ตอนที่ 2

ตอนที่ 2

เผด็จศึก

เมื่อรู้ว่าเกมนี้คู่แข่งคืออดีตดาวโรงเรียนที่เคยทำให้ขายหน้า ศึกนี้ฉันจึงไม่มีวันยอม คิดได้ก็รีบหันไปสั่งบริกรให้หาเครื่องดื่มแรงๆ มากระตุ้นความกล้า ก่อนจะขอตัวเข้าห้องน้ำเพื่อเติมเครื่องสำอางเรียกความมั่นใจ

ฉันใช้เวลาไม่นาน ขืนมัวแต่ส่องกระจก ยายมิเชลคงเข้าหาคุณฐากูรแล้วทำคะแนนก่อน ฉันก็เสียโอกาสทองไปน่ะสิ

เติมแป้ง เติมลิปสติก สูดลมหายใจเข้าลึก อธิษฐานขอเทพแห่งความรัก พระพรหม หรือบรรพบุรุษแรดในโลกนี้ที่ลาลับไปโปรดช่วยให้ฉันล่าเหยื่อได้สำเร็จ เมื่อพร้อมก็เดินออกจากห้องน้ำหญิง จังหวะนั้นเองก็ดันไปชนกับใครบางคนเข้าจนฉันเกือบจะเซล้ม เคราะห์ดีที่ร่างใหญ่นั้นคว้าตัวประคองกอดไว้ทัน กลิ่นน้ำหอมจากตัวและกลิ่นสะอาดจากเสื้อแจ็กเก็ตที่เขาสวมทำให้ฉันแหงนหน้ามองเขาทันที 

สายตาของเราประสานกัน ฉันขอโทษเขา เขารีบปล่อยฉันจากอ้อมแขนก่อนจะพยักหน้าและยิ้มให้ 

“คุณไม่เป็นอะไรนะครับ”

ฉันส่ายหน้า สายตาแอบชำเลืองไปที่โต๊ะของมิเชลที่กำลังมองฉันตาเป็นมัน แน่อยู่แล้ว เพราะตอนนี้เทพธิดาแห่งแรดเข้าข้างฉันเต็มๆ อุบัติเหตุรักตอนนี้ คนที่ชนฉันก็คือคุณฐากูรนั่นเอง

“ฉันคงจะดื่มมากไป น่าจะแพ้แอลกอฮอล์” เอ่ยให้เขารู้ว่าฉันไม่ได้คอแข็ง ตามจริตสตรีที่ควรทำ แถมท้ายด้วยการแกล้งเซอีกหน่อยเพื่อให้เขาประคอง

“คุณไหวไหม” 

เสียงทุ้มของเขาฟังดูเซ็กซี่ ฉันรีบยกมือมาบีบขมับและบอกกับเขาไปว่า

“พาฉันไปสูดอากาศข้างนอกหน่อยได้ไหมคะ”

เขารับคำและประคองฉันออกไปโดยเร็ว 

ปลาติดเบ็ดก็ต้องรีบตวัด ฉันไม่สนแล้วว่า มิเชล หว่อง จะเห็นหรือเปล่า ถ้าความเร็วเป็นเรื่องของปีศาจ ฉันนี่แหละ...แม่ของปีศาจ

เขาประคองฉันมาที่ระเบียงชั้นสอง ด้านนอกมีลมโกรกและเห็นสวนสาธารณะอีกฝั่งถนน ฉันแกล้งทำเป็นว่ารู้สึกดีขึ้นก่อนจะจ้องหน้าเขาใกล้ๆ

ให้ตายสิ หล่อชะมัด! ดวงตาเขาเป็นประกายราวกับดาราฉายบนท้องฟ้า ผิวหน้าเนียนใส ไฝฝ้าสักเม็ดก็หาไม่เจอ เสียดายที่เขายังคงทำหน้าขรึมๆ เดาไม่ออกว่ารู้สึกยังไง

“ฉันว่า ฉันรู้จักคุณนะ” มุกนี้เป็นอีกหนึ่งสเตปที่ทำให้ผู้ชายรู้สึกว่าเขาเป็นคนสำคัญในสายตาของเรา

“จริงเหรอครับ” เขาเอ่ยหน้านิ่งเหมือนเดิม 

“แล้วคุณ...รู้จักฉันไหม” ถามอ่อยขนาดนี้ ถ้าไม่สานต่อก็โง่เต็มทนแล้วนะ

“ขอโทษนะครับ ผมไม่รู้จักคุณเลย” ท่าทีเขาดูเขินๆ คงยังไม่คุ้นกับปาร์ตีในเมืองไทย “ในงานนี้ผมรู้จักแต่ มิเชล หว่อง ครับ”

ฉันกลอกตามองบน ยายมิเชลอีกแล้ว แบบนี้ขืนยังชักช้าแม่นั่นคงได้งาบหนุ่มอิมพอร์ตคนนี้ไปกินแน่ รีบปิดจ๊อบดีกว่า

