บทที่ 3

3

คืนหฤหรรษ์

วินาทีที่เรียวปากหยักได้รูปของอีกฝ่ายเลื่อนมาประกบกลีบปากของเธอ ทุกอย่างรอบด้านก็พร่าเลือนไปชั่วขณะ

ริมฝีปากของดลธีนุ่มหยุ่น มีรสชาติขมปร่าของแอลกอฮอล์ ทว่าพอเขาเริ่มขบเม้มเบาๆ อย่างเชื่องช้า ความหวานซาบซ่านก็ค่อยๆ เข้ามาแทนที่

นี่สินะ...รสชาติของจูบแรก

กลิ่นกายบุรุษเพศดูลึกลับทว่าน่าค้นหา หัวใจดวงน้อยเต้นระรัวตอนที่เขาดูดดึงกลีบปากบนและล่างสลับกันอย่างเชื่องช้า พอเห็นว่าเธอไม่ปฏิเสธ ปลายลิ้นหนาก็ค่อยๆ สอดแทรกเข้ามาหยอกล้อกับเรียวลิ้นเล็ก ก่อนจะกวาดต้อนไปทั่วโพรงปากนุ่มจนร่างบางครางด้วยเสียงสั่นพร่า

วาบหวาม ร้อนรุ่ม ดูดดื่ม และเร่งเร้า

เธอเข้าใจคำเหล่านี้พร้อมกันเพียงแค่ได้ประกบปากกับดลธี...

สัมผัสร้อนที่ดำเนินไปอย่างต่อเนื่องทำให้แพรวไพลินเริ่มหายใจไม่ทัน ราวกับชายหนุ่มต้องการบอกว่ากระหายในตัวเธอมากแค่ไหนผ่านสัมผัสนี้ ทำอะไรไม่ได้นอกจากเลื่อนมือไปกอดเอวสอบ ปลดปล่อยอารมณ์และความรู้สึกไปตามการชักนำของอีกฝ่าย

ดลธีจูบเก่งกว่าที่คิด

ไม่สิ...อันที่จริงก็ไม่รู้หรอกว่าจูบที่ดีเป็นแบบไหน เพราะเกิดมาก็เพิ่งเคยทำแบบนี้เป็นครั้งแรก เพียงแต่ทุกการขยับริมฝีปากของเขาทำให้เธอรู้สึกหวามไหว ปั่นป่วน และลุ่มหลง

ราวกับมีผีเสื้อนับร้อยโบยบินวนอยู่ในท้องของตัวเอง

“เคยโดนจูบมาก่อนไหมครับ...” ชายหนุ่มถามหลังจากถอนจูบออก ขณะที่หญิงสาวหอบระรัวเพราะไม่คิดว่าแค่จูบเดียวจะทำให้ร่างกายอ่อนปวกเปียกได้ขนาดนี้

“ฉัน...”

“จูบแรกสินะ...”

คล้ายจะเห็นประกายตาขบขันระคนเอ็นดูในดวงตาสีเข้ม ดลธีโน้มใบหน้าลงมาอีกครั้งโดยไม่รอคำเฉลย มือเล็กขยุ้มเส้นผมนุ่มพร้อมขยับกายเข้าหาคนตัวโต แม้จะไม่เคยทำเรื่องนี้มาก่อน แต่แพรวไพลินก็ปล่อยให้ร่างกายตอบสนองต่อการรุกล้ำอย่างเป็นธรรมชาติ 

เขาจูบมาเธอก็จูบกลับ

ดูดลิ้นมาเธอก็ดูดลิ้นกลับ

ทำทุกอย่างราวกับไม่ใช่ตัวเองอีกต่อไป

“ไปข้างบนกันนะ”

แพรวไพลินพยักหน้าพลางกอดคอดลธีแน่นยามที่เขาช้อนร่างขึ้นอุ้ม ผิวกายร้อนผ่าวตอนที่เรียวปากหยักได้รูปคลอเคลียที่ใบหูตลอดระยะทางตั้งแต่ชั้นล่างถึงข้างบน เสียงนุ่มทุ้มพึมพำบอกให้เธอช่วยเปิดประตูห้อง ก่อนที่เขาจะวางเธอลงบนเตียงแล้วเคลื่อนใบหน้ามาจูบต่ออีกครั้ง

“อ๊ะ...”

