊ะ ถ้าอยากให้พี่ฟางชอบ ต้องโตกว่านี้ เข้มแข็งกว่านี้ แต่แม่ว่าท่าจะยาก เพราะเจ้าซีของพ่อนนท์กับพี่ฟางทั้งใจดี อ่อนโยน แล้วก็เป็นเด็กดีมากๆ ได้พ่อกับพี่สาวมาเต็มๆ ไม่ได้แม่เลย’

แม่คงคิดแค่จะแหย่เล่น แต่เขาเครียดจริง 

‘แม่ว่าผมเป็นผู้ชายที่ฟางชอบไม่ได้เหรอ’

‘อะไรกันเจ้าซี เครียดทำไมกัน เป็นได้สิ ซีมีพ่อเท่ๆ หมายถึงพ่อจริงๆ...รู้ไหม แม่น่ะปิ๊งพ่อซีเพราะเขาเท่ หล่อ แล้วก็มาดแมนสุดๆ สาวๆ เพียบ เป็นเพลย์บอยตัวพ่อเลยละ แล้วมันเป็นสิ่งที่สืบทอดมาทางสายเลือด เพราะท่านปู่ของลูกก็เป็นแบบนั้น แล้วทำไมลูกของแม่จะเป็นไม่ได้ล่ะ แม่ว่าซีน่ะ เหมือนคนที่แค่เป็นเด็กสุภาพ เรียบร้อย แค่ทำเพื่อให้พี่ฟางกับพ่อนนท์สบายใจ จริงๆ ซีก็มีมุมที่เผลอดื้อ เผลอร้ายให้แม่เห็นนะ’

‘ผมเนี่ยนะ ไม่หรอก...มั้ง แม่คิดอย่างนั้นจริงเหรอครับ’

‘จริงสิ ซีน่ะสนิทกับพ่อนนท์และพี่ฟางมากไป เลยเหมือนซึมซับพฤติกรรมมา แต่จริงๆ ลูกแม่น่ะตัวร้าย แต่แม่ชอบที่ซีเป็นแบบนี้นะ ดีบ้างร้ายบ้างก็ได้ สมกับเป็นลูกชายแม่’

‘อยู่นี่เอง ฟาง น้องกับแม่อยู่ทางนี้ลูก’ อานนท์เข้ามาแทรก บทสนทนาของสองแม่ลูกจึงจบลง ‘กลับกันเถอะ ปู่หลับแล้วละ วันนี้ไม่ต้องค้างหรอก ยังหัวค่ำอยู่ เราไปทานข้าวนอกบ้านกันดีไหม แล้วจากนั้นก็แวะไปดูหนังรอบดึกกันสักรอบ เจ้าซีมีหนังเรื่องที่อยากดูไม่ใช่เหรอ’

‘พ่อนนท์รู้ได้ไงครับ ฟางบอกเหรอครับ’ 

‘ใช่จ้ะ ตกลงตามนี้นะ’ ฟ้ารดาบอกน้องชายอย่างสดใส ก่อนจะหันหน้ามาหาเอมิ ‘เราให้น้องเลือกหนังที่จะดู ส่วนร้านอาหารเราให้แม่เลือกค่ะ’

‘ไม่ต้องห่วงนะเอมิ’ อานนท์บอกเมื่อเห็นสีหน้าคิดหนักของภรรยา ‘คุณเลือกร้านดีๆ แพงๆ ได้เลย วันนี้ผมขายรูปได้ กินได้เต็มที่เลย!’

ในตอนนั้นแม้มีป้าแขไขคอยสร้างเรื่องปวดหัว แต่ซาคาอิก็ไม่เคยเห็นพ่อกับแม่ทะเลาะกันเลย แม้แม่จะบ่นกับเขาเรื่องความเห็นแก่ตัวของป้า แต่ก็ไม่เคยพูดให้พ่ออานนท์ลำบากใจ เขาเคยถามว่าทำไมถึงไม่เตือนพ่อ ไม่พาพ่อออกมาจากการถูกเอาเปรียบ การเอาปู่มาเป็นตัวประกันของแขไข 

‘พ่อเขาโตมากับการอยู่อย่างนั้นมาครึ่งชีวิต มันก็ยากนะที่จะไปเปลี่ยนความไม่กล้า ความเกรงกลัวที่มีมาแต่เด็ก แล้วแม่ก็รู้ว่าพ่อนนท์กำลังพยายามเปลี่ยน อาจจะช้าหน่อยก็เถอะ แต่ถึงให้เปลี่ยนไม่ได้แม่ก็โอเค เพราะแม่รู้ว่าพ่อนนท์ยังมีความสุขที่ได้ดูแลปู่ แม่ทำไม่ได้ที่จะพูดกับพ่อว่า อย่าไปให้ครอบครัวพ่อเอาเปรียบ ซีกล้าบอกพี่ฟางไหมล่ะลูก บอกว่าฟางพอเถอะ ป้าเขาเอาเปรียบฟาง เลิกให้ความเคารพพวกเขา...ไม่ได้ใช่ไหมล่ะ’


ผมพูดได้...และผมจะพูดถ้าป้าแขไขยังไม่เปลี่ยน

วันนั้นซาคาอิไม่ได้ตอบคำถามของแม่ แต่เขามีคำตอบนี้ในใจตั้งแต่วันนั้น เพียงแค่ยังไม่มีโอกาสได้พูด กับญาติที่เห็นแก่ตัวไม่เคยเปลี่ยน ทำไมต้องไปทำดีด้วย ความเคยชินแบบผิดๆ เกรงกลัวแบบไม่ลืมหูลืมตา...มันก็คือโง่ในสายตาพวกเขา 

‘ฟางดีเกินกว่าจะถูกพวกนั้นหาว่าโง่ ผมจะทำให้ฟางตาสว่างเอง!’

