10
ล่วงเลยวันเกิดของเลศยามานับชั่วโมง แต่ของขวัญกล่องโตที่เขากับลลนาเตรียมเอาไว้เซอร์ไพรส์ยังนอนนิ่งอยู่ที่เบาะรถด้านหลัง วันนี้คัมภันต้องไปช่วยงานผ้าป่าที่วัดแต่เช้า ป้าสีที่คุ้นเคยกันจึงออกปากให้ยืมรถกระบะเอาไว้ใช้งาน พรุ่งนี้สายๆ ตั้งใจว่าจะเอาไปคืน แต่สถานการณ์ตอนนี้คัมภันยังตอบไม่ได้ว่า เขาจะได้กลับออกจากต้นรักรีสอร์ตเมื่อใด จากคำบอกเล่าของพัทนี บดินทร์ฉัตรเจ้าเล่ห์ใช้เลศยาเป็นตัวล่อให้ลลนาออกมาพบ และคัมภันเชื่อเหลือเกินว่า คนในอดีตของหล่อนยังคาดหวังให้ถ่านไฟเก่าลุกโชน
“เป็นยังไงบ้างนะคุณรัน”
เพราะความห่วงมันคับอก ผสมปนเปกับความหวงด้วยหรือไม่ คัมภันไม่แน่ใจ หลายชั่วโมงแล้วที่หัวใจยังร้อนรุ่ม สมองบ้าบอคิดไปต่างๆ นานา ล้วนเป็นความคิดที่บั่นทอนความรู้สึกของตัวเองโดยแท้ สองนาฬิกาคัมภันตัดสินใจไปนั่งรอลลนาที่ศาลาหน้าบ้านพักหลังนั้น กลิ่นหอมของดอกเล็บมือนางที่ปกคลุมบนหลังคาศาลาทรงแปดเหลี่ยมฟุ้งอบอวล แต่ไม่อาจช่วยบรรเทาอารมณ์ระอุของคัมภันได้ ตาคมยังจ้องประตูไม้ลายสลักสวยบานนั้น ราวส่งกระแสห่วงหาสะกดให้มันเปิด
ราวปาฏิหาริย์! มันเปิดออกจริง คัมภันสะดุ้งลุกขึ้นยืน หัวใจเขาเต้นแรงเมื่อผู้หญิงที่แสนห่วงค่อยๆ ก้าวเท้าออกมาจากบ้านพักอย่างระแวดระวัง
คัมภันวิ่งเร็วจากศาลาลงไปดักหน้าหล่อน ลลนาชะงักเท้ายืนนิ่ง สภาพของหล่อนกระชากใจเขาออกไปได้ทั้งยวง เขาเปล่งเสียงเรียกหล่อนอย่างลำบาก อยากทำให้มากกว่านั้น แต่มาดเข้มแข็งที่ลลนาสวมเอาไว้สะกดให้ทำได้แค่เพียงยืนมอง
“พาฉันไปจากที่นี่”
ลลนาก้มหลบสายตาคัมภันแล้วเดินนำเขากลับไปที่รถ น้ำตาคลอเต็มตา แต่ต้องฝืนเอาไว้ สะเทือนหัวใจยิ่งเมื่อต้องพบกับเขาในสภาพเช่นนี้ ชุดเดรสตัวสวยของหล่อนมีรอยฉีกและยับยู่ ผมเผ้าที่จัดลอนไว้ลงตัวกระเซิงเสียจนดูไม่ได้ บนใบหน้าเลอะคราบเครื่องสำอางอยู่บ้างเพราะน้ำเปล่าไม่อาจชะล้างได้หมด อีกทั้งรอยแดงเป็นจ้ำบนลำคอและเนินอกยังเด่นชัด ไม่ต้องบอกเขาคงคิดมากมายว่าในบ้านหลังนั้นเกิดเรื่องอัปยศใดขึ้นบ้าง กลิ่นแอลกอฮอล์ที่ยังจางอยู่ในลมหายใจดึงช่วงเวลาเลวร้ายกลับมาย่ำเหยียบให้ลลนายิ่งอ่อนแอ
รถวิ่งเร็ว แต่ใจของลลนาวิ่งไปไกลกว่านั้น หล่อนทอดสายตาเหนื่อยล้ามองตรงไปข้างหน้า ปะทะกับความมืดบนถนนสายเปลี่ยว แสงสว่างเดียวคือไฟหน้ารถที่สาดส่อง แต่ชีวิตของลลนาเวลานี้คล้ายหมดสิ้นแสงนำทางใด หล่อนไม่ควรก้าวเท้าเข้าบ้านหลังนั้น ไม่ควรเชื่อน้ำคำเจ้าเล่ห์ของบดินทร์ฉัตรตั้งแต่ต้น คำว่าสุภาพบุรุษเขาคงไม่รู้จัก ยิ่งนึกถึงแล้วลลนายิ่งรังเกียจเขาและขยะแขยงตัวเอง