“ฉันพราวตะวันค่ะ หรือเรียกว่าพราวก็ได้ เป็นเจ้าของเสื้อผ้าแบรนด์ P-Tawan”

เขาทำหน้านึกเหมือนคนไร้เดียงสา อย่างงี้แหละผู้ชาย ความสนใจด้านแฟชั่นมักไม่มากเท่าเหล่าเก้งกวางที่จะตาโตทุกครั้งที่ได้รู้จักฉัน

“ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ”

“รบกวนหน่อยได้ไหมคะ” ฉันมองเขาด้วยแววตาสั่นระริก

“ครับ?” เขาถาม 

“คือฉันเมามาก คุณช่วยไปส่งฉันที่คอนโดหน่อยได้มั้ย”

คุณฐากูรมีท่าทีเหมือนอึดอัด ฉันเลยต้องรีบแกล้งตัวอ่อนให้เขาประคองอีกครา

“นะคะ คุณจะยอมให้สุภาพสตรีที่เมามากๆ กลับคนเดียวเหรอคะ ถ้าฉันเป็นอะไรไป มันจะเป็นตราบาปติดตัวคุณไปตลอดนะ” ฉันคร่ำครวญตีบทแตก ไม่นานเขาก็พยักหน้าและประคองพาฉันลงบันไดไปอีกทาง

เสร็จ...ไฮโซอะไร หลอกง่ายชะมัด แต่ก็ช่างเถอะ แค่ได้ชนะยายมิเชล หว่อง ก็ถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว

รู้ตัวอีกทีฉันกับคุณฐากูรก็นั่งอยู่บนรถแท็กซี่ ระหว่างนั้นก็แกล้งเวียนหัว จนเขาต้องคอยถามตลอดว่าโอเคหรือเปล่า โธ่ พ่อคุณ ไม่รู้หรือไงว่าฉันแกล้งอ่อย 

พอถึงคอนโดเขาขอตัวกลับไปที่ผับต่อ แต่มีหรือที่อุ้มเสือออกจากถ้ำมาแล้วจะปล่อยให้กลับง่ายๆ ฉันงัดจริตมารยาอีกเล็กน้อย ขอให้เขาขึ้นมาส่งต่อถึงบนห้อง นี่ถ้าทุบหัวลากเข้าถ้ำได้เหมือนมนุษย์ยุคหินฉันก็คงทำไปแล้ว

หลังจากปิดประตูห้อง ฉันก็ขอร้องให้เขาช่วยเปิดไวน์ Royal DeMaria เพื่อเป็นการขอบคุณ จะว่าไป นี่คงจะเป็นของขวัญจากซานตาคลอสในคืนคริสต์มาสที่ส่งหนุ่มหล่อแสนสุภาพให้มาอยู่ด้วยกันสองต่อสอง ท่ามกลางเสียงบรรเลงและวิวยามค่ำคืนจากคอนโดชั้นที่ 30 โรแมนติกชะมัด

“ดื่มสิคะ”

“ไหนคุณบอกว่าแพ้แอลกอฮอล์”

เอาละสิ ลืมไปเลย...ว่าเมื่อกี้รับบทสาววันใสไม่ประสาเรื่องสุราเมรัย “เอ่อ หมายถึงเหล้าที่ในผับเมื่อกี้ ฉันน่าจะแพ้ แต่ไวน์ที่ห้องฉันดื่มได้ตลอดค่ะ”

ฉันยกแก้วขึ้นมาชนกับเขาก่อนจะกระดกจนหมด เขาทำตาม เราชวนคุยกันเรื่อยเปื่อยแล้วดื่มไปอีกคนละสองแก้ว

“เอ่อ...ผมว่าผมเมาแล้วนะ” เขาเช็ดปากที่ชุ่มไวน์ ใบหน้าเป็นสีแดงระเรื่อ

“มิน่า คุณถึงดูเซ็กซี่” ฉันชมพลางเสยผมยาวสลวย 

“คุณเองก็...เซ็กซี่เหมือนกัน“ แววตาที่มองฉันเหมือนกับมองแสงเทียนต้องลม

ฉันยิ้มและยื่นหน้าเข้าไปใกล้ แอลกอฮอล์ทำให้กล้ามากกว่าเดิม “แล้วอยากจูบฉันไหมล่ะ” 

“ผมว่ามันจะไม่ดีหรือเปล่า คือเราเพิ่งจะ...”