ต้องทำให้ได้สักวัน แต่คงไม่ใช่วันนี้ เพราะวันนี้เขาต้องสงบปากสงบคำ ทำตัวเป็นหลานชายพูดน้อย อดทนและทำหูทวนลมเมื่อถูกไล่ออกมาจากห้องรับแขก ต้องมาสิงที่เคาน์เตอร์บาร์ใต้บันได จุดที่จะมองไปเห็นห้องรับแขก ซึ่งเวลานี้คุณนายแขไขนั่งคอตั้งหลังตรงอยู่บนโซฟา โดยมีแจ๋วแหววนั่งติดพื้น คอยโบกพัดในมือให้ ในขณะที่ฟ้ารดานั่งที่โซฟาตรงข้ามฟังสิ่งที่ป้าบ่น ไม่ต้องได้ยินก็เดาได้ว่าคงโดนว่าเรื่องเขา คงกำลังเกลี้ยกล่อม หรือพูดให้ถูกคือบังคับให้ฟ้ารดาไล่เขาออกจากบ้าน 

เป็นเหมือนเมื่อแปดปีก่อน ซาคาอิจำภาพวันนั้นได้ วันที่ฟ้ารดาถูกป้าเรียกไปคุยโดยมีเขานั่งรออยู่หน้าห้อง ป้าพูดอะไรบางอย่างที่ทำให้พี่สาวเขาร้องไห้ เธอเอาแต่ส่ายหน้า แล้ววันนั้นป้าก็ตบหน้าพี่สาวเขา ในวันนั้นเขาจะเข้าไปหา แต่ถูกญาติคนอื่นกระชากตัวออกมาแล้วขังไว้อีกห้อง พอถูกปล่อยออกมา ฟ้ารดาก็ถูกพาตัวไป แยกไปอยู่อีกที่หนึ่ง เริ่มแยกพวกเขาออกจากกันตั้งแต่วันนั้น

“วันนี้ผมอยากชนะ แต่ถ้าป้าตบฟาง...ต่อให้ผมต้องแพ้ ผมก็จะทำให้ป้าไม่กล้าแตะต้องฟางไปจนวันตาย!” นั่นคือสิ่งที่เขาคิดขณะจ้องเข้าไปในห้องรับแขก แล้วเหมือนจะเป็นโชคดีของแขไข ที่สุดท้ายแล้วฟ้ารดาก็เดินออกจากห้อง 

“ฟาง...คุยเสร็จแล้วเหรอครับ สรุปผมต้องขนของออกจากบ้านฟางไหม”

“ทำไมถามอย่างนั้นล่ะ” หญิงสาวถาม ซาคาอิยักไหล่ “พี่คุยกับคุณป้าแล้ว คุณป้าไม่ยอมตอนแรก แต่พี่ก็อธิบายให้เข้าใจ เห็นไหมล่ะ ถ้าเราอธิบายผู้ใหญ่ก็เข้าใจ”

“แต่...ต้องมีแต่ใช่ไหม”

“ก็ไม่ได้มีแต่อะไรมากนักหรอก เรียกว่ามีเรื่องดีๆ มากกว่า” ฟ้ารดายิ้มเขินๆ เมื่ออีกฝ่ายรู้ทัน รีบให้เหตุผล “คุณป้าให้พี่แจ๋วแหววมาอยู่เป็นเพื่อนเราด้วย”

“แค่นั้นจริงๆ เหรอ มีอะไรอีกรึเปล่า...ข้อแลกเปลี่ยนของคุณป้าน่ะ”

“ทำไมไม่บอกไปล่ะว่า ฉันยอมให้เธออยู่บ้านนี้มากสุดแค่หนึ่งอาทิตย์ แต่ถ้าจะไปก่อนก็จะดีมากๆ” 

เป็นแขไขที่ตอบคำถามของซาคาอิ หล่อนเดินออกมาจากห้องรับแขก พร้อมกับที่แจ๋วแหววหิ้วกระเป๋าติดตัวคุณนายเดินตามออกมา บ่งบอกว่าน่าจะกลับแล้ว 

“ไหนล่ะเงินฉัน เพิ่มอีกพันนึงนะ เพราะฉันต้องกลับแท็กซี่ พอดีมีลูกค้านัดด่วนจะมาเจรจาเรื่องซื้อโรงงาน ดูเหมือนลูกค้าจะสนใจมาก...แกยิ้มอะไร”

ซาคาอิรู้ว่าลูกค้าที่ว่าเป็นใครจึงเผยอยิ้ม “เปล่าครับ ผมแค่ดีใจ...ไม่ใช่ดีใจที่ป้าแขไขจะกลับเร็วนะครับ แค่ดีใจที่คุณป้าจะขายโรงงานเส็งเคร็งของคุณป้าได้เสียที...อ้าว ไม่ใช่เหรอครับ แล้วทำไมอยากขายล่ะครับ”  

“ฉันแก่แล้วละ คนที่มาซื้อเขาฉลาด แกไม่รู้อะไรอย่ามาพูดดีกว่า” 

“คร้าบ ขอให้ขายได้นะครับ” ซาคาอิยิ้มหวาน “แต่ถ้าเขาไม่ซื้อก็ไม่ต้องเสียใจนะครับ ไว้ผมซื้อให้”

“อย่างแกน่ะเหรอจะมีปัญญามาซื้อโรงงานราคาเกือบร้อยล้าน!” 