หล่อนห่างเหินจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิดตั้งแต่มีเลศยา ไม่เปิดโอกาสให้ผู้ชายคนใดเข้ามา คล้ายปิดกั้นตัวและหัวใจ แต่ความต้องการทางกายของมนุษย์ช่างร้ายกาจนัก ป่านนี้ตัวกิเลสตัณหาคงหัวเราะเยาะเสียงดังลั่นให้ความพ่ายแพ้ที่หล่อนได้รับ ลลนาเงยหน้าหวังให้น้ำตาไหลกลับไปในที่ของมัน แต่สุดท้ายก็ทำไม่ได้ สายน้ำไม่มีวันไหลกลับ ฉันใดก็ฉันนั้น
ลลนาห่วงความปลอดภัยของลูกสาวจนลืมระวังภัยให้ตัวเอง มีอาหารมากมายบนโต๊ะที่บดินทร์ฉัตรคะยั้นคะยอให้หล่อนกิน รวมทั้งเหล้ารสชาติดีที่ลลนาเคยชื่นชอบ ผู้ชายเจ้าเล่ห์หว่านล้อมหล่อนด้วยคำพูดแสนดี เขาแสดงความเป็นมิตร เซ็นสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษรว่าจะไม่พรากเลศยาไปเพื่อความสบายใจของลลนา
บรรยากาศบนโต๊ะอาหารดำเนินไปอย่างราบรื่น อาหารอร่อย เพลงไพเราะ ร่างกายของหล่อนกับบดินทร์ฉัตรถูกกระตุ้นจากเครื่องดื่มที่เคยคุ้นลิ้น ปลุกตัวตนเร่าร้อนของลลนาซึ่งซ่อนเอาไว้ให้มีชีวิต บดินทร์ฉัตรมิได้ข่มเหง แต่เป็นเพราะหล่อนยินยอมเอง ร่างกายหล่อนโหยหา แพ้พ่ายลีลาสัมผัสคุ้นเคยที่ห่างหาย หล่อนหลงละเลิงกับจูบเร่าร้อนที่เขาปรนเปรออย่างชำนาญ และเมื่อครองสติให้รู้ได้ก่อนกายจะเผลอไผล...หล่อนก็ผลักบดินทร์ฉัตรแล้วถอยออกมาตั้งหลัก
‘อย่าเข้ามานะ!’
ลลนาห้ามบดินทร์ฉัตรไม่สำเร็จ อารมณ์ซ่านถูกปลุกให้เต้นเร่า เขาตรงเข้าประชิด กระชากแขนลากหล่อนกลับมาที่เตียง ยิ่งหล่อนดิ้น เขาก็ยิ่งรุนแรง
‘ถึงขั้นนี้แล้ว คิดว่าจะหยุดผมได้เหรอ’
ชุดราคาแพงนั้นบดินทร์ฉัตรไม่สนจะทะนุถนอม เขากระชากจนตัวเสื้อขาด ใช้ร่างกำยำที่ใหญ่กว่าทับลลนาเอาไว้บนเตียง มือหล่อนตบตี เล็บยาวข่วนแขนเขาจนเลือดซิบ แต่สุดท้ายเขาก็ตรึงข้อมือทั้งสองของหล่อนไว้ได้สำเร็จ
‘หึ! จะสะดีดสะดิ้งทำไม ร่างกายคุณมันบอกว่าต้องการผม’
‘ไม่! อย่าทำแบบนี้’
คือประโยคเดียวที่ได้หลุดออกจากกลีบปากสีสด ก่อนที่บดินทร์ฉัตรจะจูบหล่อนอย่างรุนแรง หัวใจหล่อนขัดขืน แต่ร่างกายกำลังจะเผลอไผล หล่อนไม่ควรไว้ใจเขา ไม่ควรยอมให้เหล้าเข้าปากได้ การต่อสู้ครั้งนี้มันท้าทาย หล่อนจะแพ้หรือชนะตัณหาของตัวเอง
บดินทร์ฉัตรกำลังเพลินกับเรือนร่างที่นอนนิ่งให้เขาเชยชม แต่กุหลาบงามมากมายด้วยหนามแหลมคมเช่นไร ลลนาก็เป็นเช่นนั้น จังหวะที่เขากำลังยุ่งกับการปลดเปลื้องเสื้อผ้าของหล่อนและตัวเอง นัยน์ตามุ่งมั่นของลลนาก็กวาดไปทั่วห้อง มองหาทางรอดเดียวที่คิดว่าพอจะมีให้เห็น
‘โอ๊ย!’ บดินทร์ฉัตรร้องลั่นเพราะลลนาฟาดศีรษะเขาด้วยโคมไฟที่คว้าได้จากหัวเตียง
หล่อนถีบร่างใหญ่จนหงายหลังแล้ววิ่งออกจากห้องอย่างทุลักทุเล แต่บดินทร์ฉัตรว่องไวตามมากอดเอวรั้งไว้ ลลนาเกือบจะเสียท่าล้มลงอีกรอบเพราะแรงที่โถมใส่ แต่ดีที่หล่อนยังหมุนตัวหนีมือกาวของเขาได้ทัน และเมื่อยืนได้มั่นคง หล่อนก็เตะกลางหว่างขาของบดินทร์ฉัตรเต็มแรง จนเขาทรุดนั่งทำหน้าเบ้ท่าทางโรยแรง
‘ไอ้ชั่ว!’