ร่างบางสะดุ้งเมื่อมือหนาสัมผัสโดนแผ่นหลังเปลือยเปล่า ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าชุดเดรสถูกปลดออกไปตอนไหน ชายหนุ่มออกแรงกระตุกนิดเดียว ตะขอบราเซียร์ก็หลุดออกมาอย่างง่ายดาย 

“ครั้งแรกของคุณหรือเปล่าครับ”

หญิงสาวพยักหน้ารับ อย่าว่าแต่เซ็กซ์ครั้งแรกเลย จูบแรกก็เพิ่งจะถูกเขาช่วงชิงไป ขณะที่ดวงตาของคนตรงหน้าสว่างวาบไปด้วยเพลิงพิศวาส เสียงแหบห้าวสั่นพร่าตอนที่ก้มลงมากระซิบชิดใบหู

“ไม่ต้องกลัวนะ ผมจะค่อยๆ สอนคุณเอง...”

ร่างบางปรือตาลง ขัดเขินเกินกว่าจะมองความปรารถนาที่คุกรุ่นอยู่ในดวงตาสีเข้ม ปลายลิ้นสากไล้เลียลิปสติกสีสดที่เคลือบอยู่บนกลีบปากนุ่มอย่างแช่มช้า กลืนกินรสชาติไวน์สตรอว์เบอร์รีที่ยังติดที่มุมปากเล็กอย่างเพลิดเพลิน

ดลธีเชี่ยวชาญเกินไป...

เขาทำให้เธอรู้สึกเหมือนตัวเองกลายเป็นอลิซที่หลงเข้าไปอยู่ในดินแดนมหัศจรรย์

ดินแดนที่ทั้งหฤหรรษ์ เร่าร้อน ลึกซึ้ง และเต็มเปี่ยมไปด้วยอารมณ์ความรู้สึก

ดินแดนที่ดลธีสร้างขึ้นมาเพื่อเธอ

“อ๊ะ...”

แพรวไพลินกอดศีรษะของอีกฝ่ายเมื่อเขาลดใบหน้าต่ำลง กลีบปากหยักสวยขบเม้มปลายยอดสีทับทิมทีละข้าง พอเห็นว่าตุ่มไตทั้งสองแข็งขึงอย่างเท่าเทียมก็รวบเข้าสู่อุ้งปากแล้วกลืนกินอย่างเร่งเร้า ทำให้เธอรู้สึกเหมือนได้ขึ้นสวรรค์ทั้งที่เพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น

“อื้อออ”

ทำยังไงดี

ตอนนี้เธอจะรับมือกับความเร่าร้อนของดลธีไม่ไหวแล้ว

“ผมตรวจเลือดแล้ว...”

“คะ?”

“ผลเป็น Negative ไม่ต้องกลัวว่าคุณจะติดโรค”

“ฉันไม่ได้...”

“ถุงยางก็มีพร้อม...” ชายหนุ่มพูดต่อโดยไม่ต้องรอให้เธอถามต่อ “มีเป็นโหลเลยด้วย...”

หญิงสาวค้อนคนตัวโตอย่างหมั่นไส้กับความรอบคอบของเขา ไม่คิดเลยว่าอดีตพี่ชายคนสนิทจะร้อนแรงได้ขนาดนี้ นับตั้งแต่ที่ย้ายออกจากคฤหาสน์พฤกษดำรง นานเกินสิบปีเห็นจะได้ เธอก็ไม่ได้เจอดลธีอีก

แล้วเขาก็คงจำเด็กหญิงผมเปียคนนั้นไม่ได้แล้ว

“คุณเกร็ง...”

ร่างบางกัดริมฝีปาก ไม่กล้าสบสายตาพราวระยับของคนตรงหน้า พี่ดลของเธอคือผู้ชายร้ายกาจ เขารู้ดีว่าทำแบบไหนเธอถึงจะพ่ายแพ้ เล้าโลมตรงจุดไหนเธอถึงจะโอนอ่อน ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ดลธีเคยเป็นเด็กแว่นผู้คงแก่เรียนแท้ๆ แล้วทำไมตอนนี้ถึงกลายเป็นคนแบบนี้ไปได้

ไม่เหลือคราบอดีตเด็กเนิร์ดเลยสักนิด!