ซาคาอิคงได้พูดสวนออกไป ถ้าไม่อยู่ในช่วงต้องอดทน ประจวบกับคุณนายแขไขสะบัดหน้าหนี 

“ป้ากลับละยายฟาง ไปนังแจ๋ว เรียกแท็กซี่ให้ฉันแล้วใช่ไหม”

“ค่ะ คุณนาย เรียกผ่านแอปพลิเคชัน แพงหน่อยแต่ปลอดภัยอย่างที่คุณนายบอก”

“นี่ค่ะ สามพันกว่าบาท” ฟ้ารดาหยิบเงินออกมาเกลี้ยงกระเป๋า มีธนบัตรใบละพัน ห้าร้อย หนึ่งร้อย และยี่สิบ ดูก็รู้ว่าคงค้นออกมาแทบหมดตัว “ฟางไม่ได้กดเงินมาค่ะ ที่เหลือบวกค่าหักรายเดือน ฟางจะโอนให้พร้อมกันหลังเงินเดือนออกนะคะ”

หยิบเงินได้คุณนายก็สะบัดหน้าออกไป ดูไม่ค่อยพอใจเมื่อเงินได้ไม่มากพอกับที่คิดไว้ แต่ดูท่าเรื่องติดต่อซื้อโรงงานคงเป็นข่าวดีมากพอที่จะทำให้คุณป้าขี้งกยอมลงให้ 

“เดี๋ยวไปส่งคุณป้าด้วยกันนะซี ทนอีกนิดนะ แล้วพี่จะให้พรสามข้ออย่างที่ตกลงไว้ไง อยากชนะไม่ใช่เหรอจ๊ะ”

“มันก็แหงอยู่แล้ว ผมชนะใส ๆ”

“แต่อย่าเพิ่งดีใจไป วันนี้ยังไม่จบ คุณป้ายังไม่ได้กลับ อย่าหลุดตอนท้ายละกัน ไม่งั้นละก็...” 


“หวังว่ามาคราวหน้าฉันจะไม่ได้เจอหน้ากะ...” 

คำว่า ‘แก’ จะหลุดจากปาก แต่ดูคนพูดจะยั้งไว้ได้ทันเหมือนยังมีความเกรงใจอยู่บ้าง ความเกรงใจที่ไม่ใช่ให้แก่ ‘แก’ ที่จะเรียก แต่เป็นความเกรงใจที่มีต่อหลานสาว แม้จะดูน้อยนิดแต่ก็ยังมีให้พอเห็น เพราะสุดท้ายแล้วสำหรับแขไข ฟ้ารดาก็ดูจะเป็นคนเดียวที่เชื่อฟัง อาจมีแข็งข้อ มีปากมีเสียงบ้าง ก็แค่เฉพาะบางเรื่อง ซึ่งก็พอรับได้ เพราะส่วนใหญ่จะยอมฟัง ยอมให้เอาเปรียบโดยไม่ทำให้ป้าขุ่นข้องใจ นั่นคือสิ่งที่หญิงสาวเหมือนพ่ออย่างอานนท์ จึงเป็นเหตุผลให้แขไขมีความเมตตาต่อหลานสาวอยู่บ้าง อย่างน้อยก็อยากให้ได้สามีดีๆ รวยๆ ชีวิตจะได้สบาย เพราะนั่นหมายความว่าแกก็จะสบายด้วย 

“ถึงเธอสองคนจะบอกว่าเป็นพี่น้อง แต่ยังไงก็ไม่ใช่ คนอื่นเขาจะมองกันยังไง ผู้ชายน่ะไม่เท่าไหร่หรอก มีแต่ได้ แต่ตัวผู้หญิงน่ะสิ จะมีใครยังมองว่าดี ที่ให้ผู้ชายอื่นมานอนใต้หลังคาเดียวกัน” 

เป็นอีกครั้งที่ซาคาอิใส่ที่อุดหู คราวนี้ชายหนุ่มไม่อยากอ่านปากคุณป้ามหาภัยเพราะกลัวของขึ้น จึงเบือนหน้าหนี ทำให้คุณนายแขไขเห็นสิ่งที่ไอ้เด็กอวดดีคนนี้ทำ ถึงกับกัดฟันกรอด พึมพำอย่างขัดใจ 

“ต่ำ ไร้มารยาท ดูเอาละกันยายฟาง นี่น่ะเหรอคนที่เธอบอกว่าเหมือนตานนท์เพราะพ่อเลี้ยงมา เจ้าเด็กนี่มันไม่เหมือนตานนท์สักนิด น้องชายป้าไม่มีทางทำนิสัยหรือแสดงพฤติกรรมต่ำๆ ไร้มารยาทแบบนี้หรอก อย่าบอกนะว่าเธอเองก็เห็นดีด้วยที่ให้มันทำแบบนี้ เอาของยัดใส่หูประชดป้า”

“ปละ...เปล่าค่ะ” หญิงสาวปฏิเสธ เธอไม่ได้เห็นด้วย ก่อนหน้านี้ก็เห็นเอาออกไปแล้ว ไม่คิดว่าจะใส่กลับมาอีก “ซี...เอาออกเถอะ พี่ขอละ” 

ซาคาอิหันมาสนใจแขไขอีกครั้งเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเล่นงานฟ้ารดา ชายหนุ่มรู้ว่าคงพูดเรื่องที่อุดหูจึงดึงออก เก็บใส่กระเป๋ากางเกง แล้วทำเป็นถอนหายใจแรงๆ ใส่ 

“จะบ่นอะไรก็ว่ามาครับ ผมจะฟัง เผื่อว่าจะเป็นคนสูงบ้างในสายตา...คุณนายแขไข” เขายังคงพูดน้ำเสียงราบเรียบ ใบหน้ามีรอยยิ้ม แต่คำว่าคุณนายแขไขนั้นก็บอกบางอย่างกับฟ้ารดาและเจ้าของชื่อเอง 