หล่อนด่าทอเมื่อเห็นว่าเป็นต่อ แล้วฟาดศีรษะเขาด้วยขวดเหล้าที่คว้าได้จากโต๊ะอาหาร เขาฟุบหน้าลงบนพื้น แน่นิ่งไป หล่อนจึงรีบจัดการตัวเองแล้วออกมาจากบ้านหลังนั้น แต่ความผิดพลาดที่เกิดขึ้นใช่ว่าลลนาจะยอมรับมันได้ง่ายๆ หล่อนจิกเล็บลงบนเนื้อแขนให้แรงเท่าแรง ไม่สาแก่ใจก็ตบหน้า ดึงผมให้ยิ่งยุ่งแล้วกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง
“คุณรัน!”
คัมภันตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น เขาจอดรถชิดริมทางพร้อมเปิดไฟฉุกเฉิน ก่อนจะคว้าสองแขนลลนารั้งเอาไว้แน่น
“อย่าทำแบบนี้ครับคุณรัน”
เสียงของคัมภันคงให้สติหล่อนได้บ้าง เพราะลลนาหยุดทำร้ายตัวเอง หล่อนมองหน้าเขาด้วยแววตาสับสน ก่อนน้ำตาจะพรั่งพรูพร้อมเสียงสะอื้นไห้ที่ทิ่มแทงหัวใจของคัมภันอย่างแสนสาหัส เขาปล่อยให้หัวใจสั่งการแทนสมอง กอดหล่อนเอาไว้แน่น ให้หล่อนได้ยึดบ่าแกร่งซับน้ำตา ให้เล็บคมได้จิกทำร้ายเนื้อกายของเขาแทน เขาทนเจ็บเพื่อลลนาได้ และถ้าความเสียใจสามารถถ่ายโอนกันได้ เขาก็ยินดีเจ็บไปพร้อมๆ กัน
“เขาทำร้ายคุณหรือครับ”
“ฉันทำร้ายตัวเอง ฉันเกลียดตัวเอง ฉันเกลียด!”
เสียงอู้อี้ดังชิดอกกับน้ำตาที่รินรดหัวใจ ย้ำชัดเจนว่าบดินทร์ฉัตรมิได้ข่มแหงรังแก ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด แต่ลลนาผิดหวังเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น คำถามมากมายของคัมภันจึงไม่อาจพ้นจากปาก เขากลืนความขมขื่น สั่งสมองให้ลืมแม้หัวใจยังเจ็บและจำอยู่ก็ตาม
“มันผ่านไปแล้วครับคุณรัน ลืมมันนะครับ”
บอกหล่อนก็คล้ายบอกตัวเอง คัมภันยังใช้ไออุ่นที่เต็มแน่นไปด้วยความห่วงใยเยียวยารักษากายใจบอบช้ำของผู้หญิงในอ้อมแขน ภายในห้องโดยสารคับแคบไปบ้าง แต่ไม่อาจขวางความรู้สึกของคัมภันได้ เขาลูบเรือนผมนุ่มอย่างเบามือ หล่อนกอดรัดเขาแน่นขึ้นแล้วสะอื้นจนตัวคลอน ระบายความเศร้าโศกให้ซึมลงในหัวใจเขาไปพร้อมกัน
ลลนาห้ามน้ำตาได้เพราะอ้อมกอดแสนอุ่นใจของคนข้างตัว หล่อนบอกให้คัมภันจอดรถที่ลานหินริมทะเล เพราะยังไม่พร้อมจะกลับไปที่รีสอร์ต กายใจบอบช้ำเพราะหล่อนทำตัวเอง อีกสามชั่วโมงจะเช้า ยังมีเวลาพักทบทวนเรื่องราวผิดพลาด ที่เชื่อเหลือเกินว่าจะเพิ่มความยุ่งยากแก่ชีวิตของหล่อนไม่จบสิ้น
“ลมทะเลค่อนข้างแรง สวมไว้นะครับ เดี๋ยวจะไม่สบาย”
คัมภันเอื้อเฟื้อเสื้อคลุมของเขาให้เพราะเสื้อคลุมของหล่อนทิ้งไว้ที่บ้านหลังนั้น เขานั่งลงข้างๆ เอียงหน้ามามองหล่อน รอยยิ้มอบอุ่นของคัมภันคล้ายยาวิเศษ เพราะลลนารู้สึกปลอดภัยและเข้มแข็งมากขึ้นเมื่อมีเขาอยู่ใกล้ๆ
“ขอบคุณนะคะ”