ริมฝีปากได้รูปบดเบียดกลีบปากของเธอต่ออีกครั้ง เรียวลิ้นสากร้อนเกี่ยวกระหวัดรุกไล่อย่างดุดัน มอมเมากันด้วยจุมพิตหวามที่ทั้งร้อนรุ่มและเร่งเร้า ทำอะไรไม่ได้นอกจากเปล่งเสียงครางน่าละอายพลางจูบตอบเขาอย่างตั้งอกตั้งใจ

“อ๊ะ...อื้อ”

“แบบนี้โอเคไหม...”

“ช้า...ช้ากว่านี้ได้ไหมคะ”

ทรวงอกอิ่มไหวกระเพื่อมไปตามจังหวะการหายใจ ร่างกายร้อนผ่าวแม้อากาศในห้องจะเย็นจัด กับครั้งแรก...แพรวไพลินไม่ได้คาดหวังว่าดลธีจะ...เร่าร้อนขนาดนี้ เขาทำให้เธอตะลึงพรึงเพริดไปกับทุกสัมผัสที่ปรนเปรอให้

“ช้ากว่านี้หน่อยนะคะ...”

รอยยิ้มพรายฉายชัดบนใบหน้าคมคาย มือหนาเลื่อนไปปลดตะขอกางเกงโดยที่สายตาก็ยังมองเธอตาไม่กะพริบ ยิ่งเมื่อเขาก้มลงมองอะไรบางอย่างที่นูนออกมาจนเห็นได้ชัด หูตาของหญิงสาวก็พร่าเลือนขึ้นมาเสียอย่างนั้น

อันตราย...

ผู้ชายคนนี้อันตรายมากจริงๆ...

“อ๊ะ...” ร่างบางอุทานเมื่อคราวนี้ฝ่ามือหนาเลื่อนมาสัมผัสส่วนที่อ่อนไหวที่สุด ดลธีจุมพิตปิดกั้นเสียงครางของเธออีกครั้งก่อนจะเคลื่อนใบหน้าต่ำลงไปเรื่อยๆ ลมหายใจร้อนผ่าวรินรดบริเวณท้องน้อย ขณะที่ปลายลิ้นไล้เลียกลีบเกสรที่กำลังเบ่งบานเป็นจังหวะ ทั้งตวัดวนและบดเคล้าจนเธอบิดเร่า ได้แต่ขยับสะโพกแอ่นกายป้อนเขาอย่างลืมตัว

“อื้อ...”

ชายหนุ่มผละจากความฉ่ำหวานที่อยู่เบื้องหน้าแล้วช้อนตามองใบหน้าของคนใต้ร่าง นัยน์ตาปรือปรอยของอลิซน้อยแทบทำให้ความยับยั้งชั่งใจสลายเป็นผุยผง นึกอยากปลดเปลื้องทุกอย่างออกจากกายแล้วแทรกซอนตัวตนเข้าไปในร่างเล็ก ทว่าก็รู้ดีว่าหญิงสาวยังอ่อนประสบการณ์นัก ขืนผลีผลามทำอะไรลงไป เธอคงโกรธและเกลียดเขาไปตลอดชีวิต

“เจ็บเหรอครับ”

“เปล่า...เปล่าค่ะ”

เสียงสั่นระริกทำให้เรือนกายสูงขยับตัวขึ้นเพื่อจะมองใบหน้านวลได้ถนัด ดลธียอมรับว่าตัวเองไม่ใช่คนดีนัก เขาเป็นคนชอบเอาชนะและสนุกกับการทำเรื่องท้าทาย ถ้าอยากได้อะไรแล้วก็ต้องได้ เพียงแต่เขาไม่อยากฝืนความรู้สึกของอีกฝ่าย

แม้จะถูกใจเธอมากแค่ไหน แต่ถ้าหญิงสาวไม่ได้มีความต้องการแบบเดียวกัน เขาก็ยินดีที่จะหยุด

ถึงใจจริงจะไม่อยากให้เธอปฏิเสธเลยก็ตาม

“คุณโอเคหรือเปล่า ถ้าคุณไม่อยาก ผมจะหยุด...”