“อะไรฟาง ก็คุณนายแขไขไม่นับผมเป็นหลาน ไม่ใช่ลูกพ่อนนท์ ไม่ใช่พี่น้องกับฟาง ผมก็ตามใจแล้วไง จะมากระตุกแขนทำไมเนี่ย...ใช่ไหมครับคุณนายแขไข” 

ที่แขไขใช้คำว่า ‘คุณนาย’ นำหน้า เพราะสามีเคยเป็นถึงปลัดอำเภอ แต่เสียชีวิตไปตั้งแต่รับตำแหน่งได้ไม่ถึงห้าปี ส่งผลให้แขไขกลายเป็นหญิงม่ายที่ต้องเป็นเสาหลักให้ครอบครัว ความที่เป็นคนงกเงิน ทำให้แขไขมัธยัสถ์จนเบียดเบียนคนรอบตัว โดยเฉพาะอานนท์ซึ่งเป็นคนหัวอ่อนและรักพ่อมาก แขไขรู้ว่าถ้ามีพ่ออยู่ในมือ อานนท์ก็ต้องยอมจ่าย อ้างค่าเลี้ยงดู อ้างค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่ต้องเสีย กับน้องคนอื่นพวกเขาก็แค่ห่างพ่อไป แต่ที่จะห่างไม่ได้คือค่าเลี้ยงดูที่ตกลงกันไว้ แขไขเก็บทุกเม็ด จ่ายช้ามีคิดดอก พอสิ้นพ่อไปทางทำมาหากินก็หด แต่หล่อนก็กอบโกยจากมรดกส่วนของพ่อได้ไปไม่น้อย รวมถึงเบียดเบียนส่วนของอานนท์ไปก็เยอะ 

ทว่าของอย่างนี้ เบียดเบียนคนอื่นมา มีเท่าไรก็ต้องชดใช้เท่านั้น แขไขก็หนีไม่พ้น หล่อนมีลูกสองคน แต่ละคนมีนิสัยไม่ผิดแม่ นั่นคือเห็นแก่ตัว เห็นแก่ได้ เอาเปรียบคนอื่นได้ทุกทางถ้ามีโอกาส แม้แต่กับแม่ของตัวเอง เพราะสำหรับแขไข แม้จะเห็นแก่ตัวกับคนอื่น แต่หล่อนก็ยอมทุ่มทุกอย่างเพื่อลูก ฟังแม้แต่เรื่องที่ลูกหลอก เงินที่สะสมมาส่วนใหญ่หมดไปกับลูกๆ ที่ต่างปากหวานกับแม่ ทำให้แม่เชื่อ จนตอนนี้แม่แทบไม่เหลืออะไร มีบ้านและมีโรงงานเก่าที่หาทางขายเพื่อเอาไปให้ลูกชายคนเล็ก แต่ในสภาพเศรษฐกิจอย่างนี้จะขายอะไรก็ใช่จะง่าย พอได้รับการติดต่อมาเลยดีใจ ซึ่งเรื่องเหล่านี้ซาคาอิก็ได้ข้อมูลมาทั้งหมด เขาจะเล่นงานคุณป้ามหาภัยเมื่อไหร่ก็ได้ มีช่องทางให้จัดการมากมาย ขอแค่คิดจะทำ และมันกำลังจะเริ่มขึ้น 

“อา...รถมาแล้ว ว้าว...คันใหญ่โตสมฐานะคุณนายจริงๆ” ซาคาอิโบกมือขึ้นให้สัญญาณรถแวนคันใหญ่ที่เคลื่อนเข้ามาจอด “จริงๆ แล้วผมขับรถไปส่งคุณนายได้นะครับ ผมขับรถดีนะ รถผมเร็ว รับรองว่าไปส่งคุณนายทันนัดสำคัญแน่ๆ คันธรสกรุ๊ปอยู่ไม่ไกลจากที่นี่ แต่อยู่ในเขตเมืองด้วย น่าจะรถติด”

ฟ้ารดาฉุกใจกับคำพูดที่ซาคาอิหลุด เจ้าตัวเหมือนจะนึกได้รีบหลบตา พยายามไม่ให้มีพิรุธ โชคดีที่คุณนายแขไขเป็นฝ่ายสับสนเอง เริ่มจำไม่ได้ว่าตอนเล่าเรื่องนี้ซาคาอิอยู่ด้วยหรือไม่ 

“ฉันบอกไปเหรอว่านัดกับคุณซัน เจ้าของคันธรสกรุ๊ป” แขไขย้อนถาม ซาคาอิได้โอกาสพยักหน้า “ก็ต้องบอกสินะ ถ้าไม่บอกแกจะรู้ได้ยังไง ไม่คิดว่าคนไปโตเมืองอื่นจะรู้เรื่องคันธรสกรุ๊ปด้วย แต่ก็ไม่แปลก เขาเป็นบริษัทใหญ่โต ทำธุรกิจหลายอย่าง แล้วเขาก็สนใจจะซื้อโรงงานฉัน ไม่แน่ว่าอาจจะเจรจาร่วมทุน ถึงตอนนั้นแกอย่ามาอิจฉาฉันละกัน”

“คร้าบ ก็คงได้แต่อิจฉา ผมไม่มีปัญญาไปรู้จักคนอย่างคุณซัน เจ้าของคันธรสกรุ๊ปหรอก เชิญครับ” 

ในรอยยิ้มมีความยิ้มหยันให้แขไขสัมผัสได้ แล้วหล่อนก็ไม่ชอบใจ ยิ่งกิริยายกมือไหว้แบบยกข้ามหัวนั้นยิ่งชวนให้หงุดหงิด 