ฉันขยับตัวเข้าใกล้อีก มองแววตาสีน้ำตาลที่ไหววูบ ต้องการให้เขาเห็นว่าริมฝีปากอวบอิ่มของฉันกำลังเผยอขึ้น ราวกับกุหลาบแรกแย้มรอให้เขาได้ลิ้มรส

ไม่นานก็เหมือนว่าสัญชาติญาณดิบจะครอบครองเขา ฐากูรยื่นหน้าเข้ามาจุมพิตที่ริมฝีปากฉันอย่างแผ่วเบา ริมฝีปากของเขาอุ่น นุ่ม และได้กลิ่นไวน์ ฉันตอบรับด้วยการสอดชิวหาเข้าไปพันพัว ลิ้นลื่นๆ ของเราสอดประสานปานจะกลืนกิน เขาหลับตาพริ้มและเริ่มหายใจแรง ในที่สุดเพลงวันคริสต์มาสก็บรรเลงเป็นจังหวะแทงโก้ โดยมีเราสองเต้นรำบนฟลอร์อย่างเร่าร้อน

เขาถอดเสื้อที่สวมอยู่ด้วยท่าทางเร่งรีบ ฉันเองก็ไม่ยอมแพ้รีบปลดพันธนาการชุด เราทั้งคู่ก็เปลือยเปล่า แม้ฉันจะไม่ได้หุ่นดีเหมือนพวกนางแบบ แต่ก็มีสัดส่วนที่ผู้ชายพึงประสงค์ เขามองฉันราวกับเสือโหยที่กำลังเจอเหยื่ออันโอชะ แต่เขาคิดผิด ฉันไม่ใช่เหยื่อที่นอนนิ่งให้เขาขย้ำแน่ๆ 

นอกจากหล่อเหล่า ฐากูรยังหุ่นดี ช่วงคอยาวรับกับไหล่กว้าง อก แขน ขาเต็มไปด้วยกล้ามแกร่ง หน้าท้องก็มีซิกซ์แพ็กเป็นลอน เดาได้ว่าคงออกกำลังกายเป็นประจำ และฉันต้องตกใจเมื่อเห็นว่าอาวุธประจำกายของเขาใหญ่เกินกว่าที่คิด จนต้องรีบระงับอาการทำเป็นใจดีสู้เสือ

“ยิ้มหน่อยสิ” ฉันเข้าไปใกล้ ยื่นหน้าให้จมูกของเราชนกัน

“ผมยิ้มไม่ค่อยเป็น” เขาตอบอย่างนั้น แต่ก็โน้มตัวเข้ามาเบียดเสียด ไออุ่นจากตัวเขาทำให้ฉันรู้สึกอยากกอดไว้แน่นๆ

ถ้าเขายิ้มไม่เป็น...ก็คงต้องใช้มารยาหญิงเข้ายั่ว ฉันส่งยิ้มหวานและหลิ่วตาให้ ไม่นานเขาก็ยกมุมปากทั้งสองข้างจนเห็นฟันขาวเป็นระเบียบ

พระเจ้า! ยิ้มของเขาชวนให้ใจละลาย ฉันอดใจไม่ไหวจึงเอื้อมมือทั้งสองข้างไปโอบที่ต้นคอและจุมพิตที่แก้มซ้าย ชายหนุ่มดูเต็มไปด้วยความกำหนัด เขารีบประคองอุ้มร่างของฉันเข้าไปในห้องนอนและวางตัวฉันลงบนเตียงอย่างแผ่วเบา จากนั้นก็คร่อมทับตัวของฉัน และเริ่มระดมจูบ ซุกไซ้ไปทั่ว

แค่ปากอุ่นๆ ก็ทำให้ฉันกระเจิงแล้ว ยังมีหนวดเคราบางๆ ที่ลากปาดเนื้อนวลคราใดก็ทำฉันสะดุ้ง เสียวสะท้านจนต้องจิกผ้าปูที่นอนไว้แน่น

“อา...”

ฐากูรบดริมฝีปากไปทั่วตั้งแต่ต้นคอเรื่อยมาจนถึงไหล่ มือของเขาก็ซุกซนนัก คลึงเคล้าปทุมถันอันอวบอิ่ม แถมยังใช้หัวแม่มือบดขยี้ปลายยอดจนชูชัน ฉันรู้สึกเหมือนล่องลอยไปบนท้องฟ้า

เขาเหมือนย่ามใจที่ฉันหลับตาพริ้ม ที่สุดก็เลื่อนริมฝีปากมายังหน้าอก ใช้มือประคองเต้าคลึงเคล้าไปมา เห็นเขาสุภาพเช่นนั้นแต่ลีลาชิวหาช่างร้ายกาจ มันลื่นสาก มีอานุภาพทำฉันสั่นสะท้าน ตวัดโลมเลียเขี่ยสะกิดที่ยอด ก่อนเผยอปากดูดกินอย่างหิวกระหาย และยิ่งเขาใช้ฟันขบเม้มเบาๆ ก็ยิ่งเหมือนแกล้งให้ฉันทรมาน 

“เก่งมากเลยคุณ แรงกว่านี้ได้ไหม”

คำพูดนั้นคงเหมือนกับน้ำมันที่สาดลงไปในกองเพลิง เขาเร่งรัวลิ้นจนฉันแดดิ้น เอื้อมมือกดหัวเขาให้จูบลงต่ำไปเรื่อยๆ จนถึงจุดยุทธศาสตร์สำคัญ