ลลนาสวมเสื้อเรียบร้อยแล้ว คัมภันยังช่วยดึงฮูดคลุมศีรษะขึ้นคลุมให้ นับตั้งแต่วันแรกที่รู้จักกัน เขาคอยช่วยเหลือ ดูแลหล่อนกับลูกได้เป็นอย่างดี ระยะเวลาแค่สองเดือนเศษคงเร็วไปที่จะไว้ใจใครสักคน แต่คัมภันคือข้อยกเว้น หล่อนจะไม่เสียใจที่เลือกไว้ใจผู้ชายคนนี้
“น้องไลท์รอแม่รันอยู่ เข้มแข็งนะครับคุณรัน ผมเชื่อว่าคุณรันผ่านมันไปได้”
“ฉันอยากเข้มแข็งให้มากกว่านี้ แต่วันนี้ฉันแพ้แล้วจริงๆ”
“ใครบ้างไม่เคยแพ้ ผมเองก็ไม่ต่างจากคุณ ออกจะแย่กว่าด้วยซ้ำ เพราะผมไม่ทันได้ลงแข่งเลย”
คัมภันแย่กว่าเพราะต้องเสียลูกไป เขาต้องทนอยู่กับความคิดถึงที่ไม่อาจไขว่คว้าเอามาได้ เพราะสิทธิ์แค่ได้เห็นหน้าลูกเขายังไม่มี
ลลนาทอดสายตาไปยังทะเลสีดำ แสงจันทร์กระจ่างบนพื้นน้ำ กระทบระลอกคลื่นพลิ้วไหว ท่ามกลางสายลมเย็นยังมีเสียงเพลงไพเราะ มิใช่จากเครื่องเล่นชนิดใด แต่มันคือเสียงละมุนของคัมภัน ความหมายของเพลงนั้นเข้ากับบรรยากาศและความรู้สึกของหล่อนตอนนี้เหลือเกิน มือใหญ่ของเขาที่จับมือหล่อนไว้ ราวบอกให้รู้ว่าค่ำคืนเหน็บหนาวและทะเลสีดำแห่งนี้จะมีมือของเขาให้หล่อนกุมไว้แล้วผ่านพ้นมันไปด้วยกัน อีกไม่นานก็เช้า แต่คัมภันไม่มีวันทอดทิ้งหล่อนไว้ตามลำพัง
“กลับไปเซอร์ไพรส์วันเกิดให้น้องไลท์ด้วยกันนะครับ”
“แย่จังค่ะ ฉันทำให้ลูกผิดหวัง วันเกิดของแกแท้ๆ”
“ถ้าน้องไลท์ได้แกะของขวัญ ผมเชื่อว่าแกจะรู้สึกดีขึ้น”
“ฉันก็หวังแบบนั้นค่ะ”
ลลนาถอนหายใจ วันเกิดของลูกรักต้องพังเพราะผู้ชายเจ้าเล่ห์ วางแผนเอาไว้ดิบดีว่าปาร์ตีวันเกิดจะมีกิจกรรมใดบ้าง ป่านนี้เลศยาจะเป็นอย่างไร ผิดหวัง เสียใจ นอนร้องไห้หมดน้ำตาไปเท่าไรแล้ว เค้กลายการ์ตูนที่ร้องขอคงยังไม่ได้ใช้ เพราะหล่อนเชื่อว่าลูกน้อยจะเฝ้ารอให้แม่รันกลับไปร่วมอวยพร
“ถ้าเขายังตามระราน คุณรันจะทำยังไงต่อไปครับ”
คำถามของคัมภันคือสิ่งที่หล่อนคิดอยู่ตลอดเวลา ชัดเจนแล้วว่าสิ่งที่บดินทร์ฉัตรคาดหวังคือแก้แค้น ทำให้หล่อนเจ็บช้ำ เขาไม่ได้รักลูกนัก เพราะถ้าเขารักคงไม่ใช้เลศยาเป็นเครื่องมือชำระแค้นเช่นนี้
“ตอนนี้ยังคิดอะไรไม่ออกเลยค่ะ อยากจะพาลูกไปที่ไหนก็ได้ ที่เขาจะตามหาเราไม่พบ”
“ต้องหนีต่อไปเรื่อยๆ หรือครับ”
ลลนาตอบไม่ได้ หล่อนไม่อยากหนีไปไหน เพราะถ้าต้องจากที่นี่ไปเลศยาคงถามถึงยายพัด ลุงนนท์ และลุงภัน แล้วหัวใจหล่อนจะทนไม่คิดถึงคัมภันได้จริงๆ หรือ
“ถามใจฉัน ก็ไม่อยากหนีไปที่ไหนอีกแล้วค่ะ”
“ผมก็ไม่อยากให้คุณไป”
ลลนาสบตาลึกซึ้งของคัมภัน แอบหวังว่าเขาจะซ่อนสิ่งใดเอาไว้บ้าง ไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเองว่าเขามีใจ คัมภันดีเกินกว่าหล่อนจะกล้าคิดต่อ ขอแค่มีเขาอยู่ใกล้ๆ ในวันที่ล้าแรงและไม่มีใครเท่านั้นก็เพียงพอ
“กลับกันเถอะค่ะ”
“เดี๋ยวครับ”