“ขอให้คุณนายแขไขโชคดีนะครับ”

แขไขเบะปากใส่ซาคาอิที่ยังยิ้มหวานให้ ก่อนจะสะบัดหน้าหนีไปทางหลานสาว “อย่าทำให้ป้าผิดหวังนะยายฟาง ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น ต่อไปนี้ป้าจะไม่ปล่อยให้ฟางตัดสินใจเองอีกแล้ว จำไว้”

ฟ้ารดารู้สึกว่าพูดไปก็เท่านั้น จึงได้แต่ก้มหน้า ทำให้แขไขหันไปหาแจ๋วแหวว รับกระเป๋าที่เธอส่งให้ 

“ทำงานให้ดีนะ ถ้าทำไม่ดี ฉันจะฟ้องคุณพลว่าแกทำงานแย่ แกได้รู้แน่ว่าผลจะเป็นยังไง”

ขู่สองสาวเสร็จก็หันมาหาซาคาอิที่ยังคงเปิดประตูรถให้ 

“ฝากบอกคุณพลด้วยนะครับ” ชายหนุ่มพูดสวนขึ้น “บอกว่าผมอยากได้บ้านผมคืน บ้านที่คุณนายรับปากก่อนผมจะไปญี่ปุ่นว่าจะรักษาไว้ให้ฟาง แล้วกลายเป็นว่ามันไปอยู่ในมือคนอื่น บ้านหลังนั้นน่ะครับ ไม่ได้เอาคืนเปล่าๆ หรอกนะ เสนอราคามาได้เลย ผมจะซื้อคืน”

“ทำไม แกจะว่าฉันไม่รักษาสัญญางั้นเหรอ” คุณนายแขไขเอ่ยน้ำเสียงเย้ยหยัน ก่อนจะเบือนหน้ามาหาฟ้ารดา “ไม่บอกไปล่ะว่าเสียบ้านนั้นไปยังไงยายฟาง จะมาปิดให้น้องเธอ...ไม่ใช่น้องสิ ให้ไอ้เด็กนี่มันมาว่าป้าเสียๆ หายๆ ทำไมกัน”

“ผมรู้ว่าฟางยอมคุณนายเพราะอยากเรียนต่อ” ซาคาอิบอกก่อนที่ฟ้ารดาจะทันได้อ้าปากพูด ชายหนุ่มไม่มองหน้าเธอด้วยซ้ำ ดวงตาเขายังอยู่ที่แขไข และเขาก็พยายามจะยิ้มและคุมโทนเสียงอย่างเต็มที่ “ฟางทำดีครับ ไม่งั้นฟางก็คงลืมตาอ้าปากไม่ได้เลย ไม่มีความรู้ หางานทำไม่ได้ ก็คงเป็นเหมือนพี่แจ๋ว เอาเป็นว่าผมจะซื้อบ้านคืน เสนอมาได้เลย”

“อย่ามาอวดรวยแถวนี้ ฉันไม่ขาย” คุณนายแขไขพูดสวนไป ก่อนจะนึกได้เมื่อเห็นรอยยิ้มหยันของซาคาอิ เหมือนว่าเขาอ่านหล่อนได้ทะลุและมีความคิดบางอย่างในหัวจึงพูดเรื่องนี้ออกมา “แม่คุณพลเขาไม่ขายให้แกหรอก คุณพลจะเก็บไว้ให้เป็นเรือนหอยายฟาง บ้านอาจจะเล็กไปหน่อย แต่เขาก็จะซื้อบ้านสองหลังข้างๆ เพื่อปรับปรุงให้ใหญ่โตเป็นคฤหาสน์ไว้อยู่กับยายฟาง สร้างครอบครัวด้วยกัน”

ฟ้ารดากลัวใจซาคาอิเมื่อเขานิ่งไป แต่เขายังคงวางสายตาไว้ที่แขไขซึ่งเชิดหน้าใส่อย่างต้องการท้าทาย เมื่อไม่เห็นการโต้ตอบใดๆ คุณนายแขไขก็หันมาหาเธอ เปลี่ยนน้ำเสียงที่พูดเป็นเสียงอ่อนเสียงหวานทันที

“ใช่ไหมยายฟาง คุณพลบอกหนูใช่ไหมลูก แล้วหนูก็บอกว่ายังไม่พร้อม อยากให้ลองศึกษาดูกันไปก่อน ขอทำงานที่รักไปสักสองสามปี แล้วคุณพลเขาก็ยินดีรอ เพราะหลานของป้ามีค่าพอให้ผู้ชายดีๆ เฝ้ารอ นี่แหละผู้หญิงที่ฉันเลี้ยงอบรมมากับมือ ยายฟางไม่เคยทำให้ป้าผิดหวัง...ในทุกเรื่อง หนูจะฟังป้าใช่ไหมลูก...ใช่ไหม” 

“ค่ะ” ฟ้ารดาต้องบอกอย่างนั้น เพราะถ้าไม่พูดก็จะไม่จบเสียที 

ถึงตอนนี้แขไขจึงก้าวขึ้นรถไป แจ๋วแหววมาช่วยปิดประตูรถ เมื่อรถเคลื่อนออกไปจนลับตา ฟ้ารดาและแจ๋วแหววจึงได้หันมาหาซาคาอิที่ยืนนิ่งไม่ไหวติง สายตาเขายังมองจ้องไปข้างหน้าตรงจุดที่รถเคยจอดอยู่ มือทั้งสองที่ทิ้งไว้ข้างตัวกำแน่น ใบหน้าคมบึ้งตึง ขบกรามแน่น แววตากร้าวกระด้าง 

“ซี...” 