ตรงนั้นมันชื้นแฉะไปด้วยสายธารแห่งความสุข เขาใช้นิ้วแหย่ลงไปแผ่วเบา ฉันสะดุ้ง ไม่นานเขาก็ก้มไปตวัดลิ้นเลียจนฉันตัวแอ่น รู้สึกถึงลมหายใจที่ร้อนผ่าวและลิ้นอุ่นที่คว้านทะลวงน้องสาวของฉันจนทุกพื้นที่ชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำลายและน้ำรัก

“คุณจะทรมานฉันเกินไปแล้ว” ฉันไม่ยอมให้เขาได้บุกฝ่ายเดียวจึงลุกขึ้นและผลักเขานอนลงบนเตียงเพื่อเอาคืน

ฐากูรนอนแผ่หลาอย่างไม่อาย เหมือนเขารู้ว่าฉันกำลังจะทำอะไรจึงยกแขนขึ้นหนุนหัวแล้วหลับตาพริ้ม เห็นไรขนใต้วงแขนสุดเซ็กซี่ นาทีนี้ต่อให้ฉันฆ่าเขาตายเขาก็คงยอม

ฉันเริ่มเล้าโลมเขาตั้งแต่ต้นคอลงมาที่หน้าอกแกร่ง จูบวนเลียที่หัวนม ใช้มือสำรวจเรือนร่างหนุ่มโดยเฉพาะตรงหน้าท้องที่เป็นลอนหกลูก ฉันทนไม่ไหวจึงกัดเบาๆ ไปด้วยความหมั่นเขี้ยว

และเมื่อมาถึงท่อนสวรรค์ที่ตั้งตระหง่าน มันมีเส้นเลือดปูดโปน บางจังหวะก็กระตุก บนยอดมีน้ำใสไหลเยิ้ม เดาได้ว่ากามารมณ์ของเขาก็พร้อมจะระเบิดไปพร้อมกัน

ฉันก้มลงจูบและครอบปากลงไปช้าๆ ให้รู้สึกว่ากำลังดูดกินไอศกรีมที่อร่อยที่สุด ขยับริมฝีปากขึ้นลงเสียดสีกับรอยหยักด้านบนของท่อนสวรรค์จากช้าเป็นเร็ว พอเหลือบมองก็เห็นเขาหลับตาพริ้ม คิ้วขมวด พรูลมหายใจพร้อมครางเสียงเบาๆ ในลำคอ

“อือ...”

เขาคงรู้สึกดี และเมื่อฉันเร่งเครื่อง บางครั้งก็รัวลิ้นไปที่ส่วนหัวซึ่งรูปร่างเหมือนหัวเห็ดขนาดใหญ่เขาก็เด้งเอวรับ มือของฉันเองก็ไม่ยอมนิ่ง คลึงเคล้าลูกตุ้มแฝดจนรู้สึกว่ามันขยับไปมา

มาถึงจุดหนึ่งเขาเหมือนทนไม่ไหว รีบลุกขึ้นแล้วประคองหน้าฉันขึ้นมาระดมจูบ ก่อนจะผลักให้ฉันนอนหงายและจับแขนทั้งสองข้างของฉันยกขึ้นแนบกับเตียงนอน 

ในห้องแอร์เย็นเฉียบ แต่ร่างกายของเรากลับร้อนผ่าว ฐากูรลุกขึ้นมานั่งและหยิบบางอย่างออกมาจากกระเป๋าสตางค์ ได้ยินเสียงฉีกถุงยางอนามัย ฉันรีบแกล้งหลับตาปี๋ ไม่นานเขาก็โน้มตัวลงมาและจูบปากฉันอย่างดูดดื่ม และครั้งนี้เขาก็แทรกตัวเข้ามา จับขาของฉันพาดบ่า ส่วนมือก็จับท่อนสวรรค์จ่อตรงปากถ้ำ ถูไถไปมาสักพักจนฉันรู้สึกเสียวไปถึงท้องน้อย ไม่นานเขาก็ค่อยๆ ดันมันเข้ามา ฉันรู้สึกจุกจนต้องกัดฟัน เหมือนเขารู้ว่าฉันเจ็บจึงโน้มตัวลงมาดูดยอดปทุมถันเพื่อให้ความเสียวนำทาง น้ำเมือกหล่อลื่นช่วยให้มังกรตัวเขื่องแทรกผาหินงามของฉันมาได้

ที่สุดมันก็เข้ามาในตัวของฉัน เขาแช่ไว้สักพัก ไม่นานก็เริ่มขยับเอว ความจุกเมื่อครู่แปรเปลี่ยนเป็นความหฤหรรษ์ ฉันร้องคราง เขาจึงเร่งจังหวะเร็วขึ้นราวกับได้ใจ

ฉันเอื้อมไปจับเอวสอบของเขาก่อนจะเลื่อนไปยังกล้ามท้องและหน้าอกแกร่ง มองหน้าของเขาที่กำลังเหยเก มีเหงื่อผุดพราว บางหยดไหลอาบลงมาที่คอจนเปียกโชก

เร้าใจชะมัด!