มือของคัมภันยังไม่ยอมปล่อย เขารั้งเอาไว้ก่อนที่ลลนาจะลุกขึ้น หญิงสาวหันกลับมาเลิกคิ้วถาม ก่อนจะมองตามปลายนิ้วที่ชี้ไปด้านหน้า ณ ขอบฟ้า พระอาทิตย์กำลังโผล่ขึ้นจากน้ำ แสงสีส้มประกายทองทาทับรัตติกาล เป็นภาพที่สวยงามจับตาและสะกดให้ลลนานั่งนิ่งอยู่อย่างนั้น คัมภันจับมือหล่อนไว้จนเช้า และก่อนที่เขาจะปล่อยมัน ก็ไม่วายเติมเต็มความอบอุ่นลงสู่หัวใจ
“มือผมยังว่างสำหรับคุณรันเสมอ”
ลลนายิ้มรับไมตรีที่เขาหยิบยื่นให้ ส่งความรู้สึกจากหัวใจผ่านแววตา ถ้าคัมภันรับรู้ได้ ก็แอบหวังว่ามือนั้นจะว่างสำหรับหล่อนตลอดไป
เมฆก้อนโตตั้งเค้าอยู่ที่บ้านสีขาวรีสอร์ตแอนด์สปา ลลนายังไม่กลับ สร้างความหงุดหงิดใจให้แก่บดินทร์ฉัตรไม่น้อย เขาผุดลุกผุดนั่ง มิได้แยแสเมื่อพนักงานวางกาแฟลงเสิร์ฟให้ พัทนีเบื่อจะสนทนากับผู้ชายเอาแต่ใจ แม้เขาจะขอโทษที่โป้ปดมดเท็จก็ไม่อาจเรียกศรัทธาที่สูญไปจนสิ้น เวลานี้พัทนีมองว่าบดินทร์ฉัตรกลับกลอก เจ้าคิดเจ้าแค้น และไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษเลย
“คุณฉัตรกลับไปก่อนเถอะ เดี๋ยวถ้ารันกลับมา ฉันจะให้โทร. หาคุณเอง แล้วก็นัดมาไกล่เกลี่ยเรื่องที่คาราคาซังให้มันจบๆ กันไปซะ”
“ไม่ครับ ผมจะรออยู่ที่นี่ อยากรู้ว่ามันจะเป็นอย่างที่ผมคิดรึเปล่า”
สิ่งที่บดินทร์ฉัตรคิดไว้ไม่ใช่เรื่องดีแน่ เพราะทันทีที่ลลนากับคัมภันปรากฏตัว เขาก็พุ่งพรวดเข้าใส่พร้อมทั้งกระชากแขนลลนาแล้วพ่นวาจาผรุสวาท
“อยู่กับผมทั้งคืนยังไม่พออีกเหรอ ถึงต้องไปต่อกับมันอีก”
ลลนาตบหน้าบดินทร์ฉัตร หยุดปากที่เอ่ยวาจาหยาบคายลงได้สนิท แรงมือของหล่อนคงเต็มที่เพราะเสียงกระทบเนื้อแก้มดังฟังชัด สภาพของบดินทร์ฉัตรเช้านี้ไม่ดีนัก เสื้อผ้ายับยู่ กลิ่นเหล้ายังคลุ้ง ศีรษะกับหางคิ้วมีบาดแผลที่ผ้าก๊อซปิดทับไว้ พัทนียังคิดตลกว่าเขาไปฟัดกับหมาที่ไหนมา หรือเป็นไปได้ว่าจะฟัดกับคัมภัน
“หุบปากแล้วกลับไปซะ แล้วอย่ามาเหยียบที่นี่อีก”
คำไสส่งของลลนากระตุ้นอารมณ์เดือดดาล บดินทร์ฉัตรขบกรามแน่น จ้องตอบตาแข็งกร้าวคู่นั้นแล้วกระชากแขน ลากหล่อนให้เดินไปกับเขา คัมภันฮึดฮัดไม่พอใจ แต่พัทนีรั้งเอาไว้ก่อนที่เขาจะได้เข้าไปขัดขวาง บดินทร์ฉัตรกำลังเข้าใจผิด และเรื่องราวจะยิ่งบานปลายถ้าคัมภันทะเล่อทะล่าเข้าไปอีกคน
“คุณรันจะเป็นอันตรายนะครับ” น้ำเสียงฉุนจัดบอกให้รู้ว่าเขาพร้อมเหยียบบดินทร์ฉัตรให้จมลงแทบเท้า
“ฉันเชื่อว่ารันจัดการได้”
“แต่ผมเป็นห่วงคุณรัน”
คัมภันไม่สนคำใคร เขาปลดมือพัทนีออกจากแขนแล้ววิ่งตามไปช่วยลลนา พายุลูกโตเกินกว่ากำลังของสาวใหญ่จะห้ามได้ พัทนีต้องปล่อยให้แรงรักแรงแค้นของบดินทร์ฉัตรดำเนินไป น้ำกำลังเชี่ยว เข็นเรือเข้าไปขวางเมื่อไร ย่อมมีอันต้องพินาศไปเท่านั้น
“ปล่อยคุณรันเดี๋ยวนี้!”