สายตาของคนที่ถูกเรียกเหลือบมองตามเสียง 

กัดปากจนเลือดไหล นั่นคือสิ่งที่สองสาวเห็นตรงกัน 

“ซี?” ฟ้ารดาเข้าไปดู เอื้อมมือไปจะแตะริมฝีปากน้อง แต่ข้อมือเธอก็ถูกรวบ 

“ผมชนะแล้วใช่ไหม”

“มันใช่เวลามาพูดเรื่องนี้ไหม...โอเค ชนะก็ชนะ แต่ทำไมกัดปากตัวเองแบบนั้น ดูสิเลือดไหลเลย” 

“ถ้าไม่กัด คนที่เลือดไหลอาจจะเป็นคุณป้าฟางก็ได้นะ พูดได้น่าจับไปทิ้งทะเลจริงๆ” เห็นชัดว่าน้ำเสียงมีความโมโห “ตามผมมานี่เลย ได้เวลาที่ผมจะคิดบัญชีกับฟางแล้ว”

“คิดบัญชี? บัญชีอะไร...ซีจะลากพี่ไปไหน พี่เดินเองได้” 

แจ๋วแหววมองภาพผู้ชายตัวสูงกำลังลากหญิงสาวร่างบางที่แทบจะปลิวตามแรงฉุดเข้าไปในบ้าน มันเป็นภาพของการบังคับ แต่กลับไม่เห็นความรุนแรง คนหนึ่งพยายามขืนตัวไว้ แต่อีกคนก็หันมาดุ 

“ฟางเสนอให้ผมเองนะ กฎบ้านเรามีว่าไง รับปากแล้วต้องทำ...โดยเฉพาะกับคนในครอบครัว” 

“มันก็ใช่ แต่ซีอย่าทำเหมือนมันจะเป็นเรื่องใหญ่โตสิ จะเอาอะไร จะให้พี่ทำอะไร พูดตรงนี้ก็ได้ อยากกินอะไร น้ำแดงโซดามะนาวอีกเหรอ หรือว่าอยากให้พี่ซื้อเสื้อให้ หรือว่า...”

คนโดนถามรวบสองมือพี่สาวดึงเข้าหาตัว “คิดว่ามันจะง่ายขนาดนั้นเหรอฟาง ผมไม่ใช่เด็กสิบขวบที่จะขอฟางแค่นั้นแล้วนะ” 

คราวนี้เหมือนจะมีคนบางคนรู้ตัวว่าพลาด “แต่มันต้องเป็นเรื่องที่พี่ทำได้...บนพื้นฐานความจริงนะ”

“ใช่ ฟางทำได้ ทำอย่างสบายๆ ด้วย ทำไม่ยาก เซ็นกริ๊กเดียวก็จบ”

“อะไร เซ็นกริ๊กเดียวก็จบ” หญิงสาวย้อนถาม แต่อีกฝ่ายยังคงส่งยิ้มที่ชวนให้หวั่นใจ จึงต้องรีบหาทางออกที่เธอสงสัย 

“ก็ได้ พี่จะทำตาม แต่ตอบคำถามพี่มาก่อน เมื่อกี้ซีพูดถึงคันธรสกรุ๊ป พี่จำได้ว่าคุณป้าไม่ได้พูดต่อหน้าซี แล้วซีพูดชื่อนี้ออกมาได้ยังไง อย่าบอกนะว่าซีอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้!” 

ทำเสียงขู่ฟ่อแต่ดูเหมือนลูกแมวน้อยขู่สิงโตตัวใหญ่ ในสายตาแจ๋วแหวว ดูเหมือนคราวนี้คดีอาจพลิก ถ้าคนที่ยิ้มแห้งๆ ให้หญิงสาว...หาทางแก้กลับไม่ทัน!


“ตอบมาเลยนะ พี่ว่าคุณป้าไม่ได้พูดตอนออกมาจากห้อง” 

ฟ้ารดาค่อนข้างมั่นใจ ยังคงคาดคั้นเอาความจากคนตัวสูงที่ยังไม่ยอมปล่อยข้อมือเธอทั้งสองข้าง อาการอึ้งนั้นบ่งบอกว่าเรื่องที่เธอสงสัยต้องมีมูล ก่อนหน้านี้เธอไม่สงสัยเรื่องพวกนี้ เพราะไม่คิดว่าน้องชายจะทำเรื่องอย่างนี้ได้ แต่พอได้ไปเจอคนรู้จักของน้องชาย ได้เห็นว่าพวกเขาน่าจะมีศักยภาพที่ทำอะไรอย่างนี้ได้ก็เริ่มระแวง 

“ว่าไง ซีอยู่เบื้องหลังใช่ไหม สารภาพกับพี่มาเลยนะ หลอกคุณป้าไปเพื่อโกงพี่ใช่ไหม”

“ฟางจะมาสงสัยอะไรเนี่ย ตัวคุณป้าเองก็ยอมรับ ไม่เชื่อถามพี่แจ๋วสิ พี่แจ๋วก็ได้ยินใช่ไหมครับ” 

คนถูกอ้างถึงอ้าปากจะปฏิเสธ แต่เมื่อเห็นสายตาคนหาพวกที่มองตาแล้วมองต่ำไปยังจุดที่เธอซ่อนเงินก็เริ่มไม่แน่ใจว่า ถ้าตอบไปตรงๆ จะโดนริบเงินคืนไหม ไหนบอกว่าให้ฟรีๆ ไม่มีข้อแม้ แต่จะว่าไปของฟรีไม่มีในโลก 

“ใช่ไหมครับพี่แจ๋ว”

“ค่ะ พูดค่ะ คุณนายพูด ตอนนั้นคุณฟางคงหูอื้อ โดนไปเกือบสี่พันไม่ใช่เหรอคะ เป็นพี่แจ๋วก็หูอื้อได้ค่ะ” 