“ไม่...ไม่เป็นไรค่ะ”

แพรวไพลินชะงักเมื่อรู้ว่าตัวเองตอบอะไรออกไป ดูเหมือนตอนนี้สมองของเธอว่างเปล่าไปหมดแล้ว ใจหนึ่งก็อยากล้มเลิกความคิดบ้าๆ นี่ แต่อีกใจก็อยากให้ครั้งแรกของตัวเองเกิดขึ้นกับคนตรงหน้า

พี่ดลคนใจร้ายของเธอ

“ผมให้โอกาสคุณคิดอีกที...” ร่างสูงย้ำเสียงนุ่ม “ถ้าคุณไม่ปฏิเสธ คราวนี้ผมจะไม่หยุดแล้วนะ...”

ประกายคมกล้าที่ฉายชัดอยู่ในดวงตาสีเข้ม ทำให้หัวใจดวงน้อยเต้นไม่เป็นส่ำ เธอมองเห็นความต้องการอันแรงกล้าในสีหน้าของดลธี สัมผัสได้ถึงความปรารถนาบางอย่างของตัวเองที่ปะทุขึ้นเรื่อยๆ แล้วเธอก็อยากฟังเสียงหัวใจมากกว่าสำนึกดีในสมอง

เธออยากให้เขา ‘ทำ’ ต่อ

ทำอะไรก็ได้ให้เธอหลุดพ้นจากความทรมานนี้สักที

“ฉันเต็มใจค่ะ”

รอยยิ้มพรายปรากฏบนใบหน้าคมคาย ก่อนที่ดลธีจะคว้าขวดไวน์ที่วางทิ้งไว้บนหัวเตียงขึ้นมาดื่ม แล้วปิดปากนุ่มด้วยปากตัวเองอีกครั้ง ส่งผ่านรสชาติหวานละมุนของไวน์เข้าไปทางเรียวลิ้น ทำให้หญิงสาวเคลิบเคลิ้มและมัวเมาจนส่งเสียงครางน่าอภิรมย์ออกมา

เพราะ...

เสียงของเธอไพเราะมาก

แล้วเขาก็อยากฟังน้ำเสียงอ่อนหวานแบบนี้ไปทั้งวัน...ทั้งคืน

ฟังไปเรื่อยๆ จนกว่าจะเช้า

“อื้อ...”

มือเล็กจิกแผ่นหลังกว้าง ปลายลิ้นสากร้อนตวัดวนไปทั่วโพรงปากของเธออย่างเร่งเร้าเอาแต่ใจ ยิ่งพอมันเจือไปด้วยรสหวานอมเปรี้ยวของผลไม้ แล้วยังแฝงความขมปร่าของแอลกอฮอล์ แพรวไพลินก็ยิ่งหลงใหลจนไม่อยากผละห่าง ได้แต่จูบตอบเขาอย่างกระตือรือร้นไม่ต่างกัน

เพราะเมาแล้วสินะ

เพราะไม่หลงเหลือสติสัมปชัญญะแล้ว เธอถึงได้กล้าทำอะไรแบบนี้

“คุณ...คุณดล”

“คุณรู้จักผมด้วยเหรอ?”

หญิงสาวเบือนหน้าหนีจากสายตาคมเข้ม หัวใจดวงน้อยกระตุกวูบเมื่อตระหนักได้ว่าเผลอเอ่ยชื่อจริงของชายหนุ่มออกไป ทั้งๆ ที่เขายังไม่ได้แนะนำตัวเลยด้วยซ้ำ

“รู้จักผมได้ยังไงครับ”

“มีใครไม่รู้จักคุณบ้าง...” ตอบตะกุกตะกัก พยายามเรียกสติที่เตลิดเปิดเปิงของตัวเองให้กลับคืนมา ทว่ายากเย็นเหลือเกิน “คุณเป็นคนเก่ง คนดัง ใครๆ ก็ต้องรู้จักอยู่แล้ว”

“งั้นเหรอ...”