“มาแส่อะไรด้วย! เรื่องของผัวเมีย คนนอกอย่างแกไม่เกี่ยว”
บดินทร์ฉัตรตวาดใส่เมื่อคัมภันเข้ามาขวางและชิงตัวลลนาไปได้ รสหมัดหนักหนก่อนยังจำขึ้นใจ คนตัวเล็กกว่าไม่อยากเสี่ยงเจ็บตัว แต่ปากที่กว้างมันเก่งจนรูดซิปได้ไม่สนิท
“เราไม่ได้เป็นอะไรกัน! อย่ามาพูดอะไรพล่อยๆ”
ลลนาเถียงกลับทันควัน ใจสั่นเมื่อเขารื้อฟื้นเรื่องที่หล่อนไม่อยากได้ยิน ถ้าหล่อนขาดสติอีกนิดจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
“ถ้าไม่ให้เรียกว่าเมีย งั้นเรียกอะไร คู่นอนเหรอ”
ปากพาซวยโดยแท้ บดินทร์ฉัตรหนีไม่พ้นหมัดหนักของคัมภันที่ซัดเปรี้ยงใส่ข้างแก้มจนเซลงไปกองกับพื้น ไม่ทันได้ยกมือขึ้นป้องหน้าก็ถูกต่อยซ้ำอีกสองสามครั้ง กว่าจะตั้งหลักแล้วสวนคืนให้คัมภันเจ็บตัวได้บ้างก็บอบช้ำไปพอควร
ลลนาตั้งใจจะเข้าไปห้ามทัพ แต่กลับถูกบดินทร์ฉัตรผลักอย่างแรงจนเสียหลักล้ม เจ็บจากแรงกระแทกนั้นไม่เท่าไร แต่น้ำตาไหลเพราะคำดูแคลนของบดินทร์ฉัตรเมื่อครู่ ค่ำคืนเกือบอัปยศย้อนมาตอกย้ำถึงความผิดพลาด และเสียงสะอื้นของลลนาก็ราวระฆังยุติทัพ แยกสองหนุ่มให้หยุดหมัดของตัวเองลงได้
“คุณรัน!”
คัมภันใจหาย รีบพยุงให้ลลนาลุกขึ้นยืน จึงได้รู้ว่าข้อเท้าหล่อนพลิกจากแรงผลักของบดินทร์ฉัตรเมื่อครู่ เขาประคองหล่อนไว้และหันไปต่อว่าผู้ชายอีกคน
“คุณมันไม่ใช่ลูกผู้ชาย กลับไปซะ ผมจะไม่ยอมให้คุณรันถูกรังแกอีก”
พัทนีที่วิ่งตามเสียงโหวกเหวกมาถึงกับหน้าเสีย เมื่อข้างต้นไม้ไม่ไกลจากจุดเกิดเหตุนักมีเด็กหญิงเลศยาที่กำลังสะอื้นไห้ ผู้ใหญ่วิวาทกันด้วยอารมณ์รุนแรงท่ามกลางสายตาของเด็กสี่ขวบ นี่ไม่ใช่สิ่งที่ควรกระทำ หากมีสักคนเฉลียวใจหันไปมองสักนิดคงไม่เผลอทำร้ายจิตใจของเลศยาเช่นนี้
“ยายไลท์”
น้ำเสียงตกใจของพัทนีกระชากลลนาให้หันไปมอง หล่อนรีบผละจากคัมภัน ลืมไปสิ้นแล้วว่าข้อเท้ายังเจ็บอยู่ ลูกสาวร้องไห้จ้า อ้าแขนให้แม่รันนั่งลงสวมกอดแน่น หล่อนกดศีรษะลูกน้อยซบลงแนบอก รับฟังเสียงสะอื้นนั่นด้วยใจทรมาน ลลนาหวงแหนจิตใจอันบริสุทธิ์ของลูกรักเหนือสิ่งใด พยายามปกป้องเลศยาให้ไกลจากเรื่องวุ่นวายของผู้ใหญ่ แต่สุดท้ายก็พลาด หัวใจลูกสาวถูกทำร้ายจากการกระทำของพ่อแม่ เรื่องในอดีตไม่ควรต้องยืดเยื้อมาจนบัดนี้เลย
“ฝากยายไลท์ด้วยนะคะ ฉันมีเรื่องต้องเคลียร์กับเขา”
ลลนาไหว้วานให้คัมภันดูแลเลศยาต่อจากหล่อน และขอให้พัทนีช่วยเป็นคนกลางไกล่เกลี่ยกับบดินทร์ฉัตร ใจหล่อนเจ็บเกินจะอยู่กับเขาตามลำพัง ทุกสัมผัสบนเรือนร่างเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้มันยังทิ่มแทงให้ละอายแก่ใจ