เมื่อฉันร้องครางครั้งใดชายหนุ่มก็โน้มตัวลงมาบดขยี้ริมฝีปากเหมือนเป็นการสั่งให้ฉันหุบปาก และเมื่อฉันแอ่นตัวเขาก็ร้ายกาจ ก้มหน้ามาใช้ปากตะครุบกินหน้าอกอวบอิ่มของฉันอย่างหิวกระหาย

ทำนองเพลงสวาทเนิ่นนานและเร่าร้อน เขาเปลี่ยนท่าให้ฉันนอนคว่ำและโก้งโค้งก่อนจะสอดอาวุธมาจากทางด้านหลัง เมื่อทุกอย่างเข้าที่เข้าทางเขาก็ไม่ปรานี กระแทกท่อนลำเข้าใส่จนเกิดเสียงดังเป็นจังหวะลั่นห้อง โชคดีที่คอนโดของฉันเก็บเสียงร้องครางของเราได้อยู่หมัด

เขาเร่งเครื่องราวกับกระทิงดุ มือก็เอื้อมมาจับคลึงเคล้าหน้าอกและขยำมันอย่างแรง ก่อนจะจับแขนฉันทั้งสองข้างไพล่หลัง รัวเอวถี่ยิบ ฉันกรีดร้อง รู้สึกเหมือนลอยละล่องอยู่บนวิมาน ในที่สุดก็เห็นสวรรค์อยู่รำไร ฉันอ้าปากค้างร้องครางปานจะขาดใจ กระทั่งน้ำรักพรั่งพรูเจิ่งนอง 

“สุดยอดเลยคุณ” ฉันเหนื่อยหอบ เขาจึงผ่อนจังหวะสะโพกและขยับท่อนเอ็นออกจากรูเพื่อพลิกตัวให้ฉันนอนหงายอีกครั้ง

“ผมยังไม่เสร็จนะครับ”

เขาลูบที่ศีรษะแล้วก้มลงมาหอมแก้ม ก่อนจะดันท่อนสวรรค์เข้ามาในตัวฉันอีกครั้ง แม้จะเสร็จไปรอบหนึ่งแล้วแต่เมื่อเห็นสีหน้าที่จริงจังของเขาก็ทำให้ฉันมีอารมณ์ขึ้นมาอีก

คราวนี้เขาจับข้อเท้าทั้งสองข้างของฉันแยกออก แทรกตัวเข้ามาและโอบกอดอย่างละมุน ระหว่างที่โยกตัวก็จ้องหน้าฉันอยู่อย่างนั้น ถ้าเผลอร้องออกมาเมื่อไหร่ก็ทั้งหอม ทั้งจูบ ไม่ยอมให้ฉันได้หายใจ 

ฉันตัวลอย แอ่นร่างและกดหัวให้เขาเชยชมกินแตงโมแฝด เขาดูดกินจนจุกชูชัน และยังเร่งจังหวะบั้นท้ายถี่ยิบ

“อา...”

เสียงครางของเราประสานกันดังก้อง ฉันกำลังจะถึงจุดสุดยอดอีกครั้ง เขาก็ยื่นหน้ามาใกล้

“เสร็จพร้อมกันนะครับ” เขากระซิบก่อนจะประกบปากแลกชิวหาอย่างเร่าร้อน 

มือของเราประสานกันไว้แน่น ฉันหลับตาปี๋ ร่างกายเกร็งเหมือนจะแตกเป็นเสี่ยงๆ พอฉันถึงเป้าหมายเขาก็เร่งเครื่องก่อนจะเงยหน้าขึ้นทะลวงประตูสุดลำ ไม่นานใบหน้าเขาก็เหยเก ครางออกมาด้วยเสียงอันดัง

“อา...”

กายกำยำเกร็งกระตุกเป็นจังหวะ ก่อนจะฟุบตัวล้มทับฉัน ได้ยินเสียงหอบของเขาอยู่ที่ข้างๆ หู ท่อนสวรรค์ที่อยู่ในกายอุ่นเกร็งและคลายตัว ชายหนุ่มยังแช่ไว้ ก้มลงจุมพิตและกอดฉันอยู่เนิ่นนาน

“ขอบคุณครับ”

สวยงามและสุดยอดจริงๆ แบบนี้หรือเปล่าที่ใครๆ ก็อยากจะได้เขามาครอบครอง

ท่ามกลางเสียงโห่ร้องกึกก้องทั่วฮอลล์ขนาดใหญ่ แสงไฟบนเวทีสว่างจ้า ก่อนจะดับพรึบพร้อมกันเหลือเพียงฟอลโลว์แสงสีขาวตรงกลางเวที ที่นั่นมีผู้หญิงสองคนยืนโพสท่าสวย และฉันก็เป็นหนึ่งในนั้น