แพรวไพลินเม้มริมฝีปาก ยิ่งสบตาเขาก็เหมือนถูกมองออกอย่างทะลุปรุโปร่ง ก่อนที่มือหนาจะเลื่อนมาสอดประสานกับมือเธอแล้วบีบกระชับแนบแน่น

“สร้อยข้อมือนี่...”

“คะ?”

“สวยดีนะครับ”

ชายหนุ่มก้มลงพิจารณาเครื่องประดับที่อยู่บนข้อมือของคนตัวเล็ก ดวงตาคมปลาบเปล่งประกายยามมองจี้รูปดอกกุหลาบ ของสำคัญที่เธอหวงแหนและพกติดตัวอยู่เสมอจนเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายไปแล้ว

“คุณชื่ออะไรครับ”

“เราตกลงกันแล้วว่าจะไม่ถาม”

“ทีคุณยังรู้จักผมเลย”

“ก็คุณเป็นคนมีชื่อเสียง แต่ฉันไม่ใช่...”

“แค่ชื่อเล่นก็ได้ อย่างน้อยก็ขอให้ผมได้รู้ชื่อของคุณ”

หญิงสาวมองสายตาอ่อนหวานระคนเว้าวอนของอีกฝ่ายนิ่ง แม้สมองจะสั่งให้ปฏิเสธ แต่สุดท้ายกลับใจอ่อนยวบ

“แพรว...ฉันชื่อแพรวค่ะ”

ดลธีชะงักไปเล็กน้อยหลังได้ยินคำตอบ คนตรงหน้ามีใบหน้าคล้ายคลึงกับใครบางคนที่เคยโลดแล่นอยู่ในความทรงจำของเขา ไม่ใช่แค่หน้าตา แม้แต่น้ำเสียง บุคลิก ท่าทาง จนกระทั่งชื่อเล่นก็ยังเหมือนกับเธอไม่มีผิด

เด็กน้อยจอมดื้อด้านคนนั้น

ชายหนุ่มส่ายหัวไล่ความคิดฟุ้งซ่าน ยิ่งมีแอลกอฮอล์อยู่ในร่างกายด้วยแล้ว สมองของเขายิ่งทำงานได้ไม่เต็มที่ ดวงตาคมกล้าลดระดับลงมองริมฝีปากจิ้มลิ้มอีกครั้งราวกับเห็นขนมหวาน ทว่ายังไม่ทันที่จะก้มลงสูบวิญญาณเธออีกรอบ ก็ทิ้งตัวลงซุกใบหน้าเข้ากับซอกคอขาว ก่อนจะแน่นิ่งไปเสียอย่างนั้น

“คุณดล...คุณดลคะ”

แพรวไพลินสะกิดไหล่หนา พอได้ยินเสียงลมหายใจสม่ำเสมอของคนตัวโต ก็เข้าใจว่ายานอนหลับที่เธอแอบใส่ไปในแก้วไวน์ออกฤทธิ์แล้วจริงๆ ร่างบางผลักชายหนุ่มให้ล้มไปนอนข้างๆ ก่อนจะผุดลุกขึ้นยืนแล้วหยิบชุดชั้นในที่หล่นกระจัดกระจายตามพื้นขึ้นมาสวม

“ทำไมถึงได้เปลี่ยนไปขนาดนี้นะ” หญิงสาวพูดกับคนที่หลับตาพริ้มพลางคว้ากระเป๋าขึ้นมาสะพายบ่า ไม่เจอหน้ากันสิบกว่าปี นิสัยของดลธีเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ใครจะไปคิดว่าเด็กผู้ชายที่เคยมองเธอด้วยสายตาเย็นชาจะกลายมาเป็นคนร้อนแรงได้ขนาดนี้

เขาเหมือนเสือร้ายจอมกะล่อนไม่มีผิด!

                แพรวไพลินถอนหายใจพร้อมมองเจ้าของบ้านด้วยสายตาขุ่นเคือง ก่อนที่เธอจะหยิบผ้าห่มขึ้นมาคลุมร่างหนา แล้วภาวนากับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ว่า ขออย่าได้ต้องมาพบกับผู้ชายคนนี้อีกเลย!


 

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น