คัมภันอุ้มเลศยาออกมาไกลจากเรื่องวุ่นวาย ใต้ต้นไม้ใหญ่ เขานั่งลงบนชิงช้า ให้เลศยานั่งบนตัก หนูน้อยยังสะอื้นเกาะเอวเขาแน่น ซ้ำยังตั้งคำถามมากมายที่คัมภันต้องค่อยๆ อธิบาย เลศยาไม่เข้าใจว่าทำไมเขากับบดินทร์ฉัตรต้องทะเลาะกัน และที่อธิบายยากกว่านั้นคือ...คุณพ่อทำร้ายแม่รันทำไม
“แม่รันร้องไห้ เพราะน้องไลท์ไปกับคุณพ่อเหรอคะ”
“ไม่เกี่ยวกับหนูหรอกค่ะ”
“ลุงภันคะ คุณพ่อเป็นคนไม่ดีเหรอคะ”
คัมภันเช็ดน้ำตาออกจากแก้มนุ่ม สมองคิดหนักว่าควรอธิบายปัญหาของผู้ใหญ่ให้เด็กสี่ขวบเข้าใจได้อย่างไร บดินทร์ฉัตรอาจเป็นสามีที่แย่ แต่ในความเป็นพ่อคงมีดีอยู่ไม่น้อย
“ทำไมน้องไลท์คิดแบบนั้นคะ”
“ป้าพัดบอกว่าแม่รันไปกับคุณพ่อ แต่ชุดแม่รันขาด คุณพ่อทำร้ายแม่รันเหรอคะ”
คัมภันพูดไม่ออก เลศยาเป็นเด็กช่างสังเกต เสื้อคลุมที่เขาสละให้ลลนาสวมไว้พอช่วยปิดบังสภาพแย่ๆ นั้นได้บ้าง แต่คงไม่มิดชิดนัก
“ถ้าน้องไลท์รักตุ๊กตาตัวหนึ่งมากๆ น้องไลท์จะยอมให้ใครแย่งไปไหมคะ”
“ไม่ค่ะ”
“แม่รันรักน้องไลท์มาก ถึงไม่ยอมให้ใครมาแย่งไป และเพื่อรักษาน้องไลท์เอาไว้ แม่รันยอมเจ็บตัวค่ะ”
“คุณพ่อจะแย่งน้องไลท์เหรอคะ”
เลศยาเบะปากทำเหมือนจะร้องไห้ เขาจึงรั้งศีรษะทุยให้พิงแนบอก ไกวชิงช้าเบาๆ กล่อมใจดวงน้อยที่ถูกทำร้าย
“ถ้าเป็นแบบนั้น น้องไลท์อยากไปอยู่กับคุณพ่อไหม”
เลศยาส่ายหัวแล้วโอบแขนป้อมรอบตัวเขา ก่อนเอ่ยประโยคสั้นๆ ที่คนฟังต้องยิ้มตาม
“น้องไลท์จะอยู่กับแม่รันค่ะ”
“ถ้าไม่มีคุณพ่อ น้องไลท์ไม่เสียใจเหรอคะ”
“น้องไลท์มีลุงภันไงคะ”
ตาใสที่มองเขาช่างไร้เดียงสานัก คัมภันอดไม่ได้จึงกอดตอบร่างน้อยและหอมแก้มนุ่ม ก่อนหน้านี้ใจเคยทรมานเพราะคิดถึงลูกสาวที่ไม่มีโอกาสได้เลี้ยงดู แต่นับจากวันที่ได้พบลลนากับลูก ความน่ารักสดใสของเด็กหญิงเลศยาก็ช่วยเยียวยารักษาความคิดถึงนั้น หัวใจหงอยเหงาของเขาได้รับการเติมเต็ม เขารักเลศยา และความรู้สึกนั้นยังเผื่อแผ่ไปถึงแม่รันอีกคน
บดินทร์ฉัตรกลับไปแล้ว แต่ลลนายังไม่ได้ข้อสรุปที่พอใจเพราะเขาเล่นแง่ไม่ยอมตกลงโดยง่าย เขาไม่รับปากว่าจะเลิกยุ่งเกี่ยวกับลูกที่เขามีสิทธิ์ รวมถึงตัวลลนาเช่นกัน คุณแม่เลี้ยงเดี่ยวต้องกุมขมับเมื่อคนในอดีตต้องการสานต่อความสัมพันธ์ ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้เลย
“รันไม่น่าพาลูกกลับมาเลย”
ลลนาน้ำตาตกใน มันเจ็บจนร้องไม่ออก ความปรารถนาเดียวในชีวิตคือได้อยู่กับครอบครัวอย่างปกติสุข ความรู้สึกหล่อน บดินทร์ฉัตรคือคนนอกครอบครัวมาโดยตลอด ถ้าทำได้หล่อนอยากกีดกันไม่ให้เขาพบหน้าลูก แต่เมื่อทำไม่ได้ เพียงข้อเดียวที่อยากขอก็คือ อย่าพรากเลศยาไปจากหล่อนเลย