“เอาละครับ และเราก็เหลือสองคนสุดท้ายแล้วสำหรับการประกวดมิสกรุงเทพมหานคร ขอเชิญทั้งสองท่านตรงกลางเวทีครับ” 

ซาวนด์จังหวะดนตรีระทึกบีบหัวใจคนดู ฉันเดินนวยนาดไปกลางเวที หันไปสบตากับผู้หญิงที่ยืนข้างๆ เธอสวมชุดราตรีเกาะอกสีดำเลื่อม ปล่อยผมยาวสยาย ส่วนฉันรวบผมมวยต่ำเผยวงหน้าสวย สวมชุดราตรีสีขาวแขนยาว กระโปรงลูกไม้เน้นโชว์สัดส่วน 

คนด้านล่างคงเห็นว่าเรายิ้มให้กันและจับมือกันอย่างมิตรภาพ ทว่าในความเป็นจริงนั้น…

“คิดว่าสวยเหรอ แต่งชุดอย่างกับเจ้าสาว ข่าวว่าเธอไม่เคยมีแฟนนี่” มิเชลพูดเสียงเบาทั้งๆ ที่หน้ายิ้ม

“เธอสวยตายละ ฉันนึกว่าพวกนักร้องคาเฟ่ยุคเก้าศูนย์” ฉันตอบและบีบมือฝ่ายตรงข้ามแน่น

นี่จะเป็นอีกครั้งที่เราสองต้องแข่งขันช่วงชิงความเป็นที่หนึ่งด้วยการเป็นมิสกรุงเทพมหานครในคืนนี้

“จะเห็นได้ว่า ทั้งสองคนคงต้องยินดีเป็นแน่ หากอีกฝ่ายสามารถคว้ามงกุฎมาได้ แต่อย่างว่านะครับ การประกวดของเราไม่ได้หวังเพียงแค่มงกุฎและคนชนะ แต่เรายังได้มิตรภาพของเพื่อนมาอีกด้วย” พิธีกรหนุ่มเอ่ยอย่างภูมิใจ

‘ไม่จริงค่ะ ฉันไม่ได้ต้องการมิตรภาพกับมิเชล ฉันต้องการชนะเท่านั้น!’ ฉันอยากจะไปหยิบไมค์และประกาศต่อหน้าทุกคนอย่างที่ใจคิด

“และในค่ำคืนนี้ คุณฐากูร พิทักธ์ธนาดล ทายาทบริษัทไทยออยบาร์โค จำกัด ได้ให้เกียรติมามอบมงกุฎและสายสะพายแก่สาวงามที่ชนะในค่ำคืนนี้ด้วยครับ”

เสียงปรบมือดังต้อนรับ หนุ่มร่างสูงในชุดสูทสีดำเดินออกมาพร้อมกับผู้เชิญมงกุฎ

ฉันตื่นเต้นและแปลกใจไม่น้อย ไม่นึกว่าอยู่ๆ ชายหนุ่มจะกลายเป็นคนสำคัญของการประกวด การได้สวมมงกุฎก็ไม่ต่างอะไรจากการได้เขามาครอบครอง เพราะฉะนั้นฉันจะพลาดตำแหน่งนี้ไม่ได้

“คุณฐากูรเขาเหมาะกับฉันที่สุด” มิเชลยิ้มมุมปาก

“อย่าเข้าข้างตัวเอง ยังไงเสียฉันก็ได้เขาก่อนเธอย่ะ” ฉันลอยหน้าลอยตาอวด

“อะไรนะ” มิเชลขวดคิ้ว

“ฉันฟันเขาแล้ว” ฉันเยาะเย้ย

พิธีกรหยิบซองจากเจ้าหน้าที่รวมคะแนน ก่อนจะประกาศก้อง “และผู้ได้รับตำแหน่งมิสกรุงเทพมหานคร ได้แก่...”

แม้จะมีเสียงเชียร์ดังกระหึ่ม แต่มิเชลก็ดูยังไม่พอใจในคำพูดเมื่อครู่ของฉัน

“ฉันไม่เชื่อ”

“เรื่องของเธอ” ฉันยักไหล่

“นางสาวพราวตะวัน พันธารักษ์ ครับ”

สิ้นเสียงประกาศ แสงไฟบนเวทีก็สาดส่องมายังฉัน พลุกระดาษปลิวว่อน เสียงปรบมือดังแข่งกับเสียงดนตรีบรรเลง เป็นภาพที่งดงามเหลือเกิน มิเชลหน้าเสียขณะถูกเชิญไปรับดอกไม้ที่มุมเวทีในฐานะ รองอันดับหนึ่ง ฐากูรเดินเข้ามาใกล้ๆ เขาหลิ่วตาให้ฉันครั้งหนึ่งก่อนจะกระซิบ 

“ยินดีด้วยนะครับ คุณเก่งทั้งบนเวทีและบนเตียงเลย”