ถ้าไม่ติดว่าต้อง ‘คีปลุค’ นิ่งให้ดูน่าเชื่อถือ ซาคาอิคงขำสีหน้าฟ้ารดามากกว่านี้ แค่นี้ก็เผลอเผยยิ้มกว้างจนโดนหญิงสาวค้อนให้แล้ว 

“น่าสงสารนะคะ ทำไมถึงได้ยอมคุณนายนักล่ะคะ ถ้าคุณไม่ให้ คุณนายก็ทำอะไรคุณไม่ได้หรอกค่ะ แกก็ได้แค่ขู่นั่นแหละ” 

“นั่นน่ะสิฟาง ทำไมฟางต้องยอมคุณป้าขนาดนั้น ฟางก็ใช่ว่าจะมีเงินมากมาย” 

“พี่ก็พอมีบ้างซี พี่พอมีเงินเก็บบ้าง ไม่เป็นไรหรอก แล้วพี่ก็สงสารคุณป้า ตอนนี้แกต้องใช้เงิน” 

“ให้ลูกๆ เหมือนเดิมสินะ ถ้าผมจำไม่ผิด พวกเขาโตกว่าพวกเรา ยังต้องขอเงินแม่ใช้อีกเหรอ โตแต่ตัว โตซะเปล่า” 

“ทำไมพูดว่าคนอื่น ซีล่ะ หาเงินได้แล้วเหรอ ทำงานอะไร”

“เห็นอย่างนี้ผมก็มีตำแหน่งมีงานนะ” เขาทำเหมือนพูดเล่น แต่ฟ้ารดารู้สึกว่าน้องชายพูดความจริง “มานี่ผมก็มาทำงาน เห็นอย่างนี้ผมมีตำแหน่งเป็นท่านรองนะ...รองแค่พ่อผม บอกแล้วว่าผมรวย เลี้ยงฟางได้ เพราะงั้นต่อไปนี้ฟางไม่ต้องทำงาน อยู่บ้านสบายๆ ให้ผมดูแลนะ”

“อย่ามาทำเป็นเบี่ยงประเด็น ตอบพี่มาซะดีๆ ว่าซีอยู่เบื้องหลังที่คุณป้ารีบออกไปเมื่อกี้ใช่ไหม ซีให้พวกคันธรสกรุ๊ปติดต่อคุณป้ามาใช่ไหม...ไม่ตอบใช่ไหม ได้ พี่โทรศัพท์ไปถามพี่รักยมดูก็ได้” 

“ถ้าผมทำ ฟางจะทำไม...ในกติกาไม่ได้บอกนี่ว่าผมห้ามใช้ตัวช่วย ฟางแค่บอกว่าถ้าผมไม่ออกฤทธิ์ใส่คุณป้า จะให้ผมขออะไรก็ได้จากฟางสามข้อ ซึ่งผมก็ทำสำเร็จ แลกกับการกัดปากตัวเองแตก” 

ไม่ได้เจ้าเล่ห์อย่างนี้ น้องชายเธอไม่ใช่คนฉวยโอกาสแบบนี้ จึงไม่ทันได้คิด

ผู้ชายคนนี้คือซาคาอิ...ผู้ชายที่รวบมือเธอดึงเข้าหาตัว...ไม่ใช่เจ้าซีของเธอ

“แล้วไม่ต้องห่วงหรอก ถึงฟางแพ้ผม ยังไงผมก็เป็นทาสฟางอยู่แล้ว”

หลังจบคำพูด เอวของฟ้ารดาก็ถูกล็อกด้วยสองแขนผู้ชายที่ตัวใหญ่และสูงกว่าเธอมาก แปดปีก่อนน้องชายเธอเคยกอดอย่างนี้ แต่ตัวเขาไม่ได้ต่างจากเธอมาก ต่อให้แรงมีมากกว่า แต่เธอไม่ต้องเงยหน้าขึ้นอย่างตอนนี้ และมันไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกว่าต้องรีบดิ้นหนี ใช้สองแขนดันไม่ให้ตัวเธอแนบชิดอีกฝ่าย ซึ่งดูจะสนุกที่สู้แรงฝืนเธออยู่ 

“ผมน่ะเป็นทาสฟางไปตลอดชีวิตเลยคร้าบ เจ้าซีเป็นทาสของฟางนะ เป็นทาสฟางคนเดียว”

บรรยากาศยามค่ำ แสงไฟเริ่มส่องสว่าง ตรงริมทางเดินเข้าบ้าน ฟ้ารดากำลังตกที่นั่งลำบากเมื่อเธอถูกซาคาอิกอด แถมยังเหมือนจะยกตัวเธอขึ้นเล็กน้อย ทำเอาขาแทบไม่แตะพื้น หมดทางดิ้นหนี ภาพที่ชวนให้คนอื่นอย่างแจ๋วแหววเหมือนกลายเป็นอากาศธาตุ นั่นอาจรวมถึงคนที่แอบซุ่มดูอยู่ที่รั้วข้างบ้านอย่างเพ็ญศรี แต่เพราะพลบค่ำ ลูกและสามีกลับมาแล้วจึงมีคนอื่นเข้ามาขัด ทำให้เจ้าหล่อนต้องรีบเข้าบ้าน 

‘นอกจากส่งแกมาอยู่บ้านนี้แล้ว ฉันยังมีคุณน้องเพ็ญศรีเป็นสาย ถ้าแกเห็นแก่เงินไอ้เด็กนั่น แล้วไม่รายงานทุกอย่างให้ฉันรู้ แกล้งทำเป็นเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ แกตาย! แกต้องไม่ลืมนะว่ายายหนูฟางของฉันเป็นคู่หมายของคุณพล เจ้านายแก คนที่มีบุญคุณกับครอบครัวแก อย่าทำให้คุณพลผิดหวัง!’