ในฐานะแม่ย่อมทำทุกทางเพื่อปกป้องลูกน้อย แม้การถือกำเนิดเลศยาคือความผิดพลาดใหญ่หลวงในชีวิต แต่เป็นความผิดพลาดที่แสนสวยงาม หล่อนจะไม่ยอมให้ลูกรักอยู่ใต้วังวนความเกลียดชังของบดินทร์ฉัตรเป็นอันขาด
“เขากำลังบังคับให้รันทำในสิ่งที่ไม่อยากทำ” ลลนาเงยหน้าขึ้นสบตากับผู้เป็นป้า “รันคงต้องไปจากที่นี่จริงๆ แล้วละค่ะ”
“อย่าให้ถึงขนาดนั้นเลยนะ ป้าไม่อยากให้รันต้องหนีไปไหนอีกแล้ว ป้าขอโทษที่ดูแลยายไลท์ไม่ดี ต่อไปป้าจะระวังไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก”
“ไม่ใช่ความผิดของป้าหรอกค่ะ เขาเจ้าเล่ห์เกินไป รันเองก็มีส่วนผิดด้วยเหมือนกัน”
“นั่นสิ ไม่คิดว่าเขาจะเจ้าเล่ห์ได้ขนาดนี้ เขารักตัวเองมากเกินไป”
รัชชานนท์ที่นั่งเงียบอยู่นานได้โอกาสออกความคิดเห็นบ้าง ไม่คิดว่าบดินทร์ฉัตรจะกล้าโป้ปดพัทนี ก่อนหน้านี้พอเข้าใจได้ว่าต้องการทวงสิทธิ์เพราะรักลูก แต่มันกลับไม่เป็นอย่างที่เคยคิด
“อยู่ที่นี่ละลูก เพิ่มความระวังกันอีกหน่อย รันเองก็ต้องมีสติให้มาก อย่าให้เรื่องที่มันเคยเกิดได้เกิดขึ้นซ้ำอีก ส่วนป้ากับนนท์และทุกคนที่นี่จะคอยเป็นหูเป็นตาให้อีกแรง”
ประโยคของพัทนีแฝงความหมายที่สอนหลานสาวได้อย่างแนบเนียน ลลนารับคำ จำให้ขึ้นใจว่าหล่อนจะไม่ยอมให้เรื่องเหลวไหลเพราะกิเลสตัณหาได้เกิดขึ้นซ้ำสอง หล่อนมีบทเรียนจากการขาดสติมามากพอแล้ว อย่าต้องให้มากกว่านี้อีกเลย
“รันขอตัวไปหาลูกก่อนนะคะ”
“ไปจัดการตัวเองให้เรียบร้อยก่อนดีกว่า ยายไลท์อยู่กับพ่อภันไม่ใช่เหรอ ไม่มีอะไรน่าห่วงหรอก”
“นั่นสิรัน อาบน้ำอาบท่าเรียบร้อยแล้ว ลงมาช่วยกันจัดงานวันเกิดให้น้องไลท์นะ เค้กยังอยู่ในตู้เย็นอยู่เลย”
ลลนาเห็นดีกับข้อเสนอของรัชชานนท์ วันเกิดของเลศยาต้องล่มเพราะเรื่องเหลวไหล วันนี้คงยังไม่สายถ้าหล่อนจะเรียกขวัญลูกสาวด้วยงานฉลองวันเกิดและของขวัญที่ตั้งใจเอาไว้เซอร์ไพรส์
“ปูนึ่งยังอยู่ในตู้เย็นตั้งแยะ เดี๋ยวเอาออกมาอุ่นซะอีกรอบก็คงได้ ส่วนน้ำหวานกับขนมเดี๋ยวป้าจะให้เด็กๆ ไปซื้อเพิ่ม รันล่ะ อยากได้อะไรอีกไหม”
“ข้าวผัดกุนเชียงฝีมือป้าค่ะ ตั้งแต่เช้ามานี้ยังไม่ได้กินอะไรเลย”
พัทนีมองสภาพอิดโรยของหลานแล้วน้ำตาคลอ ความรัก ความอบอุ่น และอ้อมกอดของป้า เชื่อว่าลลนายังต้องการ สองป้าหลานกอดกันแน่น เติมแรงใจให้กันและกัน เชื่อว่าพายุร้ายกำลังจะพัดผ่านไป และท้องฟ้าจะกลับมางดงามสดใสได้ดังเดิม
ความคิดเห็น |
---|