“คนบ้า” ฉันอยากจะตีอกชกไหล่เขานัก แต่ฐากูรคงไม่สนใจ เขาบรรจงหยิบเอามงกุฎเพชรที่มีดีไซน์เหมือนงูมาสวมที่ศีรษะของฉัน

แน่นอน ฉันต้องหลับตาพริ้ม เอามือทาบอก เช็ดหยดน้ำตาที่รื้นริน ก่อนจะค่อยๆ โบกมือกับผู้คนตรงหน้าและแลตาไปยังรองอันดับหนึ่ง

ว้ายแพ้!...อยากจะตะโกนใส่หน้าแบบนั้น แต่แล้วฉันก็ถูกคว้าแขนไว้เสียก่อน

“คะ...คุณฐากูร มีอะไรหรือปล่า”

หนุ่มหล่อยิ้มมุมปาก ก่อนจะโอบเอวของฉันไว้แน่นแถมยังยื่นหน้ามาคลอเคลีย

“ของรางวัลอีกอย่างของผู้ชนะก็คือ...จูบของผมครับ”

ฉันตกใจตาโต “หา...อะไรนะ ได้จูบด้วยเหรอ บ้า บนเวทีเนี่ยนะ”

“เป็นกติกาของกองประกวดครับ” เขายืนยันก่อนจะยื่นริมฝีปากสีแดงสดมาประทับริมฝีปากของฉัน

ทุกคนปรบมือดังก้อง ฉันหลับตาพริ้ม ไม่สิ...ต้องรีบลืมตา หันไปมอง มิเชล หว่อง ขานั้นขบกรามแน่น น้ำตาไหล คงโกรธแค้นฉันเต็มประดา

ยิ่งมิเชลโกรธมากเท่าไหร่ ทำไมฉันยิ่งมีความสุขจนอยากจะกรีดร้องดังๆ ใส่หน้า 

เหมือนกับเสียงนาฬิกาปลุกตอนนี้!

...

ฉันลืมตาตื่น รีบเอื้อมมือไปกดนาฬิกาปลุกที่หัวเตียง ทุกอย่างรอบตัวสว่างโร่ นึกได้ว่าแอลกอฮอล์และความเพลียจากลีลารักคงทำให้ฉันเผลอหลับไป จนเผลอฝันดีว่ามีโอกาสคว้ามงกุฎปาดหน้ายายมิเชล หว่อง สะใจชะมัด

หึ...และดูท่าจะเป็นฝันที่เป็นจริงเสียด้วย พอสติเริ่มมาทักทายก็เริ่มรู้สึกเขินอายกับความก๋ากั่นของตัวเอง ฉันรีบผุดลุกขึ้นนั่งก็พบว่ายังเปลือยเปล่าอยู่บนเตียงเพียงลำพัง

แล้วคุณฐากูรไปไหนแล้ว...ฉันเหลียวซ้ายแลขวา สำรวจข้าวของทุกอย่างก็พบว่ายังอยู่ครบ ค่อยยังชั่วที่เขาไม่ได้เป็นพวกมิจฉาชีพมาขโมยของ

จะเป็นโจรได้ไง สายป่านยืนยันว่าเขาเป็นไฮโซล่ำซำจากโมร็อกโก ขณะกำลังคิดไปเรื่อยเปื่อยฉันก็ได้ยินเสียงโครมครามมาจากข้างนอกจึงรีบลุกสวมเสื้อผ้าลวกๆ เดินออกไปตามหาต้นเสียง

ที่โต๊ะรับประทานอาหารมีถ้วยชามวางอยู่สองที่ ฉันมองด้วยความแปลกใจ ก่อนที่จะมีคนเดินออกมาจากห้องครัว 

“ตื่นแล้วเหรอครับ” เขาเอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งขรึม 

“ค่ะ” ฉันยิ้มให้อย่างเขินๆ เพราะดันไปนึกถึงใบหน้าที่เสียวซ่านของเขาเมื่อคืน

“ผมถือวิสาสะเข้าครัวทำอาหารเช้าให้ คุณไม่ว่าอะไรนะครับ” เขาว่าพร้อมกับวางข้าวต้มถ้วยใหญ่ส่งกลิ่นหอมฉุยลงบนโต๊ะ

“ไม่ว่าค่ะ” ฉันตอบพร้อมกับเดินมานั่งที่เก้าอี้ บนโต๊ะนอกจากข้าวต้มกุ้ง ยังมีไส้กรอกและไข่ดาว “คุณทำอาหารเป็นด้วย?” 