แจ๋วแหววโล่งใจเมื่อเห็นเพ็ญศรีถูกลูกๆ ลากไปก่อนจะได้เห็นภาพที่ทำให้เธอต้องปิดตาอย่างรู้สึกเขินแทนเมื่อใบหน้าของทั้งสองคนแทบจะชนกันอยู่แล้ว แต่ความอยากรู้ทำให้ถ่างนิ้วดู จึงทันเห็นภาพชวนขัน เมื่อฟ้ารดาแก้เผ็ดเจ้าดื้อโดยการดึงหูทั้งสองข้างของอีกฝ่าย ทำเอาคนตีหน้ายียวนโวยวายเสียงดัง 

“ฟางทำอะไร! โอ๊ยยย ผมเจ็บนะ หยุดเลย ไม่หยุดใช่ไหม...ได้!”  

‘ได้’ ที่ว่านั้นทำเอาแจ๋วแหววยกมือปิดปาก เป็นจังหวะเดียวกับที่ฟ้ารดาถูกแบกขึ้นไหล่จนตัวปลิว ทำเอาเธอตกใจ แต่ก็ยั้งปากได้ทันก่อนจะกรีดร้องลั่น แล้วไม่ทันได้ตั้งตัวก็ถูกพาหายเข้าไปในบ้าน โดยมีสายตาของแจ๋วแหววมองตามอย่างตกใจ

“พี่น้องกัน...เล่นกันแบบนี้ได้ด้วยเหรอ พี่น้องกันแน่เหรอ ทำไมบรรยากาศมันเหมือนคู่รัก” สาวใช้ผิวเข้มไม่เคยเชื่อเรื่องนี้ เรื่องที่แขไขบอกว่าซาคาอิเป็นคนโรคจิตแอบรักพี่สาวตัวเองตั้งแต่ยังไม่รู้ว่าไม่ใช่พี่สาว นั่นคือเหตุผลที่แขไขไม่อยากให้ชายหนุ่มมายุ่งกับหญิงสาว “ถ้าจริง...ก็แย่แล้วคุณฟาง ต้องรีบเข้าไปช่วย” 

มือปิดปากอย่างตกใจ รีบตามเข้าไปในบ้านที่มีเสียงประท้วงของฟ้ารดาลอดออกมาเป็นระยะๆ แล้วดูเหมือนจะดังมาจากชั้นสองของบ้าน เธอรีบตามขึ้นไปทันเห็นหลังคนทั้งคู่ที่หายเข้าไปในห้องนอน...ที่น่าจะเป็นของฝ่ายหญิง

“ซี ปล่อยพี่ลงได้แล้ว เล่นอะไรเนี่ย แล้วไม่ต้องเข้ามาในห้องพี่เลยนะ ใครอนุญาต”

“ผมอนุญาตตัวเองได้ แล้วฟางก็เลิกดิ้นได้แล้ว ถ้าไม่เลิกผมจะโยนลงเตียงแล้วขึ้นคร่อมไว้เลยนะ ไม่เชื่อใช่ไหม ได้...เดี๋ยวจัดให้”  

หลังเสียงนั้นก็มีเสียงตุ้บดังออกมาพร้อมกับเสียงร้องอย่างตกใจของฟ้ารดา เสียงที่แทบจะทำให้แจ๋วแหววอยากแหวกประตูเปิด แต่ติดที่มันล็อกจากด้านใน 

ทำไมต้องล็อก! แสดงว่าคนล็อกไม่อยากให้เข้าไปขัด

“ซี! เลิกเล่นได้แล้ว แล้วลงไปจากตัวพี่ได้แล้ว นี่ไม่ใช่เด็กแล้วนะ จะมาเล่นแบบนี้”

เสียงกลั้วหัวเราะนั้นบ่งบอกว่าคำขู่ฟ่อนั้นไม่ได้ผล 

แล้วนั่นยิ่งทำให้แจ๋วแหววหัวใจจะวาย...เธอต้องทำอะไรสักอย่าง

ทำอะไรก่อนที่จะเกิดอะไรขึ้นกับคนในห้อง...แต่จะทำอย่างไร

“ฟาง...อย่าดิ้นสิครับ ผมไม่ทำอะไรหรอกน่า แค่ฟังกันหน่อย” 

คราวนี้ท่าจะมาบทอ้อน น้ำเสียงพูดชวนให้แจ๋วแหววลืมคำขู่ของคุณนายแขไขไป และอยากรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังคำพูดออเซาะนั้น 

“ฟางฟังเจ้าซีพูดหน่อยนะ ฟังสิ่งที่เจ้าซีจะทำ สัญญาว่าถ้าฟางไม่เห็นด้วยก็แย้งได้ เจ้าซีจะรับฟัง...ฟังคำขอทุกอย่างของฟางเลย เพราะอย่างที่เจ้าซีบอกไง เจ้าซีคนนี้เป็นทาสของฟางนะ...นะครับ” 

อ้อนขนาดนี้ กล้าปฏิเสธก็ไม่ใช่คนแล้วละ

แล้วถ้าไปขัดจังหวะอาจซวย...โดนริบเงิน ไม่ดีแน่!

งั้นก็ต้องรอดูสถานการณ์ไปก่อน ถ้าคุณฟางร้องให้ช่วยค่อยว่ากัน! 

คนเฝ้าหน้าประตูคิดพลางเงี่ยหูฟังต่อ...อย่างลุ้นสุดตัว

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น