จริงๆ ฉันก็ชอบผู้ชายทำอาหารเป็นนะ แต่ก็ไม่นึกว่าเขาจะหาวัตถุดิบที่ไม่ค่อยมีในตู้เย็นของฉันรังสรรค์เมนูมาได้ขนาดนี้

“ลองชิมดูนะครับ” 

เขาพูด ฉันจึงใช้ช้อนตักมากิน พอเข้าปากเท่านั้นแหละถึงกับอุทานออกมา “อร่อยค่ะ”

นี่ไม่ได้แกล้งชมนะ เขาทำข้าวต้มอร่อยจริงๆ 

“ขอบคุณครับ”

“ไม่นึกว่าคนอย่างคุณจะทำอาหารอร่อย” พูดไปก็ยังตักกินไปเรื่อยๆ

“ก็ผมกำลังจะเปิดร้านอาหารด้วยน่ะครับ ก็เลยไปเรียนทำอาหารมา”

เก่งจังเลยผู้ชายคนนี้ ฉันชื่นชมในใจ นั่งกินไปสักพักเขาก็กระแอมดังจนฉันต้องเงยหน้ามอง 

“คุณพราวครับ เรื่องเมื่อคืน ไม่ต้องห่วงนะครับ ผมจะรับผิดชอบทุกอย่างเอง” ฐากูรมีสีหน้าจริงจัง

ฉันกะพริบตาปริบๆ ยังไม่เข้าใจสิ่งที่เขาพูด “เรื่องอะไรเหรอคะ”

เขาหน้าแดงแต่ก็พูดต่อ “ก็เรื่องที่ล่วงเกินคุณ ผมจะไม่ยอมให้คุณเป็นฝ่ายเสียหายแน่นอนครับ”

ผีสุภาพบุรุษเข้าสิงเขาหรือไง อยู่ดีๆ นักเรียนนอกอย่างเขาดันมาจริงจังเรื่องเซ็กซ์ โดยเฉพาะเซ็กซ์แบบ One Night stand

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ คุณไม่ต้องซีเรียส ฉันถือว่าเราทั้งคู่ก็ได้สนุกกัน” ในใจก็แค่อยากจะบอกเขาว่าแค่ได้งาบเขาก่อนยายมิเชลก็โอเคแล้ว

“ไม่ได้ครับ ผมเป็นผู้ชาย เอาเปรียบตอนที่คุณเมามันไม่ดีเท่าไหร่ ยังไงก็อยากจะสานความสัมพันธ์ต่อกับคุณให้มันยาวๆ”

“ไม่เป็นไรจริงๆ ค่ะ ฉันโอเค เอาเป็นว่ายินดีที่ได้รู้จักคุณนะคะ และหวังว่าเราจะได้พบกันอีก” ฉันยิ้ม ทว่าเขาก็ยังทำหน้านิ่งๆ เดาไม่ออกว่าคิดอะไร

หลังจากนั้นเขาก็ดูเงียบไป ฉันชักใจอ่อนยอมเดินมาส่งเขาถึงชั้นล่างและให้เบอร์โทรศัพท์เขาไว้ เผื่อถ้าเหงาเขาอยากจะโทร. หาเพื่อมา ‘สนุก’ ด้วยกันอีกครั้ง

พอเขาขึ้นรถแท็กซี่หายไปลับตาฉันก็เดินขึ้นห้องด้วยความโล่งอก กระโดดนอนเอนหลังที่โซฟาตัวโปรด หยิบโทรศัพท์มือถือมาเช็กดู มีสายเรียกเข้าจากสายป่านเป็นสิบสาย คงตามหาฉันในงานทั้งคืนแน่ๆ

ฉันยังไม่โทร. กลับ ขอดูหน้าฟิดข่าวในเฟซบุ๊กกับอินสตาแกรมก่อนว่ามีความเคลื่อนไหวอะไรบ้าง ยิ้มกริ่มที่เห็นเพจดังลงรูปของฉันและชมว่าแต่งตัวดี เครื่องหน้าสวย(อีกแล้ว) ก่อนที่จะมีรูปของ มิเชล หว่อง ถ่ายคู่กับหนุ่มมาดดี แม้จะหมั่นไส้เป็นทุนเดิมแต่ฉันก็อดที่จะกดเข้าไปดูเนื้อหาข่าวด้านในไม่ได้

พอกลับเมืองไทยก็เนื้อหอมสุดๆ สำหรับ คุณฐากูร พิทักษ์ธนาดล ทายาทเศรษฐีน้ำมันพันล้าน ที่ล่าสุดเพิ่งปรากฏตัวในงานเปิดตัวผับใหม่ย่านทองหล่อ ทำเอาสาวน้อยสาวใหญ่จ้องกันตาลุกวาว แต่ก็คงแห้วกันเป็นแถว เพราะในงานดูท่าไฮโซหนุ่มจะสนใจ มิเชล หว่อง นางแบบสุดฮอตเป็นพิเศษ เห็นคุยกันอี๋อ๋อจิ๊จ๊ะ คงต้องติดตามกันต่อไปว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะพัฒนาไปถึงขั้นไหน...

หัวใจฉันเต้นระรัว รีบกดขยายภาพนั้นด้วยใจระทึก หนุ่มหล่อที่ชื่อฐากูร ไฮโซพันล้าน ทำไมถึงไม่เหมือนคนที่ฉันมีอะไรด้วยเมื่อคืน 

WTF!

และแล้วมือถือก็มีเสียงเรียกเข้า!

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น